ทิศทางทอง--ตอน thaigold2

[mrballz 0]

ชอบกราฟแบบใหม่ครับ ดูง่ายๆ ข้อมูลชัดเจนดีครับ

ส่วนตัวอ่านภาษาจีนไม่ออก แต่โหลดมาลอง ว่าจะให้คนข้างๆอ่านให้ครับ

ขอบคุณมากครับ

[ทองใหม่ 7,435]

[mai555 0]

!thk !thk !thk

[ทองใหม่ 7,435]

[kathy 14]

มาขอบคุณ อ.ทองใหม่ ก่อนเริ่มงานค่ะ

[Eakamin 3]

ขอบคุณครับ อ.ทองใหม่ตอนนี้ตามอาจารย์ตลอดครับ

[ทองใหม่ 7,435]

กราฟวิเคราะห์ ทอง4ชม.

ก่อนเปิดสถานะควรดูแนวโน้มว่าขึ้นหรือลง หากแนวโน้มขึ้นเปิดสถานะL หากราคาขึ้นถึงH3 หากต้านอยู่ ให้ปิดสถานะL เปลี่ยนเปิดสถานะS แต่หากราคาทะลุด่าน

H3แตก ให้ถือLต่อ ถ้าราคาถึงH4ให้ทยอยออกหรือปิดL แต่ถ้าชอบเสี่ยงก็ให้ถือต่อ โดยมีเป้าหมายที่H5

หากเปิดSไว้ก่อน ราคาไปที่L3 หากรับไว้อยู่ ให้ปิดSแล้วเปิดL หากL3แตกให้ถือSต่อ ราคาถึงL4ให้ทยอยปิดS แต่ถ้าชอบเสี่ยงให้ถือSต่อ โดยมีเป้าหมายที่L5

[ทองใหม่ 7,435]

[ทองใหม่ 7,435]

[ทองใหม่ 7,435]

[LittleBua 11]

Morning ka...

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆนะคะ..

!thk !thk !thk

[ทองใหม่ 7,435]

กราฟวิเคราะห์ SET50 H1

ก่อนเปิดสถานะควรดูแนวโน้มว่าขึ้นหรือลง หากแนวโน้มขึ้นเปิดสถานะL หากราคาขึ้นถึงH3 หากต้านอยู่ ให้ปิดสถานะL เปลี่ยนเปิดสถานะS แต่หากราคาทะลุด่าน

H3แตก ให้ถือLต่อ ถ้าราคาถึงH4ให้ทยอยออกหรือปิดL แต่ถ้าชอบเสี่ยงก็ให้ถือต่อ โดยมีเป้าหมายที่H5

หากเปิดSไว้ก่อน ราคาไปที่L3 หากรับไว้อยู่ ให้ปิดSแล้วเปิดL หากL3แตกให้ถือSต่อ ราคาถึงL4ให้ทยอยปิดS แต่ถ้าชอบเสี่ยงให้ถือSต่อ โดยมีเป้าหมายที่L5

[ทองใหม่ 7,435]

กรอบการเคลื่อนไหวของเซ็ท50วันนี้

[ทองใหม่ 7,435]

ราคาน้ำมันดิบร่วง ปัญหาหนี้ยุโรปหนุนเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า

 

Posted on Wednesday, November 10, 2010

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์ก ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปรับลดลง 0.34 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ปิดที่ 86.72 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

 

ปัจจัยลบที่มีผลต่อราคาน้ำมัน

 

- ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นที่ 1 ดอลลาร์สหรัฐต่อยูโร จากความวิตกกังวลต่อปัญหาหนี้สาธารณะของประเทศไอซ์แลนด์และโปรตุเกส ส่งผลให้นักลงทุนเทขายเงินสกุลยูโร และกลับเข้าซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐ

 

- ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลดลงต่อเนื่องโดยลดลงถึง 60 จุด หลังจากทำสถิติสูงสุดในรอบ 2 ปี เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนขายทำกำไรอย่างหนักในช่วงก่อนปิดตลาด

 

ปัจจัยบวกที่มีผลต่อราคาน้ำมัน

 

+ สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) ปรับการคาดการณ์ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันในปี 2554 เพิ่มขึ้น 33,000 บาร์เรลต่อวัน อยู่ที่ 87.77 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น1.44 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากปี 2553 เนื่องจากการฟื้นตัวของเศษฐกิจโลกสนับสนุนให้ความต้องการใช้น้ำมันยังคงสูงขึ้นต่อเนื่อง

 

+ สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ประมาณการว่าในปี 2558 และ ปี2578 ราคาน้ำมันสูงถึง 100 และ 200 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลตามลำดับ เนื่องจากการขยายตัวของจีนและประเทศกำลังพัฒนาอื่น ทั้งนี้ปริมาณการผลิตน้ำมันจะสูงสุดในปี 2578 อย่างไรก็ตาม IEA ได้ลดการประมาณความต้องการใช้น้ำมันโลกในปี 2578 ลง 6 ล้านบาร์เรลต่อวัน เหลือ 99 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในปี 2578

 

+ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังปิดตลาด จากการที่สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานของสหรัฐฯ (API) ประกาศตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ สิ้นสุด ณ วันที่ 5 พ.ย. ดังนี้

 

ปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง ลดลง 7.4 ล้านบาร์เรล

ปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลัง ลดลง 3.4 ล้านบาร์เรล

ปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลัง ลดลง 4.0 ล้านบาร์เรล

 

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ตลาดลอนดอน ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปรับลดลง 0.13 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล มาปิดที่ 88.33 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

 

ราคาน้ำมันดิบดูไบ ตลาดสิงคโปร์ ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 0.16 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 85.26 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

 

ราคาน้ำมันเบนซินสำเร็จรูป ตลาดสิงคโปร์ ปรับลดลง 0.55 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ปิดที่ 94.25 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากถูกกดดันจากตลาดน้ำมันเบนซินในภูมิภาคตะวันตกและตลาดแนฟทาที่ปรับลดลงมาก

 

ราคาน้ำมันดีเซลสำเร็จรูป ตลาดสิงคโปร์ ปรับเพิ่มขึ้น 0.71 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ปิดที่ 98.16 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากมีแรงซื้อจากผู้ค้าน้ำมันรวมทั้งปัญหาภาวะขาดแคลนน้ำมันดีเซลในจีน ส่งผลให้จีนซึ่งปกติเป็นผู้ส่งออกน้ำมันดีเซลต้องหันมานำเข้าน้ำมันดีเซลในเดือนนี้

 

- สนับสนุนข้อมูลโดยบมจ. ไทยออยล์ -

[ทองใหม่ 7,435]

วิตกปัญหาเศรษฐกิจ ฉุดดาวโจนส์ปิดลบ

 

Posted on Wednesday, November 10, 2010

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซาเนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายหลังจากดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากข่าวธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง (QE2) ด้วยการซื้อพันธบัตรในวงเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ภาวะการซื้อขายในสัปดาห์นี้ถูกปกคลุมด้วยข้อสงสัยที่ว่า มาตรการ QE2 แข็งแกร่งมากพอที่จะเยียวยาวิกฤตเศรษฐกิจของสหรัฐฯได้หรือไม่ โดยมาตรการดังกล่าวถูกกระหน่ำด้วยกระแสการวิพาษ์วิจารณ์จากทั่วโลกว่าอาจทำให้เกิดสงครามค่าเงิน และทำให้เกิดการเทขายสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอย่างหนักในตลาดปริวรรตเงินตราต่างประเทศ

 

การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อคืนนี้นับเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เกิดความกังวลว่าจะทำให้ผลกำไรในตลาดต่างประเทศของสหรัฐฯหดตัวลงด้วย นอกจากนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐยังส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงน้ำมันดิบ ปรับตัวลดลง และฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลง

 

หุ้นเชฟรอน คอร์ป ปิดร่วง 1.46% ขณะที่หุ้นแอทลาส เอนเนอร์ปิดทะยานขึ้น 33.98% หลังจากมีรายงานว่า เชฟรอนเตรียมทุ่มเงินสด 3.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อซื้อกิจการแอทลาส เอนเนอร์จี ซึ่งเป็นผู้ผลิตก๊าซรายใหญ่

 

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งประจำเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 1.5% แตะระดับ 4.17 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.7% โดยปัจจัยที่ทำให้สต็อกสินค้าภาคค้าส่งปรับตัวขึ้นเกินคาดมาจากการเพิ่มขึ้นของสต็อกสินค้าประเภทยานยนต์ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องจักร และอุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้าน

 

ตัวเลขสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการคำนวณผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) และตัวเลขดังกล่าวมีอิทธิพลต่อการประเมินวงจรทางธุรกิจและการขยายตัวของเศรษฐกิจ

 

หุ้นกลุ่มพลังงานใน S&P 500 เมื่อคืนที่ผ่านมา บวกขึ้นได้ 0.4% เรียกว่าดีที่สุดในบรรดา 10 กลุ่มอุตสาหกรรม ขณะที่หุ้นกลุ่มการเงินร่วงลง 1% และเป็นตัวกดดันดัชนีรวมมากที่สุด โดยหุ้นแบงก์ชั้นนำทั้ง Wells Fargo และ Citigroup ปรับตัวลงอย่างน้อย 1.9%

 

- Dow Jones ปิดที่ 11,346.75 จุด (-0.53%)

- S&P 500 ปิดที่ 1,213.40 จุด (-0.81%)

- Nasdaq ปิดที่ 2,562.98 จุด (-0.66%)