ทิศทางทอง--ตอน thaigold2

[ทองใหม่ 7,435]

กราฟตาแป๊ะน้ำมันรายวัน

กราฟตาแป๊ะซ้ายบน ตัวหนังสือสีเขียว 卖 ---ขาย ตัวหนังสือสีแดง买----ซื้อ เส้นหักมุม(เส้นเส้นคู่เล็กบางสีขาง+เหลืองอ่อน)ขึ้น—ลง ตามมุมที่หัก(ให้ผลระยะกลางยาว)

ขวาบน เส้นสีแดง---เสนอซื้อมากกว่าเสนอขาย เส้นสีเขียว---เสนอขายมากกว่าเสนอซื้อ ส่วนช่วงกลางที่มีแท่งสีแดงกับเขียวนั้น แท่งแดง---แรงซื้อขึ้น แท่งเขียว---แรงขายลง

ขวาช่องสอง แท่งเหลืองคู่เส้นแดง---ขาขึ้น แท่งฟ้าคู่เส้นเขียว---ขาลง โดยปกติ ช่องนี้จะเปลี่ยนแนวโน้มช้ากว่าเพื่อน หากเปลี่ยนแนวโน้มเมื่อไหร่ เขาให้ขายออกหรือซื้อเข้าได้ทันที่ ยกเว้นมีปัจจัยพื้นฐานแรงๆแทรกเข้ามา จึงจะทำให้แนวโน้มกลับเปลี่ยนได้โดยกะทันหัน

ซ้ายช่องสอง หน้าเหลืองแป๊ะยิ้ม---ขาขึ้น หน้าแดงแป๊ะร้องไห้---ขาลง แท่งสีเขียว---เพดาน แท่งสีแดง---พื้นดินโดยปกติ ช่องนี้จะส่งสัญญาณว่า กำลังจะเปลี่ยนแนวทางแล้วนะ แต่ยังไม่เต็มร้อย อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยกะทันหันก็ได้ ต้องดูซ้ายบนและขวาช่อง๒ประกอบด้วย จึงจะให้ความมั่นใจได้

[ทองใหม่ 7,435]

กราฟตาแป๊ะทองคำรายวัน

กราฟตาแป๊ะซ้ายบน ตัวหนังสือสีเขียว 卖 ---ขาย ตัวหนังสือสีแดง买----ซื้อ เส้นหักมุม(เส้นเส้นคู่เล็กบางสีขาง+เหลืองอ่อน)ขึ้น—ลง ตามมุมที่หัก(ให้ผลระยะกลางยาว)

ขวาบน เส้นสีแดง---เสนอซื้อมากกว่าเสนอขาย เส้นสีเขียว---เสนอขายมากกว่าเสนอซื้อ ส่วนช่วงกลางที่มีแท่งสีแดงกับเขียวนั้น แท่งแดง---แรงซื้อขึ้น แท่งเขียว---แรงขายลง

ขวาช่องสอง แท่งเหลืองคู่เส้นแดง---ขาขึ้น แท่งฟ้าคู่เส้นเขียว---ขาลง โดยปกติ ช่องนี้จะเปลี่ยนแนวโน้มช้ากว่าเพื่อน หากเปลี่ยนแนวโน้มเมื่อไหร่ เขาให้ขายออกหรือซื้อเข้าได้ทันที่ ยกเว้นมีปัจจัยพื้นฐานแรงๆแทรกเข้ามา จึงจะทำให้แนวโน้มกลับเปลี่ยนได้โดยกะทันหัน

ซ้ายช่องสอง หน้าเหลืองแป๊ะยิ้ม---ขาขึ้น หน้าแดงแป๊ะร้องไห้---ขาลง แท่งสีเขียว---เพดาน แท่งสีแดง---พื้นดินโดยปกติ ช่องนี้จะส่งสัญญาณว่า กำลังจะเปลี่ยนแนวทางแล้วนะ แต่ยังไม่เต็มร้อย อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยกะทันหันก็ได้ ต้องดูซ้ายบนและขวาช่อง๒ประกอบด้วย จึงจะให้ความมั่นใจได้

[ทองใหม่ 7,435]

หยิบเงินหยิบทอง : บล.กิมเอ็ง

วันอังคารที่ 27 กรกฏาคม 2010 เวลา 10:09 น. บริษัทหลักทรัพย์กิมเอ็ง จำกัด ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ

User Rating: / 0

แย่ดีที่สุด

หยิบเงินหยิบทอง : บล.กิมเอ็ง

 

กลยุทธ์วันนี้ Big Cap

ประเด็นสำคัญวันนี้ SET INDEX เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาไต่ระดับขึ้นปิด 840.24 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่น ด้วยมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจไทยหลังธปท.ปรับเป้าปี 2553 ขึ้นเป็น 6.5-7.5% ทำให้เม็ดเงินทุนต่างชาติเข้ามาสะสมตลาดหุ้นไทยอย่างโดดเด่น พร้อมกับซื้อสุทธิ 3 พร้อมกันเช่นกัน

 

ทิศทาง SET INDEX วันนี้คาดว่าจะขยับขึ้นสู่บริเวณ 845 +/- จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่น แม้ว่าผลการทดสอบ Stress Test ของ 91 ธนาคารในยุโรปจะมีเพียง 7 ธนาคารที่ไม่ผ่าน และเพิ่มทุนเพียง 3.5 พันล้านยูโร ซึ่งน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แต่หากพิจารณาไปในรายละเอียดของสมมติฐานจะพบว่าไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้มากนัก โดยเฉพาะเงื่อนไขของการให้พันธบัตรรัฐบาลบางประเทศสมาชิกในยุโรปผิดนัดชำระหนี้ แต่โอกาสของการผิดนัดชำระหนี้ที่ต่ำกว่าที่ตลาดประเมิน และเป็นเฉพาะพันธบัตรที่ลงทุนระยะสั้นเท่านั้น ทำให้ขาดความน่าเชื่อถือ

 

 

อย่างไรก็ตาม SET INDEX จะยังขยับขึ้นไปได้ต่อ ด้วยมุมมองเชิงบวกต่อ 2Q53 และแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วง 2H53 ที่เป็นบวกมากยิ่งขึ้น ย่อมส่งผลให้เงินทุนต่างชาติจะยังคงทยอยสะสมหุ้นหลักของ SET INDEX โดยเฉพาะหุ้นใน SET50 Index ที่ Underperform ค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา

 

 

 

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: KimEng เสนอให้ “ถือพอร์ตการลงทุนส่วนที่เหลือ” และ “ทยอยสะสม” ADVANC / PTTEP

การลงทุนทางเลือก: แนะนำให้นักลงทุน “ทยอยเปิดสถานะ Long ใน S50U10 บริเวณ 560-565 จุด” และถือสถานะข้ามวัน Stop Loss: S50U10 < 555 จุด ปิด Long และ เปิด Short

Portfolio Hold : CPF/ TASCO / MCOT/ BBL/ KTB/ TISCO/ PTT/PTTEP/ TPC/ MINT/ THAI/ AOT/ MK/ KCE/ MAJOR/ DTAC

Accumulative Buy: ADVANC / PTTEP

Technical View แนวรับ 830, 820-822 จุด และ 805-810 จุด ส่วนแนวต้าน 840-850 จุด และ 855-888 จุด

 

 

 

-Strategy Today

 

บรรยากาศการลงทุนในเอเชียเป็นบวก หลัง DJIA – NYMEX คืนวันพฤหัสบดีปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่น บวกกับธปท.ปรับเป้าหมายเศรษฐกิจในปีนี้ขึ้นเป็น 6.5-7.5% บวก 2Q53 จะขยายตัวไม่ต่ำกว่า 7% กลายเป็นจุดที่เรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศไม่น้อย แม้ว่าจะเป็นการลงทุนวันสุดท้ายของสัปดาห์ และเป็นวันหยุดยาวก็ตาม SET INDEX ปิดที่ 840.24 จุด เพิ่มขึ้น 7.23 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 38,824 ล้านบาท

 

 

 

กลุ่มที่สร้างผลตอบแทนดีที่สุดวานนี้ได้แก่ กลุ่ม IMM +2.53%, กลุ่ม Packaging +2.49% และกลุ่มปิโตรเคมี +2.33% ขณะที่หุ้นกลุ่มหลักอย่างกลุ่มธนาคาร +1.44% และกลุ่มพลังงาน +1.04%

ภาพของ SET INDEX วันนี้เชื่อว่าจะทำระดับปิดสูงสุดในรอบปีใหม่ต่อเนื่อง สู่บริเวณ 845 +/- ด้วยบรรยากาศการลงทุนที่เป็นบวกจากปลายสัปดาห์ก่อน สรุปได้ดังต่อไปนี้

 

 

 

1.ผลการทดสอบ Stress Test 91 ธนาคารดีกว่าคาด แต่ตลาดตอบรับ Neutral: แม้ว่าจะมีเพียง 7 ธนาคารเท่านั้นที่ไม่ผ่านการทดสอบ Stress Test แต่ตลาดหุ้น – ค่าเงินยูโร – น้ำมันดิบล่วงหน้า กลับตอบรับเป็นกลางต่อผลดังกล่าว แต่ก็ไม่สร้างแรงกดดันในเชิงลบเช่นกัน เพราะประเด็นอยู่ที่สมมติฐานของการทดสอบนั้นดูจะอ่อนแอมากกว่ากรณีของสหรัฐฯ ในปี 2552 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมมติฐาน การกำหนดให้พันธบัตรรัฐบาลของประเทศสมาชิกในยุโรปบางแห่งต้องผิดนัดชำระหนี้ โอกาสของการผิดนัดชำระหนี้ต่ำกว่าที่ตลาดประเมินไว้มาก เช่นกรีซ นั้นกำหนดไว้เพียง 23% ขณะที่ตลาดประเมินไว้ราว 50% เป็นต้น และให้ประเมินเฉพาะพันธบัตรที่ลงทุนเพื่อ “trading” หรือเป็นการลงทุนระยะสั้นเท่านั้น พันธบัตรที่ลงทุนระยะยาวหรือถือจนหมดอายุจะไม่นำมาพิจารณา ซึ่งทำให้ผลของการทดสอบไม่เข้มข้นมากนัก

 

 

2.มุมมองต่อเศรษฐกิจไทยเป็นบวกมากขึ้น หลังธปท.ปรับตัวเลขเศรษฐกิจปีนี้ขึ้น: เป็น 6.5-7.5% สัปดาห์ก่อน พร้อมกับ GDP ใน 2Q53 จะขยายตัวเกิน 7% yoy มากกว่าที่ตลาดคาด อีกทั้งผลการดำเนินงานกลุ่มธนาคารใน 2Q53 ออกมาดีกว่าคาดไว้มาก ย่อมน่าจะเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติกลับมาให้ความสนใจต่อตลาดหุ้นไทยมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากการซื้อสุทธิในตลาดหุ้น และ Long สุทธิในตลาด Futures อย่างหนาแน่นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

 

 

3.และคาดว่าแรงเก็งกำไรในหุ้นขนาดใหญ่ และกลุ่มไม่ใช่ธนาคารจะมีมากขึ้น: หลังจากกลุ่มธนาคารพาณิชย์ประกาศงบ 2Q53 เสร็จสิ้นไปแล้วในสัปดาห์ก่อน หุ้นกลุ่มไม่ใช่ธนาคารจะเริ่มทยอยประกาศเช่นกัน บวกกับเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าตลาดหุ้นไทย เชื่อว่าหุ้นที่ไม่ใช่ธนาคาร แต่เป็นหุ้นขนาดใหญ่ และคาดว่าจะมีผลการดำเนินงานที่ดีกว่าคาด รวมถึงมีแนวโน้ม 2H53 ที่เติบโต qoq ต่อเนื่อง ย่อมเป็นเป้าหมายของการเก็งกำไรมากยิ่งขึ้น

 

 

4.ขณะที่หุ้นขนาดกลางและเล็กจะเริ่มลดความร้อยแรงลง: กว่า 1 เดือนที่ผ่านมา เม็ดเงินทุนต่างชาติไม่เข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยอย่างจริงจัง เป็นเพียงการลงทุนช่วงสั้นๆ เท่านั้น เพราะไม่เชื่อมั่นต่อการเมืองและเศรษฐกิจไทย ทำให้หุ้นขนาดกลางและเล็กกลายเป็นเป้าหมายของการลงทุนอย่างหนาแน่น แต่เมื่อปัจจัยเสี่ยงที่นักลงทุนต่างชาติให้น้ำหนัก คลี่คลายไปในทางบวก ย่อมทำให้เม็ดเงินทุนต่างชาติกลับเข้าตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง แม้ว่าจะเป็นระดับ 840 จุดก็ตาม นั้นย่อมหมายความว่าหุ้นขนาดใหญ่จะกลับมาขยับโดดเด่น แต่หุ้นขนาดกลางและเล็กจะเริ่มลดบทบาทลงเช่นกัน

 

 

5.จับตา SET50 Index Futures เพราะยัง Discount อยู่มาก: หากพิจารณา S50U10 เทียบกับ SET50 Index ณ วันศุกร์ที่ผ่านมา Discount มากถึง 8.46 จุด เมื่อเม็ดเงินทุนต่างชาติไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทย อาจพบว่า S50U10 จะปรับตัวได้ในอัตราที่โดดเด่นมากกว่า SET50 Index หรือ TDEX ได้เช่นกัน แต่ในภาพรวม เป็นการส่งสัญญาณบวกต่อตลาดหุ้นไทย

ด้วยภาพที่เป็นบวกต่อ SET INDEX ต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา KimEng เสนอให้นักลงทุน “ถือพอร์ตการลงทุนส่วนที่เหลือ” และเริ่ม “เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ที่คาดว่าผลการดำเนินงาน 2Q53 จะขยายตัวดีกว่าที่ตลาดคาด”

 

 

 

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำให้นักลงทุน “ซื้อสะสม” หุ้นต่อไปนี้

1.ADVANC: ราคาปิด 91.25 บาท เทียบกับราคาเหมาะสม 99.00 บาท

a.KELIVE ประเมินกำไรปกติใน 2Q53 ไว้ที่ 4.92 พันล้านบาท เติบโต 18% yoy แต่ลดลง 9% qoq เนื่องจากผลของฤดูกาล อย่างไรก็ตาม หาก ADVANC รายงานงบออกมาดีกว่าคาด เชื่อว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันราคาตลาดได้เช่นกัน

b.คาดกำไรปกติทั้งปี 2553 เติบโต 13% เป็น 1.94 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 6.55 บาท/หุ้น ด้วยภาพเศรษฐกิจที่เติบโต รวมถึงการขยายตัวของบริการเสริม แม้ว่าจะมีการตัดจำหน่ายความนิยมของ DPC แต่ยังเชื่อว่าจะเห็นการเติบโตของกำไรปกติในปีนี้เช่นกัน

c.หากประเมินถึงประเด็นบวกต่อกลุ่มผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ คงหนีไม่พ้นการแปรสัญญาสัมปทานเป็นใบอนุญาต 2G และการเปิดประมูลใบอนุญาต 3G ซึ่ง ADVANC ย่อมได้ประโยชน์จากประเด็นดังกล่าวด้วยเช่นกัน แม้ว่าจะไม่โดดเด่นเท่ากับ DTAC – TRUE แต่หากประเมินจากความเสี่ยงของความไม่แน่นอน เชื่อว่า ADVANC จะมี Downside Risk ที่จำกัดมากที่สุดใน 3 บริษัท

d.หลังปิดงบ 2Q53 คาดว่า ADVANC จะประกาศจ่ายเงินปันผล 3.00 บาท

 

 

 

2.PTTEP: ราคาปิด 142.00 บาท เทียบกับราคาเหมาะสม 195 บาท

a.ราคาหุ้น ณ ปัจจุบันได้สะท้อนถึงปัจจัยเสี่ยงต่อกรณีมอนทาราไปค่อนข้างมากแล้ว แม้ว่าจะเป็นปัจจัยที่ต้องกดดันราคาหุ้นอยู่อีกระยะหนึ่ง จนกว่ารัฐบาลออสเตรเลียจะประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดคือการยึดใบอนุญาตคงเกิดขึ้นได้ยากมากเช่นกัน

b.KELIVE ประเมินกำไรใน 2Q53 ไว้ที่ 8,792 ล้านบาท เติบโต 35% yoy แต่ลดลง 16% qoq จากกำไรอัตราแลกเปลี่ยนคาดว่าจะเหลือเพียง 71 ล้านบาท จาก 941 ล้านบาทใน 1Q53 บวกกับการกลับมาจ่ายภาษีในระดับปกติที่ 44% จาก 1Q53 ที่จ่ายเพียง 38% เท่านั้น ขณะที่ปริมาณการจำหน่ายปิโตรเลียมคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 12% yoy และ 1% qoq เป็น 261,135 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ซึ่งราคาหุ้นน่าจะสะท้อนถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานใน 2Q53 จะออกมาหดตัวลงแล้วเช่นกัน แต่หากผลการดำเนินงานออกมาดีกว่าคาด ย่อมกลายเป็นจุดที่ผลักดันราคาตลาดได้เช่นกัน

c.KimEng ประเมินทิศทางราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า NYMEX จะอยู่เป็นทิศทางขาขึ้นสู่บริเวณ US$80 ในช่วงสั้นนี้ ด้วยมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจที่ขยายตัวต่อเนื่อง และความกังวลต่อกรณีระบบการเงินในยุโรปผ่อนคลายลง ซึ่งน่าจะเอื้อต่อราคาหุ้น PTTEP ไม่มากก็น้อย

 

 

 

What will DJIA move tonight? คืนนี้มีปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐฯ

1.ดัชนี S&P/CaseShiller Home Price เดือนพ.ค.: ตลาดคาดว่า +3.73% mom จากเดือนก่อนหน้า +3.81% mom

2.ดัชนีภาคการผลิต Richmond Fed เดือนก.ค.: เดือนก่อนหน้าอยู่ที่ 23 จุด

3.ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือนก.ค.: ตลาดคาดไว้ 52 จุด จากเดือนก่อนหน้า 52.9 จุด

[patcharin 51]

ขอบคุณค่ะจารย์ !01 !01 !01 รอดูที่1175ค่ะ

[ทองใหม่ 7,435]

สรุปภาวะ Gold Futures By GT Wealth Management 27 ก.ค. 53 (ภาคเช้า)

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- อังคารที่ 27 กรกฎาคม 2553 11:54:17 น.

กรุงเทพฯ--27 ก.ค.--จีที เวลธ์แมเนจเมนท์

ราคาทองคำในตลาดโลกอ่อนตัวลงแต่ยังทรงตัวเหนือ 1,180 ดอลล่าร์ต่อออนซ์ การประกาศผลการทำ Stress test ในช่วงวันศุกร์ส่งผลต่อความเชื่อมั่นที่ปรับสูงขึ้น สะท้อนผ่านตลาดการลงทุนโดยการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงปรับเพิ่มขึ้น ส่วนค่าเงินยูโรเองก็ปรับตัวแข็งค่าเทียบดอลล่าร์เช่นกัน ขณะที่กองทุน SPDR ยังคงมีการปล่อยทองคำออกต่อเนื่อง แสดงถึงความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยที่ลดลง ส่วนค่าเงินบาทเช้าวันนี้แข็งค่าเล็กน้อยมาอยู่ใกล้ระดับ 32.20 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ โกลด์ฟิวเจอร์สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนสิงหาคม (GFQ10) ราคาปรับตัวลดลงจากเมื่อวันศุกร์ (23 ก.ค. 53) 160 บาท เปิดที่ระดับราคา 18,280 บาท ราคาทองคำที่ประกาศโดยสมาคมค้าทองคำวันนี้ ราคาเสนอซื้อ 18,050 บาท ราคาเสนอขาย 18,150 บาท

 

ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุนบริษัทจีที เวลธ์แมเนจเมนท์ จำกัดกล่าวว่า ราคาทองคำในช่วงสั้นอาจจะเคลื่อนไหวไม่มากนัก หลังจากตลาดตอบรับเชิงบวกต่อผลการทำ Stress test ส่งให้เงินลงทุนไหลกลับเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงและความต้องการช่องทางการลงทุนที่ปลอดภัยลดลง แต่อย่างไรก็ดีตลาดยังคงกังวลต่อภาพรวมการลงทุนในอนาคต เพราะแม้การทำการทดสอบภาคการเงินครั้งนี้จะออกมาน่าพอใจแต่ยังคงมีคำถามว่ารูปแบบการทดสอบนั้นหย่อนไปหรือไม่ และผลที่ออกมาสะท้อนความเป็นจริงที่เกิดขึ้นมากน้อยแค่ไหน ซึ่งความไม่แน่นอนจะถูกแสดงออกมาต่อจากนี้ โดยอาจจะดูที่ระดับการปล่อยเงินกู้ระหว่างธนาคารกันเองว่าตัวสถาบันการเงินเองเชื่อมั่นในผลการทำ Stress test ครั้งนี้หรือไม่

[Ton_AsTon 1]

โอยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

 

จ้อมูลตึมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม

 

ขอบคุนค้าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ

[banggrow 10]

!01 !01 !01

[ทองใหม่ 7,435]

คัมภีร์ไร้เทียมทาน ที่ไม่เคยบอกใครมาก่อน ไม่ห่วงไม่รักไม่บอกนะเนี่ย ฮาฮา แหย่เล่นจ้า

 

แนวหนุนต้านระยะกลางยาว จุดยุทธศาสตร์ที่สำมะคัน

 

ต้าน๓1225.00-----------จุดสูงของวันที่23 มิย. หากถึงและมีแรงต้าน ผู้ซื้อขึ้นจะเทขาย

ต้าน๒1218.00-----------จุดสูงของวันที่14 กค.. หากแตก ซื้อขึ้น หากไม่แตก ซื้อลง

ต้าน๑1204.40-----------จุดสูงของวันที่23 กค. หากถึงและมีแรงต้าน ผู้ซื้อขึ้นจะเทขาย หากแตก ให้ซื้อขึ้น

 

วันที่ 27 กค. 2010

 

หนุน๑1175.25--------จุดต่ำของวันที่20 กค. หากถึงและมีแรงต้าน ให้ซื้อขึ้น หากด่านแตกทะลวงลง ให้ซื้อลง

หนุน๒1166.00---------จุดต่ำของวันที่21 พค. หากถึงและมีแรงต้าน ให้ซื้อขึ้น หากด่านแตกทะลวงลง ให้ซื้อลง

หนุน๓1156.04---------จุดต่ำของวันที่5 พค. หากถึงและมีแรงต้าน ผู้ซื้อลงเทขายและเปลี่ยนเป็นซื้อขึ้น

 

เวลาอ่านแล้วต้องรู้จักคิดด้วยนะครับ เช่น"หากถึงและมีแรงต้าน ผู้ซื้อขึ้นจะเทขาย" ต้องรู้จักคิดกลับ---"หากถึงและมีแรงส่งขึ้นต่อ ผู้ซื้อขึ้นก็ถือต่อ ผู้ซื้อลงให้ตัดเนื้อขายออกเสีย " อะไรทำนองนี้เป็นต้นนะครับ

วิธีดูทิศทางทอง เอาแนวดูวิธีทองรายวันมาลงโดยไม่ได้แก้ เวลาดูให้ทำความเข่าใจเองนะครับ

วิธีดูทิศทางทอง ต้าน๓----หนุน๓เป็นทิศทางทองที่จะเคลื่อนไหวในช่วงนี้ หากพุ่งทะลุต้าน๓หรือดิ่งทะลวงหนุน๓ แสดงถึงวันนั้นทองเคลื่อนไหวแรงเกินปกติ เส้นแดนเป็นเส้นที่จะแบ่งแยกทิศทางของทองที่จะขึ้นหรือลง หากทองเคลื่อนไหวอยู่ในทิศทางใดมากและนาน นั่นหมายถึงโอกาสเป็นไปได้มากที่ทองจะเคลื่อนไปในทิศทางนั้นๆ ในช่วงเวลานั้น (ยังต้องแบ่งออกในช่วงเวลาตลาดเอเซีย ยุโรป เมกาด้วย) ต้าน๑และหนุน๑หากถูกทดสอบแบบมีผล(ขึ้นลงมากกว่า๑ครั้ง)แล้วยืนอยู่ได้ นั่นคือทิศทางทองที่จะเดินต่อไปในช่วงเวลานั้น หากการวิเคราะเกิดขัดแย้งกันเมื่อไหร่ ให้หยุดมองดูอย่างเดียว ไม่ควรซื้อ-ขายในช่วงเวลานั้น แนวทางนี้เหมาะกับการเล่นสั้นมาก (เล่นแบบออนไลน์ในอนาคต) มีความแม่นยำถึง80%ครับ อีกอย่างข่าวปัจจัยพื้นฐานอาจเปลี่ยนทิศทางทองได้กะทันหันนะครับ

ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์กับการลงทุนแบบถัวเฉลี่ย ถัาติดดอยเมื่อทองต่ำลงมา หากยังมีเงินเหลืออยู่ ควรซื้อเพิ่ม เพิ่มที่ละนิด ต่ำอีกซื้ออีก เพื่อดึงต้นทุนที่สูงให้ต่ำลงมา ใครที่ยังไม่มีทองในมือควรทยอยซื้อเข้าอย่ามากนัก หากทองลงอีก เราก็ซื้ออีก ดีกว่าเวลาทองขึ้นเราไปไล่ซื้อในราคาที่สูง จดจำเป็นคติเตือนใจว่า เรามิอาจซื้อได้ในราคาที่ต่ำสุด และขายได้ในราคาที่สูงสุด ไม่มีการลงทุนใดที่ไม่เสี่ยง การบริหารพอร์ตให้ได้จังหวะ จะลดความเสี่ยงลงได้ครับ

กราฟสำคัญ ปัจจัยพื้นฐานก็สำคัญ จิตวิทยาการโน้มเอียงของคนก็สำคัญ สิ่งเหล่านี้หากเป็นไปในแนวเดียวกัน ก็จะมุ่งไปทางนั้น หากแย้งกันก็ต้องดูฝ่ายไหนเหนือกว่า.....ด้วยเหตุนี้ไม่มีนักวิเคราะห์คนใดที่จะทำนายได้แม่นยำตลอดกาลได้ครับ

[tanawatbkk 60]

ขอบคุณอ.ทองใหม่ครับ :lol:

[emy 10]

สุดยอด จิง จิง เลยกับข้อมูลของ อ.ทองใหม่ จุใจและเต็มสมองเลย ถูกใจจิง จิง ขอบคุณอีกครั้งกร๊าบบบบบบบบบ

[peammy 2]

ขอบคุณค่ะ อาจารย์

[anjukosang 4]

ใช่ครับ ซื้อตามขั้นบันไดลง เวลาขายก็แบ่งขายตามขั้นบันไดขึ้น แบบนี้ปลอดภัยไร้กังวลดีครับ !01 !01 !01

 

ขอบคุณอ.ทองใหม่มากคะ

[ทองใหม่ 7,435]

สรุปภาวะ Gold Futures By GT Wealth Management 27 ก.ค. 53 (ภาคบ่าย)

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- อังคารที่ 27 กรกฎาคม 2553 17:05:47 น.

กรุงเทพฯ--27 ก.ค.--GT Wealth Management

ราคาทองคำในตลาดโลกวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ หลังจากปรับตัวลดลงในช่วงปลายสัปดาห์ต่อเนื่องช่วงวันจันทร์หลังการประกาศผลการทำ Stress test ที่ออกมาน่าพอใจ โดยมีธนาคารเพียง 7 จาก 91 แห่งที่ไม่ผ่านการทำการทดสอบครั้งนี้ ซึ่งช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กลับมาสู่ตลาดการลงทุน ทำให้นักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงส่งให้ราคาทองคำลงพักฐานอีกครั้ง โดยลงมาเคลื่อนไหวใกล้ระดับ 1,180 ดอลล่าร์ต่อออนซ์ ส่วนค่าเงินบาทวันนี้แข็งค่าอีกเล็กน้อยเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 32.20 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ ราคาทองคำในประเทศราคาเสนอซื้อ 18,050 บาท ราคาเสนอขาย 18,150 บาท ส่วนโกลด์ฟิวเจอร์วันนี้สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนสิงหาคม (GFQ10) ปิดที่ระดับ 18,250 ปริมาณการซื้อขาย 1,768 สัญญา สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนตุลาคม(GFV10) ปิดที่ระดับ 18,360 บาท ปริมาณการซื้อขาย 1,211 สัญญา สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนธันวาคม (GFZ10) ปิดที่ระดับ 18,460 บาท ปริมาณการซื้อขาย 175 สัญญา ปริมาณการซื้อขายรวมทั้งตลาด 3,154 สัญญา

 

ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุนบริษัทจีที เวลธ์แมเนจเมนท์ จำกัดกล่าวว่า ราคาทองคำในช่วงสั้นอาจจะเคลื่อนไหวไม่มากนัก หลังจากตลาดตอบรับเชิงบวกต่อผลการทำ Stress test ส่งให้เงินลงทุนไหลกลับเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงและความต้องการช่องทางการลงทุนที่ปลอดภัยลดลง แต่อย่างไรก็ดีตลาดยังคงกังวลต่อภาพรวมการลงทุนในอนาคต เพราะแม้การทำการทดสอบภาคการเงินครั้งนี้จะออกมาน่าพอใจแต่ยังคงมีคำถามว่ารูปแบบการทดสอบนั้นหย่อนไปหรือไม่ และผลที่ออกมาสะท้อนความเป็นจริงที่เกิดขึ้นมากน้อยแค่ไหน ซึ่งความไม่แน่นอนจะถูกแสดงออกมาต่อจากนี้ โดยอาจจะดูที่ระดับการปล่อยเงินกู้ระหว่างธนาคารกันเองว่าตัวสถาบันการเงินเองเชื่อมั่นในผลการทำ Stress test ครั้งนี้หรือไม่

[ทองใหม่ 7,435]

ค่าบาทเย็นนี้ปิดที่ 32.19-32.21 บ./ดอลล์

Tuesday, 27 July 2010 17:20

นักค้าเงินจาก ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด มหาชน (BAY) กล่าวว่า ค่าเงินบาทเย็นนี้ปิดตลาดที่ระดับ 32.19-32.21บาทต่อดอลลาร์ โดยระหว่างวันค่าเงินบาทแข็งค่าสุดที่ระดับ 32.19 บาทต่อดอลลาร์ และอ่อนค่าสุดที่ระดับ 32.22 บาทต่อดอลลาร์ โดยแนวโน้มการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในวันพรุ่งนี้จะยังคงแข็งค่าต่อเนื่อง ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทไว้ที่ระดับ 32.12-32.25 บาทต่อดอลลาร์

[emy 10]

ขอบคุณ คุณทองใหม่ สำหรับข่าวสารช่วงเย็น ขอบคุณมากๆเลยกร๊าบบบบบบ