ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

+1

ขอบคุณมากๆเลยค่ะ คุณทองใหม่ :D

post-237-063819600 1282731582.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สนง.สถิติแห่งชาติเตรียมสำรวจสำมะโนประชากรทั่วประเทศ1-30 ก.ย.นี้

วันพุธที่ 25 สิงหาคม 2010 เวลา 17:19 น. กอง บก.ออนไลน์ ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ

 

 

นางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ หรือ สสช. เปิดเผยความคืบหน้าของการเตรียมการจัดทำสำมะโนประชากรและเคหะ พ.ศ. 2553 ว่า ขณะนี้ สสช.มีความพร้อม 100 % แล้วในทุกด้าน สำหรับการลงพื้นที่สำรวจสำมะโนประชากรใน 20 ล้านหลังคาเรือนทั่วประเทศระหว่างวันที่ 1-30 กันยายนนี้ ทั้งการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การทำสำมะโนประชากรให้ประชาชนได้รับทราบ การเตรียมเจ้าหน้าที่เพื่อลงพื้นที่ทำการสำรวจทั่วประเทศกว่า 72,000 คน และการเตรียมเอกสารแบบสอบถามข้อมูลสำมะโนประชากรทั้งแบบภาษาไทย ภาษาอังกฤษและภาษาอื่นๆไว้รองรับชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย

 

 

การสำรวจสำมะโนประชากรและเคหะในครั้งนี้ ทางสำนักงานสถิติฯ จะส่งเจ้าหน้าที่ในชื่อ "คุณมาดี" สวมเสื้อแจ็คเก็จและหมวกสีชมพู กว่า 72,000 คนลงพื้นที่ทั่วประเทศเพื่อเข้าสอบถามข้อมูลจากประชาชนในทุกครัวเรือน แต่หากไม่สะดวกจะให้ข้อมูลกับคุณมาดีก็สามารถให้ข้อมูลประชากรและเคหะมาทางช่องทางอื่นๆได้ อาทิ ทางอินเทอร์เน็ตที่ www.nso.go.th ทางโทรศัพท์ที่หมายเลข 1111 กด 6 หรือทางแบบสอบถามส่งกลับทางไปรษณีย์ และคำถามที่คุณมาดีจะสอบก็จะเป็นคำถามทั่วไปด้านสังคมความเป็นอยู่โดยไม่มีคำถามเรื่องส่วนตัวมาเกี่ยวข้อง เช่น จำนวนสมาชิกในครัวเรือน การประกอบอาชีพ โดยใช้เวลาเพียง 10 นาทีต่อหนึ่งครัวเรือน และข้อมูลที่ได้จากการสำรวจครั้งนี้จะเป็นความลับจะนำไปประเมินเพื่อพัฒนาชุมชนและประเทศเท่านั้น พร้อมขอความร่วมมือจากประชาชนให้ข้อมูลที่เป็นจริงกับเจ้าหน้าที่

 

 

ทั้งนี้ โครงการจัดทำสำมะโนประชากรและการเคหะ พ.ศ.2553 นับเป็นครั้งที่ 11 และเป็นวาระครบรอบ 100 ปี ของการจัดทำสำมะโนประชากรของประเทศไทย ซึ่งจะลงสำรวจระหว่างวันที่ 1-30 กันยายน พ.ศ. 2553

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่ง และโกลด์ฟิวเจอร์ส วันที่ 25 สิงหาคม 2553

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- พุธที่ 25 สิงหาคม 2553 16:26:50 น.

กรุงเทพฯ--25 ส.ค.--PRdd

สภาวะตลาดวันที่ 25 สิงหาคม 2553 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบ ที่ระดับ $1,228.65 — $1,233.30 ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFQ10 อยู่ที่ 18,480 บาท โดยเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 150 บาทจากวันก่อนหน้า ที่ 18,330 บาทออกมา คือ ออกมา คือ

 

แนวโน้มวันที่ 26 สิงหาคม 2553

ข้อมูลเศรษฐกิจในปัจจุบันได้ส่งสัญญาณถึงปัญหาการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องโดยล่าสุดสหรัฐเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ค.ได้ปรับตัวลดลงมากสุดในรอบ 15 ปี โดยลดลงถึง 27.2% มาอยู่ที่ระดับ 3.83 ล้านยูนิตต่อปี ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ค.2548 จากก่อนหน้านี้ที่คาดว่าจะลดลงเพียง 12% เท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นอีกปัจจัยเศรษฐกิจหนึ่งที่ตอกย้ำถึงความอ่อนแอของเศรษฐกิจสหรัฐทำให้ปัจจุบันเริ่มมีประเด็นความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่จะเกิดสภาวะถดถอยซ้ำซ้อน(double dip recession) ขึ้นกับเศรษฐกิจสหรัฐอันจะส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกมากขึ้น และแน่นอนว่ายิ่งนักลงทุนมีความกังวลมากขึ้นเท่าใดความต้องการสินทรัพย์ลงทุนเพื่อรักษาความมั่งคั่งในยามที่ต้องเผชิญกับวิกฤตกาณ์ก็จะมีมากขึ้นเท่านั้น โดยคำคืนนี้แนะนำให้นักลงทุนจับตา จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐซึ่งก่อนหน้านี้จำนวนผู้ข้อรับสวัสดิการการว่างงานได้ปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 500,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน หากตัวเลขดังกล่าวออกมาในเชิงลบก็จะผลักดันให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นได้ $1,217 $1,211 แนวต้าน $1,236 $1,243

 

แนวโน้มระยะสั้น (ระดับวัน) ราคาทองคำสามารถดีดตัวได้อย่างแข็งแกร่งทำให้มุมมองระยะสั้นกลับมาดูดีอีกครั้งโดยคาดว่าราคาทองคำจะดีดตัวทดสอบแนวต้าน $1,236 และ $1,243 ในระยะเวลาอันใกล้นี้ สำหรับแนวรับแรกอยู่ที่ $1,227 และแนวรับสำคัญยังคงอยู่ที่ $1,217

 

แนวโน้มระยะกลาง (ระดับสัปดาห์): คาดว่ากรอบการดีดตัวหลังจากนี้จะมีอย่างจำกัดมากขึ้นโดยให้แนวต้านสำคัญของการดีดตัวอยู่บริเวณ $ 1,236 หรือ $1,243 ดังนั้นนักลงทุนระยะกลางควรวางแผนทำกำไรตั้งแต่ตอนนี้

 

แนวโน้มระยะยาว (ระดับเดือน): ในระยะยาวยังมีมุมมองเชิงบวกต่อราคาทองคำเนื่องจากราคาทองคำได้สร้างรูปแบบการกลับตัวค่อนข้างแข็งแกร่งโดยให้แนวรับแรกที่ $1,200 และแนวรับสำคัญที่ $1,185

 

กลยุทธ์การลงทุน GOLD SPOT

ระยะสั้น : แนะนำให้เก็งกำไรระยะสั้นในกรอบ $1,217 — $1,243

ระยะกลาง : แนะนำให้นักลงทุนระยะกลางวางแผนขายทำกำไรบริเวณ $1,236 -$1,243 แล้วรอความชัดเจนตลาดก่อนเข้าลงทุนอีกครั้ง

 

ระยะยาว: แนะนำให้นักลงทุนรอการปรับฐานแล้ววางแผนเข้าซื้ออีกครั้งโดยให้แนวรับแรกที่ $1,200 และแนวรับสำคัญที่ $1,185

 

กลยุทธ์การลงทุน GOLD FUTURE

Long Position : ให้นักลงทุนระยะกลางวางแผนปิดสถานะซื้อเมื่อราคา GOLD SPOT ดีดตัวทดสอบแนวต้านบริเวณ $1,236 -$1,243 (18,550 — 18,620 บาท)

 

Short Position: ให้หาโอกาสปิดสถานะไปก่อนเมื่อราคาย่อตัว บริเวณแนวรับ $1,217 - $1,220 (18,250 -18,300 บาท) และรอขายใหม่บริเวณแนวต้าน $1,236 — $1,243 (18,550 — 18,620 บาท)

 

Open New Position: แนะนำนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงเปิดสถานะซื้อบริเวณแนวรับ $1,217-$1,220 (18,250 -18,300 บาท) หรือให้รอเปิดสถานะขายบริเวณแนวต้าน $1,236 — $1,243 (18,550 — 18,620 บาท) เพื่อทำกำไรช่วงการปรับฐานของราคาสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อยให้รอความชัดเจนตลาดก่อนเข้าลงทุน

 

หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร. 02-287-1155 และการลงทุนด้านทองคำแท่ง โทร. 02-677-5520 หรือ www.ylgbullion.com หากสนใจเข้าร่วมสัมมนาหัวข้อ “การลงทุนในโกล์ดฟิวเจอร์ส” ฟรี!!! ทุกวัน จันทร์, พุธ เวลา 14.00-16.00 น.และ วันเสาร์ เวลา 10.00-12.00 น. สำรองที่นั่งได้ทุกวันทาง เว็บไซด์ หรือ โทร 02-2871155 ต่อ 139

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

+1พลังค่ะ อ.ทองใหม่

ขอบคุณมากค่ะ !thk !thk

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สรุปภาวะตลาดทองคำแท่งและโกลด์ฟิวเจอร์ส : YLG

วันพุธที่ 25 สิงหาคม 2010 เวลา 17:39 น. กอง บก.ออนไลน์ ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ

 

 

สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่ง และโกลด์ฟิวเจอร์ส วันที่ 25 สิงหาคม 2553 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบ ที่ระดับ $1,228.65 – $1,233.30 ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFQ10 อยู่ที่ 18,480 บาท โดยเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 150 บาทจากวันก่อนหน้า ที่ 18,330 บาท

 

สำหรับแนวโน้มวันที่ 26 สิงหาคม 2553 ข้อมูลเศรษฐกิจในปัจจุบันได้ส่งสัญญาณถึงปัญหาการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องโดยล่าสุดสหรัฐเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ค.ได้ปรับตัวลดลงมากสุดในรอบ 15 ปี โดยลดลงถึง 27.2% มาอยู่ที่ระดับ 3.83 ล้านยูนิตต่อปี ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ค.2548 จากก่อนหน้านี้ที่คาดว่าจะลดลงเพียง 12% เท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นอีกปัจจัยเศรษฐกิจหนึ่งที่ตอกย้ำถึงความอ่อนแอของเศรษฐกิจสหรัฐทำให้ปัจจุบันเริ่มมีประเด็นความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่จะเกิดสภาวะถดถอยซ้ำซ้อน(double dip recession) ขึ้นกับเศรษฐกิจสหรัฐอันจะส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกมากขึ้น และแน่นอนว่ายิ่งนักลงทุนมีความกังวลมากขึ้นเท่าใดความต้องการสินทรัพย์ลงทุนเพื่อรักษาความมั่งคั่งในยามที่ต้องเผชิญกับวิกฤตกาณ์ก็จะมีมากขึ้นเท่านั้น

 

 

 

โดยค่ำคืนนี้แนะนำให้นักลงทุนจับตา จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐซึ่งก่อนหน้านี้จำนวนผู้ข้อรับสวัสดิการการว่างงานได้ปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 500,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน หากตัวเลขดังกล่าวออกมาในเชิงลบก็จะผลักดันให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นได้

$1,217 $1,211 แนวต้าน $1,236 $1,243

 

 

 

แนวโน้มระยะสั้น (ระดับวัน) ราคาทองคำสามารถดีดตัวได้อย่างแข็งแกร่งทำให้มุมมองระยะสั้นกลับมาดูดีอีกครั้งโดยคาดว่าราคาทองคำจะดีดตัวทดสอบแนวต้าน $1,236 และ $1,243 ในระยะเวลาอันใกล้นี้ สำหรับแนวรับแรกอยู่ที่ $1,227 และแนวรับสำคัญยังคงอยู่ที่ $1,217

 

แนวโน้มระยะกลาง (ระดับสัปดาห์): คาดว่ากรอบการดีดตัวหลังจากนี้จะมีอย่างจำกัดมากขึ้นโดยให้แนวต้านสำคัญของการดีดตัวอยู่บริเวณ $ 1,236 หรือ $1,243 ดังนั้นนักลงทุนระยะกลางควรวางแผนทำกำไรตั้งแต่ตอนนี้

 

แนวโน้มระยะยาว (ระดับเดือน): ในระยะยาวยังมีมุมมองเชิงบวกต่อราคาทองคำเนื่องจากราคาทองคำได้สร้างรูปแบบการกลับตัวค่อนข้างแข็งแกร่งโดยให้แนวรับแรกที่ $1,200 และแนวรับสำคัญที่ $1,185

 

กลยุทธ์การลงทุน GOLD SPOT

ระยะสั้น : แนะนำให้เก็งกำไรระยะสั้นในกรอบ $1,217 – $1,243

ระยะกลาง : แนะนำให้นักลงทุนระยะกลางวางแผนขายทำกำไรบริเวณ $1,236 -$1,243 แล้วรอความชัดเจนตลาดก่อนเข้าลงทุนอีกครั้ง

ระยะยาว: แนะนำให้นักลงทุนรอการปรับฐานแล้ววางแผนเข้าซื้ออีกครั้งโดยให้แนวรับแรกที่ $1,200 และแนวรับสำคัญที่ $1,185

 

กลยุทธ์การลงทุน GOLD FUTURE

Long Position : ให้นักลงทุนระยะกลางวางแผนปิดสถานะซื้อเมื่อราคา GOLD SPOT ดีดตัวทดสอบแนวต้านบริเวณ $1,236 -$1,243 (18,550 – 18,620 บาท)

Short Position: ให้หาโอกาสปิดสถานะไปก่อนเมื่อราคาย่อตัว บริเวณแนวรับ $1,217 - $1,220 (18,250 -18,300 บาท) และรอขายใหม่บริเวณแนวต้าน $1,236 – $1,243 (18,550 – 18,620 บาท)

Open New Position: แนะนำนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงเปิดสถานะซื้อบริเวณแนวรับ $1,217-$1,220 (18,250 -18,300 บาท) หรือให้รอเปิดสถานะขายบริเวณแนวต้าน $1,236 – $1,243 (18,550 – 18,620 บาท) เพื่อทำกำไรช่วงการปรับฐานของราคาสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อยให้รอความชัดเจนตลาดก่อนเข้าลงทุน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

+1พลังค่ะ อ.ทองใหม่

ขอบคุณมากค่ะ !thk !thk

post-237-021487400 1282735433.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณมากครับ อ.ทองใหม่ คาดว่าตัวเลขสร้างบ้านใหม่คงไม่แตกต่างจาก บ้านมือ สอง ดังนั้น จุดมุ่งหมายปลายทางคงไม่ไกลเกินคืนนี้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

!01 !01 !01 !01 !01

ถูกแก้ไข โดย 7Tales

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ส่งความอวยพรยามอรุณรุ่ง นำมาซึ่งความสุขตลอดวันสู่เพื่อนๆทุกท่าน อรุณสวัสดิ์จ้า

post-237-070221800 1282774522.jpg

post-237-044432400 1282774562.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อรุณสวัสดิ์ค่ะ ท่าน อ.ทองใหม่ :) ขอน้อมรับความสุขตลอดวัน และ ตลอดไป ค่ะ !ee !ee !ee

 

ขอให้ท่าน อ.ทองใหม่ มีสุขภาพแข็งแรง ยั่งยืน ตลอดไปค่ะ !gd

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดาวโจนส์ปิดบวก19.61จุด-น้ำมันปรับขึ้นขึ้นปิดที่72.52ดอลลาร์

วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม 2010 เวลา 07:20 น. ณัฐญา เนตรหิน ข่าวรายวัน - ข่าวต่างประเทศ

 

 

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (25 ส.ค.) ปรับบวก 19.61 จุด หรือ 0.20% ปิดที่ 10,060.06 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี500 บวก 3.46 จุด หรือ 0.33% ปิดที่ 1,055.33 จุด และดัชนีแนสแดคเพิ่มขึ้น 17.78 จุด หรือ 0.84% ปิดที่ 2,141.54 จุด หุ้นปิดบวกเป็นวันแรกในช่วง 4 วันทำการเนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไร แต่การซื้อขายไม่คึกคัก จากการที่ข้อมูลยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ค.ลดลงต่ำสุด และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย

 

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ค.ร่วงลง 12.4% มาอยู่ที่ระดับ 276,000 ยูนิตต่อปี ถือว่าเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่กระทรวงพาณิชย์เริ่มรวบรวมข้อมูลยอดการขายบ้านในปี 2506 ขณะที่เดือนมิ.ย.ยอดขายบ้านใหม่อยู่ที่ระดับ 315,000 ยูนิตต่อปี

 

 

 

นอกจากนี้ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน หรือ สินค้าที่มีอายุการใช้งานนานกว่า 3 ปีของสหรัฐในเดือนเพิ่มขึ้นเพียง 0.3% เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะพุ่งขึ้น 2.8% แต่หากไม่นับรวมยอดสั่งซื้อสินค้าด้านการขนส่งแล้ว ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ค.ของสหรัฐ ร่วงลง 3.8% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงต่ำสุดในรอบ 6 เดือน

 

ด้านตลาดน้ำมันปรับบวกจากแรงช้อนซื้อที่มีเข้ามาตามหลังปรับลดลงต่อเนื่องมาหลายวัน น้ำมันไนเม็กซ์ของสหรัฐฯ ราคาน้ำมันดิบ ชนิด ไลท์สวีต ครูด งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 89 เซนต์ ปิดที่ 72.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ เบรนท์ ลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 1.58 ดอลลาร์สหรัฐปิดที่ 73.09 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...