ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

เงินบาทปิด 30.55/60 อ่อนค่าจากเช้านี้สวนทางค่าเงินภูมิภาค

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 17 มกราคม 2554 17:31:05 น.

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ที่ระดับ 30.55/60 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าลงมาจากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ 30.52 บาท/ดอลลาร์

 

ทั้งนี้ ช่วงเช้าเงินบาทอ่อนตัวสวนกับตลาดภูมิภาค เงินบาทอ่อนค่าสุดที่ระดับ 30.60 บาท/ดอลลาร์ หลังจากนั้นช่วงบ่ายเงินบาทค่อยๆแข็งค่าขึ้นมา มาที่ระดับ 30.54 บาท/ดอลลาร์

 

ในช่วงวันที่ 17-18 ม.ค.จะมีการประชุมรมว.คลังของอียูเพื่อหารือการแก้ไขปัญหาหนี้สินของยุโรป ซึ่งเยอรมันมีทีท่าไม่เห็นด้วยที่จะนำเงินภาษีของตนมาช่วยประเทศอื่นในยุโรป และตลาดเงินสหรัฐปิดทำการซื้อขาย 1 วัน ทำให้การซื้อขายไม่มีทิศทางนัก ขณะที่ตลาดหุ้นไทยลบ 0.88% ซึ่งน้อยกว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเดียวกันที่บางตลาดลบถึง 3%

 

ส่วนความเคลื่อนไหวของค่าเงินสกุลหลักต่างประเทศปิตลาดวันนี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 82.70 เยน/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นมาจากเช้านี้ และ ค่าเงินยูโร ปิดที่ระดับ 1.325 ดอลลาร์/ยุโร โดยวันนี้เงินยูโร อ่อนค่าสุดที่ระดับ 1.387 ดอลลาร์/ยูโร

 

นักบริหารเงิน คาดแนวโน้มวันพรุ่งนี้เงินบาทน่าจะทรงตัวหรือเคลื่อนไหวในกรอบแคบ โดยตลาดติดตามผลหารือของรมว.คลังของยุโรป ซึ่งหากมีมาตรการช่วยเหลือชัดเจนจะทำให้เงินดอลลาร์อ่อนตัวลงอีกครั้ง

 

--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/ศศิธร

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

YLGชี้ทองคำสัปดาห์นี้ผันผวนจับตาหลังจีนขึ้นสำรองเงินฝากแบงก์พาณิชย์

 

ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ

เขียนโดย ณัฐญา เนตรหิน

วันจันทร์ที่ 17 มกราคม 2011 เวลา 17:32 น.

นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ รองประธานกรรมการ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า ธนาคารกลางจีนได้ประกาศขึ้นสัดส่วนสำรองเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ อีก 0.50% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาอย่างกระทันหันทำให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อ หลังจากก่อนหน้านี้ทองคำได้ปรับตัวลดลงจากค่าเงินสกุลดอลลาร์ที่ปรับอ่อนค่าต่อเนื่องทั้งสัปดาห์

 

 

 

โดยการปรับขึ้นสัดส่วนกันสำรองเงินฝากเป็นการปรับขึ้นเป็นครั้งที่ 7 นับตั้งแต่ต้นปี 2552 เพื่อดูดซับสภาพคล่องส่วนเกินออกจากระบบเศรษฐกิจเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง ภายหลังจากการปรับขึ้นสัดส่วนสำรองเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ของจีนในครั้งนี้ ทำให้เกิดกระแสการคาดการณ์ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามมาอีกครั้งในไม่ช้าเนื่องจากปัญหาอัตราเงินเฟ้อเป็นปัญหาที่ต้องรีบเร่งแก้ไข ยิ่งกดดันให้เกิดความกังวลถึงการปรับตัวลงของราคาทองคำอย่างหนักที่จะเกิดขึ้นอีกรอบ

 

ในขณะที่ด้านยุโรปนั้น ความกังวลในปัญหาหนี้สาธารณะ จะเริ่มผ่อนคลายลงหลังจากที่การประมูลพันธบัตรของโปรตุเกส สเปน และอิตาลี ประสบความสำเร็จ ค่าเงินสกุลยูโรปรับตัวแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกันเงินสกุลดอลลาร์ ยิ่งเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำให้ปรับตัวลดอีกทางหนึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามล่าสุดฟิทช์ เรทติ้ง ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ของกรีซลง 1 ขั้น สู่ระดับ BB+ หรือระดับขยะ (ระดับที่ไม่น่าลงทุน) พร้อมกับให้แนวโน้มเป็นลบทำให้การคาดการณ์ว่าปัญหาในยูโรโซนที่ดูเหมือนจะดีขึ้นแล้วอาจไม่ง่ายนักที่จะรีบตัดสิน ความไม่แน่นอนในยูโรโซนจะยังคงมีอยู่และจะเป็นปัจจัยที่ผลักดันหรือกดดันราคาทองคำต่อไป ในขณะที่ด้านเศรษฐกิจของสหรัฐฯก็ได้เริ่มปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ ทำให้นักลงทุนเชื่อถึงแนวโน้มในการเริ่มฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยได้อีกทาง

 

 

นางพวรรณ์ กล่าวว่า สำหรับทิศทางราคาทองคำในสัปดาห์นี้จะยังคงมีความผันผวนเช่นเดียวกันกับสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนควรติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะอย่างยิ่งความเคลื่อนไหวของจีนที่จะเกิดขึ้นต่อไปและปัญหาในยูโรโซนก็ต้องติดตามเป็นระยะ นอกจากนี้ยังรวมถึงประเด็นเรื่องค่าเงินบาทที่มีความผันผวนไม่ต่างจากราคาทองคำมากนัก

 

ส่วนกลยุทธ์การลงทุนในสัปดาห์นี้ทางวายแอลจี แนะนำนักลงทุนที่ได้ซื้อทองคำเอาไว้แล้วขณะที่ราคาย่อตัวก่อนหน้านี้ หากราคาทองคำดีดตัวขึ้นมาบริเวณแนวต้าน1,376 -1,385 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 19,880-20,010 บาท/บาททองคำ และไม่สามารถผ่านไปได้นักลงทุนอาจจะขายทองคำบางส่วนแล้วรอซื้อกลับบริเวณแนวรับ 1,330 -1,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 19,210-19,500 บาท/บาททองคำ โดยยังคงให้แนวรับสำคัญอยู่ที่บริเวณดังกล่าวซึ่งถือว่าเป็นจุดสำคัญต่อการตัดสินใจเข้าซื้อทองคำของนักลงทุน หากระดับดังกล่าวไม่สามารถที่จะรองรับแรงขายได้แนะนำให้นักลงทุนชะลอการเข้าซื้อทองคำออกไปก่อนจนกว่าตลาดจะมีการปรับฐานอีกครั้ง เบื่องต้นประเมินแนวรับแนวต้านไว้ที่ 1,330-1,385 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 19,210 -20,010 บาท/บาททองคำ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สภาวะตลาดวันที่ 17 มกราคม 2554 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบ ที่ระดับ $1,359.00 – $1,365.60 ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFG11 อยู่ที่ 19,920 บาท โดยราคาเปลี่ยนแปลงลดลง 50 บาท จากวันก่อนหน้า ที่ระดับ 19,970บาทออกมา คือ ออกมา คือ

 

แนวโน้มวันที่ 18 มกราคม 2554

 

ธนาคารกลางจีนประกาศขึ้นสัดส่วนสำรองเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ อีก 0.50% ในวันศุกร์ที่ผ่านมาอย่างกระทันหันทำให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อเนื่องหลังจากที่ลงมาก่อนหน้าที่เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินสกุลดอลลาร์ โดยการปรับขึ้นสัดส่วนสำรองเงินฝากครั้งนี้เป็นครั้งที่ 7 นับตั้งแต่ต้นปี 2552 โดยเป้าหมายเพื่อดูดซับสภาพคล่องส่วนเกินออกจากระบบเศรษฐกิจเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง ในขณะที่เศรษฐกิจของสหรัฐฯก็ได้เริ่มปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดยอดค้าปลีกเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 0.6% ทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค.ขยายตัว 0.8% ซึ่งเป็นการขยายตัวที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 5 เดือน และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นดัชนีวัดภาวะเงินเฟ้อภายในประเทศ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบกว่าสองปีแม้ว่าดัชนีซีพีไอพื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดพลังงานและอาหาร ขยับขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนธ.ค. ตัวเลขต่างๆที่ออกมายังพอทำให้นักลงทุนเชื่อถึงแนวโน้มในการเริ่มฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยได้อีกทาง จากประเด็นต่างๆที่ได้กล่าวมา ไม่ว่าจะเป็น การคาดการณ์ถึงมาตรการที่จีนใช้ในการควบคุมเงินเฟ้อต่อจากนี้ รวมถึงการคาดการณ์ถึงแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่เริ่มฟื้นตัว จะเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำต่อไปโดยให้จับตาวันพฤหัสอย่างใกล้ชิดเนื่องจากจีนจะประกาศดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI)และผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP)ซึ่งหากยังเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อาจมีความเป็นไปได้ที่จีนจะใช้มาตราการอื่นๆเพื่อสกัดเงินเฟ้อซึ่งจะกดดันราคาทองคำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตามทางวายแอลจียังเชื่อว่าราคาทองคำในสัปดาห์นี้จะยังคงมีความผันผวนเช่นเดียวกันกับสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนควรติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะอย่างยิ่งความเคลื่อนไหวของจีนที่จะเกิดขึ้นต่อไป และปัญหาในยูโรโซนที่ยังเป็นที่สงสัยว่าจะเป็นไปในทิศทางใด นอกจากนี้ประเด็นเรื่องค่าเงินบาทก็ยังไม่สามารถที่จะละทิ้งได้ ทางวายแอลจียังมีมุมมองว่าค่าเงินบาทจะมีความผันผวนไม่ต่างจากราคาทองคำมากนัก

 

ในส่วนของกลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีประเมินว่าราคาจะปรับตัวขึ้นในลักษณะ Technical Rebound โดยคาดว่าจะมาทดสอบแนวต้านที่บริเวณ $1,370-$1,374 แนะนำนักลงทุนที่มีทองคำอยู่ทยอยขายทำกำไรในบริเวณ $1,370-$1,374 หากราคายืนเหนือบริเวณนี้ได้ให้ชะลอการขายเพื่อดูความชัดเจนของตลาดอีกครั้งก่อน เบื่องต้นประเมินแนวรับแนวต้านไว้ดังนี้

 

 

 

แนวรับ 1,352(19,530บาท) 1,345(19,430บาท) 1,330(19,220บาท)

 

แนวต้าน 1,370(19,800บาท) 1,376(19,880บาท) 1,380 (19,940บาท)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณ.ทองใหม่ค่ะที่ขยันให้ข้อมูลสมาชิก

ทุกวัน+1 ให้อ.ค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...