ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ginger

หัวใจทองคำกับรอยหยักของสมอง

โพสต์แนะนำ

 

 

Thanong Fanclub

8 hours ago

 

Sarah Brightman in Concert Dreamchaser in Bangkok

 

เพิ่งจะถึงบ้าน ไปดูSarah Brightmanมาที่ไบ เทค บอกได้คำเดียวว่า spookyมาก

 

เพลงก็ไม่เท่าไหร่มากในครึ่งแรก แต่เอฟเฟคของเสียง ภาพวิดิทัศน์ และเนื้อหาออกไปในทางNew Ageมาก โดยมุ่งเน้นแสงไฟที่เร่าร้อนและดวงดาวของจักรวาล

 

ไม่มีอะไรเกี่ยวกับโลกเลย เหมือนกับว่าจะหลุดโลกพาเราไปสู่โลกใหม่New Worldหรือบ้านใหม่ที่เราไม่คุ้นเคย โดยที่เราไม่รู้ว่าอยู่ที่ใหน มียานอวกาศที่จะพาเราท่องไปสู่บ้านใหม่ในดวงดาวที่ห่างไกล

 

มีอยู่ฉากหนึ่ง ซาร่ายืนร้องเพลงพนแท่นสูง และมีแสงไฟสปอตไลท์ส่องข้างหลัง เหมือนเทพธิดาผู้ถือโคมไฟและมีแสงส่องข้างหลังของบริษัทหนังโคลัมเบียที่ปรากฎทุกครั้งก่อนหนังฉายสมัยก่อน

 

เทพีสันติภาพที่อยู่ที่นิวยอ์คก็เป็นคนๆเดียวกันนี้ แต่ไดอาน่าก็มีพื้นเพมาจากอิสห์ต้า Ishtar เทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์ ความรัก การสงครามและเซ็กซ์ของพวกสุเมเรียน หรือบาบิโลนโบราณ

 

ชัดเจนว่า ซาร่ามาในร่างเป็นเทพธิดากรีกโรมันและบาบิโลนโบราณ เธอคือไดอาน่านั้นเอง และจะเป็นผู้นำพาเราไปสู่โลกใหม่New World

 

ขื่อของคอนเซิร์ตให้ซาร่าเป็นผู้ไล่ล่าฝันDreamchaser แต่จริงๆแล้ว เธอเป็นเทพีผู้นำของNew Age เป็นยุคที่ผู้หญิงจะกลับมาเป็นใหญ่ ตรงกันกับยุคนางพญาของไทยเราที่กำลังมาถึงพอดี

 

คนดูไทยดูตื่นเต้นกับฉากแสงสีเสียง การร้องเพลงเสียงโซปราโนที่ไพเราะของซาร่าและการแสดงที่เร้าใจ ที่ใช้เทคนิคจอใหญ่ ใส่สีและเอฟเฟคเสียงและแสงเพื่อกลบบุคครากรประหยัด เพราะมีอีกแค่หกคนบนเวทีสลับไปมา ไม่นับรวมนักร้องชายเสียงเทเนอร์ทุ้ม มีพลังที่ออกมาร้องเพลงคู่กับซาร่า

 

พอเพลงสุดท้ายIt's Time to Say Goodbye ทุกคนร้องกรี๊ด เพราะคุ้นกับเพลงนี้ดี แต่ไม่ได้เฉลียวใจถึงสื่อของฉากและความหมายที่ซ่อนเร้น

 

ฉากข้างหลัง เป็นโคมไฟกระดาษสีแดงที่ลอยขึ้นฟ้าพร้อมแสงเทียนข้างใน สลับกับภาพขาวดำของนักบินอวกาศของรัสเวียที่เตรียมตัวจะแล่นขึ้นไปในอวกาศ

 

เหมือนกับว่ามนุษย์โลกทั้งมวลจะค่อยๆตาย หรือจะมีชีวิตอยู่ได้อีกแค่ชั่วคราวเหมือนโคมไฟลอยฟ้า มีแต่ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเท่านั้นที่จะได้รอดชีวิต ด้วยการท่องขึ้นไปในอวกาศกับยาน เพื่อเดินทางไปสู่บ้านใหม่ ที่เป็นดาวดาวสีเรืองเป็นประกาย เป็นดาวที่เราไม่รู้จัก แต่เป็นส่วนหนึ้งของNew Ageที่ก้าวพ้นจากโลกใบนี้ที่ได้ถูกทำลายไปแล้ว

 

ใครจะคิดอย่างไรก็ตาม ดูคอนเสิร์ตซาร่าครั้งนี้แล้ว ได้แต่ถอนหายใจคนเดียวกับความหมายที่ซ่อนเร้น มีเลศนัยของการเปลี่ยนถ่ายจากโลกเก่าไปสู่โลกใหม่ New World

 

เพียงแต่ไม่ชัดว่าระเบียบของมันอยู่ที่ใหน

 

 

1001369_148752118654504_1606572519_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

Thanong Fanclub shared a link.

12 minutes ago near Bangkok

เฟดยังกังวลเรื่องเงินเฟ้อต่ำ และยังคงทำQEต่อเดือนละ$85,000ล้าน

 

เฟดพุ่งเป้าการประชุมไปที่เรื่องเงินเฟ้อ ซึ่งขณะนี้อยู่ระดับต่ำกว่า2% และมีความเห็นว่าเงินเฟ้อที่ตำเป็นอุปสรรคสำคัญของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

 

เฟดอยากจะเห็นเงินเฟ้อที่2.5%

 

ส่วนทางด้านเศรษฐกิจ กระทรวพานิชย์รายงานว่าเศรษฐกิจโตเกินคาด1.7%ในไตรมาส หักปากกานักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ที่มองว่าจะโตได้แค่1.0% ไตรมาสแรกโต1.8%

 

อย่างไรก็ดีเศรษฐกิจยังต่ำกว่าระดับเฉลี่ยปกติที่3.2%มาก

 

มาที่ตัวเลขจ้างงานยังคงอยู่ระดับสูงที่7.6%ยังวิกฤติอยู่และไม่ได้ขยับดีขึ้นแต่ประการใด

 

เฟดตั้งเป้าตัวเลขว่างงานที่ 6.5% ก่อนที่จะเลิกQE

 

สรุป ณ ขณะนี้ยังจะคงเดินหน้าQEและจะกลับมาดูเรื่องนี้อีกครั้งอย่างจริงๆจังในการประชุม17-18กันยายน ถึงตอนนั้นนักวิเคราะห์หลายสำนักคิดว่าเฟดจะต้องเริ่มส่งสัญญานการลดขนาดQE ดังที่ได้เขียนมาก่อนหน้านี้

 

พูดง่ายๆ วัดใจกันอีกครั้ง ว่าจะกล้า หรือไม่กล้า

 

thanong fanclub 1/8/13

 

 

http://www.bloomberg.com/news/2013-07-31/fed-keeps-85-billion-bond-buying-pace-sees-disinflation-risk.html

 

 

 

Fed Sees Risk of Disinflation, Maintains Bond Buying Pace

www.bloomberg.com

The Federal Reserve said persistently low inflation could hamper the economic expansion and pledged to keep buying $85 billion in bonds every month.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อย่าไว้ใจดอย … อย่าคอยจนลืม!

 

August 1, 2013 | By Mod | 4 Comments

 

ในช่วงที่ตลาดลงติดๆกันหลายๆวันบ่อยๆอย่างนี้ สิ่งหนึ่งที่มักจะเกิดขึ้นอยู่เสมอก็คือเรื่องของอาการติดดอย มีหลายคนสงสัยว่าหากติดดอยโดยเฉพาะยอดดอย (Highest High) แล้วไม่ตัดขาดทุนจะเกิดอะไรขึ้น แล้วถ้าเกิดติดดอยขึ้นมาจริงๆจะหนาวสักแค่ไหน วันนี้เอาสถิติจากตลาดหุ้นไทยมาฝากกันสั้นๆเล็กน้อยครับ

สถิติจากยอดดอย

 

เพื่อที่จะตอบคำถามว่าถ้าเราไม่ Cut loss เพราะคัทไม่ลงแล้วเกิดซวยติดดอยขึ้นมาจริงๆอะไรจะเกิดขึ้น และเราจะต้องเผชิญกับอะไรบ้างระหว่างทาง ในคราวนี้ผมจึงได้ทำการเก็บข้อมูลของหุ้นที่ในปัจจุบันนั้นยังมีราคาต่ำกว่าจุดสูงสุดเดิมหรือ Highest High ของมันออกมา (ผมเลือกวัดจากจุด Highest High เพราะเป็นจุดที่มักมี Volume สูงที่สุดหรือหมายความว่ามีคนติดดอยอยู่มากที่สุดนั่นเอง) โดยผมได้ทำการเก็บข้อมูลตั้งแต่ปี 1989 – 2013 ออกมา อย่างไรก็ตาม Data ของผมไม่มีข้อมูลของหุ้นที่ถูกถอดออกจากตลาด ดังนั้นผลจะดีกว่าความเป็นจริงอยู่นิดหน่อย และผลที่ได้ก็คือภาพและตารางด้านล่างนี้ครับ

Highest-When-Historam_thumb1.png

ภาพที่ 1 : Barchart แสดงจำนวนหุ้นที่มีจุดสูงสุดหรือ Highest High อยู่ในปีนั้นๆ ตั้งแต่ปี 1989 – 2013

จากในภาพที่ 1 นี้คุณจะเห็นได้ว่าความจริงแล้วมีหุ้นจำนวนเพียงแค่ 211 ตัวในตลาดเท่านั้นที่สามารถทำจุดสูงสุดใหม่ของมันได้ในปี 2013 นี้! นี่หมายความว่าอย่างไรน่ะหรือครับ? … มันก็หมายความว่าทั้งๆที่ช่วงเวลาหลายๆปีที่ผ่านมานั้นแม้ว่าตลาดจะดีสุดๆ แต่ก็ยังมีหุ้นอีกกว่า 400 ตัวหรืออีกราว 65% ของหุ้นทั้งตลาดที่ยังคงไม่สามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่ของพวกมันได้ (หรือพูดอีกอย่างก็คือคนที่เคยติดอยู่บนดอยสูงสุด Highest High ก็คงยังไม่มีใครมารับหลายปีแล้ว) ตรงนี้คงจะเป็นคำตอบให้กับหลายคนที่สงสัยว่าถ้าเราติดหุ้นอยู่แถวๆยอดดอยแล้วไม่คัทลอสแล้วรอไปเรื่อยๆจะมีโอกาสเกิดอะไรขึ้นบ้างกันแล้วนะครับ

Average-Max-DD-VS-Highest-When_thumb.png

ภาพที่ 2 : ค่า Maximum Drawdown ที่วัดหลังจากที่หุ้นได้ทำจุดสูงสุดของมันไปในปีนั้นๆจวบจนถึงปัจจุบัน

ในคราวนี้มาดูภาพที่ 2 กันต่อบ้าง ภาพนี้บอกกับเราว่าถ้าคุณติดดอย ณ จุดสูงสุดแล้วทำใจไม่ได้และปล่อยขาดทุนให้มันไหลๆไปก่อน แล้วเกิดซวยมีหุ้นที่ยังคงติดดอยอยู่ในพอร์ทนั้นคุณมีโอกาสจะต้องเจอกับ Maximum Drawdown ที่มากแค่ไหน คำตอบก็คือยิ่งคุณติดดอยนานแค่ไหนคุณก็ยิ่งเจอ Maximum Drawdown ที่หนักขึ้นเท่านั้น!

โดยจากภาพที่ 2 นั้นเส้นสีน้ำเงินแสดงให้เห็นถึงค่าเฉลี่ยของ Maximum Drawdown จากหุ้นที่ติดดอยหรือมี Highest High อยู่ในช่วงเวลาปีนั้นๆ เราจะเห็นได้ว่าโดยเฉลี่ยแล้วถ้าคุณมีหุ้นที่ทำจุดสูงสุดไปแล้วตั้งแต่ช่วงปี 1989 – 2004 หรือเกิน 10 ปีขึ้นไป (รวมแล้วราวๆ 50% ของหุ้นทั้งตลาด) หากว่าปัจจุบันคุณยังคงมีหุ้นเหล่านี้อยู่ คุณจะต้องถือมันมาพร้อมกับมองมันร่วงจากจุดสูงสุดของมันไปมากกว่า 90% เลยทีเดียว!! นี่แสดงให้เห็นว่าตลาดโหดไม่ใช่เล่นเลยเวลามันเอาคืนจากเรา ดังนั้นแล้วการจัดการกับขาดทุนในเวลาที่ไม่นานจนเกินไปจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ การทนถือหุ้นหรือแกล้งทำเป็นปล่อยๆมันไปนั้นอาจอันตรายกว่าที่คุณคิด เพราะยิ่งคุณติดดอย ณ จุดสูงสุดนานเท่าไหร่คุณก็ยิ่งเจ็บตัวมากขึ้นนั่นเอง

Note : จะสังเกตุได้ว่าในปี 2013 หรือปีนี้หุ้นที่พึ่งทำ Highest High มีค่า Maximum Drawdown โดยเฉลี่ยหลังจากพีคไปแล้วถึงราวๆ 35% เลยทีเดียว มันจึงไม่แปลกที่ช่วงนี้เราจะเห็นหลายๆคนที่ยังไม่ได้คัทเริ่มออกอาการคัทไม่ลงหรือเอาหัวจุ่มดินไม่อยากมองพอร์ทกันแล้ว

ราคาหุ้นไม่จำเป็นต้องวิ่งกลับขึ้นไปอยู่เสมอ!

 

คุณอาจนึกหัวเราะว่าคุณคงไม่ซื่อหรือโชคร้ายเสียขนาดไปเลือกเจอหุ้นที่ผมได้เก็บสถิติมาให้ดู เพราะอย่างน้อยแล้วหุ้นที่คุณถืออยู่ก็ต้องเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานกิจการและอนาคตที่ดีอยู่พอสมควร แต่นี่แหละครับคือจุดที่มีอันตรายแฝงอยู่! ทำไมน่ะหรือครับ!?

คำตอบก็เพราะ ณ จุดที่หุ้นมีราคาสูงสุดหรือ Highest High ที่ผมได้เก็บข้อมูลมาให้ดูกันนั้น หากคุณมีโอกาสได้เคยเก็บข้อมูลพื้นฐานย้อนหลังประกอบดู คุณจะพบว่าส่วนใหญ่แล้วภาพรวมของกิจการไม่ว่าจะเป็นข่าวสาร, แผนการ หรือแม้กระทั่งงบการเงินของบริษัทนั้นก็มักที่จะอยู่ในช่วงที่ดีที่สุดของมันด้วยเช่นกันนั่นเอง (มิเช่นนั้นแล้วราคาหุ้นก็คงไม่สามารถวิ่งไปจนทำจุดสูงสุดในชีวิตของมันได้หรอกครับ) ดังนั้นแล้ว คุณจึงมีโอกาสอยู่เสมอที่จะพบเจอกับหุ้นที่อาจเป็นหนึ่งในหุ้นเหล่านี้อยู่ไม่น้อย และด้วยความที่ปัจจัยพื้นฐานของกิจการมันไม่ได้เปลี่ยนแปลงกันเพียงชั่วข้ามคืนเหมือนราคาหุ้นนี่แหละครับ ที่อาจทำให้กว่าที่คุณจะรู้ตัวว่าช่วงเวลาที่สุดยอดของมันได้ผ่านไปแล้ว ราคาของหุ้นก็อาจร่วงไปไกลจนทำให้คุณเกิดขาดทุนอย่างหนักจนเกินกว่าที่จะทำใจตัดขาดทุนมันออกไปก็เป็นได้ ดังนั้นแล้วเรื่องของแผนสำรองอย่างการตัดขาดทุนหรือการกระจายความเสี่ยงจึงยังคงเป็นสิ่งที่สำคัญอยู่เสมอนั่นเอง

วันนี้ก็คงพอหอมปากหอมคอแค่นี้ก่อนนะครับ พอดีผมนึกอยากเขียนขึ้นมาเพราะเห็นช่วงนี้หุ้นชอบลงติดกันหลายๆวันแล้วเด้งจนทำให้หลายๆคนไม่อยากจะมองพอร์ทหรือตัดขาดทุนขึ้นมาเท่านั้นเอง อย่าลืมนะครับว่าการที่ปีนี้มีหุ้นที่สามารถทำ Highest High ได้กว่า 211 ตัว นั่นก็ย่อมหมายความว่าจำนวนหุ้นที่จะต้องกลายเป็นหนึ่งในกรณีที่ผมกล่างถึงก็ย่อมจะมากขึ้นเช่นกัน

เมื่อเวลาเปลี่ยนสถานการณ์ก็อาจเปลี่ยน ราคาหุ้นไม่จำเป็นต้องวิ่งกลับขึ้นไปที่เดิมเสมอ เราต้องคอยหมั่น Monitor ปัจจัยที่สำคัญในการลงทุนของเรา (ไม่จำเป็นว่าต้องคัทจากแค่เหตุผลของราคาหุ้น) และมีแผนการเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ต่างๆไว้เสมอ การซื้อดอยอาจเป็นอุบัติเหตุแต่การติดดอยนั้นไม่ใช่ อย่าไว้ใจดอย … อย่าคอยจนลืม เพราะตลาดมักโหดกว่าที่เราคิดครับ!

แมงเม่าคลับ.คอม หนังสือหุ้นน่าอ่าน, วิธีการเล่นหุ้น, การวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิค, จิตวิทยาการลงทุน และการบริหารเงินทุน Money Management

 

 

 

Tags: cut loss, ตัดขาดทุน, ติดดอย, วิธีการเล่นหุ้น

Category: วิธีการเล่นหุ้นและวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิค

 

http://0.gravatar.co...0&d=wavatar&r=G

About the Author (Author Profile)

ถ้าเห็นว่าบทความไหนมีประโยชน์ เพื่อนๆสามารถที่จะนำบทความไปแปะเพื่อแบ่งปันได้โดยไม่มีปัญหา แต่ยังไงขอแรงช่วยลิงค์อ้างอิงกลับมาที่แมงเม่าคลับกันหน่อยนะครับ :D ------------------------------------------------------------------------------------------------------ สำหรับการแปะลิงค์ใน Pantip.com ช่วยใส่ Link ให้เป็น http://www.mangmaoclub.com เพื่อให้แปะลงไปได้โดยไม่ Error ขอบคุณครับ :)

 

 

 

บทความที่เกียวข้องกัน :

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Stock2morrow

รวมข่าวหุ้นเช้าวันพฤหัสบดี

 

ขาใหญ่ทุ่มซื้อหุ้นBTSล็อตเดียว100ล้านหุ้น กำไร Q1/56-57 โตประวัติการณ์ 1.28 หมื่นล้าน

 

VGIแตกพาร์เพิ่มโฟลตกำไรQ1กระโดด92%

 

ITDคว้างานรถไฟ2.8พันล้าน จับมือ ROJNA พัฒนานิคมอุตสาหกรรมทวาย

 

http://www.stock2morrow.com/showthread.php?t=47749

 

 

970885_607966215914158_998496774_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Stock2morrow

ข่าว Hot วันพฤหัสบดี

การเมืองกดดัน SET

 

http://www.stock2morrow.com/showthread.php?t=47750

 

 

227048_607965415914238_2122278152_n.png

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กวี ชูกิจเกษม

สวัสดีครับ KFC ตลาดอาจมี rebound กลับขึ้นมาในระยะสั้น แต่ให้ทำได้แค่เล่น gap สั้นๆ เท่านั้น ไม่หวัง rebound ได้ไกล

 

โดยวันนี้ตลาดได้รับปัจจัยบวกจากตัวเลข PMI ของจีนที่ออกมาดีกว่าคาด และเกิน 50 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจจีนยังขยายตัวอยู่ ขณะที่ตัวเลข GDP สหรัฐฯ ไตรมาสที่ 2 ขยายตัว 1.7% สูงกว่าที่คาดเพียง 1% และ Fed ก็ประกาศเดินหน้าโครงการ QE ต่อไป แต่ยังให้ระมัดระวังการลงทุนไว้ก่อน จากปัจจัยกดดันทางการเมืองในประเทศ หลังครม.ชุดเล็กมีมติให้ใช้กฎหมายความมั่นคงในพื้นที่ 3 เขตของกทม. ขณะที่เดือนก.ย. จะมีเรื่องการเลือกตั้งในเยอรมัน และความกังวลเรื่องถอน QE จะกลับมาอีกครั้งก่อนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ในครั้งหน้า แต่เราเชื่อว่าตลาดจะกลับมาใหม่ ในไตรมาสสุดท้ายของปี

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

988295_603853279636416_790121452_n.jpg

ชีวิต มะต้องวิ่งตามเทคโน

ความทันสมัย ทำลาย ทำร้าย ทั้งผู้คนและทรัพยากรโลก

จิตใจผู้คนถูกรุมเร้า

บริโภคนิยม ทำให้เห็นแก่ตัว....

คงวิถี พอเพียง เพื่อแบ่งปัน

ศีลธรรมมิกลับมา โลกาจะกำศวล

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Good Morning news จาก กองทุนบัวหลวง

 

1 สิงหาคม 2556

 

General News

----------------

 

• สนง.สถิติของสหภาพยุโรป เปิดเผยว่า จำนวนผู้ว่างงานในยูโรโซนซึ่งมีสมาชิก 17 ประเทศลดลงมาอยู่ที่ 19.27 ล้านคนในเดือน มิ.ย.จากเดิม19.29 ล้านคนในเดือน พ.ค. ในขณะที่อัตราว่างงานยังทรงตัวที่ 12.1% ซึ่งนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2554 ที่จำนวนผู้ว่างงานลดลง

 

นอกจากนี้ เงินเฟ้อเบื้องต้นในเดือน ก.ค.ก็ยังทรงตัวเท่าเดือนก่อนที่ 1.6% ซึ่งต่ำกว่าเพดานเงินเฟ้อ 2% ของ ธ.กลางยุโรปมา 6 เดือนแล้ว จึงเปิดช่องให้ ธ.กลางยุโรปสามารถผ่อนคลายนโยบายการเงินได้ในขณะที่ประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโรยังไม่ฟื้นตัวจากภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ

 

• การใช้จ่ายของผู้บริโภคฝรั่งเศสในเดือน มิ.ย.ลดลง 0.8% จากเดือน พ.ค. และลดลง 0.5% เมื่อเทียบรายปี โดยใช้จ่ายลดลงมากในด้านพลังงานเนื่องจากอากาศอุ่นขึ้น หลังจากที่หนาวเย็นในเดือน พ.ค.ที่ทำให้ค่าใช้จ่ายในการทำความร้อนเพิ่มขึ้น

 

ทั้งนี้ การใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 0.3% ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จึงผลักดันการใช้จ่ายด้านพลังงานเพิ่มขึ้น

 

• อัตราว่างงานโดยรวมของอิตาลีในเดือน มิ.ย.ลดลงเล็กน้อยไปอยู่ที่ 12.1% จาก 12.2% ในเดือน พ.ค. ทั้งนี้ อัตราว่างงานของกลุ่มวัยรุ่นอายุ 15-24 ปีในเดือน มิ.ย.เพิ่มขึ้น 0.8% จากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ 39.1% และเพิ่มขึ้น 4.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

• GDP สเปนลดลง 0.1% ในไตรมาสที่ 2 เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก และลดลง 1.7% เมื่อเทียบรายปี โดยหดตัวลงเพราะอุปสงค์ภายในประเทศลดลงจากการลดลงของเงินเดือนกับอัตราว่างงานที่สูงมาก

 

อย่างไรก็ตาม อุปสงค์ภายในประเทศที่ลดลงบางส่วนได้รับการชดเชยจากการส่งออก

 

• ยอดค้าปลีกของเยอรมนีในเดือน มิ.ย.ลดลง 1.5% จากเดือน พ.ค. และลดลง 2.8% เมื่อเทียบรายปี โดยผู้บริโภคบางส่วนชะลอการใช้จ่ายลงเพราะฝนตกหนักในช่วงต้นเดือน

 

ทั้งนี้ ข้อมูลยอดค้าปลีกที่อ่อนตัวลงนี้สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ก่อนหน้าว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคและตลาดแรงงานที่สดใสจะช่วยหนุนยอดค้าปลีกของประเทศ

 

อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของเยอรมนีในเดือน ก.ค.ลดลง 7,000 ราย ลดลง 2 เดือนติดต่อกันแล้ว ส่วนอัตราว่างงานยังทรงตัวที่ 6.8% แสดงว่าตลาดแรงงานฟื้นตัวมากขึ้น หลังจากที่ซบเซาในช่วงต้นปี

 

• บริษัทวิจัย GfK เปิดเผยว่า ผู้บริโภคชาวอังกฤษมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นแตะระดับ -16 ในเดือน ก.ค. จากระดับ -21 ในเดือน มิ.ย. โดยชาวอังกฤษมีมุมมองบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจมากที่สุดในรอบ 3 ปีจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่กระเตื้องขึ้นในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงยังมีมุมมองบวกต่อฐานะการเงินส่วนบุคคลและแนวโน้มเศรษฐกิจใน 12 เดือนข้างหน้าเมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว

 

ทั้งนี้ สมาคมค้าปลีกอังกฤษ รายงานว่า ผู้บริโภคจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นในเดือน ก.ค. สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่เป็นบวกมากขึ้น

 

• ก.พาณิชย์สหรัฐ รายงานว่า GDP ไตรมาส 2 ขยายตัว 1.7% (สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 1.1%) จากการใช้จ่ายของผู้บริโภคซึ่งมีสัดส่วนมากที่สุดของเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งการขยายตัวที่ดีกว่าคาดอาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้ FED ชะลอมาตรการกระตุ้นทางการเงินได้เร็วขึ้น

 

นอกจากนี้ บริษัทวิจัยตลาดแรงงานในสหรัฐ ADP ได้เปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐจ้างงานเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่งในเดือน ก.ค.เมื่อเทียบกับเดือน มิ.ย. ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 180,000 ตำแหน่ง

 

• ผลสำรวจของมาร์กิต ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของญี่ปุ่นลดลงไปอยู่ที่ 50.7 ในเดือน ก.ค.จาก 52.3 ในเดือน มิ.ย. เพราะผลผลิตและคำสั่งซื้อใหม่ชะลอตัว รวมถึงการจ้างงานลดลง

 

แต่การที่ดัชนียังอยู่เหนือระดับ 50 ทำให้เห็นการขยายตัวของกิจกรรมภาคการผลิต ซึ่งได้ขยายตัวได้ 5 เดือนต่อเนื่องกัน

 

• ก.แรงงานสิงคโปร์ ระบุว่า อัตราว่างงานขยับขึ้น 2.1% ในเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้นจาก 1.9% ในเดือน มี.ค. และ 1.8% ในเดือน ธ.ค. โดยความตึงตัวของตลาดแรงงานได้ผ่อนคลายลงในไตรมาส 2 ขณะที่มีการเลิกจ้างมากขึ้นอันเนื่องมาจากการปรับโครงสร้างและการควบรวมธุรกิจ

 

• ธปท.รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือน มิ.ย.อยู่ที่ 49.9 ซึ่งใกล้เคียงระดับ 50 ที่สะท้อนถึงความเชื่อมั่นอันทรงตัวจากเดือนก่อน โดยความเชื่อมั่นในเกือบทุกด้านปรับตัวดีขึ้น ยกเว้นด้านคำสั่งซื้อที่ลดลงครั้งแรกในรอบครึ่งปีหากไม่นับเดือน เม.ษ.ที่มีปัจจัยฤดูกาลและการขาดแคลนพลังงาน ซึ่งสะท้อนถึงการชะลอตัวของการบริโภคและส่งออกในเดือนนี้ ในขณะที่ความเชื่อมั่นด้านต้นทุนยังลดลงอย่างต่อเนื่อง

 

ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ 53.3 แสดงถึงความเชื่อมั่นว่าธุรกิจจะปรับตัวดีขึ้นในเกือบทุกด้าน ยกเว้นด้านต้นทุน

 

อย่างไรก็ตาม สัดส่วนผู้ที่คาดว่าภาวะธุรกิจจะปรับตัวดีขึ้นกลับมีจำนวนน้อยลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ธปท.ได้คาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในไตรมาส 2 ว่าจะเติบโตต่ำกว่า 4% แต่เชื่อว่าไตรมาส 3 จะไม่ชะลอลงไปจากไตรมาสที่ผ่านมา

 

Equity Market

---------------

 

• SET Index ปิดที่ 1,423.14 จุด ลดลง 12.30 จุด หรือ 0.86% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 42,544 ล้านบาท

 

ดัชนีปรับตัวลงจากบรรยากาศการลงทุนรอบเอเชียที่ค่อนข้างเป็นลบ รวมถึงความกังวลด้านการเมืองหลังรัฐบาลได้ประกาศใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในพื้นที่ 3 เขตของ กทม. แต่ยังปิดตัวโดยดีดขึ้นมาจากจุดต่ำสุดของวันที่ -32 จุดได้

 

สำหรับประเด็นที่ต้องจับตาคือวาระเปิดสมัยประชุมสภาในวันที่ 1 ส.ค. โดยผู้ลงทุนยังคงกังวลกับการชุมนุมของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลในวันที่ 4 ส.ค.และการผลักดันร่าง พ.ร.บ. นิรโทษกรรมในวันที่ 7 ส.ค.

 

สรุปยอดสุทธิการซื้อขายของแต่ละกลุ่ม (ล้านบาท)

-----------------------------------------------------

นักลงทุนสถาบัน -3,019.75

บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ -751.11

นักลงทุนต่างชาติ +184.00

นักลงทุนทั่วไป +3,586.86

 

Fixed Income Market

----------------------------

 

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไปปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งหมด โดยมีการเปลี่ยนแปลง -0.01% ถึง +0.09% สำหรับวันนี้ไม่มีการประมูล

 

Guru Corner

-------------

 

• Warren Buffet

------------------

 

“การลงทุนในหลักทรัพย์หลายตัวเกินไปเป็นผลเสีย เพราะการกระจายการลงทุนมากเกิน ไปเพื่อลดความเสี่ยง จะทำให้ได้ผลตอบแทนน้อยกว่าที่ควรจะได้ นักลงทุนต้องทำการบ้าน เกี่ยวกับธุรกิจก่อนที่จะลงทุน และเมื่อมั่นใจในธุรกิจแล้ว นักลงทุนต้องมั่นใจในการตัดสินของตน และลงทุนในสัดส่วนที่ใจกล้าพอ”

 

กองทุนบัวหลวง : “หากเจอแล้วว่าตัวไหนดีจริงๆ เชื่อมั่นจริงๆ แล้วทำไมจะต้องแบ่งเงินไปลงทุนในตัวที่เราเชื่อมั่นน้อยเพื่อลดความเสี่ยงไปตามทฤษฎีการลงทุนที่เรียนกันมาล่ะ เพราะหากเชื่อมั่นน้อยมันก็คือความเสี่ยงสูงไม่ใช่หรือ”

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Wealth Station

ืทิศทางราคาทองยังไม่พ้นกรอบเดิม

ตัวเลขเศรษฐกิจช่วงหัวค่ำกดดันทองให้ย่อก่อนฟื้นได้ด้วยถ้อยแถลงเฟดให้ชุ่มชื้นหัวใจไปพลางๆ

การประชุมครั้งหน้าเป็นต้นไปที่จะต้องคอยระวังและต้องคอยมองถึงการปรับตัวที่ตลาดเงินสหรัฐว่ามีการเปลี่ยนแปลงหรือเปล่าในทางใดบ้างเพื่อคาดเดาสิ่งที่เฟดจะทำ

ตัวเลขการจ้างงานที่ออกมาดีจะกดดันทองในวัีนสองวันนี้ให้ปรับตัวขึ้นได้จำกัดและมองอ่อนตัวมากกว่า โดยเฉพาะอัีตราการว่างงานที่น่าจะดีขึ้นบ้างหลังบวกมาได้ดีสองครั้งแล้ว

เรียกว่า่อ่อนตัวด้วยทั้งปัจจัยที่รออยู่และทรงกราฟ

มีแนวต้านย่อยที่ี 1333 ดูแนวนี้ ไม่ผ่านมองย่อ

กลยุทธ์วันนี้อยู่หน้าเอสต่อ ที่แนวต้านย่อยและหลัก มีติดมือไว้บ้าง เป้าหมายที่กรอบล่าง

แนวต้าน 1333 1338 1345

แนวหนุน 1325 1315 1310

 

 

1004888_570017003036779_334253582_n.jpg

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...