ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ginger

หัวใจทองคำกับรอยหยักของสมอง

โพสต์แนะนำ

Thanong Fanclub shared a link.

 

4 minutes ago

 

“นิวยอร์กไทม์ส” วิเคราะห์ตื้นบอก "ไทย" ประท้วงแปลก! “ต่อต้านประชาธิปไตย”

 

http://www.manager.c...D=9560000154817

 

 

 

“นิวยอร์กไทม์ส” วิเคราะห์ตื้นบอก ไทย ประท้วงแปลก! “ต่อต้านประชาธิปไตย” - Around the World -...

www.manager.co.th

หนังสือพิมพ์ นิวยอร์กไทม์ส ซึ่งเป็นสื่อชั้นนำของสหรัฐฯ เผยแพร่บทวิเคราะห์เกี่ยวกับสถานการณ์การชุมนุมในไทยวานนี้(16) โดยข้อสังเกตว่า กรณีของไทยนั้นผิดแปลกจากการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยในประเทศอื่น ไม่ว่าจะเป็นอาหรับสปริง

สื่ออังกฤษเปิดโปง”ทักษิณ”จ้าง บ.พีอาร์อื้อฉาวระดับโลกปั้นภาพ “ชินวัตร” ?

เขียนวันที่

 

วันจันทร์ ที่ 16 ธันวาคม 2556 เวลา 17:05 น.

 

16122013001.jpg

สงสัยมานานหลายปีแล้วว่าเหตุใดสื่อยักษ์ใหญ่ของตะวันตก รวมไปถึงโทรทัศน์บีบีซี.ของอังกฤษ สถานีข่าวซีเอ็นเอ็นของสหรัฐ ตลอดจนสำนักข่าวไม่ว่าจะเป็นเอพี,เอเอฟพีและรอยเตอร์ ซึ่งในช่วงหลังมีสำนักข่าวซินหัวของจีนและอัลจาซีราในกาตาร์เข้ามาเกาะกลุ่มอยู่ด้วย จึงมักจะนำเสนอภาพของประเทศไทยในมุมมองที่เต็มไปด้วยอคติหรือมีธงอยูในใจ ภาพลักษณ์ของประเทศไทยจึงบูดเบี้ยวไม่ตรงกับความเป็นจริง ไม่สมกับเป็นสื่อยักษ์ใหญ่ที่คุยว่ามีเครือข่ายกว้างขวางครอบคลุมไปทั่วทุกมุมโลกแม้แต่นิดเดียว

ตัวอย่างล่าสุดที่เห็นได้ชัดก็คือการนำเสนอตัวเลขจำนวนของคนที่เข้าร่วมการเดินขบวนครั้งใหญ่สุดเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา จากภาพถ่ายดาวเทียมล้วนแต่ระบุตรงกันว่าจำนวนผู้ประท้วงมีมากกว่าหนึ่งล้านคน และมากกว่าจำนวนผู้ชุมนุมเมื่อวันที่ 24 พ.ย. ซึ่งในครั้งนั้น มีการคำนวณตามหลักมาตรฐานสากลแล้วได้ตัวเลขคร่าวๆว่ามีผู้เข้าร่วมราว 1 ล้าน 2 แสนคน

แต่การชุมนุมเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ซึ่งมีคนมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด สื่อต่างประเทศต่างอ้างตัวเลขของรัฐบาลว่ามีแค่ 1 แสน 5 หมื่นคน โดยสื่อเหล่านั้นไม่คิดจะออกไปดูด้วยตาตัวเองแล้วรายงานตามสถานการณ์ที่เป็นจริงให้สมกับเป็นสื่อมืออาชีพแม้แต่น้อย

ยิ่งกว่านั้น สื่อต่างประเทศยังจงใจนำเสนอแต่ข่าวการแถลงของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มากกว่าจะไปสัมภาษณ์ความเห็นของแกนนำการประท้วงหรือผู้ประท้วงว่าเหตุใดจึงออกมาชุมนุมมากผิดปรกติเช่นนี้ หรือไม่มีการวิเคราะห์สาเหตุที่คนไทยนับล้านๆ คนรวมไปถึงนักวิชาการชื่อดังต่างปฏิเสธรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ มุ่งแต่นำเสนอว่าคนไทยควรจะไปเลือกตั้ง ราวกับว่าการเลือกตั้งจะช่วยแก้ปัญหาได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดก็ไม่ปาน โดยไม่พยายามวิเคราะห์ว่าสาเหตุใดจึงมีกระแสเรียกร้องให้มีการปฏิรูปการเมืองและพรรคการเมืองก่อนมีการเลือกตั้ง

อคตินี้ยิ่งเห็นได้ชัดเมื่อสหรัฐประกาศสนับสนุนให้คนไทยไปเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. กลับตาลปัตรกับการประกาศสนับสนุนให้ชาวยูเครนซึ่งกำลังประท้วงขับไล่รัฐบาลด้วยวิธีการรุนแรงให้ออกไปล้มรัฐบาลให้ได้เพียงเพราะรัฐบาลนี้เตรียมจะผละจากอกประชาคมยุโรป (อียู) หันไปซบออกรัสเซียแทน

ส่วนหนึ่งของคำตอบจึงมาถึงบางอ้อว่าเป็นเพราะรัฐบาลประเทศมหาอำนาจมีผลประโยชน์ทับซ้อนอยู่ในไทยและยังเดินหน้าในนโยบายสองมาตรฐานหรืออีกนัยหนึ่งไร้มาตรฐานบนเวทีโลกอยู่เหมืนเดิม

เหนืออื่นใด เป็นความสำเร็จของนโยบาย "โลกล้อมประเทศไทย" ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ฟอกตัวเองและรัฐบาลของน้องสาวผ่านบริษัทโฆษณาชื่อดังแห่งหนึ่งของอังกฤษที่ช่วยเป็นสื่อกลางทำประชาสัมพันธ์ให้กับรัฐบาลยิ่งลักษณ์จนภาพลักษณ์ออกมาดูดี ทั้งๆ ที่คนไทยต่างเห็นกันทั่วว่าเธอให้สัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษฟังแล้วแทบไม่รู้เรื่อง แต่สื่อตะวันตกส่วนใหญ่กลับสามารถเขียนข่าวจนออกมาดูดีได้อย่างไม่น่าเชื่อ

เครื่องมือสำคัญของของพ.ต.ท.ทักษิณในการล้อมประเทศไทยให้อยู่หมัดก็คือการจ้างบริษัท เบลล์ พ็อตทิงเจอร์ (Bell Pottinger) บริษัทพีอาร์ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของอังกฤษให้ช่วยทำหน้าที่ปั้นภาพลักษณ์ของตัวเองและรัฐบาลยิ่งลักษณ์ให้ดูดีในสายตาของชาวโลก

เมื่อเร็วๆ นี้ เว็บไซต์หนังสือพิมพ์การ์เดียนของอังกฤษได้นำเสนอบทความพิเศษชิ้นหนึ่งของแอนดี้ เบคเค็ตต์ว่าด้วยประวัติความเป็นมาและปรัชญาการทำงานของบริษัทเบลล์ พ็อตทิงเจอร์ ซึ่งนอกจากจะช่วยทำพีอาร์ให้กับพ.ต.ท.ทักษิณแล้ว ยังรับจ้างทำประชาสัมพันธ์เพื่อช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้กับบรรดาเผด็จการ ทรราช ทั้งในอดีตและปัจจุบันอีกนับไม่ถ้วน อาทิ รัฐบาลศรีลังกาในช่วงที่จะเปิดเจรจากับนายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ มีทั้ง(อดีต) ประธานาธิบดีผิวขาว เอฟ ดับเบิลยู เดอ เคิลร์กแห่งแอฟริกาใต้ช่วงที่กำลังหาเสียงแข่งกับนายเนลสัน แมนเดลา ผู้นำขบวนการต่อต้านนโยบายเหยียดผิว มีทั้งนางอัสมา อัล อัสซาด สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งแห่งซีเรีย รวมไปถึงนายอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก เผด็จการแห่งเบลารุส มีนางรีเบคาห์ บรู้กส์ ที่เข้ามาใช้บริการหลังเกิดคดีอื้อฉาวเรื่องการดักฟังทางโทรศัพท์

นอกจากนี้ก็ยังเป็นตัวแทนรัฐบาลบาห์เรนและอิยิปต์ เป็นตัวแทนของการบริหารของสหรัฐที่ยึดครองอิรัก ตัวแทนบริษัทน้ำมันทราฟิกุรา ต้นเหตุของการปล่อยมลภาวะ ตัวแทนบริษัทคัวดริลลา ที่กำลังมีปัญหาอย่างหนัก

เป็นตัวแทนของออสการ์ พิสตอเรียส นักกีฬาที่ถูกฟ้องในข้อหาฆาตกรรม เป็นตัวแทนของมูลนิธิปิโนเชต์ระหว่างรณรงค์คัดค้านกรณีอังกฤษกักขังอดีตเผด็จการของชิลีผู้นี้ รวมทั้งยังเป็นตัวแทนของบริษัทอาวุธยักษ์ใหญ่ บีเออี ซิสเต็มส์ ที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่ว ฯลฯ

บทความชิ้นนี้เริ่มด้วยการโปรยหัวว่า "จากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไปจนถึงบริษัทคัวดริลลาและอัสมา อัล อัสซัด“ ที่กำลังมีปัญหา ล้วนแต่เป็นลูกค้าชื่อกระฉ่อนของบริษัทเบลล์ พ็อตทิงเจอร์ บริษัทพีอาร์ที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้ และ ทิม เบลล์ ผู้วางแผนรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งให้กับนางมาร์กาเร็ต แทตเชอร์ อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษได้เผยถึงเบื้องหลังความสำเร็จของธุรกิจนี้"

ทิม เยลล์ หรือ ลอร์ด เบลล์ แห่งเบลกราเวีย ซึ่งได้รับยศนี้เมื่อปี 2533 จากการเสนอของนางมาร์กาเร็ต แทตเชอร์ ซึ่งเป็นลูกค้าเก่าแก่มายาวนานไม่นับรวมเรื่องที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองเหมือนกัน แม้จะมีอายุ 72 ปีแล้ว แต่ก็ยังทำงานเต็มเวลาและก็ยังแต่งตัวเหมือนกับนักพีอาร์รุ่นเก่าผู้สามารถสร้างความเป็นกันเองด้วยรอยยิ้มง่ายๆ

มาร์ค บอร์คอฟสกี นักพีอาร์ชื่อดังและนักประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมการประชาสัมพันธ์ในอังกฤษให้ความเห็นว่าลอร์ดเบลล์ ถือเป็นคนต้นแบบของธุรกิจนี้ มีคนจำนวนมากพยายามจะเขียนข่าวมรณกรรมหรืออีกนัยหนึ่งความล้มเหลวของเขา แต่พวกนั้นประเมินความมุ่งมั่นดุจเหล็กกล้าของลอร์ด เบลล์ต่ำไป เขามีเครือข่ายที่ทรงพลังมาก มีการติดต่อกับทั่วทุกมุมโลก เปรียบไปแล้วเบลล์ พ็อตทิงเจอร์ เป็นคนหลากหลายเชื้อชาติที่มีอำนาจน่ากลัวมาก เป็นเวลานานหลายๆปีมาแล้วที่ลอร์ด เบลล์ จะทำงานอยู่หลังฉาก เป็นเหมือนกับตัวแทนของกลุ่มอิทธิพลต่างๆ"

น้อยครั้งนักที่เบลล์จะยอมให้สัมภาษณ์และปรกติจะให้สัมภาษณ์เฉพาะหนังสือพิมพ์เอียงขวาหรือคนดังในวงการหนังสือพิมพ์ที่ตัวเองชื่นชอบเท่านั้น

"ผมเองก็หากินกับรัฐบาลของแทตเชอร์ สิ่งที่ผมทำให้เธอนั้นบางคนก็ว่าเกินจริงอย่างเห็นได้ชัด บางคนก็ว่าประเมินต่ำเกินไปอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน" จากหนังสือเรื่อง "The Ultimate Spin Doctor" ของมาร์ค ฮอลลิงเวิร์ธ ว่าด้วยชีวประวัติของเบลล์ เผยว่า เบลล์ได้แนะนำเธอทุกอย่างตั้งแต่วิธีการผ่อนคลายเพื่อจะละลายท่าทางที่แข็งมะรือทื่อของเธอ ไปจนถึงกลวิธีโจมตีพรรคเลเบอร์ ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลในขณะนั้น ด้วยการจัดทำโปสเตอร์ชุด "Labour Isn't Working" ซึ่งโด่งดังไปทั่ว เป็นภาพคนตกงาน (ซึ่งอันที่จริงเป็นเด็กหนุ่มสังกัดพรรคอนุรักษ์นิยมที่ยืมตัวมาเข้าฉาก)ที่ต่อแถวยาวเหยียดสุดลูกหูลูกตาอยู่หน้าสำนักจัดหางาน โปสเตอร์นี้มีส่วนทำให้คะแนนนิยมของรัฐบาลฮีธ วิลสัน คัลลาฮานในช่วงปลายทศวรรษ 2513 ลดลงฮวบฮาบ ก่อนที่ชาวอังกฤษจะตระหนักหลังจากนั้นไม่นานนักว่า รัฐบาลแทตเชอร์ทำให้คนตกงานมากยิ่งกว่า

"สิ่งที่ผมเชื่อมั่นมากที่สุดก็คือคำเพียงไม่กี่คำที่สามารถสร้างภาพที่แจ่มชัด ก็สามารถเปลี่ยนแปลงการคิดของคนได้" ลอร์ด เบลล์ ซึ่งได้ร่วมก่อตั้งบริษัทเบลล์ พ็อตทิงเจอร์เมื่อปี 2541 กล่าวถึงหลักการทำงานของบริษัทนี้ว่า "เราจะบอกเรื่องราวต่างๆ ซึ่งไม่ได้หมายถึงการโกหก เราทำงานให้กับคนที่ต้องการจะบอกเรื่องราวในแง่มุมของเขา"

ขณะที่อเลค แมตทินสัน ผู้ช่วยบรรรณาธิการนิตยสาร "พีอาร์วีค" ให้ความเห็นว่า "บรรดาคนที่เกี่ยวข้องอย่างมากกับสถานการณ์พิเศษนั้นๆ เป็นทั้งชื่อเสียงและวิกฤติของการพีอาร์ ในแง่ของชื่อเสียงก็คือพวกเขาสามารถหาบริษัทที่พร้อมจะรับงานให้ ขณะที่บริษัทอื่นๆไม่กล้ารับงานนั้น"

จากนโยบายนี้ทำให้บริษัทเบลล์ พ็อตทิงเจอร์ตกเป็นเป้าโจมตีหลายครั้ง อาทิ ถูกสำนักตรวจสอบด้านการหนังสือพิมพ์ของอังกฤษประณามว่าปกปิดข้อมูลหรือนำเสนอข้อมูลด้านเดียวระหว่างเป็นพีอาร์ให้กับรัฐบาลศรีลังกาช่วงที่พบเจรจกับนายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จนนำมาซึ่งการประท้วงหน้าสำนักงานแห่งนี้

เช่นเดียวกับที่ชาวชิลีและนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนต่างไม่พอใจที่เบลล์ พ็อตทิงเจอร์ รับทำโฆษณาให้กลุ่มผู้สนับสนุนอดีตเผด็จการมือเปื้อนเลือดปิโนเชต์ที่ต้องการให้อังกฤษปล่อยตัวเผด็จตัวผู้นี้ และเบลล์ได้โหมโฆษณาด้วยข้อความว่า "ปรองดองไม่ใช่แก้แค้น" ฟังแล้วคล้ายๆกับที่นางสาวยิ่งลักษณ์พูดไว้ขณะได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีใหม่ๆว่า "มุ่งแก้ไขไม่แก้แค้น" พร้อมกับนำเสนอภาพปิโนเช์ที่ดูอ่อนล้า ไม่มีแรงเนื่องจากป่วยเรื้อรังทำให้คนสงสาร

สุดท้ายอังกฤษก็ยอมปล่อยตัวปิโนเชต์ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่าเป็นกระบวนการปลอกต้มที่ไม่โปร่งใส

อย่างไรก็ดี ลอร์ด เบลล์ยืนยันว่าบริษัทนี้เป็นพลังในด้านดี "เราต้องเรียนรู้จากสิ่งที่ผิดพลาด เหตุผลที่เรารับงานของลูคาเชนโกแห่งเบราลุส เป็นเพราะเจ้าตัวออกปากเองว่า"เราต้องการก้าวไปสู่ประชาธิปไตย และเราก็ได้ปล่อยนักโทษการเมืองแล้ว 6 คน"

ขณะที่ เจมส์ เฮนเดอร์สัน หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง ซึ่งเพิ่งมาอยู่ที่บริษัทนี้แค่ 3 ปี และมีบุคลิกของนักพีอาร์รุ่นใหม่ยืนกรานว่า ขณะนี้บริษัทไม่รับลูกค้าที่มีปัญหาชื่อเสียงฉาวโฉ่อีกแล้ว อาทิได้ปฏิเสธไม่รับข้อเสนอของนายโรเบิร์ต มูกาเบ เผด็จการแห่งซิมบับเว เป็นต้น ด้านเว็บไซต์ของบริษัทนี้ก็เอ่ยชื่อลูกค้าที่ไม่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ ส่วนใหญ่จะเน้นลูกค้าประเภทบริษัทน้ำมันและแก๊สธรรมชาติ บริษัทเหมืองแร่ สถาบันการเงินและรัสเซีย เป็นต้น

แมตทินสันแห่ง"พีอาร์วีค"ก็ยอมรับเช่นกันว่าแนวคิดที่จะรับงานบริษัทหรือลูกค้าที่มีปัญหานั้นเป็นเรื่องผิดพลาดของบริษัทพีอาร์ เบลล์ พ็อตทิงเจอร์

ในส่วนของผู้อ่านบทความชิ้นนี้ ได้เข้าไปแสดงความคิดเห็นและวิจารณ์การทำงานของเบลล์ พ็อตทิงเจอร์ จำนวนไม่ใช่น้อย

ชิ้่นหนึ่งที่น่าสนใจก็คือการแสดงความคิดเห็นว่า อนาคตของโลกจะเป็นเช่นใดขึ้นอยู่กับมุมมองและการประชาสัมพันธ์ ซึ่งเนื้อแท้ก็คือการโฆษณาชวนเชื่อ ที่เข้าไปมีบทบาทแทนที่รัฐสภาและโครงการต่างๆ

บางความเห็นก็เตือนบริษัทพีอาร์ให้คำนึงเรื่องของจริยธรรมและเรื่องของเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวต่างๆ

แปล/เรียบเรียงโดบุญรัตน์ อภิชาติไตรสรณ์

ขอบคุณข่าวและภาพข่าวจาก: theguardian

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

Chamnongsri Justice Thai

22 minutes ago

 

รุมชำแหละกู้สองล้านล้าน ระเบิดเวลาของคนไทย

 

สว.รสนา โตสิตระกูร กระตุ้นประชาชนให้รีบจับตาดู พรบ.กู้เงินสองล้านล้าน ก่อนประเทศจะล่มจมกลายเป็นหนี้สินล้นพ้นตัวอย่างประเทศกรีซ

 

ในการเสวนาเรื่อง “หยุด 2 ล้านล้าน มรดกหนี้แห่งชาติ” ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในวันอังคารที่ 17 ธันวาคม 2556 จัดโดย คณะกรรมาธิการการศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริต และเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภาร่วมกับองค์กรต่อต้านคอรัปชั่น (ประเทศไทย) ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย และมูลนิธิเครือข่ายธุรกิจเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (SVN) นั้น นางสาวรสนา โตสิตระกูล สมาชิกวุฒิสภากรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ก่อนหน้านีั้ัประชาชนมุ่งความสนใจไปที่ พรบ.นิรโทษกรรม จนทำให้วุฒิสภาไม่รับหลักการ แต่กลับไม่มาจับจ้องเรื่อง พรบ.กู้เงินสองล้านล้านที่เป็น พรบ.ลักทรัพย์ประชาชนซึ่งสามารถนำไปสู่การคอรัปชั่นที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศ นำประชาชนไทยเป็นหนี้สินสิ้นเนื้อประดาตัว และประเทศสู่การล้มละลาย

 

ขณะนี้ พรบ.กู้เงินสองล้านล้านที่ได้ผ่าน สภาทั้งสองสภาไปแล้ว และอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งถ้าศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้ผ่านได้จะก่อให้เกิดภาระหนี้สินประเทศไปอีก ห้าสิบปี แต่ในขณะเดียวกัน หนี้สินสาธารณะของประเทศซึ่งมีอยู่มากถึง 5.8 ล้านล้านบาท หากประเทศไม่มีความสามารถชำระหนี้สินได้ อาจพอกพูนไปจนเกินกว่าจะแก้ไขได้ น.ส.รสนา โตสิตระกูล กล่าวว่าการกู้เงินสองล้านล้านนี้ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ และสำนักงานกฤษฎีกาไม่สามารถตอบคำถามของวุฒิสภาได้ว่าเงินกู้ครั้งนี้ถือว่าเงินแผ่นดินหรือไม่ แต่เลี่ยงไปตอบว่า เป็นเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้วินิจฉัย “ขณะที่ยังไม่มีความชัดเจนว่าเงินกู้นี้เป็นเงินแผ่นดินหรือไม่ แต่การใช้หนี้สินนี้กลับมีความชัดเจนแล้วว่าจะต้องเอาเงินงบประมาณแผ่นดินมาจ่าย” หากพรบ.เงินกู้นี้ไม่ได้ตีความว่าเป็นเงินแผ่นดิน เพื่อสร้างความคล่องตัวกับรัฐบาล แต่การไม่ถือว่าเป็นเงินแผ่นดินจะเปิดโอกาสให้มีการคอรัปชั่นอย่างมโหฬารเนื่องจากเป็นงบเงินกู้ ที่ไม่มีกลไกการตรวจสอบภาครัฐ และขาดการชี้แจงรายละเอียดการใช้เงินภายใต้รัฐธรรมนูญหมวด 8 มาตรา 169 ที่กำหนดให้เงินแผ่นดินจะต้องผ่านกฎหมายสี่ฉบับคือกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่าย กฎหมายว่าด้วยวิธีงบประมาณ กฎหมายเกี่ยวด้วยการโอนงบประมาณ หรือกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง

 

 

“สำนักหนี้สาธารณะได้ชี้แจงว่าประเทศมีหนี้สาธารณะอยู่แล้ว 5.3 ล้านล้านบาท เท่ากับ 46% ของ GDP และขณะนี้ แต่ละปี ประเทศได้กันเงิน 3 % ของงบประมาณรายจ่ายสำหรับการจ่ายเพื่อชำระดอกเบี้ยและเงินกู้ ซึ่งหากมีหนี้เพิ่มอีก 2 ล้านล้าน ประเทศจะมีความสามารถจ่ายแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ไม่สามารถจ่ายเงินต้นได้เลยภายใน 50 ปี” น.ส.รสนากล่าว

 

ดร.พิสิฐ ลี้อธรรม คณะบดี คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ชี้ว่าเงินกู้สองล้านล้านต้องใช้คืนภายใน 50 ปี ซึ่งเฉลี่ยแล้วใช้ประมาณ 154,000 ล้านบาทต่อปีซึ่งประเทศต้องแบกรับภาระการขาดทุนในช่วงแรกของโครงการอย่างแน่นอน “ขณะนี้หนี้นอกระบบ ที่รัฐต้องแบกยังมีอีกมากมายเช่น โครงการสามสิบบาท โครงการรับจำนำข้าว เป็นต้นนั้นสูงมาก ซึ่งเรายังไม่ได้เห็นตัวเลขที่แท้จริง” โครงการภายใต้การกู้เงินสองล้านล้านบาท ยังไม่สามารถแสดงความคุ้มค่าในการกระตุ้น GDP อย่างที่คาดไว้เนื่องจากประเทศกำลังเผชิญปัญหาแรงงาน

 

ดร.ไกร ตั้งสง่า อุปนายกสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งชาติ ชี้ว่าโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงอาจมีประชากรไม่พอสำหรับสถานีระหว่างทาง ซึ่งราคาค่าเดินทางแทบไม่แตกต่างจากการเดินทางโดยใช้ สายการบิน low cost “จำเป็นไหมที่เราต้องมีรถไฟฟ้าความเร็วสูงในระดับต้น ทำไมเราไม่พิจารณารถไฟรางคู่ มากกว่า เพราะรถไฟทางคู่ในประเทศไทยมีน้อยมากแค่ 200 กว่ากิโลเท่านั้น รถไฟรางคู่จึงเป็นคำตอบในการลดต้นทุนด้านลอจิสติก และเป็นความจำเป็นเร่งด่วนกว่ารถไฟความเร็วสูง” ดร.ไกร เน้นว่า การทำโครงสร้างสาธารณะควรวางแผนเรื่อง การเชื่อมต่อกับระบบสาธารณะอื่นด้วย ไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาเช่นเดียวกับ airport link ที่ไม่เชื่อมต่อกับ BTS และระบบขนส่งอื่นที่เหมาะสม

 

นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านการคอรัปชั่น เสนอให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ อาทิ มีการจัดทำสัญญาคุณธรรมร่วมด้วย โดยคัดเลือกผู้แทนภาคเอกชนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องมาตรวจสอบเพื่อป้องกันการคอรัปชั่น โดยเน้นว่าไม่ค้านการกู้แต่ต้องการทราบรายละเอียดและขอนำเสนอมาตราการตรวจสอบ และให้มีการจัดทำสัญญาคุณธรรมร่วมด้วยกระบวนการทุจริตมักจะเริ่มจากการตั้งราคากลางที่สูงกว่าความเป็นจริงเพื่อให้มีเงินทอน “ที่ผ่านมาผลักดันให้เกิดการร่างระเบียบสำนักนายกแล้ว ซึ่งก็ไม่แน่นอนเพราะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา”

 

ด้าน ดร.มานะ นิมิตรมงคล ผอ.องค์กรต่อต้านการคอรัปชั่นเผยว่า รัฐเคยพูดว่ามีโครงการร่วมทุนกับเอกชนอีก 8 แสนล้านบาทประกอบเงินกู้ 2 ล้านล้าน ประกอบกับในปีที่ผ่านมามีการแก้ไขกฎหมายร่วมทุนและมีการจัดตั้งกองทุนด้วย จึงอยากขอให้สังคมจับตามองเรื่องนี้ให้ดี และขอถามว่าชาวบ้านจะได้ประโยชน์อะไรบ้างจากที่ดินที่ถูกเวรคืนไป รวมทั้งประเด็นที่ดินที่อยู่บริเวณรอบสถานีซึ่งจะมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น ในส่วนนี้ใครได้ประโยชน์ ขอให้ช่วยกันตรวจสอบต่อไป

 

นอกจากนั้นยังมีความเห็นจากผู้เข้าฟังการเสวนาว่า ผลกระทบของโครงการรถไฟความเร็วสูง ในเชิงสังคมนั้นสูญเสียมากเพราะสองข้างทางต้องทำตะแกรงปิด จะเป็นการทำลายโครงสร้างชุมชนและวิถีชีวิตชุมชนของคนในประเทศที่เส้นทางรถไฟฟ้าผ่าน

 

ประสานงาน : คุณสวนีย์ ฉ่ำเฉลียว โทร ๐๘๔-๖๖๘-๙๐๒๕ อีเมล์ : sawanee_c@hotmail.com

 

 

1456773_624226620971995_804625676_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

นิทานเรื่องจริง ตำนานการลวง หลอกล่อ ลงหม้อตุ๋น

22 hours ago

 

 

นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ "

 

ตอนที่ 1 : อำนาจทำให้คนมีเสน่ห์ ! ? !

 

“Control Oil and you control nations;

control food and you control the people”

 

“ควบคุมน้ำมันได้ คุณก็ควบคุมชาติต่าง ๆ ได้

ควบคุมอาหารได้ คุณก็ควบคุมประชาชนได้”

 

เป็นคำพูดของนาย Henry Kissinger เมื่อช่วง ค.ศ. 1970 พูดมาเกือบ 50 ปีแล้ว แต่ดูเหมือนทิศทางการเมืองระหว่างประเทศจะเป็นไปตามที่นาย Kissinger พูด

 

เรื่องบังเอิญหรือล็อกเป้า!

 

งั้นมาทำความรู้จักนาย Kissinger กันหน่อย จะได้รู้ว่าเป็นคนขี้โม้ หมอดู หรือคนในรู้จริง

 

นาย Kissinger มีชื่อเต็มว่า Henry Alfred Kissinger ตอนเกิดใช้ชื่อว่า Heinz Alfred Kissinger เป็นคนเยอรมัน อเมริกัน เกิดเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ค.ศ. 1923 ตอนนี้ก็อายุปาเข้าไป 90 ปี นอกจากยังไม่ตายและยังปากเปราะเหมือนเดิม นาย Kissinger เป็นคนตัวเตี้ย และห่างไกลกับคำว่าเป็นคนหน้าตาดี เขาแต่งงานแล้ว 2 ครั้ง ครั้งที่ 2 แต่งกับนาง Nancy ผู้หญิงซึ่งตัวสูงกว่าเขาประมาณเกือบ 1 ฟุต เมื่อสมัยที่นาย Kissinger เรืองอำนาจ นาง Nancy เองซึ่งก็ไม่ใช่คนสวยอะไร จะมีรูปปรากฎอยู่ในนิตยสาร Vogue นานาชาติอยู่เสมอ นิตยสารนี้ นอกจากจะมีแต่รูปนางแบบระดับโลกแล้ว ผู้ที่จะได้มีภาพลงในหนังสือนี้ ก็จะต้องเป็นบุคคลที่สมัยนี้เรียกว่า Celeb คนดังว่างั้นเถอะ ตัวผัวก็ไม่หล่อ คนเป็นเมียก็ไม่สวย แต่ทั้งคู่ดังระเบิด แถมตัวผัวยังมีข่าวเสมอทางด้านส่วนตัวว่าเป็นชายเจ้าชู้ ไม่เร่ขายชาติ แต่ชอบทำลายชาติคนอื่นมากกว่า !

 

เมื่อนักข่าวถามว่า ได้ข่าวว่าท่านเจ้าชู้ มีสาวควงเปลี่ยนหน้าบ่อยๆ ท่านทำได้อย่างไรนะ ในเมื่อ ขอโทษ ท่านก็ไม่ใช่คนหล่อ นาย Kissinger ตอบว่า “อำนาจก็ทำให้คนมีเสน่ห์ได้นะ” ฮา

 

นาย Kissinger มีอำนาจอย่างไร ถึงทำให้สาวๆ ยอมให้ควงบ่อยๆ แต่จะถึงขนาดจัดส่งขึ้นเครื่องบินไปร่วมร้องเพลงแก้เหงา หรือเปล่ารายงานข่าวไม่ได้บอก

 

นาย Kissinger เริ่มทำงานในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของประเทศ และต่อมาดำรงตำแหน่ง รมว.กระทรวงต่างประเทศ ในสมัยประธานาธิบดี Richard Nixon และเป็นต่อมาจนถึงสมัยประธานาธิบดี Gerald Ford พูดง่ายๆ เป็นคนสำคัญ ในการกำหนดทิศทางการเมืองของอเมริกาและแน่นอนของโลกด้วยในช่วงปี ค.ศ.1969 ถึง ค.ศ.1977

 

ผลงานของนาย Kissinger ที่เด่นๆ ที่ประกาศอย่างเปิดเผยลงใน Google คือ การคลี่คลาย (detente) สงครามเย็นกับสหภาพโซเวียต การเริ่มสร้างสัมพันธ์กับจีน และเริ่มขบวนการเจรจาสันติภาพที่ปารีส ซึ่งเป็นผลให้ยุติสงครามเวียตนาม (ที่อเมริกาเป็นผู้ริเริ่มนั่นแหละ !) ผลงานนี้ ทำให้เขาได้รับรางวัล Nobel สาขาสันติภาพในปี ค.ศ.1973 คู่กับคู่กัด คือ นาย Le Duc Tho จากเวียตนามเหนือ แต่นาย Le Duc Tho ปฏิเสธที่จะรับรางวัล เขาเป็นคนเดียวในประวัติศาสตร์ ที่ปฏิเสธรางวัล Nobel (เยี่ยม !)

 

เป็นการให้รางวัล Nobel สาขาสันติภาพ ที่ติดอันดับ 1 ใน 5 แห่งความอื้อฉาว และเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ เนื่องจากสัญญาสันติภาพของจริงกว่าจะได้ลงนาม ในปี ค.ศ. 1975 แต่ผู้เจรจาได้รับรางวัลล่วงหน้า เหมือนล็อตเตอรี่ยังไม่ออก แต่ประกาศแล้วว่าใครถูกรางวัลที่ 1 (เอ้า ตบมือให้ลูกน้องนักเล่นกลกันหน่อย)

 

แต่ผลงานของนาย Kissinger ที่ไม่ได้เปิดเผย แต่อยากเล่าให้ฟังคือ “National Security Study Memorandum 200” หรือที่เรียกชื่อย่อว่า NSSM 200 ซึ่งได้จัดทำขึ้น ภายใต้การกำกับและอำนวยการสร้างโดยนาย Kissinger เอง สำเร็จเป็นเอกสารหนาเกือบ 200 หน้า เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ. 1974

 

เอกสารนี้เกี่ยวกับอะไรลึกลับซับซ้อนอะไรหนักหนา ถึงขนาดตีตราครั่งว่าจะเปิดเผยได้ โดยคำสั่งของ White House เท่านั้น เก็บแอบซ่อนไว้ 15 ปี สภาความมั่นคงของอเมริกาก็เพิ่งเอามาเปิดให้อ่านกัน เมื่อ ปี ค.ศ. 1989

 

 

นิทานเรื่องจริง ตำนานการลวง หลอกล่อ ลงหม้อตุ๋น

7 hours ago

 

 

นิทานเรื่ิองจริง เรื่อง " มายากลยุทธ "

 

ตอนที่ 2 : NSSM 200 เอกสารลับซุกลึก (1)

 

เมื่อวันที่ 24 เมษายน ค.ศ.1974 นาย Henry Kissinger ได้มีหนังสือแจ้งไปยัง รมว.กลาโหม รมว. การเกษตร ผอ. สำนักงานข่าวกรอง (CIA) ผช.รมว. กลาโหม และผู้บริหารหน่วยงานพัฒนาด้านต่างประเทศ (AID) เกี่ยวกับผลกระทบต่อความมั่นคง และผลประโยชน์ของอเมริกาในต่างประเทศ เนื่องมาจากการเจริญเติบโตของประชากรโลก

 

หนังสือดังกล่าวแจ้งว่า ประธานาธิบดี Nixon สั่งให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ ทำการศึกษาเรื่องดังกล่าว โดยใช้วิธีการประมาณการหลายๆ แบบ ในแต่ละแบบจะต้องมีการประเมินถึงอัตราการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะของประเทศที่ยากจน ความต้องการของอเมริกาเกี่ยวกับ การส่งออกสินค้าประเภทอาหาร ปัญหาเกี่ยวกับการค้า ที่อเมริกาอาจจะต้องเผชิญ เนื่องจากการแข่งขันด้านทรัพยากร และความเป็นไปได้ที่การเจริญเติบโตของประชากรดังกล่าวจะเป็นอุปสรรคกับนโยบายต่างประเทศ และความไม่มั่นคงระหว่างประเทศ

 

การศึกษาดังกล่าวจะต้องเสนอวิธีดำเนินการที่เป็นไปได้ สำหรับอเมริกาในการจัดการปัญหาเรื่องการเจริญเติบโตของประชากรโลก โดยเฉพาะในประเทศที่กำลังพัฒนา โดยต้องให้ความสำคัญ ในประเด็นต่อไปนี้ด้วย

 

- อเมริกาจำเป็นต้องคิดวิธีการใหม่ ๆ หรือไม่ ในการจัดการกับปัญหาดังกล่าว

 

- เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่คิดขึ้นมา เพื่อลดการเจริญเติบโต จะต้องได้ผลดีกว่าสภาพที่เป็นอยู่

 

- อเมริกาจะให้ความช่วยเหลือในด้านนี้ ผ่านหน่วยงานใด และควรจะเป็นสนธิสัญญาแบบใด คู่สัญญา 2 ฝ่าย หลายฝ่าย หรือแบบลับเฉพาะ

 

เขียนมาซะยาว สรุปสั้น ๆ ว่า อเมริกาเป็นห่วงว่า การที่ประเทศจนๆ จะมีอัตราการขยายตัวของพลเมืองเพิ่มสูงเกินไป จะมีผลกระทบกับทรัพยากรของประเทศนั้น และทำให้เป็นปัญหากับความไม่มั่นคงของอเมริกา

 

เอะ! เรื่องมันก็ดูธรรมดาๆ ไม่เห็นมีอะไรน่าตื่นเต้นเลย แล้วจะมาเล่าให้เมื่อยมือคนเขียน เมื่อยตาคนอ่านทำไม

 

เมื่อได้รับคำสั่งจากนาย Kissinger สภาความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกา (United States National Security) ก็รีบทำการศึกษาวิจัย กว่าจะเสร็จก็เป็นเวลาที่ประธานาธิบดี Nixon หลุดจากตำแหน่ง เพราะคดี Watergate ไปเสียแล้ว นาย Gerald Ford ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีแทน มาถึงก็รีบรับไม้ต่อ เอาข้อเสนอตาม บันทึกลับ NSSM 200 ไปประกาศใช้เป็นนโยบายความมั่นคงของประเทศในปี ค.ศ. 1975 และให้อยู่ใต้การกำกับดูแลของนาย Kissinger ซึ่งก็ยังทำหน้าที่เป็น ครมว.ตปท. อยู่เหมือนเดิมร่วมกับนาย Brent Scowcroft (ซึ่งภายหลังได้มาเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของประเทศแทนนาย Kissinger) และมี ผอ. CIA ชื่อ นาย George Bush (ตัวพ่อ) เป็นผู้ร่วมทีมกำกับการแสดงกับ รมว.การคลังรมว.กลาโหม และ รมว.การเกษตร

 

ประเทศเป้าหมาย ที่อยู่ภายใต้การดำเนินการของ NSSM 200 มี 13 ประเทศ คือ อินเดีย บังคลาเทศ ปากีสถาน อินโดนีเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ ตุรกี ไนจีเรีย อียิปต์ เอธิโอเปีย เมกซิโก โคลัมเบีย และบราซิล (ไง! เริ่มตาลุกขึ้นมาหน่อยละซี พอเห็นชื่อไทยแลนด์ สมันน้อยตื่นเร็ว!)

 

อะไรทำให้นาย Kissinger คิดเรื่องนี้ เสนอนโยบายนี้ และในภายหลังได้กลายเป็นนโยบายระดับประเทศด้านความมั่นคงของอเมริกา อย่างปิดลับถึง 15 ปี และทำไมสมันน้อยถึงได้เข้ารอบไปอยู่ใน 13 ประเทศ กับเขาด้วย อ่านต่อไปน่าพี่น้อง ขืนบอกกันง่ายๆ เดี๋ยวคนอ่านหายหมด เดี๋ยวนี้กว่าจะได้คนอ่านนิทานไม่ง่ายนะ เขาไปร่วมไล่โจรกับลุงกำนันกันหมดแล้ว

 

นิทานเรื่องจริง ตำนานการลวง หลอกล่อ ลงหม้อตุ๋น

 

นิทานเรื่องจริง เรื่อง " มายากลยุทธ "

 

ตอนที่ 2 : NSSM 200 เอกสารลับซุกลึก (2)

 

เอกสารยาวเกือบ 200 หน้า ทำให้เห็นเค้าลางๆ ว่า อเมริกาเป็นห่วงเรื่องการเจริญเติบโตของประชากรโลก เพราะอะไร แหม! ไอ้จิกโก๋ นี่มันไม่โง่นะ มันมองหลายมิติ ทั้งในด้านทรัพยากร ด้านการเมือง ด้านสังคม และด้านความมั่นคงของประเทศ เพราะฉะนั้นจะรู้จักว่าจิกโก๋คิดอย่างไร อย่าทำตัวเป็นพวกจอแบน หรือที่สมัยนี้ เขาเรียกว่าพวกโลกสวยน่ะ

 

ในการดำเนินการตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ เอกสารลับซุกลึกนี้ อเมริกาแบ่งประเทศเป้าหมาย 13 ประเทศ เป็น 3 กลุ่ม

 

- กลุ่มที่ 1 คือ ประเทศที่ยากจน อัตราการเจริญเติบโตของพลเมืองสูง และไม่สามารถเลี้ยงตัวเองได้ ประเทศพวกนี้ก็จะเป็นภาระของอเมริกา ในฐานะพี่เบิ้มและประเทศที่มีฐานะทางเศรษฐกิจดี ที่จะต้องเลี้ยงดูและให้ความช่วยเหลือ

 

- กลุ่มที่ 2 คือ ประเทศที่ยากจน อัตราการเจริญเติบโตของพลเมืองสูง แต่มีทรัพยากรธรรมชาติมีค่า อยู่ในประเทศดังกล่าว และเป็นทรัพยากรที่อเมริกาต้องการ โดยประเทศดังกล่าวจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม ถ้าประเทศเหล่านี้มีประชากรเพิ่มขึ้นสูง ทรัพยากรของประเทศนั้น ก็อาจจะเหลือไม่เพียงพอกับความต้องการของอเมริกา

 

- กลุ่มที่ 3 คือ ประเทศที่ยากจน อัตราการเจริญเติบโตของพลเมืองสูง แต่มีทรัพยากรมีค่าอยู่ในประเทศดังกล่าว และเป็นทรัพยากรที่มีการแข่งขันกันสูงในการครอบครองระหว่างประเทศ และหากประเทศใดได้ครอบครอง ก็จะมีความได้เปรียบ อันเป็นการกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของอเมริกา

 

ที่น่าสนใจ ในเอกสารดังกล่าว ระบุไว้ตอนหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องทรัพยากร ว่าปัญหาการเชื่อมโยงระหว่างจำนวนประชากร กับปริมาณของทรัพยากร ในต่างประเทศที่อเมริกาต้องการนั้น อันที่จริงไม่ได้อยู่ที่ความเพียงพอของทรัพยากรอย่างเดียว

 

ปัญหาที่สำคัญกว่านั้น คือ การเข้าไปถึงทรัพยากรนั้นมากกว่า (จะเข้าไปขโมยของเขาอย่างไรน่ะ) โดยเฉพาะถ้าการเข้าไปถึง เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากการเมืองของประเทศเจ้าของทรัพยากรนั้น ซึ่งจะสร้างความยุ่งยาก หรือสร้างเงื่อนไขเกี่ยวกับการสำรวจ การขุดเจาะ การใช้สอย การแบ่งผลประโยชน์ระหว่าง อเมริกากับรัฐบาลของประเทศเจ้าของทรัพยากร

 

นอกจากนี้ เอกสารดังกล่าววิเคราะห์ด้วยว่า จำนวนประชากรของแต่ละประเทศ ก็เป็นเหตุปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่ง ที่ทำให้เกิดปัญหาทางสังคม และการเมืองในแต่ละประเทศ ตัวอย่างเช่น ในประเทศที่พัฒนาแล้ว และฐานะทางเศรษฐกิจดี อัตราการเจริญเติบโตของประชากร จะอยู่ที่ต่ำกว่าร้อยละ 1 ต่อปี และประเทศเหล่านี้ จะมีปัญหาทางสังคมและการเมืองน้อยมาก หรือแทบจะไม่มีเลย ในขณะที่ประเทศที่กำลังพัฒนาหรือด้อยพัฒนา อัตราการเจริญเติบโตของประชากรจะอยู่ที่อัตราร้อยละ 2.7 ถึงร้อยละ 3 ต่อปี และประเทศเหล่านี้ จะมีปัญหาสังคมและทางการเมืองสูง

 

ข้อเสนอตามเอกสารนี้ระบุว่า การแก้ปัญหาเบื้องต้น ที่น่าจะทำได้ง่ายและได้ผลที่สุด คือ การทำให้อัตราการเติบโตของประชากร ในประเทศเป้าหมาย เหลือศูนย์ และหากยังมีปัญหาทางสังคมและการเมือง ก็จะต้องมีการแก้ไขปัญหาเหล่านั้น โดยวิธีการอื่นต่อไป

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทความแนวโน้มราคาทอง วันอังคารที่ 17 ธันวาคม 2556 (รอบเย็น)

 

สรุปภาพรวมของตลาดเมื่อวานนี้

 

ภาพรวมตลาดยังคงเคลื่อนไหวซื้อขายอยู่ในกรอบสำหรับทองคำ โดยหลังการปรับตัวลงในช่วงตลาดเอเชียและยุโรปก็มีการดีดตัวขึ้นอีกระลอกในช่วงบ่ายของยุโรปถึงต้นตลาดอเมริกาตามปัจจัยทางเทคนิค ผลของตัวเลขต่างๆของสหรัฐฯไม่ได้ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำมากนัก โดยออกมาค่อนข้าง Mixed มีทั้งดีและไม่ค่อยดีสลับกันไป โดยตลาดยังคงมุ่งความสนใจหลักไปที่การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งผลจะออกมาในวันที่ 18/12/13 เวลา 02.00น. ซึ่งผู้เขียนได้บอกไปหลายครั้งแล้วโอกาสที่เฟดจะตัดสินใจปรับลดขนาดของ QE ลงยังเป็นอะไรที่ 50:50 โดยถ้าพิจารณากันจากผลของตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญๆของสหรัฐฯที่ผ่านมาถือว่าเฟดควรปรับลดขนาดของ QE ลง จริงๆควรปรับลดลงตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมาแล้วแต่ เฟดกลับไม่ทำก็เพราะหัวชาวยิวและรองหัวขาวยิวซึ่งจะมาดำรงตำแหน่งหัวในปีหน้า ถูก...ครอบงำอยู่อย่างค่อนข้างแน่นอน

 

สิ่งที่น่าสนใจและจับตาดูวันนี้

 

ผ่านไปสำหรับตลาดยุโรปซึ่งได้ออกมาแข็งแกร่งเกินการคาดการณ์ของตลาดแต่ก็ไม่ส่งผลมากนักต่อค่าเงินยูโร ส่วนตัวเลข CPI ของอังกฤษซึ่งออกมาต่ำกว่าการคาดการณ์ได้ส่งผลให้มีแรงเทขายค่าเงินปอนด์ลงมาอย่างชัดเจน แสดงให้เห็นว่าตลาดคงให้ความสนใจไปที่การประชุมเฟดมากกว่า แต่ทว่าเป็ฯการปรับ Positions ยกตัวอย่างเช่น ค่าเงิน EUR.USD อยู่ในโซนบน (แนวต้าน) เพราะฉะนั้นตัวเลขที่ดีไม่ได้ส่งผลบวกอย่างรุนแรงต่อค่าเงินยูโร ส่วนผลของตัวเลขของอังกฤษกลับส่งผลลบรุนแรงมากกว่าต่อค่าเงินปอนด์ เนื่องจากบ่งชี้ว่าทางธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) จะไม่มีการเปลี่ยแปลงนโยบายทางการเงินที่ผ่อนคลายอยู่ขณะนี้แน่นอน ในขณะที่ทางด้านสหรัฐฯยังคงเป็นอะไรที่ 50:50 ซึ่งถือว่าทาง BOE แน่นอนกว่าคือโอกาสเป็น 0 ไม่ทราบว่าจะพอเข้าใจกันหรือเปล่า ที่จริงนักลงทุนที่เคยผ่านการเข้าสัมมนากับผู้เขียน โดยเฉพาะทั้ง Basic and Advance ก็ควรจะพอเข้าใจกันได้บ้าง แต่ก็นะบางท่านหลายท่านก็ลืมหมด ผู้เขียนเน้นเสมอว่าการลงทุนต้องมีหลักการ ถ้าหลักการดีผลสำเร็จของการลงทุนก็จะยั่งยืน เช่น การหลีกเลี่ยงการเข้าลงทุนแบบไล่ซื้อไล่ขาย เพราะมีความเสี่ยงสูง ยกเว้นจะเห็นการ Breakout ซึ่งถ้าเป็นกรณี Technical breakout ก็อาจต้องรอการยืนยันก่อน (ยืนยันอย่างไร ผู้เขียนก็อธิบายไปไม่ต่ำกว่าร้อยครั้งแล้ว) ส่วนในอีกกรณีก็คือ มีข่าวสำคัญซึ่งบ่งชี้ว่าต้องขึ้นหรือลงแน่ อย่างนี้อาจเป็นข้อยกเว้นทำให้ท่านเข้าไล่ซื้อไล่ขายได้ก็เพราะข่าว ยกตัวอย่างเช่น Dagong สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯลง ก็เป็นปัจจัยให้ค่าเงิน USD อ่อนค่าลง ราคาทองคำปรับตัวขึ้น เป็นต้น ที่จริงการลงทุนให้ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่หลายท่านทำให้มันเป็นเรื่องยากเพราะไม่ยึดหลัก เลือกที่จะลงทุนโดยใช้ความรู้สึก ถ้าท่านจะฟลุ๊คได้กำไรในช่วงสั้นๆแต่ในที่สุดท่านก็จะล้มเหลวในการลงทุนอย่างแน่นอน ที่ผู้เขียนเขียนอย่างนี้ด้วยความรู้และประสบการณ์มายาวนาน และยึดหลักไว้เสมอ ไม่ได้มีเจตนาจะสอน เพียงแต่พยายามจะถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์และประสงค์จะให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในการลงทุนแบบยั่งยืน เพราะสำนึกและตระหนักว่าไม่มีท่านก็คงไม่จำเป็นต้องมีเรา เราอยู่ได้ก็เพราะมีท่าน

 

แนวโน้มและกลยุทธ์ประจำวันนี้

 

ราคาทองคำก็ยังคงเคลื่อนไหวซื้อขายอยู่ในกรอบแนวรับแนวต้านเดิมๆ โดยผู้เขียนเน้นแล้วว่า ราคาทองคำได้รูดลงมาถึง 4 ชุดแล้ว จึงบอกว่ากลยุทธ์ส่วนตัวของผู้เขียนเน้นไปทางด้านซื้อ เมื่อวานผู้เขียนก็บอกไปเช่นนั้นใช่มั้ย แต่การเข้าซื้อก็เน้นที่จะไม่เข้าไล่ซื้อยกเว้นจะมีข่าวที่ชัดเจน เนื่องจากข่าวใหญ่จะอยู่ในวันพุธตอนดึกมากคือ ผลการประชุม FOMC ซึ่งโอกาสที่เฟดจะตัดสินใจปรับลดขนาดของ QE ลงยังคงเป็น 50:50แต่ด้วยผู้เขียน Prefer ที่จะ Buy on dips มากกว่า เพราะฉะนั้นถ้าราคาทองคำปรับตัวลงก่อนผลการประชุมแล้วเฟดตัดสินใจคงนโยบายทางการเงินโดยไม่มีการปรับลดขนาดของ QE ลง แน่นอนราคาทองคำต้องมีการดีดตัวขึ้นแน่ ไม่มากก็น้อย ยังไงก็ได้กำไรแน่ แต่ที่ไม่อยากจะเขียนเช่นนี้ ก็เพราะกลัว... จะไหวตัวทัน แล้วไม่เป็นไปตามนั้นก่อน Basic มากๆเลย ถ้าราคาทองคำปรับตัวขึ้นก่อนอยู่ในโซนบน (แนวต้าน) เราก็ควรมองหาข่าวร้ายเพื่อจะเข้าขายทองคำ นั่นคือ เฟดตัดสินใจลด QE ลงในทางกลับกัน ถ้าราคาทองคำอยู่ในโซนล่าง (แนวร้บ) เราก็ควรมองหาข่าวบวกเพื่อเข้าซื้อทองคำ นั่นคือ เฟดตัดสินใจไม่ลด QE ลง (ยากตรงไหน เพียงแต่อย่างวิตกจริตไปเองก็เท่านั้น)

*SENTIMENT วันนี้ถือว่า Neutral กลยุทธ์วันนี้ผ่านไป 2 รอบ แล้วอย่างน้อย คือ เมื่อราคาทองคำได้มีการปรับย่อตั้งแต่เมื่อคืนตอนดึก แล้วต้นตลาดวันนี้ฝนราคาอยู่ก็เหมาะแก่การเข้าซื้อเล็กๆ และเมื่อราคาทองขึ้นไปแต่เริ่มมีการฝนตัวก็เทขายทำกำไรซะ แต่ไม่นานนี้ราคาทองคำได้รูดลงมาใกล้หรือแถวบริเวณ Very shortterm trendline support (กราฟราชั่วโมง) ซึ่งผู้เขียนก็เคยบอกวิธีลากเส้น Trendline ไปแล้วหลายครั้ง ก็อาจเข้าซื้อเล็กๆโดยวาง Stop loss ใต้บริเวณดังกล่าวลงมา ถึงตอนนี้ก็อาจต้องรอผลของตัวเลข CPI ของสหรัฐฯซะแล้ว หรือเผลอๆก็รอผลการประชุมเฟดไปเลย

ส่วนผู้เขียนก็ยังคงมองหาจังหวะเข้าซื้อ (ดักซื้อ) มากกว่าเข้าขาย แต่ด้วยความระมัดระวัง เพราะเราเข้าใกล้ผลการประชุม FOMC เข้ามาทุกขณะ 50:50 หมายความว่า อะไรก็เกิดขึ้นได้ ผู้เขียนก็ไม่สามารถจะไปล่วงรู้ล่วงหน้าได้ว่าเฟดจะตัดสินใจเช่นไร เพียงแต่ยังมียิวอยู่อย่างน้อย 2 คน ซึ่งเป็นทั้งหัวและรองหัวอยู่ซึ่งอาจได้รับใบสั่งให้ยังคง QE ไว้เท่าเดิมที่ $85b ในบรรดาประธานเฟดสาขาต่างๆมีความขัดแย้งกันค่อนข้างมากและถือว่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์ครั้งหนึ่งทีเดียว พวกที่อยากให้มีการลดขนาดของ QE ลงอาจเริ่มมีอิทธิพลมากขึ้น เนื่องจากผลของตัวเลขต่างๆสนับสนุนให้เฟดควรปรับลดขนาดของ QE ลงได้แล้ว ขอให้ผู้อ่านและนักลงทุนทุกท่านโชคดีครับ

 

แนวรับ-แนวต้านทองวันที่ 17/12/56 updated at 19.22น.

R2=1248/1252

R1=1243

S1=1235*

S2=1230/1227

……………

หมายเหตุ: บทความฉบับนี้ถูกจัดทำขึ้นบนพื้นฐานของแหล่งข้อมูลที่เชื่อว่าหรือควรเชื่อว่ามี ความน่าเชื่อถือ และ / หรือมี

ความถูกต้อง อย่างไรก็ตามผู้จัดทำไม่รับรองความถูกต้องครบถ้วนของข้อมูลดังกล่าวข้อมูลและความเห็นที่ปรากฎข้างต้น

อาจมีการเปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเพิ่มเติมได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ผู้จัดทำไม่มีความประสงค์ที่จะชักจูงหรือชี้ชวนให้ผู้ลงทุนลงทุนซื้อหรือขายหลักทรัพย์ ผู้จัดทำจึงไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้นจากการนำ

ข้อมูลหรือความเห็นของบทความนี้ไปใช้ไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและใช้ดุลยพินิจอย่างรอบคอบ

ในการตัดสินใจลงทุน Kimheng 9999

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Kanok Ratwongsakul Fan Page

 

คุณนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม ปราศรัยบนเวทีราชดำเนิน วันนี้...

 

"เหตุการณ์ที่นายทหารถูกฆ่าในปี 2553 ดีเอสไอรายงานว่า คนเสื้อแดงทำ แต่พอมาถึงรัฐบาลนี้ อธิบดีดีเอสไอ บอกคนเสื้อดำเป็นคนทำ รายงานหลักฐานต่างๆหายไป"

 

"ดิฉันเป็นเมียนายทหารที่ถูกฆ่าที่ตรงนี้ ตลอดเวลา 3 ปี ดิฉันรู้ซึ้งถึงคำว่า กลืนเลือด! เลือดมันขม..ก็ต้องกลืน มันเจ็บปวด..ก็ต้องกลืน น้ำตาจะไหล..ก็ต้องกลืนเลือด"

 

"นายกฯบอกให้เราหยุดชุมนุม ทั้งๆที่เราทำเหมือนคนเสื้อแดงทำในปี 53 แต่เราทำโดยสงบ สันติ นายกฯคนนี้ไม่เคยขอโทษในสิ่งที่เสื้อแดงทำ เพราะท่านเป็นคนหนึ่ง ที่ใส่เสื้อแดงชุมนุมอยู่"

 

"วันหนึ่ง..นายกฯเดินเข้าไปในค่ายทหาร ครอบครัวทหารยังนำดอกไม้ไปมอบให้ท่าน ปี 2554 เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ ทหารทุกคนออกไปช่วยชาวบ้าน ช่วยทุกคนทุกสี ทั้งที่เสื้อแดงเป็นคนที่ทำร้ายทหาร"

 

"นายกฯบอกจะสร้างความปรองดองในวันรับตำแหน่ง แต่ท่านไม่เคยทำ อย่างที่รับปาก ไม่เคยขอโทษในสิ่งที่รัฐทำผิด ดิฉันทำได้แต่เพียงสวมชุดดำตลอด 3 ปีที่ผ่านมา หวังจะเห็นพวกท่านสำนึก แต่ไม่รู้จะมีความหมายอะไรหรือเปล่า?"

 

"พวกเราประชาชน พร้อมจะเลือกตั้ง แต่เราไม่พร้อมจะให้คนโกงจัดการเลือกตั้ง"

 

"อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยแห่งนี้ เป็นที่ที่ พล.อ.ร่มเกล้า และนายทหารท่านอื่นต้องจากไป หลายคนถูกทุบตีทำร้าย ที่ถนนดินสอ แต่ดิฉันเชื่อว่า..อนุสาวรีย์ฯแห่งนี้ จะนำชัยชนะที่ยิ่งใหญ่มาให้พวกเรา ประชาชนจะลุกขึ้นสู้ต่อไปอย่างสันติ ประกาศชัยชนะให้โลกรับรู้ว่า ที่นี่..ประชาชนได้รับชัยชนะจากรัฐบาล และเราจะภาคภูมิใจร่วมกัน"

 

ผมเชื่อว่า ถ้าคุณปู กับ ธาริต ได้ฟัง "คุณนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม" พูดแล้ว ต้องรู้สึก "ละอายใจ" บ้าง เพราะยังไงท่านก็ยังเป็นคน ไม่ใช่เผ่าพันธุ์ ดึกดำบรรพ์สันดานดิบ จิตใจอำมหิต แต่ท่านอาจจะ "ชาเย็น" ที่จะแสดงออก ยังไงก็ขอให้พวกท่านรับรู้ไว้เถิดว่า บัดนี้ประชาชนหลายสิบล้านคน ได้เผื่อแผ่ "ความรังเกียจ" ไปถึงตัวท่าน และทุกคนในโคตรเหง้าที่ใช้นามสกุลเดียวกับพวกท่านด้วย

 

 

 

1476457_705955262755509_1532280635_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

"สุเทพ" ระดมพลไล่ "ยิ่งลักษณ์" 22 ธ.ค. เผยอาจส่งผู้ชุมนุมหญิงบุกบ้านพัก

blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 ธันวาคม 2556 22:12 น.

 

556000016210401.JPEG

 

"สุเทพ" ลั่นจากนี้ไปพุ่งเป้าไล่ "ยิ่งลักษณ์" ออกจากตำแหน่ง นัดระดมพลครั้งใหญ่ 22 ธ.ค.

แย้มอาจส่งผู้ชุมนุมหญิงล้วนถือดอกไม้บุกบ้านพักนายกฯเจรจาให้ยอมถอย

พร้อมเผย 19 - 20 ธ.ค. จะพามวลชนเดินขบวนเชิญชวนชาวกทม.ให้ออกมาสู้ร่วมกัน

 

วันนี้ (17 ธ.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 20.30 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. กล่าวปราศรัยที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ว่า ตนบอกแล้วว่าทางเลือกประเทศไทยมี 2 ทางเท่านั้น 1.น.ส.ยิ่งลักษณ์ และ ครม. ลาออกดีๆและไม่รักษาการ อย่างนี้ราบรื่น แล้วตั้งคนดีๆมาเป็นนายกฯ มี สภาประชาชน เพื่อปฏิรูปประเทศ 2.น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ยอมลาออก เราไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องบังคับใช้อำนาอธิปไตยของประชาชนจัดการกับประเทศนี้ หนทางแรกยากซะแล้ว เพราะวันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ออกมาบอกว่าไม่ลาออกเด็ดขาด ถือเป็นการท้าทายพี่น้องประชาชนทั้งประเทศอย่างจงใจที่สุด เขาท้าทายเราเต็มที่แล้ว เมื่อท้ามา พวกกำนันอย่างเราก็ต้องรับคำท้า

 

"วันนี้คณะกรรมการกปปส.ชุดใหญ่ เพิ่งประชุมเสร็จ และมอบหมายให้ผมมาเรียนว่าเราต้องลุกขึ้นไล่ยิ่งลักษณ์ทั้งประเทศไทย เรามาตกลงกันใหม่ว่าการต่อสู้ต่อไปนี้ ตรงไปตรงมาชัดเจน คือไล่ยิ่งลักษณ์ออกจากตำแหน่ง และจะไล่ทุกวัน ไล่ไม่เลิก ไล่จนกว่าจะไป ไล่เป็นระลอกๆ ให้มันเป็นลมไปเลย คณะกรรมการกปปส.ให้กระผมขึ้นมาเป็นตัวแทนกราบเรียนว่ากำหนดนัดหมายไล่ยิ่งลักษณ์ครั้งต่อไป คือวันอาทิตย์ ที่ 22 ธ.ค.นี้" นายสุเทพ กล่าว

 

นายสุเทพ กล่าวอีกว่า ต้องประกาศล่วงหน้าเพื่อให้พี่น้องต่างจังหวัดได้มีเวลาเตรียมตัว โดยเฉพาะพี่น้องภาคใต้ 2 ครั้งที่แล้ว วันที่ 24 พ.ย. และ 9 ธ.ค. เดินทางด้วยความทุกข์ยากลำบาก เพราะตำรวจวางตะปูเรือใบตลอดทาง ต้องอดข้าวอดน้ำ เดือดร้อนมาก จึงขอกราบเรียนไปยังพี่น้องที่อยู่ตลอดเส้นทางจากภาคใต้มายังกรุงเทพฯ ขอให้ อบจ. ทุกจังหวัดช่วยเป็นเจ้าภาพดูแลอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้พี่น้องที่ผ่านจังหวัดของท่านด้วย ให้ตั้งเต็นท์บริการประชาชน และให้อบต.ทั้งหลาย ตั้งเต็นท์เล็กเต็นท์น้อยตลอดเส้นทาง คอยถ่ายวิดีโอตำรวจที่มาวางตะปูเรือใบ เพื่อดำเนินคดีกับตำรวจเลวเหล่านั้น ขอความร่วมมือ อบต. ด้วย ช่วยตั้งจุดบริการประชาชน ถ้าสามารถประสานงานกับนักศึกษา นักเรียนอาชีวะ ให้เอาชุดปะยางมาไว้ตลอดทาง คอยปะยางให้ประชาชนที่โดนตะปูเรือใบ ระหว่างรอปะยางช่วยเลี้ยงข้าวเลี้ยงน้ำด้วย แล้วค่อยมาคิดเงินจากตนที่หลัง

 

สำหรับพี่น้องกทม. 2 ครั้งที่ผ่านมา ออกมากันแทบทุกบ้าน เที่ยวนี้มาร่วมกันอีก และเพื่อให้พี่น้องมีความฮึกเหิมสามารถตัดสินใจออกมาขับไล่ยิ่งลักษณ์ วันที่ 19 - 20 ธ.ค.นี้

ตนจะเดินนำขบวนพาพี่น้องไปเชิญชวนชาวกทม.ให้มาร่วมเดินขบวน

 

โดยวันที่ 19 ธ.ค. ทานอาหารเช้าเสร็จ ตนจะเดินนำพี่น้องไปทางผ่านฟ้า ไปถนนนครสวรรค์ ผ่านนางเลิ้ง เข้าถนนเพชรบุรี เลี้ยวขวาที่ถนนอโศก ทะลุถนนสุขุมวิท ทานอาหารกลางวันที่ปลายถนนอโศกตัดกับสุขุมวิท เดินล่องถนนสุขุมวิท ผ่าน นานา เพลินจิต ชิดลม สยาม สนามกีฬาแห่งชาติ อุรุพงษ์ และกลับมาราชดำเนิน ระหว่างเดินจะแจกหนังสือพิมพ์ฉบับพิเศษ เพื่อเชิญชวนพี่น้องทั้งหลายออกมาไล่ยิ่งลักษณ์ด้วยกัน ฉะนั้นขอประชาสัมพันธ์ไว้ว่า วันที่ 19 ธ.ค. นี้ รถจะติดมากที่ถนนเพชรบุรี และสุขุมวิท เพราะจำเป็นต้องไปชวนคนมาไล่ยิ่งลักษณ์

 

ส่วนวันที่ 20 ธ.ค. ตนจะพาพี่น้องเดินไปทางผ่านฟ้า หลานหลวง สะพานขาว หัวลำโพง พระรามสี่ สีลม และพักทานอาหารกลางวันที่สีลมใกล้ๆถนนนราธิวาส จากนั้นผ่านนราธิวาส เข้าสี่พระยา เข้าหัวลำโพง แวะที่เยาวราช และเดินมาทางสะพานเหล็ก วังบูรพา วัดสุทัศน์ ถนนดินสอ และกลับราชดำเนิน

 

วันทื่ 21 ธ.ค. จะให้พักเต็มๆทั้งวัน และ 22 ธ.ค. วันดีเดย์เอาจริงไล่ยิ่งลักษณ์ มาดูกันคราวนี้ได้กี่ล้านคน ถ้ายังหน้าด้าน คราวหลังเอาอีก ไม่ชนะไม่เลิก เราจะเดินจนถึงวันที่ข้าราชการ ตำรวจ ทหาร เห็นใจประชาชน และทิ้งมันมาอยู่ข้างเรา เดินซื้อใจข้าราชการ ดูว่าจะเห็นใจเราบ้างไหม แล้วไม่ต้องมาคาดคั้นตนเมื่อไหร่จบ จะจบเมื่อมันอยู่ไม่ได้ ให้ตั้งใจไว้อย่างเดียวว่าไล่จนกว่ายิ่งลักษณ์จะออกไป ถึงเป็นวันจบของเรา

 

นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า ส่วนกิจกรรมวันที่ 22 ธ.ค. จะมาแถลงให้ฟังเป็นระยะๆ ขณะนี้มีคนแนะนำว่า วันที่ 22 ธ.ค. อาจเอาอาสาสมัครเฉพาะผู้หญิงล้วนๆไปที่บ้านยิ่งลักษณ์ ถือดอกไม้ไปแล้วพูดจาตามประสาผู้หญิงว่าออกไปเถอะ อย่าด้านต่อไปเลย

 

สองวันก่อนตนบอกว่าถ้ายิ่งลักษณ์ไม่ออก อาจต้องพาลูกชายไปอยู่ดูไบ พูดแค่นี้มันเล่นกันใหญ่ว่าตนข่มขู่เด็ก ตนไม่ได้พูดกับเด็ก แต่พูดกับแม่ของเด็ก ต่อไปไม่พูดถึงเด็กแล้ว ฟาดแม่เด็กมันตรงๆเลยดีกว่า เล่นตรงๆเลย ลูกผัวไม่เกี่ยว ฉะนั้นต่อไปนี้ประกาศไล่ยิ่งลักษณ์เป็นทางการครั้งใหญ่ วันที่ 22 ธ.ค.นี้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

การปฏิรูปการเมืองไทยผลต่อเศรษฐกิจโลก

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เปิดปูมต่างชาติครอบงำตลาดเงิน+ทุนไทย

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Kimheng9999

 

ตัวเลขน่าสนใจวันที่ 18/12/2556

 

พูดสั้นๆคำเดียว มีมากมายเสียเหลือเกิน งานนี้หากไม่ได้ซื้อขายบอตรงๆ เสียดายมากๆครับ (เมื่อวาน ทางผู้เขียนและทีมงานก็ซื้อขานตามจังหวะของราคา ก็สามารถซื้อขายได้เกือบ 10 Order ...แหมก็แอบไม่ทำบทความแต่มาซื้อขายทองซะงั้น ไม่งั้นเสียดายแย่เลย )

 

16:00

EUR: German Ifo Business Climate 109.7 /109.3

 

16:30

GBP: Unemployment Rate 7.6% /7.6%

 

20:30

USD: Building Permits

0.99M /1.04M

 

USD: Housing Starts

0.95M

 

Sep Data USD: Housing Starts 0.91M / 0.89M

 

Oct Data USD: Housing Starts 0.92M

 

22:00

USD: Flash Services PMI

56.4 / 55.9

 

22:30

USD: Crude Oil Inventories

-2.4M / -10.6M

 

2:00**High-light

USD: FOMC Economic Projections

 

USD: FOMC Statement

 

USD: Federal Funds Rate

<0.25% / <0.25%

 

2:30

USD: FOMC Press Conference

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นอังคาร ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2556, 22.55 น.

tags : เช็ค สุทธิพงษ์, ปู

 

'เช็ค สุทธิพงษ์'หนุนยกทัพใหญ่ พร้อมไล่'ปู'22ธค.ไม่สนเหนื่อย

 

http://www.naewna.com/politic/82227

 

 

 

82227.jpg

17 ธ.ค. 56 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ หรือเช็ค ผู้ดำเนินรายการคนค้นฅน ผู้บริหารบริษัททีวีบูรพา จำกัด ได้โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัวที่ใช้ชื่อว่า Suttipong Thamawuit แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส. ประกาศชวนประชาชนเดินขบวนไล่รัฐบาลพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 22 ธันวาคมซึ่งจะขับไล่ไปเรื่อยๆ จนกว่ารัฐบาลจะยอมออกไป ซึ่งนายสุทธิพงษ์ ให้ความเห็นว่าตนไม่ได้ไปร่วมชุมนุมที่เวทีราชดำเนินมาหลายวัน เนื่องจากติดเตรียมงานคนค้นฅนอวอร์ด ที่จะจัดวันที่20-21ธันวาคมนี้ ซึ่งตนรู้สึกดีใจที่ไม่ตรงกับวันที่นายสุเทพ ประกาศเดินขบวน ทั้งนี้ยังตอบรับคำประกาศของนายสุเทพอีกด้วย

 

ข้อความที่นายสุทธิพงษ์โพสต์ลงเฟซบุ๊ค

 

"ช่วงนี้ผมไม่ได้ไปราชดำเนินหลายวันแล้ว เพราะเตรียมงานคนค้นฅนอวอร์ด ซึ่งจะจัดวันที่20-21ธันวาคมนี้ คืนนี้(17ธค.)กำนันนัดเป่านกหวีดอีกครั้งวันที่22 บุญจริงๆ ที่กำนันไม่นัดตรงกัน 21เสร็จงานดึกแค่ไหนวันรุ่งขึ้นยกขบวนไปร่วมด้วยแน่นอนครับ"

 

Untitled-1(684).jpg

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

gold.in.th

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดร่วง $14.3 นักลงทุนจับตาการประชุมเฟด (สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 18 ธันวาคม 2556 06:54:41 น)

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (17 ธ.ค.) ขณะที่นักลงทุนกำลังจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้อย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่าเฟดจะปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมครั้งนี้ตามที่มีกระแสคาดการณ์หรือไม่

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 14.3 ดอลลาร์ หรือ 1.15% ปิดที่ 1,230.1 ดอลลาร์/ออนซ์

 

นักลงทุนจับตาดูผลการประชุมเฟดในครั้งนี้อย่างใกล้ชิด โดยการบรรลุข้อตกลงงบประมาณในสภาคองเกรสและข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งทำให้มีความเป็นไปได้เพิ่มมากขึ้นที่เฟดอาจจะเริ่มลดขนาดของโครงการซื้อพันธบัตรวงเงิน 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือนในเร็วๆนี้ ด้านนักวิเคราะห์หลายรายคาดว่า เฟดอาจตัดสินใจชะลอมาตรการกระตุ้นในการประชุมสัปดาห์นี้เป็นอย่างเร็ว

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...