ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ginger

หัวใจทองคำกับรอยหยักของสมอง

โพสต์แนะนำ

1452080_634263349945015_1310076312_n.jpg

LIVING LIFE

 

มองให้เห็นความเป็นจริง

ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เพื่อมวลมหาชนไทย

วิญญูชน กระทำความเป็นได้ให้เกิดขึ้นเสมอ

ด้วย ความรอบครอบ รับผิดชอบ ต่อส่วนรวมเป็นที่ตั้ง

ขิง

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

L0_news_img_549885_1.jpg

 

'สุเทพ'ย้ำไม่ยอมแพ้ลั่นยอมตายคาเวที

"สุเทพ" ย้ำไม่ยอมแพ้ลั่นยอมตายคาเวที ลั่นอยากหายาแก้ดื้อให้ "ยิ่งลักษณ์" วอนประชาชนอย่าฟัง "นิพัทธ์" เพราะไม่มีน้ำยา

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หาทางออกให้กับประเทศไทย (1)

โดย : ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ

ผมได้รับการแจ้งจากกรุงเทพธุรกิจที่ขอความร่วมมือให้ผู้เขียนคอลัมน์ประจำเช่นผมช่วยกันเสนอทางออกให้กับประเทศไทย

ซึ่งผมเห็นด้วยเพราะการช่วยกันคิดและเสนอแนะเป็นสิ่งที่ดีและอาจจะช่วยให้ประเทศหาทางออกจากสถานการณ์การเมืองที่ตึงเครียดได้

ผมได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับปัญหาการเมืองของไทยในบางครั้งเมื่อจำเป็นโดยโยงถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจ แต่ขอยอมรับว่าไม่มีความสามารถที่จะเสนอทางออกให้กับประเทศได้ แต่พอมีข้อสังเกตที่เกี่ยวข้องกับประเด็นทางเศรษฐกิจ ซึ่งครั้งนี้ผมขอกล่าวถึงประเด็นความไม่พอใจนักการเมืองที่นำเสนอนโยบายประชานิยมโดยมักจะมีความไม่พอใจดังนี้

1. นักการเมืองนำเงินภาษีของประชาชน (มีผู้เสียภาษีเงินได้เพียง 2 ล้านคน) มาใช้สนับสนุนนโยบายประชานิยม (แจกเงินให้กับคนส่วนใหญ่ซึ่งไม่เสียภาษีหรือเสียภาษีน้อย) โดยเห็นว่าเป็นการซื้อเสียงให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ

2. นโยบายประชานิยมจะทำให้ภาครัฐล่มจมและเป็นภาระของผู้เสียภาษีเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต

3. นักการเมืองใช้อำนาจในทางที่ผิด คือเรียกเงินคอร์รัปชันทำให้ตัวเองร่ำรวยแต่ประเทศเสียหายและปลูกฝังความคิดผิดๆ ให้กับประชาชนที่ส่วนใหญ่มองว่าคอร์รัปชันเป็นเรื่องที่พอรับได้

ในความเห็นของผมนั้นระบบการเมืองที่เป็นประชาธิปไตยกล่าวคือยึดเสียงข้างมากเป็นเกณฑ์ตัดสินนโยบายนั้นย่อมจะได้มาซึ่งนโยบายที่เก็บภาษีจากคนรวยมาให้คนจนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะในทุกประเทศจะมี “คนรวย” (รายได้สูงกว่าเฉลี่ย 10-15 เท่า) ประมาณ 5% แต่ “คนจน” (รายได้ต่ำกว่ารายได้เฉลี่ย) ประมาณ 60% หรือมากกว่านั้น หมายความว่านโยบายที่มาจากรัฐบาลที่ได้รับการเลือกตั้งของเสียงข้างมากย่อมจะต้องมีนโยบายที่เก็บภาษีคนรวยเพื่อช่วยคนจนอย่างแน่นอน

ดังนั้น ประเด็นที่ควรจะต้องถกเถียงกันคือ 1.การลดช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนนั้นควรจะลดลงให้แคบลงเท่าไหร่จึงจะเหมาะสม หากลดส่วนต่างให้เหลือน้อยมากก็ย่อมจะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวช้าเพราะคน “รวย” คงจะไม่มีความกระตือรือร้นที่จะทำงานเพราะถูกเก็บภาษีไปเกือบหมด (เช่นประเทศกลุ่มสแกนดิเนเวียที่อัตราภาษีสูงสุดเท่ากับ 80%) และคน “จน” ก็คงไม่ต้องทำอะไรมากเพราะรัฐบาลโอนทรัพยากรมาให้อย่างพอเพียงจนมีความเป็นอยู่ใกล้เคียงกับคน “รวย” แล้ว กล่าวคือหากจะพยายามลดความขัดแย้งทางการเมืองที่ส่วนหนึ่งเกิดจากนโยบายประชานิยมก็ควรจะต้องมีความเห็นพ้องต้องกันว่าการเก็บภาษีจากคนรวยไปให้คนจนนั้นควรมีจุดมุ่งหมายและเป้าหมายที่ชัดเจน

2. นโยบายประชานิยมจะต้อง “ให้” อย่างมีหลักการที่ถูกต้อง เช่น การพักชำระหนี้ให้กับชาวนานั้นย่อมบั่นทอนวินัยทางการเงิน (แต่ก็ถูกโต้ว่าเวลาที่นายแบงก์มีปัญหารัฐบาลก็ทุ่มเงินกอบกู้ระบบการเงินเป็นล้านล้านบาท ซึ่งที่จริงคือการช่วยเหลือผู้ฝากเงินเป็นหลัก) หรือการ “ให้” ที่บิดเบือนกลไกตลาด เช่นการตั้งราคาจำนำข้าวสูงกว่าราคาตลาด 50% ทำให้ชาวนาไทย (และชาวนาประเทศเพื่อนบ้าน) ผลิตข้าวขายให้รัฐและในที่สุดรัฐต้องขายข้าวดังกล่าวในราคาที่ต่ำกว่าทุนอย่างมาก ซึ่งเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างฟุ่มเฟือย (เพราะผลิตสินค้าที่ขายแล้วต้องขาดทุน)

กล่าวโดยสรุป คือ ควรจะพยายามวิเคราะห์และถกเถียงกันให้ได้คำตอบว่านโยบายประชานิยมลักษณะใดที่เป็นผลเสียต่อประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจน้อยที่สุด ซึ่งจะได้ข้อสรุปว่าการโอนกำลังซื้อให้กับผู้ที่ยากจนโดยตรง เช่น หากเห็นว่าชาวนาควรมีรายได้ 20,000 บาทต่อครอบครัว เพื่อจะได้มีมาตรฐานความเป็นอยู่ที่สังคมรับได้ รัฐบาลก็ควรชดเชยรายได้ให้กับชาวนาทุกครอบครัวที่มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ดังกล่าว โดยสามารถปรับเพิ่มไปตามอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งหากเห็นด้วยกันในหลักการก็จะทำให้ต้องมาถกเถียงกันในรายละเอียดว่าเกณฑ์ดังกล่าวควรเป็นเท่าไหร่และจะต้องเก็บข้อมูลเกี่ยวกับรายได้ชาวนาอย่างไรจึงจะถูกต้องแม่นยำที่สุด เป็นต้น สำหรับการเข้าถึงบริการอื่นๆ นั้นก็สามารถใช้หลักการเดียวกัน เช่น คนมีรายได้น้อยและนักเรียนสามารถรับบัตรประจำเดือนเพื่อขึ้นรถเมล์ฟรีได้ ผู้ปกครองที่มีรายได้ต่ำสามารถรับ “บัตรการศึกษาบุตร” จากรัฐบาลเพื่อใช้จ่ายค่าเล่าเรียนของบุตรได้หรือแม่บ้านที่มีรายได้น้อยมีสิทธิได้รับ “บัตรแลกก๊าซหุงต้ม” จากรัฐบาล เป็นต้น

แน่นอนว่านโยบายประชานิยมนั้นส่วนใหญ่เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและอาจบั่นทอนการแก้ปัญหาในระยะยาว เพราะแทนที่จะทำให้คนพยายามพึ่งพาตัวเองให้มากที่สุดกลับทำให้การพึ่งพาภาครัฐเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ดังนั้น รัฐจึงต้องจัดสรรทรัพยากรให้เหมาะสม เช่น จัดสรรทรัพยากรให้กับสาธารณสุขและการศึกษามากเป็นพิเศษเพราะจะช่วยในการสร้างอนาคตให้กับประชาชน

บางคนอาจยังรู้สึกไม่พอใจที่เป็นคนส่วนน้อยที่ต้องเสียภาษีให้คนส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นมุมมองที่ไม่ถูกต้องนัก เพราะ มักจะวัดภาระภาษีจากการจ่ายภาษีเงินได้ แต่ที่จริงแล้วรัฐบาลเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้มากที่สุดและเป็นภาษีที่เก็บคนจนมากกว่าคนรวย กล่าวคือ คนรวยและคนจนซื้อสินค้าชิ้นเดียวกัน ราคา 107 บาท จะจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มเท่ากันคือ 7 บาท แต่คนจนมีรายได้น้อยกว่าคนรวยมา แปลว่าคนจนถูกเก็บภาษีในอัตราที่สูงกว่าคนรวยอย่างมาก ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้สูงว่าในอนาคตนั้นกระทรวงคลังจะต้องปรับภาษีมูลค่าเพิ่มจาก 7% เป็น 10% ในที่สุด ซึ่งจะเป็นการเพิ่มภาระภาษีให้กับคนจนมากกว่าคนรวยครับ

Tags : ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

"ระบอบทักษิณ" เป็นส่วนหนึ่งของระบอบผูกขาดโดยชนชั้นนำส่วนน้อย

โดย : รศ.วิทยากร เชียงกูล

“ระบอบทักษิณ” ไม่ใช่แค่รัฐบาลทักษิณ แต่หมายรวมถึงระบอบและนโยบายเศรษฐกิจการเมืองแบบผูกขาดรวบอำนาจโดยทักษิณและกลุ่มนักธุรกิจการเมืองของเขา

การใช้อำนาจทั้งทางเศรษฐกิจ การเมือง ระบบอุปถัมภ์ การซื้อเสียง การใช้นโยบายประชานิยมแบบหาเสียงระยะสั้นเพื่อเร่งการเติบโตของเศรษฐกิจทุนนิยมแบบสุดโต่ง การใช้อำนาจรัฐหาผลประโยชน์ให้ตนเองให้มากที่สุด เร็วที่สุด โดยไม่คำนึงถึงหลักประชาธิปไตย ความเป็นธรรม จริยธรรมใดๆ

ที่ “ระบอบทักษิณ” เกิดขึ้นได้ ก็เพราะโครงสร้างเศรษฐกิจการเมืองไทยเป็นการผูกขาดโดยคนกลุ่มน้อยที่จารีตนิยมมาโดยตลอด ไม่กระจายทรัพย์สิน รายได้ การศึกษาที่มีคุณภาพ ให้คนส่วนใหญ่ ทำให้กลุ่มทักษิณใช้วิธีการซื้อเสียง ซื้อใจประชาชน ยึดอำนาจรัฐจากชั้นนำผู้ปกครองกลุ่มอื่นได้ ความจริงชนชั้นผู้ปกครองกลุ่มอื่นก็ดำเนินนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจแบบทุนนิยมผูกขาดที่เป็นบริวารและใช้อำนาจการเมืองเพื่อประโยชน์ของตนเองคล้ายทักษิณ เพียงแต่ทักษิณทำแบบสุดโต่ง ทำอย่างเป็นระบบ ทำอย่างโลภมากกว่าทำให้ระบอบทักษิณเป็นอันตรายที่เห็นได้ชัดกว่า รวมทั้งกินกลุ่มเดียวไม่ค่อยแบ่งให้ชนชั้นนำกลุ่มอื่น ทักษิณและกลุ่มของเขาเป็นคนที่มุ่งหาผลประโยชน์อย่างสุดโต่ง ช่างคิดช่างทำ ทำอะไรใหม่ๆ แปลกๆ ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบรวดเร็วและปั่นป่วนได้หลายอย่างที่ควรได้ชื่อว่า “ระบอบทักษิณ” แต่ระบอบทักษิณมองในแง่โครงสร้างและนโยบายก็คือส่วนหนึ่งของระบอบผูกขาดโดยชนชั้นนำส่วนน้อยคือกลุ่มอื่นที่ไม่ใช่กลุ่มทักษิณด้วย

ระบอบทักษิณทำให้คนเกือบครึ่งประเทศเลือกและนิยมได้ และทำให้คนไทยแตกเป็น 2 ขั้วอย่างสุดโต่ง การพัฒนาแนวทุนนิยมเพื่อการบริโภคและนโยบายการหาเสียงประชานิยมอย่างสุดโต่ง ทำให้ประเทศและประชาชนเป็นหนี้มากขึ้น ล้างผลาญงบประมาณและทรัพยากรส่วนรวมมากขึ้น ทำให้คนไทยหมกมุ่นกับการได้เงินกู้มาบริโภคเพื่อประโยชน์ระยะสั้นอย่างง่าย ซึ่งเป็นการทำให้ประเทศตกต่ำและอ่อนแอในระยะยาว แต่คนที่ได้ส่วนแบ่งเศษเล็กน้อยจากระบอบทักษิณ หรือเชื่อว่าเขาจะทำให้ประเทศเจริญก้าวหน้าได้ ก็เลือกเข้าข้างพวกเขา โดยไม่สนใจหรือไม่เชื่อว่าทักษิณกับพวกใช้อำนาจรัฐทุจริต คอร์รัปชัน และหาผลประโยชน์ทับซ้อนทำให้คน 2 กลุ่มในสังคมไทยพร้อมที่จะด่าทอใช้ความรุนแรงต่อกัน โดยไม่ได้วิเคราะห์ เข้าใจ ปัญหาและทางออกที่แท้จริง

การจะล้มระบอบทักษิณเพื่อจะปฏิรูปประเทศ ต้องมีเป้าหมายชัดเจนว่าเพื่อประชาธิปไตยที่ประชาชนมีส่วนกำหนดเพิ่มขึ้นต้องเป็นธรรม และพัฒนาได้อย่างยั่งยืน การจะบรรลุเป้าหมายนั้นได้ต้องปฏิรูปเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจการเมืองแบบจารีตนิยมและแบบทุนนิยมผูกขาดที่เป็นบริวารให้เป็นระบบเสรีประชาธิปไตยที่ก้าวหน้า และระบบเศรษฐกิจแบบผสมระหว่างทุนนิยมที่มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรมกับสังคมนิยมประชาธิปไตย รัฐสวัสดิการและชุมชนสวัสดิการ ไม่ใช่แค่ล้มรัฐบาลตัวแทนทักษิณ แต่ได้ชนชั้นนำกลุ่มอื่นมาบริหารประเทศด้วยนโยบายไม่ได้ต่างจากทักษิณ

ระบอบทักษิณโดยเฉพาะประชานิยม กระตุ้นให้ระบบเศรษฐกิจมีเงินเพื่อจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น ไม่เพียงแต่ทำให้คนจนส่วนใหญ่หลงใหลเท่านั้น แม้คนชั้นกลางส่วนหนึ่งก็ชอบ แม้พรรคฝ่ายค้าน เช่น ประชาธิปัตย์ก็คิดเรื่องแนวทางนโยบายการพัฒนาประเทศได้ไม่ได้ต่างไปจากแนวส่งเสริมทุนนิยมอุตสาหกรรมกึ่งผูกขาดที่เป็นบริวารบริษัทข้ามชาติ รวมทั้งนโยบายประชานิยมหาเสียงแบบระบอบทักษิณมากนักเพียงแต่ทำน้อยกว่า ช้ากว่า โกงน้อยกว่า ระบอบทักษิณจึงไม่ใช่แค่ตัวทักษิณและกลุ่มของเขา แต่เป็นระบบที่มีอิทธิพลทางความคิดต่อนักธุรกิจ นักการเมือง รวมทั้งชนชั้นนำอื่นๆ ของไทยอยู่มากประเด็นคือทำอย่างไรจะได้รัฐบาลใหม่ และระบบการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่น ที่เป็นคนกลุ่มใหม่ที่คิดและทำแบบเสรีนิยมก้าวหน้า ที่มุ่งสร้าง ประชาธิปไตย คือสิทธิ เสรีภาพ เสมอภาคหรือความเป็นธรรม ทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม สำหรับคนส่วนใหญ่จริงๆ ไม่ใช่คิดแบบจารีตนิยมหรือทุนนิยมแบบมือใครยาวสาวได้สาวเอา

ประชาชนต้องศึกษาค้นคว้า เรียนรู้ใหม่ว่ามีแนวทางวิธีการพัฒนาประเทศแนวอื่นๆ ที่ดีกว่าระบอบทักษิณ เช่น การปฏิรูปเศรษฐกิจแนวสังคมนิยมประชาธิปไตยที่คำนึงถึงระบอบนิเวศ การปฏิรูปที่ดิน ปฏิรูปการเกษตรและอุตสาหกรรมขนาดกลาง ขนาดย่อม ปฏิรูประบบการลดภาษี เพื่อสร้างความเป็นธรรม กระจายโอกาสและส่งเสริมให้คนจนทำงานได้ดีและได้ผลตอบแทนสูงขึ้น ปฏิรูปการศึกษาอบรมให้คนคิด วิเคราะห์ เน้นมีจิตสำนึกเพื่อส่วนรวม ปฏิรูประบบราชการ การกฎหมาย ปฏิรูปเศรษฐกิจสังคมด้านต่างๆ ที่มีลักษณะก้าวหน้าเพื่อเพิ่มความสมดุล ความเป็นธรรม ความมีประสิทธิภาพเพื่อส่วนรวม และการพัฒนาอย่างยั่งยืน (คือ การหลีกเลี่ยงลดการทำลายสิ่งแวดล้อม การสร้างมลภาวะ)

ประเทศไทยปัญหาเร่งด่วนและสำคัญที่สุดคือการจัดการศึกษาได้คุณภาพต่ำและไม่ทั่วถึง พลเมืองมีความรู้ความสามารถ ความคิดความอ่านในระดับที่มีคุณภาพต่ำมาก รวมทั้งการที่ระบบเศรษฐกิจเพิ่มความเหลื่อมล้ำต่ำสูงมาก ทำให้มีคนจนและรายได้ต่ำ ทำให้ประเทศไทยแข่งขันสู้ใครได้น้อยลง หรือแม้แต่จะแก้ไขปัญหาตัวเองก็ยังไม่รู้ทางแก้ที่ถูกต้อง ต้องหาทางทำให้ประชาชนฉลาด คิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุผลเป็น รู้วิธีปกป้องต่อรองผลประโยชน์ของกลุ่มตัวเองมากกว่าจะถูกครอบงำด้วยอารมณ์ ความเชื่อ ให้เป็นพรรคพวกของผู้นำทางการเมือง ไม่ว่าจะทุนนิยมหรือจารีตนิยมกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

(แนวทางปฏิรูปเศรษฐกิจ อ่าน วิทยากร เชียงกูล. เศรษฐศาสตร์แนวใหม่ เพื่อชีวิตและระบบนิเวศที่สันติสุข. กรุงเทพธุรกิจ 2556)

Tags : รศ.วิทยากร เชียงกูล

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Good Morning News จาก กองทุนบัวหลวง .. มิตรแทตลอดเส้นทางลงทุน

 

16 ธันวาคม 2556

 

General News

----------------

 

• ก.แรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐในเดือนพ.ย.ลดลง 0.1% ทำสถิติร่วงติดต่อกัน 3 เดือน เนื่องจากต้นทุนพลังงานลดลง โดยราคาพลังงานในเดือน พ.ย.ลดลง 0.4% จากเดือนก่อน ทั้งในส่วนของน้ำมันเบนซิน ดีเซล และน้ำมันเตา

 

• สำนักงานสถิติของสเปน (INE) รายงานว่า ยอดขายบ้านในสเปนลดลง 10% ในเดือน ต.ค.เมื่อเทียบกับเดือน ต.ค. 55 โดยยอดขายบ้านใหม่ลดลง 17.6% และยอดขายบ้านมือสองปรับตัวลง 2.9% รวมช่วง 10 เดือนแรกของปี ยอดขายบ้านได้ลดลง 0.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แสดงว่าตลาดอสังหาฯ ในสเปนยังคงซบเซา

 

• กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมญี่ปุ่น รายงานว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นในเดือน ต.ค.เพิ่มขึ้น 1% จากเดือน ก.ย. (จากเดิมรายงานเบื้องต้นเมื่อวันที่ 29 พ.ย.ว่าขยายตัว 0.5%) เนื่องจากการผลิตที่แข็งแกร่งของผลิตภัณฑ์ยา และส่วนประกอบของเครื่องบิน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ยังไม่ได้มีการเปิดเผยในช่วงที่มีการเผยแพร่ตัวเลขเบื้องต้น

 

• ญี่ปุ่นขยายข้อตกลงสว็อปค่าเงินกับอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ โดยจะเพิ่มการทำสว็อปค่าเงินกับอินโดนีเซียจาก 1.20 เป็น 2.27 หมื่นล้านดอลลาร์ และเพิ่มการทำสว็อปกับฟิลิปปินส์จาก 6 พันล้านดอลลาร์ เป็น 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างเสถียรภาพในตลาดการเงินของเอเชียและป้องกันการขาดสภาพคล่องในภาวะวิกฤติ

 

ทั้งนี้ ความพยายามที่จะกระชับความสัมพันธ์กับประเทศในภูมิภาคอาเซียนเป็นส่วนหนึ่งของแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจญี่ปุ่น และเพื่อถ่วงดุลอำนาจของจีนที่ปัจจุบันกำลังขยายอำนาจในทะเลจีนใต้และทะเลจีนตะวันออก

 

• อัตราเงินเฟ้อของอินเดียในเดือน พ.ย.เพิ่มขึ้นเป็น 11.24% ทำสถิติสูงสุดในรอบ 9 เดือน ขณะที่ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมสะท้อนว่ายอดผลิตในโรงงานอินเดียหดตัวลง 1.8% ในเดือน ต.ค. เพราะศักยภาพการผลิตในภาคเหมืองแร่และสินค้าคงทนอ่อนแรงลง ทำให้มีการคาดการณ์กันมากขึ้นว่า ธ.กลางอินเดียอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก โดยจะประชุมนโยบายการคลังในวันที่ 18 ธ.ค. นี้

 

• นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธ.กรุงเทพ กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในปี 25857 น่าจะดีขึ้นจากปีนี้เล็กน้อย โดยคาดว่าจะขยายตัวประมาณ 3% ขึ้นกับภาคการส่งออกว่าได้รับผลดีจากการฟื้นตัวตัวของเศรษฐกิจโลกมากน้อยเพียงใด เพราะความสามารถในการแข่งขันของภาคเอกชนกำลังลดลง

 

ส่วนปัญหาทางการเมืองนั้นมองว่าควรมีการเจรจาหาทางออกเพื่อปฏิรูปประเทศก่อนการเลือกตั้ง แม้ว่าอาจจะทำให้การเลือกตั้งล่าช้าออกไปจาก 2 ก.พ.57 แต่ถือว่าคุ้มค่าเพราะจะช่วยให้ประเทศสามารถก้าวต่อไปได้อีกขั้น

 

• ก.พาณิชย์ ประกาศว่า รัฐบาลเตรียมจ่ายเงินค่าจำนำข้าว 6 หมื่นล้านบาทให้ชาวนาภายในสิ้นปีนี้ โดยจะมาจากงบประมาณที่กันไว้สำหรับโครงการนี้มาอีก 2.68 หมื่นล้านบาท รวมกับเงินของ ธ.ก.ส. 2 หมื่นล้านบาท เงินจากการระบายข้าวในสต็อกที่ ก.พาณิชย์เตรียมคืนเงินให้คลังประมาณ 6 พันล้านบาท รวมทั้งเงินที่ ครม.ได้อนุมัติเพื่อชดเชยให้ ก.พาณิชย์อีก 6.2 พันล้านบาท

 

• นายกสมาคมการค้าส่ง-ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมการค้าปลีกในปีนี้ไม่มีการเติบโต โดยสถานการณ์ได้ย่ำแย่ลงตั้งแต่ในช่วงเดือนเม.ย. ขณะที่เคยคาดว่ากำลังซื้อจะเริ่มกลับมาในไตรมาส 4 แต่กลับถูกกระทบจากความขัดแย้งทางการเมือง อย่างไรก็ตาม ในช่วง 2 สัปดาห์ที่เหลือก่อนจะถึงเทศกาลปีใหม่ คาดว่าผู้บริโภคจะเริ่มมีการจับจ่ายกันมากขึ้น

 

Equity Market

----------------

 

สรุปยอดสุทธิการซื้อขายของแต่ละกลุ่ม (ล้านบาท)

 

นักลงทุนสถาบัน -357.20

บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ -1,341.59

นักลงทุนต่างชาติ -3,484.23

นักลงทุนทั่วไป +5,183.02

 

• SET Index ปิดที่ 1,341.13 จุด ลดลง 15.08 จุด (-1.11%) ด้วยมูลค่าซื้อขาย 30,247 ล้านบาท จากความคลุมเครือของการเมืองไทยที่แม้จะไม่มีเหตุการณ์รุนแรง แต่ก็ยังไม่สามารถหาทางออกได้ ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่อง ทำให้หุ้น Big Cap เกือบทุกกลุ่มปรับตัวลดลง ยกเว้นหุ้นกลุ่มอาหารที่ราคายังทรงตัวได้จากการฟื้นตัวของธุรกิจกุ้ง ส่วนตลาดหุ้นต่างประเทศของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วเริ่มถูกขายทำกำไรหลังจากการปรับตัวขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

 

Fixed Income Market

------------------------

 

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวขึ้นเล็กน้อย โดยมีการเปลี่ยนแปลงในช่วงระหว่าง 0.00% ถึง 0.01%

วันนี้มีการประมูลตั๋วเงินคลังอายุ 28 วัน มูลค่า 20,000 ล้านบาท

Steven James Steven

 

 

1463905_600659313323189_1239266325_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

Thanong Fanclub shared a link.

6 hours ago

สหรัฐฯมีฐานทัพ700แห่งกระจายทั่วโลก

 

ฐานทัพสหรัฐฯกระจายทั่วโลก700 แห่ง และฐานทัพนี้มีอยู่อย่างทางการใน37ประเทศ กำลังจะรื้อฟื้นฐานทัพในไทยตามข่าว

 

ทำไมสหรัฐฯถึงต้องมีฐานทัพมากขนาดนี้?

 

15/12/13

 

http://googlemapsmania.blogspot.com/2013/12/mapping-united-states-military-footprint.html

 

 

Google Maps Mania: Mapping the United States Military Footprint

googlemapsmania.blogspot.com

Google Maps Mania is an unofficial Google Maps blog tracking the websites, mashups and tools being influenced by Google Maps

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ยกสองตย.ถามคนไทยอยากได้ รบ.'รับผิดชอบ/หน้าด้าน'ดูแลปท.

 

http://www.naewna.com/politic/81855

ข้อความที่ทนายวันชัย โพสต์บนเฟซบุ๊คส่วนตัว

วันนี้จะพูดเรื่องความรับผิดทางการเมืองกับความหน้าด้านทางการเมือง... สองเรื่องนี้มันต่างกันราวฟ้ากับเหว เป็นธรรมะกับอธรรม เป็นความรับผิดชอบชั่วดี กับความหน้าด้านหน้าทน...ในประเทศที่ิอารยะแล้วหรือในประเทศที่นักการเมืองเขาอารยะ เมื่อกระทำผิดใดๆไปหรือแม้ไม่ทำผิด...แต่อยู่ในความรับผิดชอบของตน เขาก็จะแสดงความรับผิดทางการเมืองด้วยการลาออก ด้วยการขอโทษ...เป็นสปิริตทางการเมือง... ไม่ต้องอ้างตัวบทกฎหมายใดๆ...มันเป็นความรู้สึกแห่งความรับผิดชอบที่มาจากจิตใจ... สุดยอด... คนเขานับถือ... เป็นความยิ่งใหญ่มากกว่าที่ใครจะมาตัดสินว่าผิดแล้วต้องกระเด็นกระดอนจากตำแหน่ง... แต่ความหน้าด้านทางการเมืองก็มักจะเกิดขึ้นในประเทศใดก็ได้ที่พัฒนาแล้วและไม่พัฒนา... ทั้งๆที่คนทั้งประเทศออกมาประท้วงคัดค้านว่าแกทำผิด! ศาลตัดสินว่าพวกแกผิด! ก็ยังหน้าด้านหน้าทน... ไม่สำนึกผิด... ลอยหน้าลอยตา... ดันทุรัง ด้านๆดิบๆ ไม่อายฟ้าอายดิน... อยู่แบบตะแล๊ดแต๊ดแต๋ ถูๆไถๆไปวันๆ... อยู่ในวงล้อมของพวกยกยอปอปั้นด้วยกันเอง แล้วก็ภูมิใจว่ามีคนเชียร์... เชียร์... เชียร์แบบหลอกๆ... ไม่ออก ไม่ทำอะไรทั้งนั้น... นี่แหละคือความหน้าด้านทางการเมือง... มันต่างกันอย่างฟ้ากับเหวจริงๆ มันดำกับขาว... สาธุชนพิจารณาเอาเถิดว่านักการเมืองแบบนี้... แบบที่มี แบบที่เห็น แบบที่เป็น... มันควรจะต้องปฏิรูปกันก่อนเลือกตั้งมั้ย? ขืนให้มีการเลือกตั้งก่อนปฏิรูป เราก็จะมีนักการเมืองด้านๆดิบๆ มีความหน้าด้านทางการเมืองอยู่อย่างนี้

 

ต้องปฏิรูปทางการเมือง ต้องปฏิรูปประเทศก่อนการเลือกตั้ง... ขืนปล่อยให้เป็นอย่างนี้ เลือกตั้งไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร... เราจะได้สิ่งเลวๆชั่วๆกลับมาเหมือนเดิม... เราจะได้ตัวกินบ้านกินเมืองกลับมาเหมือนเดิม... แล้วมันก็อ้างว่ามันมาจากการเลือกตั้ง... มาจากประชาชน เอาการเลือกตั้งเป็นตัวฟอกมัน... เฉพาะไอ้ระบบการเลือกตั้งแบบนี้ เอาเงินซื้อส.ส.เข้าคอก... แล้วส.ส.ก็เอาเงินไปซื้อชาวบ้าน แล้วก็ได้อำนาจรัฐมา... การได้อำนาจรัฐมาโดยปืนโดยรถถัง... กับการได้อำนาจรัฐมาโดยเอาเงินฟาดหัว... มันต่างกันตรงไหน? มันก็ระยำ ระยำพอกันนั่นแหละ... ถ้าเราไม่ปฏิรูปเปลี่ยนแปลงระบบการเลือกตั้งอย่างที่เป็นนี้ ไม่มีประโยชน์อะไรเลย...

 

เอ้า! เฉพาะเรื่องนี้เรื่องเดียวก็ต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้งแล้ว... เรื่องอื่นยังมีอีกเยอะ ถ้าปล่อยไว้เหมือนเดิม... มันก็ยังระยำตำบอนกันอีกแยะ....

x3(1).jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ : Buddhadasa Indapanno Archives

ให้ปีใหม่มันดีกว่าปีที่แล้วมา อย่างน้อยก็ให้มันโลภน้อยกว่า โกรธน้อยกว่า หลงน้อยกว่า สรุปแล้วคือ เห็นแก่ตัวน้อยกว่า

 

พุทธทาสภิกขุ

ธรรมเทศนาปีใหม่ปี ๒๕๑๕

 

 

1476407_10152089462445535_1325456693_n.png

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Wealth Station

 

ทิศทางราคาทองเข้าสู่สัปดาห์ที่มีตัวเลขและเหตุการณ์สำคัญอยู่คับคั่ง ทิศทางระยะสั้นเป็นลบแต่มีสัญญาณบวกในภาพหลักรออยู่

สัปดาห์นี้มีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญรออยู่มากพอสมควรและสำัคัญแทบทุกวัน พอจะทำให้ทองในสัปดาห์นี้มีทิศทางได้ตลอดสัปดาห์ไม่ว่าขึ้นหรือลง แต่พอพ้นสัปดาห์นี้ไปแล้วก็ถึงช่วงพักผ่อน และไม่มีประเด็นอะไรรออยู่ไปว่ากันอีกทีปีหน้าเลย

การประชุมเฟดยังเป็นประเด็นสำคัญประจำสัปดาห์ซึ่งรอยู่ในคืนวันพุธนี้

ทิศทางราคาทองในช่วง 2 วันก่อนประชุมเฟดน่าจะมีทิศทางทรงตัวถึงอ่อนตัว และยังต้องตามติด Yield Bond เพื่อคาดเดาแนวโน้มผลการประชุมว่าน่าจะออกมาอย่างไร คงมีอยู่สามทางเลือกสำหรับผลการประชุมคราวนี้ 1. ไม่มีอะไรยังไม่ลดคิวอี 2. ประกาศลดแต่ไปลดเอาปีหน้า 3. ประกาศลดและกำหนดใช้เอาเดือนหน้าเลย

โดยรวมคาดการณ์ในข้อ 1 และ 2 มากกว่า ข้อ3 ดูจะขัดกับนิสัยของผู้ว่าการคนใหม่ไปหน่อย

ช่วงสั้นนี้ยังดักเอสที่แนวต้านบริเวณ 1240 1245 และมองเป้าสั้นๆ เ่ท่านั้น

แนวต้าน 1240 1245 1250

แนวหนุน 1210 1220 1225

by Facebook.com/Wealthstation

16/12/56

 

1479125_630035827034896_1120025996_n.png

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Kimheng9999

Gold Report News 16/12/13 #1 (07:40)

 

หากราคาทองสามารถวิ่งผ่าน ราคาที่ 1237 USD/Oz. ได้ เป้าหมายแรกที่ 1243/1244 +/- มีโอกาสไม่น้อย

 

ในทางกลับกัน หากราคาปรับตัวลงหลุด 1234/1233 ลงมาได้ เป้าหมายแรกกลับใกล้กว่าที่ 1230/1229 ขณะที่มีเป้าหมายต่ำสุดอยู่ที่ 1225/1223

 

*สำหรับราคาทองในประเทศ ซึ่งมี อัตราแลกเปลี่ยนเป็นตัวแปร และช่วงนี้เงินบาทอ่อนค่า ฉะนั้นฝั่งซื้อหรือ Buy ได้เปรียบมากกว่าครับ....โชคดีครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Stock2morrow

ข่าว Hot วันจันทร์

 

SET ร่วงต่อ กองทุนต่างชาติยังขายหนักต่อเนื่อง

 

http://www.stock2morrow.com/showthread.php?t=54431

 

 

1520686_687764407934338_972491946_n.png

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Thanong Fanclub

 

QUIZ

 

สื่อกระแสหลักคาดการอย่างแพร่หลายว่า เฟดจะลดขนาดQEในการประชุมของFOMCวันที่ 17-18ธันวาคมนี้ หลังจากตะลุยพิมพ์เงินมาจนงบดุลเฟดเพิ่มจาก$800,000ล้านปี 2008 เป็นเกือบ$4ล้านล้าน ณ สิ้นปีนี้

 

ขณะนี้เฟดกำลังพิมพ์เงิน$85,000ล้านต่อเดือนเพื่อซื้อmortgage backed securities จากแบงค์ และซื้อUS Treasuries เพื่อกดดอกเบี้ยให้ต่ำและเพื่อเป็นการไฟแนนซ์การคลังของรัฐบาลที่บ่จี๊แล้ว มีการออกข่าวว่าตัวเลขตกงานดีขึ้นจาก7.3%เดือนตุลาคมเป็น7.0%เดือนพฤศจิกายน เพื่อสร้างภาพว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้น

 

แต่ลุงเบน เบลอนันเก๊ ประธานเฟดบอกว่าดอกเบี้ย0.25%ต้องอยู่ตำต่อไปจนกว่าตัวเลขคนตกงานจะดีขึ้นไปอยู่ระดับ6.5%

 

สภาพคล่องที่เฟดใส่เข้าไปในระบบไม่ได้ทำให้แบงค์เอาเงินไปปล่อยกู้ เพราะว่าแบงค์เอาเงิน$2ล้านล้านกว่าที่เฟดพิมพ์เข้าไปกลับไปฝากที่เฟดเพื่อกินดอกเบี้ย0.25% ในขณะที่ให้เงินฝากประชาชนต่ำกว่าอัตรานี้เป็นเสือนอนกิน

 

ท้ายที่สุดแล้วQEของเฟดทำได้อย่างเดียวคือปั่นตลาดหุ้นให้พุ่งเป็นฟองสบู่สูง3เท่าแล้วเมื่อเทียบกับระดับวิกฤต2009

 

คำถามท่านคิดว่า เฟดจะลดขนาดQEในอาทิตย์นี้หรือไม่ จะสับขาหลอก หรือจะเอาจริงแล้ว?

 

16/12/13

 

http://www.cnbc.com/id/101265008

 

 

1526368_180708818792167_1369692663_n.png

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

"กรณ์ จาติกวณิช"โพสต์เฟซบุ๊คไม่ขอรับตำแหน่ง กก.บห.ปชป. เพราะการต่อสู้กับระบอบทักษิณยังไม่แล้วเสร็จ อยากเห็นปฏิรูปบ้านเมือง

นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค Korn Chatikavanij ในช่วงเช้าของวันนี้ (16 ธ.ค.) ว่า เรียนเพื่อทราบ

วันอังคารนี้พรรคประชาธิปัตย์จะมีการประชุมใหญ่ ซึ่งจะรวมไปถึงการแก้กฎข้อบังคับพรรคและการเลือกคณะกรรมการบริหารใหม่ จากนั้นคณะกรรมการบริหารก็คงจะต้องพิจารณาวาระสำคัญคือวาระการตัดสินใจท่าทีของพรรคที่มีต่อการลงสมัครเลือกตั้ง

ส่วนตัวผมเองนั้น ผมได้แจ้งหัวหน้าพรรคไปแล้วว่าผมขอเว้นวรรคไม่รับตำแหน่งกรรมการบริหาร ซึ่งจะเป็นครั้งแรกตั้งแต่ผมเข้าพรรคที่จะไม่มีตำแหน่งบริหารใดๆ นับตั้งแต่สมัยแรกที่คุณสุเทพได้กรุณาเลือกให้ผมเป็นรองเลขาฯพรรค จากนั้นผมได้รับเลือกจากที่ประชุมใหญ่ของพรรคให้เป็นรองหัวหน้พรรคดูแลกทม. มาสองสมัย

การตัดสินใจของผมครั้งนี้มีเหตุสืบเนื่องมาจากการที่ผมได้ตัดสินใจลาออกจากการเป็นรองหัวหน้าฯ เมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคม เพื่อออกมาต่อสู้ต่อการออกพรบ.นิรโทษกรรม การต่อสู้รอบนั้นได้รับการตอบรับโดยพี่น้องประชาชนเป็นอย่างดี และนำไปสู่การต่อสู้รอบสองคือการปฏิเสธสภาฯ รัฐบาล และระบอบทักษิณ การต่อสู้รอบนี้ยังไม่แล้วเสร็จ และด้วยเหตุนี้ผมจึงยังไม่เห็นสมควรในการกลับเข้ามารับตำแหน่ง เพราะผมเองก็อยากที่จะเห็นการปฏิรูปบ้านเมืองให้มากที่สุดก่อนที่จะมีการเลือกตั้งเช่นเดียวกัน ส่วนความคิดเห็นในวิธีการบางส่วนที่ไม่ตรงกับแกนนำนั้นก็เป็นเรื่องที่ทราบกันดีอยู่แล้วแต่ไม่เป็นสาระสำคัญ เพราะเป้าหมายในการพัฒนาบ้านเมืองของเรานั้นตรงกันครับ

Tags : กรณ์ จาติกวณิชปฏิรูปการเมืองระบอบทักษิณปชป.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

534366_650323245024679_1676277241_n.jpg

เรามะมีพรรคมะมีสี

มีแต่เมืองไทยอันเป็นที่รักยิ่ง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...