ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ปล เก็บไว้ให้ได้รอบของมันถึงขายครั้งก็ได้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณคุณเสมมากครับ (มันยากตรงที่ พอถึงช่วงราคาแกว่งๆ นี่สิ ต้องใจนิ่งๆ จริงๆ อย่าขยับ มั่นคงเข้าไว้)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เก็บดอลล่าร์ไว้ตั้งแต่ 38.5เพราะประทับใจมากตอนโดนลดค่าเงินบาท คิดว่าจาก42 มา 38.5ก็ลงเยอะแล้ว รอดอลล์ฟื้นแบบคุณtonว่าก็ดี แต่เงินออมระหว่างนี้ขอเก็บเป็นทองไปก่อนนะ เพราะรอมาจะ 7 ปีแล้ว

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผมอยากขอให้เพื่อนๆอ่านบทความนี้ดูครับ

 

จะขอเริ่มต้นด้วยการแยกเรื่องราวทางเศรษฐกิจออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก คือ ส่วนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตลาดเก็งกำไร เช่น เรื่องของ ดอกเบี้ย เงินเฟ้อ การคำนวณ GDP มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การลงทุน หรือเรื่องของการทำธุรกิจ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้เราสามารถคิดได้อย่างเป็นเหตุ เป็นผล, ใช้เหตุผลตรงไปตรงมาในระดับปกติธรรมดาในการคิดได้ ส่วนที่สอง เป็นเรื่องของตลาดเก็งกำไร เช่นตลาดหุ้น ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ตลาดซื้อขายล่วงหน้า ตลาดซื้อขายทอง ตลาดซื้อขายน้ำมัน ฯลฯ ตลาดเก็งกำไรเหล่านี้ไม่ได้มีเหตุผลตรง ๆ ในแบบที่เราคิดกัน ไม่สามารถใช้เหตุผลในระดับปกติธรรมดา แบบที่เราใช้ในการทำธุรกิจ ฯลฯ ในการเอาชนะ หรือคาดการณ์ทิศทางราคาให้ถูกต้องได้ เราจึงเห็น คนเก่ง ๆ มีการศึกษาสูง เป็น ด็อกเตอร์ เป็นหมอ เป็นนักวิชาการ เป็นนักธุรกิจ ที่ประสบความสำเร็จ หาเงินได้มากจนร่ำรวย พอมาเล่นหุ้นกลับขาดทุน คาดการณ์ทิศทางราคาผิดตลอด เพราะหลักการเหตุผลมันคนละอย่างกัน วิธีการหลักคิดที่ใช้ในการทำธุรกิจ แล้วประสบความสำเร็จจนร่ำรวย พอเอาหลักการเหตุผล มาใช้ในตลาดหุ้นกลับขาดทุน เพราะตลาดหุ้นไม่ได้มีเหตุผลตรง ๆในแบบที่เราคิดกันแต่อยู่เหนือกฎเกณฑ์ของเหตุและผล ถ้าตลาดหุ้นเป็นเหตุ เป็นผลและใช้เหตุผลวิเคราะห์คาดการณ์ทิศทางราคาได้ คนเก่ง ๆ มาเล่นหุ้นต้องได้กำไรไม่ใช่ขาดทุนกันเป็นส่วนใหญ่เช่นนี้

 

มีคนอยู่น้อยนิดในโลกที่เข้าใจสิ่งนี้ หนึ่งในนั้นคือ WARREN BUFFET อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่สามารถบอกได้ว่าทำอย่างไรจึงจะได้รู้ว่าเมื่อไรหุ้นจะขึ้นและเมื่อใดหุ้นจะลง วิธีเอาชนะตลาดหุ้นจนประสบความสำเร็จจนร่ำรวยของเขา หลักคิดที่เป็นหัวใจนั้น ตั้งอยู่บนฐานที่ว่า เราไม่สามารถรู้ได้หรอกว่า เมื่อใดหุ้นจะขึ้นและเมื่อไรจะลง การพยายามกะเก็งวงจรของตลาดจึงทำให้ประสิทธิภาพและผลตอบแทนต่ำกว่าที่ควรจะเป็น วิธีการทำกำไรจากตลาดหุ้นของเขา คือการซื้อหุ้นที่ธุรกิจมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในระยะยาวพยายามซื้อในเวลาที่ตลาดตกต่ำมูลค่าหุ้นต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน และสามารถนั่งดูหุ้นที่ตัวเองซื้อราคาปรับลงไปอีกกว่าครึ่งได้โดยไม่รู้สึกขวัญผวา เมื่อซื้อแล้วให้ถือหุ้นที่ดีไว้ตลอดไปเท่าที่นานได้ ขายหุ้นที่ไม่ดีที่ผิดพลาดออกไป ฯลฯ (รายละเอียดอ่านหนังสือของ WARREN BUFFET) ไม่ใช่พยายามทำกำไรจากตลาดหุ้นโดยการพยายามกะเก็งวงจรของตลาด แต่เป็นการทำกำไรจากตลาดหุ้นโดยซื้อหุ้นที่ดีมีคุณค่า โดยไม่ต้องสนใจและไม่ต้องรู้ว่าหุ้นจะขึ้น-ลง เมื่อไรอย่างไร

 

แต่คนส่วนใหญ่ในโลกนี้ไม่เชื่อเช่นนั้น ส่วนใหญ่พยายามที่จะเข้า-ออก ให้ถูกจังหวะของตลาด โดยคิดว่าตัวเองทำได้ คนส่วนใหญ่ 98% จึงขาดทุนไม่ประสบความสำเร็จในตลาดหุ้น เพราะเขาใช้ “เหตุผล” ในการวิเคราะห์ทิศทางตลาดหุ้น วิธีเดียวที่จะชนะตลาดหุ้น ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ตลาดซื้อขายน้ำมัน ฯลฯ ซึ่งก็คือ สามารถคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจได้ถูกต้อง ต้องใช้และเข้าใจทฤษฎีเศรษฐศาสตร์แห่งความจริง

 

ทฤษฎีนี้อธิบายว่าความจริงแท้ไม่ใช่สิ่งที่ตาเห็น หูได้ยินและสัมผัสได้ แต่ความจริงจะอยู่ลึกลงไปข้างในไม่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยประสาทสัมผัส ถ้าคิดในแบบทั่ว ๆ ไป เราจะคิดว่าเราก็สามารถทำกำไรจากตลาดหุ้นได้ ขึ้นอยู่กับการติด - ตามใกล้ชิดข้อมูลข่าวสาร วิเคราะห์สถานการณ์ตัวเลขต่าง ๆ ได้ถูกต้อง แต่ถ้าคิดตามหลักความจริงแล้ว จะเห็นว่าพวกเราบุคคลธรรมดาทั่วไป เช่น เป็นนักธุรกิจ นักวิชาการ อาจารย์ ฯลฯ อยู่ในระดับล่างสุดแล้วที่เข้าไปซื้อขายในตลาดเก็งกำไรได้ ระดับต่ำหรืออยู่ล่างกว่า พวกเรา ๆ คือ คนชั้นแรงงานซึ่งไม่มีปัญญา ลงทุนในตลาดเก็งกำไร นอกนั้นมีแต่ระดับสูงกว่าเรา ไล่จากล่างสูงขึ้นไปก็คือเริ่มจาก กองทุนในประเทศ ธนาคารในประเทศ ธนาคารต่างประเทศ กองทุนต่างประเทศ จนถึงระดับสูงที่สุด คือระดับ จอซ โซรอส หรือเทียบเท่า จะเห็นว่าพวกเราอยู่ระดับล่างสุดที่ซื้อขายอยู่ในตลาดเก็งกำไร ถ้าเรากำไรแล้วใครจะขาดทุน ? มันไม่มีแล้วเนื่องจากเราอยู่ระดับล่างสุด เราจึงจะเป็นผู้ขาดทุนเสมอ โดยเม็ดเงินจะออกจากกระเป๋าเราไปสู่ระดับที่สูงกว่า – สูงสุด เนื่องจากในตลาดหุ้นมีคนกำไร ก็ต้องมีคนขาดทุน * เป็นวิธีคิดตามหลักความเป็นจริง ไม่ใช่ตามสิ่งที่ตาเห็น ดังนั้นเราจึงจะต้องไม่ซื้อ ในขณะที่คนทั่วไปส่วนใหญ่ซื้อในทางกับกันเราต้องขาย และต้องซื้อในเวลาที่คนส่วนใหญ่ขาย คือต้องเป็นส่วนน้อย และเนื่องจากคนส่วนใหญ่ตัดสินใจซื้อขายในตลาดเก็งกำไรด้วย ”เหตุผล” เราจึงต้องไม่ใช้เหตุผลในการตัดสินใจซื้อหรือขายเรื่องราวจึงกลายเป็นว่า เมื่อใดมีข่าวดี มีแต่เหตุผลด้านดี ๆ ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ดี ๆ ที่บ่งบอกว่าราคาหุ้นจะขึ้นต่อไปอีก MASS ตัดสินใจซื้อขายหุ้นด้วยเหตุผลในระดับปกติธรรมดายอมซื้อ เมื่อใดเหตุผลชัดเจน MASS แทบทุกคนก็ย่อมเห็นและซื้อกันหมด มองไปทางไหน ถามใคร ๆ ก็บอกหุ้นน่าซื้อ แต่เราลืมไปว่าคนไทยแทบทุกคนซื้อหุ้นกันอยู่ได้อย่างไร และใครขาย ? เพราะซื้อต้องเท่ากับขายเสมอแสดงว่าอีกด้านหนึ่งที่เรามองไม่เห็นว่าเป็นใคร กำลังขายอยู่ ซึ่งก็คือระดับ โซรอส จึงจะMATCH เกิดเป็นราคาได้ เมื่อ MASS ซื้อระดับผู้ชนะขาย ราคาก็เริ่มปรับตัวลงมาเรื่อย ๆ ข่าวร้ายก็ออกมาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามราคาที่ต่ำลงเรื่อย ๆ โดยที่ข่าวร้ายเหล่านี้ เราไม่สามารถเห็นได้เลย ก่อนที่ราคาจะปรับตัวลงมา ก่อนที่ราคาจะลงจะมีแต่ เหตุผล – ข่าวดี ว่าราคาจะชึ้นต่อไปอีก เมื่อราคาปรับตัวลงเรื่อย ๆ จนต่ำถึงจุดบริเวณหนึ่งที่มีแต่ข่าวร้าย เหตุผลด้านไม่ดีที่บ่งบอกว่าราคาจะปรับตัวลงต่อไปอีก มองอย่างไรก็ไม่เห็นเหตุผลว่าราคาจะขึ้นได้อย่างไร MASS เล่นหุ้นด้วยเหตุผลก็ขาย ด้านผู้ชนะ MATCHING ด้านซื้อ ราคาก็เริ่มปรับตัวขึ้นไปเรื่อย ๆ เหตุผลด้านดี ๆ ก็ออกมาอ้างอธิบายมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยที่เหตุผลเหล่านี้เราไม่สามารถเห็นได้เลย ก่อนที่ราคาจะขึ้นมา มีแต่เหตุผลว่าราคาจะลงต่อ

 

*****ข้อมูลเหล่านี้นำมาประยุกต์กับการลงทุนในทองคำได้ครับ******

บทความนี้ต้องให้เครดิตกับคุณพิชัย จาวลาครับ เค้าพูดได้อย่างน่าคิดน่ะครับ

ปล. บทความนี้ไม่ได้มีเจตนาให้เพื่อนๆในบอร์ดนี้เชื่อตามน่ะครับ แล้วแต่พิจารญาณของแต่ละบุคคลน่ะครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

post-442-096719500 1303945391.jpgใกล้ความจริงแล้ว 1600$image-8820_4DB8A333.jpg

คุณใหญ่ครับนอกจากทองกับปืนแล้ว ลองหันมามองน้องเงินบ้างมั้ยครับ น้องเงินช่วงนี้กำลังดีมากๆครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผมอยากขอให้เพื่อนๆอ่านบทความนี้ดูครับ

 

จะขอเริ่มต้นด้วยการแยกเรื่องราวทางเศรษฐกิจออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก คือ ส่วนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตลาดเก็งกำไร เช่น เรื่องของ ดอกเบี้ย เงินเฟ้อ การคำนวณ GDP มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การลงทุน หรือเรื่องของการทำธุรกิจ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้เราสามารถคิดได้อย่างเป็นเหตุ เป็นผล, ใช้เหตุผลตรงไปตรงมาในระดับปกติธรรมดาในการคิดได้ ส่วนที่สอง เป็นเรื่องของตลาดเก็งกำไร เช่นตลาดหุ้น ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ตลาดซื้อขายล่วงหน้า ตลาดซื้อขายทอง ตลาดซื้อขายน้ำมัน ฯลฯ ตลาดเก็งกำไรเหล่านี้ไม่ได้มีเหตุผลตรง ๆ ในแบบที่เราคิดกัน ไม่สามารถใช้เหตุผลในระดับปกติธรรมดา แบบที่เราใช้ในการทำธุรกิจ ฯลฯ ในการเอาชนะ หรือคาดการณ์ทิศทางราคาให้ถูกต้องได้ เราจึงเห็น คนเก่ง ๆ มีการศึกษาสูง เป็น ด็อกเตอร์ เป็นหมอ เป็นนักวิชาการ เป็นนักธุรกิจ ที่ประสบความสำเร็จ หาเงินได้มากจนร่ำรวย พอมาเล่นหุ้นกลับขาดทุน คาดการณ์ทิศทางราคาผิดตลอด เพราะหลักการเหตุผลมันคนละอย่างกัน วิธีการหลักคิดที่ใช้ในการทำธุรกิจ แล้วประสบความสำเร็จจนร่ำรวย พอเอาหลักการเหตุผล มาใช้ในตลาดหุ้นกลับขาดทุน เพราะตลาดหุ้นไม่ได้มีเหตุผลตรง ๆในแบบที่เราคิดกันแต่อยู่เหนือกฎเกณฑ์ของเหตุและผล ถ้าตลาดหุ้นเป็นเหตุ เป็นผลและใช้เหตุผลวิเคราะห์คาดการณ์ทิศทางราคาได้ คนเก่ง ๆ มาเล่นหุ้นต้องได้กำไรไม่ใช่ขาดทุนกันเป็นส่วนใหญ่เช่นนี้

 

มีคนอยู่น้อยนิดในโลกที่เข้าใจสิ่งนี้ หนึ่งในนั้นคือ WARREN BUFFET อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่สามารถบอกได้ว่าทำอย่างไรจึงจะได้รู้ว่าเมื่อไรหุ้นจะขึ้นและเมื่อใดหุ้นจะลง วิธีเอาชนะตลาดหุ้นจนประสบความสำเร็จจนร่ำรวยของเขา หลักคิดที่เป็นหัวใจนั้น ตั้งอยู่บนฐานที่ว่า เราไม่สามารถรู้ได้หรอกว่า เมื่อใดหุ้นจะขึ้นและเมื่อไรจะลง การพยายามกะเก็งวงจรของตลาดจึงทำให้ประสิทธิภาพและผลตอบแทนต่ำกว่าที่ควรจะเป็น วิธีการทำกำไรจากตลาดหุ้นของเขา คือการซื้อหุ้นที่ธุรกิจมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในระยะยาวพยายามซื้อในเวลาที่ตลาดตกต่ำมูลค่าหุ้นต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน และสามารถนั่งดูหุ้นที่ตัวเองซื้อราคาปรับลงไปอีกกว่าครึ่งได้โดยไม่รู้สึกขวัญผวา เมื่อซื้อแล้วให้ถือหุ้นที่ดีไว้ตลอดไปเท่าที่นานได้ ขายหุ้นที่ไม่ดีที่ผิดพลาดออกไป ฯลฯ (รายละเอียดอ่านหนังสือของ WARREN BUFFET) ไม่ใช่พยายามทำกำไรจากตลาดหุ้นโดยการพยายามกะเก็งวงจรของตลาด แต่เป็นการทำกำไรจากตลาดหุ้นโดยซื้อหุ้นที่ดีมีคุณค่า โดยไม่ต้องสนใจและไม่ต้องรู้ว่าหุ้นจะขึ้น-ลง เมื่อไรอย่างไร

 

แต่คนส่วนใหญ่ในโลกนี้ไม่เชื่อเช่นนั้น ส่วนใหญ่พยายามที่จะเข้า-ออก ให้ถูกจังหวะของตลาด โดยคิดว่าตัวเองทำได้ คนส่วนใหญ่ 98% จึงขาดทุนไม่ประสบความสำเร็จในตลาดหุ้น เพราะเขาใช้ “เหตุผล” ในการวิเคราะห์ทิศทางตลาดหุ้น วิธีเดียวที่จะชนะตลาดหุ้น ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ตลาดซื้อขายน้ำมัน ฯลฯ ซึ่งก็คือ สามารถคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจได้ถูกต้อง ต้องใช้และเข้าใจทฤษฎีเศรษฐศาสตร์แห่งความจริง

 

ทฤษฎีนี้อธิบายว่าความจริงแท้ไม่ใช่สิ่งที่ตาเห็น หูได้ยินและสัมผัสได้ แต่ความจริงจะอยู่ลึกลงไปข้างในไม่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยประสาทสัมผัส ถ้าคิดในแบบทั่ว ๆ ไป เราจะคิดว่าเราก็สามารถทำกำไรจากตลาดหุ้นได้ ขึ้นอยู่กับการติด - ตามใกล้ชิดข้อมูลข่าวสาร วิเคราะห์สถานการณ์ตัวเลขต่าง ๆ ได้ถูกต้อง แต่ถ้าคิดตามหลักความจริงแล้ว จะเห็นว่าพวกเราบุคคลธรรมดาทั่วไป เช่น เป็นนักธุรกิจ นักวิชาการ อาจารย์ ฯลฯ อยู่ในระดับล่างสุดแล้วที่เข้าไปซื้อขายในตลาดเก็งกำไรได้ ระดับต่ำหรืออยู่ล่างกว่า พวกเรา ๆ คือ คนชั้นแรงงานซึ่งไม่มีปัญญา ลงทุนในตลาดเก็งกำไร นอกนั้นมีแต่ระดับสูงกว่าเรา ไล่จากล่างสูงขึ้นไปก็คือเริ่มจาก กองทุนในประเทศ ธนาคารในประเทศ ธนาคารต่างประเทศ กองทุนต่างประเทศ จนถึงระดับสูงที่สุด คือระดับ จอซ โซรอส หรือเทียบเท่า จะเห็นว่าพวกเราอยู่ระดับล่างสุดที่ซื้อขายอยู่ในตลาดเก็งกำไร ถ้าเรากำไรแล้วใครจะขาดทุน ? มันไม่มีแล้วเนื่องจากเราอยู่ระดับล่างสุด เราจึงจะเป็นผู้ขาดทุนเสมอ โดยเม็ดเงินจะออกจากกระเป๋าเราไปสู่ระดับที่สูงกว่า – สูงสุด เนื่องจากในตลาดหุ้นมีคนกำไร ก็ต้องมีคนขาดทุน * เป็นวิธีคิดตามหลักความเป็นจริง ไม่ใช่ตามสิ่งที่ตาเห็น ดังนั้นเราจึงจะต้องไม่ซื้อ ในขณะที่คนทั่วไปส่วนใหญ่ซื้อในทางกับกันเราต้องขาย และต้องซื้อในเวลาที่คนส่วนใหญ่ขาย คือต้องเป็นส่วนน้อย และเนื่องจากคนส่วนใหญ่ตัดสินใจซื้อขายในตลาดเก็งกำไรด้วย ”เหตุผล” เราจึงต้องไม่ใช้เหตุผลในการตัดสินใจซื้อหรือขายเรื่องราวจึงกลายเป็นว่า เมื่อใดมีข่าวดี มีแต่เหตุผลด้านดี ๆ ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ดี ๆ ที่บ่งบอกว่าราคาหุ้นจะขึ้นต่อไปอีก MASS ตัดสินใจซื้อขายหุ้นด้วยเหตุผลในระดับปกติธรรมดายอมซื้อ เมื่อใดเหตุผลชัดเจน MASS แทบทุกคนก็ย่อมเห็นและซื้อกันหมด มองไปทางไหน ถามใคร ๆ ก็บอกหุ้นน่าซื้อ แต่เราลืมไปว่าคนไทยแทบทุกคนซื้อหุ้นกันอยู่ได้อย่างไร และใครขาย ? เพราะซื้อต้องเท่ากับขายเสมอแสดงว่าอีกด้านหนึ่งที่เรามองไม่เห็นว่าเป็นใคร กำลังขายอยู่ ซึ่งก็คือระดับ โซรอส จึงจะMATCH เกิดเป็นราคาได้ เมื่อ MASS ซื้อระดับผู้ชนะขาย ราคาก็เริ่มปรับตัวลงมาเรื่อย ๆ ข่าวร้ายก็ออกมาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามราคาที่ต่ำลงเรื่อย ๆ โดยที่ข่าวร้ายเหล่านี้ เราไม่สามารถเห็นได้เลย ก่อนที่ราคาจะปรับตัวลงมา ก่อนที่ราคาจะลงจะมีแต่ เหตุผล – ข่าวดี ว่าราคาจะชึ้นต่อไปอีก เมื่อราคาปรับตัวลงเรื่อย ๆ จนต่ำถึงจุดบริเวณหนึ่งที่มีแต่ข่าวร้าย เหตุผลด้านไม่ดีที่บ่งบอกว่าราคาจะปรับตัวลงต่อไปอีก มองอย่างไรก็ไม่เห็นเหตุผลว่าราคาจะขึ้นได้อย่างไร MASS เล่นหุ้นด้วยเหตุผลก็ขาย ด้านผู้ชนะ MATCHING ด้านซื้อ ราคาก็เริ่มปรับตัวขึ้นไปเรื่อย ๆ เหตุผลด้านดี ๆ ก็ออกมาอ้างอธิบายมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยที่เหตุผลเหล่านี้เราไม่สามารถเห็นได้เลย ก่อนที่ราคาจะขึ้นมา มีแต่เหตุผลว่าราคาจะลงต่อ

 

*****ข้อมูลเหล่านี้นำมาประยุกต์กับการลงทุนในทองคำได้ครับ******

บทความนี้ต้องให้เครดิตกับคุณพิชัย จาวลาครับ เค้าพูดได้อย่างน่าคิดน่ะครับ

ปล. บทความนี้ไม่ได้มีเจตนาให้เพื่อนๆในบอร์ดนี้เชื่อตามน่ะครับ แล้วแต่พิจารญาณของแต่ละบุคคลน่ะครับ

(ู้

คนสามารคิดต่างกันและโต้แย้งกันด้วยเหตุผลได้

ไม่แปลกที่แต่ละคนจะทำในสิ่งที่ได้คิดทบทวนด้วยตัวเองแล้ว

ความจริงที่ยังเป็นความจริงแท้ๆ ยืนยันมาตลอดคือ ธนบัตร มีค่าลดลงตลอดมา

หุ้นก็คือระบบที่คนสร้างขึ้นอย่างมีนัย

เป็นการให้มีเงินหมุนในระบบ โดยมีการเก็งกำไร

จึงไม่แปลกที่ผู้เข้าไปในระบบนี้โดยไม่มีความรู้จะพลาดท่าขาดทุนเพราะมีเบื้องหลัง มีการปั่น

ล่อหลอกอยู่ อย่างที่รู้กัน

อย่างไรก็ดี ทั้งธนบัตรและใบหุ้นแท้จริงคือกระดาษ เป็นสิ่งที่ถูกสมมุติขึ้นมา

ใบหุ้นมีค่า=0 ได้ ธนบัตรถูกสั่งพิมพ์ขึ้นมาได้ ตามจำนวนที่ต้องการ นั่นหมายความว่าอย่างไร :)

แม้ทองจะมีค่าเกินจริงไปบ้าง แต่ทองจะยังคงค่าของตัวเองตลอดไป

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอรบกวนupdate น้ำมันด้วยค่ะ ระบบแดงแล้วใช่มั้ยคะ pnt 1.1

ต้องออกเลยหรือตอนตลาดปิด ตี4คะ

ขอบคุณมากๆค่ะทุกท่าน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

ถ้าคนที่รู้ Technical Analysis (TA)ผมอยากจะชี้เเนะเเบบนี้ครับ ตลาดกระทิงจะมีลูกหมีเข้าไปเกี่ยวข้องเสมอเพื่อลดความร้อนเเรงของกระทิงลง เช่นตอนนี้กระทิงของทองกำลัง ฝักตัวจาก TF ย่อยๆไหลมาจนถึง TF ขนาดกลางอีกไม่นานกระทิงตัวนี้กำลังจะสมบูรณ์ให้เวลามันหน่อย เมื่อเวลามันดุมากๆอะไรก็เอาไม่อยุ่ มีสัญญาณหลายตัวบ่งชี้ชัดเจนในส่วนนี้

 

 

 

ตามนี้ครับ

ระบบเขียว ทั้ง ทอง น้ำมัน SET ทองคำไปได้อีกไกลมากครับ $1600 ไม่นานเกินรอ

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ค่าเงินดอลล่าร่วงกราว ราคาทองหายไป 250 ในบัดดล

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีดครับ ปกติผมจะเป็นผู้อ่านอย่างเดียวครับ แต่วันนี้ขอแสดงความคิดเห็นเล็กน้อยครับ

 

ขอยกคำพูดของฝรั่งซะคนก็แล้วกันครับ "จงกล้าในสิ่งที่คนอื่นกลัว และจงกลัวในสิ่งที่คนอื่นกล้า"

ขอยกคำพูดนักลงทุนไทย (ของใครก็ไม่รู้) "มีดหล่นอย่าเอามือไปรับ"

 

สองประโยคนี้ต่างกันสิ้นเชิงครับ "จงกล้าในสิ่งที่คนอื่นกลัว และจงกลัวในสิ่งที่คนอื่นกล้า" ผมขอยกตัวอย่างซะนิดครับ สมมุติหุ้นธนาคารหนึ่งครับ ราคาสูงสุดอยู่ที่ร้อยกว่าบาท ตกมาเหลือ 70 บาท (คนอื่นกลัว) แต่คุณกล้าซื้อมา แล้วราคาหุ้นตกอีกเหลือ 20 บาท คุณซื้ออีกเพราะคนอื่นกลัว คุณกล้า จนทุกวันนี้หุ้นตัวนี้มีราคา 2 บาทนิด ๆ เป็นเวลา 10 ปีแล้ว อนาคตอาจจะขึ้นไปที่ 70 บาท (ราคาแรกที่คุณซื้อ) ก็เป็นไปได้ แต่ถามว่าเมื่อไหร่ คนที่จะใช้กฏขอนี้ได้ต้องเป็นขาใหญ่เท่านั้นครับ และถามว่าทำไมเค้าถึงกล้า เพราะเขามีอำนาจที่จะซื้อข้อมูลจริง ๆ ก่อนการตัดสินใจ ซึ่งคนธรรมดาอย่างเราไม่มีวันเข้าถึง "กฏบ้างอย่างเหมาะกับเขาแต่ไม่เหมาะกับเรา"

 

อีกประโยคหนึ่งคือ "มีดหล่นอย่าเอามือไปรับ" เมื่อตลาดเป็นเทรนขาลงอย่างชัดเจน จะเอามือไปรับมีดทำไม รอซะนิดให้ตกถึงพื้นก่อนแล้วค่อยหยิบก็ได้ เหมือนกับว่ารอให้มีสัญญาณแน่ชัด ว่าจะเป็นเทรนขาขึ้นแล้วค่อยซื้อก็ยังไม่สาย เพราะว่า "ตลาดมีเทรดเสมอ" กำไรอาจจะได้น้อยกว่า แต่เราไม่รู้ว่าต่ำสุดอยู่ตรงไหน สูงสุดอยู่ที่ใด (ขอกลาง ๆ แบบพอเพียงก็แล้วกัน)

 

ทุกอย่างมีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับลง ขึ้นอยู่กับว่า "ผิดทางทำอย่างไร และเมื่อถูกทำอย่างงัย"

 

เสนออีกมุมมองครับ ไม่มีใครผิดไม่มีใครถูก

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...