ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ขอบคุณค่ะ แสดงว่า เข้าซื้อ ได้

 

และ คอนเฟริม์ขาขึ้นและ

 

ใช่ใหม่ค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทองแท่งระบบยังแดงอยู่ ไม่ใช่หรืออาจารย์เสม

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทองแท่งระบบยังแดงอยู่ ไม่ใช่หรืออาจารย์เสม

 

ยังเเดงครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณมากครับอาจารย์เสม ช่วงนี้ผมขออยู่เฉยๆนั่งดูดีกว่า ถ้าคันเดี๋ยวเจ็บตัว

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รักในหลวงก้องโลก

04 สิงหาคม 2553 เวลา 17:27 น.

 

อลัน เบทอดีตหน่องเหล็กทีมชาติอังกฤษลงกินเนสส์บุ๊กปั่นจักรยาน29,500กม.ผ่าน20ประเทศ5ทวีปรอบโลกเพื่อถวายในหลวง เผยอยู่เมืองไทย5ปีรับรู้ถึงพระราชกรณียกิจจนเกิดความศรัทธาและเทิดทูน-ภาพ:อภิชาติ จินากุล

 

 

อลัน เบท และครอบครัว

อลัน เบท อดีตนักจักรยานทีมชาติสหราชอาณาจักร กดหยุดเวลา ณ ประตูวิเศษไชยศรี พระบรมมหาราชวัง ที่ 113 วัน 15 ชั่วโมง 17.04 นาที เป็นสถิติการปั่นจักรยานรอบโลกอย่างไม่เป็นทางการ ทำลายสถิติเดิม 194 วัน

 

คำแรกที่เบทตะโกนก้องหลังเสร็จสิ้นการปั่นจักรยานไปยัง 18 ประเทศ ระยะทาง 29,400 กิโลเมตร ซึ่งน้อยกว่าเป้าหมายที่วางไว้อยู่ 100 กิโลเมตร คือ “เพื่อประเทศไทย”

 

“พรุ่งนี้ผมขอหยุด 1 วัน ถ้าใครจะปั่นจักรยานอย่าชวนผมนะ” นักปั่นวัย 45 ปีกล่าวติดตลก

 

เบทเล่าว่า เขาต้องเจอเหตุการณ์รุนแรงและสถานการณ์ยากลำบากมากมาย

 

“น่ากลัวมากครับ มีอยู่ครั้งหนึ่งผมโดนขู่ฆ่าที่ออสเตรเลีย ส่วนที่ลอส แองเจลิสผมก็ไปโดนกิ่งไม้ฟาดเข้า”

 

อุปสรรคไม่ทำให้เขาท้อ เบทบอกว่า เมื่อนึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่มีต่อพสกนิกร ตัวเขาเองจึงรู้สึกว่าจะต้องทำอะไรสักอย่างบ้าง และได้อธิบายเหตุผลนี้ให้กับเพื่อนนักปั่นจักรยานชาวอังกฤษและชาวโปแลนด์ที่พบกันระหว่างทางฟัง

 

ในการเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยอีกครั้ง หลังออกสตาร์ตเส้นทางเมื่อวันที่ 31 มี.ค. เบทได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากสื่อมวลชน นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ธัญพร ภรรยาชาวไทย และน้องมาริโอ ลูกน้อยวัย 1 ขวบ

 

“ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือตอนนี้แหละครับ ตอนที่ผมได้กลับบ้าน”

 

นายอลันเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทย 5 ปี ได้เห็นพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อฐานะความเป็นอยู่ของพสกนิกรให้ดีขึ้น จนเกิดความศรัทธาและเทิดทูน จึงตัดสินใจปั่นจักรยานรอบโลกดังกล่าว.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณค่ะคุณเสมและคุณส้มโอมือ :wub: :wub: ทองแท่งและกองทุนยังแดงอยู่รอต่อไป

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จีนซื้อพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น 1.28 ล้านล้านเยน

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 สิงหาคม 2553 21:29 น.

 

 

 

 

 

 

 

 

เอเยนซี-สื่อจีนรายงานเมื่อวันที่ 31 ก.ค.ว่า กระทรวงการคลังญี่ปุ่นได้เปิดเผยสัดส่วนการถือครองพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น ในช่วงเดือนม.ค.-พ.ค.ปีนี้ เพื่อฟื้นสถานะการคลังของประเทศ

 

ข้อมูลของกระทรวงการคลังญี่ปุ่นระบุว่า รัฐบาลจีนได้เข้าถือครองพันธบัตรของรัฐบาลญี่ปุ่น ในช่วงเดือนม.ค.-พ.ค.ปีนี้ มีมูลค่ากว่า 1.28 ล้านล้านเยน โดยเพียงเดือนพ.ค. เดือนเดียว จีนได้มีการซื้อพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ คือสูงถึง 7.352 แสนล้านเยน

 

กระทรวงการคลังของจีนกล่าวว่า การเพิ่มสัดส่วนถือครองพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์การกระจายความเสี่ยงในระบบทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่จีนมีอยู่เป็นจำนวนมาก สอดคล้องกับความเห็นของเจ้าหน้าที่สำนักปริวรรตเงินตราแห่งรัฐของจีน (SAFE) ที่ว่า การคำนึงถึงความปลอดภัยไม่เสี่ยง เป็นหลักการสำคัญในการนำเงินในระบบทุนสำรองออกมาใช้

 

ทั้งนี้ ในระยะยาวนั้น จีนจะเพิ่มการถือครองพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นหรือไม่ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ไม่มีความมั่นใจ เนื่องจากจีนยังไม่แน่ใจความสามารถในการชำระหนี้ของญี่ปุ่นนั้น และล่าสุด บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลกของจีน ต้ากง โกลบอล เครดิต เรทติ้ง จำกัด (Dagong Global Credit Rating Co., Ltd.) ยังได้ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น ลงสู่ระดับ AA-

 

ต้ากง โกลบอล เครดิต เรทติ้ง ซึ่งจัดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศต่างๆรวม 50 ประเทศ ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการชำระหนี้ของรัฐบาลญี่ปุ่น เนื่องจากยอดขาดดุลการคลังของญี่ปุ่นปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ ในขณะที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงชะลอตัวลง สำนักข่าวเกียวโดรายงาน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ธปท.ผวาฟองสบู่อสังหาฯ ซ้ำรอยปี 40 นักเก็งกำไรทิ้งดาวน์คอนโด

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 สิงหาคม 2553 22:44 น.

 

 

 

 

 

ผู้ว่าแบงก์ชาติหวั่นดอกเบี้ยขาขึ้นกดดันให้นักเก็งกำไรทิ้งดาวน์คอนโด ซ้ำรอยปี 40 เผยมีตัวเลขยอดจองราว 25% ในส่วนของอาคารชุดที่ต้องระมัดระวัง หากไม่ใช่ดีมานด์จริง ถ้าเศรษฐกิจพลิก กลุ่มนี้จะมีปัญหาทันที

 

นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวปาฐกถาในงานสัมมนาทางวิชาการสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน "ฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจด้วย Big Idea" ในหัวข้อ ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2553 ปรับตัวอย่างไรให้ทันสถานการณ์ ว่า แม้ขณะนี้ยังไม่เห็นการเกิดปัญหาฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ แต่ก็ได้พบว่า มียอดการซื้อที่อยู่อาศัยที่ไม่ได้เข้าพักจริงมีสัดส่วนถึง 25% ขณะที่ซัพพลายอาคารชุดก็ออมามากขึ้น ดังนั้นจึงอยากเตือนผู้ประกอบการธุรกิจที่เกี่ยวข้องให้จับตาอย่างใกล้ชิด เพราะหากเศรษฐกิจพลิก ประกอบกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น อาจทำให้จะเกิดปัญหาฟองสบู่เหมือนในปี 2540

 

ที่ผ่านอัตราดอกเบี้ยนโยบายก็อยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานาน และหากนำอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง หักอัตราเงินเฟ้อออกไปแล้ว จะพบว่าดอกเบี้ยก็จะติดลบ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งทำให้ธปท.กังวลว่าดอกเบี้ยไม่ควรอยู่ต่ำเกินไป ซึ่งอาจทำให้คนกู้เงินไปเพื่อเก็งกำไร แทนที่จะนำเงินไปขยายกิจการ ขณะที่ผู้ฝากเงินได้อัตราดอกเบี้ยติดลบ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากลัว ซึ่งก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ธปท.ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย เมื่อแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นก็อาจจะส่งผลให้ผู้ที่ผ่อน ดาวน์อสังหาฯโดยเฉพาะอาคารชุด อาจขายทิ้งดาวน์อสังหาฯที่มีอยู่ได้

 

“ยอดสร้างอาคารชุดตั้งแต่ปี 2550 ดูจะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น ผิดกับบ้านเดี่ยวที่ไม่ได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จึงเป็นประเด็นที่ผู้เกี่ยวข้องจะต้องพิจารณาและระมัดระวังอย่างใกล้ชิด เพราะเราไม่รู้ว่าเป็นดีมานแท้จริงหรือไม่ และไม่ต้องการให้มีการสร้างเกินความต้องการที่มีอยู่ในขณะนี้ ”

 

นางธาริษากล่าวว่า นอกเหนือจากยอดซื้อ ยอดขายแล้ว ปัจจัยด้านราคาก็เป็นน้ำหนักที่สำคัญจะบ่งบอกได้ จะเกิดสัญณาณฟองสบู่หรือไม่ ขณะนี้เครื่องชี้ด้านราคาก็ยังตกเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า

 

เชื่อส่งออกดัน ศก.ครึ่งปีหลังโตต่อ

นางธาริษากล่าวว่า หากมองไปข้างหน้า หรือครึ่งปีที่เหลือของปีนี้ เชื่อว่าเศรษฐกิจน่าจะไปได้ดีต่อเนื่อง เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจไทยยังไปได้ดี โดยเฉพาะการส่งออกที่เป็นเครื่องจักรในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญในไตรมาส 2/53 การส่งออกเดือนพฤษภาคมขยายตัวได้ถึง 35% และขณะที่เดือนมิถุนายนขยายตัวสูงถึง 46% ซึ่งขยายตัวได้สูงเป็นประวัติการณ์ ทั้งที่ตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะที่สำคัญ อย่างกลุ่มประเทศจี3 สหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่น เกิดปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวก็ตาม ซึ่งสะท้อนว่าผู้ประกอบการส่งออกของไทยได้มีการปรับตัว ด้วยการกระจายตลาดไปประเทศอื่นๆที่ไม่ใช่กลุ่มประเทศจี3 ได้มากขึ้น รวมทั้งหันมาซื้อขายในประเทศภูมิภาคเดียวกันมากขึ้น โดยเฉพาะจีนที่ไทยมีสัดส่วนส่งออกถึง 11%

 

สำหรับเงินเฟ้อในปีนี้เงินเฟ้อยังไม่เป็นปัญหาต่อเศรษฐกิจ แต่ปีหน้าคาดว่าเงินเฟ้อมีโอกาสที่จะปรับตัวสูงจนไปชนกรอบบน ที่ 3% ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่ธปท.จะต้องดูแลอัตราเงินเฟ้อ ด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะกว่าจะส่งผลไปถึงดอกเบี้ยในตลาดอย่างเต็มที่อาจจะใช้เวลานานถึง 2 ปี หรือ 8ไตรมาส เพราะหาทำนโยบายการเงินช้าเกินไปอาจจะต้องใช้ยาหม้อใหญ่หรือปรับขึ้นดอกเบี้ยสูง เพื่อมาดูแลเงินเฟ้อก็ได้ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจมาก

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...