ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

9:30am U.S. stocks open lower to extend weekly drop

Dow industrials fall 31.34 points to 10,702.49

S&P 500 Index down 1.39 points to 1,128.17

เวลาไทย 8.30 pm

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เหตุการณ์ปกติ จะมี 2 สาเหตุปัจจัย ที่ทำให้ ราคาทอง เปลี่ยน

 

1. หุ้นตก ทองขึ้น เพราะ ปัญหาวิกฤติต่างๆ หรือ หุ้นขึ้น ทองตก เพราะ เศรษฐกิจฟื้นตัว แบบที่เรียกๆกันว่า " ปัจจัยพื้นฐาน "

2. ราคาทองคำ จะวิ่งสวนทาง กับ US Index ( US Index แข็ง ราคาทองลง หรือ US Index อ่อน ราคาทองขึ้น )

 

ตอนนี้ ข้อ 1 ถูกตัดทิ้งเยื่อใย โดยสิ้นเชิง ตลาดหุ้นฯ แดงทั่วโลก วันนี้ วันที่ 2 แล้ว ราคาทองคำ ก็หล่นไปกว่า US$100

เหลือเพียง ข้ออ้างอิงที่ 2 ที่ว่า " ทองคำ ผกผันสวนทางกับ US Index " ณ. ตอนนี้ หลักการยังไม่ถูกฉีกทิ้ง รอพิสูจน์

เร็ววันนี้ว่า ถ้า US Index ตกลง ราคาทองคำโลก จะสามารถขึ้นมาได้ หรือไม่

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 23 กันยายน 2554 16:43:58 น..expanded { width: 620px; z-index: 9999 }นายประณาบ มุขจี รัฐมนตรีคลังอินเดีย ได้เรียกร้องให้สกุลเงินของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่มีสถานะที่สูงขึ้นในระบบการเงินโลก เนื่องจากประเทศเหล่านี้มีส่วนอย่างมากต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก

 

หนังสือพิมพ์เดอะ เพรส ทรัสต์ ออฟ อินเดีย รายงานว่า นายมุขจียังได้กล่าวเตือนถึงอันตรายจากสงครามอัตราแลกเปลี่ยน ถ้าหากวิกฤติเศรษฐกิจที่ดำเนินอยู่ในขณะนี้เลวร้ายยิ่งขึ้น

 

 

นายมุขจีกล่าวในระหว่างการแถลงข่าวของรัฐมนตรีคลังกลุ่มประเทศ BRICS ที่สำนักงานใหญ่ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ในกรุงวอชิงตันว่า สงครามอัตราแลกเปลี่ยนสามารถหลีกเลี่ยงได้ด้วยการพูดคุยหารือ และด้วยการป้องกันการแข่งขันกันลดค่าเงิน

 

นายมุขจีกล่าวว่า สกุลเงินที่ใช้ในกลุ่มประเทศ BRICS ซึ่งได้แก่ บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ ควรจะแข็งค่าขึ้นในวงกว้างและควรได้รับการพิจารณาบรรจุรวมอยู่ในตะกร้าสกุลเงิน SDR ของไอเอ็มเอฟ เนื่องจากประเทศเหล่านี้มีส่วนผลักดันผลผลิตและเศรษฐกิจโลกเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

 

นายมุขจีกล่าวต่อไปว่า ยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกหลายปัจจัย ที่ควรนำมาพิจารณาเพื่อให้สกุลเงินของกลุ่มประเทศ BRICS มีบทบาทมากขึ้น ซึ่งรวมถึงความสามารถในการซื้อขายแลกเปลี่ยนได้อย่างเสรี สำนักข่าวซินหัวรายงาน

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย เกตุ โนนทิง/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รอเรื่อยๆ ช่วงนี้หน้าฝนอากาศแปรปรวน บนดอยต้องปลายฝนต้นหนาวถึงจะคึกคักคร้าบบบบบบ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คุณเด็กขายของ ขอปรึกษาหลังไมค์หน่อยครับ !034

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มาอ่านข่าวรอความหวังกันต่อครับ

 

บี้สรรพากรรีดภาษี1.6ล้านล้าน

 

เศรษฐกิจ 24 กันยายน 2554 - 00:00

"บุญทรง" บี้สรรพากรรีดภาษีปี 2555 ให้ได้ 1.6 ล้านล้านบาท ด้าน "วิรุฬ" เคาะสินเชื่อบ้านหลังแรก 0% สั่ง ธอส.อุ้มรากหญ้าศึกษาปล่อยกู้บ้านราคา 1-2 ล้านบาท วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท

นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมช.คลัง ในฐานะกำกับดูแลกรมภาษี กล่าวภายหลังตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายแก่กรมสรรพากร ว่า ในปีงบประมาณ 2555 ตั้งเป้าหมายให้กรมสรรพากรจัดเก็บรายได้ 1.624 ล้านล้านบาท สูงกว่าปีงบประมาณ 2554 ที่คาดจะจัดเก็บได้ประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท ประมาณ 10%

"เหตุที่อัตราการเพิ่มลดลง เพราะมีการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลง โดยการลดภาษีเงินได้นิติบุคคลดังกล่าว จะมีผลกระทบต่อรายได้ภาษีประมาณปีละ 1 แสนล้านบาท เมื่อลดเหลือ 23% และจะลดลงอีกไม่มากนักเมื่อลดลงเหลือ 20%" นายบุญทรงกล่าว

นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.คลัง กล่าวว่า จากการหารือกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ได้ข้อสรุปเบื้องต้นเกี่ยวกับโครงการบ้านหลังแรกของ ธอส.ว่า จะมีการออกวงเงินสินเชื่อดอกเบี้ย 0% กำหนดวงเงินเบื้องต้น 1 หมื่นล้านบาท แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะเป็นระยะเวลา 2 ปี หรือ 3 ปี เพื่อซื้อบ้านใหม่ บ้านเก่า บ้านมือสอง รวมถึงซื้อทรัพย์สินที่รอการขายจากสถาบันการเงิน (NPA) ในราคา 1-2 ล้านบาท เพื่อเน้นช่วยเหลือกลุ่มคนที่มีรายได้น้อย คาดว่าหากได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์นี้ และเตรียมนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ในวันที่ 27 ก.ย.นี้

นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี กรรมการผู้จัดการ ธอส. กล่าวว่า ธนาคารได้ปิดรับยื่นเอกสารในโครงการสินเชื่อ 0% นาน 2 ปีล็อตแรกแล้ว โดยมียอดอนุมัติสินเชื่อ 1.6-1.7 หมื่นล้านบาท จากยอดปล่อยกู้ทั้งโครงการ 2.5 หมื่นล้านบาท เหลือวงเงินที่รอการพิจารณาสินเชื่ออีกประมาณ 8,000 ล้านบาท.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บาทอ่อน!เงินทุนไหลออก เตือนแตะ31.50ธปท.จับตาใกล้ชิด

 

เศรษฐกิจ 24 กันยายน 2554 - 00:00

ค่าเงินอ่อนจ่อ 31 บาทต่อดอลลาร์ หลังทุนต่างชาติเริ่มไหลออก นักเศรษฐศาสตร์ระบุ ธนาคารกลางทั่วเอเชียรวมทั้ง ธปท.รุดเข้าแทรกแซงค่าเงินหวังเบรกผันผวนแรง เตือนเงินบาทแตะ 31.50 ได้ ด้าน ธปท.รับจับตาใกล้ชิด ยันยังไม่ถึงกับน่ากังวล

นักบริหารอัตราแลกเปลี่ยนจากธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง ระบุว่า เงินบาทวันที่ 23 ก.ย. เปิดตลาดที่ระดับ 30.76-30.78 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ระหว่างวันปรับตัวอ่อนค่าลงต่อเนื่องจากการไหลออกเงินทุนต่างชาติ จนปิดตลาดที่ระดับ 30.86-30.88 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยในสัปดาห์หน้าเงินบาทมีโอกาสจะเข้าใกล้ระดับ 31.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เพราะช่วงนี้หาข่าวดีในตลาดค่อนข้างยาก

น.ส.อุสรา วิไลพิชญ์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) เปิดเผยว่า ช่วง 1-2 วันนี้ ธนาคารกลางทั่วเอเชีย รวมทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เข้าแทรกแซงตลาดอัตราแลกเปลี่ยนในปริมาณที่สูงขึ้น เพื่อดูแลไม่ให้ค่าเงินเคลื่อนไหวผันผวนในลักษณะอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐมากนัก

การผันผวนของค่าเงินเอเชีย รวมทั้งค่าเงินบาท เกิดจากความกังวลของนักลงทุนต่างชาติต่อปัญหาวิกฤติหนี้ในกลุ่มประเทศยุโรป โดยเฉพาะความกังวลว่าจะลุกลามไปยังอิตาลีซึ่งเป็นตลาดพันธบัตรขนาดใหญ่ในกลุ่มยุโรป ส่งผลให้เกิดการเทขายสินทรัพย์ทั้งในตลาดพันธบัตรและตลาดหุ้นในเอเชียรวมทั้งไทย เพื่อเข้าไปถือสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า โดยเฉพาะดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งขณะนี้ปรับตัวแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลอื่น

"ปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบค่าเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐอ่อนลง โดยในช่วงระยะสั้น1-2 เดือนนับจากนี้ คาดว่าเงินบาทจะอ่อนค่าแตะระดับ 31.00-31.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐได้ และหากปัญหาวิกฤติหนี้ในยุโรปได้รับการแก้ไขดีขึ้น ค่าเงินบาทในช่วง 6-12 เดือนนับจากนั้น จะกลับมาแข็งค่าในระดับ 30.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐระลอกหนึ่ง เนื่องจากมีเงินทุนจากต่างประเทศไหลกลับ" น.ส.อุสรา กล่าว

นางอัจนา ไวความดี รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงิน ธปท. กล่าวว่า ธปท.ได้ติดตามดูสถานการณ์ในตลาดการเงินของไทยอย่างใกล้ชิด ซึ่งเห็นว่าการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทไทยช่วงนี้ยังไม่มีประเด็นใดที่น่ากังวล ส่วนเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐซึ่งอ่อนค่าลงก็เป็นไปทิศทางเดียวกับค่าเงินสกุลอื่นในภูมิภาค และที่ผ่านมา ธปท.ก็ไม่ได้เข้าไปดูแลแต่อย่างใด

ในส่วนของผู้ส่งออกเริ่มเห็นว่า หลังจากเงินบาทอ่อนค่าลง ก็มีการขายเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐออกมากันค่อนข้างมาก ขณะที่ผู้นำเข้าเป็นผู้ซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐ ทำให้การเคลื่อนไหวของค่าเงินค่อนข้างมีเสถียรภาพ ส่วนการลงทุนในตลาดพันธบัตรและตลาดหุ้นช่วง 2-3 วันมานี้ก็เริ่มมีแรงขายออกมาค่อนข้างมากเช่นกัน

ด้าน ธปท.รายงานทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ วันที่ 16 ก.ย. มีจำนวน 184,800 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากสัปดาห์ก่อน 300 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ฐานะเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าสุทธิมี 27,100 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมแล้วมีทุนสำรองฯ สุทธิ 211,900 ล้านเหรียญสหรัฐ.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

...เข้ามุ้งนอนกันเถอะครับพี่

ใหญ่ ก่อนนอนก็อย่าลืมดับไฟ

ตะเกียง เทียนไขให้เรียบร้อย

เดี๋ยวไฟไหม้ดอย 2 วันนี้คงได้

นั่งเล่นโดมิโนพนันเขกเข่ากัน

มันส์ล่ะ...

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เมินจ่ายค่าชดเชยBTSC ธนารักษ์ขอคืนที่จตุจักร

 

เศรษฐกิจ 24 กันยายน 2554 - 00:00

กรมธนารักษ์ยืนยันไม่จ่ายเงินค่าชดเชยงานก่อสร้างฐานรากโรงจอดและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้ากว่า 648 ล้านบาทให้บีทีเอสซี ตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด พร้อมจี้ขอคืนที่ดินที่ตั้งสำนักงานของกรมขนส่งทางบก และสถาบันการบินพลเรือนย่านจตุจักร

นายวัฒนา เชาวสกู รองอธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวยืนยันว่าจะไม่จ่ายเงินค่าชดเชยงานก่อสร้างฐานรากโรงจอดและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้า พร้อมอัตราดอกเบี้ยในอัตรา 7.5% ต่อปี รวมเป็นเงินกว่า 648 ล้านบาท ให้แก่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (บีทีเอสซี) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง (บีทีเอส) ตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด โดยกรมธนารักษ์จะเจรจากับ บริษัท บางกอกเทอร์มินอล ผู้ได้รับสัปทานพื้นที่ราชพัสดุ บริเวณสถานีรถไฟฟ้าหมอชิต ให้เป็นผู้จ่ายเงิน ซึ่งเป็นไปตามสัญญาสัมปทานที่ระบุไว้ จึงไม่ใช่ความรับผิดชอบของกรมธนารักษ์และกระทรวงการคลัง

“ที่ผ่านมา บริษัท บางกอกเทอร์มินอล มีปัญหาสัญญาสัปทานกับกรมธนารักษ์ ที่ยังไม่มีผลบังคับ เนื่องจากการดำเนินการไม่ผ่านพระราชบัญญัติร่วมทุน ปี 2535 แต่การที่บีทีเอสซีมายื่นฟ้องกรมธนารักษ์ และกระทรวงการคลัง ในฐานะเจ้าของโครงการแทน เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง โดยจะเสนอให้ นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.คลัง พิจารณาสัญญาสัมปทานพัฒนาที่ราชพัสดุ หมอชิตเดิม ระหว่างกรมธนารักษ์กับบางกอกเทอร์มินอล ให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ร่วมทุน และเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ และให้บางกอกเทอร์มินอลจ่ายค่าสร้างฐานรากให้แก่บีทีเอสซี “ นายวัฒนากล่าว

แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ขณะนี้กรมธนารักษ์ได้ทำหนังสือขอคืนที่ดินย่านพหลโยธิน จากกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) และสถาบันการบินพลเรือน (สบพ.) เพื่อนำไปทำประโยชน์และสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งขณะนี้ สบพ.ได้ทำหนังสือขอเช่าพื้นที่กับกรมธนารักษ์แล้ว แต่ยังไม่มีการตอบกลับ ซึ่งหากล่าช้ามากจะกระทบกับแผนการพัฒนาบุคลากรและการเพิ่มศักยภาพของ สบพ.ได้

อย่างไรก็ตาม สัปดาห์หน้า นายกิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ รมช.คมนาคม จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหา.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไม่อยู่บ้านวันเดียวทำไมน้องทองทำกับเค้าไดั ฮือ ฮือ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

!dd !_18d !064 !21 :rolleyes: 1667

 

ใจเย็นครับ สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหารครับ ยิ่งท่านแม่ทัพยิ่งถอดใจไม่ได้ครับ เดี๋ยวพี่ๆ น้องๆ ผู้ร่วมดอยกลัวกันหมด

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทำไมพี่กันถึงทำกับน้องทองได้ ลงได้ลงดี :angry: :angry:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...