ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

 

ครั้งที่ 6 13:34:00 ราคารับซื้อ 25400 คาราวาน 25500 อ้างอิง 1734.00 ค่าเงินบาท 30. 90

 

ราคาช่วง 1,724 - 1,799 อาแปะจะมีการปรับขึ้นลงเร็วตัวเลข แต่เมื่อไหร่ เกิดทะลุ US$1,800

หวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะปรับราคาประมาณแบบนี้บ้างจัง แต่ก็คงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะเป็น

แนวต้านของราคา ( ที่นักลงทุนจ้องขาย )

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เดี๋ยวคงปรับราคาขายสมาคมฯ อีกตามเคย

 

อ้าวปรับแล้วนี่หว่า

 

ครั้งที่ 7 13:51:00 ราคารับซื้อ 25450 ราาขายออก 25550 อ้างอิง 1739.00 ค่าเงินบาท 30. 88

 

เดี๋ยวก็คงปรับราคาขายสมาคมฯ อีกตามเคย

 

ครั้งที่ 8

 

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณครับเฮียเด็กขายของ ที่ผ่านมาผมเข้าใจเป็นว่าลอนดอนนี่สามโมงครึ่ง:P

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

20 ชาติเศรษฐกิจชั้นนำของโลก ให้คำมั่นผนึกกำลังกันรับมือความท้าทายที่กำลังคุกคามเศรษฐกิจโลก

 

ขุนคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางของ 20 ชาติเศรษฐกิจชั้นนำของโลก หรือ จี-20 ประกาศหลังการหารือนอกรอบเวทีประชุมประจำปีของธนาคารโลกและไอเอ็มเอฟ รับปากจะผนึกกำลังกันรับมือกับความท้าทายที่กำลังคุกคามเศรษฐกิจโลกรุนแรงมากยิ่งขึ้น จี-20 ชี้ว่าความเสี่ยงสำคัญที่เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญอยู่เป็นผลมาจากปัญหาหนี้สาธารณะ ระบบการเงินที่เปราะบาง ความผันผวนของตลาดหุ้น และการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจ รวมถึงอัตราว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้นเกินระดับที่จะรับได้ แถลงการณ์ร่วมดังกล่าวของจี-20 มีขึ้นหลังตลาดหุ้นและตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ดิ่งลงอย่างหนักจากแรงเทขายของนักลงทุนซึ่งกำลังวิตกกับปัญหาหนี้สินยุโรปประกอบกับเริ่มมีสัญญาณมากขึ้นบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจดำดิ่งลงสู่ภาวะถดถอยอีกรอบ.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จีนสั่งปิดโรงงานแบตเตอรีของบริษัทอเมริกันไปจนถึงสิ้นปีนี้ หวั่นสารตะกั่วรั่วไหลเป็นอันตรายต่อเด็ก

 

หนังสือพิมพ์เซียงไฮ้ เดลี รายงานวันนี้ว่าทางการจีนมีคำสั่งให้โรงงานแบตเตอรีของจอห์นสัน คอนโทรลส์ บริษัทสัญชาติอเมริกัน ระงับการผลิตไปจนถึงสิ้นปีนี้ หลังตรวจพบว่าเด็ก 32 คนที่อาศัยอยู่ใกล้กับโรงงานมีสารตะกั่วในเลือดสูงเกินระดับที่กำหนด และขณะนี้เด็ก 15 คน ล้มป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาล จากการตรวจสอบเบื้องต้นของสำนักงานพิทักษ์สิ่งแวดล้อมเซี่ยงไฮ้ พบว่าโรงงานดังกล่าวปล่อยฝุ่นและควันตะกั่วออกสู่สิ่งแวดล้อมจริง แต่ทางบริษัทเจ้าของโรงงานยังคงยืนกรานปฏิเสธ ก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2552 เคยเกิดเหตุลักษณะเดียวกันนี้ เมื่อโรงงานถลุงเหล็กในมณฑลเหอหนาน ปล่อยสารพิษออกจากโรงงาน เป็นเหตุให้เด็กได้รับสารตะกั่วเข้าสู่ร่างกายเกือบ 1,000 คน.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สัญญาณราย ชม ดีดีขึ้น ราย 4 ชม. ก็ขึ้น รายวันกำลังจะดีดขึ้น งานนี้มีลุ้นครับ ถ้าผิดด่าผมไม่ต้องด่ากราฟ อิอิ :sidewayup: :upstrong:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณครับเฮียเด็กขายของ ที่ผ่านมาผมเข้าใจเป็นว่าลอนดอนนี่สามโมงครึ่ง:P

ความเข้าใจของ Mr. Li ก็ไม่ได้ผิด และก็ไม่ได้ถูก ประเทศอังกฤษ และ ประเทศสหรัฐ

จะมีการปรับเวลา + 1 ชั่วโมง

 

ในคำว่า EDT มาจากคำว่า Eastern Daylight Time คือมีการนับเวลาในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนเพิ่ม

อีก 1 ชั่วโมง. โดยนิวยอร์คอยู่ในเขตเวลาเทียบ UTC/GMT -5 hours และเนื่องจากเขาช่วงปรับเวลาช่วง

ฤดูร้อน เพิ่มให้กับกลางวันอีก 1 ชั่วโมง (Daylight saving time: +1 hour)

 

เพราะฉะนั้น ณ. เวลาที่ คุณคิด อาจจะเป็นตอนเดือนเมษายน ก็ย่อมได้ ถูกทุกข้อครับ หุหุ

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เดี๋ยวคงปรับราคาขายสมาคมฯ อีกตามเคย

 

อ้าวปรับแล้วนี่หว่า

 

ครั้งที่ 7 13:51:00 ราคารับซื้อ 25450 ราาขายออก 25550 อ้างอิง 1739.00 ค่าเงินบาท 30. 88

 

เดี๋ยวก็คงปรับราคาขายสมาคมฯ อีกตามเคย

 

ครั้งที่ 8

 

ว่าแล้ว ต้องมีครังที่ 8 อีกไม่นาน

8 14:06:00 25500 25600 1747.00 30. 85 50

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 391.01 จุด หรือ 3.51% ปิดที่ 10,733.83 จุด ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลง 37.20 จุด หรือ 3.19% ปิดที่ 1,129.56 จุด ดัชนี Nasdaq ร่วงลง 82.52 จุด หรือ 3.25% ปิดที่ 2,455.67 จุด

 

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (22 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจโลกอาจเผชิญกับภาวะถดถอย หลังจากมีรายงานว่าดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนหดตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ขณะที่ดัชนี PMI ภาคบริการของเยอรมนีและฝรั่งเศส ร่วงลงอย่างมากในเดือนก.ย. รวมทั้งจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐที่ลดลงเพียงเล็กน้อย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากคำเตือนของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงอย่างมากที่จะเผชิญกับช่วงขาลง

 

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กผันผวนอย่างหนัก เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจทั่วโลกอาจกำลังส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจกำลังเข้าสู่ระยะถดถอย โดยเมื่อวานนี้เอชเอสบีซีเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือนก.ย. หดตัวลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือนที่ 49.4 จุด จากเดือนส.ค.ที่ระดับ 49.9 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3

 

ขณะที่มากิตส์ อิโคโนมิกรายงานว่า ดัชนี PMI ภาคบริการของเยอรมนีร่วงลงสู่ระดับ 50.8 จุดในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2552 จากเดือนส.ค.ที่ระดับ 51.3 จุด ขณะที่ดัชนี PMI ภาคบริการของฝรั่งเศสร่วงลงอย่างหนักในเดือนก.ย.เช่นกัน ซึ่งการชะลอตัวในภาคบริการของ 2 ชาติมหาอำนาจแห่งยูโรโซนสะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจในภูมิภาคแห่งนี้กำลังส่งสัญญาณการชะลอตัว

 

นอกจากนี้ สหรัฐรายงานว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 17 ก.ย.ลดลง 9,000 ราย สู่ระดับ 423,000 ราย แต่ยังน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 420,000 รายจากสัปดาห์ก่อนหน้านั้นที่ระดับ 432,000 ราย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงอ่อนแอ

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีความผันผวน CBOE หรือดัชนี VIX ซึ่งเป็นดัชนีวัดกระแสความวิตกกังวลในตลาดหุ้นนิวยอร์ พุ่งขึ้นเกือบ 11% แตะระดับ 41.35 จุด หลังจากนางคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) กล่าวในที่ประชุมประจำปีของไอเอ็มเอฟและธนาคารโลกว่า "เศรษฐกิจโลกกำลังเข้าสู่ระยะที่เป็นอันตรายแล้ว และประเทศทั่วโลกจำเป็นต้องใช้มาตรการควบคุมหนี้สินในประเทศของตนเอง"

 

 

 

ที่มา : money channel (วันที่ 23 กันยายน 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มีข่าวอะไรมาสนับสนุนหรือป่าวครับคุณเด็กขายของ เห็นตลาดหุ้นเริ่มกลับลำขึ้นกันหมด ทั้ง Asia และ Europe เลยทำให้น้องทองขึ้นด้วย ช่วงนี้ไปไหนไปด้วยกันซะงั้นหุ้นกะทองเนี่ยะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มาอ่านข่าว รอคุณเด็กขายของกันต่อครับ

 

"จรัมพร"ยอมรับห่วงเงินทุนไหลออกตลาดหุ้น ซ้ำรอยวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ เชื่อวันนี้ไม่ถึงขั้นใช้เซอร์กิตเบรกเกอร์ เซียนหุ้นถูกบังคับขายไม่มาก

 

นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า การที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงเนื่องจากนักลงทุกังวัลกปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐ และปัญหาหนี้ยุโรปื ซึ่งทำให้มีการโยกเงินออกจากตลาดหุ้น และสินทรัพย์เสี่ยงไปหลบภัยในพันธบัตรทั่วโลก ซึ่งขณะนี้ยังไม่แน่ชัดว่ามีเงินไหลออกมากน้อยแค่ไหน แต่ก็คิดว่าวิกฤติครั้งนี้น่าจะมีเงินไหลออกใกล้เคียงกับปี 2551 ที่เกิดวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ ซึ่งมีเงินไหลออกจากตลาดหุ้นไทยกว่า 1.5 แสนล้านบาท

 

ทั้งนี้ ในตั้งแต่ต้นปี นักลงทุนขายสุทธิตลาดหุ้นไทย 3.1 หมื้่นล้านบาท ในช่วงเดือนพฤษภาคมปี 2553 ช่วงเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงมีเงินไหลออก 5.8 หมื่นล้านบาท

 

กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวอีกว่า หลังจากที่ดัชนีปรับตัวลดลงรุนแรงกว่า 5% เมื่อเวลา 12.06 น.ของวันนี้ ได้มีการรายงานข้อมูลให้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย รับทราบแล้ว และเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยวันนี้คงยังไม่ถึงขั้นต้องพักการซื้อขายชั่วคราว (เซอร์กิตเบรกเกอร์) ซึ่งปกติแล้วถ้าดัชนีลดลง 10% จะมีการพักการซื้อขาย

 

ส่วนการบังคับขายหุ้น (ฟอร์ซเซล) ในขณะนี้ไม่น่าห่วง เพราะนักลงทุนที่ลงทุนตลาดหุ้นผ่านระบบมาร์จิน มีสัดส่วนไม่มาก โดยปัจจุบันมีเม็ดเงินลงทุนผ่านมาร์จิ้นเพียง 3 หมื่นล้านบาท เชื่อว่าคงถูกฟอร์ซเซลไม่มาก และเชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมตลดาหุ้นไทย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เปิดงานวิจัยแบงก์ชาติเชื่อเข้าสู่'ศตวรรษแห่งจีน'ทั้งนี้จีนจำเป็นต้องปฏิรูปเศรษฐกิจครั้งใหญ่อีกครั้งเพื่อการจัดสรรทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ

 

ดร. ณชา อนันต์โชติกุล/ ดร. พรพินันท์ ฉันทภักดีพงศ์ สายนโยบายการเงินและโชติมา สิทธิชัยวิเศษ สายนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ได้เขียนบทความเรื่อง"เมื่อเศรษฐกิจแดนมังกรพลิกโฉม: นัยต่อเศรษฐกิจไทย" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัยที่จะเสนอ ในงานสัมมนาวิชาการของ ธปท. 20-21 ต.ค.นี้ ซึ่งปีนี้จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “เศรษฐกิจไทยก้าวไกลไปกับเอเชีย”

------------------

 

ในบทความดังกล่าวระบุว่า...

 

จีนเป็นประเทศแรกในประวัติศาสตร์ที่สามารถรักษาอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจโดยเฉลี่ยให้อยู่ในระดับตัวเลขสองหลักเป็นเวลายาวนานกว่า 30 ปี การเติบโตอย่างก้าวกระโดดนี้ทำให้จีนผงาดขึ้นอย่างรวดเร็วสู่ความเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอีกขั้วหนึ่งของโลก และกลายมาเป็น “ความหวัง” ที่สำคัญที่สุดที่จะช่วยพยุงเศรษฐกิจโลกไว้ได้ในช่วงเวลาที่หัวจักรหลักในซีกโลกตะวันตกกำลังประสบปัญหาจากพิษวิกฤตการเงิน

 

ขณะที่หัวจักรเดิมในเอเชียอย่างญี่ปุ่นเองก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะฟื้นขึ้นมาได้หลังตกอยู่ในภาวะเงินฝืดมานานกว่า 2 ทศวรรษ หากเศรษฐกิจจีนยังคงโตต่อไปได้เหมือนในช่วงที่ผ่านมา จีนจะกลายมาเป็นเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่อันดับหนึ่งแซงหน้าสหรัฐอเมริกาได้ในอีกไม่ช้า และศตวรรษนี้จะเรียกว่าเป็น “ศตวรรษแห่งจีน” ก็คงจะไม่ผิดนัก

 

 

คำถามที่สำคัญก็คือ มองไปข้างหน้า เศรษฐกิจจีนจะยังคงโตอย่างรวดเร็วอย่างที่ผ่านมาได้หรือไม่ สิ่งที่เคยทำให้จีนโตได้อย่างรวดเร็วในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา จะสามารถนำพาให้จีนไปต่อได้อีกนานเท่าไร

 

 

จากการวิเคราะห์รูปแบบและแหล่งที่มาของการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของเศรษฐกิจจีนในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่จีนเริ่มเปิดประเทศเข้าสู่เศรษฐกิจโลกและเริ่มมีการปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างจริงจังภายใต้แนวคิด “ระบบเศรษฐกิจตลาดแบบสังคมนิยม” (Socialist Market Economy) ของท่านอดีตผู้นำ เติ้ง เสี่ยวผิง บทความวิจัยได้ข้อสรุปว่า เศรษฐกิจจีนเองกำลังเดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญอีกครั้ง ที่รูปแบบการเติบโตของจีนจำเป็นต้องเปลี่ยน

 

เนื่องจากประโยชน์ที่ได้รับจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างระบบเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมากำลังจะหมดไป ถึงแม้ในระยะสั้นถึงระยะปานกลาง จีนจะยังสามารถโตต่อไปได้โดยการทุ่มทรัพยากรด้านการลงทุน (capital stock) ที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้ว แต่ในระยะยาว ปัญหาด้านโครงสร้างการจัดสรรทรัพยากรการผลิต และปัญหาด้านโครงสร้างประชากร จะกลายมาเป็นข้อจำกัดที่สำคัญมากยิ่งขึ้นในการที่จีนจะรักษาความยั่งยืนของการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้คงอยู่ในระดับสูงต่อไป

 

 

ดังนั้น หากจีนต้องการจะก้าวข้ามข้อจำกัดต่างๆ เหล่านี้เพื่อเติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต จีนจำเป็นต้องมีการปฏิรูปเศรษฐกิจครั้งใหญ่อีกครั้งเพื่อการจัดสรรทรัพยากรอย่างมีประสิทธิยิ่งขึ้น และใช้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในการยกระดับผลิตภาพ รวมถึงการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมเพื่อไต่บันไดห่วงโซ่มูลค่า (value chain) ขึ้นไปให้ได้ เหมือนอย่างที่ประเทศญี่ปุ่นหรือเกาหลีใต้ได้ทำสำเร็จมาแล้ว

 

 

ในด้านของผลกระทบต่อประเทศอื่นๆ จากการโตต่อไปในทิศทางใหม่ของเศรษฐกิจจีนนี้ ผลกระทบที่จะมีมากที่สุด คือ ด้านการค้าระหว่างประเทศ ถึงแม้ว่า ในปัจจุบันเศรษฐกิจจีนยังมีขนาดเล็กกว่าสหรัฐอเมริกาอยู่มาก แต่มีระดับการเปิดประเทศด้านการค้าสูงกว่าสหรัฐฯ เกินกว่า 2 เท่า ทำให้ในปัจจุบันจีนได้กลายมาเป็นศูนย์กลางเครือข่ายการค้าที่สำคัญที่สุดของโลก ทั้งในด้านขนาดและความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจอื่นๆ และดูเหมือนจะทวีความสำคัญมากยิ่งขึ้นต่อไปในอนาคต นั่นหมายถึง ทิศทางก้าวเดินต่อไปของเศรษฐกิจจีนจะส่งผลกระทบต่อทุกประเทศในโลกไม่ทางตรงก็ทางอ้อม อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

 

สำหรับประเทศไทยนั้น การทะยานขึ้นสู่ความเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของจีน จะทำให้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ที่จะมีประเทศมหาอำนาจอยู่ใกล้กับประเทศเรามากขนาดนี้ การมีเพื่อนบ้านเป็นหนึ่งในผู้นำเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะในด้านการค้า ทำให้หลายคนคงเกิดคำถามว่า ไทยจะสามารถ “โตไปพร้อมกัน” กับเพื่อนบ้านคนนี้ หรือไทยจะถูกเขา “เบียด” ตกขอบเวทีการค้าโลกกันแน่ และหากไม่อยากถูกเบียดตกเวที เราจะต้องปรับตัวอย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากการโตต่อไปของเศรษฐกิจจีน ซึ่งการวิเคราะห์ในส่วนนี้ จำเป็นต้องคำนึงถึงการแข่งขันจากประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ ที่ก็ไม่ได้อยู่นิ่งเฉย เพราะก็ต้องการจะโตไปพร้อมกับจีนด้วยเช่นกัน

 

หมายเหตุ:ข้อคิดเห็นที่ปรากฏในบทความนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของคณะผู้เขียนซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับนโยบายของธปท.

 

---------------

 

สำหรับงานสัมมนาวิชาการประจำปี 2554 ของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งปีนี้จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “เศรษฐกิจไทยก้าวไกลไปกับเอเชีย” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินพลังขับเคลื่อนของเศรษฐกิจเอเชีย ทั้งจากจีนและจาก AEC ที่จะสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจให้กับภูมิภาคเอเชียผ่านการรวมตลาดสินค้าและตลาดปัจจัยการผลิต รวมถึงประเมินความพร้อมของประเทศไทยในการแสวงหาประโยชน์สูงสุดภายใต้บริบทของเศรษฐกิจเอเชียที่กำลังจะเปลี่ยนไปนี้ และหาแนวทางปรับตัวให้ทันท่วงทีเพื่อไม่ให้ประเทศไทยถูกเบียดจนตกขบวนรถไฟด่วนสายเอเชีย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

'กิตติรัตน์'คาดหุ้นไทยร่วงเป็นผลกระทบแค่ในระยะสั้น

วันศุกร์ที่ 23 กันยายน 2011 เวลา 14:20 น. ณัฐญา เนตรหิน ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ

 

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึง หุ้นไทยที่ร่วงลงแรงในวันนี้ว่า เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลกที่เกิดความตกใจว่าภาวะเศรษฐกิจโลกอาจเกิดภาวะถดถอย และความผิดหวังของนักลงทุนจากการที่สหรัฐไม่ได้ใช้มาตรการ QE 3 ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจอีกรอบ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะกระทบตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นเท่านั้น

 

" สถานการณ์ดังกล่าวจะกระทบกับตลาดหุ้นไทยในระยะสั้น เพราะเป็นเรื่องเก่าที่ตลาดรับรู้มาแล้ว และพอจะคาดการณ์ได้บ้าง ดังนั้น ในสัปดาห์หน้เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยคงไม่ตกลงอย่างหนักอีกแล้ว และโชคดีที่วันนี้เป็นวันทำการสุดท้ายของสัปดาห์นี้ ยังมีเวลาในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่นักลงทุนจะสามารถวิเคราะห์ได้ว่าเศรษฐกิจไทยมีพื้ยฐานที่ดี รวมถึงภาพรวมเศรษฐกิจเอเชียยังดีอยู่ จึงเชื่อว่าไม่น่าจะมีการแห่เทขายหุ้นออกมาแล้ว และจะมีการนำเงินกลับเข้ามาลงทุนในเอเชีย" รองนายกฯและรมว.พาณิชย์กล่าว

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ฟิลิปปินส์ไม่ทบทวนเป้าการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ตั้งไว้อยู่ที่ 5% ในปีนี้

วันศุกร์ที่ 23 กันยายน 2011 เวลา 14:28 น. กอง บก.ออนไลน์ ข่าวรายวัน - ข่าวต่างประเทศ

 

รัฐบาลฟิลิปปินส์ไม่มีแผนที่จะทบทวนเป้าการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ตั้งไว้อยู่ที่ 5% ในปีนี้ แม้ว่ากองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ร่วมกับสถานบันอื่นๆ ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของฟิลิปปินส์ไว้ต่ำกว่าที่รัฐบาลประเมินไว้ก็ตาม โดยในการประเมินล่าสุดของไอเอ็มเอฟคาดว่าการเติบโตของเศรษฐกิจฟิลิปปินส์จะอยู่ที่ 4.7% โดยก่อนหน้านี้ ธนาคารฮ่องกง เซี้ยงไฮ้ฯ (เอชเอสบีซี) ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของฟิลิปปินส์จาก 5.2% เป็น 4.3% โดยระบุว่าเศรษฐกิจของฟิลิปปินส์มีการขยายตัวที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาสสอง นอกจากนี้ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ยังได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของฟิลิปปินส์จาก 5% เป็น 4.7% อีกด้วย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ศาลล้มฯมีคำสั่งให้PICNIยินยอมให้'แอสเซ็ท มิลเลี่ยน'จำหน่ายหุ้นในเวิลด์แก๊ส

วันศุกร์ที่ 23 กันยายน 2011 เวลา 14:35 น. ณัฐญา เนตรหิน ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ

 

นายสุชัย พงษ์เพียรชอบ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ปิคนิค คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PICNI แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2554 ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งอนุญาตให้บริษัทฯ

 

ยินยอมให้บริษัทฯ กับบริษัท แอสเซ็ท มิลเลี่ยน จำกัด จำหน่ายหุ้นในบริษัท เวิลด์แก๊ส (ประเทศไทย) จำกัด ได้ โดยให้บริษัทฯ กับบริษัท แอสเซ็ท มิลเลี่ยน จำกัด ร่วมกันทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันที่ศาลฎีกา และบริษัทจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...