ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

แล้วคุณเด็กขายของมองยังไงคะกับราคาทองตอนนี้ ลงเพราะเทคนิคหรือว่าเศรฐกิจถดถอยจริงๆ แล้ววันนี้มดตะนอยจะเก็บถัวดีหรือเปล่า ชักจะคิดหนัก

เด็กขายของ กล่าวว่า ลง เพราะตื่นตระหนก กับ คำพูดของประธานฯเฟด แล้วมา

ระเบิดความตกใจพร้อมกันในเรื่องแย่ๆ ของเศรษฐกิจฝั่งยุโรป

 

ถามว่า คุณฯ คิดจะเข้าซื้อถัว แล้วต้นทุนเดิม ลดลงมากไหมล่ะ ถ้าสามารถลดลงมามากกว่าเดิม สมมุติ จาก

26,250 สามารถถัวมาอยู่ที่ 25,850-25,900 บาท ก็น่าสนใจ แต่ถ้าไม่ บอกตรงๆๆ ว่า ยังเสี่ยง

ทั้งนั้นทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับความตั้งใจของคุณมดตะนอยนะครับ

 

และถ้าถามเพิ่มเติมอีกว่า แล้วราคาทองจะกลับมาที่ 26,000 หรือสูงกว่า จากข่าวอะไร ?

ตามนี้เลยครับ. The euro EURUSD +0.4845% rebounded sharply against the U.S. dollar, rising sharply from $1.3446 in late North American trading Thursday to $1.3539 in early Friday trading hours in Asia. The move followed a Dow Jones Newswires report that the Group of 20 major economies will issue a previously unscheduled statement on the global economy later in the global day. While the report, citing an unnamed G-20 source, said the statement would have no new concrete proposals, but it added that the finance minister of France, currently the chair of the G-20, would also be holding an unscheduled press conference in Washington later in the day. G-20 finance ministers are currently in the U.S. capital for an annual meeting of the International Monetary Fund

 

ที่ประชุม G20 มีความคิดเห็นบางประการ ประกอบกับ ผอ. ไอเอ็มเอฟ ก็จี้ใจดำเหล่าผู้นำยูโรโซน

ว่า " อย่าคิดว่า เรื่องยูโรโซน เป็นเรื่องส่วนตัวของยูโร อย่ามาจุ้น แต่นางลาการด์ บอกว่า เป็นเรื่องของทั้งโลก

ที่ต้องร่วมมือกัน ให้รอดพ้นวิกฤติครั้งนี้ให้ได้ "สอดคล้องกัน ความตั้งใจของรัฐบาลสหรัฐ. เยอรมัน และ

ฝรั่งเศส

 

ดังนั้น จึงทำให้ ค่างินยูโร กลับมาแข็งค่าขึ้นได้ ตอนนี้ ก็อยู่ที่ว่า จะแข็งแบบต่อเนื่อง และยูโรโซน ตัดสินใจ

เปิดแผนกระทำการอะไรสักอย่าง ASAP เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สัญญาณราย 4 ชม. ยังขึ้นได้นิดนึง แต่รายอาทิตย์ยังลง และรายเดือนยังไม่ดีครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐและนายโยชิฮิโกะ โนดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนใหม่ พบเจรจากันครั้งแรกนอกรอบการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติในนครนิวยอร์กเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งประธานาธิบดีโอบามากล่าวว่าในฐานะเป็นสองประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก สหรัฐและญี่ปุ่นจึงต้องส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องซึ่งจะช่วยให้ประชาชนมีงานทำและปรับปรุงมาตรฐานการครองชีพให้ดีขึ้น ขณะที่นายกรัฐมนตรีโนดะกล่าวว่า สหรัฐได้ให้การช่วยเหลือญี่ปุ่นอย่างมากนับตั้งแต่เกิดภัยพิบัติเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และว่าความเป็นพันธมิตรจะเป็นหลักสำคัญของนโยบายต่างประเทศญี่ปุ่น

 

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ (วันที่ 23 กันยายน 2554)

 

ส.ค.ยอดส่งออกของญี่ปุ่นขยายตัว 2.8%เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน (23/09/2554)

กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ยอดส่งออกของญี่ปุ่นขยายตัว 2.8% จากปีก่อนในเดือนสิงหาคม นับเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน ซึ่งบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในเดือนมีนาคม โดยกลุ่มบริษัทผู้ผลิตรถยนต์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีการขยายตัว โดยมูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 5.3575 ล้านล้านเยน ในขณะที่มูลค่าการนำเข้าอยู่ที่ 6.1328 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้น 19.2% ส่งผลให้มียอดขาดดุลที่ 7.753 แสนล้านเยน และเป็นการขาดดุลครั้งแรกในรอบ 3 เดือน           ทั้งนี้ ยอดส่งออกของญี่ปุ่นได้ปรับตัวลดลงเนื่องจากเหตุการณ์ภัยพิบัติในเดือนมีนาคม ส่งผลให้ยอดการผลิตในภาคอุตสาหกรรมของประเทศต้องหยุดชะงักลง

 

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ (วันที่ 23 กันยายน 2554)

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ค่าเงินรูปีของอินเดียร่วงลง 9.5% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐเมื่อไม่นานมานี้ จากระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 43.86 ดอลลาร์สหรัฐซึ่งเกิดขึ้นในเดือนก.ค. นอกจากนี้ ค่าเงินรูปียังร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆในเอเชีย ยกเว้นเงินเยนของญี่ปุ่น

 

รายงานของสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ดเตือนว่า หากธนาคารกลางอินเดียยังไม่เปลี่ยนแปลงจุดยืนและปล่อยให้สกุลเงินรูปีมีความผันผวนมากขึ้น ก็จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศตกอยู่ในความเสี่ยง

 

รายงานฉบับดังกล่าวยังระบุด้วยว่า “การที่ธนาคารกลางอินเดียไม่ดำเนินการใดๆในขณะที่นักลงทุนสถาบันต่างชาติได้ถอนการลงทุนออกจากอินเดียและอินเดียต้องเผชิญกับภาวะขาดดุลการค้านั้น จะยิ่งทำให้นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นลบต่อค่าเงินรูปี"

 

อย่างไรก็ตาม สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ดมองว่า การแทรกแซงตลาดครั้งเดียวอาจจะไม่เพียงพอที่จะควบคุมความเสี่ยง เนื่องจากความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะเผชิญกับภาวะขาลงยังมีอยู่มาก

 

สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ดคาดว่า ความเสี่ยงที่ลุกลามในวงกว้างซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความวิตกกังลเกี่ยวกับเสถียรภาพด้านการเงินนั้น จะกระตุ้นให้ธนาคารกลางอินเดียปรับเปลี่ยนท่าทีด้านนโยบายในที่สุด

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของธนาคารกสิกรไทย ประจำวันศุกร์ ที่ 23 ก.ย. 2554 เวลา 08.13 น. มีดังนี้

 

ดอลลาร์สหรัฐ รับซื้อที่ 29.57 บาท ขายออก 30.96 บาท ยูโรอยู่ที่ระดับ 41.99 บาทต่อยูโร ปอนด์อยู่ที่ 48.02 บาทต่อปอนด์ เงินหยวนของจีนอยู่ที่ 4.96 และเงินเยนของญี่ปุ่นอยู่ที่ 0.4093

 

ที่มา : สำนักข่าวไทย (วันที่ 23 กันยายน 2554)

 

หุ้นสหรัฐดิ่งเหวเกือบ 400 จุด หวั่นเศรษฐกิจถดถอย (23/09/2554)

นิวยอร์ก 23 ก.ย.-ตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลงเหว นักลงทุนแห่เทขายหุ้น หวั่นแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐและทั่วโลกถดถอยอีก

 

ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนีดิ่งลงอย่างหนัก หลังนักลงทุนไม่เชื่อมั่นต่ออนาคตเศรษฐกิจโลก รวมทั้งของสหรัฐ ที่อาจเข้าสู่ภาวะถดถอยครั้งใหม่ ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ ปิดที่ 80.51 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ดิ่งลง 5.41 ดอลลาร์สหรัฐ ทำให้หลังปิดตลาด ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 10,733.83 จุด ลดลง 391.01 จุด หรือ 3.51% ดัชนีแนสแดค ปิดที่ 2,455.67 จุด ลดลง 82.52 จุด หรือ 3.25% และดัชนีเอสแอนด์พี ปิดที่ 1,129.56 จุด ลดลง 37.20 จุด หรือ 3.19%

 

ตลาดหุ้นสำคัญของยุโรป ดัชนี FTSE 100 ตลาดลอนดอน ปิดที่ 5,041.61 จุด ลดลง 246.80 จุด หรือ 4.67% ดัชนี DAX ตลาดแฟรงก์เฟิร์ต ปิดที่ 5,164.21 จุด ลดลง 269.59 จุด หรือ 4.96% และดัชนี CAC 40 ตลาดปารีส ปิดที่ 2,781.68 จุด ลดลง 154.14 จุด หรือ 5.25% ส่วนน้ำมันดิบเบรนต์ ตลาดลอนดอน ปิดที่ 105.49 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ร่วงลง 4.87 เซนต์

 

 ราคาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดที่ 1,739.20 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ลดลง 66.30 ดอลลาร์สหรัฐ.-สำนักข่าวไทย

 

ที่มา : สำนักข่าวไทย (วันที่ 23 กันยายน 2554)

 

 

วอชิงตัน ดีซี (เอพี/บีบีซี นิวส์) - กองทุนการเงินระหว่างประเทศระบุว่าเศรษฐกิจโลกกำลังเข้าสู่ “ระยะอันตรายครั้งใหม่” แล้ว เนื่องจากยังไม่สามารถฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ ขณะที่อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างรวดเร็ว โดยไอเอ็มเอฟ เตือนว่าความขัดแย้งทางการเมืองและความอ่อนแอของเศรษฐกิจในสหรัฐ รวมถึง กลุ่มประเทศที่ใช้เงินยูโร หรือยูโรโซน อาจทำให้ 2 ภูมิภาคนี้ข้าสู่ภาวะถดถอยอีกครั้ง

 

นอกจากนี้ ไอเอ็มเอฟ ยังระบุด้วยว่า สภาพเศรษฐกิจในประเทศพัฒนาแล้วมีความอ่อน แอและขยายตัวอย่างไร้ความแน่นอน และคาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประ เทศหรือจีดีพีจะขยายตัวแค่ร้อยละ 1.5 ในปีนี้ นอกจากนี้ไอเอ็มเอฟยังเชื่อว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกจะเติบโตเพียงร้อยละ 4 ในปีนี้และปีหน้าจากร้อยละ5 เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากปัญหาการเงินที่เลวร้ายในกลุ่มยูโรโซน แต่ยังคงได้รับแรงกระตุ้นจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วของจีน อินเดียและบราซิล

 

ขณะเดียวกัน ไอเอ็มเอฟ ยังได้ปรับลดตัวเลขการคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจในกลุ่มยูโรโซนซึ่งมีสมาชิก 17 ประเทศให้เหลืออยู่ที่ร้อยละ 1.6 ในปีนี้ ลดลงจากร้อยละ 2 ซึ่งคาดการณ์ไว้เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ส่วนปีหน้าอัตราการเติบโตจะยิ่งเลวร้ายลงโดยอยู่ที่ร้อยละ 1.1 เท่านั้น จากที่คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 1.7 ซึ่งเป็นผลมาจากความวิตกว่ากรีซอาจผิดนัดการชำระหนี้ อย่างไรก็ตามล่าสุดการเจรจาระหว่างกรีซและผู้ตรวจสอบหนี้จากธนาคารกลางยุโรปและไอเอ็มเอฟมีความคืบหน้าเป็นอย่างดีและจะมีการหารือกันอีกครั้งในต้นสัปดาห์หน้า

 

ขณะที่สหรัฐซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลกก็จะขยายตัวอย่างไม่ดีนักเป็นเวลาต่อไปอีกหลายปี และมองว่าข้อเสนอของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่ให้ปรับลดภาษีแรงงานชาวอเมริกันบางกลุ่มและกระตุ้นงบประมาณรายจ่ายด้านสาธารณูปโภคอาจช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐได้ในระยะสั้น โดยเห็นว่าสหรัฐควรดำเนินการในเรื่องดังกล่าวควบคู่ไปกับการลดหนี้ของรัฐบาลในระยะยาว

 

ไอเอ็มเอฟยังเชื่อว่า มีเพียงเยอรมนีและแคนาดาเท่านั้นที่อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจจะสูงกว่าร้อยละ 2 ในปีนี้ ส่วนจีนซึ่งคาดว่าจะเติบโตร้อยละ 9 ในปีหน้าจะเป็นผู้นำการเติบโตทางเศรษฐกิจต่อไป ส่วนอินเดียจะเติบโตร้อยละ 7.5 และเศรษฐกิจของญี่ปุ่นจะฟื้นตัวได้จากปีนี้ หลังจากประเทศประสบภัยแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิ

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า (วันที่ 23 กันยายน 2554)

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อรุณสวัสดิ์ครับทุกท่าน เมื่อวานไปวาง Server ของ Thaigold.info

ที่อาคาร Cyber World ตรงรัชดา วางเสร็จแล้วเฮียกัมพลบอกให้เอารูปมาโชว์ในเ็ว็บหน่อย

แต่ผมติดที่ต้องไปดู พยัคฆ์ร้าย ศูนย์ ศูนย์ ก็าก เลยไม่ว่างนำมาลง

เดี๋ยว วันนี้ว่างจะนำมาลงให้ชม ว่า Server Namchiang.com/Thaigoldinfo

ที่เปรียบเสมือนบ้านที่ท่านนั่งเล่นอยู่นี้

หน้าตาเป็นอย่างไร อยู่ที่ไหน นะครับ

ขอโพสต์ข่าวก่อนนะครับ

 

ทองคำร่วง 66.4 ดอลล์

23 กันยายน 2554 เวลา 08:19 น.

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดทรุดตัวลงอย่างหนัก นักลงทุนแห่เทขาย จาก เงินดอลล์แข็ง,วิตกเศรษฐกิจโลก

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 66.4 ดอลลาร์ หรือ 3.7% ปิดที่ 1,741.7 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,723.20-1,789.00 ดอลลาร์

 

จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกทำให้นักลงทุนแห่เทขายทองคำออกมาอย่างหนัก โดยปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดความกังวลดังกล่าวมาจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของประเทศทั่วโลก รวมถึงรายงานของเอชเอสบีซีที่ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือนก.ย. หดตัวลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือนที่ 49.4 จุด จากเดือนส.ค.ที่ระดับ 49.9 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3

 

ดัชนีภาคการผลิตที่หดตัวลงอย่างหนักของจีนส่งผลให้สัญญาพลาตินัมและพัลลาเดียมร่วงลงด้วย เนื่องจากโลหะทั้ง 2 ประเภทเป็นวัตถุดิบสำคัญที่ใช้ในการผลิตในภาคอุตสาหกรรม

 

ความวิตกกังวลเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจโลกส่งผลให้ตลาดหุ้นนิวยอร์กและตลาดทั่วโลกถูกแรงขายกระหน่ำลงอย่างหนัก ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวบีบให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำเพื่อชดเชยการขาดทุนในตลาดหุ้น นอกจากนี้ นักลงทุนยังทุบขายสินทรัพย์เสี่ยงและแห่เข้าไปซื้อสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย รวมถึงพันธบัตรรัฐบาล สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และสกุลเงินเยน

 

นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดทองคำยังได้รับผลกระทบจากแถลงการณ์ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เตือนว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงอย่างมากที่จะเผชิญกับช่วงขาลง ขณะที่เทรดเดอร์บางกลุ่มได้แสดงความกังวลว่า มาตรการ Operation Twist อาจจะไม่มีประสิทธิภาพมากพอที่จะกอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจของสหรัฐได้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ข้อมูลของกระทรวงการคลังญี่ปุ่น ระบุว่า เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ญี่ปุ่นขาดดุลการค้าเป็นมูลค่าถึง 775,300 ล้านเยน หรือราว 3 แสนล้านบาท ซึ่งมากเป็นประวัติการณ์ และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ไม่เกิน 3 แสนล้านเยน เนื่องจากเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ญี่ปุ่นเกินดุลการค้า 63,800 ล้านเยน           ทั้งนี้เป็นผลมาจากภัยพิบัติเมื่อเดือนมีนาคม ที่สร้างความเสียหายอย่างหนักในอุตสาหกรรมญี่ปุ่น และส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการส่งออก ในขณะที่การนำเข้ากลับขยายตัวร้อยละ 19.2 คิดเป็นมูลค่า 6.13 ล้านล้านเยน และเป็นการขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 20 เนื่องจากราคาน้ำมันดิบสูงขึ้น และต้องเพิ่มการนำเข้าก๊าซธรรมชาติ

 

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ (วันที่ 23 กันยายน 2554)

 

นักบริหารเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบีไทย เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 30.76/78 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าลงจากเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 30.70/72 บาท/ดอลลาร์

 

แนวโน้มเงินบาทคาดว่าจะอ่อนค่าต่อตามทิศทางเงินสกุลอื่นในภูมิภาค ประกอบกับปิดตลาดหุ้นไทยวานนี้ดัชนีติดลบถึง 39 จุด นอกจากนี้นักลงทุนยังไม่มีความมั่นใจต่อภาวะเศรษฐกิจโลก หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ออกมาเตือนว่ามีความเสี่ยงอย่างมากที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเผชิญกับช่วงขาลง

 

"ตลาดหุ้นบ้านเราเมื่อวานติดลบเยอะ เปิดเช้านี้น่าจะยังติดลบ เงินบาทคงอ่อนค่าตามภูมิภาค เพราะคนมองว่าเศรษฐกิจโดยรวมยังไม่ค่อยดี" นักบริหารเงิน ระบุ

 

ส่วนความเคลื่อนไหวของค่าเงินสกุลหลักต่างประเทศช่วงเปิดตลาดเช้านี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 76.23/24 เยน/ดอลลาร์ ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3528/3531 ดอลลาร์/ยูโร

 

นักบริหารเงิน คาดว่า ทิศทางเงินบาทยังมีแนวโน้มอ่อนค่าได้อีก ซึ่งหากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ไม่เข้ามา interveen ก็มีโอกาสที่จะเห็นเงินบาทอ่อนค่าแตะระดับ 31.00 บาท/ดอลลาร์ ได้ภายในสิ้นเดือนนี้ ขณะที่วันนี้มองกรอบไว้ที่ 30.75-30.90 บาท/ดอลลาร์

 

ที่มา : สำนักช่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 23 กันยายน 2554)

 

ชี้มีความเป็นไปได้มากขึ้นว่าS&Pจะลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลีลงอีกภายใน 12-18 เดือนนี้ (23/09/2554)

สำนักข่าวซินหัวระบุมีความเป็นไปได้มากขึ้นว่า เอสแอนด์พีจะลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลีลงอีกภายใน 12-18 เดือนนี้ หากรัฐบาลอิตาลีไม่สามารถฉุดตัวเลขหนี้สินโดยรวมให้ต่ำลงจากระดับปัจจุบันที่ 120% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ซึ่งถือเป็นระดับที่สูงเป็นอันดับ 2 ในสภาพยุโรป (อียู) รองจากกรีซ ซึ่งหากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง ก็จะทำให้ต้นทุนในการระดมทุนผ่านการออกพันธบัตรของอิตาลีสูงขึ้นอีกในอนาคต ซึ่งจะทำให้อิตาลีไม่สามารถดิ้นหลุดจากบ่วงหนี้ได้ในท้ายที่สุด

 

 

 

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ (วันที่ 23 กันยายน 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศรายงานว่า การขยายตัวของปริมาณการผลิตทองคำเดือนม.ค.-ก.ค.ของจีนชะลอตัวลง แม้ว่าราคาทองคำในตลาดโลกจะยังคงสูงราว 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ก็ตาม  ทั้งนี้ จีนผลิตทองคำได้ 30.083 ตันในเดือนก.ค. ทำให้ปริมาณการผลิตโดยรวมตั้งแต่เดือนม.ค.-ก.ค เพิ่มขึ้นเป็น 194.499 ตัน สูงกว่าปีที่แล้ว 4.2 ตัน หรือ 2.21%

          สำหรับปริมาณการผลิตทองคำจากเหมืองทองคำในช่วง 7 เดือนแรกอยู่ที่ 162.933 ตัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว 3.31% ส่วนอีก 31.566 ตันมาจากการผลิตโลหะนอกกลุ่มเหล็ก ซึ่งลดลงจากปีที่ผ่านมา 3.15%

 

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ (วันที่ 23 กันยายน 2554)

 

คาดรายได้ด้านการคลังของรัฐบาลจีนจะทะลุ 10 ล้านล้านหยวนเป็นครั้งแรกภายในสิ้นปีนี้ (23/09/2554)

ผู้เชี่ยวชาญบางรายคาดว่า รายได้ด้านการคลังของรัฐบาลจีนจะทะลุ 10 ล้านล้านหยวนเป็นครั้งแรกภายในสิ้นปีนี้ เมื่อพิจารณาจากรายได้ช่วงเดือนมกราคม-สิงหาคม ที่เพิ่มขึ้น 30.9% เมื่อเทียบรายปี แตะ 7.43 ล้านล้านหยวน ทั้งนี้ โดยปกติแล้วตัวเลขรายได้ด้านการคลังในช่วง 8 เดือนแรกของปีจะสะท้อนถึงแนวโน้มรายได้ของทั้งปี โดยในปีที่แล้ว รายได้ในช่วงเดือนมกราคม-สิงหาคม มีสัดส่วนถึง 68.3% ของรายได้ทั้งปี ซึ่งบ่งชี้ว่ารายได้ด้านการคลังตลอดปี 2554 จะเพิ่มสู่ระดับ 10.87 ล้านล้านหยวน

 

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ (วันที่ 23 กันยายน 2554)

 

นางเสาวนีย์ ไทยรุ่งโรจน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย บอกว่า ผลสำรวจความเสียหายจากภาวะน้ำท่วมจากอิทธิพลของพายุโซนร้อนนกเต็น ที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคมจนถึงปัจจุบัน สร้างความเสียหายให้ประเทศคิดเป็นมูลค่า 32,000ล้านบาท

 

เมื่อรวมผลกระทบจากภัยน้ำท่วมใหญ่ภาคใต้ที่เกิดขึ้นเมื่อเดือน เมษายน -พฤษภาคม ที่มีมูลค่าความเสียหาย 26,000 ล้านบาท ทำให้ประเทศเกิดความเสียหายจากภัยธรรมชาติในปีนี้ทั้งสิ้น 58,494 ล้านบาท และมีผลทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยลดลง 0.5-0.7%

 

ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย บอกว่า การขยายตัวจีดีพีไทยปีนี้จะลดลงเหลือ 3.5-4% จากเดิมคาด 4-4.5% และในอนาคตมีแนวโน้มว่า ไทยอาจเสียหายจากภัยธรรมชาติปีละ 50,000-100,000 ล้านบาท

 

ที่มา : money channel (วันที่ 23 กันยายน 2554)

 

 

ทองคำร่วง 66.4 ดอลลาร์ (23/09/2554)

จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกทำให้นักลงทุนแห่เทขายทองคำออกมาอย่างหนัก โดยปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดความกังวลดังกล่าวมาจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของประเทศทั่วโลก รวมถึงรายงานของเอชเอสบีซีที่ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือนก.ย. หดตัวลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือนที่ 49.4 จุด จากเดือนส.ค.ที่ระดับ 49.9 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3

 

ดัชนีภาคการผลิตที่หดตัวลงอย่างหนักของจีนส่งผลให้สัญญาพลาตินัมและพัลลาเดียมร่วงลงด้วย เนื่องจากโลหะทั้ง 2 ประเภทเป็นวัตถุดิบสำคัญที่ใช้ในการผลิตในภาคอุตสาหกรรม

 

นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดทองคำยังได้รับผลกระทบจากแถลงการณ์ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เตือนว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงอย่างมากที่จะเผชิญกับช่วงขาลง ขณะที่เทรดเดอร์บางกลุ่มได้แสดงความกังวลว่า มาตรการ Operation Twist อาจจะไม่มีประสิทธิภาพมากพอที่จะกอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจของสหรัฐได้

 

ที่มา : money channel (วันที่ 23 กันยายน 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บรัสเซลส์ 22 ก.ย.- ผลการสำรวจพบว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของภาคเอกชนในยูโรโซนเดือนกันยายนนี้หดตัวเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี

 

มาร์คิท บริษัทวิจัยตลาดในกรุงลอนดอนของอังกฤษรวบรวมดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (พีเอ็มไอ) ของยูโรโซนพบว่า ลดลงจาก 50.7 จุดเมื่อเดือนสิงหาคมเหลือ 49.2 จุดในเดือนกันยายน การที่ดัชนีต่ำกว่า 50 จุดแสดงว่าผลผลิตอุตสาหกรรมหดตัว นับเป็นครั้งแรกหลังจากเดือนกรกฎาคม 2552 ที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจของภาคเอกชนยูโรโซนหดตัว เศรษฐกรของมาร์คิทเห็นว่า ดัชนีนี้จะบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจไตรมาส 3ปีนี้ของยูโรโซนจะหยุดนิ่ง.-

 ที่มา : สำนักข่าวไทย (วันที่ 23 กันยายน 2554)

 

มาร์กิตเผยดัชนี PMI ภาคการผลิต-บริการเยอรมนีร่วงต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี (23/09/2554)

มาร์กิต อิโคโนมิกเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ทั้งในภาคการผลิตและภาคบริการของเยอรมนี ร่วงลงสู่ระดับ 50.8 จุดในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2552 จากเดือนส.ค.ที่ระดับ 51.3 จุด

          ปัจจัยที่ทำให้ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการของเยอรมนีร่วงลงมาจากความต้องการสินค้าส่งออกของเยอรมนีที่ปรับตัวลดลงอย่างมาก รวมทั้งความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดน้อยลงด้วย นอกจากนี้ รายงานของมาร์กิตระบุว่า ยอดสั่งซื้อใหม่ในภาคอุตสาหกรรมและบริการของเยอรมนีหดตัวลง ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า การลุกลามของวิกฤติหนี้สาธารณะในยุโรปกำลังส่งผลกระทบต่อเยอรมนี ซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป

          ขณะที่ทางการเยอรมนีคาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จะขยายตัวเพียง 3% ในปีนี้ หลังจากอัตราการขยายตัวของจีดีพีในไตรมาส 2 ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 0.1% และยอดส่งออกเดือนก.ค.ทรุดตัวลงอย่างมาก สำนักข่าวซินหัวรายงาน

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ทันหุ้น (วันที่ 23 กันยายน 2554)

 

ตลาดเจอกับแรงเทขายครั้งใหญ่ ตามการเทขายของตลาดหุ้นทั่วโลก หลังธนาคารสหรัฐ (เฟด) ออกมาเตือนว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังเจอกับความเสี่ยงขาลงครั้งสำคัญ จากตัวเลขการว่างงานในระดับสูง การเติบโตที่ช้าลง และตลาดบ้านซบเซา

 

แนวโน้มเศรษฐกิจอันมืดหม่น ยังกดดันให้ราคาน้ำมันทรุดลงมาอย่างหนัก จากเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น เพราะนักลงทุนพากันหนีเข้าหาสกุลเงินที่ปลอดภัย เนื่องจากความกังวลถึงเศรษฐกิจซบเซา และความเป็นไปได้ที่จะเกิดการถดถอยรอบใหม่

 

ราคาน้ำมันดิบไลท์สวีท เวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท ส่งมอบเดือนพ.ย. ที่ตลาดไนเม็กซ์ สหรัฐ ร่วงลง 5.41 ดอลลาร์ (6.31%) มาอยู่ที่ 80.51 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

ขณะราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ทะเลเหนือ ที่ตลาดลอนดอน อังกฤษ ส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 4.87 ดอลลาร์  ที่ 105.49 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

              รอยเตอร์รายงานว่า ราคาทองคำที่ตลาดนิวยอร์ค(COMEX)ในการซื้อขายเมื่อคืนที่ผ่านมา(22ก.ย.54) ราคาทองคำลดลงต่ำกว่า1,800ดอลลาร์/ออนซ์อีกครั้ง  โดยราคาส่งมอบเดือนธ.ค.ทุบสถิติร่วงลงแรงถึง 66.4 ดอลลาร์ หรือ 3.7% ปิดตลาดที่ระดับ 1,741.7 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังนักลงทุนขาดความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกพากันเทขายทองคำเพื่อถือเงินสดไว้ ซึ่งคาดว่าน่าจะส่งผลต่อราคาซื้อขายทองคำในประเทศวันนี้

 

 

ราคาวันนี้ 1 09:33:00 รับซื้อเข้า 25500 ขายออก 25600 อ้างอิงราคา 1747.00 ค่าเงินบาท 30. 83

ลดลงจากเมื่อวาน ตามคาด -200

 

ที่มา : มติชนออนไลน์ (วันที่ 23 กันยายน 2554)

 

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สัญญาณราย 4 ชม. ยังขึ้นได้นิดนึง แต่รายอาทิตย์ยังลง และรายเดือนยังไม่ดีครับ

 

 

 

ขอบคุณกัปตัน พี่เด็กขายของ ท่านนายห้างนั่มเชียงค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาทองยังฮอต!ปลายปีมีลุ้นพุ่งบาทละ 3 หมื่น (23/09/2554)

หากย้อนกลับไปในช่วงเกิดวิกฤติ “เลห์แมน บราเธอร์ส” ทำให้ราคาทองคำปรับลดลงไป 30% และใช้เวลา 1 เดือน จึงกลับสู่ภาวะ ปกติ นับจากวันนั้นถึงวันนี้ สถานการณ์ในยุโรปเริ่มมีความคล้ายคลึงสถานการณ์ในสหรัฐฯ ทำให้เกิดความกังวลว่าสถานการณ์จะกลับไปเหมือน “เลห์แมน บราเธอร์ส” ทำให้ธนาคารกลางประเทศต่างๆ ลดสัดส่วนการถือครองพันธบัตรสหรัฐลดลงและขยับไปลงทุนในทองคำเป็นสำรองระหว่างประเทศมากขึ้น ดังนั้น ในช่วงที่เศรษฐกิจหลัก ของโลกยังมีปัญหาอยู่ทองคำก็ยังมีความน่าสนใจลงทุนอยู่

 

นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ รองประธานกรรมการ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมสถานการณ์ตลาดทองคำว่า ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันราคาทองได้ปรับขึ้นจากเหตุการณ์สำคัญมาแล้ว 6 ครั้ง ซึ่งมีปัจจัยจากสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออก กลางรวมถึงปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐและ ยุโรป และแต่ละครั้งทำให้ราคาทองคำ ปรับตัวสูงขึ้นกว่า 100-200 ดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ราคาทองคำปรับสูงขึ้นแล้วกว่า 27% จากต้นปี

 

โดยขณะนี้ราคาทองกำลังเข้าสู่ช่วงของการปรับฐาน ดังนั้นการลงทุนระยะสั้นจึงควรลงทุนภายในกรอบ ระหว่าง 1,700-1,950 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ซึ่งแนวโน้มจากนี้จนถึงสิ้นปี บริษัทมองว่าราคาทองคำยังคงมีความผันผวนสูงมาก แต่ยังคงได้รับปัจจัยสนับสนุนที่แข็งแกร่งที่ทำให้ราคาน่าจะปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งปัจจัยนั้น ได้แก่ ปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาที่ยังเปราะบาง ปัญหาหนี้สาธารณะของยุโรป ในกลุ่ม PIIGS ประกอบไปด้วย โปรตุเกส ไอร์แลนด์ อิตาลี กรีซ และสเปน ตลอดจนการเข้าซื้อทองคำของธนาคารกลาง เพื่อกระจายพอร์ตการลงทุนจากการถือสกุลเงินไปถือทองคำ และลดความผันผวนของเงินสกุลดอลลาร์ โดยวายแอลจีได้ประเมินราคาปลายปีไว้ที่ 2,000-2,100 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ ประมาณ 28,000-30,000 บาทต่อบาททองคำ อย่างไรก็ตามนักลงทุนจำเป็นต้องติดตามประเด็นข่าวสารอย่างใกล้ชิดเนื่องจากราคาทองคำอ่อนไหวต่อข้อมูลข่าวสารค่อนข้างมาก โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่

 

นางพวรรณ์ กล่าวว่า สำหรับภาพรวมการดำเนินธุรกิจของกลุ่มวายแอลจีในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจมาก โดยในส่วนธุรกิจทองคำแท่ง บริษัทยังสามารถรักษาความเป็นผู้นำอันดับ 1 ไว้ได้ โดยมีมูลค่าการซื้อขายประมาณ 250,000 ล้านบาท คิดเป็น 83% ของเป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้งปีที่ประมาณ 300,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากราคาทองคำในตลาดโลกที่มีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงค่อนข้างสูง ประกอบกับการเพิ่มขึ้นของฐานลูกค้าใหม่ที่มีเข้าถึง 3-4 เท่าตัว จากเดิม 250 ราย มาเป็น 1,000 กว่าราย

 

ทั้งนี้ ความสำเร็จส่วนหนึ่งมาจากการขยายบริการรับซื้อขายทองคำแท่ง 99.99% ไปจนถึงเวลา 02.00 น. โดยอ้างอิงราคา spot ทองคำโลกเพื่อช่วยให้ลูกค้าลดความเสี่ยงจากความผันผวนของ ราคาทองคำในตลาดโลก และการออกบริการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าเพิ่มมากขึ้น โดยล่าสุดบริษัทได้ปรับปรุงการใช้งานบนเว็บไซต์ และการ update ราคาทองคำแบบ Real time พร้อมให้บริการผ่าน ipad, iphone รวมถึงยังเตรียมเปิดตัวบริการใหม่ คือ Gold Online เพื่อให้ลูกค้าสามารถซื้อขายทองคำแท่งผ่านระบบอินเตอร์เน็ตตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่าง ทดลองระบบ คาดว่าจะเปิดให้บริการได้อย่างเต็มรูปแบบภายในสิ้นปีนี้

 

ด้านนางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลียน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เปิดเผยว่า สำหรับธุรกิจโกลด์ฟิวเจอร์สในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง มีปริมาณการซื้อขายอยู่ที่ 393,450 สัญญา สามารถมีอัตราเติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ประมาณ 15% ทำให้บริษัทได้มีการปรับเป้าหมายอัตราเติบโตในปีนี้ใหม่ที่ 20% เนื่องจากมีฐานลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นจำนวนมากเป็นเกือบ 2,000 ราย จากเดิมที่มีอยู่ประมาณ 1,100 ราย ซึ่งเป็นผลมาจากจากการให้ความรู้แก่นักลงทุนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งได้รับปัจจัยหนุนจากการขยายเวลาซื้อขายในช่วงกลางคืนจนถึงเวลา 22.30 น. ส่วนธุรกิจซิลเวอร์ ฟิวเจอร์ส ยังไม่มียอดการซื้อขายมากนัก เนื่องจากเป็นช่วงเริ่มต้นและถือว่าเป็นสินค้าใหม่สำหรับนักลงทุน บริษัทจึงเน้นการให้ความรู้ความเข้าใจเป็นสำคัญ เพื่อลดความเสี่ยงเพราะราคา โลหะเงินในตลาดโลกมีความผันผวนสูงกว่าราคาทองคำถึง 2 เท่า

 

อย่างไรก็ตาม จากนี้จนถึงสิ้นปีทาง กลุ่มวายแอลจียังมีนโยบายบริหารเชิงรุกเพื่อรักษาฐานลูกค้าและมาร์เก็ตแชร์ท่ามกลางการแข่งขันธุรกิจที่รุนแรง โดยใช้กลยุทธ์ทุกรูปแบบทั้งการทำตลาดที่เน้นการให้ความรู้ความเข้าใจแก่ลูกค้าใหม่ การสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า รวมทั้งการว่าจ้างที่ปรึกษามืออาชีพ มาทำ Branding เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กร และเตรียมพร้อมกับการแข่งขัน ที่สูงมากขึ้นในปีหน้าด้วย

 

ด้านนายณัฐพล คำถาเครือ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซียไซรัส กล่าวถึงกลยุทธ์การลงทุนในทองคำว่า ในช่วงที่ยังไม่มีความชัดเจนเช่นนี้เป็นไปได้ว่าราคาทองคำจะแกว่งตัวผันผวนขึ้นลงสลับกันตามการเคลื่อนไหวของค่าเงิน แต่หลังจากมีความชัดเจนเกิดขึ้นไม่ว่าจะบวกหรือลบ คาดว่าราคาทองคำจะกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นโดดเด่นได้อีกครั้ง โดยถ้าชัดเจนแล้วว่ากรีซไม่ล้มเงินสกลุยูโรจะแข็งและ Dollar Index จะลง ซึ่งเป็นผลดีกับราคา ทองคำทางอ้อม แต่ถ้ากรีซล้มเงินจะไหลกลับหาดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลงในช่วงสั้นๆ แต่สุดท้ายจะมีแรงซื้อกลับเข้ามาเพราะ Safe Haven ณ ปัจจุบันมีจำกัด เพราะฉะนั้น หากราคา ทองคำปรับตัวย่อลงมามากๆ ยังเป็นโอกาสดีในการเข้าทยอยซื้อทองคำเพื่อลงทุนระยะกลางถึงยาว

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์สยามธุรกิจ (วันที่ 23 กันยายน 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จุ๊บๆ คุณลุง คุณป้า คุณน้า คุณอา ในสมาคมที่น่ารัก -200 ไม่ดอยเท่าไหร่ คริคริ !30

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ย้ำอีกครั้งว่า.

 

Japanese banks will be closed in observance of Autumnal Equinox Day

 

Banks facilitate the majority of foreign exchange volume. When they are closed the market is less liquid

and speculators become a more dominant market influence. This can lead to both abnormally low and

abnormally high volatility

 

ธนาคารในญี่ปุ่นปิด ดังนั้น ธุรกรรมการเงิน ในส่วนของอัตราแลกเปลี่ยน อาจจะมีหมุนเวียนปริมาณลดน้อยลง

กว่าทุกๆ วัน โปรดรับทราบครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอนำมุมมองของคุณน้องดำ จากเ็ว็บน่ำเชียงมาให้ชมนะครับ

 

 

สถิติต่างๆ

 

Dow Jones    

23dj-1.jpg

 

ปิด  1736.90  เหรียญ   -43.80 เหรียญ หรือ -2.46 %

 

Sep 22, 2011 17:12 NY Time

Bid/Ask 1736.70 - 1737.70

Low/High 1722.30 - 1783.90

Change -43.80 -2.46%

30daychg -93.40 -5.10%

1yearchg +445.50 +34.50%

 

 

 

การเคลื่อนไหวของราคาทองเมื่อวานนี้

 

23gr-1.jpg

 

 

ทองแท่งไทย ปิด 25700-25800 ราคาเปลี่ยนแปลงลดลง -300 บาท    

 

23gc-1.jpg

23tg-1.jpg

 

=======================

=======================

=======================

บทวิเคราะห์

 

ทิศทางราคาทองต่างประเทศ  

ใช้ indicator  - PPO

ระยะสั้น  เป็นแนวโน้มลง

ระยะสั้น-กลาง เป็น แนวโน้ม ลง

=====================

=====================

 

 ภาพรวม

 

ทะลุ 1770 ลงมา ดูไม่ดีมากๆ

แถมยังทะลุ 1750 ลงมาอีก     มีเป้าหมาย  1710

ทำ low บริเวณ 1722

ยังคงมีแนวโน้มลงต่อ ทดสอบแนวรับ - เป้าหมาย  1710  และ  1690

หากทะลุ 1700  ลงมา ระยะสั้น-กลาง  น่าจะถือว่า เป็นแนวโน้มลง -  

หมดรอบแนวโน้มขึ้นเป็นการชั่วคราว

 

New York ปรับตัวลงจาก  1750  ไปยัง  1722  ปิด  1737 ช่วงกลางๆ  

ภาพรวม -ทรงตัว sideway  1725-1750 แต่พร้อมลงต่อ....

 

23-1gr-1.jpg

 

ทะลุ แนวรับสำคัญ  1770 ลงมา  

ไหลลงแรง มีเป้าหมาย   1710

วันนี้ sideway 1725-1750

โอกาสทะลุบนมีน้อย

 

หุ้นทั่วโลกลงต่อ บ่งชี้ถึงกำลังซื้อที่ถดถอย

ส่งผลถึงกำลังซื้อของผู้ลงทุนโลหะมีค่าด้วย

มีการเปลี่ยนสภาพเป็นเงินสด เพื่อปกป้องตนเอง

คงต้องใช้เวลาอีกสักระยะ ก่อนที่ราคาโลหะมีค่าจะฟื้นตัว

ราคาหุ้น คงจะฟื้นยาก ในช่วงเวลาอะนใกล้นี้  มีแต่ทรงและทรุด...

 

ผู้ที่ชื่นชอบ GF  อาจเสี่ยง S ได้  แต่ต้องเล่นสั้น  ปิดสถานะไปเป็นงวดๆ

รอแนวโน้มลงที่เด่นชัด หาก แนวรับ  1700  รับไม่อยู่...

 

 

จับตาแนวรับ  1700  มีนัยะสำคัญ

ด้านขึ้นต้องรอพ้น  1770 ก่อน  เป็นด่านต้นๆ  ด่านต่อๆไปคือ  1800  1817  1827 ...

 

 

แนวรับ   1722  1710  1700  1690 ...   1650

แนวต้าน  1750  1770   1800...

 

 

คาดว่าราคาทองเช้านี้น่าจะเปลี่ยนแปลงลดลง  300-350 บาท

 

==================

ถูกแก้ไข โดย Namchiang

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตอนนี้ราคาทอง นิ่งๆ ทำให้ใจหวั่นได้กันเลยทีเดียว

 

ไอจะพุ่งขึ้นไปแบบจรวดจากที่ตามข่าวจากคุณเด็กขายของ และอาจารย์ฟันธงต่างๆแล้วคงจะลำบากน่าดู

 

แต่ที่ให้ลุ้นหนักกว่าเดิมคือ ช่วงเช้านิ่งๆ ช่วงบ่ายพี่ใหญ่ทั้งหลายจะทุบให้แหลกลงไปอีกเปล่า หรือจะหนุนนำน้องทองให้ขึ้นสวรรค์ มันเป็นอะไรที่ทรมานใจจริงๆ

 

 

!45 !45

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...