ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

ฝรั่งวิเคราะห์วิเดา ยามบ่ายกล่าวว่า : ในที่สุดสภาไซปรัสก็เด้งไม่เห็นด้วยในการเก็บภาษีจากเงินฝาก ทำให้ทีมงานทรอยกร้า ต้องบินกลับมาหารือเงื่อนไขการกู้ยืมใหม่ / ตอนนี้ ยังไม่มีแผนสำรองใดๆๆ จึงกดดันให้ค่าเงินยูโร อาจจะดำดิ่งต่อไป วันนี้ ธนาคารไซปรัสยังปิด พรุ่งนี้ถึงจะเปิด ซึ่งอาจเกิดภาวะตื่นตกใจของผู้ฝากเงิน จึงมีเวลาวันนี้อีก 1 วัน ที่บรรดาเหล่าผู้มีอำนาจในยูโรโซนจะออกมาจัดการ จะยกเงินให้กู้อย่างไร ไม่ยากเพียงผู้มีอำนาจยอมทำเท่านั้น แล้วเปลี่ยนเงื่อนไขใหม่ที่รับได้มาแทนที่

 

ส่วนในประเด็นราคาทอง หลังจากถึงเป้าหมาย $1615 และเกิดอาการชลอตัว แต่ผมก็ยังมีความเห็นไปทิศทางบวก ต่อไป โดยมีแนวต้านต่อไป คือ $1625 และจุดที่ตื้อๆๆ คือ $1620 ดูสิว่าจะต้องชนกี่ครั้ง ยังไงก็อย่าลืม Fed คืนนี้ ปากดีพูดดี นักลงทุนบางคนมองไปที่ $1645 หุหุ แต่คงไม่ใช่วันนี้หรอก เอาให้ยืนให้ได้ที่ $1620 ก่อนจะดีกว่ามั้ย อย่างไรก็ตาม ค่าเงินบาท ก็มาเกี่ยวข้องอยู่ดี เพราะพวกเจ้ามือจะบวกเพิ่มป้องกันความเสี่ยงผันผวนเอาไว้ รอย่อตัวมาที่ $1605 ท่าจะดีมาก

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เทคนิคการซื้อขายที่ไม่ใช่กราฟ ......... บล.โกลเบล็ก

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

 

 

ปกตินักลงทุนและนักเก็งกำไรมักจะชอบไปฟังสัมมนาให้ความรู้เรื่องการวิเคราะห์เรื่องกราฟที่เรียกว่าการวิเคราะห์ทางเทคนิค แต่น้อยแห่งนักที่จะสอนถึงแนวคิดการลงทุนการเก็งกำไรที่ดี หากจะได้ฟังก็มักจะต้องไปฟังผู้ที่เป็นนักเก็งกำไรหรือนักลงทุนที่มีการเทรดจริงมาก่อนแล้วยังประสบความสำเร็จ เพราะบุคคลเหล่านี้เรียกว่าผ่านสนามรบจริงมาแล้วเอาตัวรอดมาได้ จากที่เคยคุยกับเทรดเดอร์และนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ จะมีแนวคิดบางอย่างที่คล้ายๆกันซึ่งวันนี้จะขอเอามาสรุปให้ฟัง

 

ทำการบ้านให้หนักเพื่อค้นพบตัวเอง

ทหารบางคนรบเก่งในป่า บางคนเก่งในทะเลทราย บางคนเก่งในน้ำ นักลงทุนหรือนักเก็งกำไรก็เช่นกัน ต้องหาสินค้าหรือสินทรัพย์ที่เหมาะกับสไตล์ที่เราถนัดให้ได้ จะเป็นหุ้น ทองคำ ฟิวเจอร์ส ที่ดิน นาฬิกา พระ ฯลฯ อะไรก็ได้ที่เรารู้จริงรู้ดี ได้เปรียบ บางคนซื้อขายอินเตอร์เน็ทเก่ง แต่บางคนซื้อขายอินเตอร์เน็ทกลับคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้จนขาดทุนมากมายก็มี บางคนกลัวความเสี่ยง เจอราคาผันผวนนิดหน่อยก็อยู่ไม่เป็นสุข แต่บางคนกลับทำได้ดีเมื่อเจอราคาผันผวน เพราะฉะนั้นต้องมั่นใจว่า สิ่งที่เรากำลังไปลงทุน เรามีข้อได้เปรียบกว่าคนส่วนใหญ่ในตลาด และเราเหมาะกับการลงทุนประเภทนั้น เหมาะกับความเสี่ยงระดับนั้น

 

พยายามขาดทุนให้น้อยที่สุด

การลงทุนมีความเสี่ยง เรามักจะได้ยินคำนี้เสมอ แสดงว่าการลงทุนแทบจะทุกชนิดมีโอกาสขาดทุน แต่คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่จะพยายามลดความเสี่ยงที่จะขาดทุนให้ได้มากที่สุด กระทำได้โดยหลายวิธีเช่น ศึกษาข้อมูลจนรู้ถึงแก่นแท้ในสินทรัพย์ตัวนั้นๆเมื่อและเลือกเข้าลงทุนเมื่อโอกาสชนะมากกว่าแพ้มากๆ ซึ่งจะยอมขาดทุนก็ต่อเมื่อสิ่งที่วิเคราะห์มาอย่างดีแล้วนั้นมันเปลี่ยนไปอย่างมีนัยยะเท่านั้น ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่ที่ไม่ประสบความสำเร็จมักจะให้ความสำคัญกับฝั่งกำไรโดยมองข้ามฝั่งขาดทุนไป

 

ใช้สติ อย่าใช้อารมณ์

ราคาที่ผันผวนในตลาดมักจะทำให้คนที่เฝ้าติดตามนั้นเกิดอารมณ์ร่วม ซึ่งอารมณ์จะมีอยู่ 2 ชนิดคือ ความกลัว และความโลภ โดยความกลัวจะทำให้คนมองเห็นแต่คำว่า “ความเสี่ยง” ส่วนความโลภจะทำให้คนมองเห็นแต่คำว่า “กำไร” ทำให้หลายๆครั้งเวลาราคาสินทรัพย์ตัวใดตัวหนึ่งต่ำมากๆแต่คนส่วนใหญ่ก็ไม่กล้าซื้อเพราะความกลัวครอบงำ ตรงกันข้ามกับเมื่อราคาสินทรัพย์ตัวเดียวกันแพงมากๆเกินความเหมาะสมแต่คนส่วนใหญ่กลับกล้าซื้อเพราะความโลภมันบังตา

 

ถ้าพื้นฐานยังไม่เปลี่ยน แนวโน้มยังคงเดิม อย่าเดาว่ามันจะเปลี่ยน

การทำนายอนาคตนั้นเป็นสิ่งที่มีความไม่แน่นอนสูง เพราะฉะนั้นตราบใดที่ปัจจัยหลักหรือแนวโน้มของราคา วัฏจักรของราคา มันยังไม่เปลี่ยน ก็พยายามอย่าไปคิดว่ามันจะเปลี่ยน ก่อนจะเข้าไปลงทุนต้องตอบให้ได้ก่อนว่าเหตุผลในการซื้อคืออะไร เช่นเดียวกับการขายก่อนขายต้องตอบให้ได้ก่อนว่าทำไมถึงขาย เพราะเราเดาเอาเองหรือเปล่าว่ามันจะขึ้นหรือมันจะลง

 

แนวคิดหลักๆที่ฟังดูเหมือนสิ่งง่ายๆเหล่านี้ทุกคนอาจเคยได้ยิน แต่เฉพาะคนที่ทำได้เท่านั้นถึงจะเป็นผู้ประสบความสำเร็จ ลองทบทวนสิ่งที่ทำในอดีตว่าที่เราไม่ประสบความสำเร็จเพราะเรามองข้ามหลักคิดพื้นๆพวกนี้ไปหรือเปล่า

 

สัญญา หาญพัฒนกิจพาณิช ผู้อำนวยการทีมพัฒนาธุรกิจตลาดอนุพันธ์ บล.โกลเบล็ก

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สมมุตินะครับ สมมุติ ! สมมุตินะครับ สมมุติ ! เด็กขายของมองในแง่คนซื้อ / คนลงทุน / คนเก็งกำไร

 

เด็กขายของบ่นเตือนนักลงทุนทองเข้าตลาดทอง หวั่นบาทอ่อนดึงทองขึ้น / นักลงทุนต่างประเทศ ขนเงินออก / ภาครัฐฯ และ ธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมออกมาตราการตรึงค่าเงินบาท

 

นายเด็กขายของ ระบุ ค่าเงินบาทแข็งดึงราคาทองคำร่วง 100 บาท ถ้าบาทจะอ่อนล่ะ จึงบ่นให้นักลงทุนระยะสั้นอย่ารอดูปัจจัยจากต่างประเทศที่ส่งผลต่อราคาทองคำ แต่ควรมองปัจจัยในประเทศคือ ค่าเงินบาท และ การป้องกันความเสี่ยงค่าเงินจาก นักค้าเงินตรา และ สมาคมค้าทอง ก่อนตัดสินใจไม่ยอมเดินเข้าตลาด

 

ค่าเงินบาทที่แข็งค่าที่สุดในรอบ 16 ปี ทำให้ราคาทองคำเปิดตลาดในวันนี้ (20 มีนาคม ) ทั้งๆที่ ราคา Spot ต่างประเทศขึ้นกว่า 7 เหรียญ แต่อาแปะไม่ได้ปรับราคาขึ้นแต่อย่างใด 22,300/22,200 ขายจริงที่ 22,290/22,240 บาท ทั้งที่จริงๆ แล้วราคาทองคำวันนี้น่าจะมีการเคลื่อนไหวปรับขึ้น 100 บาท แต่ค่าเงินบาท จากเมื่อวาน 29.26 มาที่ 29.13 อย่างไรก็ตามโดยส่วนตัวไม่มีความกังวลว่าค่าเงินบาทอาจจะแข็งค่าขึ้นอีก เพราะการแข็งค่าของเงินบาท มีผลเสียมากกว่าผลดี ที่รัฐบาลฯ และ ธนาคารชาติ ต้องหามาตราการโดยเร่งด่วน ในทันที เพื่อจะส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้ด้วยเช่นกัน

 

"เงินบาทแข็งทำให้ทองราคาทองถูกลง แต่ถ้าเงินบาทอ่อนทำให้ทองราคาเพิ่มขึ้น ทั้งที่วันนี้ราคาทองไม่ควรปรับ แต่ก็อาจจะปรับถ้าเจอวิกฤติหุ้นแดง เงินทุนไหลออก มาตราการรัฐเข้ามา และคาดว่าภายในเดือนนี้ทองคำจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1610 - 1641 เหรียญ แต่ถ้าหวังไปไกลถึง 1700 เหรียญ ก็ยากมาก"

 

หากจะเล่นทองคำในระยะสั้นก็จะต้องตัดสินใจดูให้ดีเพราะขณะนี้ปัจจัยที่มาจากในประเทศมีความเคลื่อนไหวอยู่มาก ทั้ง พรบ กูกู้ 2 ล้านล้านบาท / ตลาดหุ้นที่แดงเถือก / พรบ. ปรองดอง / ภาวะหยุดยาวเดือนเมษายนในช่วงสงกรานต์ที่รัฐฯ จัดเต็มที่ / เงินทุนต่าวประเทศไหลออก / พรบ.กู้เงินเข้าสภาฯ / การลดลงของนักท่องเที่ยว / การขาดดุลการค้า เพราะส่งออกไม่ได้ สินค้าแพงจากเงินบาทที่แข็ง. ส่วนเรื่องนอกประเทศ มีแค่ ไซปรัส ประเทศเล็กๆ เพียงอย่างเดียว จึงอยากบ่นให้นักลงทุนอย่าตื่นตระหนกต่อการลงทุน เล่นไปตามปกติที่เคยกระทำ แต่ควรที่จะใจเย็นๆ เสพข้อมูลให้มาก และ พร้อมกล้าที่จะเข้าเสี่ยงเมื่อโอกาศมาเยือน

 

69200_566231913411237_1529365605_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ป๋าค่ะพรุ่งนี้บาทน่าจะแข็งค่าต่ำกว่า 29 มั้ยค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สรุปภาวะตลาด Gold Future และ SET50 Future By GT Wealth Management 20 มี.ค. 56 (ภาคบ่าย)

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- พุธที่ 20 มีนาคม 2556 17:43:28 น.

กรุงเทพฯ--20 มี.ค.--GT Wealth Management

ราคาทองคำเคลื่อไหวในกรอบแคบเหนือระดับ US$1,610 (Gold Spot) ราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบแคบก่อนการประกาศผลการประชุม FOMC โดยตลาดรอฟังแถลงการณ์ของประธาน FED ในขณะที่ความคืบหน้าของไซปรัสหลังรัฐสภาไซปรัสลงคะแนนเสียงปฏิเสธแผนภาษีเงินฝากและดำเนินการขอให้รัสเซียยืดอายุเงินกู้ในปัจจุบันวงเงิน 2.5 พันล้านยูโร ซึ่งจะครบกำหนดชำระในปี 2016 ออกไปอีก 5 ปี รวมทั้งขอให้ลดอัตราดอกเบี้ยลงจากระดับ 4.5% ทางด้านกระทรวงการคลังรัสเซียเปิดเผยว่า ไซปรัสยังได้ขอเงินกู้อีก 5 พันล้านยูโรจากรัสเซีย แต่ทางรัสเซียยังไม่ได้ตัดสินใจ ส่วนค่าเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องที่ระดับ 29.06 SPDR รายงานการถือครองทองคำเพิ่มขึ้นครั้งแรก 2.71 ตัน ที่ระดับ 1,222.16 ตัน

 

 

ดัชนี SET50 วันนี้ยังคงปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องโดยระหว่างวันปรับตัวลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 1,026.0จุด ก่อนปรับตัวขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,016.01จุด โดยมียังคงแรงขายเข้ามามากในกลุ่มธนาคาร พลังงาน อสังหาฯและวัสดุก่อสร้าง โดยปัจจัยสำคัญที่กดดันให้ตลาดปรับตัวลงคือ ความกังวลของนักลงทุน ว่า ธนาคารแห่งปะเทศไทยจะมีมาตรการควบคุมค่าเงินบาทหลังเงินทุนจากต่างประเทศไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งปัจจัยจากทางฝั่งยุโรปในประเด็นเรื่องไซปรัส คืนนี้ติดตามผลการประชุม FOMC

 

สรุปภาวะการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำสิ้นสุดอายุเดือนเมษายน 2556 (GFJ13) ปิดที่ระดับ 22,380 บาท ปริมาณการซื้อขาย 2,808 สัญญา

 

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำสิ้นสุดอายุเดือนเมษายน 2556 ขนาด 10 บาท (GF10J13) ปิดที่ระดับ 22,370 บาท ปริมาณการซื้อขาย 6,348 สัญญา

 

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าดัชนี SET50 สิ้นสุดอายุเดือนมีนาคม (S50H13) ปิดที่ระดับ 1,018.20 จุด ปริมาณการซื้อขาย 23,549 สัญญา

 

แนวโน้มทองคำ นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัด กล่าวว่า การที่สภาไซปรัสไม่รับเงื่อนไขของทรอยกาอาจจะนำมาซึ่งความวิตกมากขึ้นถึงความเสี่ยงในภาคธนาคารและการชำระหนี้ของรัฐบาล สะท้อนผ่านเงินยูโรในระยะสั้น และแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยที่กลับเข้ามาถือเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ อย่างไรก็ดีค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องจากเงินทุนไหลเข้า

 

GT Wealth Management

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เงินบาทปิด 29.10/13 ประเมินกรอบเคลื่อนไหวพรุ่งนี้ 29.00-29.30

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 20 มีนาคม 2556 17:40:20 น.

นักบริหารเงินธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า ล่าสุดเงินบาทอยู่ที่ระดับ 29.10/13 บาท/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 29.27/29 บาท/ดอลลาร์

 

"วันนี้เงินบาทปิด 29.10/13 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดของวัน ส่วน High สุดคือตอนเปิดตลาดที่ระดับ 29.27/29 ระหว่างวันคือประมาณช่วงบ่ายโมงมีจังหวะที่เงินบาทอ่อนค่าขึ้นมา ซึ่งไม่แน่ใจว่าจากประเด็นอะไร แต่หลังจากนั้นก็แข็งค่ากลับลงมาอีก น่าจะมีแรงเทขายเข้ามาอีก"นักบริหารเงิน กล่าว

 

 

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ระหว่าง 29.00-29.30 บาท/ดอลลาร์

 

*ปัจจัยสำคัญ

- ปิดตลาดวันนี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 95.33/38 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่อยู่ที่ระดับ 94.91/95 เยน/ดอลลาร์

 

- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2907/2909 จากช่วงเช้าที่อยู่ที่ระดับ 1.2873/2875 ดอลลาร์/ยูโร

 

- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,543.67 จุด ลดลง 24.58 จุด (-1.57%) มูลค่าการซื้อขาย 83,642.93 ล้านบาท

 

- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 3,190.26 ลบ.(SET+MAI)

- สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีนเปิดเผยว่า ราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงเพิ่มขึ้น 56 ดอลลาร์ฮ่องกง ปิดที่ระดับ 14,966 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึงในวันนี้ ราคาดังกล่าวเทียบเท่ากับ 1,618.70 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ เพิ่มขึ้น 6.06 ดอลลาร์สหรัฐ ที่อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ/ 7.76 ดอลลาร์ฮ่องกง

 

- ทั่วโลกยังคงจับตาดูความคืบหน้าเกี่ยวกับไซปรัสอย่างใกล้ชิด ขณะที่ไซปรัสและรัสเซียได้ดำเนินความพยายามครั้งสุดท้ายเพื่อหาทางปลดล็อคปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ หลังจากที่รัฐสภาไซปรัสมีมติคว่ำมาตรการจัดเก็บภาษีเงินฝาก

 

- สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) เปิดเผยวานนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของอังกฤษขยายตัว 2.8% ในเดือนก.พ. ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 2.7% ในเดือนม.ค. รวมทั้งจำนวนผู้ไม่มีงานทำเพิ่มขึ้น 7,000 คนในระหว่างเดือนพ.ย.-ม.ค. มาอยู่ที่ 2.52 ล้านคน อย่างไรก็ดี อัตราว่างงานยังทรงตัวอยู่ที่ระดับ 7.8%

 

- ที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ(ครม.เศรษฐกิจ)เห็นพ้องว่าขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นต้องมีมาตรการพิเศษมาแก้ไขปัญหาเงินบาทแข็งค่า และไม่ต้องการให้ใช้มาตรการที่ผิดธรรมชาติเหมือนในอดีต เพราะจะส่งผลเสียในระยะยาว โดยเห็นว่าควรจะปล่อยให้เงินบาทเคลื่อนไหวตามกลไกตลาดไปก่อน แล้วคอยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากแข็งขึ้นมากกว่านี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะหารือกันอีกครั้ง

 

- ผู้ว่า ธปท. ยอมรับถือว่าแข็งค่ามากเกินไป และเคลื่อนไหวเร็วเกินไป แต่ปริมาณเงินจากนักลงทุนต่างชาติที่ไหลเข้ามาในประเทศขณะนี้ไม่ได้รุนแรงมากขึ้นและไม่ได้ผิดปกติ ส่วนใหญ่เข้ามาลงทุนในตราสารหนี้ ซึ่งสาเหตุที่นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทย เพราะเศรษฐกิจไทยมีปัจจัยพื้นฐานดี ประกอบกับ ประเทศอื่นในภูมิภาคมีข่าวที่สร้างความไม่มั่นใจในการลงทุน เช่นมาเลเซียกำลังจะมีการเลือกตั้ง สิงคโปร์มีปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ อินโดนีเซียขาดดุลงบประมาณ ทำให้เงินทุนไหลเข้ามาในไทย

 

อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่ง และโกลด์ฟิวเจอร์ส วันที่ 20 มีนาคม 2556 โดย YLG

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- พุธที่ 20 มีนาคม 2556 16:54:00 น.

กรุงเทพฯ--20 มี.ค.--PRdd

บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด ระบุ สภาวะตลาดวันที่ 20 มีนาคม 2556 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,610.00—1,614.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFJ13 อยู่ที่ 22,430 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 10 บาทจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 22,440 บาท ขณะที่ซิวเวอร์ฟิวเจอร์ SVJ13 อยู่ที่ 860 โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 5 บาทจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 855 บาท

 

 

(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.55 น.ของวันที่ 20/03/13)ออกมา คือ ออกมา คือ

 

แนวโน้มวันที่ 21 มีนาคม 2556

รัฐสภาไซปรัสมีมติปฏิเสธมาตรการจัดเก็บภาษีเงินฝากในระบบธนาคาร แม้นว่ารัฐบาลไซปรัสได้พยายามพิจารณาทบทวนร่างกฎหมายดังกล่าวในกรณีเงินฝากในบัญชีธนาคารไม่เกิน 20,000 ยูโร ไม่ต้องเสียภาษี แต่มาตรการดังกล่าวก็ยังเผชิญกับการต่อต้านจากพรรคฝ่ายค้านและพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งประเด็นดังกล่าวต้องติดตามแนวทางการดำเนินนโยบายของกลุ่มหนี้ หรือ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)และผู้นำของยูโรโซนต่อไป ซึ่งอาจส่งผลให้ไซปรัสเผชิญความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโดยมีแนวโน้มที่จะผิดนัดชำระหนี้อย่างที่ไม่สามารถควบคุมได้ แม้นประเด็นดังกล่าวจะลดความร้อนแรงลงเนื่องจากมาตราการนี้อาจจะยังไม่มีการนำไปใช้กับประเทศลูกหนี้อื่น ส่งผลให้นักลงทุนความความวิตกกังวลลงบ้าง ซึ่งราคาทองคำขยับขึ้นได้ไม่มากนักและลดความร้อนแรงลงตาม เนื่องจากนักลงทุนลดการเข้าถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย แต่ราคาทองคำยังสามารถทรงตัวรักษาระดับไว้ เนื่องจากวิกฤตภาคธนาคารสเปน ที่กำลังมีปัญหาโดยสัดส่วนหนี้เสียของธนาคารพาณิชย์ของสเปนกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกครั้ง โดยสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของภาคธนาคารสเปนอยู่ที่ระดับ 1.707 แสนล้านยูโร หรือคิดเป็นสัดส่วน 10.78% ของสินเชื่อทั้งหมดได้เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งปัญหาทางเศรษฐกิจยุโรปยังคงเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำ วายแอลจีแนะนำให้ดูการสร้างฐานของราคาทองคำบริเวณแนวรับ 1,600-1,597 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาสามารถตั้งฐานได้อย่างแข็งแกร่ง ยังมีโอกาสเห็นการดีดตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,620 หรือ 1,628 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคาหลุดแนวรับ จะโดนแรงขายออกมาอีกครั้ง ประเมินแนวรับถัดไปที่ 1,590 หรือ 1,580 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า ราคาทองคำเคลื่อนไหวในลักษณะของการสร้างฐานราคาให้มั่นคง โดยให้เน้นไปที่การเข้าลงทุนระยะสั้น ทั้งนี้สามารถเข้าซื้อบริเวณแนวรับที่ 1,597 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,590 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และเมื่อราคามีการปรับตัวสูงขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 1,620 ดอลลาร์ต่อออนซ์ นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจขายทำกำไรบ้างส่วนออกมาบ้างเพื่อลดความเสี่ยง แต่หากราคายืนเหนือแนวต้านได้มั่นคงสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้แนะนำให้ถือต่อเพื่อทำกำไรบริเวณแนวต้านถัดไปบริเวณ 1,628 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และควรตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาไม่เป็นไปตามคาดการณ์

 

ทองคำแท่ง (96.50%)

แนวรับ 1,597 (22,040บาท) 1,590 (21,940บาท) 1,580 (21,800บาท)

แนวต้าน 1,620 (22,360บาท) 1,628 (22,470บาท) 1,635 (22,560บาท)

 

GOLD FUTURES (GFJ13)

แนวรับ 1,593 (22,240บาท) 1,585 (22,140บาท) 1,570 (22,010บาท)

แนวต้าน 1,609 (22,560บาท) 1,616 (22,670บาท) 1,625 (22,770บาท)

SILVER FUTURES (SVJ13)

แนวรับ 28.65 (852บาท) 28.30 (842บาท) 27.90 (831บาท)

แนวต้าน 29.35 (873บาท) 29.60 (880บาท) 29.95 (890บาท)

หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999 และการลงทุนด้านทองคำแท่ง โทร.02-687-9888 หรือwww.ylgbullion.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- พุธที่ 20 มีนาคม 2556 17:44:00 น.

20 มี.ค.56 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นไทยว่า เปิดตลาดภาคบ่ายดัชนีแกว่งตัวในช่วงแคบๆ เพราะนักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในไซปรัสที่ไม่ผ่านกม.เก็บภาษีเงินฝาก และผลพวงจากการแข็งค่าของเงินบาท?ระหว่างชั่วโมงการซื้อขายดัชนีปรับตัวสูงสุดที่ 1,569.70 จุด และต่ำสุดที่ 1,534.27 จุด ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 1,543.67 จุด ลดลง 24.58 จุด หรือ -1.16% มูลค่าการซื้อขาย 83,656.86 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายเปลี่ยนแปลง เพิ่มขึ้น 156 หลักทรัพย์ ลดลง 556 หลักทรัพย์ และ ไม่เปลี่ยนแปลง 83 หลักทรัพย์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดหุ้นไทย: ปิดร่วง 24.58 จุด Panic sell หลังกังวลบาทแข็ง-ปรับเกณฑ์มาร์จิ้น

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 20 มีนาคม 2556 17:30:22 น.

ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 1,543.67 จุด ลดลง 24.58 จุด(-1.57%) มูลค่าการซื้อขาย 83,656.86 ล้านบาท

 

การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งในระหว่างเทรดของวันดัชนีฯร่วงลงไปมากกว่า 30 จุด โดยแตะจุดสูงสุดของช่วงเช้าที่ 1,569.70 จุด และแตะจุดต่ำสุดของช่วงเช้าที่ระดับ 1,534.27 จุด

 

 

ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 156 หลักทรัพย์ ลดลง 556 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 83 หลักทรัพย์

 

นายธีรวุฒิ กานต์นิภากุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ซีไอเอ็มบี(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้เกิด Panic sell ทำให้ตลาดฯดูอ่อนกว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่มีการแกว่งตัวทั้งในแดนบวก-ลบ ทั้งนี้มองว่าเป็นผลจากปัจจัยเฉพาะตัวในตลาดบ้านเรา จากความกังวัลในหลายเรื่อง ทั้งเรื่องค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมาก ทางการอาจจะมีการออกมาตรการมาแก้ไขปัญหา และเรื่องระบบตลาดทุน เกี่ยวกับระบบการให้มาร์จินแก่นักลงทุน ซึ่งมีความกังวลกันว่าอาจจะมีการปรับเกณฑ์ใหม่ ทำให้เกิดความกังวลมากเกินไปจึงเกิดแรงขายหนักในช่วงเช้า

 

แต่พอมาถึงช่วงบ่ายก็มีการทยอยซื้อกลับบ้าง ภายหลังจากที่ประเด็นที่กังวลยังไม่มีความชัดเจน หุ้นขนาดกลาง-เล็กจะปรับตัวลงมาก เมื่อมีประเด็นทำให้ตกใจง่าย และนักลงทุนยอมขายเพื่อถือเงินสดไว้ก่อน แต่หุ้นขนาดใหญ่ไม่ค่อยปรับตัวลงมาก ส่วนนักลงทุนต่างชาติอาจจะขายแต่ก็ไม่มาก อย่างไรก็ดี ให้รอดู 1-2 วันนี้ว่าจะมีปัจจัยลบอย่างที่คาดการณ์ไว้หรือไม่

 

ทั้งนี้ หากดัชนีฯไม่ต่ำกว่า 1,530 จุด ก็จะเป็นแค่การปรับฐาน และคงจะแกว่งไซต์เวย์ต่อไป แต่ถ้าดัชนีฯต่ำกว่า 1,530 จุด ทิศทางจะเป็นขาลงทันที

 

แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้(21 มี.ค.)นายธีรวุฒิ กล่าวว่า ถ้ายังไม่มีมาตรการใด ๆ ออกมาสกัดกั้นตลาดหุ้น และตลาดเงิน เชื่อว่าตลาดฯน่าจะแกว่งไซต์เวย์ พร้อมให้แนวรับ 1,535 จุด แนวต้าน 1,565 จุด

 

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

PTT มูลค่าการซื้อขาย 3,015.98 ล้านบาท ปิดที่ 333.00 บาท ลดลง 5.00 บาท

 

CK มูลค่าการซื้อขาย 2,905.87 ล้านบาท ปิดที่ 25.50 บาท ลดลง 2.75 บาท

 

BTS มูลค่าการซื้อขาย 2,710.82 ล้านบาท ปิดที่ 9.35 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง

 

TRUE มูลค่าการซื้อขาย 2,411.95 ล้านบาท ปิดที่ 7.75 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง

 

ITD มูลค่าการซื้อขาย 2,367.22 ล้านบาท ปิดที่ 7.60 บาท ลดลง 1.30 บาท

 

อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

In Focus: ตลาดโลกอึ้ง IMF จับมือยูโรโซนผุดปฏิบัติการ ปล้นกลางแดด ไซปรัส

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 20 มีนาคม 2556 15:48:02 น.

ย้อนไปเมื่อปีพ.ศ. 2518 คนทั่วโลกต่างฮือฮากับการเปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง "ปล้นกลางแดด" หรือชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า "Dog Day Afternoon" นำแสดงโดยพระเอกระดับรางวัลออสการ์อย่าง อัล ปาชิโน ภาพยนตร์เรื่องนี้ดัดแปลงมาจากวรรณกรรมก้องโลกชื่อ "The Boys in the Bank" ของพอล เฟรเดอริค คลูจ เล่าขานถึงสองหนุ่มคู่เกย์ที่ถูกความจนวิ่งชนกับความทะเยอทะยาน จนถึงขั้นยอมควงปืนเข้าปล้นธนาคารเชสต์แมนฮัทตัน ท่ามกลางแดดร้อนระอุในเมืองบรู๊คลิน ใจกลางมหานครนิวยอร์ก และจับประชาชนเป็นตัวประกัน หนึ่งในหลายเหตุผลที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้โด่งดังก็เพราะฉากที่แสดงถึงอาการของคนที่ตกเป็นตัวประกัน เกิดมีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจคนที่เป็นคนร้าย หลังจากต้องใช้เวลาอยู่ด้วยกันระยะหนึ่ง อาการเช่นนี้นักจิตวิทยาเรียกว่า อาการ Stockholm Syndrome (สต็อกโฮล์ม ซินโดรม) รวมทั้งพล็อตเรื่องอันแสบสันต์ที่โจรทั้งสองพบว่า ในตู้เซฟของธนาคารแทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย

 

 

กระทั่ง เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดการเงินทั่วโลกต่างตกอยู่ในอาการช็อคถล่ม เมื่อมีข่าวว่ายูโรโซนและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับแผนการช่วยเหลือไซปรัสวงเงิน 1 หมื่นล้านยูโรเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยข้อตกลงช่วยเหลือดังกล่าวระบุว่าผู้ฝากเงินในธนาคารของไซปรัสจะถูกเก็บภาษีแบบครั้งเดียว (one-off) สำหรับเงินฝาก

 

มีหลายคำถามตามมาว่า ทำไมจึงต้องจับตาไซปรัส ทั้งๆที่ไซปรัสเป็นเพียงเกาะเล็กๆในสหภาพยุโรปที่มีประชากรราว 1 ล้านคน และเศรษฐกิจก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไร และที่น่าสนใจก็คือ เงินที่ช่วยเหลือไซปรัสก็แค่ 1 หมื่นล้านยูโร ซึ่งเทียบกันไม่ได้เลยก็เงินที่ไอเอ็มเอฟควักออกไปช่วยเหลือกรีซครั้งละเป็นแสนล้านยูโร อีกทั้งยังมีคนตั้งคำถามว่า ทำไมขาใหญ่อย่างสหภาพยุโรปจึงบีบบังคับให้รัฐบาลไซปรัสเร่งออกกฎหมายสุดโหดที่เหมือนเป็นการปล้นเงินฝากของประชาชนเช่นนี้

 

นักวิเคราะห์ให้เหตุผลว่า ที่ต้องทำเช่นนั้นก็เพราะว่าระบบธนาคารในไซปรัสมีขนาดใหญ่ประมาณ 8 เท่าของขนาดเศรษฐกิจ ในช่วงที่ผ่านมา ไซปรัสถือเป็นแหล่งฝากเงินภาษีต่ำของทุกคนในยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มหาเศรษฐีชาวกรีซและรัสเซีย ตลอดจนคนยุโรปชาติอื่นๆ และธนาคารก็ได้เอาเงินฝากที่ได้มาไปลงทุนในที่ต่างๆ การกู้ยืมเงินจำนวน 1 หมื่นล้านยูโรรอบนี้ จะทำให้หนี้ภาครัฐของไซปรัสเพิ่มขึ้นเป็น 93% ของ GDP ซึ่งนับว่าสูงมากอยู่ และยากที่จะปรับให้ลดลงได้ในเวลาอันใกล้ เหตุผลเหล่านี้ทำให้รัฐบาลจำใจต้องกลืนยาขมกับเงื่อนไขข้อบังคับให้ไปเก็บภาษีจากผู้ฝากเงิน ที่เกินครึ่งเป็นผู้ฝากจากต่างประเทศ เพื่อผ่อนภาระของภาครัฐลงไปบางส่วน

 

ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินหลายท่านแสดงความกังวลว่า วิกฤตการณ์ของไซปรัสจะจบลงในรูปแบบไหน รัฐบาลจะเก็บรายใหญ่เพิ่มอีกเท่าไร ต้องขอความช่วยเหลือจากยุโรปเพิ่มขึ้นหรือไม่ แต่ไม่ว่าหนทางจะไปทางไหน สิ่งทั้งหมดที่เกิดขึ้นย่อมสะท้อนให้เห็นว่า วิกฤติในยุโรปยังไม่จบลง ในขณะที่นักเศรษฐศาสตร์บางกลุ่มมองว่า หายนะทางเศรษฐกิจการคลังของรัฐบาลไซปรัสนั้น เกิดขึ้นจากรากฐานของการเข้าร่วมเป็นสมาชิกเงินยูโรอย่างแท้จริงในปีพ.ศ.2551 เพราะก่อนหน้านั้น ไซปรัสได้ชื่อว่าเป็นชาติที่มีเศรษฐกิจเข้มแข็งชาติหนึ่งในยุโรป ประชากรมีรายได้สูง แม้ว่าจะเผชิญกับปัญหาขัดแย้งทางชนชาติระหว่างพลเมืองเชื้อสายกรีกและเติร์ก จนถึงขั้นแบ่งแยกกันปกครอง

 

นอกจากนี้ นักเศรษฐศาตร์ยังกล่าวด้วยว่า การเข้าร่วมเงินสกุลยูโรทำให้ไซปรัสมีปัญหาทางเศรษฐกิจร้ายแรงในปีที่ผ่านมา เนื่องจากรัฐบาลเข้าไปโอบอุ้มธนาคารพาณิชย์ซึ่งขาดทุนมหาศาลจากการลงทุนในตราสารหนี้ของธนาคารกรีซ กระทั่งเมื่อสถานะการคลังรัฐบาลเข้าข่ายหายนะและหนี้สาธารณะที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว จนคาดว่าภายใน 7 ปีข้างหน้าจะมีหนี้สาธารณะเกิน 100% ของจีดีพี

 

ทั้งนี้ แม้ว่าล่าสุดรัฐสภาไซปรัสมีมติปฏิเสธมาตรการจัดเก็บภาษีเงินฝากในระบบธนาคาร แต่เหรียญอีกด้านหนึ่งก็ส่องสะท้อนออกมาให้เห็นว่า ไซปรัสกำลังเผชิญกับทางตันอย่างแท้จริง เพราะการปฏิเสธมาตรการเก็บภาษีเงินฝากก็เท่ากับว่าไซปรัสกำลังทำให้ประเทศตนเองเผชิญความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และมีแนวโน้มที่จะผิดนัดชำระหนี้อย่างที่ไม่สามารถควบคุมได้

 

วิกฤตที่เกิดขึ้นกับไซปรัสส่งสัญญาณว่าอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของหายนะของเงินยูโรในอนาคตอันใกล้ และเป็นสถานการณ์ที่ควรจับตามองอย่างไม่กระพริบตา

 

อินโฟเควสท์ โดย รัตนา พงศ์ทวิช/พันธุ์ทิพย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th--

 

http://www.ryt9.com/s/iq03/1613669

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ธ.ไซปรัส เตือนรัฐฯเลิกเก็บภาษี เสี่ยงทำค.ช่วยเหลือยูโรโซนล่ม

 

 

ข่าวต่างประเทศ RYT9.COM -- พุธที่ 20 มีนาคม 2556 15:46:08 น.

 

ดูรูปทั้งหมด

ผู้ว่าแบงก์ชาติไซปรัส กล่าวเตือนรัฐบาล ระบุ การเลิกเก็บภาษีบัญชีเงินฝากต่ำกว่า 20,000 ยูโร เสี่ยงทำให้ข้อตกลงช่วยเหลือจากกลุ่มยูโรโซนล่มได้

 

นายปานิคอส เดเมเทรียเดส ผู้ว่าธนาคารกลางไซปรัส ออกมากล่าวเตือนรัฐบาลไซปรัส ถึงกรณีที่รัฐบาลยกเลิกเก็บภาษีบัญชีเงินฝากที่ต่ำกว่า 20,000 ยูโร ว่าอาจจะเสี่ยงทำให้ข้อตกลงช่วยเหลือจากกลุ่มยูโรโซนล่มได้ โดยคำเตือนดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่ นางคริสติน ลาการ์ด กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ เรียกร้องให้ไซปรัสปฏิบัติตามคำมั่นที่ให้ไว้ในข้อตกลงรับความช่วยเหลือมูลค่า 10,000 ล้านยูโร หรือราว 390,000 ล้านบาท ที่ทำไว้กับชาติพันธมิตรยูโรโซนในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

ทั้งนี้ ในการทบทวนแผนขอรับความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความไม่พอใจของประชาชนในประเทศนั้น แม้รัฐบาลไซปรัสจะยกเลิกการเก็บภาษีบัญชีเงินฝากแล้ว แต่ยังคงจัดเก็บภาษีในอัตรา 6.75% สำหรับบัญชีเงินฝากตั้งแต่ 20,000 - 100,000 ยูโร และ 9.9% สำหรับบัญชีเงินฝากที่มีมากกว่า 100,000 ยูโร

 

 

http://www.ryt9.com/s/iqry/1613666

อินโฟเควสท์ โดย ฐณฐ ธาระศัพท์/สุดทีวัล สุขใส โทร.02-2535000 อีเมล์: sudteewan@infoquest.co.th--

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

MBA Mortgage Applications (WoW)

Actual:-7.1%

Forecast:

Previous:-4.7%

Importance: Currency:USDSource Of Report:Mortgage Bankers Association (Release URL)

OverviewChartHistory

Mortgage Bankers Association (MBA) Mortgage Applications measures the change in the number of new applications for mortgages backed by the MBA during the reported week.

 

A higher than expected reading should be taken as positive/bullish for the USD, while a lower than expected reading should be taken as negative/bearish for the USD.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Resistance: $ 1615, $ 1625, $ 1634 (50 DMA), $ 1650, $ 1686, $ 1697 (previous high)

Support: $ 1603, $ 1600, $1595.20, $ 1584.86, $ 1580.39, $ 1522 (2012 low).

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...