ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

'กิตติรัตน์' รับไร้แนวทางแก้บาทแข็งร่วมธปท.(02/05/2556)

กิตติรัตน์" รับ ไร้มาตรการแก้ค่าเงินบาทแข็งในทิศทางเดียวกับ ธปท. ห่วง ระยะยาว กระทบเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ

 

นาย กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการหารือการแก้ปัญหาเรื่องค่าเงินบาทที่ผ่านมากับหน่วยงานที่เกี่ยว ข้อง ทั้ง ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงพาณิชย์และสำนักงบประมาณว่า แม้จะมีการหารือมาหลายครั้งแต่ยอมรับว่า ยังไม่ได้แนวทางที่ชัดเจนในการแก้ปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่าร่วมกับธนาคารแห่ง ประเทศ (ธปท.)แม้ที่ผ่านมานายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้รับข้อเสนอ และมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)นัดพิเศษเมื่อวันจันทร์ที่ผ่าน มา แต่ผลสรุปที่ได้ก็ไม่เป็นไปตามทิศทางที่ได้หารือร่วมกันก่อนหน้านี้

 

ทั้ง นี้ เมื่อดูจากผลการแถลงข่าวของ กนง.มีสิ่งที่ตรงกันอยู่ หนึ่งอย่างคือ แบงก์ชาติจะมีการประสานการทำงานในการดูแลอัตราแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิดกับ กระทรวงการคลังก็ถือเป็นเรื่องที่ดี ยอมรับว่าที่ผ่านมา ธปท. ไม่ได้มีการประสานกับกระทรวงการคลัง อย่างใกล้ชิดตามที่พูด เช่น การเสนอแนะให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อใช้เป็นกลไกหนึ่งในการลดการแข็งค่า ของเงินบาท ซึ่งเสนอตั้งแต่เงินบาทเคลื่อนไหวที่ระดับ 31 บาทต่อดอลลาร์ จนขณะนี้แข็งค่ามาอยู่ที่ระดับ 29 บาทต่อดอลลาร์ จนเกิดความเดือดร้อนมากขึ้นและเป็นห่วงว่าหากตอนนี้ยังมีมาตรการใดออกมาเกรง ว่าในอนาคตจะเกิดเหตุการณ์แบบที่เกิดขึ้นในปัจจุบันจะไม่เกิดขึ้นในครั้ง เดียวและอาจจะกระทบกลไกทางเศรษฐกิจในวันข้างหน้า"

 

ที่มา : money channel (วันที่ 2 พค.56)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผู้ว่าฯอุบเงียบมาตรการคุมบาท(02/05/2556)

ผู้ว่าฯ ธปท.ปัดให้สัมภาษณ์มาตรการดูแลค่าเงินบาท ชี้รอเวลาเหมาะสมก่อน

 

นาย ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ปฏิเสธให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับสถานการณ์ค่าเงินบาท หรือมาตรการพิเศษที่จะใช้ควบคุมดูแล โดยกล่าวว่า จะยังไม่ให้สัมภาษณ์จนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม

 

ส่วนกรณี ที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้จัดส่งหนังสือมากรณีอัตราดอกเบี้ยมีผลต่อเงินทุนไหลเข้า มีผลกระทบจากการใช้เงินดูดทรัพย์สภาพคล่อง และข้อเสนอแนะที่ธนาคารแห่งประเทศไทยมีต่อคณะกรรมการนโยบายการเงินใน สถานการณ์ขณะนี้นั้น ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ได้ทำหนังสือชี้แจงกระทรวงการคลังแล้ว

 

ที่มา : money channel (วันที่ 2 พค.56)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผลเสียธนาคารกลางทุ่มอัดฉีดสปอยล์นักลงทุนรุ่น แบมือขอ (02/05/2556)

เป็นภาพที่มองเห็นได้ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับสภาพการณ์การลงทุนของบรรดานักลงทุนทั่วโลกในปัจจุบัน อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากมาตรการกระตุ้นที่ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์เคย เอ่ยปากเตือนไว้ก่อนหน้านี้

 

คำเตือนที่ว่าก็คือ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจซบเซาด้วยการใช้แนวทางอัดฉีดเงินเข้าระบบอย่างต่อเนื่อง เป็นระยะเวลายาวนานจะส่งผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำให้นักลงทุนรวมถึงนักธุรกิจไม่สนใจพิจารณาพื้นฐาน ความเป็นจริงของตลาด เพราะ “เคยชิน” และ “เคยตัว” กับการรอคอยให้ธนาคารกลางทั้งหลายทุ่มเงินเสริมสภาพคล่องเข้ามาภายในระบบ

 

ขณะที่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ธนาคารกลางโดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ก็ไม่เคยทำให้นักลงทุนผิดหวังแต่อย่างใด โดยนักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งให้เหตุผลตรงกันว่า เป็นเพราะสถาบันการเงินเหล่านี้ได้รับแรงกดดันทางการเมืองพอสมควร จึงไม่กล้าเสี่ยงทำให้ตลาดผิดหวังจนกระทั่งต้องตัดสินใจลดปริมาณการลงทุน

 

และสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นตลาดทุนทั่วโลกล่าสุด นับเป็นอีกหนึ่งหลักฐานที่ยืนยันความวิตกของบรรดานักวิเคราะห์ได้เป็นอย่าง ดี

 

เหตุเพราะ แม้รายงานตัวเลขการเติบโตของประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ชั้นนำของโลกอย่างสหรัฐ จีน หรือยุโรป จะค่อนข้างน่าผิดหวัง และสะท้อนให้เห็นแนวโน้มการขยายตัวที่จะชะลอตัว กระนั้นการซื้อขายในตลาดหุ้นก็ยังคงคึกคักสดใส ไม่มีวี่แววแผ่วแรงลดความร้อนแรงลงแต่อย่างใด

 

ทั้งนี้ เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้เผยรายงานผลผลิตมวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2556 ที่มีการเติบโตเพียง 2.5% ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 2.83%

 

ขณะที่ผลการสำรวจของนักลงทุนจาก 730 สถาบันทั่วโลก ต่างคาดการณ์ว่าสหภาพยุโรป (อียู) จะมีแนวโน้มหดตัว 0.4% ในปีนี้ ไม่เว้นแม้แต่ประเทศเศรษฐกิจแกร่งอย่างเยอรมนีที่เริ่มได้รับผลกระทบจากภาวะ ชะลอตัวของภูมิภาคยุโรป โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (พีเอ็มไอ) ภาคการผลิตของเยอรมนีในเดือน มี.ค. หดตัวลดลงที่ระดับ 49 จุด จากเดิมที่ 50.3 จุด ในเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา

 

ด้านสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (เอ็นบีเอส) เผยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมประเทศในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ว่าอยู่ที่ระดับ 9.5% ซึ่งลดลง 2.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาเป็นรายเดือน แม้ว่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือน มี.ค.จะเพิ่มจากเดือน ก.พ. มาอยู่ที่ 8.9% แต่อัตราการขยายตัวกลับมีเพียง 0.66% เท่านั้น และนับเป็นการแสดงให้เห็นค่อนข้างแน่ชัดว่าเศรษฐกิจจีนเติบโตได้ช้าลงจนน่า หวั่นใจ

 

อย่างไรก็ตาม แม้สถานการณ์เศรษฐกิจโลกจะย่ำแย่เรื้อรังยากฟื้นคืนจากวิกฤตการเงิน แต่บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นกลับเป็นไปในทิศทางตรงกันข้าม โดยนักลงทุนยังคงเดินหน้าหอบเงินเข้ามาลงทุนในตลาดอย่างต่อเนื่อง กระทั่ง สตีฟ ไบร์ซ หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนจากสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ประจำสิงคโปร์ ให้นิยามว่า โลกตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงที่ตลาดหุ้นหอมหวานมากที่สุด

 

หรืออาจเรียกได้ว่า ขณะที่สหรัฐ จีน และยูโรโซน เติบโตได้อย่างน่าผิดหวังจนสะเทือนตลาดโภคภัณฑ์และผลตอบแทนของพันธบัตร ความอ่อนด้อยดังกล่าวกลับไม่ส่งผลใดๆ ต่อตลาดหุ้นเลยแม้แต่น้อย

 

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ในตลาดสหรัฐทำสถิติสูงสุดรอบใหม่ โดยปรับตัวเพิ่มขึ้น 11.37 จุด ปิดตลาดที่ 1,593.61 จุด เช่นเดียวกันกับดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ที่แม้ไม่ได้ทำสถิติสูงสุด แต่ก็ปรับเพิ่มขึ้นถึง 106.20 จุด มาอยู่ที่ 14,818.75 จุด

 

ด้านดัชนีเอ็มเอสซีไอของตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ยกเว้นญี่ปุ่น ก็ไต่ระดับขึ้นด้วยเช่นกัน โดยเพิ่ม 1.1% ทำให้ดัชนีดังกล่าวทำสถิติสูงที่สุดในรอบ 7 เดือน

 

สำหรับในภูมิภาคยุโรป ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นก็เป็นไปอย่างสดใสไม่แพ้กัน โดยดัชนีเอฟทีเอสยูโร 300 ตลอดทั้งเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 1.3% กลายเป็นการปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง 11 เดือนติดต่อกัน

 

ขณะที่เมื่อพิจารณาโดยรวมทั่วโลก ดัชนีเอ็มเอสซีไอของตลาดหุ้นทั่วโลกปรับเพิ่มขึ้น 0.2% รวมอยู่ที่ 367.96 จุด ซึ่งเป็นระดับเดียวกันกับในช่วงเดือน มิ.ย. 2551 ก่อนที่จะเกิดวิกฤตการเงิน

 

หรือสรุปให้เข้าใจง่ายขึ้นก็คือ เม็ดเงินที่ธนาคารกลางอัดเข้าระบบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจทำให้ตลาดหุ้นไปได้ดี แต่ไม่ได้ส่งผลต่อการปรับปรุงพัฒนาในภาคเศรษฐกิจจริงใดๆ ยืนยันได้จากตัวเลขการเติบโตแต่ละประเทศที่เชื่องช้าและอ่อนแอ

 

นักวิเคราะห์ นักกลยุทธ์ และผู้เชี่ยวชาญเกือบทุกสำนักต่างลงความเห็นตรงกันว่า เหตุผลสำคัญที่สุดที่นักลงทุนเลือกที่จะเมินเฉยต่อการเติบโตที่อ่อนแอ เนื่องจากเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าเฟดจะเดินหน้าใช้มาตรการผ่อนคลายเชิง ปริมาณ (คิวอี) ต่อไป และอีซีบีมีแนวโน้มจะตัดลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากอัตราปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ 0.75% ขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะไม่ส่งสัญญาณยกเลิกมาตรการทุ่มซื้อพันธบัตรของตนเองออกมาในช่วงระยะเวลา อันใกล้นี้แน่นอน

 

เจย์ เฟล์ดแมน ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจสหรัฐของเครดิตสวิส ประจำนครนิวยอร์ก กล่าวว่า การเติบโตที่ค่อนข้างอ่อนแอของสหรัฐ รวมถึงตลาดแรงงานที่มีการจ้างงานเพิ่มอย่างไม่สม่ำเสมอ จนอัตราการว่างงานยังไม่สามารถปรับลดลงได้ ทำให้คณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟดต้องคงนโยบายคิวอีตามที่เคยรับปากไว้ว่า จะใช้จนกว่าอัตราว่างงานประเทศจะอยู่ในระดับต่ำกว่า 6.5%

 

ในส่วนของยุโรป นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เห็นว่าท่ามกลางสถานการณ์ที่เฟด บีโอเจ หรือธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) เดินหน้าใช้นโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ อีซีบี ย่อมไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจะต้องทำตามบ้าง เมื่อเศรษฐกิจของภูมิภาคยังไม่มีวี่แววว่าจะฟื้นขึ้นมาได้

 

สตีเฟน คิง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเอชเอสบีซี ในกรุงลอนดอน กล่าวว่า หลังจากที่ยืนกรานเสียงแข็งมานาน อีซีบีเริ่มหันกลับมาพิจารณามาตรการผ่อนคลายบ้างแล้ว โดยตัวแปรสำคัญมาจากเศรษฐกิจของประเทศ หัวเรือใหญ่อย่างเยอรมนี ที่เริ่มได้รับผลกระทบแล้วเช่นกัน เห็นได้จากดัชนีพีเอ็มไอประเทศที่ปรับตัวลดลง

 

ท่ามกลางเศรษฐกิจยุโรปที่อ่อนแอและอ่อนล้ายากเยียวยา อีซีบีจึงมีเหตุผลที่จะตัดลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยหลายฝ่ายคาดว่าอีซีบีจะประกาศตัดลดอีก 0.25% ภายในสัปดาห์นี้ หรือหากไม่มีการประกาศเปลี่ยนแปลงใดๆ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เห็นว่าอีซีบีจะตัดลดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้แน่ นอน

 

ริชาร์ด ไดรฟ์เวอร์ นักวิเคราะห์ตลาดค่าเงินจากแค็กซ์ตัน เอฟเอ็กส์ ยอมรับว่า จะรู้สึกประหลาดใจมากกว่า หากอีซีบีไม่ตัดลดอัตราดอกเบี้ย เพราะอีซีบีไม่น่าจะรอให้สถานการณ์ย่ำแย่ไปมากกว่าในขณะนี้อีกแล้ว ถึงจะลงมือทำอะไรสักอย่าง

 

ทั้งนี้ มองในมุมหนึ่ง ย่อมถือเป็นเรื่องธรรมดาที่ธนาคารกลางของแต่ละประเทศจะออกนโยบายเพื่อช่วย ผลักดันให้เศรษฐกิจโต แต่หากมองอีกมุมหนึ่ง การใช้วิธีการดังกล่าวไปต่อเนื่องนานๆ ได้ทำให้นักลงทุนหรือแม้กระทั่งประเทศที่เกิดวิกฤต ตกอยู่ในอาการคล้ายเด็กที่โดน “เอาใจ” หรือ “สปอยล์” อย่างหนัก จนเสียนิสัย เพราะเริ่มเคยตัวและติดอยู่กับการรอความช่วยเหลือจากธนาคารกลางที่ต้องออก มาตรการมาจัดการ ซึ่งอาจส่งผลให้ธนาคารกลางทั้งหลายไม่อาจถอนตัวเลิกใช้มาตรการผ่อนคลายต่างๆ ได้

 

ท้ายที่สุด เศรษฐกิจโลกอาจหลุดเข้าสู่วงจรที่ต้องอาศัยนโยบายเครื่องมือทางการเงินต่อไป อย่างไม่มีวันจบสิ้น แถมยังไม่มีการรับรองใดๆ อีกว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจโลกเติบโตได้อย่างยั่งยืน จริง

 

ที่มา : โพสต์ทูเดย์(วันที่ 2 พค.56)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เอกชนจี้รัฐไม่ควรแทรกแซงธปท.(02/05/2556)

นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงกรณีกระแสข่าวที่รัฐบาลจะปลดนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จากปัญหาการแข็งค่าของเงินบาทว่า ภาคเอกชนไม่อยากให้นำเรื่องค่าเงินบาทนำมาเป็นประเด็นการเมือง และเอกชนก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งการเมืองด้วย เนื่องจาก ธปท.เป็นองค์กรอิสระเชื่อว่าทั้งสองหน่วยงานสามารถที่จะเจรจากันได้

 

"ที่ทราบมา ขณะนี้รัฐบาลและธปท.ได้หารือและมีความเข้าใจกันดีขึ้นมากแล้ว เชื่อว่าคงไม่มีปัญหาใด ๆ ผมเองไม่ทราบว่ามีเหตุผลอะไรจะไปปลดผู้ว่าธปท. และการปลดก็ไม่ได้ทำกันง่าย ๆ เพราะการปลดหมายถึงต้องมีความผิดร้ายแรง ถึงขั้นทำให้ประเทศชาติเสียหายมาก แต่หากเห็นว่างินบาทแข็งค่าแล้วมีผลกระทบจริงก็ควรจะมีมาตรการออกมาดูแล"

 

ด้านนายธนิต โสรัตน์ เลขาธิการส.อ.ท. กล่าวว่า แม้ว่าฝ่ายบริหารจะมีอำนาจในการปลดผู้ว่าธปท. ได้ แต่ต้องตอบคำถามสังคมให้ได้ว่า ผู้ว่าธปท.มีความผิดร้ายแรงเช่นใด และหากปลดไปแล้ว จะแก้ไขภาวะเงินบาทไม่ให้แข็งค่าได้หรือไม่ หากไม่สามารถตอบคำถามดังกล่าวได้ชัดเจนจะถูกมองว่าการเมืองเข้าแทรกแซงหน่วย งานอิสระก็จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นจากต่างประเทศแน่นอน

 

"การปลดผู้ว่าธปท.ต้องคำนึงในหลายๆ เรื่องโดยจะต้องดูว่ามีอำนาจปลดได้หรือไม่ และการปลดจากความผิดอะไร ไม่เช่นนั้นจะถูกมองเป็นเรื่องการเมืองเข้าแทรกแซงทันที ซึ่งความเชื่อมั่นต่อระบบการเงินและการคลังของไทยก็จะลดต่ำลง”

 

ขณะนี้ทุกประเทศที่พัฒนาแล้วจะต้องถ่วงสมดุลระหว่างนโยบายการเงินและการ คลัง มีปัญหาอะไรก็ควรมาเจรจากัน เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมเพราะจะมีประโยชน์ต่อประเทศชาติมากกว่า อย่างไรก็ตามภาคเอกชนมองว่าไม่ต้องการเห็นฝ่ายการเมืองมาแทรกแซงการทำงานของ ธปท. เนื่องจากตัวอย่างก็มีให้เห็นชัดเจนแล้วในช่วงวิกฤตปี 40 ที่การเมืองเข้าแทรกแซงส่งผลให้เศรษฐกิจประเทศเสียหายไปมาก.

 

ที่มา : เดลินิวส์(วันที่ 2 พค.56)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ต่างชาติโยกเงินหนีคุมบาทแข็ง(02/05/2556)

นักลงทุนต่างชาติตื่นไทยออกมาตรการสกัดบาทแข็ง ชะลอลงทุนดันยอดซื้อสุทธิวูบ พร้อมปรับพอร์ตลงทุนในพันธบัตรอายุมากกว่า 1 ปี ดันสัดส่วนลงทุนตราสารหนี้ระยะยาวเพิ่มขึ้นเป็น 80 % จากยอดคงค้าง 8.7 แสนล้าน บลจ.ปรับตัวรับสถานการณ์ออกกองทุนบอนด์อายุ 6 เดือน ลงทุนใน-ต่างประเทศ

 

นางสาวอริยา ติรณะประกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA) เปิดเผยว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาเริ่มเห็นสัญญาณความกังวลของนักลงทุนต่างชาติต่อ การออกมาตรการสกัดเงินบาทที่แข็งค่า ส่งผลให้มีการปรับพอร์ตลงทุนและเทขายตราสารหนี้ระยะสั้น โดยวันที่ 25-26 เมษายน ที่ผ่านมาต่างชาติขายตราสารหนี้รวม 4.6 พันล้านบาท ทำให้ทั้งสัปดาห์มียอดซื้อสุทธิลดลงเหลือเพียง 435 ล้านบาท อย่างไรก็ตามตั้งแต่วันที่ 1-26 เมษายนที่ผ่านมา ต่างชาติยังโชว์ยอดซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้ไทยอยู่ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ทำให้ยอดถือครองเพิ่มเป็น 8.7 แสนล้านบาท

ขณะเดียวกันพบว่านักลงทุนต่างชาติได้โยกเงินลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวสัด ส่วนที่สูงถึง 80 % หากเทียบกับช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา(ม.ค.-มี.ค.)จะลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นสัดส่วนสูงถึง 80 % ขณะที่ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน(สิ้นสุด 25 เม.ย.56 )ยอดถือครองตราสารหนี้ของต่างชาติเพิ่มขึ้น1.5 แสนล้านบาท

ด้านนายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)กรุงไทย จำกัด (มหาชน) (บมจ.) เปิดเผยว่า สำหรับภาพรวมตลาดตราสารหนี้ในช่วงนี้ ยังคงมีการไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติในตลาดพันธบัตร โดยเฉพาะพันธบัตรรุ่นอายุมากกว่า 1 ปีขึ้นไป ทั้งนี้จากการที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้หลายฝ่ายเริ่มคาดการณ์ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ซึ่งถูกกดดันจากฝ่ายการเมืองและเอกชนอาจมีการออกมาตรการเพื่อลดความร้อนแรง ของค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นโดยอัตราดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบันอยู่ที่ 2.75%ต่อปี

ส่วนการออกกองทุนตราสารหนี้เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพตลาดปัจจุบันนั้น จากการรวบรวมข้อมูลของ"ฐานเศรษฐกิจ" พบว่าบลจ.ยังเน้นออกกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น โดยบลจ.กรุงไทย ออกกองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 6 เดือน คุ้มครองเงินต้น 2 (KTFIX6M2 ) เป็นกองทุนประเภทต่ออายุโครงการเดิมที่หมดอายุ (โรลโอเวอร์)อายุโครงการ 6 เดือน มีนโยบายลงทุนในเงินฝาก ตั๋วแลกเงินของธนาคารทิสโก้ ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ในสัดส่วน 43% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในพันธบัตรธปท. ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.55% ต่อปี

เช่นเดียวกับบลจ.กรุงศรี ออกกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ต่างประเทศ 6M6(KFFIF6M6) อายุประมาณ 6 เดือน จ่ายผลตอบแทนประมาณ 3.00% ต่อปี

นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.กรุงศรี เปิดเผยว่ากองทุนดังกล่าว มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ เช่น เงินฝากธนาคารยูเนียน อินเตอร์เนชั่นแนล แบงก์ (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หรือยูเออี) เงินฝากธนาคารแบงก์ออฟไชน่า (สาขามาเก๊า , สาธารณรัฐประชาชนจีน)เงินฝากธนาคารธนาคารคอมเมอร์เชียลแบงก์ออฟกาตาร์ ของประเทศกาตาร์ ตราสารหนี้ ECP รับประกันโดยธนาคารสเบอร์แบงก์ ออฟ รัสเซีย( Sberbank of Russia )ตราสารหนี้ EMTN ออกโดยธนาคารบาโค ซานธานเดอร์ บราซิล เอส.เอ ในประเทศบราซิล เป็นต้น

ล่าสุดบลจ.ธนชาต เสนอขายกองทุนเปิดธนชาตฟิกซ์ อินคัม 6 เอ็ม 26 (TFI6M26) ระยะเวลาลงทุนประมาณ 6 เดือน ผลตอบแทนประมาณ 3.00%ต่อปี มีนโยบายลงทุนทั้งตราสารหนี้ในประเทศและต่างประเทศ เช่น ตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารทิสโก้ เงินฝากของแบงก์ออฟไชน่า ตั๋วแลกเงินที่ออกโดย บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท และตั๋วแลกเงินบมจ.เอเชียเสริมกิจลิสซิ่ง เป็นต้น

 

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ (วันที่ 2 พค.56)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไปนอนแล้วป๋า วันนีไม่เล่น ไลน์ป๊อบเหรอ คะแนน เริ่มเยอะแล้วนะ อิ อิ :bye :bye

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไปนอนแล้วป๋า วันนีไม่เล่น ไลน์ป๊อบเหรอ คะแนน เริ่มเยอะแล้วนะ อิ อิ :bye :bye

สมัครเข้าแข่งชิงถ้วยอยู่ 555 Line Pop ........ หุหุ เชื่อแล้วว่า วันหวยออก แรงขายทำอะไร แรงหวยออกไม่ได้เลย ค่าเงินยูโรฯ ร่วงขนาดนั้น

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผลสลากงวด 2 พ.ค.รางวัลที่ 1 คือ 603458

ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ.2556 15:59น.

 

ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 2 พ.ค. 2556 รางวัลที่ 1 คือ 603458

รางวัลเลขท้าย 3 ตัว 272, 830, 516, 359

 

และรางวัลเลขท้าย 2 ตัว 07

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

'กสิกร' ชี้ ค่าบาท-ศก.โลกซบกดดัชนีเชื่อมั่น

ข่าวเศรษฐกิจ วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ.2556 20:46น.

 

"กสิกรไทย" ชี้ ค่าบาท เศรษฐกิจโลกซบ กระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ในช่วงหลายเดือนข้างหน้า

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทยในเดือน เม.ย. 2556 รายงานโดยศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ปรับตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน มาที่ระดับ 83.7 จากระดับ 84.4 เดือน มี.ค. 2556 โดยดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยโดยรวม ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานทำ และดัชนีในความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต ลดลงมาที่ระดับ 73.9 ระดับ 75.5 และระดับ 101.8 เดือน เม.ย. จากระดับ 75.0 ระดับ 76.4 และระดับ 102.9 ในเดือนก่อนหน้า ตามลำดับนั้น

 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ความกังวลต่อผลกระทบของค่าของเงินบาทต่อเศรษฐกิจไทย และภาวะเศรษฐกิจโลก ที่เริ่มมีสัญญาณความซบเซาปรากฏขึ้น อาจยังคงเป็นตัวแปรสำคัญที่มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในช่วงหลายเดือนข้างหน้า อย่างไรก็ดี อุปสงค์ในประเทศ ที่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ตามอานิสงส์ของมาตรการเพิ่มรายได้ และการใช้จ่ายของรัฐบาล การเตรียมติดตามดูแลปัญหาเงินบาทแข็งค่าของทางการ ตลอดจนภาระค่าครองชีพของประชาชนที่ยังไม่น่าจะเร่งตัวขึ้นมาก อาจเป็นแรงหนุนสำคัญที่ช่วยประคองให้ระดับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคไม่ไถลลงมากนัก

 

http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=450406

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กสิกรวิเคราะห์เฟดหลังส่งสัญญาณกระตุ้นศก.

ข่าวเศรษฐกิจ วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ.2556 20:41น.

 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มอง ถ้อยแถลงเฟด หลังส่งสัญญาณดำเนินนโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจต่อ

หลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และรักษาขนาดการซื้อพันธบัตรที่ 85 พันล้านดอลลาร์ฯ/เดือน โดยระบุถึงความพร้อมของเฟด ในการปรับเปลี่ยนขนาดของการซื้อพันธบัตร ไม่ว่าจะเป็นการปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลง ตามพัฒนาการของตลาดการจ้างงานและเงินเฟ้อนั้น

 

 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ถ้อยแถลงของเฟด ภายหลังในการประชุม FOMC เป็นการส่งสัญญาณถึงความพร้อมในการดำเนินนโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจนกว่าตลาดแรงงงานจะสามารถกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ท่ามกลางแรงกดดันจากการปรับลดงบประมาณของสหรัฐฯ (Sequestration) ที่เริ่มส่งผลต่อภาคเศรษฐกิจจริงและการจ้างงานของสหรัฐฯ

 

ทั้งนี้ หากพิจารณาถึงแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในปัจจุบันของสหรัฐฯ ที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่า 2% ซึ่งเป็นระดับเงินเฟ้อเป้าหมายในระยะยาวของเฟด ก็อาจเป็นปัจจัยหนุนให้เฟด มีความยืดหยุ่นและคล่องตัว ในการดำเนินนโยบายทางการเงิน โดยเฉพาะมาตรการซื้อสินทรัพย์ขนาดใหญ่ต่อไป ทั้งนี้ คาดว่ามีโอกาสไม่มากนัก ที่เฟดจะพิจารณาปรับลดขนาดของการซื้อสินทรัพย์ปีนี้ โดยคาดว่า เฟดน่าจะต้องรอให้เครื่องชี้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีสัญญาณเชิงบวกต่อเนื่องสักระยะหนึ่ง ก่อนที่จะมีการพิจารณาถึงแนวทางการถอนออกจากมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)

 

http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=450405

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บ่ายวานนี้ (02/05/13) หุ้นไทยถูกเทขายร่วงลงไป -8.67 = 1,589.19 เพราะข่าวลือว่ารัฐบาลจะปลดผู้ว่าแบงค์ชาติ ประสาร ไตรรัตน์วรกุล เพราะไม่สนองตอบนโยบายรัฐบาล ไม่มีนโยบายและแนวทางที่เป็นรูปธรรม ในการแก้ปัญหาบาทแข็งมากเกินไป รวมทั้งข่าวศาลปกครองอาจออกมาเบรกการประมูลของ กบอ. แก้น้ำท่วม 3.5 แสนล้านบาท ต่อมาศาลปกครองประกาศยังไม่เบรกการประมูล แต่รับเรื่องไว้พิจารณายาวๆ ปัญหาเรื่องจะปลดผู้ว่าแบงค์ชาติ จะกดดันตลาดให้อ่อนลงอีกระยะหนึ่ง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผลสลากงวด 2 พ.ค.รางวัลที่ 1 คือ 603458

ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ.2556 15:59น.

 

ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 2 พ.ค. 2556 รางวัลที่ 1 คือ 603458

รางวัลเลขท้าย 3 ตัว 272, 830, 516, 359

 

และรางวัลเลขท้าย 2 ตัว 07

 

 

คนดวงจู๋

482396_283025358499759_2038957742_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

 

คนดวงจู๋

482396_283025358499759_2038957742_n.jpg

 

ตอนแรกเกือบกรี๊ดแล้วเชียว ดีที่ทันสังเกตุ จู๋จริงๆ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อรุณสวัสดิ์ค่ะทุกคน

ยักแย่ยักยันกันแต่เช้าเลยพี่จีน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...