ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

ตลาดหุ้นยุโรปคาดเปิดตลาดทรงตัว จับการประชุมอียู-ข้อมูลศก.สหรัฐ

 

 

ตลาดหุ้นยุโรปมีแนวโน้มว่า จะเปิดตลาดขยับขึ้นหรือลงไม่มากนัก เนื่องจากตลาดจับตาดูการประชุมของสหภาพยุโรป และการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐหลายรายการที่จะมีการเปิดเผยในคืนนี้ อาทิ ยอดขายบ้านมือสองเดือนเม.ย.ที่มีการคาดการณ์ว่า จะดีดตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี

 

ดัชนี Euro Stoxx 50 บวก 0.1% แตะ 2,814 เมื่อเวลา 7.12 น.ตามเวลาลอนดอน

 

หุ้นเครดิต อะกริโคล อาจจะคึกคัก ส่วนหุ้นโนวาร์ทิสอาจจะปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากบริษัทได้วางแผนที่จะเพิ่มการวิจัยเกี่ยวกับวิธีการรักษาโรคอัลไซเมอร์

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จีที เวลธ์ สรุปภาวะ Precious Metals Futures วันนี้ (22 พฤษภาคม 2556) ภาคเช้า ราคาทองคำในตลาดโลกปรับลดลง US$17.60 ต่อออนซ์ ปิดที่ระดับ US$1,375.44 ต่อออนซ์ (Gold spot)

 

ทั้งนี้ ราคาทองคำลดลงกว่า 1% วานนี้หลังตลาดกังวลว่า FED อาจส่งสัญญาณการชะลอหรือยุติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในถ้อยแถลงของนายเบน เบอร์นันเก้ ต่อสภาคองเกรสและรายงานการประชุม FOMC เมื่อเดือนเมษายน ที่จะมีในวันนี้ ส่งผลให้วานนี้ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าทำระดับสูงสุดที่ 84.20 จุด อย่างไรก็ตามทองคำได้รับแรงหนุนกลับมาหลังนาย เจมส์ บุลลาร์(ซึ่งมีสิทธิออกเสียง) กล่าวสนับสนุนการใช้มาตรการ QE ต่อไป ค่าเงินบาททรงตัวใกล้ระดับ 29.76 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ กองทุน SPDR รายงานการถือครองทองคำลดลงอย่างต่อเนื่อง 8.42 ตัน ที่ระดับ 1,023.08 ตัน

 

ราคาทองคำโลกเช้านี้ (Gold Spot) เคลื่อนไหวเหนือระดับ US$1,370 โกลด์ฟิวเจอร์สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนมิถุนายน 2556 (GFM13) ราคาเปิดเช้านี้ที่ 19,570 บาท ส่วนราคาทองคำที่ประกาศโดยสมาคมค้าทองคำวันนี้ ราคาเสนอซื้อ 19,400 บาท ราคาเสนอขาย 19,500 บาท ลดลง 50 บาท

 

แนวโน้มทองคำ นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัดและผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่า ราคาทองคำยังขาดปัจจัยสนับสนุนใหม่ ทำให้การปรับตัวขึ้นของราคาอยู่ในกรอบที่จำกัด อย่างไรก็ดี มองว่าในช่วงระยะสั้นราคาก็อาจจะยังไม่อ่อนตัวหลุด 1,300 ดอลล่าร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์เช่นกัน โดยอาจจะเคลื่อนไหวในกรอบกว้าง ๆ เพื่อรอสัญญาณใหม่ อย่างทิศทางนโยบายทางการเงินของประเทศเศรษฐกิจสำคัญ

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ(วันที่ 22 พค.56)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตกอยู่ในอาการระส่ำระสายหนาวๆ ร้อนๆ ไปตามๆ กัน เมื่อ ชาร์ลส อีแวนส์ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก ออกมาส่งสัญญาณเป็นนัยว่า เฟด อาจจะยุติการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) รอบล่าสุดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ โดยมีแววว่าอาจจะหยุดใช้คิวอีทันทีภายในฤดูใบไม้ร่วง หรือช่วงประมาณเดือน ต.ค.นี้

 

เห็นได้จากปฏิกิริยาตอบสนองในตลาดพันธบัตรสหรัฐเพียงไม่กี่ชั่วโมงภาย หลังจากที่อีแวนซ์แสดงความเห็นออกมา โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับเกือบสูงที่สุดในรอบ 2 เดือน หรืออยู่ที่ 1.972%

 

และกลายเป็นคำถามสำคัญที่นักลงทุน นักวิเคราะห์ และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจทั่วโลกต่างหันมาจับตามองสถานการณ์และทีท่าของ เฟดอย่างใกล้ชิดเพื่อให้สามารถคาดเดาคาดการณ์แนวโน้มการตัดสินใจของเฟดที่พอ จะเป็นไปได้และใกล้เคียงมากที่สุด

 

ระหว่างการที่เฟดจะคงการใช้นโยบายคิวอีต่อไปกับการเลือกยุติการใช้นโยบายดังกล่าวตามที่ผู้ว่าการเฟดสาขาชิคาโกส่งสัญญาณมา

 

ต้องยอมรับว่า เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐในปัจจุบันที่ฟื้นตัวได้ดีเกิน คาด ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขการว่างงานที่ลดลงเหลือระดับ 7.5% หรือต่ำที่สุดในรอบ 4 ปี หรือการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่าอยู่ที่ 2.5% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดถึง 2.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ที่อยู่ที่เพียง 0.4% และการลงทุนในธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น 12.6% และปริมาณการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น 3.2%

 

เรียกได้ว่า สถานการณ์ค่อนข้างเป็นใจให้เฟดสามารถยุติมาตรการคิวอี 3 ที่รวมถึงการซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาลและตราสารที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยหนุน หลัง (เอ็มบีเอส) รวมเดือนละ 8.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ตามที่ได้เคยลั่นวาจาไว้ว่าจะใช้มาตรการดังกล่าวจนกว่าตัวเลขการว่างงานจะลด ลงมาอยู่ที่ระดับ 6.5%

 

สำหรับสาเหตุที่ต้องลดหรือเลิกคิวอีเป็นเพราะคณะกรรมการเฟดหลายราย รวมถึงริชาร์ด ฟิชเชอร์ ผู้ว่าการเฟดประจำดัลลัสเห็นว่า ขณะที่มาตรการคิวอี3 ช่วยให้ตลาดหุ้นคึกคัก และเสริมให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ผู้บริโภค และบริษัทเกิดสภาพคล่อง แต่ผลลัพธ์ที่มีต่อการจ้างงานและการฟื้นของเศรษฐกิจในวงกว้างยังไม่ชัดเจน เท่ากับผลเสียของการใช้มาตรการคิวอีที่จะทำให้รัฐบาลสหรัฐแบกรับภาระหนี้มาก ขึ้น และเสี่ยงกับภาวะเงินเฟ้อซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของ เศรษฐกิจแดนลุงแซมในอนาคต

 

อย่างไรก็ตาม แม้กระแสความเห็นที่ออกมาจากบรรดาคณะกรรมการเฟดจะชี้ให้เห็นว่าสนับสนุนการ เลิกใช้สารพัดนโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณต่างๆ เพื่อไม่ให้เฟดต้องรับภาระหนักหนาสาหัสเกินไป แต่นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญอีกส่วนหนึ่งยังคงเห็นว่า ธนาคารกลางสหรัฐยังไม่น่าจะเลือกแนวทางดังกล่าวในขณะนี้ หรือภายในปีนี้อย่างแน่นอน และตัวเลขการจ้างงานก็ไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่สุดที่จะเป็นตัวตัดสินให้เฟดยก เลิกคิวอี 3 ในเมื่อสหรัฐยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องคำนึงอย่างเรื่องการขาดดุลงบประมาณ และผลตอบแทนในตลาดพันธบัตร

 

ทั้งนี้ แม้รายงานจากสำนักงบประมาณสภาคองเกรส (ซีบีโอ) แสดงให้เห็นว่าการขาดดุลงบประมาณของสหรัฐลดลงมาอยู่ที่ 6.42 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือเป็นเพียงแค่ 4% ของจีดีพี แต่การลดลงดังกล่าวเป็นผลจากมาตรการซีเควสเตรชั่นมูลค่า 8.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 2.46 ล้านล้านบาท) ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่รวมถึงการตัดลดรายจ่ายของภาครัฐและการขึ้นภาษี มากกว่าจะเป็นผลจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

 

บรรดานักวิเคราะห์จากดีบีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ รวมถึง เดวิด คาร์บอน ในสิงคโปร์ อธิบายว่า มาตรการดังกล่าวมีแนวโน้มจะกลายเป็นสาเหตุที่ฉุดรั้งการเจริญเติบโตทาง เศรษฐกิจของสหรัฐในอนาคต เนื่องจากภาครัฐลดการใช้จ่าย โดยงบประมาณของรัฐบาลประธานาธิบดีบารัก โอบามา ในไตรมาสแรกตัดลดลงไปแล้ว 8.4% ซึ่งกระทรวงกลาโหมสหรัฐโดนตัดงบประมาณมากที่สุด โดยรัฐบาลสหรัฐหั่นไปแล้ว 11.5%

 

ด้าน มูดี้ อินเวสเตอร์ แจกแจงว่าสหรัฐไม่อาจอาศัยมาตรการรัดเข็มขัดแต่เพียงอย่างเดียวเพื่อกระตุ้น เศรษฐกิจได้ และการที่สหรัฐจะเติบโตได้ สหรัฐจะต้องหันมาปรับขยายเพดานหนี้เพื่อกระตุ้นให้มีการใช้จ่ายที่จะทำให้ เศรษฐกิจขยับขับเคลื่อนไปข้างหน้าอีกครั้ง

 

ไม่เช่นนั้น สหรัฐอเมริกาอาจต้องเผชิญกับการโดนหั่นลดอันดับสถานะความน่าเชื่อถือทาง เศรษฐกิจของตนเอง เมื่อไม่อาจแสดงให้เห็นแนวโน้มการเติบโตอย่างยั่งยืนได้

 

ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์หลายฝ่ายเห็นตรงกันว่าเมื่อตลาดพันธบัตรเกี่ยวข้องกับความ สามารถในการระดมทุนของธุรกิจองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน ดังนั้น ปัจจัยใดก็ตามที่จะกระเทือนความเชื่อมั่นจนทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวสูง ขึ้นกลายเป็นภาระในการกู้ยืม ย่อมกระทบต่อการบริหารจัดการขององค์กร จนส่งผลต่อการจ้างงานในที่สุด

 

ร็อบเบิร์ต แวน บาเต็นเบิร์ก ผู้อำนวยการกลยุทธ์การตลาดจากบริษัท นิวเอ็ดจ์ แอลแอลซีในนิวยอร์ก กล่าวว่า เพียงแค่มีกระแสข่าวระบุว่าเฟดจะเลิกซื้อพันธบัตรก็เกิดปฏิกิริยาทางลบตอบ สนองจากตลาดแทบจะในทันที เห็นได้จากผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 เดือนแทบจะทันที

 

ขณะเดียวกัน ความเชื่อมั่นต่อตลาดพันธบัตรสหรัฐที่ลดลงยังทำให้นักลงทุนเลือกที่จะกระจาย ความเสี่ยงในการลงทุนของตนเอง ซึ่งหมายถึงการลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐลง โดยข้อมูลจากไฟแนนเชียลไทมส์ระบุว่า นักลงทุนรายใหญ่ในตลาดพันธบัตรสหรัฐเริ่มลดการถือครองพันธบัตรแล้ว ซึ่งตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือ จีน

 

จีน ซึ่งอยู่ในสถานะเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐได้ลดการถือครองพันธบัตรสหรัฐ แล้วจากเดิมที่เคยอยู่ในระดับสูงสุดถึง 1.31 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในปี 2554 แต่เมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา จีนลดการถือครองพันธบัตรสหรัฐลงมาอยู่ที่ 1.25 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมเริ่มหาแหล่งลงทุนใหม่ๆ เพื่อกระจายความหลากหลายของสินทรัพย์ของตนเองมากขึ้น

 

ความเคลื่อนไหวข้างต้นยังสอดคล้องกับรายงานดัชนีพันธบัตรของแบงก์ออ ฟอเมริกา เมอร์ริล ลินช์ ที่ระบุว่านักลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐในเดือนนี้ ต้องเผชิญหน้ากับการขาดทุนไปแล้ว 1.1%

 

ดังนั้น นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งจึงเริ่มคาดการณ์ว่า การยุติคิวอี 3 ของเฟดย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงความปั่นป่วนวุ่นวายในสหรัฐ รวมถึงในตลาดทั่วโลกได้แน่นอน

 

ทั้งนี้ ตราบใดที่สถานการณ์เศรษฐกิจภายในสหรัฐยังไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง ยั่งยืน ตราบนั้นเฟดย่อมไม่อาจเลือกเสี่ยงกับแนวทางใดๆ ก็ตามที่จะสั่นคลอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนและนักธุรกิจจนกระเทือนต่อการ ฟื้นฟูโดยรวมได้ ซึ่งหนึ่งในทางเลือกที่ว่า ย่อมรวมถึงการคงการใช้มาตรการคิวอี 3 ต่อไปด้วยเช่นกัน

 

ที่มา : โพสต์ทูเดย์(วันที่ 22 พค.56)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บมจ.โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมเนจเม้นท์ แนะกลยุทธ์การลงทุนในทองคำวันนี้ (22 พฤษภาคม 2556) นักลงทุนระยะสั้น ให้เก็งกำไรในกรอบ $1,370-1,400/Oz โดยมีจุดตัดขาดทุนหากปรับตัวลงต่ำกว่า $1,355/Oz ส่วนนักลงทุนระยะกลาง-ยาว แนะว่า หากราคายังผันผวนแนะนำให้ชะลอการลงทุน

ภาพรวมตลาดวานนี้

Gold – ราคาทองคำโลกปิดปรับตัวลดลง $18.55/Oz หรือ 1.33% มาอยู่ที่ $1,375.20/Oz (จุดต่ำสุด-สูงสุดในรอบวันอยู่ที่ $1,359.70-1,401.40)

ราคาทองคำปรับตัวลดลงหลังจากนายเจมส์ บุลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่าเฟดควรจะเดินหน้าใช้มาตรการ QE ต่อไปเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ส่งผลให้นักลงทุนหันไปเข้าซื้อหุ้นทั้งในตลาดสหรัฐและตลาดยุโรป นอกจากนี้กองทุน SPDR ที่ยังขายออกมาอย่างต่อเนื่องอีก 8.4 ตันยังเป็นปัจจัยกดดันต่อราคาทองคำ อย่างไรก็ตามนักลงทุนรอถ้อยแถลงของนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟด เกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐต่อคณะกรรมาธิการร่วมด้านเศรษฐกิจของสภา คองเกรส ในวันนี้ ตามเวลาท้องถิ่น และการเปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายการเงินของเฟดประจำวันที่ 30 เม.ย.-1 พ.ค.

แนวโน้มตลาดวันนี้

Gold – เกิดรูปแบบ Tweezer Top วานนี้อีกทั้งราคาปรับตัวลงปิดเป็นแท่งเทียนแดง โดยราคายังถูกกดดันจากเส้นค่าเฉลี่ยที่อยู่ในลักษณะ Bearish โดยหากราคายังไม่ผ่าน $1,400/Oz ยังคงอยู่ในแนวโน้มขาลง มองกรอบราคาทองคำในวันนี้ที่ $1,355-1,400/Oz

ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญประจำวันนี้

ยอดค้าปลีกอังกฤษ เวลา 15.30 น.

ยอดขายบ้านมือสองสหรัฐ เวลา 21.00 น.

สุนทรพจน์คุณเบนเบอร์นันเก้ เวลา 21.00 น.

 

ที่มา : ทันหุ้น(วันที่ 22 พค.56)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- พุธที่ 22 พฤษภาคม 2556 16:34:35 น.

กรุงเทพฯ--22 พ.ค.--PRDD

สภาวะตลาดวันที่ 22 พฤษภาคม 2556 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,372.78—1,389.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFM13 อยู่ที่ 19,650 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 30 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,620 บาท ขณะที่ซิวเวอร์ฟิวเจอร์ SVM13 อยู่ที่ 677 บาท โดยราคาไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 677 บาท

 

 

(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.58 น.ของวันที่ 22/05/13)ออกมา คือ ออกมา คือ

 

แนวโน้มวันที่ 23 พฤษภาคม 2556

ความกังวลเกี่ยวกับสภาพคล่องของธนาคารในจีนเพิ่มมากขึ้น หลังจากมีข้อมูลระบุว่า ยอดเงินฝากของธนาคารรายใหญ่ 4 แห่งของจีนลดลง 1.5 แสนล้านหยวน จากเมื่อสิ้นเดือนเมษายน ถึง วันที่ 19 พฤษภาคม หากเงินฝากยังลดลงต่อไปอาจจะส่งผลให้กระทบต่อสภาพคล่องและจะส่งผลต่อยอดการปล่อยกู้ของภาคธนาคารซึ่งเป็นแรงกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ ได้สร้างแนวโน้มเชิงลบต่อทิศทางราคาทองคำ ขณะที่ราคาอสังหาริมทรัพย์ของจีนยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น แม้จะมีมาตรการควบคุมโครงการที่อยู่อาศัยของทางรัฐบาลกลาง ทั้งนี้หากมีการออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อชะลอความร้อนแรงของตลาดอสังหาริมทรัพย์ก็จะส่งผลเชิงลบต่อทิศทางราคาทองคำเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ตลาดทองคำได้รับปัจจัยบวกจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ตัดสินใจคงนโยบายผ่อนคลายการเงินเชิงรุกในปัจจุบันต่อไปเพื่อรับมือกับภาวะเงินฝืด ทั้งนี้ บีโอเจเปิดเผยในแถลงการณ์ที่มีการเปิดเผยหลังการประชุมว่า บีโอเจจะเพิ่มฐานเงินที่อัตรา 60-70 ล้านล้านเยนต่อปี ซึ่งสอดคล้องกับมาตรการที่ประกาศไปเมื่อเดือนเมษายน ซึ่งประเมินว่าตลาดทองคำจะได้รับอานิสงค์เชิงบวกจากปริมาณเงินที่เพิ่มขึ้นในระบบเศรษฐกิจ เบื้องต้นราคาทองคำเมื่อมีการขยับขึ้นยังคงมีแรงขายออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากราคาทองคำมีการเคลื่อนตัวขึ้นทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,398-1,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ยังไม่สามารถทะลุไปได้ ต้องระมัดระวังแรงกดดันเชิงเทคนิคซึ่งจะส่งผลให้เกิดการอ่อนตัวของราคาทองคำได้อีก สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงเวลานี้ต้องเน้นไปที่การเก็งกำไรระยะสั้นพร้อมทั้งมีจุดตัดขาดทุนให้ชัดเจน ในขณะที่หากต้องการเข้าซื้อทองคำให้รอจังหวะการอ่อนตัวลงมาบริเวณ 1,353-1,342 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่สำหรับนักลงทุนระยะยาวอาจรอดูการตั้งฐานของราคา

 

กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีมีมุมมองว่า หากราคาทองคำไม่สามารถผ่านแนวต้าน 1,398-1,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้จะทำให้ราคาทองคำอ่อนตัวลงมา โดยหากราคาทองคำสามารถยืนเหนือแนวรับ 1,364 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างแข็งแกร่ง คาดว่าราคาน่ากลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านอีกครั้ง แต่หากยืนไม่ได้ต้องระมัดระวังแรงขายที่ออกมาอาจทำให้ราคาย่อตัวลงสู่แนวรับถัดไป สำหรับผู้ที่ไม่มีทองคำในมือรอดูบริเวณ 1,353 หรือ 1,342 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากสามารถยืนได้อย่างมั่นคง ถือเป็นจุดซื้อเก็งกำไรระยะสั้นอีกครั้ง แต่หากราคาหลุดแนวรับ 1,342 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำให้ชะลอการลงทุนเพื่อรอดูสถานการณ์

 

ทองคำแท่ง (96.50%)

แนวรับ 1,364 (19,200บาท) 1,353 (19,050บาท) 1,342 (18,890บาท)

แนวต้าน 1,398 (19,680บาท) 1,417 (19,950บาท) 1,428 (20,110บาท)

GOLD FUTURES (GFM13)

แนวรับ 1,364 (19,270บาท) 1,353 (19,130บาท) 1,342 (19,020บาท)

แนวต้าน 1,398 (19,700บาท) 1,417 (19,810บาท) 1,428 (19,940บาท)

SILVER FUTURES (SVM13)

แนวรับ 22.00 (660บาท) 21.60 (648บาท) 21.15 (634บาท)

แนวต้าน 22.95 (688บาท) 23.30 (698บาท) 23.85 (715บาท)

หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999 และการลงทุนด้านทองคำแท่ง โทร.02-687-9888 หรือwww.ylgbullion.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

MBA Mortgage Applications (WoW)

 

Actual:-9.8%

Forecast:

Previous:-7.3%

Importance: Currency:USDSource Of Report:Mortgage Bankers Association (Release URL)

OverviewChartHistory

Mortgage Bankers Association (MBA) Mortgage Applications measures the change in the number of new applications for mortgages backed by the MBA during the reported week.

 

A higher than expected reading should be taken as positive/bullish for the USD, while a lower than expected reading should be taken as negative/bearish for the USD.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ฝรั่งวิเคราะห์ยามค่ำ กล่าวว่า วันนี้ไม่มีแนวรับแนวต้าน เหตุการณ์ที่จะเกิดต่อไป ขึ้นอยู่กับทิศทางที่คุณฯ จะเลือก จะคิด / จะเลือกลง หรือ จะเลือกขึ้น ส่วนกรณีในความไม่มั่นใจทิศทาง " นั่งเฉย " โชคดี

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เงินบาทปิดตลาด 29.79/81 อ่อนค่าเล็กน้อย รอถ้อยแถลงประธานเฟดคืนนี้

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 22 พฤษภาคม 2556 17:38:34 น.

นักบริหารเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 29.79/81 บาท/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 29.77/79 บาท/ดอลลาร์ โดยเคลื่อนไหวตามภูมิภาค ระหว่างวันเงินบาทไปทำโลว์ระดับ 29.76 บาท/ดอลลาร์ และทำไฮที่ระดับ 29.82 บาท/ดอลลาร์

 

"เงินบาทปิดตลาดใกล้เคียงกับช่วงเช้า ระหว่างวันแกว่งตัวในกรอบแคบๆ นักลงทุนรอผลประชุมเฟดคืนนี้และบีโอเจสัปดาห์หน้า" นักบริหารเงิน กล่าว

 

 

ทั้งนี้ นักลงทุนรอผลประชุมของ FOMC คืนนี้เกี่ยวกับมาตรการ QE ว่าจะตัดสินใจไปในแนวทางใด รวมถึงการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น(BOJ) ในสัปดาห์หน้า และคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ในวันที่ 29 พ.ค.นี้

 

นักบริหารเงิน มองทิศทางการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ เช่นเดิม

 

* ปัจจัยสำคัญ

- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 102.83/85 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 102.58/60 เยน/ดอลลาร์

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สรุปภาวะตลาด Gold Future และ SET50 Future By GT Wealth Management 22 พ.ค. 56 (ภาคบ่าย)

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- พุธที่ 22 พฤษภาคม 2556 17:20:44 น.

กรุงเทพฯ--22 พ.ค.--GT Wealth Management

ราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นในระหว่างวัน โดยสามารถขึ้นมาเคลื่อนไหวเหนือระดับ US$1,380 ต่อออนซ์ (Gold spot) ได้อีกครั้ง หลังได้รับแรงบวกสำคัญจากคำแถลงการณ์ของประธานเฟดสาขานิวยอร์คและเซนต์หลุยส์ออกมาสนับสนุนการดำเนินมาตรการ QE ต่อไป หลังจากยังไม่พบความเสี่ยงในเรื่องเงินเฟ้อ ทำให้มีการคาดการณ์ว่า นายเบน เบอร์นันเก้ จะยังคงกล่าวถึงการดำเนินมาตรการต่อไปในการแถลงการณ์ต่อสภาคองเกรสวันนี้ รวมถึงในรายงานการประชุม FOMC ทางด้านผลการประชุม BOJ มีมติคงนโยบายไว้ พร้อมปรับเพิ่มการคาดการณ์เศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม การอ่อนค่าของเงินเยนไม่ได้ช่วยการส่งออกของญี่ปุ่นมากนัก หลังมีการขาดดุลสูงสุดในเดือน เม.ย. ค่าเงินบาทอ่อนค่าใกล้ระดับ 29.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ กองทุน SPDR รายงานการถือครองทองคำลดลงอย่างต่อเนื่อง 8.42 ตัน ที่ระดับ 1,023.08 ตัน

 

 

 

ดัชนี SET50 ในวันนี้ปิดที่ 1,081.69 จุด ลดลง 9.51 จุด โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าไปทดสอบแนวต้านสำคัญที่ระดับ 1,095 จุด ก่อนปรับตัวลดลงในช่วงบ่าย โดยเป็นการปรับฐานของดัชนีหลังทดสอบแนวต้านสำคัญ บวกกับการขาดปัจจัยบวกใหม่ๆ ทางด้านผลการประชุม BOJนั้นยังคงไม่มีมาตรการใหม่ๆออกมา โดยคืนนี้จับตาการแถลงการณ์ของนายเบน เบอร์นันเก้ต่อสภาคองเกรส และรายงานการประชุม FOMC ครั้งล่าสุดในประเด็นการยกเลิกมาตรการ QE

 

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำสิ้นสุดอายุเดือนมิถุนายน 2556 (GFM13) ปิดที่ระดับ 19,650 บาท ปริมาณการซื้อขาย 2,083สัญญา

 

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำสิ้นสุดอายุเดือนมิถุนายน 2556 ขนาด 10 บาท (GF10M13) ปิดที่ระดับ 19,630 บาท ปริมาณการซื้อขาย 6,045 สัญญา

 

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าดัชนี SET50 สิ้นสุดอายุเดือนมิถุนายน (S50M13) ปิดที่ระดับ 1,084.60 จุด ปริมาณการซื้อขาย 22,478 สัญญา

 

แนวโน้มทองคำ นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัดและผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่า ราคาทองคำยังขาดปัจจัยสนับสนุนใหม่ ทำให้การปรับตัวขึ้นของราคาอยู่ในกรอบที่จำกัด อย่างไรก็ดีมองว่าในช่วงระยะสั้นราคาก็อาจจะยังไม่อ่อนตัวหลุด 1,300 ดอลล่าร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์เช่นกัน โดยอาจจะเคลื่อนไหวในกรอบกว้าง ๆ เพื่อรอสัญญาณใหม่ อย่างทิศทางนโยบายทางการเงินของประเทศเศรษฐกิจสำคัญ

 

GT Wealth Management

www.gtwm.co.th

TEL : 02-673-9911

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เผื่อไว้สำหรับตัวเอง จะได้ประกอบภาพด่านต้านแตก

 

แนวรับ : 1392.80, 1381.25, 1373.56, 1369.70

แนวต้าน : 1396.73, 1404.35, 1416.25, 1427.80, 1434.25

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เผื่อไว้สำหรับตัวเอง จะได้ประกอบภาพด่านต้านแตก

 

แนวรับ : 1392.80, 1381.25, 1373.56, 1369.70

แนวต้าน : 1396.73, 1404.35, 1416.25, 1427.80, 1434.25

 

ขอบคุณค่ะ แตกๆ ไปเลย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เผื่อไว้สำหรับตัวเอง จะได้ประกอบภาพด่านต้านแตก

 

แนวรับ : 1392.80, 1381.25, 1373.56, 1369.70

แนวต้าน : 1396.73, 1404.35, 1416.25, 1427.80, 1434.25

ขอบคุณค่ะป๋าจะรอขายแท่งเป็นๆ หนักๆด้วยคน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

พี่เด็กขายของครับ Indicator MACD ที่พี่ใช้หาโหลดได้ที่ไหนครับ

 

รบกวนนิดนึงครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...