ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

ราคาทองคำเมื่อคืนนี้กลับมาร่วงลงก่อนที่ $1.325

ลงไปไม่ถึงที่คาดไว้ที่ $1.322 หลังจากนั้นราคาทองคำก็พุ่งขึ้น

อย่างรวดเร็วไปชนแนวต้านที่ไม่อยากให้ถึง $1.245

แล้วก็ร่วงลงนิดหน่อยพักเหนื่อย

หลังจากสะสมกำลังมากขึ้นก็วิ่งขึ้นต่อไปสุดแนวต้าน Fibo

ตรง $1.350 แล้วหลังจากนั้นก็กลับมาอยู่ที่แนวรับ

ที่ $1.345 แนวรับที่ไม่อยากให้ถึงในขณะนี้

 

วันจันทร์คาดว่า

ราคาทองคำน่าที่จะ Side Way ตามเคย

อาจจะร่วงลงทดสอบแนวรับ $ 1.340 แล้วค่อยเด้งขึ้น

ทดสอบแนวต้านด้านบนที่ $1.350

คาดว่าช่วงนี้ท่าทางกระทิงยังไม่หมดไป

ยังไม่แน่ว่าเส้นแนวต้านด้านบน $1.350

จะต้านไว้ได้หรือเปล่า

To Be Continue....

 

ggggp.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทองคำ (เคล็ด(ไม่)ลับสู่ความมั่งคั่ง)

DSCF9527.JPG

ข่าวบันเทิง หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- อาทิตย์ที่ 10 ตุลาคม 2553 02:59:57 น.

ในที่สุดราคาทองคำก็พุ่งไปแตะที่ระดับ 1,300 เหรียญต่อออนซ์จนได้ ในบ้านเราเองราคาก็เขยิบเข้าใกล้ 19,000 บาทไปทุกที ส่งผลให้นักลงทุนรายย่อยหลายคนที่เคยนิยมในพันธบัตร หุ้น หรือแม้กระทั่งอสังหาริมทรัพย์ เริ่มหันมามองการลงทุนในทองคำกันมากขึ้นเรื่อยๆ

 

เหตุที่ราคาทองคำในปัจจุบันมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากภาวะวิกฤติและความไม่แน่นอนทางการเงิน ส่งผลให้คนเราต้องหันกลับมามอง "เงิน" ที่แท้จริงกันอีกครั้ง

 

 

 

แต่ของทุกอย่างในโลกมีด้านสูงก็ต้องมีด้านต่ำ ทองคำขึ้นราคา เงินในกระเป๋าพวกเราก็ด้อยค่าลงไปในทุกขณะด้วยเช่นกัน ข้อมูลจากการประมาณการพบว่า ในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา เงินของพวกเรามีมูลค่าลดลงถึง 97% ของมูลค่าเดิมเมื่อสี่สิบปีก่อนเลยทีเดียว หลักฐานง่ายๆ อันหนึ่งที่พิสูจน์ได้ชัดเจนเป็นอย่างดีก็คือ ราคาก๋วยเตี๋ยวในยุคพ่อแม่เรากับยุคปัจจุบัน

 

เพราะถ้าหากเราลองไปถามราคาก๋วยเตี๋ยวกับคนรุ่นพ่อรุ่นแม่เรา ก็จะพบว่า สมัยก่อนก๋วยเตี๋ยวชามนึงราคาแค่ 1 สลึง (25 สตางค์) แต่ในปัจจุบันราคาถัวเฉลี่ยตก 30 บาทต่อชาม หนักกว่านั้นถ้าขึ้นห้างราคา 45-50 บาทก็ถือเป็นเรื่องที่พวกเรายอมจ่ายกันโดยไม่ปริปากไปเสียแล้ว

 

เกิดอะไรขึ้นกับ "ทองคำ" และ "เงิน (ตรา)" ของเรา

เรื่องมันเริ่มต้นตั้งแต่ปี 1971 เมื่อประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ได้ทำการแยกความสัมพันธ์ของเงินดอลลาร์ซึ่งเป็นเงินสกุลหลักของโลกออกจากมาตรฐานทองคำ เพื่อเปิดทางให้รัฐพิมพ์เงินเท่าไหร่ก็ได้ โดยไม่ต้องมีทองคำหนุนหลังเหมือนเช่นในอดีต พูดให้ง่ายเข้าก็คือ เงินดอลลาร์ที่ใครๆ ให้ความเชื่อถือ (เพราะมีทองหนุนหลังเงินนั้น) กลายเป็น "เงินเก๊" หรือกระดาษพิมพ์ลายที่ไม่มีอะไรหนุนหลังอีกต่อไป และนั่นคือ จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงกติกาทางการเงินไปตลอดกาล นักวิชาการบางคนเรียกเหตุการณ์ดังกล่าวว่า The Death of Money หรือการตาย (หมดมูลค่า) ของเงิน

 

ก่อนหน้านี้ ตั้งแต่ปี 1800 จนถึงช่วงปี 1971 อเมริกาดำเนินนโยบายทางการเงินโดยกำหนดให้ทองคำเป็นเครื่องหนุนหลังเงินดอลลาร์ เพื่อให้คนเชื่อว่ากระดาษเหล่านั้นมันมีมูลค่าจริงๆ ช่วงก่อนหน้าปี 1971 ราคาทองคำอยู่ที่ระดับ 35 เหรียญต่อออนซ์ จนกระทั่งประธานาธิบดีนิกสันประกาศแยกเงินดอลลาร์ออกจากมาตรฐานทองคำ พูดง่ายๆ คือ เลิกการหนุนกระดาษเงินด้วยสิ่งมีค่า ซึ่งนั่นเท่ากับว่าเงินดอลลาร์เป็นเงินที่สร้างขึ้นจากอากาศ ราคาทองคำก็พุ่งพรวดขึ้นที่ระดับ 60 เหรียญต่อออนซ์ทันที ทั้งนี้เพราะรัฐบาลไม่ใช่คนกำหนดค่าของทองคำอีกต่อไป ผู้กำหนดค่าของทองคำกลายเป็นตลาดและนักลงทุนไปเสียแล้ว

 

เหตุผลที่เกิดสภาวะดังกล่าวก็อธิบายได้ไม่ยาก ทั้งหมดเป็นเพราะคนไม่เชื่อถือเงินดอลลาร์? (กระดาษ) อีกต่อไป แต่สำหรับทองคำซึ่งถือเป็นเงินแท้ๆ เชื่อถืออย่างไรก็ยังคงอย่างนั้น นานวันเข้ารัฐบาลสหรัฐพิมพ์เงินมากขึ้นเท่าไหร่ ปริมาณเงินในระบบก็จะยิ่งห่างจากปริมาณทองคำที่สำรองไว้สนับสนุนมากเท่านั้น นั่นก็ยิ่งทำให้เงินดอลลาร์เสื่อมค่าลงไปเรื่อยๆ ไหนจะกระหน่ำด้วยเงินเทียมอย่าง "เครดิต" อีก เงินดอลลาร์ก็ยิ่งด้อยค่าลงไปอีกด้วยประการฉะนี้

 

กราฟข้างต้นแสดงปริมาณทองคำสำรองที่แทบไม่เคลื่อนไหวมาตั้งแต่ปี 1971 หลังจากนั้นราคาของทองคำก็ผันผวนเล็กน้อย ก่อนจะพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ และทำสถิติใหม่สูงสุดตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา 300 เหรียญต่อออนซ์ ในปี 1979 และเพิ่มเป็น 600 เหรียญต่อออนซ์ในปี 2006 และ 1,300 เหรียญในปี 2010 ตามลำดับ

 

แล้วทั้งหมดเกี่ยวข้องกับคนไทยเราอย่างไร?

เรื่องทั้งหมดที่เล่ามาก็คงจะไม่ส่งผลอะไร หากทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยของเราจะไม่ใช่เงินเก๊ของสหรัฐเป็นเงินสกุลหลักในการแลกเปลี่ยน แถมในปัจจุบันทั่วโลกยังอนุญาตให้พิมพ์เงินกันได้ โดยไม่ต้องใช้ทองคำหนุนหลังแล้ว เพราะสามารถใช้เงินดอลลาร์เป็นเครื่องหนุนหลังได้แทน

 

หนักกันเข้าไปใหญ่เลยทีนี้ ทั่วโลกก็เลยพิมพ์เงินกันออกมา? โดยใช้สิ่งไม่มีค่าที่พวกเขาเชื่อถือกันเองว่ามีอย่างเงิน "ดอลลาร์" เป็นเครื่องหนุนหลัง เรียกว่างานนี้ใช้เครดิตและความเชื่อถือกันเป็นที่ตั้ง ไม่ได้มองไม่ได้สนใจมูลค่าที่แท้จริง จนกระทั่งเกิดวิกฤตซับไพร์มครั้งล่าสุด ก็เริ่มมีกระแสอยากให้เปลี่ยนเงินสกุลหลักกันแล้ว และหากเป็นเช่นนั้นจริงคงเกิดการพังทางเศรษฐกิจต่อเนื่องเป็นลูกโซ่เลยทีเดียว

 

กลับมาที่ทองคำกันต่อ หากพิจารณาค่าเงินดอลลาร์ในมุมของทองคำ ตั้งแต่ปี 1971 ก่อนแยกมาตรฐานทองคำออกจากเงิน ที่ทองคำมีราคา 35 เหรียญต่อออนซ์ จนถึงวันนี้ปี 2010 ทองคำมีราคา 1,300 เหรียญต่อออนซ์ ถือได้ว่าเงินดอลลาร์สูญเสียมูลค่าไปแล้วร่วม 97% หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ

 

เงินดอลลาร์ในปัจจุบันมีมูลค่าเหลือเพียงแค่ 3% จากปี 1971 เท่านั้นเอง

(ใครอารมณ์ดีดีลองคำนวณความเปลี่ยนแปลงราคาทองคำในรูปเงินบาทดูก็ได้ครับ)

แม้จะมีช่วงเวลาที่ราคาทองคำตกลงไปบ้าง เช่น ในปี 1999 ที่ราคาทองหล่นลงไปแตะ 252 เหรียญต่อออนซ์ ซึ่งเป็นราคาต่ำสุดในช่วง 30 ปีให้หลัง แต่หลังจากนั้นราคาทองคำในภาพรวมก็ถือได้ว่าเพิ่มสูงขึ้นมาโดยตลอด

 

ถึงวันนี้คงเป็นการยากแล้วที่จะหยุดยั้งการด้อยค่าของเงิน และจะเป็นการดีกว่าอย่างแน่นอน ที่คุณจะสะสมความมั่งคั่งของคุณไว้ในทรัพย์สินที่มีมูลค่า อาทิ สินค้าโภคภัณฑ์ อสังหาริมทรัพย์ และอื่นๆ อีกทั้งต้องไม่ลืมที่จะใช้โอกาสจาก "หนี้" ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับตัวคุณเอง (ยืมแพงจ่ายถูก) เพราะยังไงเสียมันก็ยังดีและมีประโยชน์กว่าการออมเงินไว้ในธนาคารเป็นแน่

 

คิดง่ายๆ หากใครสักคนหนึ่งเก็บเงินไว้ 1 ล้านบาทในบัญชี อีก 40 ปี ข้างหน้า เงินของเขาอาจจะมีมูลค่าเหลือเพียง 3,000 บาท เมื่อเทียบกับปัจจุบัน แต่หากใครเก็บทองคำไว้ 1 ล้านบาทในปีนี้ อีก 40 ปีข้างหน้า มูลค่าของมันจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าไหร่ ลองคำนวณกันเอาเองครับ

 

สอบถามปัญหาการเงินส่วนบุคคล ติดต่อได้ที่ financial.literacy@hotmail.com

สนใจสั่งซื้อหนังสือ Financial Literacy - เคล็ด (ไม่) ลับ สู่ความมั่งคั่ง ติดต่อได้ที่ www.bizkons.com

 

จักรพงษ์ เมษพันธุ์

financial.literacy@hotmail.com

 

http://www.ryt9.com/s/nnd/1002218

ถูกแก้ไข โดย ห้างทองน่ำเชียง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

น้องทองคึกสุดๆไม่ยอมลงเลย วันนี้เอาไงดีครับเฮีย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

+1ครับ อ่านแล้วแสดงว่าต้องเริ่มซื้อทองแท่งเก็บแล้ว อีก 10 ปีรวยเละ

:rolleyes: :rolleyes: :rolleyes: :rolleyes: -_- -_-

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

วันนี้มาสายหน่อยนะครับ งานเยอะครับ

ราคาทองคำช่วงนี้ดูทิศทางยากมาก

เมื่อวานช่วงเช้าราคาดีดขึ้นไปสูงสุดที่ $,1,355

หลังจากนั้นทำท่าจะลงปรับฐานลึกแล้ว

โดยช่วงหัวค่ำร่วงลงไปถึง $1,341

ตกดึกลากราคาดีดกลับขึ้นมา $,1,355 ใหม่อีก

ยิ่งกว่าเป็นต่อคือ เป็น งง ครับ

 

ขอเดาเลยนะครับว่าวันนี้ราคาทองคำอาจน่าที่จะดีดขึ้น

ไปทดสอบแนวต้านด้านบนอีก โดยมีแนวต้านด้านบนที่

$,1,355 เส้นเดิมนะครับ คาดว่าน่าที่จะไม่ผ่านนะครับ(หวังอย่างแรง)

แล้วร่วงลงมาทดสอบแนวร้บด้านล่าง ที่ $1.345

และที่ $1.340 และถ้าหลุดแนวรับถัดไปก็จะเจอกันที่ $1.335 ครับ

 

40692019.jpg

ถูกแก้ไข โดย ห้างทองน่ำเชียง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

+1ค่ะเฮียแบท ขอให้เป็นเช่นนั้น ลุ้นๆๆๆๆ !thk !thk

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอให้เป็นในแนวทางเฮียเถอะ สาธุๆๆๆๆๆๆ

หวังมากนะครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...