ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

พายุไอรีนลดความรุนแรงลงขณะเคลื่อนตัวเข้าสู่นิวยอร์ก แล้วจึงมุ่งหน้าสู่แคนาดา หลังสังหารเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายบนเส้นทางถึง 20 ราย และสร้างความเสียหายอย่างต่ำ 7 พันล้านเหรียญ

พายุสังหารเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายอย่างน้อย 20 ราย และทำให้ประชาชนในพื้นที่ความเสียหายกว่า 5 ล้านครัวเรือนไม่มีไฟฟ้าใช้ รวมทั้งยังก่อให้เกิดน้ำท่วม และสร้างความเสียหายคิดเป็นจำนวนเงิน 7 พันล้านเหรียญสหรัฐ ก่อนจะลดความรุนแรงลง แล้วมุ่งหน้าสู่ประเทศแคนาดาด้วยความเร็ว 80 กม.ต่อชั่วโมง

ระบบขนส่งมวลชนในนิวยอร์กจะเริ่มทยอยเปิดบริการอีกครั้งในเวลา 6 โมงเช้าวันจันทร์ หลังปิดตัวลงเพราะพายุไอรีน เที่ยวบินที่ตกค้างบางสายจะเริ่มเปิดให้บริการอีกครั้งในวันจันทร์เช่นกัน ทว่ารถไฟท้องถิ่นเชื่อมต่อระหว่างมลรัฐเข้าสู่นิวยอร์กจะยังคงระงับการให้บริการ

ทั้งนี้ ประชาชนกว่าแสนคนที่อาศัยในมลรัฐนิวเจอร์ซี จำเป็นต้องอาศัยรถไฟท้องถิ่นเดินทางเข้าสู่นิวยอร์กในแต่ละวัน เจ้าหน้าที่ชี้แจงว่า รถเมล์วิ่งระหว่างมลรัฐจะยังเปิดให้บริการตามปกติ แม้จะมีจำนวนเที่ยวและบรรทุกผู้โดยสารน้อยกว่า

ประธานาธิบดีบารัก โอบามา เตือนว่า วิกฤติปัญหาจากพายุยังไม่จบลง รวมทั้งยังอาจต้องเวลาเป็นสัปดาห์เพื่อฟื้นฟูความเสียหาย อีกทั้งอาจเกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ หลังแม่น้ำหลายสายเริ่มเอ่อล้นเพราะปริมาณน้ำฝนจากพายุ โอบามาให้คำมั่นว่า รัฐบาลกลางจะส่งเงินช่วยเหลือฟื้นฟูวิกฤติต่างๆ

เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องอพยพชาวเมืองนิวยอร์กราว 370,000 ชีวิตออกจากตัวเมือง ที่มักไม่ค่อยได้พบเจอและรับมือกับพายุเฮอริเคน อีกทั้งยังมีปัญหาโครงสร้างตึกต่างๆ ค่อนข้างมีอายุ และขณะนี้ชาวเมืองเริ่มทยอยกลับบ้าน หลังพายุไอรีนเคลื่อนตัวออกจากพื้นที่

พายุก่อให้เกิดน้ำท่วมสูง 20 ซม.ในกรุงวอชิงตัน ส่วนที่เมืองแมนฮัตตันมีน้ำท่วมสูงราว 30 ซม. โดยวอลสตรีทและบริเวณกราวด์ซีโร ที่มีกำหนดจัดงานรำลึก 10 ปี เหตุ 9/11 ไม่ได้รับความเสียหายเท่ากับที่คาดเอาไว้

ส่วนพายุโซนร้อน "โฮเซ" อีกลูกหนึ่งทางด้านชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐ ที่เริ่มก่อตัวขึ้นบริเวณหมู่เกาะเบอร์มิวดาวันอาทิตย์ จะสลายตัวในเวลาไม่นานและไม่ส่งผลกระทบมากนักต่อเมืองบนแผ่นดิน

ศูนย์ติดตามเฮอริเคนไมอามีรายงานว่า พายุโฮเซกำลังมุ่งหน้าสู่มหาสมุทรแอตแลนติกด้วยความเร็ว 75 กม.ต่อชั่วโมง แต่มีโอกาสสูงเกือบ 100% ที่จะกลายเป็นพายุไซโคลนภายใน 48 ช.ม. ซึ่งหากกลายเป็นพายุไซโคลนจะทำการเปลี่ยนชื่อเป็น "คาเทีย"

ในขณะเดียวกัน พายุ "นานมาโดล" ลดความแรงลงจากไต้ฝุ่นมาเป็นพายุโซนร้อน ขณะเคลื่อนตัวเข้าสู่ไต้หวัน และกำลังมุ่งหน้าสู่ประเทศจีน หลังเคลื่อนตัวผ่านฟิลิปปินส์และส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 12 ราย บาดเจ็บอีก 21 คน.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีครับ ท่านเด็กขายของทอง นั่งอึดอัดตั่งกะเช้าครับ ราคาไม่ไปไหนเลยไม่รู้จะซื้อหรือขายดี เกรงมันลงเที่ยวนี้ ตำกว่า 1700 เลยสั่งขายออไลน์ไปเมื่อ 5 โมงเย็น ไม่ทันไรลงเลย รู้เงี้ยขายแต่เช้าซะก็หมดเรื่อง ......อยากถามความคิดเห็นท่านว่าช่วงสัปดาห์นี้มีโอกาส หรือ น่าจะลงถึง 1650 หรือไม่ เพราะเห็นรายงานหุ้นเขียวกันหมด

สวัสดีครับ คุณ OUTLAW

การคาดคะเนในเป้าหมายที่ต่ำไปเลย เช่น US$1,650 อาจทำให้ตกรถหรือเปล่า ในรอบที่จะถึงนี้ เพราะจะมัวแต่จดๆจ้องๆ ว่า

จะถึงหรือยัง พอไม่ถึงก็ฝากไว้ก่อน รอมันถึง " อ้าว ! มันไปอีกแล้ว " แล้วก็ต้องมาบ่นว่า " รู้งี้ "

 

เด็กขายของว่า ถ้าสัก 24,xxx มาก็เข้าได้ล่ะ ชุดเล็กก่อน หรือก็ต้องดูแนวโน้มต่อไป

เด็กขายของ ชอบมองเข้าออกราคาทอง เป็นเงินบาทมากกว่า ดูง่ายดี อยากซื้อราคาไหน ก็ตั้ง

เป้าราคานั้นๆ มองเป็น US$ มันมาแต่ราคาไม่มา ไม่ชอบ ก็ไม่ซื้ออยู่ดี

เช้าวันที่ 1 กันยายน ครับน่าสนใจ เพราะผมรอผ่านรายงาน Chicago PMI และ ADP Employment ก่อนครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีครับ คุณ OUTLAW

การคาดคะเนในเป้าหมายที่ต่ำไปเลย เช่น US$1,650 อาจทำให้ตกรถหรือเปล่า ในรอบที่จะถึงนี้ เพราะจะมัวแต่จดๆจ้องๆ ว่า

จะถึงหรือยัง พอไม่ถึงก็ฝากไว้ก่อน รอมันถึง " อ้าว ! มันไปอีกแล้ว " แล้วก็ต้องมาบ่นว่า " รู้งี้ "

 

เด็กขายของว่า ถ้าสัก 24,xxx มาก็เข้าได้ล่ะ ชุดเล็กก่อน หรือก็ต้องดูแนวโน้มต่อไป

เด็กขายของ ชอบมองเข้าออกราคาทอง เป็นเงินบาทมากกว่า ดูง่ายดี อยากซื้อราคาไหน ก็ตั้ง

เป้าราคานั้นๆ มองเป็น US$ มันมาแต่ราคาไม่มา ไม่ชอบ ก็ไม่ซื้ออยู่ดี

เช้าวันที่ 1 กันยายน ครับน่าสนใจ เพราะผมรอผ่านรายงาน Chicago PMI และ ADP Employment ก่อนครับ

ขอบคุณครับ ตรงประเด็นพอดี ราคา 1600 นี่คือเห็นหลายท่านที่ใกล้ตัว พูดกัน ส่วนตัวแล้วก็มองที่ 24กลางแก่ ก็ว่าสุดแล้ว คงประมาณ 1750 ลงมา แต่จะได้เห็นอีกหรือไม่ ผมว่าแค่เกือบ ในช่วงสัปดาห์นี้ แต่ถ้ามาจริงคงไม่ต้องรอถามใครแล้ว มองที่พื้นเลย ว่านี่เนินหรือดอย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หุ้นสหรัฐทะยานแรง ท่ามกลางความหวังเศรษฐกิจอาจฟื้นตัวเร็วขึ้น หลังข้อมูลจากระทรวงพาณิชย์ชี้ ผู้บริโภคใช้จ่ายมากขึ้น

 

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ของสหรัฐ ปิดซื้อขายวานนี้ (29 ส.ค.) ปรับตัวขึ้น 254.71 จุด (2.26%) มาอยู่ที่ 11,539.26 จุด

 

ขณะดัชนีเอส แอนด์ พี 500 ทะยานขึ้น 33.28 จุด (2.83%) ที่ 1,210.08 จุด และดัชนีแนสแด็ก พุ่งขึ้น 82.26 จุด (3.32%) ที่ 2,562.11 จุด

 

ตลาดมีความหวังว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอาจจะขยับเร็วขึ้น หลังกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ รายงานว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของเศรษฐกิจสหรัฐ ฟื้นตัวขึ้น 0.8% เมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา หลังหล่นลงไป 0.1% ในเดือนมิ.ย.

 

นักลงทุนยังได้รับข่าวดีจากยุโรป ที่วิกฤติหนี้กำลังสร้างแรงกดดันให้กับตลาด หลังธนาคารกรีซ 2 แห่ง คือ อัลฟา แบงก์ และยูโรแบงก์ ประกาศควบรวมกิจการ และได้รับการลงทุนเพิ่มจากนักลงทุนกาตาร์

 

ข่าวดีเรื่องการใช้จ่ายผู้บริโภค และเรื่องที่พายุไอรีน ไม่ได้สร้างความเสียหายรุนแรงให้กับอุตสาหกรรมน้ำมันทางฝั่งตะวันออกของสหรัฐ ยังช่วยหนุนให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น

 

ราคาน้ำมันดิบไลท์ สวีท ส่งมอบเดือนต.ค. ที่ตลาดไนเม็กซ์ สหรัฐ ขยับขึ้น 1.90 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 87.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ทะเลเหนือ ส่งมอบเดือนเดียวกัน ไต่ระดับขึ้นมาอีก 52 เซนต์ ที่ 111.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

[color="#4169E1"]TMBชี้ราคาทองพุ่งแรง! ยังไม่เข้าใกล้ฟองสบู่ เผยช่วง 11 ปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นแค่ 6.3 เท่า เทียบปี 2513-2523 เพิ่มขึ้นกว่า 16 เท่า

 

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ TMB หรือ TMB Analytics เผยแพร่บทวิเคราะห์เรื่อง "ความเสี่ยงฟองสบู่ทองคำ 1980 และ 2011 ความเหมือนที่แตกต่าง" โดยระบุว่า ราคาทองคำขาขึ้นมีปัจจัยพื้นฐานหนุนต่างจากฟองสบู่ทองคำปี 1980 เตือนความเสี่ยงของการหักหัวลง อาจมาจากความตื่นกลัวอย่างฉับผลันของนักเก็งกำไรระยะสั้นที่มีความอ่อนไหวต่อราคาสูง

ในปี 1979 ราคาทองคำเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 125 นับจากต้นปี ต่อมาในปี 1980 ภายในเวลาเพียง 20 วันแรกของปี ราคาทองคำพุ่งทะยานอีกร้อยละ 52 จนถึงจุดสูงสุดที่ 850 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ก่อนจะดิ่งลงอย่างรวดเร็วและลดลงต่อเนื่องมาจนถึงปี 2000 เหตุการณ์ทั้งหมดกินระยะเวลาขาขึ้นประมาณ 10 ปี และขาลงอีกประมาณ 20 ปี บทเรียนในครั้งนั้นบอกอะไรต่อนักลงทุนในทองคำบ้าง

 

ในช่วงที่ผ่านมาไม่ใช่ครั้งแรกที่ราคาทองคำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนบางคนเรียกว่าเกิดภาวะฟองสบู่ทองคำ หากแต่ย้อนกลับไปในช่วงทศวรรษ 1970 จะพบว่าราคาทองคำเคยปรับตัวสูงขึ้นอย่างรุนแรงมาแล้ว โดยในช่วงทศวรรษที่ 70 เกิดวิกฤตราคาน้ำมันขึ้นหลายรอบ ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจทั่วโลก ซึ่งราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นหลายระลอกนี้ผลักดันให้ราคาทองคำพุ่งสูงตามไปด้วย แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยฟองสบู่แตกในปี 1980

 

สภาวะแวดล้อมปี 1980 และ 2011 ความเหมือนที่แตกต่าง

 

ราคาทองคำช่วงปี 1970-1980 เพิ่มขึ้นเร็วและแรงโดยมีราคาสูงสุดในปี 1980 มากกว่าราคาในปี 1970 ประมาณ 16 เท่า ขณะที่ช่วงปี 1999-ปัจจุบัน ราคาทองคำเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่องค่อยเป็นค่อยไปกว่า โดยที่ผ่านมา 11 ปีเพิ่มขึ้นเพียง 6.3 เท่า

 

ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน วิกฤตเศรษฐกิจหลักในช่วงทศวรรษ 70 ต่างกับปัจจุบันค่อนข้างมาก โดยช่วง 1970-1980 เกิดปัญหาด้านอุปทาน (Supply shock) ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันปรับสูงขึ้น ดังนั้นเมื่อราคาน้ำมันปรับตัวลงหลังปี 1980 ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจก็ผ่อนคลายลงได้ ขณะที่ปัจจุบัน ปัญหาเศรษฐกิจเกิดมาจากปัจจัยภายในของระบบเศรษฐกิจประเทศใหญ่อย่างสหรัฐและกลุ่มยุโรป ซึ่งทางออกคงไม่ง่ายเหมือนวิกฤตเศรษฐกิจครั้งก่อน

ทองคำเริ่มไม่ปรับตัวตามราคาน้ำมันเสมอไป เห็นได้ชัดเจนในช่วงปี 2009 ที่ราคาน้ำมันลดลงอย่างรุนแรงแต่ราคาทองคำกลับไม่ได้ลดลงตามไปด้วย ต่างกับทศวรรษที่ 70 ที่ราคาน้ำมันมีผลต่อราคาทองคำอย่างชัดเจน

หลังปี 2011 ทำไมทองคำจะเป็นขาลง หลังปี 2011 ทำไมทองคำยังเป็นขาขึ้น

 

• ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ราคาทองคำปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี จึงขัดกับความรู้สึกที่ว่าสินค้าโภคภัณฑ์มีวัฏจักรและทำให้นักลงทุนจำนวนไม่น้อยมองว่าราคาทองคำน่าจะมาถึงจุดสูงสุดแล้ว

 

• ราคาทองคำเพิ่มขึ้นเร็วเกินไปเป็นสัญญาณเตือนนักลงทุนให้ระวังภาวะฟองสบู่แตก นับจากปี 2000 ราคาทองคำเพิ่มขึ้นต่อเดือนเฉลี่ยร้อยละ 1.4 (mom) แต่เฉพาะเดือนสิงหาคม 2011 ราคาเพิ่มสูงขึ้นจากเดือนก่อนหน้าร้อยละ 15.8 ถือว่าสูงสุดในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา

 

• นักเก็งกำไรมีมากขึ้นทำให้ความอ่อนไหวต่อราคาสูงขึ้น นักเก็งกำไรส่วนมากมักถือทองคำในระยะสั้นและมีความอดทนต่อการขาดทุนต่ำ ดังนั้นหากราคาทองคำปรับตัวลงเล็กน้อยก็อาจทำให้แห่กันเทขายกดดันราคาทองคำให้กลายเป็นขาลงอย่างรวดเร็วและรุนแรงได้ • เศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงทำให้ทางเลือกในการลงทุนมีไม่มากนัก ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจในสหรัฐและยุโรปทำให้ พันธบัตรสหรัฐถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือลง พันธบัตรญี่ปุ่นก็ยังคงให้ผลตอบแทนต่ำติดดิน หรือตลาดทุนในตลาดเกิดใหม่ก็มีราคาค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับความเสี่ยง ดังนั้นทองคำจึงยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ

 

• สภาพคล่องมหาศาลจากมาตรการ QE3 ที่อาจประกาศใช้ในปี 2555 จะทำให้เกิดความต้องการสินทรัพย์เพื่อการลงทุนมากขึ้นตามไปด้วย

 

• แนวโน้มการเข้าซื้อทองคำของธนาคารกลางทั่วโลกแทนการถือพันธบัตรสหรัฐก็เป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะผลักดันราคาทองคำให้สูงขึ้นได้อีก

 

มูลค่าที่แท้จริงของทองคำในปัจจุบันยังต่ำกว่าจุดสูงสุดในปี 1980 ประมาณร้อยละ 17.4 เพราะฉะนั้นความเสี่ยงของการหักหัวลงอย่างรุนแรงจึงยังไม่สูงเท่า คำนวนจากราคาทองคำปรับด้วยเงินเฟ้อ จะพบว่าถ้าปรับด้วยราคาฐานปัจจุบันแล้ว ราคาทองคำที่จุดสูงสุดในปี 1980 จะเท่ากับ 2,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งปัจจุบันราคาทองคำทำจุดสูงสุดที่ประมาณ 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แปลว่าปัจจุบันทองคำยังไม่สามารถทำมูลค่าสูงสุดได้เหมือนอย่างปี 1980

 

ข้อสังเกตจากมูลค่าที่แท้จริงในทองคำยังบอกได้ว่า นักลงทุนที่เข้าซื้อทองคำช่วงใกล้ฟองสบู่แตกในปี 1980 ถึงแม้จะถือไว้นานกว่า 30 ปีมาจนถึงปัจจุบันแล้วก็ตาม ผลตอบแทนจากทองคำของนักลงทุนที่เล่นกับฟองสบู่ก็ยังคงขาดทุนในมูลค่าที่แท้จริงอยู่ดี

 

ด้วยโครงสร้างและบริบททางเศรษฐกิจที่ต่างไปจากปี 1980 ทำให้ทองคำอาจจะยังไม่ถึงจุดสูงสุดที่จะทำให้เกิดฟองสบู่แตก แต่อย่างไรก็ดี นักลงทุนควรระลึกถึงความเสี่ยงและผลขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอ อย่างน้อยที่สุดก็จะได้ไม่ต้องถือทองคำไว้กว่า 30 ปีโดยที่ยังขาดทุนในมูลค่าที่แท้จริงเหมือนอย่างฟองสบู่ทองคำครั้งที่ผ่านมา[/color]

ถูกแก้ไข โดย จากร้อยสู่ล้าน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองร่วง $5.7 หลังนักลงทุนเทขายเพื่อลงทุนตลาดหุ้นสัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (29 ส.ค.) เนื่องจากการทะยานขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์กได้กระตุ้นให้นักลงทุนเทขายทองคำและย้ายเงินลงทุนเข้าสู่ตลาดหุ้น หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นเกินคาด

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดลบ 5.7 ดอลลาร์ หรือ 0.3% แตะที่ 1,791.6 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,778.10-1,841.50 ดอลลาร์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 40.6 เซนต์ ปิดที่ 40.546 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงลดลง 1 เซนต์ ปิดที่ 4.089 ดอลลาร์/ปอนด์

 

ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 1.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,825 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ดิ่งลง 2.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 753.95 ดอลลาร์/ออนซ์

 

นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำและย้านเงินลงทุนเข้าสู่ตลาดหุ้น หลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นขานรับรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเดือนก.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.8% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 5 เดือน และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.5% ขณะที่รายได้ส่วนบุคคลปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ค. มากกว่าเดือนมิ.ย.ที่เพิ่มขึ้นเพียง 0.2%

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างความคิดเห็นของนักวิเคราะห์หลายคนในตลาดหุ้นนิวยอร์กว่า ในช่วงเช้านั้น สัญญาทองคำทะยานขึ้นเนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากทองคำปรับตัวลดลงเมื่อวันก่อน แต่ในช่วงบ่าย สัญญาทองคำเริ่มดิ่งลงมาเคลื่อนไหวในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนย้ายเงินลงทุนเข้าสู่ตลาดหุ้นนิวยอร์ก หลังจากตลาดหุ้นพุ่งขึ้นขานรับตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคที่แข็งแกร่งของสหรัฐ

 

สัญญาทองคำร่วงลงประมาณ 3% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับตัวลงรายสัปดาห์เป็นครั้งแรกในรอบ 8 สัปดาห์ โดยสัญญาทองคำร่วงลงนับตั้งที่ไม่สามารถปิดเหนือระดับ 1,900 ดอลลาร์/ออนซ์ได้เมื่อวันจันทร์ที่แล้ว

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

ถูกแก้ไข โดย จากร้อยสู่ล้าน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 30 สิงหาคม 2554 06:08:37 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (29 ส.ค.) หลังจากมีรายงานว่าความเสียหายที่เกิดจากอิทธิพลของพายุเฮอริเคนไอรีน มีน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคของสหรัฐที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนก.ค. และข่าวการควบรวมกิจการระหว่างธนาคารรายใหญ่ของกรีซ

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 254.71 จุด หรือ 2.26% ปิดที่ 11,539.25 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 33.28 จุด หรือ 2.83% ปิดที่ 1,210.08 จุด ดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 82.26 จุด หรือ 3.32% ปิดที่ 2,562.11 จุด

 

-- สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 ส.ค.) ขานรับรายงานที่ว่าตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นเกินคาด นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมเฟดเดือนหน้า

 

สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนต.ค.ปิดบวก 1.90 ดอลลาร์ หรือ 2.23% แตะที่ 87.27 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 87.55-85.11 ดอลลาร์

 

-- -สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (29 ส.ค.) เนื่องจากการทะยานขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์กได้กระตุ้นให้นักลงทุนเทขายทองคำและย้ายฐานการลงทุนเข้าสู่ตลาดหุ้น หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นเกินคาด

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดลบ 5.7 ดอลลาร์ หรือ 0.3% แตะที่ 1,791.6 ดอลลาร์/ออนซ์

 

-- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (29 ส.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากรายงานตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนก.ค. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนผ่อนคลายจากกระแสความวิตกกังวลที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยรอบใหม่

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น 0.47% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 76.960 เยน จากระดับของวันศุกร์ที่ 76.600 เยน และพุ่งขึ้น 1.51% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8182 ฟรังค์ จากระดับ 0.8060 ฟรังค์

 

ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้น 0.08% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.4508 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4497 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้น 0.13%เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.6391 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6370 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.44% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0615 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0568 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์แข็งค่าขึ้น 0.66% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8444 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8389 ดอลลาร์สหรัฐ

 

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำการในวันจันทร์ที่ 29 ส.ค.เนื่องจากเป็นวันหยุดของอังกฤษ และตลาดจะเปิดทำการอีกครั้งในวันอังคารที่ 30 ส.ค.

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช

ถูกแก้ไข โดย จากร้อยสู่ล้าน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เงินบาทปิดตลาดวานนี้ที่ 29.99/30.01 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าเล็กน้อยจากเปิดตลาดช่วงเช้าที่ระดับ 29.97/99 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินในภูมิภาคมีแนวโน้มปรับตัวแข็งค่า และมีเงินทุนไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น นักบริหารเงิน ประเมินทิศทางการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้(30 ส.ค.) อยู่ในกรอบแคบๆ ระหว่าง 29.95-30.05 บาท/ดอลลาร์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดียามเช้าเฮียนายห้างฯ และเพื่อนๆทุกๆท่านครับ มาเล่าข่าวกันครับ แบบเกาเหลาครับ

 

ฝรั่งเศส ตัดสินใจเปิดทำการสถานทูตของตนในกรุงตริโปลี ของลิเบีย อีกครั้งวันนี้ หลังต้องปิดมานานถึง 6 เดือน จากความไม่สงบที่เกิดขึ้นหลังการลุกฮือโค่นล้มรัฐบาลของพันเอกมูอัมมาร์ กัดดาฟี เมื่อต้นปีที่ผ่านมา การกลับมาเปิดทำการสถานทูตอีกครั้งของฝรั่งเศส มีขึ้นหลังฝ่ายกบฏลิเบีย บุกยึดกรุงตริโปลีจากกองกำลังของพันเอกมูอัมมาร์ กัดดาฟีได้สำเร็จ และเตรียมย้ายฐานบัญชาการหลักจากเมืองเบงกาซีมายังกรุงตริโปลี

 

นอร์เดีย ธนาคารรายใหญ่สุดของกลุ่มประเทศนอร์ดิก ประกาศแผนการลอยแพพนักงานราว 2, 000 คน ภายในสิ้นปีหน้า เพื่อลดค่าใช้จ่ายให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ปัจจุบัน ธนาคารนอร์เดีย มีพนักงานทั้งสิ้น 34,000 คน แต่ภายในสิ้นปี 2555 ธนาคารจะปรับลดคนงานในเดนมาร์ก ฟินแลนด์ และสวีเดน รวมแล้ว 500-650 คน และนอร์เวย์อีกราว 200-300 คน

 

 

นายกเทศมนตรีหลายร้อยเมืองทั่วอิตาลี รวมตัวชุมนุม ต้านมาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาล

 

นายกเทศมนตรีจากเมืองน้อยใหญ่ทั่วอิตาลีจำนวนหลายร้อยคน รวมตัวชุมนุมในเมืองมิลาน เพื่อคัดค้านแผนการรัดเข็มขัดฉบับใหม่ของรัฐบาลนายกรัฐมนตรีซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อช่วยให้อิตาลีกลับมามีงบประมาณสมดุลอีกครั้งภายในปี 2556 ทั้งนี้ ฟรังโก รอคคอน นายกเทศมนตรีจากเมืองทางตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งมีประชากรเพียง 1,800 คน ชี้ว่ามาตรการรัดเข็มขัดของรัฐจะส่งผลกระทบรุนแรงต่อชุมชนขนาดเล็ก เพราะชาวบ้านอาจถูกเก็บภาษีเพิ่มหรือไม่ก็ได้รับการบริการภาคประชาชนที่คุณภาพแย่ลงกว่าเดิม

 

 

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ รายงานยอดการใช้จ่ายของผู้บริโภคชาวอเมริกันประจำเดือนกรกฎาคม ปรากฏว่าปรับตัวเพิ่มขึ้นเกินคาดที่ร้อยละ 0.8 หลังปรับลดลงร้อยละ 0.1 ในเดือนมิถุนายน สอดคล้องกับรายได้ส่วนตัวของชาวอเมริกันที่ขยับเพิ่มขึ้นร้อย 0.3เทียบกับร้อยละ 0.2 ในเดือนมิถุนายน สะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจของสหรัฐที่ส่อเค้าดีขึ้นแม้กำลังเผชิญกับวิกฤติหนี้สินรุมเร้า

 

 

ยูโรแบงก์ ธนาคารรายใหญ่อันดับ 2 ของกรีซ ประกาศควบรวมกิจการกับอัลฟาแบงก์ ธนาคารอันดับ 3 หวังก้าวขึ้นเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยมูลค่าสินทรัพย์รวมกว่า 1 แสน 4 หมื่นล้านยูโร และสาขาอีกกว่า 1,300 แห่ง ทั้งนี้ นายอีวานเจโล เวนิเซลอส รัฐมนตรีคลังของกรีซ กล่าวยกย่องว่าการควบกิจการครั้งนี้ ถือเป็นสัญญาณด้านบวก และจะส่งผลดีต่อการกอบกู้เศรษฐกิจกรีซจากภาวะหนี้สิน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีครับเพื่อนๆทุกคน

 

คุณเด็กขายของเช้านี้น่าเข้าหรือไม่ครับ เอเซียกับลอนดอน มันน่าจะลากขึ้นหรือเทลง

 

เมื่อวานปล่อยออกไป 75% ถ้าเข้าเช้านี้ก็ได้ส่วนต่างมาถัวนิดนึง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Morning ครับทุกท่าน กระทิงทองตัวนี้ ดุจริงๆ

ขวิดขึ้น แล้วก็ ขวิดลง ทำเอามึนกันไปตามๆกัน

น่าเอามาทำ สเต็ค จังเลย 555

 

วันที่ 29 สิงหาคม 2554 16:13

TMBชี้ราคาทองพุ่งแรง!ยังไม่เข้าใกล้ฟองสบู่

 

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

 

TMBชี้ราคาทองพุ่งแรง! ยังไม่เข้าใกล้ฟองสบู่ เผยช่วง 11 ปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นแค่ 6.3 เท่า เทียบปี 2513-2523 เพิ่มขึ้นกว่า 16 เท่า

 

 

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ TMB หรือ TMB Analytics เผยแพร่บทวิเคราะห์เรื่อง "ความเสี่ยงฟองสบู่ทองคำ 1980 และ 2011 ความเหมือนที่แตกต่าง" โดยระบุว่า ราคาทองคำขาขึ้นมีปัจจัยพื้นฐานหนุนต่างจากฟองสบู่ทองคำปี 1980 เตือนความเสี่ยงของการหักหัวลง อาจมาจากความตื่นกลัวอย่างฉับผลันของนักเก็งกำไรระยะสั้นที่มีความอ่อนไหวต่อราคาสูง

ในปี 1979 ราคาทองคำเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 125 นับจากต้นปี ต่อมาในปี 1980 ภายในเวลาเพียง 20 วันแรกของปี ราคาทองคำพุ่งทะยานอีกร้อยละ 52 จนถึงจุดสูงสุดที่ 850 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ก่อนจะดิ่งลงอย่างรวดเร็วและลดลงต่อเนื่องมาจนถึงปี 2000 เหตุการณ์ทั้งหมดกินระยะเวลาขาขึ้นประมาณ 10 ปี และขาลงอีกประมาณ 20 ปี บทเรียนในครั้งนั้นบอกอะไรต่อนักลงทุนในทองคำบ้าง

 

ในช่วงที่ผ่านมาไม่ใช่ครั้งแรกที่ราคาทองคำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนบางคนเรียกว่าเกิดภาวะฟองสบู่ทองคำ หากแต่ย้อนกลับไปในช่วงทศวรรษ 1970 จะพบว่าราคาทองคำเคยปรับตัวสูงขึ้นอย่างรุนแรงมาแล้ว โดยในช่วงทศวรรษที่ 70 เกิดวิกฤตราคาน้ำมันขึ้นหลายรอบ ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจทั่วโลก ซึ่งราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นหลายระลอกนี้ผลักดันให้ราคาทองคำพุ่งสูงตามไปด้วย แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยฟองสบู่แตกในปี 1980

 

สภาวะแวดล้อมปี 1980 และ 2011 ความเหมือนที่แตกต่าง

 

ราคาทองคำช่วงปี 1970-1980 เพิ่มขึ้นเร็วและแรงโดยมีราคาสูงสุดในปี 1980 มากกว่าราคาในปี 1970 ประมาณ 16 เท่า ขณะที่ช่วงปี 1999-ปัจจุบัน ราคาทองคำเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่องค่อยเป็นค่อยไปกว่า โดยที่ผ่านมา 11 ปีเพิ่มขึ้นเพียง 6.3 เท่า

 

ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน วิกฤตเศรษฐกิจหลักในช่วงทศวรรษ 70 ต่างกับปัจจุบันค่อนข้างมาก โดยช่วง 1970-1980 เกิดปัญหาด้านอุปทาน (Supply shock) ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันปรับสูงขึ้น ดังนั้นเมื่อราคาน้ำมันปรับตัวลงหลังปี 1980 ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจก็ผ่อนคลายลงได้ ขณะที่ปัจจุบัน ปัญหาเศรษฐกิจเกิดมาจากปัจจัยภายในของระบบเศรษฐกิจประเทศใหญ่อย่างสหรัฐและกลุ่มยุโรป ซึ่งทางออกคงไม่ง่ายเหมือนวิกฤตเศรษฐกิจครั้งก่อน

ทองคำเริ่มไม่ปรับตัวตามราคาน้ำมันเสมอไป เห็นได้ชัดเจนในช่วงปี 2009 ที่ราคาน้ำมันลดลงอย่างรุนแรงแต่ราคาทองคำกลับไม่ได้ลดลงตามไปด้วย ต่างกับทศวรรษที่ 70 ที่ราคาน้ำมันมีผลต่อราคาทองคำอย่างชัดเจน

หลังปี 2011 ทำไมทองคำจะเป็นขาลง หลังปี 2011 ทำไมทองคำยังเป็นขาขึ้น

 

• ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ราคาทองคำปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี จึงขัดกับความรู้สึกที่ว่าสินค้าโภคภัณฑ์มีวัฏจักรและทำให้นักลงทุนจำนวนไม่น้อยมองว่าราคาทองคำน่าจะมาถึงจุดสูงสุดแล้ว

 

• ราคาทองคำเพิ่มขึ้นเร็วเกินไปเป็นสัญญาณเตือนนักลงทุนให้ระวังภาวะฟองสบู่แตก นับจากปี 2000 ราคาทองคำเพิ่มขึ้นต่อเดือนเฉลี่ยร้อยละ 1.4 (mom) แต่เฉพาะเดือนสิงหาคม 2011 ราคาเพิ่มสูงขึ้นจากเดือนก่อนหน้าร้อยละ 15.8 ถือว่าสูงสุดในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา

 

• นักเก็งกำไรมีมากขึ้นทำให้ความอ่อนไหวต่อราคาสูงขึ้น นักเก็งกำไรส่วนมากมักถือทองคำในระยะสั้นและมีความอดทนต่อการขาดทุนต่ำ ดังนั้นหากราคาทองคำปรับตัวลงเล็กน้อยก็อาจทำให้แห่กันเทขายกดดันราคาทองคำให้กลายเป็นขาลงอย่างรวดเร็วและรุนแรงได้ • เศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงทำให้ทางเลือกในการลงทุนมีไม่มากนัก ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจในสหรัฐและยุโรปทำให้ พันธบัตรสหรัฐถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือลง พันธบัตรญี่ปุ่นก็ยังคงให้ผลตอบแทนต่ำติดดิน หรือตลาดทุนในตลาดเกิดใหม่ก็มีราคาค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับความเสี่ยง ดังนั้นทองคำจึงยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ

 

• สภาพคล่องมหาศาลจากมาตรการ QE3 ที่อาจประกาศใช้ในปี 2555 จะทำให้เกิดความต้องการสินทรัพย์เพื่อการลงทุนมากขึ้นตามไปด้วย

 

• แนวโน้มการเข้าซื้อทองคำของธนาคารกลางทั่วโลกแทนการถือพันธบัตรสหรัฐก็เป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะผลักดันราคาทองคำให้สูงขึ้นได้อีก

 

มูลค่าที่แท้จริงของทองคำในปัจจุบันยังต่ำกว่าจุดสูงสุดในปี 1980 ประมาณร้อยละ 17.4 เพราะฉะนั้นความเสี่ยงของการหักหัวลงอย่างรุนแรงจึงยังไม่สูงเท่า คำนวนจากราคาทองคำปรับด้วยเงินเฟ้อ จะพบว่าถ้าปรับด้วยราคาฐานปัจจุบันแล้ว ราคาทองคำที่จุดสูงสุดในปี 1980 จะเท่ากับ 2,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งปัจจุบันราคาทองคำทำจุดสูงสุดที่ประมาณ 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แปลว่าปัจจุบันทองคำยังไม่สามารถทำมูลค่าสูงสุดได้เหมือนอย่างปี 1980

 

ข้อสังเกตจากมูลค่าที่แท้จริงในทองคำยังบอกได้ว่า นักลงทุนที่เข้าซื้อทองคำช่วงใกล้ฟองสบู่แตกในปี 1980 ถึงแม้จะถือไว้นานกว่า 30 ปีมาจนถึงปัจจุบันแล้วก็ตาม ผลตอบแทนจากทองคำของนักลงทุนที่เล่นกับฟองสบู่ก็ยังคงขาดทุนในมูลค่าที่แท้จริงอยู่ดี

 

ด้วยโครงสร้างและบริบททางเศรษฐกิจที่ต่างไปจากปี 1980 ทำให้ทองคำอาจจะยังไม่ถึงจุดสูงสุดที่จะทำให้เกิดฟองสบู่แตก แต่อย่างไรก็ดี นักลงทุนควรระลึกถึงความเสี่ยงและผลขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอ อย่างน้อยที่สุดก็จะได้ไม่ต้องถือทองคำไว้กว่า 30 ปีโดยที่ยังขาดทุนในมูลค่าที่แท้จริงเหมือนอย่างฟองสบู่ทองคำครั้งที่ผ่านมา

 

Tags : ราคาทอง • TMB

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

ขอนำมุมมองของคุณน้องดำ จากเว็บน่ำเชียงมาให้ชมนะครับ

 

 

gold future thai  เพิ่ม margin  จาก 12540 เป็น 14820

เริ่ม 5 กันยายน นี้

 

Gold -Aug30-2011 -

sideway รอดูทิศทาง -

แนวต้าน 1795-1800

แนวรับ  1760  1750

 

Dow Jones 254.71 มีผลลบต่อ ราคาทอง

 

ปิด  1788.50 เหรียญ  -40.60 หรือ -2.22%    

 

 

การเคลื่อนไหวของราคาทองเมื่อวานนี้

30gr-1.jpg

 

 

ราคาทองแท่งไทยเมื่อวานนี้

 

25750-25850 ราคาเปลี่ยนแปลง  -100 บาท      

30gc-1.jpg

30tg-1.jpg

=======================

 

=======================

 

ทิศทางราคาทองต่างประเทศ

ใช้ indicator  - PPO

ระยะสั้น   เริ่มเป็น - แนวโน้ม ลง

ระยะสั้น-กลาง ยังเป็น แนวโน้ม ขึ้น

=====================

=====================

 

 

 ภาพรวม

sideway  1795-1800  รอดูทิศทางต่อไป

แนวต้าน  1795-1800

แนวรับ  1760  1750

 

 

ตลาดนิวยอร์คปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง  1818-1775 ปิด 1788   ปิดต่ำ  ดูไม่ดี  

 

30-1gr-1.jpg

 

 

 

ผู้เชียร์ขึ้น  ต้องลุ้นให้พ้น 1795-1800 ก่อน

 

 

ผู้เชียร์ลง  

ลุ้นให้ทะลุ 1760  1750  ลงมา

 

 

เบื้องต้น แนวโน้มระยะสั้น - จะเปลี่ยนเป็นขาลง

หากราคาต่ำกว่า 1700  ลงมา เท่านั้น  

 

แนวรับ  1760  1750

แนวต้าน  1795-1800  1815

 

คาดว่าราคาทองเช้านี้น่าจะลดลง -  300 บาท

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีครับ คุณ luk และ คุณ GB2514

เมื่อวานนี้ มีการปล่อยหมูออกไปบางส่วน เพื่อกรณีมีของราคาสูง (เกินไป)อยู่ในพอร์ต ซึ่งกระทำเพื่อลดภาระของพอร์ตที่มี

ในกรณีเช้านี้ ต้องถือว่า สามารถลดต้นทุนได้ระดับหนึ่งแล้ว ( แต่ไม่มากพอ ) ควรน่าจะรอดูสถานการณ์ตลาดยุโรปเปิด

ทำการครับ เพราะภาวะในด้านยูโรโซน เริ่มมีการแก้ไขให้ฟื้นตัวตามลำดับ เช่น การปรับเปลี่ยนพันธบัตรเงินกู้ก็เป็นไปตามแผน

หรือ การควบรวมกิจการธนาคารฯ เพื่อความเป็นปึกแผ่น หรือ การเข้ามา take over ฮุบกิจการ ของประเทศด้านเอเชีย

ต่อบางบริษัทในยูโรโซน

ก็แล้วแต่พิจารณาด้วยตัวเองนะครับ ส่วนเด็กขายของขอนั่งดูเฉยๆ ครับ เพราะตีหนึ่งคืนนี้มีการออกมาเผยแพร่ของ

รายงานการประชุมธนาคารกลางฯฉบับที่แล้ว ซึ่งก็หนีไม่พ้นเรื่อง " คงดอกเบี้ยในระดับต่ำต่อไป " ส่งผลดีต่อตลาดหุ้นฯ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หวัดดีกร๊าบบบบ เฮียแบทแมน ชอบรูปแบบของเฮียในวันนี้ ขอให้เฮียลงข่าวและกราฟแบบนี้ตลอดไปนะกร๊าบบบบ +1 ให้เฮียแบทแมนกร๊าบบบบบบ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาดลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน ในวันจันทร์ ขณะที่การควบรวมกิจการธนาคารขนาดใหญ่ 2 แห่งของกรีซได้เพิ่ม ความหวังเกี่ยวกับวิกฤติหนี้ยูโรโซน และการใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐที่เพิ่มขึ้นใน เดือนก.ค.ได้ช่วยคลายความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย

        ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค.ปิดบวก 52 เซนต์ หรือ  0.47% สู่ระดับ 111.88 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังปรับตัวในช่วง 110.53- 112.73 ดอลลาร์

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ทันหุ้น (วันที่ 30 สิงหาคม 2554)

โฮมแทรค (Hometrack Ltd) บริษัทวิจัยด้านอสังหาริมทรัพย์ในอังกฤษเปิดเผยว่า ราคาบ้านในอังกฤษประจำเดือนส.ค.ปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 4 และอุปสงค์บ้านอาจชะลอตัวลงอีกในปีนี้

 

ราคาบ้านโดยเฉลี่ยในเดือนส.ค.ปรับตัวลดลง 0.1% จากเดือนก.ค.และร่วงลง 3.7% จากปีก่อนหน้านี้ โดยราคาบ้านในกรุงลอนดอนขยับลง 0.1%

 

ริชาร์ด ดอนเนลล์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของโฮมแทรคเปิดเผยว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อ่อนแอ แรงกดดันรายได้ภาคครัวเรือน และแนวโน้มเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนอาจทำให้อุปสงค์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์อ่อนแอลงไปอีกในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ ซึ่งภาวะเช่นนี้อาจทำให้เกิดแรงกดดันด้านราคาบ้านในช่วงขาลงเร็วขึ้นในฤดูใบไม้ร่วงนี้

 

การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ติดขัด อัตราว่างงานที่เพิ่มขึ้น และการปรับลดค่าใช้จ่ายรัฐบาลลงหนักที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สองเป็นปัจจัยที่ฉุดรั้งตลาดที่อยู่อาศัยในอังกฤษและบั่นทอนความเชื่อมั่นผู้บริโภค โดยธนาคารกลางอังกฤษปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้ และตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมเตือนว่าวิกฤตยูโรโซน และภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจโลกเป็นภัยคุกคามเศรษฐกิจในประเทศ

 

ผลสำรวจของโฮมแทรคระบุว่า อุปสงค์ที่อยู่อาศัยปรับตัวลดลง 1.2% ในเดือนส.ค. โดยสัดส่วนของยอดขายเพิ่มขึ้น 3.6% ในเดือนนี้ เมื่อเทียบกับที่ทะยานขึ้น 9.6% ในเดือนก.ค.

 

ด้านนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน กำลังเผชิญแรงกดดันให้ดำเนินมาตรการต่างๆมากขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ขยายตัวช้าลงแตะ 0.2% ในไตรมาส 2 ของปีนี้ ซึ่งน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของอัตราการขยายตัวในไตรมาสแรก ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 2 ปีในเดือนก.ค.

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 30 สิงหาคม 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...