ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

[เศษรฐีน้อย จากร้อยสู่ล้าน 97]

สรรพากร เตรียมชงลดหย่อนภาษีบ้านหลังแรก เข้าครม.เร็ว ๆนี้

วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน 2011 เวลา 17:32 น. สุวิภา บุษยบัณฑูร ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ

 

(11 ก.ย. ) นายสาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวถึงความคืบหน้าในโครงการลดหย่อนภาษีบ้านหลังแรก ว่าต้องเป็นบ้านราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท ซึ่งจะหักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 300,000 บาท ภายในระยะเวลา 5 ปี หรือทยอยหักลดหย่อนภาษีได้ปีละ 60,000 บาท ซึ่งผู้ที่จะใช้สิทธิ์จะต้องอยู่ในระบบภาษีและเป็นผู้ซื้อบ้านหลังแรกเท่านั้น ทั้งนี้กรมสรรพากรจะเสนอรายละเอียดเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยเร็วที่สุด อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวต่อว่าปัจจุบันมีผู้ยื่นแบบภาษีบุคคลธรรมดา ประมาณ 10 ล้านคน แต่ยื่นแบบและเสียภาษีมีจำนวน 2 ล้านคนเท่านั้น โดยรายได้จากมาตรการลดหย่อนภาษีบ้านหลังแรก คาดว่าจะ ทำให้รายได้ของกรมฯ หายไปประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยงบประมาณปี 2554 ที่จะสิ้นสุดปลายเดือนกันยายน คาดว่าจะสามารถจัดเก็บภาษีได้รวม 1.4-1.5 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณปี 53 ประมาณร้อยละ 20.5

ถูกแก้ไข กันยายน 11, 2011 โดย เศรษฐีน้อย จากร้อยสู่ล้าน

[เศษรฐีน้อย จากร้อยสู่ล้าน 97]

ธุรกิจกรีซไม่พอใจรัฐขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มข่าวต่างประเทศ วันอาทิตย์ที่ 11 เดือนกันยายน พ.ศ.2554 11:05 น.

share

 

กลุ่มธุรกิจในกรีซ ไม่พอใจรัฐบาล ขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม จากร้อยละ 13 เป็น ร้อยละ 23

 

 

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงาน เจ้าของร้านอาหารในกรีซ ไม่พอใจนโยบายของรัฐบาลพรรคสังคมนิยม ซึ่งปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม จากร้อยละ 13 เป็นร้อยละ 23 ถือเป็นการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มครั้งที่ 4 ในรอบ 1 ปีครึ่ง เนื่องจากรัฐบาลต้องระดมเงินแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ต่อเนื่องจากการกู้เงินต่างชาติมาแก้ปัญหาการเงินของประเทศมากถึง 302,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งจำเป็นต้องประหยัดค่าใช้จ่ายทุกรูปแบบ ขณะที่ผู้ประกอบการ เห็นว่า สภาพเศรษฐกิจปัจจุบันก็ย่ำแย่มากแล้ว การขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มจะทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก ลูกค้าธุรกิจแทบทุกชนิดลดลง ถึงขั้นหลายคนอาจจำเป็นต้องปิดกิจการ

[kitima 4]

สายัณสวัสดิ์ค่ะคุณเฮียนายห้าง คุณเด็กขายของ คุณเศรษฐีน้อย คุณอัยยา คุณขาใหม่ คุณดอนฮวนและทุกท่าน

 

ฝนตกทั้งวัน อากาศเย็นสบายจริงๆค่ะวันนี้ แต่เห็นใจชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วม บ้านพัง เสียหายมากๆ

 

เราเครียดเรื่องทองไม่นิ่งวิ่งสวนไปมา ยังไม่สู้ชาวบ้านไม่มีที่อยู่ที่กิน

 

ถ้าใครมีจิตกุศลอยากแบ่งเบาทุกข์พวกเขาบ้างก็ทำเถอะนะคะ

 

คนในบ้านเมืองอื่นเดือดร้อนเรายังไปช่วยเขาได้

 

นี่บ้านของเราแท้ๆ มาร่วมด้วยช่วยกันนะคะ

ถูกแก้ไข กันยายน 11, 2011 โดย kitty

[เศษรฐีน้อย จากร้อยสู่ล้าน 97]

แห่จำนำทองฟันกำไร

11 กันยายน 2554

แห่นำทองคำเวียนเทียนจำนำฟันกำไร อีซี่ มันนี่ เพิ่มวงเงินรับจำนำเท่าตัวเป็น 500-600 ล้านบาท

 

นายสิทธิวิชญ์ ตั้งธนาเกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตั้งธนสิน หรือโรงรับจำนำอีซี่ มันนี่ เปิดเผยว่า ผลจากราคาทองคำที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ลูกค้าที่เป็นผู้ลงทุนทองคำหันมาใช้บริการโรงรับจำนำมากขึ้น โดยนำทองคำที่ซื้อสะสมไว้มาจำนำและรับเงินสดออกไปลงทุนซื้อทองคำ เพราะเชื่อว่าราคาทองคำจะเพิ่มขึ้น และหากราคาทองคำเพิ่มขึ้นก็จะมาไถ่ถอนเพื่อที่จะนำทองคำไปขายทำกำไร

 

ประกอบกับเห็นว่าการจำนำทองคำจะมีต้นทุนถูกกว่าการกู้เงินจากธนาคารเพื่อนำมาซื้อทองคำ และลูกค้าก็ยังไม่ต้องขายทองคำออกมาทันที

 

ทั้งนี้ ถ้าราคาทองคำขึ้นวันละ 1,000 บาท ก็คิดเป็น 5% ของราคาทองคำแล้ว ในขณะที่รับจำนำทองคำคิดอัตราดอกเบี้ยรับจำนำแค่เดือนละ 1.25% หรือเสียดอกเบี้ยแค่วันละ 0.04% ทำให้ประชาชนรายย่อยเห็นช่องทางในการหากำไรจากส่วนต่างราคาทองคำที่ขึ้นลง จึงนิยมนำทองคำที่ถือครองไว้มาจำนำเพื่อนำเงินไปซื้อทองคำเพื่อเก็งกำไร

 

นายสิทธิวิชญ์ กล่าวอีกว่าผลจากการนำทองคำมาจำนำมากขึ้น ทำให้บริษัทต้องจัดเตรียมเงินไว้รองรับการจำนำมากขึ้นเป็น 1 เท่าตัว จากปกติแค่ 300-400 ล้านบาท เพิ่มเป็น 500-600 ล้านบาท

 

“อีซี่ มันนี่ มีจุดเด่นที่ความรวดเร็ว สามารถที่จะให้เงินสดได้ภายใน 3 นาที และให้ราคาสูงกว่าโรงรับจำนำอื่นๆ และไม่กำหนดวงเงินการรับจำนำ ทำให้เป็นที่นิยม” นายสิทธิวิชญ์ กล่าว

 

นายสิทธิวิชญ์ กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาราคาทองคำมีการประกาศปรับเปลี่ยนราคาวันละหลายๆครั้ง ทำให้บริษัทต้องกำหนดราคารับจำนำด้วยความรอบคอบ โดยปกติจะกำหนดราคารับจำนำโดยคำนวณต้นทุนจากภาษีธุรกิจเฉพาะ อัตราดอกเบี้ย 5 เดือน และค่าใช้จ่ายต่างๆ เฉลี่ยแล้วราคาจะต่ำกว่าราคาที่สมาคมค้าทองคำประกาศ 3,000 บาท เช่น ราคาทองคำที่สมาคมประกาศ 2.6 หมื่นบาท ราคารับจำนำจะอยู่ที่ 2.3 หมื่นบาท ซึ่งสูงกว่าโรงรับจำนำทั่วไปที่รับจำนำเฉลี่ยบาทละ 2-2.2 หมื่นบาท

ถูกแก้ไข กันยายน 11, 2011 โดย เศรษฐีน้อย จากร้อยสู่ล้าน

[เศษรฐีน้อย จากร้อยสู่ล้าน 97]

สายัณสวัสดิ์ค่ะคุณเฮียนายห้าง คุณเด็กขายของ คุณเศรษฐีน้อย คุณอัยยา คุณขาใหม่ คุณดอนฮวนและทุกท่าน

 

ฝนตกทั้งวัน อากาศเย็นสบายจริงๆค่ะวันนี้ แต่เห็นใจชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วม บ้านพัง เสียหายมากๆ

 

เราเครียดเรื่องทองไม่นิ่งวิ่งสวนไปมา ยังไม่สู้ชาวบ้านไม่มีที่อยู่ที่กิน

 

ถ้าใครมีจิตกุศลอยากแบ่งเบาทุกข์พวกเขาบ้างก็ทำเถอะนะคะ

 

คนในบ้านเมืองอื่นเดือดร้อนเรายังไปช่วยเขาได้

 

นี่บ้านของเราแท้ๆ มาร่วมด้วยช่วยกันนะคะ

รัฐบาลเชิญชวนพี่น้องไทย ร่วมบริจาคช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม ผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)สาขาทำเนียบรัฐบาล ประเภทเงินฝากออมทรัพย์ชื่อ กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย สำนักนายกรัฐมนตรี เลขที่บัญชี 067-0-06895-0 โดยเงินบริจาคสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้

ถูกแก้ไข กันยายน 11, 2011 โดย เศรษฐีน้อย จากร้อยสู่ล้าน

[kitima 4]

ขอบคุณคุณเศรษฐีน้อยค่ะที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติม

 

ช่วยให้สะดวกขึ้นเยอะเลยค่ะ

[เศษรฐีน้อย จากร้อยสู่ล้าน 97]

ขอบคุณคุณเศรษฐีน้อยค่ะที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติม

 

ช่วยให้สะดวกขึ้นเยอะเลยค่ะ

 

ถ้าท่านยิ่งให้ ท่านก็ยิ่งได้ครับ แค่ท่านคิดจิตท่านก็ได้กุศลแล้วครับ

[put42 92]

สั่งแบงก์รัฐใส่เงินกองทุนหมู่บ้านแก้หนี้นอกระบบ

 

คลังตั้งโต๊ะในสาขาแบงก์รัฐรับ'แก้หนี้นอกระบบ'โดยใช้เงินกองทุนหมู่บ้านปล่อยกู้แทนแบงก์รัฐแต่ระยะเริ่มต้นให้ออมสิน-ธ.ก.ส.อัดเงินใส่กองทุนฯก่อน

 

 

คลัง ตั้งโต๊ะในสาขาแบงก์รัฐรับ "แก้หนี้นอกระบบ" โดยใช้เงินกองทุนหมู่บ้านปล่อยกู้แทนแบงก์รัฐ แต่ระยะเริ่มต้นให้ "ออมสิน-ธ.ก.ส." อัดเงินใส่กองทุนหมู่บ้านก่อน

 

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังได้เตรียมมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ โดยจะดำเนินใน 2 ขั้นตอนหลัก คือ 1.ตั้งโต๊ะรับปรึกษาหนี้นอกระบบในสาขาธนาคารพาณิชย์ของรัฐทุกแห่ง เช่น ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) หากอยู่ในขั้นตอนที่ต้องหาผู้ช่วยมาเจรจา ก็ให้ประสานผ่านสำนักงานแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชนที่อยู่ในกระทรวงการคลัง เมื่อได้ข้อสรุปจะเข้าสู่ขั้นตอนที่ 2 คือ การปล่อยสินเชื่อให้ ในขั้นตอนนี้ จะดำเนินการผ่านกองทุนหมู่บ้านทั่วประเทศ 7 หมื่นแห่ง

 

เขากล่าวว่า เหตุที่ต้องใช้กองทุนหมู่บ้านเป็นผู้ปล่อยสินเชื่อให้ เพราะรัฐบาลก็มีนโยบายจะใส่เงินให้แก่กองทุนหมู่บ้านจำนวนหมู่บ้านละ 1 ล้านบาท อยู่แล้ว ดังนั้น จึงควรใช้ช่องทางนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเชื่อจะเพียงพอรองรับการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบนี้

 

นายธีระชัย กล่าวต่อว่า ผลการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบจากรัฐบาลชุดก่อน ปรากฏมีลูกหนี้นอกระบบมาลงทะเบียนจำนวน 1.1 ล้านราย มีมูลหนี้รวม 1.2 แสนล้านบาท แต่ในที่สุดแล้วมีลูกหนี้ที่มีความซ้ำซ้อน และเป็นหนี้ที่ไม่เกิดขึ้นจริงจำนวนเกินกว่าครึ่ง หรือประมาณ 4.6 แสนราย

 

ดังนั้นจึงเหลือหนี้ที่เข้าข่ายได้รับการแก้ไขจำนวน 5.8 แสนราย คิดเป็นมูลหนี้ 6.7 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตาม มีการปล่อยสินเชื่อเพื่อนำไปแก้ไขหนี้นอกระบบเพียง 4.4 หมื่นล้านบาท จึงเหลือวงเงินความต้องการสินเชื่อไม่มาก ซึ่งเงินที่ปล่อยผ่านกองทุนหมู่บ้านจำนวน 7 หมื่นล้านบาทน่าจะเพียงพอ

 

“วงเงินที่เราปล่อยให้แก่กองทุนหมู่บ้านจำนวน 7 หมื่นล้านบาทนี้ ถือว่าเพียงพอ แต่ที่ต้องดำเนินการต่อ คือ ต้องมีวิธีการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ ไม่ใช่ให้แค่เงิน แต่ต้องหาวิธีการที่แก้ไขปัญหาได้อย่างสมบูรณ์ กล่าวคือ ต้องให้เกิดรายได้ ไม่เช่นนั้น การเอาเงินไปให้กู้ ถือเป็นการแก้ไขปัญหาชั่วคราว ซึ่งในขั้นตอนนี้ ถือเป็นกระบวนการพี่ช่วยน้อง โดยให้แบงก์รัฐเข้าไปช่วยเรื่องการสร้างงาน” เขากล่าว

 

ส่วนระยะเวลาที่จะเริ่มดำเนินการ เขากล่าวว่า อยู่ในขั้นตอนการใส่เงินเข้าไปยังกองทุนหมู่บ้านของรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลคงใช้วิธีให้แบงก์รัฐโดยธนาคารออมสิน หรือ ธ.ก.ส.จัดเงินใส่เข้าไปยังกองทุนหมู่บ้านก่อน จากนั้นจึงจะตั้งงบประมาณเพื่อชดเชยให้ เพราะกระบวนการจ่ายงบประมาณอาจล่าช้

 

 

เละยิ่งกว่าเละ ในต่างจังหวัด หนี้นอกระบบลูกหนี้1รายแต่เป็นหนี้ที่ไปก่อไว้หลายราย เพราะว่าเจ้าหนี้รายแรกไม่ให้ยืมต่อ เนื่องจากของเก่าก็ยังจ่ายคืนได้ไม่มาก ลูกหนี้ก็ต้องไปกู้ยืมรายที่2 พอรายที่2ไม่ให้ต่อก็ต้องไปกู้ยืมรายต่อๆไป (ยังไม่นับรวมหนี้ในระบบที่ไปกู้จาก ธกส. ถ้าธกส.ขายหุ้นเหมือนอย่างแบ็งค์อื่น ถูกขนาดไหนก็ไม่กล้าเพราะกลัว ธกส.ล้มค่ะ.) และยิ่งกองทุนหมู่บ้านอีก ในบางหมู่บ้านแทบจะทำอะไรต่อไม่ได้เลยเพราะว่าสมาชิกในหมู่บ้าน ไม่จ่ายเงินคืนให้กองทุน(บางรายคิดว่ารัฐบาลให้มาฟรีๆ) กรรมการในหมู่บ้านก็ทำอะไรไม่ได้ หนักๆเข้าเงินหมุนเวียนไม่พอก็ต้องหยุด(ไม่ไช่เลิก) นักการเมืองอาจจะคิดหาการเพิ่มรายได้ แต่ยักไม่คิดถึงเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง รู้หรือเปล่าว่าคนบ้านนอกบางคนบางครั้งใช้จ่ายเกินตัวโดยเฉพาะการใช้จ่ายของลูกหลานบางทีไม่มีเหตุผลเลยแต่ก็ให้เพราะว่ากลัวลูกหลานลำบากเหมือนตัวเอง ลูกหลานอยากได้อะไรก็ต้องหามาให้ไม่มีเงินก็ต้องไปหยิบยืมมาซื้อให้ คนต่างจังหวัดหลายๆรายกำลังรอการช่วยเหลือ แต่ที่รอจริงๆก็คือเจ้าหนี้หลายยยยย...รายมากกว่า ค่ะ

[Pete 15,187]

เรียนถามคุณเด็กขายของครับ

 

พวกข่าวดีข่าวร้ายที่เราเสพๆ กันนี่ มันมีของมันมานาน แล้ว

1. ฝรั่งเลือกจะสื่อสารเป็นช่วงๆ ให้เราตื่นตูมไปในทิศทางที่ต้องการ

หรือ

2. ฝรั่งเลือกจะปั่นข่าวให้มันแรงเกินจริง เพื่อทำกำไรจากพวกเราครับ

 

คือผมติดตามข่าวมาพักนึง รู้สึกว่า ความน่ากลัวของข่าวมันมาจากคนพูดมากกว่าความเป็นจริงหรือเปล่าครับ

 

สวัสดีครับ คุณ Kimenyi เด็กขายของ ขออนุญาตแบ่งออกเป็น 2 ประเด็นนะครับ

สำหรับ ประเด็นแรกนั้น ในความคิดของคุณฯ ก็ถูกต้องครับ

 

ตลาดทุน ก็คือ ตลาดของความโลภที่มีจุดมุ่งหมาย เพื่อเพิ่มพูนความมั่งคั่งของตน และ เปรียบเสมือนทางด่วนสู่ความมั่งคั่ง

เนื่องจาก การลงทุนแบบนี้ สามารถเติมฝันหรือความมั่งคั่งอย่างที่ตั้งใจไว้ได้อย่างรวดเร็ว เพราะลำพังแค่เงินออมเติบโตไม่ทันราคาสินค้า

และ ค่าใช้จ่ายๆต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น อัตราเงินเฟ้อพุ่งพรวดแซงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากจนแทบคิดไปว่า " ฝากไปทำไม "

 

ปัจจุบันนี้ จึงกลายเป็นว่า ถ้าวันนี้เงินของคุณยังนอนนิ่งๆ อยู่ในบัญชีเงินฝาก ทำไมไม่ลองปล่อยให้ออกมายืดเส้นยืดสายทำงานแทนคุณ

ดูบ้าง เช่น การเก็งกำไรในทองคำ

 

ดังนั้น ตลาดทองคำ ก็ต้องหานักลงทุนหน้าใหม่ๆ เข้ามาเติมเพิ่มขึ้น เพื่อให้เม็ดเงินเพิ่มจำนวนการเล่นมากขึ้นในทุกๆ ปี ในขณะที่ ปริมาณของ

ทองคำในโลก มีจำกัด การปลุกกระแส ราคาทองคำ และ วิกฤติเศรษฐกิจ เป็นจุดอ่อนของมนุษย์ทุกคนในโลก ที่พอกังวลใจ ก็จะหันไปหา

สิ่งที่พวกเขาคิดว่า สิ่งนั้นจะปกป้องคุ้มครองทรัพย์สมบัติเขาได้ ในภาวะที่โลกเจอความเสี่ยงทางการเงินในกระเป๋าของเขา

 

ตลาดทองคำ จัดเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ ในกลุ่มของ โลหะมีค่า

ทำไมถึงจัดแบบนั้น เพราะ การลงทุนทองคำ ก็มีความเสี่ยงตามความผันผวนของราคา ซึ่งเปลี่ยนแปลงได้ตามอุปสงค์และอุปทานของตลาด

สิ่งใดล่ะ ที่สามารถที่จะทำให้ กระแสของ อุปสงค์ แปรเปลี่ยนได้ ในความคิดของคนทั่วไป ซึ่งก็คือ ข่าวสาร เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น

การจะให้ตลาดทองคำ คงอยู่ได้ จะต้องมีการแลกเปลี่ยนซื้อขาย อยู่เสมอ ดังนั้น การเพิ่มขึ้น และ การลดลง เป็นเรื่องธรรมชาติของมัน

 

ถ้าคุณ Kimenyi ลองสังเกตุ ( เป็นข้อความสำหรับนักเก็งกำไร อย่างเดียวเท่านั้น )

ถ้าราคาทองขึ้นไปสูงๆ ถามว่า จะมีจำนวนคนอยากซื้อมากขึ้นหรือเปล่า ก็คงน้อยลง ร้านค้าทองฯ อาจนั่งตบยุง หรือ นักเก็งกำไรก็จะนำทองคำ

ไปขาย เพื่อทำกำไรหาผลตอบแทน ในกรณีกลับกัน ถ้าราคาทองลงไปอยู่ในระดับต่ำๆ ถามว่า จะมีคนอยากซื้อ หรือเปล่า ก็คงน้อยลงอีก

เช่นกัน ร้านทองฯ อาจนั่งตบยุง หรือ นักเก็งกำไร ก็ไม่กล้าเข้าซื้อ เพื่อคิดว่า ราคาจะไต่ขึ้นไปสูงๆ อีก ก็นั้นแหละ คือ อุปสงค์ และ อุปทาน

ที่จะเกิดในตลาดทองคำ หรือ ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์

 

แล้วสิ่งใดเล่า ที่จะสามารถโน้มน้าว อุปสงค์ และ อุปทาน ให้กับตลาดทุนฯ ถ้าไม่ใช่ " หาเรื่อง " " สร้างเรื่อง " " ปลุกกระแส "

สิ่งเหล่านี้ในโลกโลกานุวัฒน์ สามารถสื่อสารรวดเร็ว โดยผ่าน " ข่าวสาร " โดย กองทุนขาใหญ่ต่างๆ จะสามารถหยิบประเด็นที่หลากหลาย

แตกต่างกันออกไป เพื่อให้เกิดความตกใจ และ ตื่นตระหนก ได้ง่าย

 

ทุกสิ่งทุกอย่าง อยู่ที่เราทั้งหมด จะสามารถไล่ตามเกมส์มันทันหรือเปล่า ถ้าเราทันเกมส์ก่อนที่มันจะเชือดเรา ก็สามารถสร้างผลตอบแทน

ใส่กระเป๋าได้ แต่ถ้าเรารู้แล้วว่า เขาจะทำอะไร แต่ยังไปเล่นเกมส์ตามมัน ที่ต้องการ ก็อาจจะแพ้ออกจากตลาดฯ ไป

 

 

 

 

 

 

[TIKIES 18]

ต้องขอบคุณข้อมูลเด็กขายของมากค่ะอ่านข่าวแล้วได้รู้อะไรเยอะดีหาข่าวมาอีกนะคะจะได้รู้ว่าต้องไปทางไหนดีถึงผิดทางก็ไม่เสียใจค่ะก็เงินมันเย็น

[Pete 15,187]

เรียนถามคุณเด็กขายของครับ

 

อย่างเร็วๆ นี้ อเมริกาย่ำแย่จะตายอยู่แล้ว พออาทิตย์ก่อนใครมาพูดว่า EU หนักกว่าอเมริกา แล้วทิศทางข่าวหรืออะไรต่างๆ ก็ไปในทาง EU จะเจ๊งแล้วๆ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ไปสองเดือนกรีซก็จะเจ๊งๆๆ และ EU อยู่ในฐานะเป็นผู้อุ้ม คือสถานการณ์อะไรมันจะร้ายแรงขนาดเวลาสองอาทิตย์อเมริกา + ยุโรป จะเจ๊งๆๆ ทั้งที่ยังดูปกติอยู่เมื่อ 2 - 3 เดือนก่อนแท้ๆ

 

เดี๋ยวพอเราเริ่มหายเมาหมัด ไอ้นู่นไอ้นี่ก็จะเจ๊งขึ้นมาอีกหรือเปล่า แบบพายุเข้า ดังนั้นต้องขึ้นราคาน้ำมันอีก 10 เหรียญ น่ะครับ

ส่วนประเด็นที่ 2 อยากถามว่า คุณฯ ว่า เงินสกุลไหนๆ ในโลก ใครเป็นประเทศเจ้าของสกุลเงินนั้น ก็ต้องรัก และ ปกป้อง หรือเปล่าครับ

ไม่ว่า รัฐบาลประเทศไหนๆ ที่ได้รับความไว้วางใจให้เข้ามาบริหารประเทศจากประชาชน เป้าหมาย ก็ต้องรักษาเสถียรภาพของประเทศ

และ ความมั่นคงต่อประเทศชาติ เป็นอันดับแรก

 

ประเทศสวิสฯ เจอปัญหาสกุลเงิน สวิสฯ ฟรังค์แข็งค่า จนทำให้ประชาชนชาวสวิสฯ เดือดร้อนจากปัญหาข้าวของ ค่าครองชีพขึ้นสูง พวกเขา

ทำยังไง ธนาคารกลางฯ ประกาศ คงอัตราค่าเงิน 1.20 ยูโร ต่อ 1 สวิสฯ ฟรังค์ และ ประกาศซื้อเงินตราต่างประเทศฯ เพื่อรักษาเสถียรภาพ

ให้มั่นคง และ ลดความเดือดร้อนของประชาชน

 

ประเทศญี่ปุ่น เจอปัญหาค่าเงินเยนแข็ง ทำให้ธุรกิจส่งออกย่ำแย่ เพราะสินค้าที่ผลิตในประเทศญี่ปุ่นขายไม่ออก เพราะราคาแพง รัฐบาลฯ

ก็สั่งเข้าแทรกแซงค่าเงินให้อ่อนค่าลง

 

หลายๆ ประเทศในโลก เจอปัญหาเงินเฟ้อ ในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาล และ ธนาคารกลาง ทำยังไง ก็ต้องขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อให้สอดคล้อง

กับอัตราเงินเฟ้อ เพื่อลดภาระของประชาชน

 

ประเทศจีน อันนี้ สวนทางกับประเทศอื่นๆ ใครๆ ก็อยากให้สกุลเงินตัวเองแข็งค่า ส่วนจีนกำหนดค่าคงที่ให้อ่อนค่าเมื่อเปรียบเทียบกับสกุลเงิน

อื่นๆ ถามว่าทำไม ? เพราะจะเป็นประโยชน์ต่อภาคการส่งออกของประเทศจีน สินค้าจีน จะมีต้นทุนสินค้าที่ถูกอย่างมาก เมื่อส่งไปขายยังที่ใด

ก็ได้ ทั่วโลก จนบางคนคิดว่า เงินหยวนจีน จะมาแทน เงินดอลล์สหรัฐในอนาคตอันใกล้ ซึ่งบอกได้เลยว่า ไม่สามารถ เนื่องจาก ปริมาณเงิน

หยวนในตลาดโลก, GDP ของจีนก็ยังต่ำกว่า สหรัฐเยอะ, การใช้จ่ายและการลงทุน ก็ยังต่ำกว่า สหรัฐเยอะ และ นโยบายการปกครอง ก็ยิ่งไม่

สามารถสร้างตัวเองให้โดดเด่นในสังคมนานาชาติได้ในขณะนี้ แต่ถ้าถามว่า ทำไมถึงมีบางประเทศฯ ในโลก มีการซื้อขายเป็นเงินหยวนกับ

ประเทศจีน คำตอบก็คือ ผู้ซื้อและผู้ขาย เป็นผู้ตกลงกันในสกุลเงินซื้อขาย ถามอีกว่าทำไม ? ผู้ซื้อและผู้ขาย ไม่อยากให้มีปัญหาในเรื่อง

ความผันผวนของค่าเงิน ถ้าไปใช้สกุลเงินที่ต่างจาก ผู้ซื้อและผู้ขาย นั้นก็จะต้องมีความเสี่ยงเกิดขึ้นในการ โอนเงินตรา หรือ รับค่าสินค้า

ในประเทศไทย ผู้ซื้อสินค้าจากต่างประเทศ สามารถทำความตกลงจาก ผู้ขายสินค้าในต่างประเทศ ว่า จะจ่ายกันในสกุลเงินไหน โดยระบุใน

Letter of Credit หรือ Proforma Invoice ซึ่งไม่แปลก ถ้าจะไม่อ้างอิงการซื้อขายในสกุลเงิน ดอลล์สหรัฐ US$ หรือ Euro เพราะถือว่า

ทุกๆประเทศทั่วโลก เปิดเสรีทางการเงิน

 

ถ้าใครมองว่า ไม่มีใครอยากซื้อขายเงินสกุล US$ หรือ Euro เพราะมันจะไร้ค่า ก็เป็นความคิดของเขาที่จะคิดได้ ห้ามไม่ได้หรอกครับ

 

เมื่อวกเข้าเรื่องมาที่ สหรัฐอเมริกา หรือ ทวีปยุโรป 17 ประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร รัฐบาลประเทศของพวกเขาจะไม่ออกมาปกป้องกัน

เลยใช่ไหม จะยอมให้ประชาชน ลุกฮือ ปิดสี่แยก ปิดสวนสาธารณะ เพื่อให้เปลี่ยนแปลงเอาประชาชนขึ้นมาเป็นรัฐบาล เองหรือไม่

แต่สุดท้ายของทุกๆ เรื่อง ในการนี้ ไม่ว่า จะเป็นรัฐบาลไหน ก็แล้วแต่ จะดีแต่คุย ดีแต่บ่น ก็ยังคงต้องใช้สกุลเงิน US$ หรือ Euro

กันต่อไป

 

ทุกๆ หนทาง มีทางแก้ไข ซึ่ง ประเทศเยอรมัน ก็เคยออกมากล่าวแล้วว่า " ถ้าอุ้มไม่ไหว ก็ต้องเฉือนออก ดีกว่ายิ่งแย่กว่าเดิม "

นั้นคือ Plan B ของเขา ไม่ใช่ว่า เขาจะกลัวล้มทั้งหมด แต่เขากลัวว่า จะยิ่งสร้างมาตราการเพิ่มขึ้น เพื่อสร้างปัญหาให้กับประชาชน

ของเขามากกว่า ถ้ามองประเทศอื่น แล้วคิดว่า ไกลตัว ก็หันมามองที่ประเทศไทย ยามเกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง สถาบันการเงินก็ล้ม

กันมากมาย ข้าวยากหมากแพง เกิดลดค่าเงินจาก 25 บาท มาเป็น 56 บาท 2 เท่าตัว ค่าเงินบาท ก็ยังใช้อยู่ ณ. ปัจจุบันนี้

อนาคต ก็อาจจะมีการลดค่าเงินบาทรอบสองเกิดขึ้น เพราะนโยบายต้องไปกู้ยืมเงินต่างประเทศ แต่สุดท้าย เงินบาท ก็ยังอยู่

 

ฉันใดก็ฉันนั้น เงินบาท เป็นเงินสกุลเล็กๆ ในโลก ก็ยังยั่งยืนยงมาได้ แล้ว เงิน US$ หรือ Euro ล่ะ ปริมาณเงินหมุนเวียนในโลกนี้

แพร่กระจายไปทั่วโลก อยู่ในคลังของธนาคารกลางต่างๆ หรือ แม้แต่กระเป๋าของนักเดินทางบางท่านตลอด

 

ปัญหามีไว้ให้รัฐบาลแก้ ส่วนนักวิชาการ นักข่าวฯ ก็จะวิเคราะห์ไปตามความคิดเห็นส่วนตัว / ความเชื่อ ของแต่ละคน ใครคาดและคิดไปได้ไกล

ก็จะได้รับความน่าเชื่อถือ คิดเหมือนคนอื่นๆ ตามหลักการ ไม่ดังเร็วนะครับ ใครมีหนทางกระจายข่าวในเครือข่าย และ มีการ Forward Mail หรือ copy Mail ก็ยิ่งแพร่เร็วมากขึ้น

 

จุดสำคัญอยู่ที่ ต้องใช้วิจารณญานในการเสพข่าว เพราะทุกๆ ข่าว คือ ข้อเท็จ (มาก่อน) จริง จึงรวมเป็น ข้อเท็จจริง นะครับ

[Pete 15,187]

ถูกแก้ไข กันยายน 12, 2011 โดย เด็กขายของ

[Pete 15,187]

ถูกแก้ไข กันยายน 12, 2011 โดย เด็กขายของ

[Pete 15,187]

ถูกแก้ไข กันยายน 12, 2011 โดย เด็กขายของ

[Pete 15,187]

ถูกแก้ไข กันยายน 12, 2011 โดย เด็กขายของ