ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

เผยคนไทยแห่ซื้อทองเก็งกำไรหนัก ยอดนำเข้าทองคำเดือน ก.ย.ปีนี้พุ่งถึง 101.92% ด้าน ธปท.ซื้อทองสะสมในทุนสำรองเต็มพิกัด 2-3%

 

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานตัวเลขการนำเข้าทองคำของประเทศไทยในเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา พบว่า มีการนำเข้าทองคำคิดเป็นมูลค่ามากถึง 9.38 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.74 หมื่นล้านบาท หรือ 101.92% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่มีการนำเข้าทองคำแค่ 4.65 หมื่นล้านบาท สะท้อนความต้องการซื้อทองคำของคนไทยเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

เฉพาะเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา มีการนำเข้าทองคำสูงถึง 3,127 ล้านเหรียญสหรัฐ จากการนำเข้าทั้งสิ้น 1.88 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวจากปีก่อน 42.6%

 

รายงานข่าวระบุว่า คาดส่วนหนึ่งเป็นผลจากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา คนไทยนิยมลงทุนในทองคำมากขึ้น ทั้งการซื้อทองคำเก็บสะสมเพื่อเก็งกำไร และการลงทุนทองคำที่เป็นตราสาร กองทุน และตลาดล่วงหน้า

 

ธปท.ยังได้รายงานยอดการนำเข้าทองคำของประเทศในช่วง 9 เดือนแรกว่า มียอดนำเข้าสะสม|ทั้งสิ้น 3.33 แสนล้านบาท ถือเป็นการนำเข้าทองคำที่เพิ่มขึ้นต่ออย่างเนื่อง

 

ขณะที่ ธปท.นั้น ก็ได้มีการซื้อทองคำสะสมในทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นด้วย โดยในสิ้นเดือน ต.ค.มีสัดส่วนทองคำในทุนสำรองทางการคิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1.87 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.31 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา

 

จากการตรวจสอบพบว่า ธปท.มีการถือครองทองคำในทุนสำรองทางการในเดือน ส.ค.อยู่ 8,056.21 ล้านเหรียญสหรัฐ จากเดือน ม.ค. 2554 ที่มียอดถือครองทองคำแค่ 4,309.81 ล้านเหรียญสหรัฐ

 

นางสุชาดา กิระกุล รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพการเงิน ธปท. เปิดเผยว่า ธปท.เริ่มซื้อทองคำสะสมมาตั้งแต่ช่วงต้นปี แต่เป็นการซื้อในบางช่วงที่ราคาลดต่ำลงพอสมควรจึงซื้อสะสม โดยการถือลงทุนทองคำขณะนี้ ธปท.ไม่ได้กำหนดว่า จะต้องซื้อทองคำสะสมในทุนสำรองทางการระหว่างประเทศเป็นจำนวนเท่าไหร่ แต่ตามเกณฑ์ปกติสัดส่วนทองคำต่อเงินทุนสำรองทั้งหมดจะอยู่ในระดับ 2-3%

 

“เท่าที่เราเข้าไปถือลงทุนมาตั้งแต่ต้นปี ตอนนี้เราถืออยู่ 2-3% แล้ว แต่หากในช่วงต่อไปทุนสำรองทางการเงินเพิ่มขึ้น ธปท.ก็จะพิจารณาตามความเหมาะสมว่า ควรจะเพิ่มการถือลงทุนทองคำในทุนสำรองอีกหรือไม่” นางสุชาดา กล่าว

 

แหล่งข่าวจาก ธปท.เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้บริโภคคนไทยมีพฤติกรรมและให้ความสนใจซื้อทองคำเพื่อเก็งกำไรมากขึ้น เพราะทองคำคือว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ในสถานการณ์เศรษฐกิจการเงินโลกชะลอและมีความผันผวนสูง

 

ทั้งนี้ ยอดนำเข้าทองคำในช่วง 8 เดือนแรกพบว่า มียอดนำเข้าถึง 2.39 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3.33 หมื่นล้านบาท หรือ 16.21% โดยในไตรมาสแรกมีการนำเข้าสูงที่สุดถึง 1.02 แสนล้านบาท ไตรมาส 2 มีการนำเข้าทองคำ 6.75 หมื่นล้านบาท ขณะช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค. มีการนำเข้าทองคำ 7.08 หมื่นล้านบาท

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ (วันที่ 21 พฤศจิกายน 2554)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อรุนสวัสยามเช้า จ้า คุณเด็กขายของ gb2514 และเพื่อนๆ ทุกท่าน เช้านี้ ตื่นมา มึนๆ เพราะ สาวๆ บน bts น่ารักๆ มายืนล้อมผมไว้ > <

 

อรุนสะหวัดค่ะ คุณ arthas

 

ที่มายืนล้อมเพราะกันคุณ arthas หนีหรือเปล่าค่ะ แบบว่าไปทําอะไรไว้ ^^

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ที่ปรึกษาแบงก์ชาติจีนคาดอาจขาดดุลการค้าภายใน 2 ปีข้างหน้าหลังศก.ชะลอตัว (21/11/2554)

นายหลี่ เตาคุย ที่ปรึกษาและคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางจีน คาดว่า ยอดเกินดุลการค้าของจีนอาจลดลงเป็นศูนย์ในปีนี้ หรืออาจจะถึงขนาดติดลบในช่วงอีก 2 ปีข้างหน้า

 

นายหลี่กล่าวในงานสัมมนาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า ยอดเกินดุลการค้าของจีนคาดว่าจะลดลงเหลือเพียง 1.5 แสนล้านดอลลาร์ในปีนี้ ในขณะที่อัตราการการขยายตัวของผลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) อาจลดลงสู่ 1.5% จาก 8% ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

 

ข้อมูลสถิติจากสำนักงานศุลกากรระบุว่า ในช่วง 10 เดือนแรกปีนี้ จีนมียอดเกินดุลการค้าลดลง 15.4% สู่ระดับ 1.2402 แสนล้านดอลลาร์ ในขณะที่ยอดเกินดุลสำหรับเดือนตุลาคมลดลง 36.5% สู่ 1.703 หมื่นล้านดอลลาร์

 

"ในช่วงต่อไป ผมจะมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับประเด็นการอ่อนค่าลงของเงินสกุลหยวนมากกว่า" นายหลี่กล่าว แต่ก็ระบุว่า ยังมีเหตุผลที่จะมีมุมมองในแง่ดีจากการหดตัวลงของยอดเกินดุลการค้า

 

นายหลี่ยกตัวอย่างว่า การขยายตัวของจีพีดี รวมทั้งการอุปโภคบริโภคของภาคครัวเรือนกำลังมีแนวโน้มที่ขึ้นนับตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา พร้อมกับเสริมว่า อัตราการขยายตัวของรายใด้ของภาคครัวเรือนได้เพิ่มขึ้นรวดเร็วกว่าอัตราการขยายตัวของจีดีพี

 

สำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่า การอุปโภคบริโภคมีสัดส่วน 47.9% ของอัตราการขยายตัวของจีดีพีของจีนในช่วง 3 ไตรมาสแรกปีนี้ เพิ่มขึ้น 0.4% จากช่วงกลางปีที่ผ่านมา สำนักข่าวซินหัวรายงาน

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 21 พฤศจิกายน 2554)

 

มหาวิทยาลัยเหรินหมินแห่งชาติของจีน รายงานว่า จีนมีแนวโน้มผ่อนปรนนโยบายคุมเข้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาส 3 ของปี 2555 เนื่องจากราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ร่วงลงอาจทำให้เศรษฐกิจขยายตัวช้าลง

 

รายงานระบุว่า ราคาอสังหาริมทรัพย์จะลดลงในไตรมาสแรกของปีหน้าเพราะมาตรการคุมเข้มตลาด และราคาที่อยู่อาศัยที่ร่วงลง 20% จะกดดันให้รัฐบาลต้องปรับนโยบายต่างๆ เนื่องจากราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ร่วงหนักอาจทำให้เศรษฐกิจขยายตัวต่ำกว่า 9% ในปีหน้า

 

รายงานระบุว่ารัฐบาลจีนอาจปรับเปลี่ยนนโยบายในไตรมาส 3 ของปีหน้า โดยอาจมีการผ่อนปรนการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัย และผ่อนปรนการจำกัดการซื้อบ้าน

 

นับตั้งแต่เดือนเมษายน 2553 จีนได้ใช้มาตรการต่างๆเพื่อลดความร้อนแรงของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ทั้งการเพิ่มเงินดาวน์ การจำกัดจำนวนบ้านที่สามารถเป็นเจ้าของได้ การขึ้นภาษีอสังหาริมทรัพย์ในหลายเมือง รวมถึงการสร้างบ้านเอื้ออาทร

 

ที่มา : money channel (วันที่ 21 พฤศจิกายน 2554)

 

สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เปิดเผยว่าราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงเปิดตลาดวันนี้ลดลง 80 ดอลลาร์ฮ่องกง แตะระดับ 15,960 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึง

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ราคาดังกล่าวเทียบเท่ากับ 1,720.01 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ ลดลง 8.84 ดอลลาร์สหรัฐ ที่อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ/7.789 ดอลลาร์ฮ่องกงในวันนี้

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 21 พฤศจิกายน 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาทองคำแท่งวันจันทร์ที่ 21 พ.ย.54

ประกาศครั้งที่่1 เวลา09.37 น.(0) ร้านทองซื้อเข้าบาทละ 25250 ขายออกบาทละ 25350

ถูกแก้ไข โดย GB2514

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ปักกิ่ง 20 พ.ย. -  นายหวัง ฉีซัน รองนายกรัฐมนตรีจีน กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยเรื้อรังไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ และจีนต้องมุ่งเน้นการแก้ปัญหาภายในประเทศก่อน

 

สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานอ้างรองนายกรัฐมนตรีหวัง ว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นท่ามกลางความไม่แน่นอนก็คือ ภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยจากวิกฤติการเงินระหว่างประเทศที่ยืดเยื้อ ขณะที่ทางการจีนกังวลต่อสถานการณ์โลกที่แย่ลงจะส่งผลต่อการขยายตัวภายในประเทศ แม้นายหวังจะไม่ได้แถลงเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่สำคัญของจีน แต่ย้ำว่าธนาคารควรยืดหยุ่นในการปล่อยเงินกู้ให้แก่ภาคการเกษตรและธุรกิจขนาดเล็ก รองนายกรัฐมนตรีจีนกล่าวเรียกร้องให้สถาบันการเงินและธนาคารต่างๆ เฝ้าติดตามสถานการณ์ทางการเงินโลกอย่างใกล้ชิด .-

 

ที่มา : สำนักข่าวไทย (วันที่ 21 พฤศจิกายน 2554)

 

รายงานทางด้านสถิติของรัฐบาลอิรักแสดงให้เห็นเมื่อวานนี้ว่า การส่งออกน้ำมันของอิรักกับรายได้เพิ่มมากขึ้นหลังจากลดลงในเดือนกันยายนที่ผ่านมา แต่กระนั้นก็ตามจำนวนการส่งออกดังกล่าวยังต่ำกว่าเมื่อหลายเดือนก่อนโดยอิรักได้ส่งออกน้ำมัน 64.8 ล้านบาร์เรลเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาด้วยราคาโดยเฉลี่ย 104.043 ดอลลาร์สหรัฐเมื่อเปรียบเทียบกับ 63.1 ล้านดอลลาร์เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาและ 67.9 ล้านดอลลาร์เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

 

ที่มา : สำนักข่าวแห่งชาติ (วันที่ 21 พฤศจิกายน 2554)

 

 

รองนายกฯ จีนชี้เศรษฐกิจโลกซบเซาเรื้อรัง (21/11/2554)

ปักกิ่ง 20 พ.ย. -  นายหวัง ฉีซัน รองนายกรัฐมนตรีจีน กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยเรื้อรังไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ และจีนต้องมุ่งเน้นการแก้ปัญหาภายในประเทศก่อน

 

สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานอ้างรองนายกรัฐมนตรีหวัง ว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นท่ามกลางความไม่แน่นอนก็คือ ภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยจากวิกฤติการเงินระหว่างประเทศที่ยืดเยื้อ ขณะที่ทางการจีนกังวลต่อสถานการณ์โลกที่แย่ลงจะส่งผลต่อการขยายตัวภายในประเทศ แม้นายหวังจะไม่ได้แถลงเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่สำคัญของจีน แต่ย้ำว่าธนาคารควรยืดหยุ่นในการปล่อยเงินกู้ให้แก่ภาคการเกษตรและธุรกิจขนาดเล็ก รองนายกรัฐมนตรีจีนกล่าวเรียกร้องให้สถาบันการเงินและธนาคารต่างๆ เฝ้าติดตามสถานการณ์ทางการเงินโลกอย่างใกล้ชิด .-

 

ที่มา : สำนักข่าวไทย (วันที่ 21 พฤศจิกายน 2554)

 

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี(ประเทศไทย)กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้น่าจะอยู่ในช่วงของการปรับฐานในกรอบแคบๆ เพื่อเป็นการสร้างฐานที่มั่นคงและเตรียมตัวขึ้นไปทดสอบระดับ 1 พันจุดอีกครั้งภายในสัปดาห์นี้ โดยช่วงนี้ยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆเข้ามา สถานการณ์ในยุโรปค่อนข้างเงียบ โดยหลายประเทศอยู่ในระหว่างการจัดตั้งรัฐบาลและการหารือเรื่องนโยบายต่างๆ

 

ขณะที่ปัจจัยเรื่องการเมืองในประเทศก็ดูผ่อนคลายลง หลังพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เขียนจดหมายเปิดผนึกระบุว่าร่างพ.ร.ฎ.อภัยโทษจะไม่เอื้อประโยชน์ให้ตัวเองหรือบุคคลหนึ่งบุคคลใดเป็นการเฉพาะ และไม่อยากให้ประเด็นนี้มารบกวนเรื่องการปรองดองในชาติ พร้อมให้แนวรับ 980 และ 978 จุด แนวต้าน 990 จุด

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 21 พฤศจิกายน 2554)

 

กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของสิงคโปร์ ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี)ในปีหน้าว่าจะเติบโตเพียง 1.0-3.0% จากที่เคยคาดการณ์ว่าจะขยายตัว 5.0% ในปีนี้ ท่ามกลางการส่งออกที่ชลอตัวอย่างแรง

 

พร้อมเตือนว่า สถานการณ์เศรษฐกิจจะเลวร้ายยิ่งกว่านี้ เพราะมีหลายปัจจัยที่เป็นความเสี่ยงเศรษฐกิจขาลง อาทิ สถานการณ์หนี้สาธารณะในหลายประเทศที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะบรรเทาลง หรือ วิกฤติการเงินที่ยังมีอยู่ในบางประเทศ โดยเฉพาะในประเทศพัฒนาแล้ว ปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ ทำให้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของสิงคโปร์ในปีหน้าจะชะลอตัวลงมากกว่าคาด

 

ที่มา : money channel (วันที่ 21 พฤศจิกายน 2554)

 

 

ไทยออยล์ คาด สัปดาห์หน้า น้ำมันดิบเบรนท์แกว่ง 105-112 $/บาร์เรล จับตาแก้หนีกรีซ,อิตาลี เศรษฐกิจสหรัฐ

 

รายงานข่าวจาก บริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ในสัปดาห์หน้า จะเคลื่อนไหวในกรอบ 105 - 112 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่วนเวสต์เท็กซัส เคลื่อนไหวที่กรอบ 95 - 102 เหรียญฯ ติดตามความคืบหน้าของการแก้ปัญหาหนี้ในกรีซและอิตาลี หลังมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่สำเร็จเป็นที่เรียบร้อย พร้อมจับตาดูว่า กรีซ จะสามารถผ่านแผนช่วยเหลือหนี้จากสหภาพยุโรป ฉบับใหม่ มูลค่า 130 พันล้านยูโร และอิตาลี จะสามารถผ่านการปฏิรูประบบสวัสดิการ และการจ้างงานได้สำเร็จหรือไม่

 

นอกจากนี้ ตลาด ยังต้องติดตามการกลับมาผลิตน้ำมันดิบของลิเบียว่า จะกลับมาสู่ระดับเดิมช่วงก่อนการเกิดสงครามได้รวดเร็วหรือไม่ เพราะปัจจัยดังกล่าว มีผลต่ออุปทานน้ำมันดิบโลก รวมถึง ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ที่ต้องติดตามในสัปดาห์หน้า อาทิ รายรับ-รายจ่ายของผู้บริโภค และยอดผู้ขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงาน รวมทั้งการประกาศตัวเลข จีดีพี ไตรมาส 3/54

ครั้งที่ 2

 

ที่มา : สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น (วันที่ 21 พฤศจิกายน 2554)

 

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่าของจีน เรียกร้องรัฐบาลสหรัฐฯหยุดแทรกแซงการเมืองระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย หลังนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยื่นข้อเสนอต่อผู้นำชาติเอเชียและพันธมิตร 17 ชาติที่เข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำเอเชียตะวันออก (อีเอเอส) บนเกาะบาหลีของอินโดนีเซีย ให้คำนึงถึงความมั่นคงทางทะเลในภูมิภาค และขอให้ยึดหลักสันติวิธียุติข้อพิพาทหมู่เกาะสแปรตลีย์ในทะเลจีนใต้ ซึ่งเต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ทำให้ทั้งจีน เวียดนาม บรูไน ไต้หวัน มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ต่างอ้างกรรมสิทธิ์ถือครอง ทั้งนี้ รัฐบาลจีนเห็นว่าประเทศคู่กรณีสามารถเจรจาแก้ปัญหาภายในภูมิภาคได้เอง โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ

 

ที่มา : ข่าวราคายาง (วันที่ 21 พฤศจิกายน 2554)

 

สหรัฐหวนลุยเอเชีย หนทางรอดเศรษฐกิจประเทศ (21/11/2554)

หากว่ากันตามสำนวนการทูตแล้ว คงต้องยอมรับว่าการตัดสินใจเข้าร่วมเวทีการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (เอเปก) ที่ฮาวาย ร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน และร่วมประชุมเอเชียตะวันออกที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ของประธานาธิบดีบารัก โอบามาแห่งสหรัฐ ค่อนข้างจะประสบความสำเร็จอย่างงดงาม  งดงามในแง่ที่ว่า ทุกสิ่งที่ลงมือทำล้วนส่งผลเกี่ยวพันต่อผลประโยชน์มหาศาลต่อสหรัฐล้วนๆ  เพราะการมุ่งรื้อฟื้นสัมพันธ์กับบรรดาประเทศต่างๆ ในเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พันธมิตรเก่าแก่ 5 ชาติ อย่างออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ และไทย หลังจากที่ห่างหายไปนาน เพราะมัวแต่ติดพันกับสงครามในอิรักและอัฟกานิสถาน ได้นำไปสู่ความสำเร็จแบบหมดจดสำหรับการกรุยทางสู่อนาคตที่สดใสทางการค้าการลงทุนในภูมิภาคนี้ของสหรัฐ  ท่าทีกระตือรือร้นของสหรัฐในการเดินหน้าลุยข้อตกลงหุ้นส่วนภาคพื้นแปซิฟิก (ทีพีพี) คือตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุด ที่สะท้อนให้เห็นว่าสหรัฐหมายมั่นปั้นมือและวาดหวังไว้มากเพียงไรว่าทีพีพีจะช่วยฉุดรั้งกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังซบเซาอย่างหนักของประเทศให้กลับมาคึกคักสดใสขึ้นอีกครั้ง

 

ทั้งนี้ ต้องไม่ลืมว่า สถานะทางเศรษฐกิจของสหรัฐในขณะนี้อยู่ในสภาพที่เรียกได้ว่า ค่อนข้างน่าอนาถ และอับจนหนทาง เนื่องจากประเทศอยู่ในสภาวะหนี้สาธารณะท่วมหัว จีดีพี ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศขยายตัวลดลง และจำนวนคนตกงานที่ยังสูงกว่า 9% จนรัฐบาลต้องตัดลดงบประมาณในทุกด้าน และเดินหน้าลุยหามาตรการรัดเข็มขัด ตลอดจนวิธีการต่างๆ เพื่อหนีจากวิกฤตหนี้ครั้งนี้ และหนึ่งในหนทางนั้น ก็คือการเดินหน้าหาเส้นทางสู่ประตูการค้าแห่งใหม่ให้กับสหรัฐ โดยมีจุดหมายปลายทางสำคัญอยู่ที่ภูมิภาคเอเชีย บรรดานักวิเคราะห์และนักเศรษฐศาสตร์ต่างมองว่า การที่ผู้นำสหรัฐเดินหน้าลุยเข้าหาภูมิภาคที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็วที่สุด นับเป็นทางออกที่ค่อนข้างดีสำหรับผู้ประกอบการและแรงงานของสหรัฐ  เพราะหมายถึง กำลังซื้อมหาศาลของผู้บริโภคในเอเชียจะช่วยทำให้ตัวเลขการส่งออกของสหรัฐกระเตื้องขึ้น โดยประธานาธิบดีโอบามา เปิดเผยว่า ในช่วง 9 วันของการเดินทางมาเยือนเอเชียนี้ ข้อตกลงทางการค้าที่ได้มีการหารือนั้นน่าจะสามารถสร้างงานในสหรัฐได้มากกว่า 1.3 แสนตำแหน่ง ขณะเดียวกัน ยังช่วยให้โบอิ้ง บริษัทผลิตเครื่องบินชั้นนำของโลก และจีอี บริษัทผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์สามารถส่งออกได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะเพิ่มมูลค่าการส่งออกของสหรัฐให้สูงมากถึง 3.9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

 

นอกจากนี้ การส่งออกที่เพิ่มมากขึ้นนี้ยังหมายรวมถึงสินค้าที่สหรัฐอยู่ในฐานะเจ้าตลาดอย่างยุทโธปกรณ์และอาวุธทางทหาร ซึ่ง 7 ใน 10 บริษัทยักษ์ใหญ่ที่ผลิตอาวุธล้วนเป็นของสหรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่ภูมิภาคเอเชียกำลังตกอยู่ในความตึงเครียดกรณีพิพาทเหนืออาณาเขตทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือสายสำคัญ และอุดมไปด้วยทรัพยากรทางธรรมชาตินานาชนิด บทวิเคราะห์ด้านการซื้อขายอาวุธของสหรัฐในซีเอ็นเอ็นระบุว่า ความตึงเครียดในทะเลจีนใต้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ตัวเลขการส่งออกอาวุธของสหรัฐกระเตื้องขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

 

ในช่วงปี 2553-2554 รัฐบาลฟิลิปปินส์ตัดสินใจซื้อเรือลาดตระเวนมือสองจากสหรัฐมูลค่าสูงราว 9,200 ล้านเหรียญสหรัฐ ไต้หวันซื้อฝูงบินเอฟ-16 มูลค่า 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และอินโดนีเซียได้ซื้อเครื่องบินรบและเครื่องบินลำเลียงที่คิดเป็นมูลค่าสูงถึงหลายร้อยล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่การค้าอาวุธกับมาเลเซียก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับสิงคโปร์ที่กลายเป็น 1 ใน 10 ประเทศผู้ซื้ออาวุธรายใหญ่ของโลก ข้อมูลที่ได้ส่งผลให้ซีเอ็นเอ็นคาดการณ์ว่าภายในปี 2554 สหรัฐจะได้รับเงินจากการค้าอาวุธทั่วโลกมีมูลค่าสูงถึง 4.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปี 2553 เรียกได้ว่า ทั้งหมดทั้งมวลล้วนส่งผลดีต่อการส่งออกโดยรวมของสหรัฐทั้งสิ้น และยิ่งมีการผลิตเพื่อการส่งออกมากเท่าใด ย่อมหมายถึงตัวเลขการว่างงานที่น้อยลง เพราะมีการจ้างงานมากขึ้นเพื่อให้การผลิตทันการส่งออก

 

อย่างไรก็ตาม บรรดานักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญส่วนหนึ่งต่างมองว่า การที่สหรัฐห่างหายจากภูมิภาคนี้ไปนาน ส่งผลให้สหรัฐไม่ใช่พี่ใหญ่ในภูมิภาคอาเซียนอีกต่อไป ทั้งนี้ ในปี 2553 ประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของอาเซียน ก็คือจีน ขณะที่อาเซียนเองก็เป็นคู่ค้าอันดับ 4 ของจีน โดยมีการส่งออกสินค้าไปจีนเพิ่มขึ้น 39% อยู่ที่ 1.135 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่สหรัฐกับอาเซียนต่างเป็นคู่ค้าระหว่างกันในอันดับที่ 4 ทั้งคู่

 

สภาพการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้สหรัฐจำต้องหาทางสกัดอิทธิพลของจีนไม่ให้มีมากจนเกินไป เห็นได้จากการที่สหรัฐกล่าวหาจีนเรื่องนโยบายค่าเงินหยวน และท่าทีที่หันไปสนับสนุนประเทศที่มีปัญหาพิพาทกับจีนเรื่องอาณาเขตทะเลจีนใต้อย่างเปิดเผย จนจีนต้องรีบออกมากระแอมเตือนประเทศต่างๆ ในอาเซียนว่า หากเห็นดีด้วยกับสหรัฐในการที่จะงัดข้อกับจีน อาจเสียผลประโยชน์มูลค่ามหาศาลได้อย่างไม่ยากเย็น

 

ทว่า การที่สหรัฐประกาศหยิบยกประเด็นพิพาททะเลจีนใต้ขึ้นมาคุยในเวทีประชุมเอเชียตะวันออก และเลือกที่จะเคียงข้างประเทศที่มีปัญหาขัดแย้งกับจีนอย่างเปิดเผย ล้วนเป็นการส่งสัญญาณให้โลกรู้ว่า สหรัฐพร้อมที่จะกลับมามีบทบาทและอำนาจในอาเซียนอีกครั้ง แน่นอนว่า ผลลัพธ์ที่หวังไว้ ก็ไม่ใช่อื่นใด นอกไปจากผลประโยชน์ของชาติ

 

ทั้งนี้ บรรดานักวิเคราะห์มองว่า ด้วยตัวเลขจีดีพีของบรรดา 10 ประเทศสมาชิกอาเซียนบวกกับจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ คิดเป็นจำนวนที่สูงถึง 21% ของจีดีพีโลก และเมื่อรวมประเทศภาคีอย่างออสเตรเลีย อินเดีย นิวซีแลนด์ รัสเซีย และสหรัฐเข้าไปร่วมด้วยแล้ว จะมีจีดีพีสูงถึง 56% นี้ นับเป็นเดิมพันยิ่งใหญ่ที่คุ้มค่าสำหรับสหรัฐ ท่ามกลางหนทางฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศที่แสนจะริบหรี่ เป็นเดิมพันที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับอนาคตของสหรัฐ แต่อาจจะวุ่นวายและตึงเครียดที่สุดสำหรับภูมิภาคอาเซียน

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ (วันที่ 21 พฤศจิกายน 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

        ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงมาปิดตลาดที่ระดับปิดต่ำสุดรอบ 6 สัปดาห์ในวันศุกร์  หลังจากความเห็นของนางแองเจลา เมอร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ทำให้นักลงทุน ลดความคาดหวังที่ว่า เยอรมนีจะสนับสนุนการใช้มาตรการทางการเงินในการแก้ไข วิกฤติหนี้ยูโรโซน

        ดัชนี DAX ของตลาดหุ้นเยอรมนีปิดร่วงลง 49.93 จุด หรือ 0.85 % สู่ 5,800.24 หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,769.69-5,897.99

        ดัชนี CAC-40 ของตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดอ่อนลง 13.28 จุด หรือ 0.44 % สู่  2,997.01 หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 2,979.60-3,026.39

        ดัชนี FTSEurofirst 300 ของหุ้นกลุ่มบลูชิพทั่วยุโรปปิดร่วงลง 6.90 จุด  หรือ 0.72 % สู่ 950.95 หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 947.16-960.51 โดยดัชนีปิดตลาด สัปดาห์นี้ด้วยการดิ่งลง 3.4 % จากสัปดาห์ที่แล้ว

        หลังจากนายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เรียกร้องให้มีการดำเนิน มาตรการอย่างเฉียบขาดในการแก้ไขวิกฤติหนี้ยูโรโซน นางเมอร์เคลได้กล่าวว่า  สถาบันต่างๆในสหภาพยุโรป (อียู) "ไม่สามารถเสแสร้งได้ว่าทางสถาบันมีอำนาจที่ ตนเองไม่มีอยู่จริง"

        ถึงแม้ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาล ในตลาดแรก  นักลงทุนก็เรียกร้องให้อีซีบีเข้าแทรกแซงตลาดในฐานะผู้ปล่อยกู้แหล่ง สุดท้ายสำหรับประเทศที่มีเศรษฐกิจอ่อนแอในยูโรโซน

        อีซีบีเข้าแทรกแซงในตลาดรองของพันธบัตรในวันศุกร์เพื่อช่วยลดแรงกดดันที่มี ต่อพันธบัตรรัฐบาลอิตาลี หลังจากรัฐบาลใหม่ของอิตาลีประกาศมาตรการปฏิรูปในวงกว้าง

        ดัชนี IBEX 35 ของตลาดหุ้นสเปนปิดบวกขึ้น 0.48 % ส่วนดัชนี FTSE MIB ของ ตลาดหุ้นอิตาลีปิดปรับขึ้น 0.23 % ในวันศุกร์

 

        ดัชนี FTSE 100 ที่ตลาดหุ้นอังกฤษปิดร่วงลงในวันศุกร์ ในขณะที่นักลงทุน กังวลกับความขัดแย้งระหว่างนักการเมืองในสหภาพยุโรป (อียู) ในเรื่องวิธีการรับมือ กับวิกฤติหนี้ นอกจากนี้ หุ้นบริษัทบางแห่งอย่างเช่นแคปิตายังได้รับแรงกดดันจาก ปัญหายืดเยื้อด้านหนี้สินด้วย

        ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดรูดลง 60.20 จุด หรือ 1.11 % สู่ 5,362.94  หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,347.89-5,423.14 โดยดัชนีปิดตลาดในแดนลบเป็นวัน ที่ 5 ติดต่อกัน และปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการดิ่งลง 3.3 % จากสัปดาห์ที่แล้ว

        นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอนของอังกฤษและนายกรัฐมนตรีแองเจลา เมอร์เคล ของเยอรมนีแสดงความคิดเห็นขัดแย้งกันในเรื่องวิธีการแก้ไขวิกฤติหนี้ยูโรโซน โดย นายคาเมรอนเรียกร้องให้มีการดำเนินมาตรการอย่างเฉียบขาดในการสร้างเสถียรภาพ ในยูโรโซน แต่นางเมอร์เคลต้องการให้ดำเนินการทีละขั้นตอน

        นายโลธาร์ เมนเทล ห้วหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของบริษัทออคโทพุส  อินเวสท์เมนท์กล่าวว่า ความเห็นที่ขัดแย้งกันของนักการเมืองส่งผลให้มีโอกาส  20-30 % ที่ประเทศที่มีเศรษฐกิจอ่อนแอบางประเทศในยูโรโซนจะประสบภาวะล้มละลาย  และยูโรโซนอาจจะล่มสลายในเวลาต่อมา

        หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง 0.8 % ในวันศุกร์ โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวล เรื่องการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลที่มีความเสี่ยงสูง

        หุ้นกลุ่มเหมืองแร่และน้ำมันร่วงลงด้วยเช่นกัน ในขณะที่นักลงทุนเทขาย สินทรัพย์เสี่ยง

        หุ้นแคปิตาซึ่งทำธุรกิจจัดจ้างบริษัทภายนอกดิ่งลง 4.1 % และถือเป็นหุ้นที่ รูดลงมากที่สุดในดัชนี FTSE 100 หลังจากแคปิตาระบุว่าทางบริษัทได้รับความเสียหาย จากการที่ลูกค้าปรับลดงบลงทุน

 

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีครับ คุณ GB2514

แหม ! เห็นเด็กขายของ ชอบลงพื้นที่จริงๆ เพื่อให้เห็นคาตา เรื่องนี้ ฝากไว้ก่อนนะครับ ไม่อยากจะรู้เท่าไหร่

บางครั้ง แค่ถามพี่น้องเขา คำตอบยังไม่เหมือนกันเลย เพราะอะไรหรือ ? ตัวเขายังไม่เคยไว้ใจใครเลย

นอกจาก น้องสาวคนเล็ก แค่นั้น ( สามีน้องสาว เขายังไม่ชอบหน้าเลย หุหุ )

 

แมวพลัดถิ่น จนป่านนี้ก็ยังไม่ยอมรับว่าตัวเองผิด แล้วจะมาขออภัยฯ ได้อย่างไร

 

ผมถ้าทะเลาะกับใครมาแล้วคิดว่าตัวเองผิด ผมก็จะเดินไปยอมรับผิด แล้วก็ขอโทษในสิ่งที่ทำไป :ph34r:

 

เย้...ทองขึ้นมาหน่อยแล้ว

ถูกแก้ไข โดย GB2514

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

          ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดบวก 0.01% แตะที่ 2,416.73 จุดในวันนี้ (21 พ.ย.) ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นเสิ่นเจิ้นเปิดตลาดบวก 0.07% แตะที่ 10,032.47 จุด

          มหาวิทยาลัยเหรินหมินแห่งชาติของจีน รายงานว่า จีนมีแนวโน้มผ่อนปรนนโยบายคุมเข้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาส 3 ของปี 2555 เนื่องจากราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ร่วงลงอาจทำให้เศรษฐกิจขยายตัวช้าลง

          รายงานระบุว่า ราคาอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงยอดขายและการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ จะลดลงในไตรมาสแรกของปีหน้าเพราะมาตรการคุมเข้มตลาด และราคาที่อยู่อาศัยที่ร่วงลง 20% จะกดดันให้รัฐบาลต้องปรับนโยบายต่างๆ เนื่องจากราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ร่วงหนักอาจทำให้เศรษฐกิจขยายตัวต่ำกว่า 9% ในปีหน้า

 

 

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 4,174.20 จุด ลดลง 2.80 จุด

 

ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 18,213.72 จุด ลดลง 277.51 จุด

ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 8,354.12 จุด ลบ 20.79 จุด

 

ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าเดือนธ.ค.ณ เวลา 09.02 น.อยู่ที่ 11667 ดิ่ง 100 จุด

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของธนาคารกสิกรไทย ประจำวันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2554 เวลา 07.43 น. มีดังนี้

 

 

เงินดอลลาร์สหรัฐ รับซื้อที่ 29.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ขายออกที่ 31.19 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 42.28 บาทต่อยูโร เงินปอนด์อยู่ที่ระดับ 49.47 บาทต่อปอนด์ เงินหยวนของจีนอยู่ที่ระดับ 5.03 บาทต่อหยวน และ

เงินเยนของญี่ปุ่นอยู่ที่ระดับ 0.40893 บาทต่อเยน

 

สถานการณ์น้ำท่วมที่หน้า ม.เกษตรฯ ยังคงท่วมสูง 30 ซ.ม. รถเล็กผ่านไม่ได้ จนถึงวงเวียนบางเขน มีรถทหารคอยบริการเช่นเดิม

 

สถานการณ์น้ำท่วมบริเวณ ถ.พหลโยธิน ช่วงแยกเกษตร ขณะนี้ แม้ระดับน้ำจะลดลงมาก ซึ่งตั้งแต่ในช่วงแยกเกษตรฯ ต่อเนื่องไปจนถึงวงเวียนหลักสี่ ขณะนี้ ระดับน้ำยังคงท่วมสูง โดยช่วงแยกเกษตรฯ ระดับน้ำท่วมสูงประมาณ 30 ซ.ม.

ส่วนช่วงวงเวียนหลักสี่ ระดับน้ำท่วมสูงประมาณ 30 ซ.ม. เช่นกัน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.พหลโยธิน ได้นำป้ายไปติดตั้งบริเวณก่อนขึ้นสะพานข้ามแยกเกษตรฯ ว่า ระดับน้ำท่วมขังสูง รถเล็กไม่ควรผ่านในเส้นทางดังกล่าว

 

อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบพบว่า ยังคงมีรถบรรทุกของเจ้าหน้าที่ และหน่วยงานราชการจำนวนมาก เข้ารับ - ส่งประชาชนในพื้นที่น้ำท่วม จากช่วงสายไหม - บางเขน มาส่งบริเวณป้ายรถโดยสารประจำทาง ตั้งแต่หน้ากองปราบปราม ห้างโลตัสลาดพร้าว และฝั่งตรงข้ามเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว เพื่อให้ต่อรถเข้าไปทำงานยังสถานที่ต่างๆ

 

Link : http://www.innnews.co.th/น้ำท่วม-ม-เกษตรฯยังอ่วม-สูง-30-ซ-ม--322517_03.html

 

โรงเรียนในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเรียนวันแรกแล้ว ผู้ปกครอง ยังคงใช้เรือพายออกมาส่งลูกหลาน

 

บรรยากาศ เปิดเรียนวันแรก 395 โรงเรียน ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา หลังถูกน้ำท่วม พบว่า ผู้ปกครอง ยังต้องใช้เรือพายส่งลูกหลานขึ้นถนน เดินทางต่อยังไปโรงเรียน สภาพโรงเรียนส่วนใหญ่แต่ละแห่งไม่แตกต่างกัน ยังมีร่องรอยถูกน้ำท่วม

 

จากการตระเวน พบว่า โรงเรียนนครหลวงพิบูลย์ประเสริฐวิทย์ หมู่ 1 ต.นครหลวง อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา อาคารอำนวยการ โรงอาหาร ยังมีน้ำขัง ต้องให้เด็กนักเรียนแต่ละชั้น ไปเรียนอาคารเด็กเล็ก ซึ่งทำให้อาคารแน่นและแออัด ส่วนใหญ่ นักเรียน จะยังไม่เรียน ทุกคนต่างช่วยกันขัดถู ทำความสะอาดห้องเรียนของตัวเอง

Link : http://www.innnews.co.th/อยุธยาเปิดเรียนวันแรกเร่งทำความสะอาด--322519_06.html

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สถานการณ์เส้นทางจราจร ห้าแยกลาดพร้าว หลังน้ำลดจนปกติ มีรถใช้น้อยมาก ส่วนหน้าเอสซีปาร์ค น้ำก็แห้งสนิทเช่นกัน จราจรคล่องตัว

 

 

แม้สถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่บริเวณห้าแยกลาดพร้าว จะคลี่คลายลงและบริเวณนี้มีการระดมจิตอาสา ทำความสะอาดครั้งใหญ่ หรือ บิ๊กคลีนไปแล้ว แต่จนถึงขณะนี้การจราจรบริเวณห้าแยกลาดพร้าว ก็ยังคงคล่องตัวดี มีรถยนต์ผ่านมาในเส้นทางนี้ไม่มากนัก หากเทียบกับช่วงเวลาปกติ ทั้งทางจากวิภาวดีฝั่งขาออก มุ่งหน้าขาเข้า จากรัชดา ลาดพร้าว มุ่งหน้าห้าแยกลาดพร้าวและจากสะพานควาย มุ่งหน้าผ่านมาทางห้าแยกลาดพร้าว รถยังสามารถเคลื่อนตัวได้ดี ขณะที่ บริเวณ ถ.รัชดาภิเษก ช่วงแยกรัชโยธิน จากศาลอาญา มุ่งหน้าแยกรัชวิภา ขณะนี้ ตำรวจจราจร สน.พหลโยธิน เปิดการจราจรตามปกติแล้ว เพราะระดับน้ำหน้าธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ ต่อเนื่องขึ้นสะพานข้ามแยกรัชวิภา ที่ก่อนหน้านี้มีน้ำท่วมสูง ขณะนี้ถือว่า น้ำแห้งสนิทแล้ว มีตำรวจจราจรมาอำนวยความสะดวก คอยโบกรถ และการจราจรในเส้นทางรัชดาภิเษกในช่วงนี้ ยังคล่องตัวดีเช่นกัน

 

 

 

วัดลาดพร้าว -โชคชัย 4น้ำลดต่อเนื่อง

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.โชคชัย เปิดเผยถึง สถานการณ์น้ำล่าสุดขณะนี้ว่า โดยทั่วไปสถานกาณ์ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องระดับน้ำลดลง ตลอดเวลา บางจุด น้ำได้ลดลงจนแห้งสนิท อาทิ บริเวณหมู่บ้านอมรพันธ์ และบริเวณแยกโรงไม้ ส่วนบางพื้นที่ก็ยังคงมีน้ำท่วมขัง เล็กน้อย อาทิ บริเวศณแยกโลตัสวังหิน ซึ่งจุดดังกล่าวเคยมีน้ำท่วมสูง ประมาณ 50 ซ.ม. แต่ขณะนี้ได้ลดลงเหลือเพียงประมาณ 5 ซ.ม. ตลอดจนบริเวณ ถนนวังหิน-ลาดพร้าว น้ำก็ได้แห้งสนิทแล้วเช่นเดียวกัน ส่วนบริเวณวัดลาดพร้าว ขณะนี้ ระดับน้ำในคลองลาดพร้าว มีความสูงกว่าแนวตลิ่งประมาณ 10 ซ.ม. จากเดิมอยู่ที่ประมาณ 50 ซ.ม. ถือว่า เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นต่อเนื่อง สำหรับ การสัญจรบริเวณดังกล่าวนั้น รถเล็กสามารถเล็กสัญจรผ่านได้แล้วทุกเส้นทาง

 

 

 

ระดับน้ำในพื้นที่มีนบุรี ลดลงต่อเนื่อง

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.มีนบุรี เปิดเผยถึง สถานการณ์น้ำล่าสุดในขณะนี้ ว่า ลดระดับลงมาอย่างต่อเนื่องทุกวัน แต่เป็นการลดลงแบบช้า ๆ ซึ่งทำให้ในพื้นที่ของมีนบุรี มีแนวโน้มไปในทางที่ดีขึ้น บางพื้นที่แห้งสนิท บางพื้นที่ก็ยังคงมีน้ำท่วมขัง อาทิ บริเวณ ตลาดเก่ามีนบุรี บริเวณจุดกลับรถใต้สะพาน ยังคงมีน้ำท่วมขังสูงประมาณ 10 ซ.ม. แต่ถือว่าลดลงต่อเนื่อง ถนนสีหบุรานุกิจ ไปจนถึงแยกมีนบุรี ยังมีน้ำท่วมขัง ตลอดเส้น ความสูงประมาณ 5-10 ซ.ม. ในบางจุด ถนนราษฎร์อุทิศ ถือเป็นจุดที่มีน้ำท่วมสูง ที่สุดในขณะนี้ เนื่องจาก เป็นพื้นที่ลุ่ม ความสูงอยู่ที่ประมาณ 40-50 ซ.ม. สำหรับการสัญจรในพื้นที่มีนบุรี ขณะนี้ รถเล็กสามารถสัญจรได้แล้วทุกเส้นทาง ถึงแม้บางจุดจะมีน้ำท่วมขังบ้างก็ตาม

 

 

 

ถ.ลำลูกกาน้ำลดต่อเนื่องเหลือ15-30 ซ.ม.

สถานการณ์ที่ประตูระบายน้ำ คลองพระยาสุเรนทร์ ภายหลังเปิดประตูที่ระดับความสูง 1 เมตร ต่อเนื่องกัน 4 วัน ล่าสุด ทำให้ระดับน้ำ บริเวณ ถ.ลำลูกกา โดยเฉพาะบริเวณปากซอยลำลูกกา 30 ห่างจาก บิ๊กซี ลำลูกกา ซึ่งเคยเป็นจุดเจรจาระหว่างชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ ประมาณ 150 เมตร พบว่าระดับน้ำล่าสุด อยู่ในช่วง 20 - 35 ซ.ม. ลดลงจากเมื่อวาน 3 ซ.ม. ซึ่งระดับน้ำทั้งหมดที่ลดลง รวมกว่า 15 ซ.ม.แล้ว ส่งผลให้รถขนาดเล็ก รวมถึง รถจักรยานยนต์ สามารถขับผ่านไปได้ ขณะที่ ระดับน้ำในคลองหกวาสายล่าง ล่าสุดก็ลดลงไป 5 ซ.ม. แต่น้ำก็ยังคงมีความสูงอยู่ ซึ่งประชาชนที่อยู่ริมคลอง ยังไม่สามารถเข้าไปอยู่อาศัยได้ เนื่องจาก ยังคงมีความสูงมากกว่าครึ่งตัวบ้าน นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากชุด ตชด. 21 สุรินทร์ จัดกำลังผลัดเปลี่ยนกัน ชุดละ 50 นาย เพื่อลงพื้นที่เฝ้าระวังการรื้อแนวกระสอบทรายที่คลองหกวาสายล่าง ซึ่งสถานการณ์ล่าสุด ยังคงเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

 

 

 

ถ.วิภาวดี น้ำถอยร่นไปหน้า เจ๊เล้ง

สถานการณ์น้ำท่วมล่าสุด บริเวณ ถ.วิภาวดีรังสิต ตั้งแต่แยกลาดพร้าว มาจนถึงหน้าวัดเสมียนนารี ไม่พบว่ามีน้ำท่วมขัง และจากวัดเสมียนนารี ขาออก มุ่งหน้าทางทิศเหนือ ไปทางรังสิต พบว่า ช่องทางส่วนขาออก มวลน้ำได้อยู่ห่างจากร้าน

เจ๊เล้ง ประมาณ 100 เมตร นอกจากนี้ จากการสังเกตยังพบด้วยว่า ที่บริเวณสี่แยกหลักสี่หรือ หน้า ไอที สแควร์ น้ำได้เริ่มผุดขึ้นมาจากท่อระบายน้ำ อย่างรวดเร็ว จนเข้าท่วม ถ.กำแพงเพชร 6 และประมาณ 10 - 20 ซ.ม. โดยประชาชน

จำนวนมาก ที่เดินทางไปยัง รังสิต ปทุมธานี ได้มาต่อรถของทางเจ้าหน้าที่ทหาร รวมถึง รถเฉพาะกิจที่จัดไว้ให้บริการในจุดนี้จำนวนมาก เช่นเดียวกับรถตู้โดยสารประจำทาง ก็จะมาคอยรับส่งผู้โดยสารในจุดนี้เช่นเดียวกัน ส่วนประชาชนที่จะเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนบุคคลนั้น ต้องขึ้นไปใช้ทางด่วนอุตราภิมุข หรือว่า โทลล์เวย์ ที่ได้เริ่มเก็บค่าผ่านทางวันนี้เป็นวันแรก หลังจากได้หยุดเก็บมาตั้งแต่ วันที่ 27 ตุลาคม เนื่องจากปัญหาน้ำท่วม

 

 

 

นิคมฯบางปะอินบิ๊กคลีน วันนี้

นายนัทธี บ่อสุวรรณ นายอำเภอบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ในเวลา 09.30 น. จะมีกิจกรรมใหญ่ บิ๊กคลีน ขึ้น ที่ นิคมอุตสาหกรรม บางปะอิน ที่ถูกน้ำเข้าท่วมหนัก เมื่อเดือนที่แล้ว โดยจะเป็นการร่วมมือกันของ 3 กระทรวง คือ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงแรงงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม โดยมี รมต. ทั้ง 3 กระทรวง เดินทางมาร่วมงานด้วย ซึ่งได้ระดมแรงงานในพื้นที่ จำนวนกว่า 2,000 คน เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ซึ่งสถานการณ์โดยทั่วไป น้ำลดงเป็นปกติหมดแล้ว และคาดว่าจะเดินเครื่องจักรได้อีกครั้ง ภายในสิ้นเดือนนี้

 

 

 

ผู้ว่าฯนนท์ถกศปภ.ช่วยปชช.บ่าย

นายวิเชียร พุฒิวิญญู ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ในรายการเปิดข่าวเด่นเจาะประเด็นดัง FM 102.75 MHz ถึงความคืบหน้าในการแก้ปัญหาให้กับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งได้ออกมาชุมนุมประท้วง และยื่นข้อเสนอ 4 ข้อ เมื่อวานนี้ ได้มีการหารือกับฝ่ายต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาตามที่ขอแล้ว โดยทำหนังสือแจ้งไปทาง ศปภ. และ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และจะมีการนัดประชุมทุกฝ่ายในบ่ายวันนี้ ส่วนเรื่องการซ่อมคันคลอง กำจัดวัชพืชในเขตบางบัวทอง รวมถึงการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อสูบน้ำออกในพื้นที่ต่างๆ ก็จะเร่งทำได้ในทันที และในข้อสุดท้ายที่จะให้มีการประกาศเป็นเขตภัยพิบัติพิเศษนั้น ก็จะแจ้งผ่านไปยังศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ให้มีการพิจารณาต่อไป

 

ในเบื้องต้น ยังไม่ได้คุยกับ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร อย่างเป็นทางการ ในการที่จะทำตามข้อเรียกร้องของประชาชน ในการให้เปิดประตูระบายน้ำที่เชื่อมต่อกับเขตกรุงเทพมหานคร แต่วันนี้จะมีการประชุมร่วมกัน ก็น่าจะได้หารือกันแน่นอน พร้อมกับร้องขอกับประชาชน ว่า อย่าทำอะไรด้วยอารมณ์ ขอให้คุยกันด้วยเหตุผล และให้เวลาเจ้าหน้าที่ทำงานแก้ปัญหาให้กับประชาชนก่อน รวมถึงยืนยันทิ้งท้ายว่า มีแนวทางในการแก้ปัญหาเชิงรุกช่วยเหลือประชาชน รวมถึงเรื่องการเรียกร้องให้เป็นพื้นที่ภัยพิบัติพิเศษนั้น ก็เชื่อมั่นว่า ทาง ศปภ. น่าจะมีการพิจารณาให้เหมือนกับพื้นที่ของ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี รวมถึงพื้นที่อื่นๆ อย่างเท่าเทียมกันด้วย

 

 

 

น้ำแยกบางชันน้ำยังท่วม 25-30 ซ.ม.

ความคืบหน้า สถานการณ์น้ำแยกบางชันวันนี้ พบว่า น้ำยังคงท่วมปกคลุมบนพื้นผิวการจราจร ทั้ง 2 ฝั่ง โดยเฉพาะบริเวณแยกบางชัน จุดนี้ น้ำท่วมสูงประมาณ 25 - 35 ซ.ม. รถยนต์ยังสามารถสัญจรได้ แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.มีนบุรี ซึ่งอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน บริเวณแยกบางชัน กล่าวว่า เช้าวันนี้ระดับน้ำบนถนน เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากเมื่อเวลา 06.00 น. ระดับน้ำจุดนี้ วัดได้ 10 ซ.ม. และถัดมา 1 ชั่วโมงกว่า ระดับน้ำเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 25 - 30 ซ.ม. ซึ่งประชาชนต้องเดินทางด้วยความระมัดระวัง แต่อย่างไรก็ตาม ประชาชนที่เดินทางมาจากแยกมีนบุรี ผ่านแยกบางชัน มุ่งหน้าสู่ นิคมอุตสาหกรรมบางชัน ผ่านหน้าเครือบริษัทสหยูเนี่ยน ตรงไปทางบางกะปิ ก็จะไม่พบน้ำท่วมบนถนนแล้ว เนื่องจาก เจ้าหน้าที่ ได้ทำเนินขึ้นมาบนถนนความสูงประมาณ 50 ซ.ม. ที่บริเวณแยกบางชัน ด้านหน้าของเครือสหยูเนี่ยน เพื่อไม่ให้น้ำที่ท่วมบนถนน บริเวณแยกบางชัน เข้าไปรบกวนพื้นผิวการจราจรภายในนิคมอุตสาหกรรมบางชัน

 

 

 

น้ำท่วม ม.เกษตรฯยังอ่วม! สูง 30 ซ.ม.

สถานการณ์น้ำท่วมบริเวณ ถ.พหลโยธิน ช่วงแยกเกษตร ขณะนี้ แม้ระดับน้ำจะลดลงมาก ซึ่งตั้งแต่ในช่วงแยกเกษตรฯ ต่อเนื่องไปจนถึงวงเวียนหลักสี่ ขณะนี้ ระดับน้ำยังคงท่วมสูง โดยช่วงแยกเกษตรฯ ระดับน้ำท่วมสูงประมาณ 30 ซ.ม.

ส่วนช่วงวงเวียนหลักสี่ ระดับน้ำท่วมสูงประมาณ 30 ซ.ม. เช่นกัน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.พหลโยธิน ได้นำป้ายไปติดตั้งบริเวณก่อนขึ้นสะพานข้ามแยกเกษตรฯ ว่า ระดับน้ำท่วมขังสูง รถเล็กไม่ควรผ่านในเส้นทางดังกล่าว

 

อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบพบว่า ยังคงมีรถบรรทุกของเจ้าหน้าที่ และหน่วยงานราชการจำนวนมาก เข้ารับ - ส่งประชาชนในพื้นที่น้ำท่วม จากช่วงสายไหม - บางเขน มาส่งบริเวณป้ายรถโดยสารประจำทาง ตั้งแต่หน้ากองปราบปราม ห้างโลตัสลาดพร้าว และฝั่งตรงข้ามเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว เพื่อให้ต่อรถเข้าไปทำงานยังสถานที่ต่างๆ

 

 

 

วิทยา เผย นิคมบางปะอินเริ่มผลิตแล้ว

นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะ ประธานคณะกรรมการฟื้นฟู จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยผ่าน รายการ เปิดข่าวเด่นเจาะประเด็นดัง ทางคลื่น FM 102.75 MHz ว่า ในวันนี้ เริ่มทำการบิ๊กคลีนนิ่งเดย์ ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอินแล้ว หลังจาก สูบน้ำออกจากพื้นที่ทั้งหมด และมีบางส่วนเริ่มเปิดการผลิตได้แล้ว โดยเฉพาะ ธุรกิจเอสเอ็มอี ส่วนนิคมอุตสาหกรรมอื่น ๆ ก็กำลังเร่งสูบน้ำออกเช่นกัน และในวันที่ 25 พ.ย.นี้ จะมีการทำบิ๊กคลีน ที่ นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ ต่อไป ซึ่งคาดว่า จะเปิดกิจการได้อีกครั้งในช่วงต้นเดือนธันวาคม และมั่นใจว่า จ.พระนครศรีอยุธยา นิคมอุตสาหกรรมทั้งหมด น่าจะกลับมาเปิดดำเนินการผลิตทั้งหมดได้ก่อนปีใหม่ อย่างแน่นอน

 

นอกจากนี้ นายวิทยา ยังกล่าวอีกว่า ในด้านของการฟื้นฟูสาธารณสุข ซึ่งโรงพยาบาลและสถานบริการทางการแพทย์ ซึ่งได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมจำนวนมากนั้น ก็กำลังทำแผนดำเนินการ ซึ่งอยู่ในงบประมาณของกระทรวง ที่ได้ขอต่อรัฐบาลไปแล้ว แต่ในขณะนี้ก็พยายามให้คำแนะนำประชาชน เรื่องสาธารณสุข เพื่อให้ประชาชนได้รับความปลอดภัยในด้านต่าง ๆ เกี่ยวกับการใช้ชีวิต หลังจากประสบภัยน้ำท่วม รวมถึงการช่วยเหลือด้านต่าง ๆ ด้วย ซึ่งในวันที่ 27 พ.ย.นี้ ก็จะมีการรณรงค์ พร้อมกันทั่วประเทศด้วย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อรุนสะหวัดค่ะ คุณ arthas

 

ที่มายืนล้อมเพราะกันคุณ arthas หนีหรือเปล่าค่ะ แบบว่าไปทําอะไรไว้ ^^

หวัดดีครับ คุณเลียงผา ผมออกจะ เป็นคนดีนะครับ > <

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดส่งออกเดือนต.ค.หดตัวลง 3.7% จากปีที่แล้ว มาอยู่ที่ระดับ 5.512.8 ล้านล้านเยน ซึ่งเป็นการหดตัวลงครั้งแรกในรอบ 3 เดือน ขณะที่ยอดนำเข้าขยายตัว 17.9% สู่ระดับ 5.786.6 ล้านล้านเยน ส่งผลให้ญี่ปุ่นมียอดขาดดุลการค้าในเดือนต.ค.สูงถึง 2.738 แสนล้านเยน

 

 

กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของสิงคโปร์ ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี)ในปีหน้าว่าจะเติบโตเพียง 1.0-3.0% จากที่เคยคาดการณ์ว่าจะขยายตัว 5.0% ในปีนี้ ท่ามกลางการส่งออกที่ชลอตัวอย่างแรง

 

พร้อมเตือนว่า สถานการณ์เศรษฐกิจจะเลวร้ายยิ่งกว่านี้ เพราะมีหลายปัจจัยที่เป็นความเสี่ยงเศรษฐกิจขาลง อาทิ สถานการณ์หนี้สาธารณะในหลายประเทศที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะบรรเทาลง หรือ วิกฤติการเงินที่ยังมีอยู่ในบางประเทศ โดยเฉพาะในประเทศพัฒนาแล้ว ปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ ทำให้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของสิงคโปร์ในปีหน้าจะชะลอตัวลงมากกว่าคาด

 

ข่าวสารปัจจัยวันนี้ ในส่วนของตลาดเอเชีย ให้แนวโน้มกับประเด็น 2 ข่าวนี้ คนฝั่งเอเชียดีอย่าง ไม่เล่นหุ้น ก็มาเล่นทอง เพราะไม่อยากฝากเงินกินดอกเบี้ยต่ำๆ ก็ต้องดูต่อไปว่า จะดันราคาทองขึ้นไปได้สักเท่าไหร่ เมื่อขายทิ้งหุ้นบางตัว แต่ยงอยากลงทุนในกองทุนบางกองทุนที่เกี่ยวกับทองอยู่

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

ตรังหนุนเกษตรกรปลูกมะละกอพันธุ์เรดเลดี้เป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่

 

นายสามารถ ลักขณา เกษตรจังหวัดตรัง เปิดเผยว่า จังหวัดตรัง นอกจากจะมียางพาราเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญแล้ว ทางจังหวัดยังได้ส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาปลูกพืชเศรษฐกิจชนิดใหม่ๆ ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้มีการส่งเสริมให้เกษตรกรหมู่ที่ 7 ต.หนองปรือ อ.รัษฎา จ.ตรัง ใช้ที่ดินว่างเปล่าในแปลงยางพาราที่เพิ่งปลูกใหม่ของชาวบ้านใกล้เคียง ใช้ปลูกต้นมะละกอพันธุ์เรดเลดี้ปลอดสารพิษ และเป็นมะละกอสายพันธุ์ใหม่ โดยได้ขยายการปลูกใน 3 หมู่บ้านรวม 30 ไร่ หรือประมาณ 4,000 ต้น สามารถเก็บผลผลิตส่งขายให้กับลูกค้าทั้งในจังหวัดตรัง จังหวัดสงขลา และประเทศสิงคโปร์อาทิตย์ละไม่ต่ำกว่า 2 ตัน หรือวันละกว่า 2,000 บาท เฉลี่ยปีละกว่าล้านบาท

 

เกษตรจังหวัดตรังได้กล่าวต่อไปว่า สำหรับมะละกอพันธุ์เรดเลดี้ เป็นพันธุ์ที่ปลูกง่าย รสหวานหอม กรอบเนื้อแน่นและทนทานต่อโรคและแมลงต่างๆ ได้ดีกว่ามะละกอพันธุ์อื่นๆ ซึ่งหลังปลูกประมาณ 8 เดือน สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนกรกฎาคม มะละกอจะให้ผลผลิตต้นละไม่ต่ำกว่า 30-50 ลูกราคาขายกิโลกรัมละ 40 บาท ขณะนี้เกษตรกรได้มีการขยายพื้นที่ปลูกไปอีกหลายสิบไร่ แต่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค โดยกลุ่มเกษตรกรเล็งขยายพื้นที่ปลูกให้เพิ่มมากขึ้นและตั้งเป้าจะจำหน่ายต้นกล้ามะละกอสายพันธุ์นี้ในต้นปีหน้า เพื่อให้เกษตรกรรายย่อยได้นำไปเพาะปลูกสร้างรายได้เสริม เนื่องจากยังมีตลาดรองรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเชื่อว่าต่อไปจะสามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรได้เป็นอย่างมาก และเป็นอีกหนึ่งพืชเศรษฐกิจที่น่าจับตามองในขณะนี้

 

ทางด้าน นายวิรัตน์ นุ่นสง อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34 หมู่ที่ 1 ต.หนองปรือ อ.รัษฎา เจ้าของแปลงปลูกมะละกอพันธุ์เรดเลดี้ใน ต.หนองปรือ อ.รัษฎา กล่าวว่า ตนเป็นคนแรกที่นำมะละกอสายพันธุ์ดังกล่าวมาปลูกในจังหวัดตรัง เนื่องจากเห็นว่า เป็นมะละกอที่ดีกว่าสายพันธุ์อื่น เป็นพันธุ์ที่ดีรสชาติหวานหอมกรอบและเนื้อแน่น ต้านทานโรคได้ดีเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยครั้งแรกได้ทดลองปลูกจำนวน 250 ต้น เมื่อปี 2548 แต่หลังได้ผลดีจึงขยายการปลูกเพิ่มขึ้น โดยตนได้ส่งออกมะละกออาทิตย์ละ 2 ตัน แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งขณะนี้ตนได้ทำการขยายพื้นที่ปลูกแล้วแต่ก็ยังไม่เพียงพอ นอกจากนี้ยังมีคนมาศึกษาดูงานอีกเป็นจำนวนมาก โดยตนพร้อมจะให้คำปรึกษาและส่งเสริมให้เกษตรกรรายอื่นๆ นำไปปลูกเพื่อการบริโภคและจำหน่ายต่อไป

 

อบจ.ตรังพร้อมรับโครงการบ้านสวยเมืองงาม นามเมืองตรัง

 

นายกิจ หลีกภัย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง เปิดเผยว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดตรังได้ให้ความสำคัญในการร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ ทุกแห่งในพื้นที่จังหวัดตรัง ร่วมกันสร้างถนนเครือข่าย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนใช้ในการสัญจรไปมา และมีการเปิดใช้งานไปแล้วหลายสาย รวมทั้งปรับสภาพภูมิทัศน์สองข้างทางถนนให้มีความสวยงาม ล่าสุดเมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีการจัดกิจกรรมปรับปรุงภูมิทัศน์ถนนสายบ้านนา อ.ปะเหลียน บ้านหาดสำราญ อ.หาดสำราญ ระยะทาง 27 กิโลเมตร เนื่องในวโรกาสปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา

 

การจัดกิจกรรมดังกล่าวเป็นไปตามโครงการสร้างบ้านสวย เมืองงาม นามเมืองตรัง ด้วยความร่วมมือกับองค์กรภาคี 12 แห่ง โดยร่วมกันปรับปรุงภูมิทัศน์ ทัศนียภาพให้สวยงามตลอดเส้นทาง ให้มีทัศนวิสัยในการมองที่ดีเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้เส้นทางและเพื่อทำให้ถนนมีความสะอาดเรียบร้อย ยกระดับเส้นทางการท่องเที่ยวให้มีมาตรฐาน ด้วยการตัด ลิดรอน ตัดโค่นต้นไม้ เถาวัลย์ ปลูกไม้พุ่มไม้ประดับ และซ่อมแซมบำรุงรักษาทางให้อยู่ในสภาพที่ดี ทั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วนที่มีการบูรณาการอย่างประณีต มีการจัดการที่ดี เป็นเส้นทางสู่แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลของจังหวัดตรัง เมื่อนักท่องเที่ยวผ่านเส้นทางที่มีภูมิทัศน์สวยงาม จะเกิดความประทับใจและกลับมาเยือนอีกครั้ง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...