ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

 

นายจุน อาซูมิ รัฐมนตรีกระทรวงคลังญี่ปุ่นเผยเงินเยนยังไม่ได้แข็งค่าขึ้นมากเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ นับตั้งแต่ที่รัฐบาลได้เข้าไปแทรกแซงตลาดเมื่อช่วงปลายเดือนต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งบ่งชี้ว่า รมว.คลังมองว่า การเข้าไปแทรกแซงตลาดอีกครั้งในขณะนี้ ยังไม่ใช่เรื่องที่จำเป็น

 

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า นายอาซูมิกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า รัฐบาลได้ติดตามตลาดปริวรรตเงินตราอย่างใกล้ชิด และจะใช้วิธีการต่างๆรับมือกับความเคลื่อนไหวเพื่อเก็งกำไรหรือความผันผวนที่มีมากจนเกินไปของอัตราแลกเปลี่ยนเงินเยน แต่เงินเยนก็ไม่ได้แข็งค่าขึ้นมากจนเกินไปนับตั้งแต่ที่ทางการได้เข้าแทรกแซงตลาดเมื่อเดือนที่แล้ว

 

เมื่อวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงคลังและธนาคารกลางญี่ปุ่นได้เข้าแทรกแซงตลาด เพื่อสกัดการแข็งค่าของเงินเยน โดยเทรดเดอร์ประเมินว่า ภายใน 1 วันนั้น ได้มีการขายเงินเยนถึง 7.5-8 ล้านล้านเยน เพื่อซื้อเงินดอลลาร์ ขณะที่เงินดอลลาร์ ซึ่งซื้อขายกันในช่วง 75 เยนกว่านั้นๆ ทะยานขึ้นมาอยู่ที่ 79.55 เยนในระดับหนึ่ง หลังจากที่ได้มีการแทรกแซงตลาด และในวันนี้ เงินดอลลาร์ในตลาดโตเกียวซื้อขายกันอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 77 เยน

รมว.คลังญี่ปุ่นยังได้เรียกร้องให้ประเทศสมาชิกกลุ่มยูโรโซนดำเนินการอย่างชัดเจนและสรุปแผนการป้องกันไม่ให้วิกฤตลุกลามไปนอกภูมิภาค และฉุดรั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ยกเว้นว่าได้มีการดำเนินการแล้ว และเป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนแปลงแนวโน้มในตลาดการเงิน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาทองปรับตัวลงในวันนี้ และคาดว่าจะร่วงลงเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน ขณะที่นักลงทุนขายทำกำไรเพื่อชดเชยผลขาดทุนในตลาดอื่นๆ ซึ่งมีสาเหตุจากวิกฤติหนี้ยูโรโซน

 

ณ เวลา 09.27 น.ตามเวลาไทย ราคาทองสปอตปรับตัวลง สู่ระดับ 1,693.94 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดตลอดกาล ที่ 1,920 ดอลลาร์/ออนซ์ในเดือน ก.ย.

ส่วนราคาทองส่งมอบเดือนธ.ค.ที่ตลาด COMEX ร่วงลง 2.1 ดอลลาร์ อยู่ที่ 1,693.80 ดอลลาร์/ออนซ์

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลาดน้ำมันลอนดอน:แผนคว่ำบาตรอิหร่านหนุนน้ำมันดิบเบรนท์ปรับขึ้น

 

 

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาดล่วงหน้าลอนดอนปิดปรับขึ้นท่ามกลางปริมาณ การซื้อขายที่เบาบางในวันพฤหัสบดี หลังจากฝรั่งเศสแถลงว่า ฝรั่งเศสจะผลักดันให้ ยุโรประงับการนำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่าน ในขณะที่ตลาดน้ำมันอยู่ในภาวะตึงตัว อยู่แล้ว

 

 

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค.ปิดปรับขึ้น 0.76 ดอลลาร์ สู่ 107.78 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 107.04-108.09 ดอลลาร์

 

 

วอลุ่มการซื้อขายอยู่ที่ระดับเพียง 130,000 สัญญา หรือราว 1 ใน 4 ของ ค่าเฉลี่ยในระยะนี้

 

 

นักวิเคราะห์ตั้งข้อสงสัยว่า ฝรั่งเศสจะสามารถชักจูงประเทศผู้ซื้อน้ำมัน รายใหญ่จากอิหร่านให้ร่วมมือกับฝรั่งเศสในการคว่ำบาตรได้หรือไม่ โดยประเทศ ในกลุ่มนี้ได้แก่อิตาลี, สเปน, จีน, อินเดีย และญี่ปุ่น

 

ฝรั่งเศสนำเข้าน้ำมันต่ำกว่า 50,000 บาร์เรลต่อวันจากอิหร่าน หรือราว 2 % ของปริมาณการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน

นายโอลิวิเยร์ จาค็อบ กรรมการผู้จัดการบริษัทปิโตรแมตริกซ์กล่าวว่า "สิ่ง ที่สำคัญก็คือว่า เป็นเรื่องง่ายที่ประเทศที่ไม่ได้นำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่านจะ เรียกร้องให้มีการคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมัน แต่จะเป็นเรื่องที่ยากมากที่ประเทศ ที่นำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่านจะร่วมมือในมาตรการคว่ำบาตรนอกสหประชาชาติ"

 

ความเสี่ยงด้านอุปทานน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นในภูมิภาคตะวันออกกลาง ในขณะที่มี สัญญาณบ่งชี้ว่าปริมาณน้ำมันตึงตัวมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ สหรัฐรายงานว่าสต็อก น้ำมันดิบดิ่งลงอย่างรุนแรงเกินคาดถึง 6.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ในขณะที่ อัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น และปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบลดลง

 

อย่างไรก็ดี มีสัญญาณบ่งชี้ว่าลิเบียกำลังปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันขึ้น อย่างรวดเร็วมากหลังจากสงครามกลางเมืองสิ้นสุดลง โดยบริษัทเมลลิทาห์ ออยล์ แอนด์ แก๊ส คอมปานีของลิเบีย เปิดการผลิตน้ำมันในแหล่งน้ำมันบูรีนอกชายฝั่งอีก ครั้ง โดยมีอัตราการผลิตราว 10,000 บาร์เรลต่อวัน

 

บรรษัทน้ำมันแห่งชาติของลิเบียได้เปิดการประมูลเพื่อขายน้ำมันดิบเกรดชารารา ราว 1 ล้านบาร์เรล ซึ่งถือเป็นการประมูลขายน้ำมันเกรดนี้ครั้งแรกนับตั้งแต่เปิดการ ผลิตอีกครั้ง

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

2 ชาติหนีไทยย้ายรง.ไปเขมรปัญหาน้ำท่วม (25/11/2554)

โรงงาน 'เกาหลี-ญี่ปุ่น' ย้ายหนีไทยไปเขมรแล้ว หลังท่าทีปัญหาน้ำท่วมไม่จบประกอบกับขึ้นค่าแรงก้าวกระโดด หอบเงินไปลงทุนเพื่อนบ้านค่าแรง 80 บาทต่อวัน คาดนักลงทุนคิดย้ายฐานผลิตอีกมาก ส่วนผู้ประกอบการ ยัวะ รัฐกู้นิคมฯไม่รวดเร็ว ด้าน “ไจก้า” ให้ 200 ล้านช่วยสร้างคันกั้นน้ำนิคมฯต้นแบบ พร้อมช่วยศึกษาแผนจัดการน้ำ หลังพบปัญหากทม.คลองเยอะแต่สิ่งกีดขวางเพียบ “กิตติรัตน์-วีรพงษ์” เตรียมบินไปญี่ปุ่นแจงนโยบายรัฐหลังฟื้นฟู ด้าน กคช.อนุมัติโครงการฟื้นฟู 198 โครงการ 6.8 พันล้านบาท ส่วน กองทุน สวล.ปล่อยกู้กว่า 2 พันล้านบาท

 

เมื่อวันที่ 24 พ.ย. นายกฤษดา ทรัพย์ทวยชน เลขาธิการกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของเกาหลีและญี่ปุ่นหลายราย ได้พิจารณาย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศไทยแล้ว เนื่อง จากปัญหาน้ำท่วม และนโยบายการขึ้นค่าแรงแบบก้าวกระโดดเฉลี่ยที่ 40% ทั่วประเทศ ของรัฐบาล ส่วนใหญ่ย้ายไปประเทศเพื่อนบ้านของไทย โดยเฉพาะประเทศกัมพูชา ที่มีปริมาณแรงงานจำนวนมาก และค่าจ้างเฉลี่ยที่ 80 บาทต่อวัน

 

“คราวนี้เป็นการย้ายจริง ๆ ไม่ใช่เป็น การขู่ โดยบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ย้ายออกไปประเทศอื่น เช่น กลุ่มแม็กซอนซิสเต็มส์ จากประเทศเกาหลี หรือแม้แต่มินิแบ ของญี่ปุ่น กำลังพิจารณาย้ายออกจากสวนอุตสาหกรรมโรจนะไป 1 แห่ง จากปัจจุบันที่มี 3 โรงงาน รวมถึง บางบริษัทก็ขอสละสิทธิประโยชน์ของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ที่เคยได้รับด้วย ส่วนผลกระทบความเสียหายในกลุ่มไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ใน 6 นิคมฯ เบื้องต้นพบว่ามีเครื่องจักรจมน้ำจนเสียหายที่ 120,000 ล้านบาท และมีแรงงาน 170,000 คน” นาย กฤษดา กล่าว

 

นายเชียรช่วง กัลยาณมิตร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แม็กซอนซิสเต็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯมีโรงงานผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ 3 แห่งในสวนฯโรจนะ จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับความเสียหายคิดเป็นมูลค่า 2,000-3,000 ล้านบาท ซึ่งขัดกับรัฐบาลที่ออกมายืนยันตลอดว่านิคมอุตสาหกรรมทั้ง 7 แห่งจะรอดหรือแม้การฟื้นฟู ก็ไม่สามารถดำเนินการได้รวดเร็วตามที่ประกาศไว้ ทำให้หุ้นส่วนซึ่งเป็นต่างชาติตัดสินใจย้ายฐานการผลิต

 

นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ขณะนี้มีหลายอุตสาหกรรมได้ย้ายฐานการผลิตไปเพื่อนบ้านแล้วหลายรายส่วนใหญ่จะย้ายไปกัมพูชาและเวียดนาม แต่ในอนาคตก็จะย้ายหนีไปพม่ามากขึ้นหากรัฐบาลพม่าสามารถแก้กฎระเบียบในการดึงดูดการลงทุนที่ดี เพราะพม่ามีค่าจ้างประมาณ 80 บาทต่อวัน ปัญหาค่าแรงที่ปรับแบบก้าวกระโดดจนผู้ประกอบการตั้งตัวไม่ทันรวมถึงยังต้องฟื้นฟูกิจการหลังน้ำท่วมอยู่ เช่น กลุ่มรองเท้า และกลุ่มสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม เชื่อว่าอยู่ระหว่างการหาลู่ทางลงทุนในเพื่อนบ้านอยู่

 

นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.อุตสาหกรรม กล่าวภายหลังหารือกับนายอิซูมิ อาไร รองประธานองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (ไจก้า) ว่า ไจก้ายืนยันว่าต้องการช่วยเหลือกู้นิคมอุตสาหกรรมที่ถูกน้ำท่วม โดยเบื้องต้นสนับสนุนงบประมาณกว่า 500 ล้านเยน หรือประมาณ 200 ล้านบาท ลงทุนสร้างแนวป้องกันน้ำท่วมให้นิคมอุตสาหกรรม 1 แห่ง เพื่อเป็นโครงการนำร่อง ส่วนระยะเวลา สถานที่ว่าจะเลือกที่ใด ต้องรอการหารือที่ชัดเจนอีกครั้ง ส่วนอีก 6 นิคมที่เหลือ ก็จะต้องมีการลงทุนสร้างคันกั้นน้ำโดยเร็วเช่นกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ได้หารือร่วมกับนายอิซูมิ อาไร เกี่ยวกับแนว ทางการช่วยเหลือและแก้ปัญหาอุทกภัย ซึ่ง ไจก้าพร้อมให้การสนับสนุนในระยะสั้นจะช่วยศึกษาวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และปทุมธานี โดยจะพิจารณาแนวทางการวางระบบการระบายน้ำให้ รวมทั้งจะช่วยวางแผนแม่บทการบริหารจัดการน้ำตลอดลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา

 

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า ในช่วง 1 เดือนที่ญี่ปุ่นได้เข้ามาให้ความช่วยเหลือและอยู่ร่วมกับไทยตั้งแต่เกิดเหตุการณ์อุทกภัย ได้มองเห็นปัญหาที่ต้องแก้ไขในช่วงเร่งด่วน โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพมหานครพบว่า มีคูคลองเป็นจำนวนมาก แต่น้ำไม่สามารถระบายออกไปยังแม่น้ำได้ เนื่องจากมีสิ่งสกปรกขวางทางน้ำ และไม่ได้ดำเนินการขุดลอกมาเป็นเวลานาน จึงเป็นเหตุให้เกิดน้ำท่วมขังและไม่สามารถระบายน้ำออกไปจากพื้นที่ได้ในเรื่องของแผนแม่บทที่จะมาช่วยศึกษาเบื้องต้นก็คาดว่าคงจะวางแนวคิดเสร็จภายในต้นเดือน ธ.ค.นี้

 

นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ในวันที่ 28 พ.ย.นี้ จะเดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่นพร้อมกับนายวีรพงษ์ รามางกูร ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) เพื่อชี้แจงแนวทางการฟื้นฟูของรัฐบาลกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น รวมถึง ภาคเอกชน ทั้งนี้ที่ผ่านมาไจก้าก็ได้ให้ความช่วยเหลือจัดส่งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ที่เคลื่อนที่ได้มาแล้ว 10 เครื่อง และยืนยันว่าที่เข้ามาให้ความช่วยเหลือก็ไม่ได้ช่วยแค่ภาคอุตสาหกรรมเพียงอย่างเดียว

 

วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยด้านฟื้นฟูคุณภาพชีวิต (กคช.) โดยที่ประชุมเห็นชอบแผนงาน/โครงการ/งบประมาณในการช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ด้านฟื้นฟูคุณภาพชีวิต ตามที่กระทรวงต่าง ๆ เสนอ จำนวน 198 โครงการ รวมวงเงิน 6,803,774,401 บาท

 

1. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มี 14 โครงการ จำนวนเงิน 2,296,358,600 บาท 2. กระทรวงศึกษาธิการ มี 12 โครงการ จำนวนเงิน 778,199,000 บาท 3. กระทรวงแรงงาน มี 6 โครงการ จำนวนเงิน 1,283,028,600 บาท 4. กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มี 5 โครงการ จำนวนเงิน 130,850,800 บาท 5. กระทรวงสาธารณสุข มี 8 โครงการ จำนวนเงิน 669,401,100 บาท 6. กระทรวงมหาดไทย มี 153 โครงการ จำนวนเงิน 1,645,936,301 บาท

 

วันเดียวกัน ดร.ณัฐพล ณัฎฐสมบูรณ์ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ได้เดินทางมายังนิคมอุตสาหกรรมรัตนนคร อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อติดตามสถานการณ์ความคืบหน้าในการเตรียมการกู้นิคมดังกล่าว โดยในขณะนี้ได้มีการทำท่าเทียบเรือ เพื่อที่จะเชื่อมต่อระบบขนส่ง ซึ่งก่อนหน้านั้นรองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ได้เข้าไปหารือกับผู้ประกอบการชาวญี่ปุ่น เพื่อวางแนวทางการกู้โรงงานที่จมน้ำอยู่ ซึ่งมีผู้ประกอบการญี่ปุ่น รายหนึ่งแสดงความไม่พอใจการให้ความช่วยเหลือกู้โรงงาน ซึ่งล่าช้ามาก หากจะให้คะแนนก็คงให้ 7 เต็ม 10 คะแนน

 

ที่สำนักงานนโยบายแผนทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) นายสุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา เลขาธิการ สผ. แถลงเรื่อง “กองทุนสิ่งแวดล้อมกับการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย” โดยนายสุพัฒน์ กล่าวว่า คณะกรรมการกองทุนสิ่งแวดล้อม ได้มีการประชุมให้ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้กองทุนสิ่งแวดล้อมลงอีก ร้อยละ 1.0 ต่อปี เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย โดยผู้มีความประสงค์ขอกู้เงินดอกเบี้ยต่ำจากกองทุนสิ่งแวดล้อม สามารถยื่นคำขอกู้พร้อมข้อเสนอโครงการและเอกสารประกอบการพิจารณาได้ที่ บมจ.ธนาคารกรุงไทย ทุกสาขา หรือสำนักงานธุรกิจของ บมจ.ธนาคารกรุงไทยฝ่ายราชการสัมพันธ์ 2 (ผู้จัดการกองทุนฯ)

 

นายสุพัฒน์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้กองทุนสิ่งแวดล้อมมีเงินสดที่อยู่ในการดูแลของ บมจ.ธนาคารกรุงไทยประมาณ 4,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาลและกองทุนน้ำมัน อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้คณะกรรมการกองทุนสิ่งแวดล้อม มีการอนุมัติ งบกว่า 2,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการเร่งด่วน ดังนั้นขณะนี้จึงเหลือเงินกองทุนสำหรับดำเนินโครงการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยอยู่ครึ่งหนึ่งคือจำนวน 2,000 กว่าล้านบาท

 

ฝ่ายประชาสัมพันธ์ศปภ.แจ้งว่า นายสัมมา คีตสิน ผอ.ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ได้ประเมินว่าหลังภาวะน้ำท่วมประชาชนมีแนวโน้มที่จะซื้อคอนโดมิเนียมมากขึ้น เพราะส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมน้อยกว่าบ้าน แต่คอนโด มิเนียมมีหลายราคาขึ้นอยู่กับทำเล ส่วนโครง การบ้านจัดสรรที่ถูกน้ำท่วมขังนานมีแนวโน้มที่ผู้อยู่อาศัยจะย้ายออกและขายต่อเป็นจำนวนมากส่งผลให้ราคาบ้านถูกลง.

 

ที่มา : dailynews. (วันที่ 25 พฤศจิกายน 2554)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ฟิทช์ เรทติ้งส์ ระบุเหตุผลที่บรรดาบริษัทส่วนใหญ่ในภูมิภาคเอเชียสามารถบริหารจัดการเศรษฐกิจขาลงให้รอดพ้นจากวิกฤติหนี้ยูโรโซนได้ เหตุมีสภาพคล่องและธุรกิจเน้นทำการค้าภายในภูมิภาคด้วยกันเอง

 

"ปริมาณการค้าในภูมิภาคเอเชียที่สูงมาก โดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นของปริมาณการค้าภายในภูมิภาคช่วง2-3 ปีที่ผ่านมา เป็นเกราะป้องกันผลกระทบจากเศรษฐกิจขาลงที่เกิดขึ้นได้อย่างดี แต่เศรษฐกิจในบางประเทศของภูมิภาคเอเชีย ยังคงต้องให้ความสำคัญอย่างมากกับตลาดส่งออกเก่าแก่ในซีกโลกตะวันตกมากกว่าภูมิภาคอื่นๆ"ฟิทช์ ระบุ

 

รายงานของฟิทช์ระบุว่า บริษัทผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เพื่อผู้บริโภคสัญชาติญี่ปุ่น อาทิเช่น โซนี ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากภาวะเศรษฐกิจอ่อนแอจากตลาดพัฒนาแล้วในยุโรปมากกว่าบริษัทคู่แข่งสัญชาติเกาหลีใต้ อาทิเช่น ซัมซุง ที่มุ่งเน้นทำตลาดในชาติกำลังพัฒนามากกว่า

 

ทั้งนี้ ฟิทช์ คาดการณ์ว่า สามประเทศในเอเชียที่มีตลาดในประเทศขนาดใหญ่ อาทิเช่น จีน อินเดีย และอินโดนีเซีย จะได้รับผลกระทบจากวิกฤติหนี้ยูโรโซนน้อยกว่าไทย มาเลเซีย และมองโกเลียที่มีรูปแบบเศรษฐกิจแบบเปิด

 

"เราเชื่อว่าประเทศเหล่านี้เป็นตลาดที่มีความต้องการภายในประเทศแข็งแกร่งจึงช่วยชดเชยผลกระทบที่เลวร้ายจากพิษเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในยูโรโซนที่จะเกิดกับบริษัทส่วนใหญ่ ซึ่งส่วนมากดำเนินธุรกิจในประเทศหรือไม่ก็ดำเนินธุรกิจเน้นภายในภูมิภาค" ฟิทช์ระบุ และว่า 3ชาติที่กล่าวมาเป็นชาติที่มีประชากรมากที่สุดในภูมิภาคเอเชีย

 

นอกจากนี้ ฟิทช์ ยังคาดการณ์ว่า ผลกระทบจากวิกฤติหนี้ในยูโรโซนจะทำให้บรรดาบริษัทในเอเชียเข้าถึงเงินทุนได้อย่างจำกัด

 

ที่มา : สุทธิชัยหยุ่น (วันที่ 25 พฤศจิกายน 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผู้ว่าการธนาคารกลางอินเดีย กล่าวว่า ธนาคารกลางอินเดียยังไม่ได้ตัดสินใจในเรื่องการเข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราต่างประเทศในขณะนี้ หลังจากที่ค่าเงินรูปีร่วงแตะสถิติต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ โดยนโยบายของธนาคารกลางอินเดียก็คือ หากภาวะเศรษฐกิจมหภาคได้รับผลกระทบจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนหรืออัตราแลกเปลี่ยนมีความผันผวนมากจนเกินไป ธนาคารกลางจึงจะเข้าแทรกแซง ทั้งนี้การอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องของเงินสกุลรูปีได้สร้างความตื่นตระหนกและสร้างความวิตกเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่จะสูงขึ้น รวมถึงต้นทุนสินค้าที่เพิ่มขึ้นของผู้นำเข้า เช่น โรงกลั่นน้ำมัน และ โรงไฟฟ้า เป็นต้น อย่างไรก็ตามผู้สังเกตุการณ์ในตลาดกล่าวว่า ธนาคารกลางอินเดียได้เข้าแทรกแซงตลาดไปแล้วด้วยการขายเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯประมาณ 300-500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ก็ยังไม่สามารถลดการซื้อเงินสกุลดอลลาร์ฯอย่างแข็งแกร่งในตลาดลงได้

 

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ (วันที่ 25 พฤศจิกายน 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

การากัส 25 พ.ย. – เจ้าหน้าที่ของทางการจีนลงนามให้เงินกู้งวดใหม่จำนวน 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 186,000 ล้านบาท แก่เวเนซุเอลาเมื่อวานนี้ เพื่อช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมน้ำมันของประเทศดังกล่าว

 

ประธานาธิบดีฮิวโก ชาเวซ ของเวเนซุเอลา กล่าวภายหลังการลงนามว่า การขยายความสัมพันธ์ระหว่างเวเนซุเอลา และจีน มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาประเทศ พร้อมกันนี้ ยังได้บอกปัดเสียงวิจารณ์ของฝ่ายค้านที่ตั้งคำถามเกี่ยวกับเงินกู้ดังกล่าว ซึ่งจะมีการจ่ายคืนในรูปของน้ำมัน จีนกลายเป็นประเทศผู้ให้กู้ยืมรายใหญ่ที่สุดของเวเนซุเอลาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และก่อนหน้านี้ เคยตกลงที่จะให้เงินกู้กว่า 32,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 992,000 ล้านบาท นายราฟาเอล รามิเรซ รัฐมนตรีพลังงานเวเนซุเอลา กล่าวว่า เงินกู้งวดใหม่จะช่วยเพิ่มการผลิตน้ำมันที่เกี่ยวข้องกับบริษัทของจีนและเวเนซุเอลาจากวันละ 100,000 บาร์เรล เป็น 330,000 บาร์เรล นอกจากนี้ ทั้งสองประเทศยังได้ลงนามในข้อตกลง ซึ่งบริษัทจีนจะช่วยสร้างและปรับปรุงโรงไฟฟ้าและปรับปรุงระบบไฟฟ้าของเวเนซุเอลาด้วย –

 

ที่มา : สำนักข่าวไทย  (วันที่ 25 พฤศจิกายน 2554)

 

เวเนซุเอลา-จีนลงนามข้อตกลงน้ำมันมูลค่า 6 พันล้านดอลล์

 

นายฮูโก ชาเวซ ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา ลงนามข้อตกลงด้านน้ำมันหลายฉบับกับรัฐบาลปักกิ่ง ในรูปแบบของเงินกู้จากจีนมูลค่า 6,000 ล้านดอลลาร์และเวเนซุเอลา จ่ายเงินในรูปของน้ำมัน

ทั้งนี้ ชาเวซ ได้กล่าวชื่นชมการลงนามข้อตกลงครั้งนี้ว่าเป็นก้าวย่างสำคัญอีกก้าวหนึ่งในรอบทศวรรษที่ช่วยตอกย้ำความเป็นพันธมิตรเชิงยุทศาสตร์ระหว่างจีนและเวเนซุเอลาได้เป็นอย่างดี

เป้าหมายของโครงการร่วมทุนครั้งนี้ คือการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเกือบ10เท่า ในแถบโอริโนโค เฮฟวี่ ออยล์ เบลท์ ของเวเนซุเอลา ที่ถือเป็นแหล่งผลิตน้ำมันสำคัญของประเทศ

ภายใต้ข้อตกลงครั้งนี้ จีนจะปล่อยกู้จำนวน 4,000 ล้านดอลลาร์ให้แก่บริษัทน้ำมันร่วมทุนจีน-เวเนซุเอลา ที่ดำเนินการอยู่ในแถบโอริโนโค เบลท์ เมืองซิโนเวนซา เพื่อกำลังกำลังการผลิตน้ำมันจาก 118,000 บาร์เรลต่อวันเป็น 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2557

นอกจากนี้ จีนยังขยายวงเงินอีก 1.5 พันล้านดอลลาร์ให้แก่บริษัทปิโตรเลออส บริษัทน้ำมันที่รัฐบาลเวเนซุเอลาเป็นเจ้าของ เพื่อนำไปใช้ในโครงการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการกลั่นน้ำมัน และอีก 500 ล้านดอลลาร์สำหรับการขุดเจาะแหล่งน้ำมันและอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ในกระบวนการผลิตน้ำมัน

ในส่วนของเวเนซุเอลา จะจ่ายคืนเงินกู้ก้อนนี้ให้แก่จีนด้วยการส่งมอบน้ำมัน 4 แสนบาร์เรลต่อวันโดยคิดอัตราตามราคาตลาด ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 100.41 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ทางการเวเนซุเอลา เผยว่า ปัจจุบัน ผลิตน้ำมันได้โดยเฉลี่ยวันละ 3 ล้านบาร์เรล แต่ประเทศกลุ่มผู้ส่งออกน้ำมัน(โอเปค)ระบุว่าในทางปฏิบัติแล้ว เวเนซุเอลา ผลิตน้ำมันได้วันละ 2.3 ล้านบาร์เรล

 

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ (วันที่ 25 พฤศจิกายน 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

"ญี่ปุ่น" เร่งทุกทางช่วยเพื่อนร่วมชาติกู้ธุรกิจใน 7 นิคม 725 โรงงาน 450 บริษัท จับเข่าคุยประธาน กยอ.เดินหน้าแผน 3 ระดับ ย้ำต้องโชว์มาตรการอนาคตบริหารจัดการป้องกันความเสี่ยงภัยพิบัติน้ำให้ได้ สร้างความมั่นใจบริษัทประกัน และวอนรัฐเลิกห่วงปัญหาถอนการลงทุน

 

 

นายเซอิจิ โคจิมะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า ได้ร่วมหารือและเปลี่ยนความเห็นกับนายวีรพงษ์ รามางกูร ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) เพื่อช่วยเหลือนักลงทุนชาวญี่ปุ่น 7 นิคมอุตสาหกรรม แถบพระนครศรีอยุธยา 5 นิคม และปทุมธานี 2 นิคม ซึ่งญี่ปุ่นมีกิจการตั้งอยู่ 725 โรงงาน และอีก 450 บริษัทเสียหายเกือบทั้งหมด โดยซัพพลายเชนโดนผลกระทบหนักที่สุด ตอนนี้ยังมีความหวังว่ารัฐบาลไทยจะ ปกป้องนิคมอุตสาหกรรมทางฝั่งตะวันออกทั้งบางชันและลาดกระบังไว้ให้ได้

 

ส่วนมาตรการระยะสั้นที่ควรจะทำทันทีคือ การช่วยเหลือนักลงทุนและผู้ประกอบการให้สามารถนำเข้าวัตถุดิบการผลิต อุปกรณ์ เครื่องจักร เพราะในมุมมองของรัฐบาลญี่ปุ่นเห็นเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นพิบัติภัยธรรมชาติที่ควบคุม ไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็มีรายงานฉบับสมบูรณ์เรื่องน้ำเจ้าพระยาที่จัดทำขึ้น ในไทย จึงหวังจะให้รัฐบาลและคณะกรรมการยุทธศาสตร์ทั้ง 2 ชุดนำมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ต่อไป เพราะการวางโครงสร้างใหม่มีความสำคัญพอกับการจัดทำระบบข้อมูลให้เกิดความแม่นยำในการวางแผนได้มากที่สุด

 

ขณะเดียวกัน ทางเอกอัครราชทูตและรัฐบาลญี่ปุ่นได้ดำเนินการด้านบริษัทประกันภัย ซึ่งได้หารือกับนักลงทุนต่อเนื่องเป็นระยะ ส่วนใหญ่พร้อมจะร่วมมือ และเรื่องการเพิ่มอัตราเบี้ยประกันภัยขึ้นอีกก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่ สิ่งที่บริษัทประกันภัยต้องการมากที่สุดคือ ไทยจะต้องมุ่งเน้นสร้างระบบป้องกันน้ำควบคุมดูแลการปล่อยน้ำจากเขื่อน เพื่อจะได้เดินหน้าหารือกับบริษัทประกันภัยในระดับสากลต่อไป

 

นายโคจิมะกล่าวว่า ตามแผนการทำงานนั้นควรมี 3 ระดับคือ ระดับ 1 ควบคุมความเสียหายในพื้นที่เพื่อป้องกันผลกระทบร้ายแรงและระงับให้เหลือน้อยที่สุด ระดับ 2 ช่วยเหลือพื้นที่ซึ่งเคยประสบภัยและฟื้นฟูกำลังการผลิตเร่งด่วนเพื่อลดวิกฤตเศรษฐกิจในเบื้องต้น ระดับ 3 เยียวยาผู้ประสบภัยเช่นเดียวกับการพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรม เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน และเร่งความเข้มแข็งให้แก่ระบบเศรษฐกิจดั้งเดิม

 

เนื่องจากเป้าหมายสำคัญของนักลงทุนทุกกลุ่มยังเชื่อมั่นประเทศไทยด้านจุดแข็งทางยุทธศาสตร์อันโดดเด่น เพียงแต่การแก้ไขสถานการณ์ขณะนี้รัฐบาลไทยจะต้องมีมาตรการชัดเพื่อทำงานร่วมกับเอกชนญี่ปุ่นบวกกับการต้องสร้างแรงจูงใจ เรื่อยไปจนถึงจะต้องปกป้องการลงทุนในอนาคตไว้ด้วย เพราะถึงอย่างไรทุกบริษัทยังไม่มีสัญญาณจะถอนการลงทุนออกจากประเทศไทย และบางบริษัทสามารถ เริ่มสายการผลิตได้บ้างแล้ว

 

"ผมฝากความหวังไว้กับคณะกรรมการที่รัฐบาลตั้งขึ้นมารับผิดชอบวางแผนเยียวยาและบริหารจัดการน้ำทั้งปัจจุบันและอนาคต เรื่องสำคัญมากคือจะต้องเป็นนโยบายในการวางมาตรการทั้งระยะสั้น ระยะยาว แผนที่ทำออกมาจะต้องถูกและวางรูปแบบไว้ พร้อมทั้งให้ทุกฝ่ายยอมรับเห็นด้วย วันนี้คนไทยต้องรวมกันเป็นเอกภาพ ไม่ใช่เฉพาะการช่วยเหลือกันตอนนี้เท่านั้น แต่จะต้องร่วมมือดูแลกันต่อเนื่องไปตลอด" นายโคจิมะกล่าว

 

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ (วันที่ 25 พฤศจิกายน 2554)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นายอแลง จุปเป รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศฝรั่งเศส เรียกร้องให้ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เร่งดำเนินมาตรการแก้วิกฤตหนี้สาธารณะที่กำลังคุกคามประเทศเศรษฐกิจหลักของยุโรปอยู่ในขณะนี้ และเข้ามามีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูความเชื่อมั่นมากขึ้น

 

ทั้งนี้ เยอรมนีและฝรั่งเศสมีความเห็นแตกต่างกันอย่างมากเกี่ยวกับบทบาทของอีซีบีในการควบคุมวิกฤตหนี้สาธารณะ โดยนางแมร์เคิล ปฏิเสธข้อเรียกร้องของฝรั่งเศสที่ให้ต้องการให้อีซีบีทำหน้าที่เป็นที่พึ่งสุดท้ายสำหรับวิกฤตหนี้ โดยระบุว่าการให้อีซีบีเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการปล่อยกู้และการออกพันธบัตรสกุลเงินยูโรเป็นข้อเสนอที่จะไม่เกิดผล

 

ทีมา : money channel (วันที่ 25 พฤศจิกายน 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

SYDNEY (MarketWatch) — Asia markets traded mostly lower on Friday, with energy and banking stocks notable decliners, as lingering concerns over Europe’s debt crisis kept investors sidelined.

 

Australia’s S&P/ASX 200 index AU:XJO -1.63%  shed 1.6%

South Korea’s Kospi KR:0100 -1.22%  declined 1.3%

Hong Kong’s Hang Seng Index HK:HSI -1.29%  lost 1.2%

China’s Shanghai Composite CN:000001 -0.36%  fell 0.2%,

 

Japan’s Nikkei Stock Average JP:NIK +0.03% added 0.1%.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บล.ธนชาต มองวันนี้ หุ้นไทยปรับบวก ไร้ปัจจัยถ่วงจากต่างประเทศ เหตุตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิด วันขอบคุณพระเจ้า มองดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 965 - 1,000 จุด

 

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต กล่าวถึงแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ซึ่งเปิดทำการซื้อขายเป็นวันสุดท้ายของสัปดาห์ ว่า ดัชนีจะเคลื่อนไหวในทิศทางขาขึ้น โดนตลาดหุ้นไทยถือว่าแข็งแกร่งกว่าตลาดหุ้นใน

หลายประเทศ ในขณะที่ไร้ปัจจัยถ่วงจากตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ที่ปิดทำการ 1 วัน เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า ส่วนตลาดหุ้นยุโรป ยังคงปรับลดลงต่อเนื่อง 2 สัปดาห์ติด และคาดว่าในสัปดาห์หน้า จะชะลอแรงขายลงได้ ซึ่งต้องติดตามการฟื้นตัวของตลาดหุ้นทั่วโลกในสัปดาห์หน้า รวมถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย และความเชื่อมั่นของนักลงทุน

 

ทั้งนี้ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีในวันนี้ โดยมีแนวรับที่ 965 จุด และแนวต้านที่ 1,000 จุด

Link : http://www.innnews.co.th/บล-ธนชาตมองวันนี้หุ้นไทยปรับบวก--323495_02.html

 

ปชช. รามอินทรา เริ่มทยอยรวมตัวประท้วงเรียกร้องเร่งระบายน้ำออก ที่สำนักงานเขตบางเขนแล้ว ขู่ ไม่ได้รับคำตอบ จะยกระดับการชุม ผอ.เขต ลงมารับเรื่องแล้ว

 

 

บรรยากาศก่อนการชุมนุมของชาวบ้านย่านรามอินทรา ที่รวมตัวกันเพื่อเรียกร้องขอทราบรายละเอียดการระบายน้ำออกจากพื้นที่ ที่จะมีขึ้นในเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานเขตบางเขน ในขณะนี้ยังไม่มีกลุ่มชาวบ้านเดินทางมาแต่อย่างใด

มีเพียงชาวบ้านที่มาติดต่อเขียนคำร้องเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยเขตบางเขน เท่านั้น จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานเขตบางเขน กล่าวว่า ในวันนี้ จะมีชาวบ้านย่านรามอินทรา ตั้งแต่กิโลเมตรที่ 1 - 6 เดินทางมายื่น

ข้อเรียกร้องดังกล่าว เนื่องจากน้ำบริเวณนั้นยังไม่ลดลง และสร้างความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก จึงมีการรวมตัวกันเพื่อมาขอรับทราบการชี้แจงจากผู้อำนวยการสำนักงานเขตบางเขน

 

ขณะที่ความคืบหน้าสถานการณ์การชุมนุมของชาวบ้านย่านรามอินทรา ถนนฝั่งเลขคี่ ตั้งแต่ซอย 1 - 39 ที่น้ำท่วมกว่า 1 เดือนแล้ว ขณะนี้มีประชาชนกว่า 150 คน มารวมตัวกันที่บริเวณสำนักงานเขตบางเขน เพื่อต้องการให้ชี้แจงว่าทำไมถึงใช้เป็นแก้มลิง และขอให้เร่งระบายน้ำโดยเร็วที่สุด ถ้าวันนี้ยังไม่ได้การตอบรับ จะมีการยกระดับการชุมนุม

 

โดยล่าสุด นางวัชราภรณ์ กวยะปาณิก ผู้อำนวยการเขตบางเขน และ นายกังวาฬ ดีสุวรรณ ผู้อำนวยการกองพัฒนาระบบหลัก สำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร ได้ลงมารับเรื่อง และได้มีการเชิญตัวแทนชาวบ้านเข้าร่วมประชุมหารือ เพื่อให้เกิดการตกลงที่สร้างความเข้าใจถึงการระบายน้ำ

Link : http://www.innnews.co.th/ชาวรามอินทราขู่ไม่ได้คำตอบยกระดับชุมนุม--323500_03.html

 

สถานการณ์ระดับน้ำที่ ปตร.คลองควาย น้ำเริ่มทรงตัว หลังเปิดปตร. วันที่ 2 ส่วน ปชช. ยังใช้ชีวิตด้วยความยากลำบาก

 

สถานการณ์ที่บริเวณประตูระบายน้ำคลองควาย ล่าสุด หลังจากที่ทางกรุงเทพมหานคร ได้ทำการเปิดประตูระบายน้ำ เป็นวันที่ 2 พบว่า ระดับน้ำภายนอก อยู่ที่ระดับ 2.54 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ลดจาก วานนี้ 2เซนติเมตร ระดับน้ำภายใน อยู่ที่ 1.90 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ลดลง 2 เซนติเมตร โดยจากการสอบถามชาวบ้านที่หนีน้ำมาอาศัยสร้างเพิงพักพิง และนำสัตว์เลี้ยงขึ้นมาอาศัยหลับนอน เชิงสะพานคลองควายนั้น พบว่า ในเช้าวันนี้ ระดับน้ำยังคงทรงตัว หลังจากวานนี้ น้ำเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ทั้งนี้ จากการสังเกตนั้น ก็พบว่าน้ำจากคลองที่เอ่อขึ้นมาเข้าท่วมบนทางเดินเข้าบ้านเรือนของชาวบ้านที่สร้างด้วยปูน ยังคงมีระดับเท่าเดิมจากวานนี้เช่นกัน ส่วนเส้นทางการสัญจรบริเวณเชิงสะพานนั้น ก็มีน้ำท่วมขังเล็กน้อย การสัญจรก็สามารถสัญจรได้

 

Link : http://www.innnews.co.th/ระดับน้ำที่ปตร-คลองควายเริ่มทรงตัวแล้ว--323507_03.html

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

SYDNEY (MarketWatch) — Asia markets traded mostly lower on Friday, with energy and banking stocks notable decliners, as lingering concerns over Europe’s debt crisis kept investors sidelined.

 

Australia’s S&P/ASX 200 index AU:XJO -1.63% shed 1.6%

South Korea’s Kospi KR:0100 -1.22% declined 1.3%

Hong Kong’s Hang Seng Index HK:HSI -1.29% lost 1.2%

China’s Shanghai Composite CN:000001 -0.36% fell 0.2%,

 

Japan’s Nikkei Stock Average JP:NIK +0.03% added 0.1%.

+

 

น่ากลัว จัง เลย - 4 + 1 เนีย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

25 พย. 2554 10:45 น.

 

หลังจากที่ วานนี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ตอบในสภา เรื่องการปล้นบ้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ว่า เป็นการสั่งปล้น แก้แค้น และเชื่อว่าเงินจำนวนมากถึงพันล้านนั้น เป็นเงินจากการทุจริตโครงการรถไฟฟ้าฯ และกล่าวอ้างว่า เมื่อปลัดฯมีพันล้าน แล้วนายโสภณ ซารัมย์จะมีเท่าไร วันนี้ นายโสภณ ซารัมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย แถลง ตอบโต้ ว่า อยากให้สังคมตั้งสติ แปลกใจทำไมต้องร้อนรนรีบสรุปความผิดขนาดนี้ เมื่อตร.จับผู้ต้องหาได้แล้ว ไม่ปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอน ยืนยันว่าไม่เคยมีแผล และเป็นรมต.คมนาคมคนเดียว ที่ไม่สนิทสนมกับผู้รับเหมา ย้ำโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า ย้ำว่าโปร่งใส ไม่มีทุจริต เชื่อว่ากรณีนี้ถูกดิสเครดิตการเมือง และการกล่าวอ้าง ของรองนายกฯ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นการสร้างละครในสภาฯ เพื่อพยายามกลบกระแส พรบ.นิรโทษกรรม ขณะนี้กำลังรอหารือกับฝ่ายกฎหมายจะฟ้องกลับ ร.ต.อ.เฉลิม-นายพิเชษฐ์ ตามช่องทางกฎหมาย

 

25 พย. 2554 10:58 น.

 

เมื่อวันที่ 25 พ.ย.54 เวลา 10.00 น. นายโสภณ ซารัมย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย และอดีตรมว.คมนาคม แถลงข่าวกรณีมีคนร้ายปล้นบ้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคมนั้น ซึ่งมีการเชื่อมโยงถึงการทุจริตโครงการในสมัยที่ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่า ขอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และยืนยันว่าจะสู้คดีให้ถึงที่สุด และพร้อมสนับสนุนให้มีการตรวจสอบหาความจริง โดยประเด็นนี้ตนมองว่าเป็นละครฉากใหญ่ที่พรรคเพื่อไทย พยายามดิสเครดิตการเมืองหวังกลบกระแสวิกฤติน้ำท่วม และการพยายามออก พ.ร.ฎ.อภัยโทษ และนิรโทษกรรม ซึ่งอยู่ในความสนของประชาชน ยืนยันว่าตนไม่มีความเกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการรรถไฟสายสีต่างๆ เพราะตนสามารถชี้แจงได้ โดยในส่วนของสายสีม่วง ตนขอชี้แจงว่าที่มีการกู้เงินจากไจก้านั้น เพราะมีดอกเบี้่ยที่ถูก ส่วนสายสีแดงในส่วนของบางซื่อ-ตลิ่งชัน มีการลงนามในสมัยรัฐบาลคมช. ซึ่งมีการอนุมัติมาแล้ว ส่วนสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต ยังไม่มีการลงนาม และตนไม่มีส่วนเกี่ยวกับกับการประมูลแต่อย่างใด และการพยายามหยิบยกการดำเนินงานรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ เพื่อสร้างตัวเลขให้ดูสูง ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าปลัดคมนาคม น่าจะสู้คดีให้ถึงที่สุดเช่นกัน เพื่อพิสูจน์ความจริง

 

ด้านนายศุภชัย ใจสมุทร ในฐานะโฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการตั้งกระทู้ถามสดวานนี้ (24 พ.ย.) ว่า กระทู้ดังกล่าวถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือทำลายล้างและ มีเจตนาไม่ดี ยืนยันว่านายโสภณ พร้อมที่จะพิสูจความจริงทุกกรณี ส่วนกับการเชื่อมโยงบริษัทชิโนไทย นั้น บริษัทชิโนไทยมีสิทธิ์ประมูลการก่อสร้างได้ตามกฎหมาย โดยวิธีการที่พรรคเพื่อไทยใช้เช่นนี้ ไม่ใช่วิถีทางของลูกผู้ชาย

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

25 พย. 2554 09:08 น.

 

25 พ.ย. แจ้งทางด้านทิศตะวันออกในส่วนของถนนสายหลัก ปิดการจราจร จำนวน 1 เส้นทาง 1) ถ.สุวินทวงศ์ ขาเข้า -ขาออก ตั้งแต่แยกตัด ถ.ราษฎร์อุทิศ ถึงแยกพาณิชยการมีนบุรี ระดับน้ำ 30-45 ซม. ทิศตะวันออก ถนนสายรอง ปิดการจราจร จำนวน 2 เส้นทาง 1) ถ.หทัยราษฎร์ ขาเข้า -ขาออก ตั้งแต่แยกตัดถ.สุวินทวงศ์ ถึงซ.หทัยราษฎร์ 1 ระดับน้ำ 40 ซม. 2) ถ.ราษฎร์อุทิศ ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 25-30 ซม.

 

25 พย. 2554 09:25 น.

 

25 พ.ย. ประกาศแจ้งสำหรับถนนสายรอง ฝั่งทิศตะวันตก-ใต้ ปิดการจราจร จำนวน 12 เส้นทาง ดังนี้

1) ถ.ทวีวัฒนา ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่คลองทวีวัฒนา ถึงตัด คลองบางไผ่ 30-40 ซม.

2) ถ.ฉิมพลี ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยกทุ่งมังกร ถึงหน้า สน.ตลิ่งชัน ระดับน้ำ 30-40 ซม.

3) ถ.ชัยพฤกษ์ ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่ตัด ถ.บรมราชชนนี ถึงตัดวัดชัยพฤกษ์ ระดับน้ำ 30-40 ซม.

4) ถ.บางแวก ขาเข้า - ขาออก ตั้งแต่ ถ.กาญจนาฯ ถึงคลองทวีวัฒนา ระดับน้ำ 30 - 50 ซม.

5) ถ.พุทธมณฑล สาย 3 ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 30-50 ซม.

 

6) ถ.อุทยาน ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 30-40 ซม.

7) ถ.ศาลาธรรมสพน์ ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 30-60 ซม.

8) ถ.สวนผัก ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่แยกกาญจนา ถึงสะพานข้ามทางรถไฟ ระดับน้ำ 20-30 ซม.

9) ถ.บางระมาด ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่ตัด ถ.กาญจนา ถึงตัด ถ.ราชพฤกษ์ ระดับน้ำ 20-30 ซม.

10) ถ.ทุ่งมังกร ขาเข้า -ขาออก ตั้งแต่ตัด ถ.บรมราชชนนี ถึงตัด ถ.สวนผัก มีระดับน้ำท่วมขังเป็นระยะ ความสูงประมาณ 10-30 ซม.

11) ถ.พัฒนาการ (บางแค) ขาเข้า - ขาออก ตลอดสาย ระดับน้ำ 30-40 ซม.

12) ถ.เทอดไท ปิดการจราจรตลอดสาย ระดับน้ำ 30 -50 ซม.

 

 

 

25 พ.ย. รายงานสถานการณ์ที่ถนนสายหลัก ฝั่งทิศตะวันตก- ใต้ยังคงปิดการจราจร จำนวน 2 เส้นทาง ได้แก่ 1) ถ.เพชรเกษม ขาเข้า-ขาออก ตั้งแต่ ถ.เพชรเกษมซอย 47 ถึง ถ.เพชรเกษม ซ.88 (หน้าเดอะมอลล์บางแค ระดับน้ำสูง 40 -50 ซม.) 2) ถ.บรมราชชนนี 2.1) ตั้งแต่ ถ.พุทธมณฑลสาย 2 ถึง ถ.พุทธมณฑลสาย 3 ระดับน้ำ 20-30 ซม. 2.2) ตั้งแต่ ถ.พุทธมณฑลสาย 3 ถึง ถ.พุทธมณฑลสาย 4 ระดับน้ำ 30-60 ซม.

 

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

น่ากลัว จัง เลย - 4 + 1 เนีย

วันนี้ บ่ายนี้ คืนนี้. เด็กขายของ เดาว่า ไม่น่ากลัวนะครับ จังหวะขึ้น มีมากครับ แต่จะฝ่าด่าน 1,710 ได้หรือเปล่า อยู่ที่เวลาทำการบ่อนฯ ที่ลดลง ในวันนี้ เหลือแค่ ตี 1 เท่านั้น

 

ปล. เพิ่มเติม ไปดูสัญญานฯ มา จึงกลับมากล่าวอีกครั้งว่า " ขึ้น " แบบ ลักไก่ ใจนักลงทุนที่ เอ๊ะขึ้น หรือ เอ๊ะลง หรือ เอ๊ะขึ้น หรือ เอ๊ะลง หรือ เอ๊ะขึ้น หรือ เอ๊ะลง แล้วต้องกล่าวว่า " ติดดอย ดีกว่า ขายหมูราคายอมตัดขาดทุน แค่เนี้ย " สุดท้ายก็ แล้วแต่พิจารณากันเองนะครับ ยืมคำน้าเคนมาว่า " ที่ว่ามา ผมเดา "

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...