ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

 

 

อดีตอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เตือนประชาชนฝั่งอ่าวไทยระวังฝนตกหนักและคลื่นลมแรง

 

อดีตอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เตือนประชาชนฝั่งอ่าวไทยระวังฝนตกหนักและคลื่นลมแรง ขณะที่ฝั่งอันดามันไม่ได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของมวลอากาศเย็นจากประเทศจีน

นายต่อศักดิ์ วานิชขจร อดีตอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ให้ข้อมูลถึงกรณีคลื่นยักษ์สูง 4 เมตร และคลื่นทะเลหนุนสูง ซัดถล่มในหลายพื้นที่ของทะเลอ่าวไทย ว่า การเกิดคลื่นลมแรงในลักษณะดังกล่าวเป็นผลมาจากอิทธิพลของมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนแผ่ตัวลงมา แต่เนื่องจากในช่วงนี้เป็นช่วงที่มีอิทธิพลสูงสุด ส่งผลให้ลมตะวันออกที่พัดเข้าอ่าวไทยโดยเฉพาะตั้งแต่จังหวัดชุมพรไปจนถึงนราธิวาสมีกำลังแรงขึ้น แต่จะค่อยๆ ลดลงจากนี้ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม พื้นที่ฝั่งอ่าวไทยช่วงนี้ถือว่าเป็นฤดูมรสุม ประชาชนจึงต้องติดตามข่าวสารและเฝ้าระวังทั้งเรื่องของฝนตกหนักและคลื่นลมแรง ขณะที่ฝั่งอันดามันคลื่นลมมีไม่มากและยังคงท่องเที่ยวได้ 

ข้อมูลข่าวและที่มา

 

ผู้สื่อข่าว : อภิสิทธิ์ จันทร์เต็ม   Rewriter : ธนวัต วงศ์วิริยะวณิช

สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ : http://thainews.prd.go.th

 วันที่ข่าว : 25 ธันวาคม 2554

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผู้ว่าฯ กทม.เผย มติ ครม. ปี 2522 และ 2525 ระบุชัดเจน กทม.มีสิทธิในที่ดินตลาดนัดจตุจักร

 

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เผย มติคณะรัฐมนตรี ปี 2522 และ 2525 ระบุชัดเจน กทม.มีสิทธิในที่ดินตลาดนัดจตุจักร ยืนยันจะดำเนินการตามกฎหมาย

หม่อมราชวงศ์ สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงข่าวถึงกรณีสัญญาเช่าที่ดินย่านพหลโยธิน เพื่อใช้ประโยชน์ในการจัดตลาดนัดจตุจักร ระหว่าง กทม.และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ซึ่งจะสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 2 มกราคม 2555 ว่า ทาง กทม.และ รฟท. ได้มีการเจรจาเพื่อหาข้อยุติในเรื่องดังกล่าวแล้ว แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ โดย ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กทม.ได้รับสิทธิในการดูแลที่ดินดังกล่าวตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2522 และ 14 เมษายน 2525 ซึ่งสัญญาเช่าดังกล่าวได้ทำขึ้นในวันที่ 2 มกราคม 2530 ภายหลังมติคณะรัฐมนตรี 5 ปี และหากสัญญาดังกล่าวสิ้นสุดลง กทม.จะได้รับสิทธิในการดูแลจัดการตลาดนัดดังกล่าว ตามมติคณะรัฐมนตรีที่ได้กล่าวถึง และ รฟท. จะไม่มีสิทธิใดๆ ในที่ดินดังกล่าว ซึ่งตนเองยืนยันจะดำเนินการตามกฎหมาย

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวอีกว่า เนื่องจากทาง รฟท. ได้มีการเสนออัตราค่าเช่าใหม่ ในราคา 420 ล้านบาทต่อปี ซึ่งถือว่าสูงมาก ทำให้หาก กทม. ตกลงจะต่อสัญญาดังกล่าวออกไป ต้องมีการเรียกเก็บเงินค่าเช่าที่เพิ่มจากพ่อค้าแม่ค้าในตลาดนัด ซึ่งอาจจะมีผลกระทบต่อทั้งผู้ซื้อและผู้ขายได้ ตนเองจึงจะเร่งเจรจาเพื่อหาข้อยุติปัญหาดังกล่าวโดยเร็ว

 

ข้อมูลข่าวและที่มา

 

ผู้สื่อข่าว : นาย พิพรรธ ไทยเล็ก (Phiphat Thailek)   Rewriter : ธนวัต วงศ์วิริยะวณิช

สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ : http://thainews.prd.go.th'>http://thainews.prd.go.th

 วันที่ข่าว : 25 ธันวาคม 2554

 

 

 

 

ผู้ค้าตลาดนัดจตุจักร ยืนยัน ต้องการให้ภาครัฐเข้ามาบริหารงาน

 

การรถไฟแห่งประเทศไทย หารือร่วมกับตัวแทนผู้ค้าตลาดนัดจตุจักรกว่า 20 ราย กรณีการเปลี่ยนแปลงการบริหารตลาดนัดจตุจักร โดยผู้ค้า ยืนยัน ต้องการให้ภาครัฐเข้ามาบริหารงาน

นายนิสิต สินธุไพร ประธานคณะทำงานรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นายประเสริฐ อัตตะนันทน์ รองผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นประธานการประชุมร่วมกับตัวแทนผู้ค้าตลาดนัดจตุจักร กว่า 20 ราย ใน 22 โครงการ จาก 29 โครงการ เพื่อหารือถึงการเปลี่ยนแปลงการบริหารตลาดนัดจตุจักร โดย นายนิสิต กล่าวว่า เป็นการหารือร่วมกันครั้งแรก ซึ่งเป็นไปด้วยดี โดยประเด็นที่มีการหารือ ผู้ค้าส่วนใหญ่ต้องการทราบความชัดเจนของผู้บริหารตลาดนัด ว่าเป็นภาครัฐหรือเอกชน รวมถึงระยะสัญญาเช่า โดยเรื่องทั้งหมดจะมีการทำบันทึกเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันที่ 27 ธันวาคมนี้ ซึ่งหากได้ข้อสรุปจะมีการนัดประชุมหารือกับผู้ค้าอีกครั้ง เพื่อหาข้อยุติร่วมกันอย่างเหมาะสม

ด้าน นางนภาพร มะลิแดง หัวหน้าโครงการ 8 แกนนำผู้ประกอบการตลาดนัดจตุจักร กล่าวว่า ตนเองค้าขายที่ตลาดนัดจตุจักรมาเกือบ 30 ปี และมีผู้ค้าอีกกว่า 8,000 แผง จึงต้องการความชัดเจนเรื่องการบริหารตลาด หากไม่ใช่ภาครัฐบริหารคงไม่ยอมรับ ส่วนค่าเช่าแผงที่ผู้ค้าเสนอต่อที่ประชุมนั้น ส่วนใหญ่ต้องการให้ไม่เกิน 1,000 บาท และหลังจากนี้จะมีการเรียกตัวแทนกลุ่มผู้ค้าโครงการเข้าร่วมการประชุมต่อไป

ทั้งนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้มีการแจกเอกสารแก่ผู้ค้า ระบุถึงการเข้ามาบริหารงานตลาดนัดจตุจักร ในวันจันทร์ที่ 2 มกราคม 2555 โดยแจ้งว่า จะอนุญาตให้ผู้ค้า ค้าขายได้โดยไม่ต้องเสียค่าเช่าแผง เป็นเวลา 2 เดือน เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่ผู้ค้า

 

ข้อมูลข่าวและที่มา

 

ผู้สื่อข่าว : ปัทมา สุทธิประทีป /สวท.   Rewriter : ธนวัต วงศ์วิริยะวณิช

สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ : http://thainews.prd.go.th

 วันที่ข่าว : 25 ธันวาคม 2554

 

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ข่าวย้อนหลัง เหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อวันศุกร์

26  ธันวาคม 2011

 

ตลาดหุ้นลอนดอน:ปัจจัยทางเทคนิคหนุน FTSE ปิดพุ่งขึ้น 1%

 

 

 

        ดัชนี FTSE 100 ที่ตลาดหุ้นอังกฤษปิดพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในวันศุกร์  ขณะที่ตลาดเปิดทำการเพียงครึ่งวันในช่วงก่อนคริสต์มาส และมีวอลุ่มการซื้อขาย อยู่ในระดับเบาบางมาก โดยตลาดปรับตัวตามปัจจัยทางเทคนิคเป็นหลักในช่วง ก่อนวันหยุดยาว

        ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดพุ่งขึ้น 55.73 จุด หรือ 1.02 % สู่ 5,512.70  หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,456.97-5,516.63 โดยดัชนีสามารถทะยานขึ้นต่อไป เหนือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วันที่ราว 5,450

        อย่างไรก็ดี วอลุ่มการซื้อขายอยู่ที่ระดับเพียง 22 % ของค่าเฉลี่ย 90 วัน  และปัจจัยทางเทคนิคบ่งชี้ว่าดัชนียังคงมีแนวโน้มไม่สดใสมากนัก

        นายบิล แมคนามารา นักวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิคของบริษัทชาร์ลส์ สแตนลีย์ กล่าวว่า "ถึงแม้ดัชนีสามารถพุ่งขึ้นเหนือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วันในระยะนี้  ดัชนีตลาดหุ้นอังกฤษก็ยังคงอยู่ในช่วงขาลง ซึ่งเป็นปัจจัยที่กดดันดัชนีนี้มาตั้งแต่ เดือนก.ค. และดัชนีจำเป็นต้องทะยานขึ้นเหนือ 5,600 ถึงจะทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลง ไปได้"

        ดัชนีหุ้นกลุ่มน้ำมันเป็นกลุ่มที่พุ่งขึ้นมากที่สุด โดยได้รับแรงหนุนจาก การปรับขึ้นของราคาน้ำมันดิบและจากความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง โดยหุ้น ทุลโลว์ ออยล์ซึ่งเป็นบริษัทสำรวจน้ำมันทะยานขึ้น 3.1 % และถือเป็นหุ้นที่พุ่งขึ้น มากที่สุดในบรรดาหุ้นกลุ่มบลูชิพ

        ตลาดหุ้นอังกฤษจะปิดทำการในวันที่ 26 และ 27 ธ.ค. และจะเปิดทำการในวันพุธ ที่ 28 ธ.ค.

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลาดหุ้นยุโรป:ตัวเลขศก.สหรัฐหนุนหุ้นยุโรปปิดบวก 0.81%

 

 

 

 

        ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับขึ้นในวันศุกร์ โดยได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ ในทางบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก หลังจากสหรัฐรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่ สดใสออกมาในระหว่างสัปดาห์

        ดัชนี DAX ของตลาดหุ้นเยอรมนีปิดบวกขึ้น 26.75 จุด หรือ 0.46 % สู่  5,878.93 หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,844.64-5,913.41

        ดัชนี CAC-40 ของตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดปรับขึ้น 30.29 จุด หรือ 0.99 % สู่  3,102.09 หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 3,086.10-3,113.94

        ดัชนี FTSEurofirst 300 ของหุ้นกลุ่มบลูชิพทั่วยุโรปปิดบวกขึ้น 7.99 จุด  หรือ 0.81 % สู่ 990.00 หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 981.68-991.58 โดยระดับปิด วันศุกร์ถือเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 5 ธ.ค.

        ดัชนีปิดตลาดสัปดาห์นี้พุ่งขึ้น 3.4 % จากสัปดาห์ที่แล้ว แต่ดิ่งลงมาแล้ว  11.7 % จากช่วงต้นปีนี้

        วอลุ่มการซื้อขายอยู่ที่ระดับเพียง 1 ใน 3 ของค่าเฉลี่ย 90 วัน และ เทรดเดอร์คาดว่าตลาดอาจชะลอการปรับขึ้นในช่วงปีใหม่ เนื่องจากวิกฤติหนี้ ยูโรโซนมีแนวโน้มดำเนินต่อไปอีกนาน และมีความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับลดอันดับ ความน่าเชื่อถือของบางประเทศหรือบางบริษัทลงในอนาคต

        ดัชนี STOXX Europe 600 สำหรับหุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซพุ่งขึ้น 1.3 %  ในวันศุกร์ และปิดตลาดสัปดาห์นี้ทะยานขึ้น 3.9 % เนื่องจากหุ้นกลุ่มนี้ปรับตัว ตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลก

        ตัวเลขยอดขายบ้านเดี่ยวหลังใหม่ในสหรัฐพุ่งขึ้น สู่จุดสูงสุดรอบ 7 เดือน ในเดือนพ.ย. โดยยอดขายทะยานขึ้น 1.6 % ในเดือนพ.ย. สู่ 315,000 ยูนิตต่อปี 

        หุ้นบริษัทที่มีธุรกิจขนาดใหญ่ในสหรัฐได้รับแรงหนุนมากเป็นพิเศษ โดยหุ้น  CRH ซึ่งเป็นบริษัทวัสดุก่อสร้างของไอร์แลนด์และมียอดขายเกือบครึ่งหนึ่งอยู่ใน สหรัฐ พุ่งขึ้น 2.2 % ในวันศุกร์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลาดน้ำมันลอนดอน:น้ำมันดิบเบรนท์ปิดบวกรับศก.สหรัฐแกร่ง,วิตกอุปทานตึงตัว

 

        สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาดล่วงหน้าลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นในวันศุกร์ เป็นวันที่ 5 ติดต่อกันท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบางก่อนวันหยุด ขณะที่ความ วิตกเกี่ยวกับภาวะชะงักงันด้านอุปทานในอิหร่านและอิรัก รวมถึงสัญญาณความ แข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐได้ช่วยหนุนราคาน้ำมัน

        ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.พ.ปิดบวก 7 เซนต์ สู่ ระดับ 107.96 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังปรับตัวในช่วง 107.40-108.55 ดอลลาร์ และในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เพิ่มขึ้น 4.61 ดอลลาร์หรือ  4.46% หลังจากร่วงลงติดต่อกันในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนหน้า

 

        ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ปรับขึ้นเป็นวันที่ 5 ติดต่อกันใน วันศุกร์ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่เบาบาง โดยได้รับแรงหนุนจากความกังวล เรื่องปัญหาขัดข้องด้านอุปทานน้ำมันในอิหร่านและอิรัก และจากสัญญาณบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่งขึ้น

        ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนก.พ.ขยับขึ้น 15 เซนต์ หรือ 0.15 % มาปิด ตลาดที่ 99.68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 99.24-100.23 ดอลลาร์ 

        ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.พ.ที่ตลาดกรุงลอนดอนขยับขึ้น 7 เซนต์  หรือ 0.1 % สู่ 107.96 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 107.40-108.55  ดอลลาร์

        ราคาน้ำมันดิบเดือนใกล้ของสหรัฐปิดตลาดสัปดาห์นี้ด้วยการพุ่งขึ้น 6.15  ดอลลาร์ หรือ 6.57 % หลังจากปิดตลาดในแดนลบสองสัปดาห์ติดต่อกัน

        ราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในวันศุกร์  ซึ่งปิดตลาดในแดนบวก 4 วันติดต่อกัน เนื่องจากสหรัฐรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่ดี เกินคาด

        ตลาดกังวลกับปัญหาด้านอุปทานน้ำมันในอิหร่านและอิรัก เนื่องจากความขัดแย้ง ภายในอิรักทวีความรุนแรงขึ้นหลังจากกองทัพสหรัฐถอนกำลังออกไป และเนื่องจาก กองทัพเรืออิหร่านจะเริ่มต้นซ้อมรบในช่องแคบฮอร์มุซในวันเสาร์ที่ 24 ธ.ค.

        แหล่งข่าวกล่าวว่า จีนได้ทำสัญญาซื้อน้ำมันดิบในปริมาณที่มากพอจาก ตะวันออกกลาง, แอฟริกา และรัสเซียในเดือนม.ค.เพื่อชดเชยอุปทานน้ำมันที่ลดลง จากอิหร่าน และส่งผลให้จีนอยู่ในสถานะที่แข็งแกร่งในการเจรจาต่อรองกับอิหร่าน ในเรื่องเงื่อนไขการจ่ายเงินสำหรับสัญญาประจำปี 2012

        ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐพุ่งขึ้น 3.8 % ในเดือนพ.ย. โดยได้รับแรงหนุน จากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในเครื่องบิน

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

26  ธันวาคม 2011

 

ดอลล์/เยนขยับขึ้นเล็กน้อยเช้านี้ ขณะนักลงทุนจับตาข้อมูลศก.สหรัฐ

 

          สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนไหวเหนือระดับ 78 เยน ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตราโตเกียวช่วงเช้าวันนี้ โดย ณ เวลา 09.00 น.ตามเวลาโตเกียว ดอลลาร์ขยับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 78.09-78.10 เยน เมื่อเทียบกับระดับของวันศุกร์ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กที่ 78.06-78.16 เยน

          ส่วนภาวะการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานั้น สกุลเงินดอลลาร์อ่อนลงเมื่อเทียบกับตะกร้าเงิน และมีแนวโน้มที่ปรับตัวลงอีกในสัปดาห์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์กล่าวว่ากลุ่มผู้จัดการสินทรัพย์อาจจะเทขายดอลลาร์เพื่อปรับสมดุลพอร์ตการลงทุนในช่วงสิ้นปี

          นักลงทุนในตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนธ.ค. ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันอังคาร และยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ย. ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพฤหัสบดี

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

26  ธันวาคม 2011

 

**ตลาดหุ้นหลายแห่งปิดทำการวันนี้เนื่องในเทศกาลคริสต์มาส

 

        ตลาดหุ้นออสเตรเลีย, ฮ่องกง, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย และสิงคโปร์ ปิดทำการวันนี้เนื่องในเทศกาลคริสต์มาสและวันหยุดประจำชาติ

        นอกจากนี้ ตลาดหุ้นฝรั่งเศส, เยอรมนี, อังกฤษและสหรัฐก็ปิดทำการ ในวันนี้ด้วยเช่นกันเนื่องในเทศกาลคริสต์มาส

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

20111225254_03.jpg

 

     ด้านชาวบ้านตะเกียบ ต. หนองแก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ แจ้งว่า คลื่นในทะเลมีกำลังแรง และนํ้าทะเลได้หนุนสูงจนล้นคลองตะเกียบ ที่ทอดตัวไปตามความยาวของหมู่บ้าน เขตเทศบาลเมืองหัวหิน เป็นเหตุให้นํ้าเอ่อล้นเข้าท่วมถนนในหมู่บ้าน การจราจรติดขัด จึงเดินทางไปทำการตรวจสอบ เมื่อเดินทางถึง พบว่านํ้าได้เอ่อล้นผุดออกจากท่อระบายนํ้า ริมถนนของหมู่บ้าน ตั้งแต่หน้าคอนโดมีเนียม ชื่อ “ปลายหาดขาว” จนถึงวงเวียนหมู่บ้านตะเกียบ หน้าร้านอาหารสุพัตรา ระยะทางยาวประมาณ 500 เมตร สูงประมาณ 20-30 ซม. ทำให้รถของชาวบ้านและนักท่องเที่ยวต้องขับขี่กันด้วยความระมัดระวัง และเมื่อทำการตรวจสอบที่คลองตะเกียบ ซึ่งขนานไปกับแนวถนนดังกล่าว พบว่านํ้าในคลองได้ขึ้นสูงจนถึงระดับบนสุดของคลอง และบางแห่งได้เอ่อล้นท่วมพื้นที่ริมคลองบ้างแล้ว

     จากการตรวจสอบสภาพทะเลของหมู่บ้าน ซึ่งอยู่ห่างจากถนนหมู่บ้านตะเกียบ ประมาณ 150 เมตร พบว่า ท้องทะเลมีคลื่นลมแรงจัด ความสูงของคลื่น ประมาณ 2-3 เมตร และหนุนสูงจนทำให้ชายหาดของหมู่บ้านแคบลง บางแห่งถูกนํ้าทะเลท่วมจนพื้นที่หาดหายไป และเมื่อตรวจสอบบริเวณปากคลองตะเกียบ ที่ต่อเชื่อมกับทะเล พบว่านํ้าทะเลได้ไหลบ่าเข้าสู่คลองตะเกียบตลอดเวลา

     ชาวบ้านรายหนึ่งกล่าวว่า เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นแทบทุกปี แต่ไม่มากนัก แค่ปริ่มๆ ที่ปากท่อระบายนํ้า แต่ปีนี้หนักกว่าทุกปี คลื่นลมในทะเลก็แรงมาก ประกอบกับช่วงนี้เป็นช่วงนํ้าทะเลหนุนสูงมาก ทำให้น้ำทะลักเข้าคลองตะเกียบอย่างรวดเร็ว จนท่วมถนนดังกล่าว

     นอกจากตามริมทะเลหัวหินที่ต่างๆพบว่า คลื่นลมทะเลรุนแรงมาก และนํ้าทะเลหนุนสูงตลอดแนวหาดหัวหิน บางแห่งหนุนจนไหลเข้าท่วมในพื้นที่ต่ำ เช่น ริมทะเลหน้าสวนเฉลิมพระเกียรติ 19 ไร่ ข้างวังไกลกังวล หัวหิน หรือที่สะพานปลาท่าเทียบเรือประมงหัวหิน นํ้าทะเลได้หนุนสูงจนเกือบเอ่อล้นถึงถนนนเรศดำริห์ ซึ่งเป็นถนนเลียบชายหาดหัวหินแล้ว

 

 

     Sudbury tidal wave struck the coast of Chumphon Lang Suan district, the house collapsed, resulting in many households. The flood waters, high growth in the region higher than 70 cm in the week. Hin Hua Hin residents fear the winds and waves higher than 3 m. The water influx canal flooded with chopsticks. Overflowing and flooding the village of chopsticks.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดี ปีใหม่คะ่เฮียขายของ กัปตัน GB2514 arthas มดแดง กบจ๊า pasaya และเพื่อนๆทุกๆคนปีหน้าฟ้าใหม่ขอให้ทุกๆคนหลุดจากดอยนะคะ

 

เพิ่งรู้ว่าวันนี้ตลาดปิด ถึงว่า กราฟไม่เคลื่อนไหม

 

ปีใหม่ของไทย ออนไลน์ ปิด 4 วัน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

26  ธันวาคม 2011

 

เงินบาทเปิด 31.27/29 คาดแกว่งแคบตามทิศทางค่าเงินภูมิภาค

 

          นักบริหารเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 31.27/29 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากช่วงเย็นวันศุกร์ที่ปิดตลาดที่ระดับ 31.28/31 บาท/ดอลลาร์

          วันนี้คาดว่าเงินบาทจะแกว่งอยู่ในกรอบแคบๆ และเป็นไปตามทิศทางเดียวกับค่าเงินสกุลอื่นๆ ในภูมิภาค โดยวันนี้หลายบริษัทเริ่มหยุดเนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลคริสมาสต์และใกล้ปีใหม่ การทำธุรกรรมทางการเงินในช่วงนี้จึงน้อยลง

          "วันนี้บาทคงแกว่งแคบๆ ตามทิศทางภูมิภาค ปัจจัยใหม่ๆ ยังไม่ค่อยมี หลายที่เริ่มหยุดกันแล้ว วันนี้นิวยอร์กก็หยุด ไม่ค่อยมีการทำธุรกรรมทางการเงินในช่วงนี้มากนัก" นักบริหารเงิน ระบุ

          ส่วนความเคลื่อนไหวของค่าเงินสกุลหลักต่างประเทศช่วงเปิดตลาดเช้านี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 77.96/78.00 เยน/ดอลลาร์ ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3050/3053 ดอลลาร์/ยูโร

          นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 31.25-31.30 บาท/ดอลลาร์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ฟันธงปี55ทองพุ่งแตะออนซ์ละ2พัน$ เฮดจ์ฟันด์-กองทุน ยังเก็บเข้าพอร์ต (26/12/2554)

กูรูทองคำ เชื่อปีหน้าราคาทองยังปรับตัวขึ้นสูง คาดไตรมาส1/55 อยู่ระหว่าง 2.5 - 2.6 หมื่นบาทต่อทองคำ 1 บาท ส่วนทั้งปีลุ้นทำสถิติที่ 2,000 เหรียญ/ออนซ์ เหตุเฮดจ์ฟันด์ และบรรดากองทุนยังเข้าสะสม แม้เม็ดเงินบางส่วนไหลไปถือดอลลาร์ อีกทั้งหลายประเทศยังต้องฟื้นฟูตัวเองจากภัยธรรมชาติ ทำให้มีการระดมเงินจำนวนมาก พร้อมคาดเลือกตั้งปธน.สหรัฐฯจะมีนโยบายใหม่ๆออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับวิกฤตหนี้ยุโรปจะเริ่มเห็นความชัดเจนช่วงกลางปี ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำไปต่อ

       

       นายพิชญา พิสุทธิกุล เลขาธิการสมาคมค้าทองคำ กล่าวถึง ภาวะราคาทองคำในปี2555 ว่าในไตรมาสที่1/55ราคาทองคำยังสามารถปรับตัวขึ้นได้อีกเล็กน้อย โดยมองว่าราคาทองคำจะอยู่ที่ระดับ 1,750-1,800 เหรียญ/ออนซ์หรือ25,000-26,000 บาท ซึ่งปัจจัยบวกที่สนับสนุนให้ทองคำยังอยู่ในช่วงขาขึ้นได้คือการทยอยซื้อทองคำเก็บสะสมของกองทุนต่างๆเพื่อเก็งกำไร เนื่องจากทองคำยังเป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยสูงและไม่มีความเสี่ยงเรื่องอัตราเงินเฟ้อทำให้ทองคำยังที่น่าสนใจมากกว่าหุ้นหรือน้ำมันถึงแม้ว่าในช่วงระยะสั้นที่ผ่านมาจะมีการทิ้งการลงทุนในทองคำหันไปถือเงินสกุลดอลลาร์มากขึ้น แต่ถ้าพิจารณาดูจากข้อมูลแล้วจะเห็นว่าอัตราแลกเปลี่ยนเงินสกุลดอลลาร์ยังไม่มีเสถียรภาพมากพอเนื่องจากค่าเงินได้ปรับตัวขึ้นลงอยู่ตลอดเวลา และตัวเลขการว่างงานของสหรัฐฯยังไม่ดีขึ้นโดยยังอยู่ในระดับ8.7%ซึ่งอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วง

       

       ขณะที่ตัวเลขการบริโภคในช่วงปลายปีที่ผ่านมานั้นจะไม่สามารถที่จะบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯได้อย่างชัดเจนนัก นอกจากนี้ราคาทองคำยังได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติของประเทศในภูมิภาคเอเชียเช่น ญี่ปุ่นและไทยซึ่งต้องเผชิญในช่วงที่ผ่านมาทำให้เสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศต่างๆเหล่านั้นได้รับผลกระทบอย่างมาก จนมีผลทำให้ต้องระดมเงินจำนวนมหาศาลเพื่อมาฟื้นความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งภาคการผลิตภาคการเกษตร และภาคบริการทำให้ราคาทองคำได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นราคาทองคำในประเทศมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นไปที่ถึงบาทละ24,000-28,000บาท

       

       สำหรับปริมาณการซื้อขายทองคำในรอบปีที่ผ่านมาลดน้อยลงไปกว่า 30 %โดยมีสาเหตุมาจากประชาชนทั่วไปต้องนำทองคำที่สะสมไว้ออกมาขายเพื่อนำเงินไปซ่อมแซมบ้านเรือนของตนเองที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายนทำให้ปริมาณการซื้อขายได้ลดลงตามไปด้วย

       

       ด้านนายณัฐพล คำถาเครือ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซียไซรัส ได้กล่าวถึงภาวะทองคำในปี 2555ว่าราคาทองคำจะปรับขึ้นไปที่ระดับราคา 1,450-2,000 เหรียญ/ออนซ์ โดยมองว่าการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในขณะนี้เป็นไปตามวัฎจักรในรอบ12ปี/ครั้ง โดยราคาทองคำจะมีการเคลื่อนไหวขึ้นลงซึ่งในปีหน้ายังอยู่ในช่วงขาขึ้นแต่จะปรับตัวสูงขึ้นไม่มากนัก โดยปัจจัยบวกที่สนับสนุนมาจาก ในช่วงกลางปี2555 สหรัฐฯจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีใหม่ทำให้เชื่อว่าจะมีมาตรการในการหาเสียงโดยเฉพาะนโยบายในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจรวมทั้งโครงการประชานิยมที่จะออกมาเพื่อเอาใจชาวอเมริกันให้สนับสนุนตนเองเป็นสมัยที่สอง

       ขณะที่ปัจจัยลบยังหนีไม่พ้นเรื่องวิกฤตในกลุ่มประเทศยูโรโซนที่ยังขาดความชัดเจนในนโยบายแก้ไขปัญหาหนี้และไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับต่างชาติได้ แต่เชื่อว่าช่วงกลางปี2555 จะมีความชัดเจนในมาตรการแก้ไขได้อย่างเป็นรูปธรรมโดยจะส่งผลต่อราคาทองให้ปรับตัวดีขึ้น

       

       นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ รองประธานกรรมการ บริษัท วายแอลจีบูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่าสถานการณ์ทิศทางราคาทองคำขณะนี้มีการเคลื่อนไหวของราคาทองคำที่อิงกับเงินสกุลยูโรสังเกตุได้จากความสัมพันธ์ของราคาทองคำกับค่าเงินสกุลยูโรซึ่งในระดับ 10วัน อยู่ที่ 90% ขึ้นไปทำให้กระแสข่าวทางฝั่งยุโรปค่อนข้างที่จะมีความสำคัญต่อราคาทองคำอย่างมากในช่วงนี้ แต่ทั้งนี้ยากต่อการคาดการณ์ทำให้ในระยะสั้นราคาทองคำยังคงมีความผันผวนตามกระแสข่าวยุโรปเป็นหลักซึ่งคาดการณ์กรอบการเคลี่อนไหวระหว่าง 1,550-1,680 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ23,000-25,000 บาท/บาททองคำ

       

       โดยทิศทางการลงทุนทองคำจากนี้จนถึงสิ้นปีมองว่ายังเป็นโอกาสดีสำหรับนักลงทุนที่จะเข้าทยอยซื้อสะสมสำหรับการลงทุนในระยะกลางและระยะยาวเนื่องจากราคาปรับตัวลดลงมาจากปัญหาหนี้ยุโรปที่ยังกดดันตลาดต่อเนื่องโดยในช่วงเกือบ 2 สัปดาห์ตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ราคาทองคำเคลื่อนไหวค่อนข้างรุนแรงและปรับตัวลงกว่า145 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,559 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในขณะที่ทองคำแท่งในประเทศทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 23,650บาทต่อบาททองคำเช่นเดียวกัน ประกอบกับสถิติในช่วงปี 2552-2553ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าราคาทองคำในช่วงปลายปีจนถึงต้นปีมักจะมีการปรับตัวลงในช่วงปลายปีเป็นลักษณะของการปรับฐานของราคาทองคำแต่หลังจากเดือนกุมภาพันธ์ทิศทางของราคาทองคำจะมีการกลับตัวเปลี่ยนเป็นทิศทางขาขึ้น

       

       นางพวรรณ์ กล่าวว่า ในปีนี้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดในบริเวณ1,920 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งหากวัดจากต้นปีจะสามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงถึง 35.20%แม้ว่าจะเกิดแรงขายบางช่วงเวลาที่ทำให้ราคาทองคำอ่อนตัวลงมาบ้างแต่เชื่อว่าราคาทองคำในสิ้นปีนี้จะสามารถยืนเหนือ 1,650 ดอลลาร์/ออนซ์หรือประมาณ 24,210 บาท/บาททองคำได้ซึ่งคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจะอยู่ที่16.45% มากกว่าการลงทุนในหุ้นหรือพันธบัตร

        

       สำหรับในปีหน้าวายแอลจีประเมินว่าราคาทองคำจะยังมีความน่าสนใจไม่แพ้กับในปีนี้เนื่องจากความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะวิกฤติหนี้สาธารณะในยุโรปและสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจของสหรัฐยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำซึ่งวายแอลจีเชื่อว่าราคาทองคำจะมีความผันผวนจนสามารถจูงใจให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในตลาดทองคำมากขึ้นโดยทิศทางราคาทองคำในปี 2555ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อราคาทองคำในระยะยาว

       

       โดยในช่วง 3เดือนแรกคาดการณ์ว่าราคาทองคำยังคงอยู่ในช่วงของการปรับฐานราคาประเมินกรอบราคา 1,460 - 1,850 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 21,400 - 27,200บาทต่อบาททองคำ และคาดว่าราคาจะค่อยๆขยับตัวขึ้นในลักษณะ sideway upจนถึงปลายปี ซึ่งประเมินกรอบราคาถึงปลายปี 2555 ที่บริเวณ 1,600 - 2,000ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 23,500 - 29,370 บาทต่อบาททองคำ

 

ที่มา : ASTVผู้จัดการออนไลน์ (วันที่ 26 ธันวาคม 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เอเจนซี - โพลล์นักเศรษฐศาสตร์ชี้ ปีหน้ายุโรปยังต้องเจอสภาพเศรษฐกิจน่าหดหู่ต่อไป ซึ่งจะมีผลกดดันการเติบโตทั่วโลก แต่ยังดีที่อย่างน้อยยังมีพวกประเทศตลาดเกิดใหม่และอเมริกาขี่ม้าขาวมาช่วยกู้เศรษฐกิจโลกได้บ้าง

       

       ผลสำรวจที่สำนักข่าวรอยเตอร์จัดทำขึ้นในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาบ่งชี้ว่า ในปี 2012 ประเทศพัฒนาแล้วรายใหญ่ที่สุดของโลกหลายแห่งจะเดินหน้าสู่ภาวะถดถอย ขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกมีแนวโน้มฟื้นได้เพียงเศษเสี้ยวจากที่ดิ่งหนักในปีนี้ ส่วนราคาน้ำมันจะวูบลง แลพวกผู้จัดการสินทรัพย์ไม่แน่ใจว่าควรลงทุนที่ไหนดี

       

       นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ตั้งสมมติฐานไว้บนความหวังที่ว่า วิกฤตหนี้ภาคสาธารณะในยูโรโซนจะไม่พัฒนาเป็นวิกฤตเศรษฐกิจโลกรอบใหม่ เพราะเท่าที่เป็นอยู่ขณะนี้ก็กัดเซาะการเติบโตของชาติผู้ส่งออกสำคัญที่มียุโรปเป็นเป้าหมายแล้ว

       

       เจอราร์ด ลียองส์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด แบงก์ ย้ำว่า เศรษฐกิจโลกในปีหน้ายังคงเติบโตแต่แบ่งเป็นสองภาค กล่าวคือยุโรปจะฉุดรั้งเศรษฐกิจโลกให้ตกต่ำลงในช่วง 6 เดือนแรก แต่จีนจะดันเศรษฐกิจโลกให้เติบโตในช่วงครึ่งปีหลัง

       

       ความเสี่ยงสำคัญทางการเมืองยังจะผสมโรงให้แนวโน้มเศรษฐกิจโลกคลุมเครือยิ่งขึ้น โดยที่ในปีหน้าจะมใการเลือกตั้งและการเปลี่ยนตัวผู้นำในหลายประเทศทรงอิทธิพลที่สุด ขณะเดียวกันแนวโน้มความวุ่นวายในตะวันออกกลางก็ยังจะดำเนินต่อไป

       

       กระนั้น ยังพอมีความหวังอยู่บ้าง เริ่มจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ในช่วงไตรมาสส่งท้ายปีนี้มีผลงานดีกว่าคาด และผลสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ที่รอยเตอร์จัดทำขึ้น ยังแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจแดนอินทรีมีแนวโน้มขยายตัวราว 2.2% ในปี 2012 เทียบกับ 0% ที่พยากรณ์ไว้สำหรับยูโรโซน

       

       สำหรับสถานการณ์ของสหภาพยุโรป (อียู) นั้น ต้นเดือนนี้บรรดาผู้นำได้ดำเนินการครั้งประวัติศาสตร์ในการมุ่งสู่การรวมตัวใกล้ชิดขึ้นทางการคลัง แต่นักเศรษฐศาสตร์ต่างเชื่อว่า มาตรการดังกล่าวจะไม่สามารถบรรเทาวิกฤตหนี้ที่เรื้อรังย่างเข้าสู่ปีที่ 3 และปัญหานี้จะยังคงเป็นข่าวพาดหัวในปีต่อไป

       

       โพลล์ของรอยเตอร์สะท้อนความวิตกกังวลจริงๆ ของพวกนักเศรษฐศาสตร์ที่ว่า เหล่าผู้นำยุโรปพยายามน้อยเกินไปในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยมีแนวโน้มที่สเปนและอิตาลีกำลังมุ่งหน้าสู่ภาวะถดถอยที่เจ็บปวดและยาวนาน

       

       ขณะเดียวกัน ยูโรโซนโดยภาพรวมอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยอ่อนๆ แล้วในขณะนี้ และจะยืดเยื้อไปจนถึงกลางปีหน้า

       

       ฮวน เปเรซ-แคมปาเนโร นักเศรษฐศาสตร์ของแซนแทนเดอร์ ตั้งข้อสังเกตว่า ยูโรโซนจะยังคงเป็นที่มาของความไร้เสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเงินของทั่วโลกต่อไป

       

       ถึงแม้ว่า นักเศรษฐศาสตร์ในการสำรวจ 27 ต่อ 56 คนไม่คิดว่า สเปนและอิตาลีจะต้องรับเงินช่วยเหลือจากกองทุนฟื้นฟูของยูโรโซนในปีหน้า

       

       อย่างไรก็ดี ในการสำรวจความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์และอดีตผู้วางนโยบายระดับนำของสถาบันวิชาการและสถาบันวิจัยที่ได้รับการนับถือ 20 คนเมื่อเดือนที่แล้ว พบว่า 14 คนในจำนวนนี้ไม่คิดว่ายูโรโซนในรูปแบบปัจจุบันจะสามารถอยู่รอดได้

       

       แม้แต่ญี่ปุ่น ที่นักเศรษฐศาสตร์ปรับลดการคาดการณ์การเติบโตอย่างไม่ไว้หน้า กลับได้รับการคาดหมายว่าจะฟื้นตัวในปีงบประมาณหน้าที่เริ่มต้นในเดือนเมษายน โดยเติบโตในอัตรา 1.8% นอกจากนี้ ยังเชื่อกันว่า ญี่ปุ่นจะหลีกเลี่ยงภาวะถดถอยได้อย่างหวุดหวิด แต่มีความหวังน้อยมากสำหรับการหลุดพ้นจากภาวะเงินฝืดในเร็วๆ นี้

       

       ความไม่แน่นอนขั้นรุนแรงที่รุมล้อมปี 2012 อาจสะท้อนออกมาชัดเจนที่สุดจากผลสำรวจเกี่ยวกับการโยกย้ายสินทรัพย์ของบริษัทลงทุนชั้นนำกว่า 50 แห่งในสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น

       

       เดือนนี้นักลงทุนเพิ่มการถือเงินสดเอาไว้ในมือในระดับสูงสุดในรอบปี เพื่อเตรียมรับมือปี 2012 ที่คาดว่าจะเต็มไปด้วยความวุ่นวาย แม้มีการโยกย้ายกลับไปลงทุนในหุ้นราคาถูกอยู่บ้างก็ตาม

       

       วิกฤตยูโรโซนคือปัจจัยที่ผู้จัดการสินทรัพย์กังวลที่สุด ดังนั้น จึงมีการถือครองเงินสดเพิ่ม รวมถึงย้ายไปลงทุนในตลาดหุ้นอังกฤษและเอเชียมากกว่าตลาดหุ้นยุโรป

       

       เช่นเดียวกัน ผลสำรวจตลาดหุ้นในไตรมาสสุดท้ายบ่งชี้ว่า ดัชนีหุ้นตลาดเกิดใหม่จะมีผลงานแซงหน้ายุโรปในปี 2012 และพยายามฟื้นตัวสู่ระดับเมื่อปลายปี 2010

       

       ในภาวะที่ยุโรปมุ่งหน้าสู่ภาวะถดถอย ราคาน้ำมันมีแนวโน้มลดลงนับจากบัดนี้ โดยราคาน้ำมันดิบชนิดเบรนต์ของตลาดลอนดอนจะซื้อขายเฉลี่ยที่ 105 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปีหน้า ไม่ไกลจากสถิติสูงสุดเฉลี่ยของปีนี้ที่ 111 ดอลลาร์เท่าไรนัก

       

       เดวิด เวค จากบริษัทที่ปรึกษาในเวียนนา เจบีซี เอเนอร์จี้ คาดว่าชาติสมาชิกโออีซีดีจะเผชิญภาวะถดถอยอ่อนๆ ในปีหน้า และมีผลกดดันต่อดีมานด์และราคาน้ำมัน หรือไม่เช่นนั้น ราคาน้ำมันอาจถูกกดดันในด้านขาขึ้นจากสภาพแวดล้อมภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงมีปัญหา

       

       ไม่ว่าอนาคตของยูโรโซนจะเป็นอย่างไร ผลจากวิกฤตหนี้ได้แผ่ขยายเป็นที่รับรู้ไปทั่วโลกเป็นที่เรียบร้อย อียูนั้นเป็นตลาดส่งออกใหญ่สุดของจีน และข้อมูลด้านการผลิตแดนมังกรบ่งชี้ว่า ยอดสั่งซื้อใหม่ๆ จากต่างประเทศลดลงแล้ว

       

       เศรษฐกิจจีนขณะนี้โตช้าที่สุดนับจากปี 2009 เพื่อส่งเสริมการเติบโต แบงก์ชาติจึงลดสัดส่วนการกันสำรองของแบงก์พาณิชย์ลงเมื่อเดือนที่แล้วเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี

       

       อย่างไรก็ดี การสำรวจความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์ที่รอยเตอร์จัดทำขึ้นหลังการประกาศดังกล่าว พบว่าธนาคารกลางจีนจะยังคงละเว้นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเชิงรุกเว้นแต่การเติบโตดิ่งต่ำกว่า 8%

       

       เช่นเดียวกัน อินเดียประสบปัญหาการเติบโตชะลอตัว และโพลล์ของรอยเตอร์บ่งชี้ว่า แบงก์ชาติจะผ่อนคลายนโยบายการเงินกลางปีหน้าแม้ภาวะเงินเฟ้อยังสูงอยู่ก็ตาม

       

       ที่บราซิล วันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา (22) ธนาคารกลางลดตัวเลขประมาณการณ์เศรษฐกิจปีปัจจุบันจาก 3.5% เหลือ 3% และ 3.5% ในปีหน้า ซึ่งถือว่าน่าผิดหวังอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับอัตราเติบโตเฉลี่ยปีก่อนๆ ที่เกือบเป็นตัวเลขสองหลัก แต่ยังนับว่าดีหากเทียบกับอัตราที่เหี่ยวเฉาของประเทศพัฒนาแล้วส่วนใหญ่

       

       โดยรวมแล้ว สรุปได้ว่า แม้มหาอำนาจเศรษฐกิจเกิดใหม่เหล่านี้มีอัตราเติบโตตกต่ำลงเล็กน้อย แต่ยังสามารถผลักดันการเติบโตของโลกได้ในปีหน้า

 

ที่มา : ASTVผู้จัดการออนไลน์ (วันที่ 26 ธันวาคม 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ญี่ปุ่น-จีนร่วมข้อตกลงการค้า-ดึงเกาหลีใต้ร่วม (26/12/2554)

ปักกิ่ง : นายกรัฐมนตรียูกิฮิโกะ โนดะ ของญี่ปุ่น เห็นพ้องกับประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ของจีน เรื่องข้อตกลงการค้า ซึ่งแสดงถึงความสัมพันธ์ที่หยั่งลึกมากขึ้นระหว่าง 2 มหาอำนาจทางเศรษฐกิจของเอเชีย โดยอาจดึงเกาหลีใต้เข้าร่วมด้วย

 

ส่วนนายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า ของจีน กล่าวหลังการเจรจากับผู้นำญี่ปุ่นเมื่อวานนี้ว่า การเจรจาข้อตกลงการค้าระหว่างญี่ปุ่น จีน และเกาหลีใต้ มีความคืบหน้าที่สำคัญหลังการเจรจาขั้นต้น

 

ด้านเว็บไซต์ธนาคารกลางจีน แถลงว่า ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องต่อการเพิ่มความสัมพันธ์และความร่วมมือด้านตลาดการเงิน และโน้มน้าวให้มีการใช้เงินหยวนและเงินเยนในการค้าขายระหว่างชาติทั้งสอง

 

คำประกาศข้อตกลงการค้าครั้งนี้ เป็นการสานต่อการเจรจาข้อตกลงการลงทุนร่วมระหว่างชาติทั้งสามเมื่อเดือนที่แล้ว และศึกษาเรื่องข้อตกลงการค้าเสรีภายในสิ้นเดือนธันวาคมนี้ เพื่อจะเริ่มเจรจาข้อตกลงการค้า3ฝ่ายต่อไป

 

ธนาคารกลางจีนประกาศสนับสนุนให้มีการใช้สกุลเงินหยวนของจีน และสกุลเงินเยนของญี่ปุ่น ในการชำระบัญชีการค้าระหว่างสองประเทศ โดยธนาคารกลางจีนเชื่อมั่นว่า นโยบายดังกล่าวจะช่วยลดความเสี่ยงที่เป็นผลมาจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนสกลุเงินต่างประเทศ และยังช่วยลดต้นทุนการชำรบัญชีการค้าระหว่างประเทศด้วย

 

นอกจากนี้ ธนาคากลางจีนยังสนับสนุนญี่ปุ่นให้เข้ามาลงทุนด้วยสกุลเงินหยวนโดยตรงในประเทศจีน

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ธนาคารกลางจีนประกาศใช้กฎระเบียบเกี่ยวกับการชำระบัญชีการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในรูปสกุลเงินหยวน โดยระบุว่า นักลงทุนสถาบันต่างประเทศและนักลงทุนรายย่อยต่างประเทศ จะสามารถยื่นขออนุญาตการเข้าลงทุนโดยตรงในประเทศจีนโดยชำระบัญชีในรูปสกุลเงินหยวนได้ ซึ่งมีเงื่อนไขว่าการลงทุนของนักลงทุนเหล่านี้จะต้องสอดคล้องกับกฎหมายและกฎระเบียบต่างๆในปัจจุบันของจีน

 

 

 

ที่มา : ข่าวราคายาง (วันที่ 26 ธันวาคม 2554)

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาพคลื่นยักษ์สวยงามมากค่ะ คุณเด็กขายของ ถ้าไม่นับถึงความเสียหายที่จะได้รับ ผู้ถ่ายภาพไม่ทราบว่าใช้ซูมระดับไหน หรือ วิ่งไปถ่ายไป เก่งจริง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...