ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

 

น้ำมันบวกจากคำขู่ปิดช่องแคบฮอร์มุซ-ข้อมูลศก.ดันหุ้นมะกันพุ่งแรง

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 ธันวาคม 2554 05:02 น.

 

       เอเอฟพี - ราคาน้ำมันวานนี้(29) ขยับขึ้นเล็กน้อยท่ามกลางการซื้อขายที่ผัวผวนจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางและข้อมูลทางเศรษฐกิจที่ดีเกินคาดหมายในสหรัฐฯ โดยปัจจัยหลังนี้ยังช่วยผลักดันให้วอลล์สตรีทปิดบวกอย่างแรง

       

       สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 29 เซนต์ ปิดที่ 99.65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 45 เซนต์ ปิดที่ 108.01 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

       

       ราคาน้ำมันในช่วงเปิดตลาดเคลื่อนไหวในทางลบ หลังรัฐบาลสหรัฐฯเผยว่าคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้นถึง 3.9 ล้านบาร์เรล

       

       ขณะเดียวกันคลังน้ำมันกลั่นที่ประกอบด้วยน้ำมันทำความร้อนก็เพิ่มขึ้นอย่างผิดความคาดหมายถึง 1.2 ล้านบาร์เรล ทั้งที่เข้าสู่ช่วงต้นฤดูหนาวแล้ว เหล่านี้เองสะท้อนถึงอุปสงค์ที่อ่อนแอลงในชาติผู้บริโภครายใหญ่ที่สุดของโลก

       

       อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันแกว่งตัวขึ้นมาปิดในแดนบวกได้สำเร็จในช่วงท้ายของการซื้อขายจากความกังวลต่อวิกฤตทางอุปทานจากปัญหาความตึงเครียดระหว่างอิหร่านกับสหรัฐฯที่ย่ำแย่ลงไปอีกในวันพฤหัสบดี(29) หลังจากเมื่อวันอังคาร(27) เตหะราน ขู่ปิดช่องแคบฮอร์มุซ ช่องทางลำเลียงเชื้อเพลิงสำคัญของโลกตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมของชาติตะวันตก

       

       ในช่วงค่ำของวันพุธ(28) สหรัฐฯออกมาเตือนว่าจะไม่อดทนต่อความพยายามใดๆ ที่หมายสร้างความวุ่นวายแก่การขนส่งทางเรือในช่องแคบฮอร์มุซ แต่คำเตือนดังกล่าวดูไร้ผลหลังในวันพฤหัสบดี(29) อิหร่านเมินคำขู่นี้และประกาศกร้าวว่าจะตอบโต้การข่มขู่คุกคามด้วยการคุกคามกลับไปเช่นกัน

       

       ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(29) ขยับขึ้นอย่างแรง หลังข้อมูลบวกทางเศรษฐกิจใหม่ๆบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจของอเมริกากำลังฟื้นตัว

       

       ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 135.63 จุด (1.12 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 12,287.04 แนสแดก เพิ่มขึ้น 23.76 จุด (0.92 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,613.74 เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 13.37 จุด (1.07 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,263.01

       

       ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขายแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2010 ขณะที่ตัวเลขกิจกรรมการผลิตของพื้นที่ชิคาโก ดินแดนสำคัญของภาคการผลิตสหรัฐฯก็ยังคงแข็งแกร่ง นอกจากนี้ตลาดหึ้นสหรัฐฯยังได้ปัจจัยเสริมว่าจำนวนผู้เข้ารับสิทธิประโยชน์คนว่างงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่แม้จะลดลงเล็กน้อย แต่ก็แสดงถึงทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆของตลาดแรงงาน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รบกวนคุณเด็กขายของช่วยทำแผนผังการเดินทางของเงินฝากข้ามคืนได้ไหมคะ เต้าหู้อยากรู้ แต่อ่านแล้วไม่ค่อยเข้าใจ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

​โดยสรุปตามทฤษฎี การใช้ " เงินฝากข้ามคืน " ก็ต่อ เมื่อธนาคารขาดความเชื่อมั่นจากประชาชน ทำให้ประชาชนทั้ง กลุ่มที่ต้องการมาถอนเงินตามปกติ) และ กลุ่มที่หมดความเชื่อมั่นในธนาคาร และเชื่อว่าตนจะไม่ได้ผลตอบแทนหรือเงินต้นคืนมา ต่างพากันมาถอนเงินทำให้เกิดภาวะ Bank run นั่นคือธนาคารไม่มีศักยภาพที่จะจ่ายคืนผลตอบแทนหรือเงินต้น ให้กับทุกคนได้ทั้งหมด ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ธนาคารต้องปิดตัวลง

​ทฤษฎีนี้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ถึงสาเหตุเดียวกันที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ในช่วงที่ประเทศประสบกับวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2540 ธนาคารหลายแห่งต้องประสบปัญหาด้านความเชื่อมั่นในตัวของธนาคาร ดังในกรณีของ ธนาคารกรุงเทพพาณิชยการ ในช่วงวิกฤติประชาชนต่างพากันคาดว่า ธนาคารจะไม่สามารถที่จะคืนเงินต้นแก่ผู้ฝากได้ เนื่องจากคาดว่าธนาคารไม่มีศักยภาพเพียงพอที่จะสามารถบริหารงานต่อไป ทั้งยังถูกพิษทางการเมืองทำให้ความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อธนาคารหดหายไป ประชาชนผู้ที่ฝากเงินกระแสรายวัน ออมทรัพย์ และเงินฝากประจำ ได้พากันมาแห่ถอนเงินคืนเพื่อป้องกันความเสี่ยงของตัวเอง จนในที่สุด ธนาคารกรุงเทพพาณิชยการต้องปิดตัวลง ดังแสดงได้จากตัวอย่างข่าวในช่วงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2539

ตัวอย่างข่าวในช่วงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2539

9 พ.ค.  -- เดลิไทม์

ฝ่ายค้านถล่มกลุ่ม 16 ร่วมบีบีซีฉ้อฉล ปิยะณัฐ กลัวแบงก์ล้มขอประชุมลับ

        "เทพเทือก" อ้างรายงาน ธปท. สาวไส้กลุ่ม 16 ร่วมกับ "บีบีซี" ฉ้อฉลเงินประชาชนในลักษณะเงินกู้โอดี แล้วไปกว้านซื้อที่ดินทั่วประเทศเพื่อออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ หวังนำไปเป็นหลักทรัพย์กู้เงินจาก "บีบีซี" อีกรอบ แฉ "สุชาติ" กู้เงินกว่า 4 พันล้าน และ "เนวิน" เป็นหนี้อยู่ 3 พันกว่าล้าน "ปิยะณัฐ" เต้นรีบ เสนอเปิดประชุมลับหวั่น  "บีบีซี" ล้ม  เพราะประชาชนตื่นข่าว  พากันถอนเงินคืน "เนวิน" ลุกโต้แจงกลุ่มชิดชอบเป็นหนี้อยู่แค่ 89 ล้าน "สุรเกียรติ์" เล่นอ่านมาตรการสั่ง ธปท. คุมเข้มแก้ปัญหาบีบีซีแย้ง

10 พ.ค. -- ผู้จัดการรายวัน

พิษการเมืองถล่มบีบีซี ลูกค้าแห่ถอนเงินเพิ่ม

        พิษการเมืองกระทบลูกค้า "บีบีซี" หวาดวิตกต่อฐานะความมั่นคงแบงก์เพิ่มขึ้นอีก แห่ถอนเงินหนาตา  แบงก์ยอมรับช่วงนี้ปริมาณการถอนเงินมีสูงกว่าปกติ  แต่ยืนยันว่าไม่กระทบ คลัง-แบงก์ชาติ ระบุเป็นข้อมูลเก่าในอดีต ปัจจุบันดำเนินการแก้ไขแล้ว วงการแบงก์ไม่เชื่อปัญหา  "บีบีซี"  จะรุกลามกระทบต่อแบงก์อื่น เหตุทางการต้องอุ้มถึงที่สุด "เกริกเกียรติ ชาลีจันทร์" ไล่ทวงศักดิ์ศรีแบงก์คืน ฟ้อง "สุเทพ เทือกสุบรรณ" แล้ว

14 พ.ค. -- ผู้จัดการรายวัน

หวั่นปัญหาบีบีซีลุกลาม ธปท. เตรียมแจงฐานะ

        แบงก์ชาติทนกระแสกดดันกรณี "บีบีซี" ไม่ไหวหวั่นลุกลามไปกันใหญ่ เตรียมแถลงอย่างเป็นทางการเร็วที่สุดด้านการช่วยเหลือ รับอัดฉีดเต็มที่ แต่ขอหลักทรัพย์มาวางค้ำ เผยสาขาภาคเหลือลูกค้าแห่ถอนเงินแล้วกว่า 10 ล้านบาท จนเป็นข่าวลือปิดทำการ กรรมการบีบีซีประชุมยังไร้ข้อสรุปในตำแหน่งกรรมการอำนวยการ เหตุองค์ประชุมไม่ครบ "เกริกเกียรติ ชาลีจันทร์" โดดร่มเช่นเคย  แบงก์ชาติเร่งทวงหนี้ทุกทาง "ชูศรี แดงประไพ" ประณามแบงก์อื่นซ้ำเติมฉวยโอกาส บีบีซีถูกกระแสข่าวลบโจมตีชาร์จดอกเบี้ยเพิ่ม

16 พ.ค. -- ข่าวหุ้น

อภิชัยเปิดตัวฮุบธนไทย จับตาไล่หุ้นลิ่วตาม TFD

        "อภิชัย เตชะอุบล" แห่งไทยฟากรุ๊ปเปิดตัวเข้าซื้อหุ้นบงล.ธนไทยจากแบงก์บีบีซี ในสถานการณ์ที่ลูกค้าแห่ถอนเงินหนักจนต้องขายทิ้งหาเงินต่อลมหายใจ เผยฝ่าด่านศึกแย่งหุ้นภายในบริษัทก่อนเข้าวินกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุด เปิดใจดึงเสริมฐานธุรกิจพัฒนาที่ดินซึ่งกำลังจ่อคิวเข้าตลาดหุ้น 2 บริษัท วงการหุ้นจับตาไล่ราคา TFT ร้อนระเบิดซ้ำรอยหุ้น TFD ที่เพิ่งเข้าเทกโอเวอร์เมื่อตอนต้นปี

20 พ.ค. -- วัฏจักร

แบงก์ชาติฉีดหมื่นล้าน ตั้ง ฉก. กู้ `หนี้เน่า' บีบีซี

        ปฏิบัติการสายฟ้าแลบของคณะกรรมการควบคุม "บีบีซี" เดินหน้าไม่หยุด หวังฟื้นภาพพจน์ลดการแห่ถอนเงินโดยเร่งด่วนตั้งหน่วยงานพิเศษพัฒนาหนี้เทคโอเวอร์ ที่เสี่ยงต่อการเป็น "หนี้สูญ" ให้เสียหายน้อยที่สุด "วันชัย-สุวิมล-ม.ร.ว.อรอนงค์" นำทีมหลังพบพัวพัน "เอิร์ธฯ-เอเชี่ยนฟุตแวร์-ไทย อกริ ฟู้ดส์" แบงก์ชาติไม่ประมาท เตรียมเงินสด 9,500 ล้านบาท รองรับแห่ถอนเงินระลอกใหม่

21 พ.ค. -- วัฏจักร

ปัญหาหนี้เน่า "บีบีซี" กระทบ บงล. ในเครือ ไทยฟูจิ-ไทยรุ่งเรืองฯ รับลูกค้าถอนเงิน

        ผลกระทบ "บีบีซี" โยงใยเป็นลูกโซ่ ไทยรุ่งเรืองทรัสต์ยอมรับลูกค้าถอนเงินไปกว่า 10 ล้านบาท ขณะที่ไทยฟูจิวอนทางการสางปัญหาก่อนวุ่นวายกว่านี้ เผยบีบีซีไม่เคยควบคุมการทำงานปล่อยเป็นอิสระเต็มที่  ชี้บีบีซีเป็นแค่ลูกค้าดีลเทคโอเวอร์

 

Interbank Lending อัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารฯ

​จากที่เราได้ศึกษากรณีในประเทศไทย ส่วนหนึ่งของการป้องกันปัญหาธนาคารล้มจากการเกิด Bank run ก็คือ การกู้ยืมเงินข้ามคืนระหว่างธนาคาร จากตารางแสดงอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมเงินข้ามคืนระหว่างธนาคาร (Interbank rate) ในช่วงปี พ.ศ. 2540 คัดเลือกมาเฉพาะต้นเดือน ช่วงต้นปี อัตราดอกเบี้ยฯ อยู่ที่ประมาณ 11.5-14.5% พอถึงเดือน ก.ค. 2540 ประเทศไทยประสบกับวิกฤติทางเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ยฯ เพิ่มสูงถึง 16.75-30% ซึ่งการที่อัตราดอกเบี้ยฯ ปรับตัวสูงขึ้นเป็นนัยถึงความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจของประเทศลดลงทำให้ประชาชนภายในประเทศพากันมาถอนเงิน หรือเกิดปรากฏการณ์ Bank run ธนาคารจึงต้องหาเงินมาเพิ่มเพื่อจ่ายคืนผู้ที่ต้องการมาถอนเงินโดยการกู้ยืมเงินข้ามคืนระหว่างธนาคาร ทำให้ความต้องการการกู้ยืมเงินข้ามคืนระหว่างธนาคารสูงขึ้น

 

วกกลับมาด้าน ECB มันจึงไม่เป็นเหตุผลอันสมควรที่ สถาบันทางการเงินที่กู้ยืมเงินจาก ECB ดอกเบี้ย 1% ระยะเวลา 3 ปี โดย ECB หวังให้เอาเงินไปซื้อพันธบัตร หรือ ตราสารหนี้ของประเทศ เพื่อจะได้ให้ Yield ผลตอบแทนลดตำ่ลงตามเป้า สถาบันการเงินเหล่านั้นกลับนำเงินที่ได้รับไป เอามาฝากข้ามคืน รับดอกเบี้ย 0.25% ขาดทุนเห็นๆ 0.75% มันเลยเป็นสิ่ง ไม่โง่ก็บ้า นักลงทุนเลย " เกิดอาการตกใจกังวล ว่า เป็นการลดภาระ หรือ เพิ่มภาระ "

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีครับ คุณ เต้าหู้ฯ แผนผังการเดินทางของเงินครับ

 

แบกเงินสด

10557_553000000902401.JPEG

ขึ้นรถ

4b106adaef2f79dede1686a40.jpg

จุดหมายปลายทาง

4416970001_ed802ee026.jpg

 

ecb-pass-trash.jpg

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

สหรัฐ ขายเครื่องบินรบล็อตใหญ่มูลค่าเกือบ 30,000 ล้านดอลลาร์ แก่ซาอุดิอาระเบีย

 

สหรัฐ ตกลงขายเครื่องบินรบโบอิ้ง เอฟ15 ล็อตใหญ่จำนวน 84 ลำ และอัพเกรดเครื่องบินล็อตเดิม 70 ลำ ให้แก่ซาอุดิอาระเบีย ภายใต้ข้อตกลงมูลค่ามหาศาลเกือบ 30,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของดีลการซื้อขายอาวุธระยะเวลา 10-15 ปี ระหว่างรัฐบาลวอชิงตันและซาอุดิอาระเบีย ที่เพิ่งได้รับการเห็นชอบจากสภาคองเกรสสหรัฐเมื่อปีที่แล้ว ทั้งนี้ การขายอาวุธให้แก่ซาอุดิอาระเบียซึ่งถือเป็นพันธมิตรใกล้ชิดที่สุดชาติหนึ่งของสหรัฐ มีขึ้นในช่วงที่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและอิหร่านเริ่มกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง หลังรัฐบาลเตหะราน ออกโรงขู่จะปิดช่องแคบฮอร์มุซ เส้นทางเดินเรือหลักของอ่าวเปอร์เซีย หากชาติตะวันตกบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน . 

ข้อมูลข่าวและที่มา

 

ผู้สื่อข่าว : จีรธิดา คำสวน / สวท   Rewriter : จีรธิดา คำสวน / สวท

สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ : http://thainews.prd.go.th

 วันที่ข่าว : 30 ธันวาคม 2554

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เศรษฐกิจของสเปนหดตัวในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ซึ่งเป็นผลจากความตึงเครียดในตลาดเงินและแนวโน้มเศรษฐกิจโลกแย่ลง

 

ธนาคารกลางสเปนเผยแพร่รายงานประจำเดือน ว่า เศรษฐกิจของประเทศหดตัวในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ซึ่งเป็นผลจากความตึงเครียดในตลาดเงินและแนวโน้มเศรษฐกิจโลกแย่ลง รายงานดังกล่าว เพิ่มกระแสวิตกที่แพร่สะพัดอยู่แล้วว่าสเปนเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยแล้วหลังเศรษฐกิจขยายตัวในอัตราร้อยละ 0 ในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ขณะที่มีอัตราว่างงานสูงถึงร้อยละ 21.5.

 

 

ชาวเยอรมันจำนวนมากยังมองแนวโน้มในปีหน้าอย่างมีความหวัง

 

ผลสำรวจความเห็นชาวเยอรมันซึ่งจัดทำโดยสถาบันวิจัยอัลเลนบาค พบว่า ชาวเยอรมันเกือบครึ่งยังคงมองแนวโน้มปี 2555 อย่างมีความหวังมากกว่าที่จะหวาดวิตก แม้ปัญหาวิกฤติหนี้ยูโรโซนจะยังไม่ผ่านพ้นไป โดยร้อยละ 49 ของกลุ่มตัวอย่างมองปีหน้าในแง่ดี ขณะที่ร้อยละ 17 รู้สึกกังวล และร้อยละ 26 รู้สึกกังขา.

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

พอขึ้นปีใหม่ทุกปีคนไทยเราก็จะกล่าวคำว่า”สวัสดีปีใหม่”เป็นคำที่ไม่เชย เราได้ยินคำนี้มาตั้งแต่จำความได้  เมื่อเป็นภาษาอังกฤษก็จะกล่าวคำว่า Happy New Year  ไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นจึงถือว่าทั้งคำว่า”สวัสดีปีใหม่”และคำว่า Happy New Year กลายเป็นคำอมตะและเป็นประเพณีนิยมที่จะต้องกล่าวถึงกันและกัน  ปีใหม่นี้ ขออวยพรให้กับทุกท่านผู้อ่านทุกคนขอให้มีความสุขและสุขภาพแข็งแรงตลอดไป

 

               ปี 2012 นี้โดยภาพรวมทางเศรษฐกิจจะยังไม่เปลี่ยนแปลงจากปี 2011 มากนักหรืออาจจะแย่กว่าเดิมก็ได้เพราะเราพบกับหลายปัญหา เริ่มจากหนี้สาธารณะของกลุ่มประเทศประชาคมยุโรปที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2009 จากประเทศกรีซ กระจายไปหลายประเทศและตอนนี้กำลังเข้าคุกคามประเทศเศรษฐกิจใหญ่ๆอย่างฝรั่งเศสและเยอรมนี ปัจจุบันโลกนี้มีผลกระทบถึงกันหมด สถานการณ์เกิดขึ้น ณ จุดหนึ่งจะกระทบไปยังจุดอื่นๆ ตัวอย่างประเทศไทยส่งสินค้าไปยุโรป  เมื่อกำลังซื้อจากยุโรปหดตัวลง สินค้าจากประเทศไทยย่อมหดตามไปด้วย ทำให้รายได้ของเกษตกรในไทยหดตัวลงเช่นกันนี่เป็นตัวอย่างง่ายๆ

 

อีกประการหนึ่งโลกได้รับผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลงของอากาศ  เช่นเกิดพายุขึ้นหลายลูกในเอเชีย  ประเทศไทยถูกน้ำท่วม ทำให้ผลผลิตทางเกษตรที่เคยเก็บเกี่ยวได้เป็นประจำก็ขาดแคลนลง เป็นเรื่องธรรมดาเมื่อผลผลิตน้อยลง ราคาก็ถีบตัวสูงขึ้น ทำให้เราต้องใช้เงินซื้อเพิ่มขึ้น การใช้เงินซื้อเพิ่มขึ้นแต่ได้สินค้าเท่าเดิม ภาษาเศรษฐศาสตร์เรียกว่าเกิด”ภาวะเงินเฟ้อ”ขึ้นมาแล้ว

 

อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะเกิดวิกฤติในยุโรป  แต่สภาพเศรษฐกิจของจีนกลับดีขึ้นเป็นเจ้าหนี้ประเทศอื่นๆ  จึงเชื่อว่าจีนจะเข้ามาช่วยกอบกู้สถานการณ์เศรษฐกิจโลกได้ไม่ต้องให้โลกนี้ย่ำแย่มากนัก  จึงพอมองได้ว่ายุโรปซวนเซ,สหรัฐอเมริกาเริ่มฟื้นตัวแต่ยังไม่มากนักและเอเชียโดยเฉพาะจีนจะเข้ามาช่วยโลกนี้ได้  เมื่อมองภาพรวมคร่าวๆเช่นนี้ขอให้ทุกคนมีความหวังว่าโลกนี้มืดไม่ได้มืดมิดไปหมด ขอให้ทุกท่านสวัสดีมีชัยปีใหม่ 2012 และตลอดไป

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

2012 แบงก์ยุโรป-มะกันกระอักเลือด ช่องทางหาเงินลด ระเบียบใหม่ตามเช็ด! (30/12/2554)

เป็นข้อเท็จจริงที่ว่า ในปี 2012 ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ จะถือเป็นปีที่สุดหินอย่างที่สุดสำหรับภาคธนาคารทั้งในสหรัฐ และยุโรป ไม่ว่าจะเป็นเพราะปัจจัยจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะงักลงทั้งสองฟากฝั่งแอตแลนติก ราคาสินทรัพย์ที่ดิ่งเหวตลอดจนกฎระเบียบใหม่ในภาคการเงิน ที่กำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ต้องเพิ่มทุนเพื่อลดความเสี่ยงจากการล้มละลาย ปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลให้ “ปีมะโรง” เป็นปีที่ธนาคารพาณิชย์ในโลกตะวันตกไม่ลืมกันทีเดียว

 

ทั้งนี้ ธนาคารพาณิชย์ทั้งในสหรัฐและยุโรปตกอยู่ในภาวะที่นั่งลำบากอยู่แล้ว อีกทั้งยังจะต้องเร่งเพิ่มทุนให้ได้ตามเป้าที่วางไว้ตามมติคณะกรรมการบาเซิล ที่เรียกว่า “บาเซิล 3” (Basel III) ที่กำหนดให้สถาบันการเงินและธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่ในสหรัฐและยุโรปจำเป็นต้องทุนสำรองขึ้นอีก 7% อีกด้วย เพื่อสร้างฐานให้แข็งแกร่งลดความเสี่ยงต่อการล้มละลาย

 

แน่นอนว่าสำหรับยุโรปแล้ว ปี 2011 ที่ผ่านมาการเติบโตทางเศรษฐกิจนั้นแย่มาก หนำซ้ำยังมีแนวโน้มว่าอาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีหน้าด้วยซ้ำ ดังนั้นการเพิ่มทุนใดๆ ตามกฎระเบียบใหม่ของบาเซิล 3 แทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ซ้ำร้ายวิกฤตหนี้ที่กำลังเรื้อรังในยุโรป ยังทำให้ธนาคารพาณิชย์มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกด้วย

 

 

สภาพแวดล้อมเช่นนี้ จะส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์จำเป็นต้องดำเนินกิจการด้วยความรัดกุมยิ่ง ซึ่งจะนำไปสู่การจำกัดการปล่อยกู้ และจะส่งผลกระทบต่อไปยังภาคธุรกิจโดยรวม และในที่สุดเศรษฐกิจของยุโรปนั้นจะ “ไม่โต”

 

ส่วนสถานะของธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐนั้น แม้ว่าจะดูดีกว่าในยุโรปบ้างเล็กน้อย เพราะยังสามารถเพิ่มทุนได้จากผลประกอบการที่ดีกว่า แต่ปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นในสหรัฐก็ไม่น่าไว้วางใจทีเดียว

 

ย้อนรอยไปหลังจากวิกฤตการเงินในช่วงปี 20072008 รัฐบาลสหรัฐได้คลอดกฎระเบียบใหม่ขึ้นมากมาย เพื่อลดความเสี่ยงต่อการทำธุรกิจแบบโลดโผนเกินไปในภาคการเงิน อันจะนำไปสู่วิกฤตได้ พร้อมๆ กับออกกฎระเบียบใหม่เพื่อปกป้องผู้บริโภคมากขึ้น ซึ่งกฎระเบียบใหม่กำลังทำให้พื้นที่ “หาเงิน” ของธนาคารพาณิชย์ลดลงไปมาก เมื่อเทียบกับเมื่อครั้งก่อนที่จะเกิดวิกฤตการเงินเมื่อ 3 ปีก่อน

 

นั่นหมายความว่า หนทางที่จะทำกำไรของธนาคารในสหรัฐหลังจากนี้นั้น เรียกได้ว่า “ยากกว่าเดิม” หลายเท่าตัว

 

กลุ่มที่ปรึกษาด้านการเงินในบอสตันให้ความเห็นว่า การลงทุนในธุรกิจทุกสายในสหรัฐขณะนี้ ล้วนแต่จำเป็นต้องใช้เงินทุกมากขึ้นแต่จะทำกำไรได้น้อยลง ถือว่าอุตสาหกรรมธนาคารทั้งระบบในสหรัฐกำลังเดินมาถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ที่จะต้องคิดอย่างหนักมากขึ้นเป็นเงาตามตัวว่าจะ “หาเงินกันอย่างไร”

 

ทั้งนี้ จากการสำรวจของกลุ่มที่ปรึกษาภาคการเงินในบอสตันที่ทำการสำรวจ 145 ธนาคารทั่วโลก ชี้ว่าธนาคารพาณิชย์ในยุโรปต้องการระดมทุนเพิ่มให้ได้ถึง 2.88 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อให้ได้ตามมาตรฐานใหม่ที่กำหนดไว้ในข้อตกลงบาเซิล 3 ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่สูงกว่าที่ธนาคารในยุโรปสามารถหาได้ นับตั้งแต่ผ่านวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์มาถึง 3 เท่าตัว

 

ส่วนธนาคารในสหรัฐนั้น ต้องการระดมทุนเพิ่มให้ได้ถึง 1.33 ล้านยูโร

 

เนื้อหาในข้อตกลงบาเซิล 3 นั้น ได้ระบุไว้ชัดเจนว่า ธนาคารรายใหญ่ทั้งในสหรัฐและยุโรป จำเป็นที่จะต้องเพิ่มทุนในสัดส่วนที่สูงกว่าธนาคารอื่นๆ โดยแบ่งเป็น ธนาคารสหรัฐ 8 แห่ง และธนาคารยุโรป 17 แห่ง เพื่อเป็นการปกป้องผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นในภาคการเงินโลกที่อาจจะเกิดขึ้น ถ้าหากธนาคารายใหญ่เหล่านั้นล้มละลายลง

 

แต่ในทางกลับกันมาตรการนี้ ก็จะทำให้ธนาคารเหล่านั้นต้องเผชิญหน้ากับค่าใช้จ่ายมากขึ้นเป็นเงาตามตัวในส่วนการดำเนินธุรกิจของธนาคารด้วย

 

แรงกดดันนี้รู้สึกได้อย่างรุนแรงที่สุดในยุโรป เมื่อธนาคารต่างๆ ต้องเจอกับปัญหาราคาสินทรัพย์ตกต่ำมาตลอด และอาจจะถึงขั้นต้องหั่นมูลค่าสินทรัพย์ลงจากผลพวงของวิกฤตหนี้ที่กำลังสุกงอม โดยเฉพาะปัญหาหนี้กรีซ

 

แต่ดูเหมือนว่าภาครัฐจะไม่ได้เห็นใจแม้แต่น้อย โดยสำนักงานการธนาคารแห่งยุโรปยังยืนยันว่า ธนาคารพาณิชย์ต้องเพิ่มทุนให้ได้ 1.115 แสนล้านยูโร ภายในเดือน มิ.ย. 2012

 

ดังนั้น ทางเลือกและทางรอดของบรรดานายแบงก์ในยุโรปที่จำเป็นต้องเลือก คือต้องขายทิ้งสินทรัพย์เพื่อลดความเสี่ยงลง แต่การกระทำเช่นนั้นกลับจะยิ่งทำให้เศรษฐกิจของยุโรปถูกผลักให้เข้าใกล้ปากเหวแห่งการถดถอยทางเศรษฐกิจมากขึ้น ถ้าธนาคารพาณิชย์ “ไม่ลงทุน” อีกต่อไป

 

ขณะที่สถานการณ์ของธนาคารในสหรัฐแม้ว่าจะไม่รุนแรงเท่า แต่ในสภาพความเป็นจริง ธนาคารพาณิชย์สหรัฐก็ไม่ได้มีสุขภาพที่แข็งแกร่งนักนับตั้งแต่วิกฤตการเงินเมื่อ 3 ปีก่อนเป็นต้นมา และในปีหน้าการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐเองก็ใช่ว่าจะหรูหราเสียเมื่อไหร่

 

ประการหนึ่ง ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐสามารถเพิ่มรายได้จากการกันทุนสำรองหนี้สูญต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ซึ่งจะได้ผลต่อเมื่อความเสี่ยงลดลง แต่ทว่าในปีหน้าความเสี่ยงกลับเพิ่มขึ้นจากวิกฤตในยุโรป ซึ่งก็จะส่งผลกระทบต่อการทำกำไรในส่วนนี้ของธนาคารสหรัฐโดยตรง

 

ยิ่งไปกว่านั้น ผลจากการปฏิรูปภาคการเงินหลังวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ในสหรัฐ ได้ส่งผลกระทบต่อแหล่งรายได้ของธนาคารโดยตรง เช่น การจำกัดปริมาณเทรดดิงในบัญชีตัวเอง และอีกหลายมาตรการคุมเข้มการดำเนินธุรกิจบัตรเครดิต

 

ภายใต้สภาวะแวดล้อมเช่นนี้ ได้ทำให้เกิดคำถามขึ้นว่า ธนาคารสหรัฐจะแก้ปัญหานี้อย่างไร แน่นอนว่าทางออกที่ทำได้ก็คือการลดพนักงาน

 

ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ธนาคารมอร์แกนสแตนลีย์ ได้ประกาศลดพนักงานลง 1,600 คน จากทั้งหมดที่มีอยู่ 6.3 หมื่นคน ขณะที่ซิตี้กรุ๊ป และธนาคารแบงก์ ออฟ อเมริกา ก็ประกาศเลย์ออฟพนักงานนับพันคนแล้วเช่นกัน

 

ริชาร์ด โบฟ นักวิเคราะห์จากโรชเดล ซิเคียวริตี ให้ความเห็นว่า รายจ่ายกว่าครึ่งหนึ่งของธนาคารเหล่านี้ เป็นรายจ่ายพนักงานทั้งสิ้น

 

“หากคุณจะควบคุมรายจ่ายก็ต้องไล่คนออก”

 

ส่วนในกรณีของยุโรปนั้น โบฟเห็นว่าทางออกก็คือ รัฐบาลยุโรปแต่ละชาติจำเป็นต้องยื่นมือเข้าช่วยเหลือธนาคารพาณิชย์โดยตรงบ้าง แต่หากทำเช่นนั้นจริง ก็จะเป็นการขัดต่อหลักการณ์ของ “บาเซิล 3” ทันที ที่ไม่ต้องการให้นำเงินภาษีของประชาชนไปอุดหนุนภาคเอกชน

 

สุดท้าย ข้อตกลงบาเซิล 3 นั่นเอง ที่กำลังกลายเป็นนางร้ายตามเช็ด ทำให้สถานะของแบงก์ยุโรปและอเมริกันตกที่นั่งลำบากหนักยิ่งกว่าเก่า

 

ว่ากันว่า จะถึงขั้นกระอักเลือดกันเลยเชียว

 

ที่มา : ข่าวราคายาง (วันที่ 30 ธันวาคม 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าครับ ปีใหม่ที่จะถึงนี้ขอให้คุณเด็กขายของแข็งแรงร่ำรวยๆๆๆๆ ครับ

ถูกแก้ไข โดย kimenyi

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นายมาริโอ มอนติ นายกรัฐมนตรีอิตาลี ออกมาขานรับผลการประมูลขายตราสารหนี้ระยะเวลา 2 วัน ซึ่งเสร็จสิ้นลงวันนี้ โดยต้นทุนการกู้ยืมของอิตาลีปรับตัวลดลง แต่ก็ยังมองว่า ความผันผวนของตลาดยังไม่สิ้นสุด และรัฐบาลชุดใหม่กำลังเตรียมมาตรการต่างๆเพื่อหนุนเศรษฐกิจอิตาลีให้กลับมาขยายตัวได้อีกครั้ง

 

ทั้งนี้ รัฐบาลอิตาลีจะเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อที่ประชุมผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) ในวันที่ 23 ม.ค.นี้ โดยนายมอนติกล่าวว่า มาตรการดังกล่าวจะมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันและการเปิดเสรีในตลาดแรงงาน

 

อิตาลี สามารถระดมทุนจากการประมูลขายพันธบัตรอายุ 10 ปีได้ 7 พันล้านยูโร (9 พันล้านดอลลาร์) โดยให้อัตราผลตอบแทน 6.98% ซึ่งแม้ว่าตัวเลขดังกล่าวปรับตัวลดลง แต่นายมอนติกล่าวว่า รัฐบาลของเขายังต้องทำงานอีกมาก ก่อนที่จะทำให้ตลาดการเงินเชื่อมั่นว่าอิตาลี สามารถจัดการกับหนี้ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก จนเป็นเหตุให้อิตาลีถูกจับตามากที่สุดท่ามกลางวิกฤตหนี้ยูโรโซนในขณะนี้

 

นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของอิตาลีที่เคลื่อนไหวอยู่ใกล้ระดับ 7% ยังถูกมองว่าเป็นระดับที่อันตราย เมื่อพิจารณาจากเมื่อครั้งที่กรีซ ไอร์แลนด์ และโปรตุเกส ต้องยื่นขอความช่วยเหลือด้านการเงินหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ของประเทศเหล่านี้ พุ่งขึ้นเหนือระดับ 7%

 

ก่อนหน้านี้ ตลาดการเงิน วิตกกังวลเกี่ยวกับภาระหนี้สินมูลค่ามหาศาลถึง 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ (2.5 ล้านล้านดอลลาร์) ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และคาดว่าเฉพาะในปีหน้าปีเดียว อิตาลีจะมีหนี้สินสูงถึง 3.30 แสนล้านยูโร (4.31 แสนล้านดอลลาร์) ซึ่งหมายความว่า อิตาลีจะต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะสามารถโน้มน้าวตลาดได้เชื่อมั่นว่า อิตาลีจะรอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้

 

 

สัญญาทองคำ ตลาดนิวยอร์ก ปิดตลาดปรับตัวร่วงลง ถือเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 6 วันทำการ เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงเป็นแรงกดดันให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำ นอกจากนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรปยังเป็นอีกปัจจัยที่ฉุดสัญญาทองคำร่วงลงด้วย

 

ทั้งนี้ ราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 23.2 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 1,540.9 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1540.9 - 1532.0 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

 

ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์ก ปิดบวกเพราะได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า อิหร่านอาจจะปิดช่องแคบฮอร์มุซ หากถูกคว่ำบาตรในระดับที่รุนแรงขึ้น

 

สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์ก ปิดตลาดบวก เพราะได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า อิหร่านอาจจะปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางลำเลียงน้ำมันที่สำคัญ หากอิหร่านถูกคว่ำบาตรในระดับที่รุนแรงขึ้น แต่สัญญาน้ำมันดิบก็ปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปทานพลังงานในสหรัฐ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (อีไอเอ) เปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้นเกินคาดในรอบสัปดาห์ที่แล้ว

 

ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ ส่งมอบเดือนก.พ.ขยับขึ้น 29 เซนต์ หรือ 0.29% ปิดที่ 99.65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 99.92 - 98.30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ทะเลเหนือ กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนก.พ. ปรับตัวขึ้น 45 เซนต์ ปิดตลาดที่ราคา 108.01 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ (วันที่ 30 ธันวาคม 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 ธ.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดการทำสัญญาขายบ้านที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือนพ.ย. นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับความสำเร็จในการประมูลขายพันธบัตรของอิตาลี

 

ดัชนี FTSE 100 ปิดบวก 59.39 จุด หรือ 1.1% แตะที่ 5,566.77 จุด

ตลาดหุ้นลอนดอนได้แรงหนุนจากรายงานของสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติที่ระบุว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 7.3% ในเดือนพ.ย. สู่ระดับ 100.1 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 19 เดือน และมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่ายอดทำสัญญาขายบ้านจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.0% ในเดือนพ.ย.

 

นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่า รัฐบาลอิตาลีสามารถประมูลขายพันธบัตรอายุ 10 ปีได้ 7 พันล้านยูโรเมื่อวานนี้ ด้วยอัตราผลตอบแทนที่ลดลงจากการประมูลครั้งก่อน

 

หุ้นไอทีวี พุ่งขึ้น 2.15 ส่วนหุ้นปิโตรแฟค ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านวิศวกรรมบ่อน้ำมัน พุ่งขึ้น 2.2% และหุ้นเน็กซ์ ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกเสื้อผ้ารายใหญ่อันดับ 2 ของอังกฤษ ดีดตัวขึ้น 1.8%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 ธ.ค.) ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงยอดการทำสัญญาขายบ้านที่พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนพ.ย. และจำนวนคนว่างงานโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ที่ปรับตัวลดลง ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยชดเชยความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรป หลังจากนักลงทุนผิดหวังต่อผลการประมูลพันธบัตรของอิตาลี

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดบวก 0.9% แตะที่ 242.46 จุด

 

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3127.56 จุด บวก 56.48 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 5848.78 จุด บวก 77.51 จุด และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5566.77 จุด บวก 59.37 จุด

 

ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงจำนวนคนว่างงานโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ที่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบหลายปี และยอดทำสัญญาขายบ้านที่พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนพ.ย. ช่วยหนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดในแดนบวกได้ หลังจากตลาดร่วงลงในช่วงแรก เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อผลการประมูลพันธบัตรของอิตาลี

 

ทั้งนี้ อิตาลีขายพันธบัตรอายุ 10 ปี ได้ 7 พันล้านยูโร ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายสูงสุดที่วางไว้ที่ 8.5 พันล้านยูโร ขณะที่อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ 6.98% ซึ่งแม้ว่าจะลดลงจากระดับ 7.56% ในการประมูลเมื่อวันที่ 29 พ.ย. แต่ก็ยังถือว่าเป็นระดับที่ไม่มีเสถียรภาพ

 

หุ้นกลุ่มเคมีภัณฑ์ปรับตัวขึ้นแข็งแกร่ง โดยหุ้นเบเยอร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเคมีภัณฑ์รายใหญ่ของเยอรมนี พุ่งขึ้น 2.9% หุ้นยารา อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งเป็นผู้ผลิตปุ๋ยไนโตรเจน ดีดขึ้น 1.9% และหุ้นซินเจนตา ซึ่งเป็นผู้ผลิตยาฆ่าแมลงสำหรับพืช ปรับตัวขึ้น 1.1%

 

อย่างไรก็ตาม หุ้นเฟียต ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของยุโรป ปรับตัวลง 0.9% หลังจากนักวิเคราะห์ของบังคา ไอเอ็มไอ ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นเฟียต

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าครับ ปีใหม่ที่จะถึงนี้ขอให้คุณเด็กขายของแข็งแรงร่ำรวยๆๆๆๆ ครับ

T300311_01CM.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดตลาดบวก 36.01 จุด แตะที่ 8,434.90 จุดในวันนี้ (30 ธ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ

 

โบรกเกอร์กล่าวว่า ตลาดหุ้นโตเกียวเปิดตลาดในแดนบวก ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ รวมถึงยอดการทำสัญญาขายบ้านที่พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนพ.ย. และดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจในเขตชิคาโกที่ปรับตัวขึ้นเกินคาด ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ

 

สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 7.3% ในเดือนพ.ย. สู่ระดับ 100.1 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 19 เดือนและมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่ายอดทำสัญญาขายบ้านจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.0% ในเดือนพ.ย.

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) – (วันที่ 30 ธันวาคม 2554)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...