ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

เฟดเผย 15 แบงก์ใหญ่สหรัฐผ่านทดสอบภาวะวิกฤติ รวมเจพีมอร์แกน,โกลด์แมน แซคส์ (14/03/2555)

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า มีธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ 15 แห่ง จากทั้งหมด 19 แห่งที่ผ่านการทดสอบภาวะวิกฤติ (stress test) ซึ่งธนาคารที่ผ่านการทดสอบนั้น รวมถึงเจพีมอร์แกน, แบงก์ ออฟ อเมริกา และโกลด์แมน แซคส์ ส่วนธนาคาร 4 แห่งที่ไม่ผ่านการทดสอบนั้น รวมถึง ซิตี้กรุ๊ป และธนาคารเม็ทไลฟ์

 

การทดสอบภาวะวิกฤติในครั้งนี้ มีเป้าหมายที่จะประเมินว่าธนาคารเหล่านี้มีฐานเงินทุนมากพอที่จะต้านทานภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงและวิกฤติตลาดที่อยู่อาศัยหรือไม่ โดยเฟดระบุว่า ระดับเงินทุนที่แข็งแกร่งถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะสร้างความเชื่อมั่นว่า ภาคธนาคารมีความสามารถในการปล่อยเงินกู้และยังสามารถดำเนินการตามกฎข้อบังคับด้านการเงินต่อไปได้ แม้ในขณะที่ต้องเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจก็ตาม

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันทื่ 14 มีนาคม 2555)

 

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (13 มี.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะมีการใช้นโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบ 3 (QE3) ในการประชุมครั้งล่าสุด

 

สัญญาทองคำที่ตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 5.60 ดอลลาร์ หรือ 0.33% ปิดที่ 1,694.20 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1700.0 - 1689.0 ดอลลาร์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 16.80 เซนต์ ปิดที่ 33.581 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 6 เซนต์ ปิดที่ 3.90 ดอลลาร์/ปอนด์

 

ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 1,701.80 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 6.10 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดที่ 708.85 ดอลลาร์ พุ่งขึ้น 4.60 ดอลลาร์

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาทองคำปรับตัวลงหลังจากสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนก.พ.ดีดตัวขึ้น 1.1% ซึ่งน้อยกว่าที่เทรดเดอร์ในตลาดทองคำคาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 1.2-1.4%

 

นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้รับแรงกดดันจากการที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะใช้มาตรการ QE3

 

เทรดเดอร์บางคนมองว่า การที่ตลาดหุ้นสหรัฐทะยานขึ้น รวมถึงดัชนี Nasdaq ที่ปิดเหนือระดับ 3,000 จุดเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปีนั้น อาจจะช่วยกระตุ้นการลงทุนในตลาดทองคำ แต่สถานการณ์ดังกล่าวก็ไม่สามารถหนุนทองคำให้ปรับตัวขึ้นได้ และนับเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือนที่สัญญาทองคำเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับต่ำกว่าสัญญาพลาตินัม

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันทื่ 14 มีนาคม 2555)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: เงินดอลล์/ยูโรพุ่ง หลังเฟดเมินส่งสัญญาณใช้ QE3 (14/03/2555)

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับยูโรและเงินเยน ในการซื้อขายช่วงท้ายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (13 มี.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะมีการใช้นโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบ 3 (QE3) ในการประชุมครั้งล่าสุด นอกจากนี้ เฟดยังได้ปรับเพิ่มการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจ ซึ่งช่วยให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐมากขึ้น

 

ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.59% แตะที่ 1.3076 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.3153 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์พุ่งขึ้น 0.41% แตะที่ 1.5700 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5636 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.86% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 82.970 เยน จากระดับ 82.260 เยน และพุ่งขึ้น 0.77% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.9235 ฟรังค์ จากระดับ 0.9164 ฟรังค์

 

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.29% แตะที่ 1.0540 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0509 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.53% แตะที่  0.8221 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8178 ดอลลาร์สหรัฐ

 

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) ไม่ได้ส่งสัญญาณใดๆว่าจะใช้มาตรการ QE3 เพียงแต่ปรับเพิ่มแนวโน้มเศรษฐกิจว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่จะขยายตัวปานกลาง และคาดว่าอัตราว่างงานจะค่อยๆปรับตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป

 

นอกจากนี้ แถลงการณ์ของเฟดระบุว่า การใช้จ่ายในภาคครัวเรือนและการลงทุนในภาคธุรกิจยังคงมีการขยายตัว แต่ตลาดที่อยู่อาศัยยังอยู่ในภาวะซบเซา ส่วนอัตราเงินเฟ้อปรับตัวลดลงในระดับหนึ่งแล้ว อย่างไรก็ตาม การที่ราคาน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินได้ปรับตัวขึ้นในระยะนี้ อาจจะหนุนเงินเฟ้อให้สูงขึ้นชั่วคราว แต่ถึงกระนั้นก็ตาม เฟดคาดว่าเงินเฟ้อจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับหรือต่ำกว่าระดับเป้าหมายของเฟดที่ 2% ในวันข้างหน้า

 

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนมากขึ้นเมื่อกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนก.พ.ปรับตัวขึ้น 1.1% ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1% และยังเป็นการขยายตัวมากสุดในรอบ 5 เดือน

 

ขณะที่สกุลเงินยูโรอ่อนแรงลงแม้สถาบัน ZEW ของเยอรมนีเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนประจำเดือนมี.ค.พุ่งขึ้นสู่ระดับ 22.3 จุด สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 10.0 จุด ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นในเดือนก.พ.อยู่ที่ 5.4 จุด

 

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น 0.7% สู่ระดับ 1.57 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนม.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนม.ค.

 

ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.พ., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.พ.

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันทื่ 14 มีนาคม 2555)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เฟดคงดอกเบี้ย 0-0.25% ยันตรึงดอกเบี้ยต่ำถึงปี 2557 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ (14/03/2555)

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ที่ระดับ 0 - 0.25 % ในการประชุมเมื่อวานนี้ (13 มี.ค.) พร้อมกับยืนยันว่า เฟดจะยังคงรักษาอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำเป็นพิเศษต่อไปอย่างน้อยจนถึงปี 2557 โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ในการประชุมครั้งล่าสุดนี้ เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะมีการใช้นโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบ 3 (QE3)

 

แถลงการณ์ภายหลังการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) ระบุว่า คณะกรรมการเอฟโอเอ็มซีมีมติด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 1 ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ระดับ 0 - 0.25% และยังคงดำเนินโครงการขยายกำหนดเวลาการไถ่ถอนหลักทรัพย์ที่เฟดถือครองอยู่ออกไป ตามที่ได้ประกาศไว้ในเดือนก.ย. 2554 และเฟดจะยังคงดำเนินนโยบายในการนำเงินต้นที่ได้รับจากตราสารหนี้ของหน่วยงานที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐ มาลงทุนใหม่ในหลักทรัพย์ที่ได้รับการค้ำประกันจากสัญญาจำนองของหน่วยงานดังกล่าว

 

ในการประชุมครั้งนี้ คณะกรรมการเฟดได้ออกรายงานภาวะเศรษฐกิจว่า การใช้จ่ายในภาคครัวเรือนและการลงทุนในภาคธุรกิจยังคงมีการขยายตัว แต่ตลาดที่อยู่อาศัยยังอยู่ในภาวะซบเซา ส่วนอัตราเงินเฟ้อปรับตัวลดลงในระดับหนึ่งแล้ว อย่างไรก็ตาม การที่ราคาน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินได้ปรับตัวขึ้นในระยะนี้ อาจจะหนุนเงินเฟ้อให้สูงขึ้นชั่วคราว แต่ถึงกระนั้นก็ตาม เฟดคาดว่าเงินเฟ้อจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับหรือต่ำกว่าระดับเป้าหมายของเฟดที่ 2% ในวันข้างหน้า

 

นอกจากนี้ เฟดประเมินว่า ภาวะตึงเครียดในตลาดการเงินทั่วโลกได้ผ่อนคลายลงแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ภาวะตึงเครียดที่ยังคงเกิดขึ้นในขณะนี้ยังคงทำให้เศรษฐกิจมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะขาลงอย่างมีนัยสำคัญ

 

ในการประชุมครั้งนี้ เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะมีการใช้มาตรการ QE3 เพียงแต่ยืนยันว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำเป็นพิเศษต่อไปจนถึงปี 2557 เพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ พร้อมกับระบุว่าจะทำการทบทวนเรื่องขนาดและองค์ประกอบของงบดุลของเฟดเป็นระยะๆ และจะทำการปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม และการประชุมครั้งนี้ มีเพียงนายเจฟฟรีย์  แลคเกอร์ ผู้ว่าเฟดสาขาริชมอนด์เพียงคนเดียวเท่านั้น ที่คาดค้านการตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำ

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันทื่ 14 มีนาคม 2555)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นายเจนส์ ไวด์มานน์ ประธานธนาคารกลางเยอรมนี หรือ บุนเดสแบงก์ กล่าวเตือนว่า มาตรการปล่อยเงินกู้ฉุกเฉินของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ก่อให้เกิดความเสี่ยงรุนแรงและเป็นเพียงการซื้อเวลาในการจัดการกับต้นตอของวิกฤติหนี้ภูมิภาค เพราะฉะนั้นอีซีบีต้องเริ่มหาแนวทางที่จะถอนมาตรการต่างๆที่มีจุดประสงค์ในการแก้วิกฤต

 

นายไวด์มานน์กล่าวในการแถลงข่าวของบุนเดสแบงก์ว่า นั่นไม่ได้หมายความว่าจะต้องถอนมาตรการกู้วิกฤตในขณะนี้ แต่ธนาคารกลางควรต้องพิจารณาแนวทางในการถอนมาตรการพิเศษและสกัดวามเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากวิกฤต

 

ทั้งนี้ อีซีบีได้จัดสรรสภาพคล่องกว่า 1 ล้านล้านยูโร (1.31 ล้านล้านดอลลาร์) ในการปล่อยเงินกู้ 2 ครั้งในวันที่ 21 ธ.ค.ปีที่แล้ว และวันที่ 29 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยมีการผ่อนคลายข้อกำหนดด้านหลักทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสี่ยงแก่ระบบธนาคาร

 

นายไวด์มานน์ระบุว่า เงินกู้ดังกล่าวจะเป็นการช่วยเหลือธนาคารที่ประสบปัญหาในการดำเนินธุรกิจ ขณะเดียวกันจะทำให้รัฐบาลประเทศต่างๆละเลยความพยายามในการจัดการด้านการเงินและปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศ

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันทื่ 14 มีนาคม 2555)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรปได้เรียกร้องให้ธนาคารและรัฐบาลใช้ความพยายามมากที่สุดเพื่อแก้วิกฤตหนี้ ขณะที่นายดรากีก็พยายามหาทางที่จะทำให้ธนาคารกลางยุโรปสามารถทำหน้าที่หลักในการสร้างความเชื่อมั่นเรื่องเสถียรภาพของราคา

 

นายดรากีกล่าวสุนทรพจน์ที่กรุงปารีสในวันนี้ว่า เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายมองเห็นถึงสัญญาณของเสถียรภาพอย่างต่อเนื่องในระบบเศรษฐกิจ และธนาคารต่างๆควรที่จะใช้โอกาสนี้ เพื่อส่งเสริมให้เกิดความยืดหยุ่นมากขึ้น ตลอดจนคงระดับรายได้ ลดการจ่ายผลตอบแทนและโบนัส ระบบการเงินควรจะตอบสนองเศรษฐกิจ

 

ที่ผ่านมา ธนาคารกลางยุโรปได้ทำหน้าที่หลักในการต่อสู้กับวิกฤตที่กินเวลานาน 3 ปี ด้วยการให้ความช่วยเหลือธนาคาร ลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ และซื้อพันธบัตรรัฐบาลของประเทศที่มีปัญหา มาตรการเหล่านี้ทำให้งบดุลของธนาคารกลางสูงถึงกว่า 3 ล้านล้านยูโร จนทำให้นายเจนส์ ไวด์มานน์ ประธานธนาคารกลางเยอรมนีต้องออกจดหมายเตือนนายดรากีว่า ธนาคารกลางไม่ควรที่จะแบกรับความเสี่ยงมากจนเกินไป

 

ประธานธนาคารกลางยุโรปยังได้เรียกร้องให้รัฐบาลประเทศต่างๆรักษาเสถียรภาพทางการเงิน เพื่อให้การปฏิรูปเศรษฐกิจมีความก้าวหน้า พร้อมกับระบุว่า การให้ความร่วมมือกับธนาคารกลางยุโรปนั้น จำเป็นต้องมีแรงสนับสนุนโดยการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายระดับประเทศ

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันทื่ 14 มีนาคม 2555)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า มีธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ 15 แห่ง จากทั้งหมด 19 แห่งที่ผ่านการทดสอบภาวะวิกฤติ (stress test) ซึ่งธนาคารที่ผ่านการทดสอบนั้น รวมถึงเจพีมอร์แกน, แบงก์ ออฟ อเมริกา และโกลด์แมน แซคส์ ส่วนธนาคาร 4 แห่งที่ไม่ผ่านการทดสอบนั้น รวมถึง ซิตี้กรุ๊ป และธนาคารเม็ทไลฟ์

 

เฟดระบุในรายงานการวิเคราะห์และประเมินเงินทุนแบบเบ็ดเสร็จ (CCAR) ว่า "ธนาคารรายใหญ่ 15 แห่งจากทั้งหมด 19 แห่งที่เข้ารับการทดสอบภาวะวิกฤติในครั้งนี้ มีแนวโน้มว่าจะสามารถรักษาสัดส่วนเงินทุนเอาไว้ได้สูงกว่าระดับต่ำสุดของเกณฑ์การทดสอบที่กำหนดไว้ ในขณะที่ธนาคารอีก 4 แห่งไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีสัดส่วนเงินทุนที่เพียงพอต่อการรับมือกับวิกฤติเศรษฐกิจที่อาจจะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า"

 

ธนาคารที่ไม่สามารถผ่านการทดสอบภาวะวิกฤติในครั้งนี้ได้แก่ ซิตี้กรุ๊ป, ซันทรัสต์, อัลไล ไฟแนนเชียล และเม็ทไลฟ์ เนื่องจากสัดส่วนเงินทุนขั้นต่ำไม่เพียงพอที่จะรับมือกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งรวมถึงอัตราว่างงานที่อาจจะพุ่งขึ้นรุนแรงถึง 13%

 

การทดสอบภาวะวิกฤติในครั้งนี้ มีเป้าหมายที่จะประเมินว่าธนาคารเหล่านี้มีฐานเงินทุนมากพอที่จะต้านทานภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงและวิกฤติตลาดที่อยู่อาศัยหรือไม่ โดยเฟดระบุว่า ระดับเงินทุนที่แข็งแกร่งถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะสร้างความเชื่อมั่นว่า ภาคธนาคารมีความสามารถในการปล่อยเงินกู้และยังสามารถดำเนินการตามกฎข้อบังคับด้านการเงินต่อไปได้ แม้ในขณะที่ต้องเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจก็ตาม

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันทื่ 14 มีนาคม 2555)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

        ดัชนี FTSE 100 ที่ตลาดหุ้นอังกฤษพุ่งขึ้นมาปิดตลาดที่ระดับปิดสูงสุดของ ปีนี้ในวันอังคาร ในขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารและเหมืองแร่ได้รับแรงหนุนจากตัวเลข เศรษฐกิจที่น่าพึงพอใจของยุโรปและสหรัฐ ถึงแม้วอลุ่มการซื้อขายอยู่ในระดับต่ำ  และเทรดเดอร์กล่าวว่าตลาดอาจเข้าใกล้จุดสูงสุดแล้ว

        ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดทะยานขึ้น 63.16 จุด หรือ 1.07 % สู่ 5,955.91  หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,892.75-5,957.94 โดยมีวอลุ่มการซื้อขายอยู่ที่ระดับ เพียง 83 % ของค่าเฉลี่ย 90 วัน

        กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดค้าปลีกสหรัฐพุ่งขึ้น 1.1 % ในเดือน ก.พ.  ซึ่งถือเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 5 เดือน โดยชาวสหรัฐซื้อ ยานพาหนะมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ต้องจายค่าน้ำมันเบนซินและสินค้าอื่นๆมากยิ่งขึ้น 

        สถาบัน ZEW ของเยอรมนีเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นของนักวิเคราะห์ และ  นักลงทุนประจำเดือนมี.ค. พบว่า ความเชื่อมั่นที่มีต่อเศรษฐกิจเยอรมนีอยู่ในระดับ สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2010 โดยดัชนีความเชื่อมั่นพุ่งขึ้นสู่ 22.3 ในเดือน มี.ค.  สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 10.0 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นในเดือนก.พ. อยู่ที่ 5.4  โดยดัชนีนี้บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจเยอรมนีมีเสถียรภาพ

        นายออร์ริน ชาร์ป-เพียร์สัน นักยุทธศาสตร์การลงทุนหุ้นของธนาคารบีเอ็นพี พาริบาส์ กล่าวว่า หุ้นอังกฤษเริ่มมีราคาแพง ถึงแม้กิจกรรมภาคอุตสาหกรรมทั่วโลก ฟื้นตัวขึ้นในระยะนี้

        ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารของอังกฤษปิดตลาดพุ่งขึ้น 2.62 % ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่ม เหมืองแร่ปิดตลาดทะยานขึ้น 1.43 % ในขณะที่นักลงทุนต้องการซื้อสินทรัพย์เสี่ยง มากยิ่งขึ้น

        หุ้นธนาคารลอยด์สพุ่งขึ้น 2.8 % ส่วนหุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ทะยาน ขึ้น 1.5 % หลังจากธนาคารสองแห่งนี้ประกาศปรับลดตำแหน่งงานลงรวมกัน 1,900  ตำแหน่ง โดยมีจุดประสงค์เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำกำไร

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อรุณสวัสดิ์เช้าวันพุธ เมื่อคืน น้าเบนแผลงฤทธิ์ตามคาด พูดจนดอลาร์ดีดราคาทองร่วงเลยครับ

 

ทองคำปิดร่วง 5.60 ดอลล์

 

14 มีนาคม 2555 เวลา 07:52 น. |

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง 5.60 ดอลล์ หลังเฟดไม่ส่งสัญญาณใช้ QE3

 

สัญญาทองคำที่ตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 5.60 ดอลลาร์ หรือ 0.33% ปิดที่ 1,694.20 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1700.0 - 1689.0 ดอลลาร์

 

ทั้งนี้ สัญญาทองคำปรับตัวลงหลังจากสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนก.พ.ดีดตัวขึ้น 1.1% ซึ่งน้อยกว่าที่เทรดเดอร์ในตลาดทองคำคาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 1.2-1.4%

 

นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้รับแรงกดดันจากการที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะใช้มาตรการ QE3

 

เทรดเดอร์บางคนมองว่า การที่ตลาดหุ้นสหรัฐทะยานขึ้น รวมถึงดัชนี Nasdaq ที่ปิดเหนือระดับ 3,000 จุดเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปีนั้น อาจจะช่วยกระตุ้นการลงทุนในตลาดทองคำ แต่สถานการณ์ดังกล่าวก็ไม่สามารถหนุนทองคำให้ปรับตัวขึ้นได้ และนับเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือนที่สัญญาทองคำเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับต่ำกว่าสัญญาพลาตินัม

 

http://www.posttoday.com/

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

8.00 น.ทองคำปิดร่วง $5.60 หลัง​เฟด​ไม่ส่งสัญญาณ​ใช้ QE3

 

Posted on Wednesday, March 14, 2012

สัญญาทองคำที่ตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบ​เดือน​เม.ย.ร่วงลง 5.60 ดอลลาร์ ​หรือ 0.33% ปิดที่ 1,694.20 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจาก​เคลื่อนตัว​ในช่วง 1700.0 - 1689.0 ดอลลาร์

 

สัญญา​โลหะ​เงินส่งมอบ​เดือนพ.ค.​เพิ่มขึ้น 16.80 ​เซนต์ ปิดที่ 33.581 ดอลลาร์/ออนซ์ ​และสัญญา​โลหะทอง​แดงส่งมอบ​เดือนพ.ค.​เพิ่มขึ้น 6 ​เซนต์ ปิดที่ 3.90 ดอลลาร์/ปอนด์

 

ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบ​เดือน​เม.ย.ปิดที่ 1,701.80 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 6.10 ดอลลาร์ ​และสัญญาพัลลา​เดียมส่งมอบ​เดือนมิ.ย.ปิดที่ 708.85 ดอลลาร์ พุ่งขึ้น 4.60 ดอลลาร์

 

ทั้งนี้สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง​เมื่อคืนนี้ (13 มี.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (​เฟด) ​ไม่​ได้ส่งสัญญาณว่าจะมี​การ​ใช้น​โยบายผ่อนคลาย​เชิงปริมาณรอบ 3 (QE3) ​ใน​การประชุมครั้งล่าสุด

 

http://www.moneychannel.co.th/Menu6/NewsUpdate/tabid/89/newsid491/174392/Default.aspx

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

7.30 น.น้ำมันดิบ WTI ปิดบวก 37 ​เซนต์

 

Posted on Wednesday, March 14, 2012

สัญญาน้ำมันดิบ​เวสต์​เท็กซัส (WTI) ที่ตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบ​เดือน​เม.ย.ดีดขึ้น 37 ​เซนต์ ​หรือ 0.35% ปิดที่ 106.71 ดอลลาร์/บาร์​เรล หลังจาก​เคลื่อนตัว​ในช่วง 105.67-107.35 ดอลลาร์

 

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบ​เบรนท์ (BRENT) ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบ​เดือน​เม.ย.ปรับขึ้น 88 ​เซนต์ ​หรือ 0.70% ปิดที่ 126.22 ดอลลาร์/บาร์​เรล หลังจาก​เคลื่อนตัว​ในช่วง 125.00-126.79 ดอลลาร์

 

ทั้งนี้สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดบวก​เมื่อคืนนี้ (13 มี.ค.) ​เพราะ​ได้​แรงหนุนจากรายงานยอดค้าปลีกที่​แข็ง​แกร่ง​เกินคาดของสหรัฐ โดย​กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐ​เปิด​เผยว่า ยอดค้าปลีก​เดือนก.พ.ปรับตัวขึ้น 1.1% ​ซึ่งมากกว่าที่นักวิ​เคราะห์คาดว่าจะ​เพิ่มขึ้น​เพียง 1% ​และยัง​เป็น​การขยายตัวมากสุด​ในรอบ 5 ​เดือน ​ซึ่งข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้​ถึง​การฟื้นตัว​ในภาคค้าปลีกและจาก​การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (​เฟด) คาด​การณ์ว่า​เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวปานกลาง​ในระยะนี้

 

http://www.moneychannel.co.th/Menu6/NewsUpdate/tabid/89/newsid491/174391/Default.aspx

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

7.00 น.ดาว​โจนส์ปิดพุ่ง 217.97 จุด รับ​เฟดตรึงดบ.

 

Posted on Wednesday, March 14, 2012

ดัชนี​เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาว​โจนส์พุ่งขึ้น 217.97 จุด ​หรือ 1.68% ปิดที่ 13,177.68 จุด ดัชนี S&P 500 ดีดตัวขึ้น 24.86 จุด ​หรือ 1.81% ปิดที่ 1,395.95, จุด ​และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 56.22 จุด ​หรือ 1.88% ปิดที่ 3,039.88 จุด ​ซึ่งนับ​เป็นครั้ง​แรก​ในรอบกว่า 10 ปีที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่​เหนือระดับ 3,000 จุด

 

ทั้งนี้ดัชนีดาว​โจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นกว่า 200 จุด​เมื่อคืนนี้ (13 มี.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (​เฟด) ยืนยันว่าจะตรึงอัตราดอก​เบี้ยที่ระดับต่ำ​เป็นพิ​เศษ​ไปจน​ถึงปี 2557 โดยมี​เป้าหมายที่จะกระตุ้น​การฟื้นตัวของ​เศรษฐกิจ นอกจากนี้ ​เฟดยัง​ได้ปรับ​เพิ่ม​การประ​เมินภาวะ​เศรษฐกิจ ​โดยระบุว่า​เศรษฐกิจสหรัฐมี​แนว​โน้มที่จะขยายตัวปานกลาง ​และคาดว่าอัตราว่างงานจะค่อยๆปรับตัวลงอย่างค่อย​เป็นค่อย​ไป

 

นอกจากนี้ ตลาดยัง​ได้​แรงหนุนจาก​การพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากมีรายงานว่าธนาคารราย​ใหญ่ของสหรัฐ รวม​ถึง​เจพีมอร์​แกน ​และ​โกลด์​แมน ​แซคส์ ​ได้ผ่าน​การทดสอบภาวะวิกฤติ รวม​ทั้งรายงานที่ว่ายอดค้าปลีกที่​เพิ่มขึ้น​เกินคาดของสหรัฐ

 

โดยกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐ ​เปิด​เผยว่า ยอดค้าปลีก​เดือนก.พ.ปรับตัวขึ้น 1.1% ​ซึ่งมากกว่าที่นักวิ​เคราะห์คาดว่าจะ​เพิ่มขึ้น​เพียง 1% ​และยัง​เป็น​การขยายตัวมากสุด​ในรอบ 5 ​เดือน ​เนื่องจาก​ได้รับ​แรงผลักดันจากยอดขายรถยนต์​และสินค้าอื่นๆที่ปรับตัว​เพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาน้ำมันดีดตัวสูงขึ้น

 

ขณะที่สมาพันธ์ธุรกิจอิสระของสหรัฐ​เปิด​เผยว่า ดัชนี​ความ​เชื่อมั่นของกลุ่มธุรกิจขนาด​เล็กปรับตัว​เพิ่มขึ้นติดต่อกัน​เป็น​เดือนที่ 6 ​ซึ่ง​เป็นอีกหลักฐานหนึ่งที่บ่งชี้ว่า​เศรษฐกิจสหรัฐยังคงฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อ​เนื่อง

 

8.15 น. เฟดคงอัตราดอกเบี้ยต่ำตามคาด

 

Posted on Wednesday, March 14, 2012

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน ของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ FOMC ได้ประกาศคงดอกเบี้ยไว้ที่ 0-0.25% ต่อไป หลังมองว่าสัญญานการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น นอกจากนี้ยังคงมาตรการอื่นๆ ต่อไป ไม่ว่าจะเป็น Operation Twist การซือคืนพันธบัตร เพื่อกดอัตราดอกเบี้ยระยะยาวให้ต่ำต่อ

 

ส่วนมุมมอทางด้านเศรษฐกิจนั้น เฟดมองว่าเศรษฐกิจมีการขยายตัวในระดับปานกลาง และ ตลาดแรงงานก็เริ่มดีขึ้น ส่วนความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็จะมีปัญหายุโรป ด้านราคาน้ำมันที่สูงจะส่งผลต่อเงินเฟ้อเพียงแค่ระยะสั้น

 

นักวิเคราะห์บอกว่า การประชุมในเดือนเมษายนน่าสนใจมากกว่าครั้งนี้ เพราะจะเป็นช่วงที่เฟดประกาศคาดการณ์แนวโน้มทางเศรษฐกิจใหม่ จากนั้นก็ต้องจับตาดูการประชุมในเดือนมิถุนายนที่เฟดน่าจะตัดสินใจว่าจะเดินหน้าใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบ 3 หรือ QE3 หรือไม่

 

นายโทนี่ เครสเซนซี่ นักยุทธศาสตร์พอร์ทโฟลิโอของ PIMCO กองทุนบริหารตราสารหนี้รายใหญ่ของโลก คาดว่า ในที่สุดเฟดจะต้องทำ QE อีกรอบ ซึ่งอาจเป็นการซื้อตราสารหนี้จดจำนองเพื่อกดดันให้อัตราดอกเบี้ยลดลง อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจเรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจ ซึ่งตอนนี้ตัวเลขการจ้างงานดีมาก แต่ก็ต้องพิจารณาพัฒนาการของข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆ ด้วย ซึ่งตอนนี้แนวโน้มการบริโภคยังต่ำกว่าที่ควรจะเป็น

 

http://www.moneychannel.co.th/Menu6/NewsUpdate/tabid/89/newsid491/174393/Default.aspx

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เรือด่วนเจ้าพระยายกเลิกเส้นทางราษฎร์บูรณะ-นนทบุรี

 

วันที่ 14 มี.ค. 2555 นาวาโท ปริญญา รักวาทิน กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด ยอมรับว่า จะยกเลิกเส้นทางเดินเรือด่วนเจ้าพระยา ราษฎร์บูรณะ-นนทบุรี ในวันที่ 15 มี.ค.นี้ สาเหตุมาจากจำนวนผู้โดยสารลดลงเหลือ 600 คนต่อวัน จากเดิม 2,000 คนต่อวัน เนื่องจากประชาชนหันไปใช้การบริการรถไฟฟ้าบีทีเอสและรถเมล์ ทั้งนี้สามารถยกเลิกการเดินเรือที่กล่าวมาข้างต้นได้ เพราะเป็นการขอใบอนุญาตจากกรมเจ้าท่า ไม่ได้เป็นการทำสัญญาแต่อย่างใด ส่วนผลกระทบจากราคาน้ำมันดีเซลที่ทะลุ 32 บาทต่อลิตร ทำให้ผู้ประกอบการเรือ ได้รับความเดือดร้อนจากราคาที่ปรับตัวสูงขึ้น นาวาโทปริญญา มองว่า เป็นเพียงเหตุผลประกอบเท่านั้น

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

'เจ๊เกียว'ถกรถร่วมวันนี้ นัดวันทวง'จารุพงศ์'ขึ้นค่าโดยสาร

ข่าวเศรษฐกิจ วันพุธที่ 14 มีนาคม พ.ศ.2555 8:01น.

 

นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารแห่งประเทศไทย คุย สมาคมผู้ประกอบการฯ วันนี้ กำหนดวัน ทวง "จารุพงศ์" ขอปรับขึ้นค่าโดยสาร 7 สต./กม. รับ สุดอั้นราคาพุ่ง ดัน ต้นทุนธุรกิจสูง ชี้ เห็นใจรัฐบาล ยึดประชาชน เป็นหลัก

นางสุจินดา เชิดชัย หรือ เจ๊เกียว นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารแห่งประเทศไทย เปิดเผยผ่าน รายการ เปิดข่าวเด่นเจาะประเด็นดัง ทางคลื่น FM 102.75 MHz ว่า ในวันนี้ได้เตรียมประชุมหารือร่วมกันในสมาคมฯ เพื่อกำหนดวันนัดหมายเข้าพบ นายจารุพงศ์  เรืองสุวรรณ  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ขอปรับขึ้นราคาค่าโดยสาร ครั้งที่ 2 หลังจาก ราคาน้ำมันในตลาดโลก เพิ่มสูงขึ้นและได้ส่งผลสืบเนื่องต่อราคาน้ำมันดีเซล ที่เริ่มทยอยปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องมา ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้  โดยราคาที่ขอปรับขึ้นนั้น จะอยู่ที่ 7 สตางค์ต่อกิโลเมตร ซึ่งก่อนหน้านี้ เคยขอไว้ที่ 6 สตางค์/กิโลเมตร  แต่ทางกระทรวงคมนาคม ก็ได้ชี้แจงว่า กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาให้ แต่ปรากฏว่าจนบัดนี้ยังไม่มีนโยบายใดออกมา แต่ทั้งนี้ก็เข้าใจการบริหารงานของภาครัฐ ที่ต้องอาศัยปัจจัยที่เป็นผลกระทบมาจากต่างประเทศด้วย และการบริหารบ้านเมือง ก็ต้องยึดประชาชนเป็นตัวตั้ง 

นางสุจินดา กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า การเตรียมพบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมนั้น ก็เพื่อต้องการคำตอบที่ชัดเจนว่า จะได้ปรับขึ้นเท่าไหร่ เวลาใด เนื่องจาก ต้นทุนของธุรกิจเพิ่มสูงขึ้น และตารางปรับราคาค่าโดยสาร ก็มีตามขั้นตอนอยู่แล้วที่กระทรวงคมนาคม  ก็ต้องหารือร่วมกันว่าเหตุใดจึงยังไม่พิจารณาเรื่องดังกล่าว

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จับตาราคาน้ำมันกดดันปัญหาเงินเฟ้อ-ระวังการเมืองป่วน ชี้การบริโภคดันGDPโต5.6% (14/03/2555)

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจปี2555 หลังเห็นสัญญาณการบริโภคในประเทศเพิ่มขึ้น ตามแรงอัดฉีดเงินจากโครงการของรัฐ คาดทั้งปีจีดีพีโต 5.6% ชี้ต้องจับตามราคาพลังงาน อาจเป็นแรงกดดันต่อเงินเฟ้อ ด้านแบงก์ชาติ ระบุหากนั้นไม่เกิน 140 เหรียญ/บาร์เรล เงินเฟ้อยังอยู่ในกรอบ

 

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ ได้ปรับเป้าหมายอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในปี 2555 เพิ่มเป็น 5.9% จากก่อนหน้านี้คาดว่าจะเติบโต 4.7% โดยมองว่า การบริโภคและการลงทุนจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมจากการฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดจากสถานการณ์น้ำท่วมในปีที่ผ่านมา

 

ขณะที่คาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ช่วงไตรมาส 1 ของปี 2555 จะขยายตัวได้ 1.4% และช่วงครึ่งปีแรกจะขยายตัวได้ 2.8% ส่วนครึ่งปีหลังขยายตัวได้ถึง 9%

 

ทั้งนี้ ปัจจัยสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีแรกจะเป็นผลมาจากการลงทุนของทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นจากการเร่งฟื้นฟูกิจการและทรัพย์สินราชการที่ได้รับความเสียหายจากสถานการณ์น้ำท่วม รวมถึงการลงทุนในโครงการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาล

 

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกนั้น มองว่า ในช่วงครึ่งปีแรกอาจจะยังชะลอตัวอยู่บ้าง เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมยังไม่สามารถกลับมาฟื้นตัวได้เป็นปกติ โดยเชื่อว่าภาคอุตสาหกรรมจะกลับมาฟื้นตัวใกล้ 100% ได้ราวไตรมาส 3

 

"ไตรมาสแรกนี้ เศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ เพราะการฟื้นโรงงานภายหลังน้ำท่วมยังทำได้ไม่ปกติ คาดฟื้นได้แค่ 30-40% ซึ่งกว่าการผลิตจะกลับมาได้ 50-70% น่าจะเป็นราวไตรมาส 2 และจะกลับมาผลิตได้ใกล้ๆ ระดับ 100% ในราวไตรมาส 3" นายธนวรรธน์ กล่าว

 

สำหรับเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีแรกคาดว่า GDP จะโตได้ 2.8% ซึ่งหากปัญหาน้ำท่วมในปีนี้ไม่เกิดขึ้นหรือไม่มีความรุนแรงมากดังเช่นปีที่ผ่านมา ก็จะทำให้นักธุรกิจเริ่มมีความมั่นใจในการลงทุน ประกอบกับเป็นช่วงเดียวกับที่รัฐบาลได้อัดฉีดเม็ดเงินจากโครงการต่างๆ ในการแก้ปัญหาน้ำท่วม รวมทั้งการปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำทั้งในส่วนของธนาคารรัฐและธนาคารพาณิชย์รวมอีกประมาณ 3 แสนล้านบาท ในช่วงกลางหรือปลายไตรมาส 2 ก็จะทำให้มีเม็ดเงินเริ่มเข้าสู่ระบบในราวไตรมาส 3 โดยในช่วงนี้มองว่าเศรษฐกิจโลกน่าจะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น ซึ่งจะมีผลขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังโตได้ 9%

 

ทั้งนี้ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ ประเมิน GDP รายไตรมาสไว้ดังนี้ ไตรมาส 1/55 โต 1.4% ไตรมาส 2/55 โต 4.2% ไตรมาส 3/55 โต 5.2% และไตรมาส 4/55 โต12.8% และโดยรวมแล้วทั้งปี 2555 GDP จะเติบโตได้ 5.9 %

 

ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ กล่าวอีกว่า คาดว่าการส่งออกในปี2555 จะเติบโตได้ราว 10.3% ที่มูลค่า 248,650 ล้านดอลลาร์ การนำเข้าโต 20.4% ที่มูลค่า 243,144 ล้านดอลลาร์ คาดว่าจะเกินดุลการค้าราว 5,500 ล้านดอลลาร์ ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลราว 4,900 ล้านดอลลาร์ ในระดับอัตราแลกเปลี่ยนที่ 29.50-30.50 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่ภาวะเงินเฟ้อนั้น คาดว่าทั้งปีจะอยู่ที่ระดับ 4 % เพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้ที่คาดว่าอยู่ที่ 3.8 % เนื่องจากผลของการปรับราคาพลังงานและการเก็บเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งหากราคาน้ำมันในประเทศเฉลี่ยเพิ่มขึ้นราว 1-2 บาท/ลิตรในช่วงครึ่งปีแรกนี้ ก็คาดว่า อัตราเงินเฟ้อครึ่งปีแรกจะอยู่ที่ราว 3.6%

 

นอกจากนี้ ยังเสนอแนะให้รัฐบาลบริหารราคาพลังงานในช่วงครึ่งปีแรกไม่ให้ปรับขึ้นอย่างรวดเร็วนัก เนื่องจากราคาน้ำมันดีเซลที่เพิ่มขึ้นทุก 1 บาท จะมีผลกดดันให้ GDP ลดลง 0.1-0.15% ขณะที่ราคาน้ำมันเบนซินที่เพิ่มขึ้นทุก 1 บาท จะมีผลกดดันให้ GDP ลดลง 0.03-0.05% ซึ่งโดยรวมแล้วหากมีการปรับขึ้นราคาน้ำมันทั้งในกลุ่มเบนซินและดีเซลก็จะส่งผลต่อ GDP ให้ชะลอลงราว 0.2 %

 

นายธนวรรธน์ ยังได้กล่าวถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในปี 2555ว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 3.00-3.25 % ทั้งนี้ มองว่าธปท.จะรักษาอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้อยู่ในระดับต่ำไว้ในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มองว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายยังไม่มีเหตุผลที่จะปรับลดลง เพราะไม่เช่นนั้นอัตราเงินเฟ้อจะปรับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

อย่างไรก็ตาม หากอัตราเงินเฟ้อเริ่มปรับตัวสูงก็อาจทำให้ ธปท.พิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% ราวไตรมาส 4/55

 

"เรามองว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายไม่มีเหตุผลที่จะลด เพราะไม่เช่นนั้น เงินเฟ้อจะสูงขึ้นเร็ว ยังไม่มีเหตุผลที่จะลด (ดอกเบี้ย) เพราะเศรษฐกิจมีสัญญาณค่อยๆ ฟื้น และรัฐบาลกำลังอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจ ดังนั้นนโยบายการเงินขณะนี้จึงไม่มีเหตุผลจำเป็นในการลดดอกเบี้ย แต่ถ้าเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นรวดเร็วตามราคาน้ำมันดิบที่ขึ้นเร็ว ธปท.อาจจะเปิดช่องในการขึ้นดอกเบี้ยได้ 2 ครั้งในช่วงครึ่งปีหลัง"

 

ส่วนสถานการณ์การเมืองในประเทศที่จะมีผลต่อเศรษฐกิจไทยในปีนี้นั้น นายธนวรรธน์ มองว่า แม้จะมีการชุมนุมทางการเมืองเกิดขึ้น แต่หากการชุมนุมอยู่ภายใต้เงื่อนไขกฎกติกาและไม่เป็นการชุมนุมที่ยืดเยื้อหรือสร้างความวุ่นวายก็เชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบต่อ GDP ในปีนี้ที่ยังคาดการณ์ไว้ที่ 5.9% หรือในกรอบที่ 5.7-6.3%

 

อย่างไรก็ตาม หากการชุมนุมทางการเมืองมีความวุ่นวายจนมีเหตุปะทะกันรุนแรงและยืดเยื้อบานปลายก็อาจจะมีผลกระทบต่อ GDP ได้ราว 0.3-0.5%

 

ด้านนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า แม้ว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกจะปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง แต่เชื่อว่าถ้าราคาไม่เกิน 140 ดอลลาร์/บาร์เรล ก็ไม่น่าจะทำให้เงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปีสูงกว่ากรอบเป้าหมายเงินเฟ้อของธปท.ที่ประมาณการในช่วงก่อนหน้า ทั้งนี้ กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อเดิมของธปท.อยู่ที่ ไม่เกิน 3% และกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อที่มีการปรับใหม่ในปีนี้คาดว่าจะสูงไม่เกิน 4%

 

"เดิมเราคาดการณ์ในอดีตใช้สมมุติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบที่ 103 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ปัจจุบันอยู่ที่ 120 ดอลลาร์/บาร์เรล เราจึงลองทำ Stress Test (แบบทดสอบภาวะวิกฤติ) ที่ 140 ดอลลาร์/บาร์เรล ดู ก็พบว่าราคาเฉลี่ยจะไม่เกินกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อของธปท."

 

ผู้ว่าการธปท. กล่าวอีกว่า ปัญหาเงินเฟ้อในขณะนี้ยังไม่เป็นแรงกดดันต่อการดำเนินนโยบายการเงินของธปท. อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องจับตาปัจจัยอื่นประกอบด้วย เช่น นโยบายของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นกองทุนน้ำมัน หรือนโยบายภาษีสรรพสามิต เป็นต้น

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า (วันทื่ 14 มีนาคม 2555)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...