ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

[Pete 15,187]

Forex: EUR/USD testing 1.3050/55 support for third time

[nufirst 3]

คุณเด็กขายของราคานี้เก็บดีไหมค่ะ เมื่อคืนไม่ได้ขาย ติดดอยเลยค่ะ

[Pete 15,187]

Forecast weekly, March 12 - 16 เช้าวันพุธ กลางสัปดาห์ มาดูกราฟรายอาทิตย์ว่า ทิศทางไปถึงไหนกันแล้ว พร้อมกับแนวรับแนวต้านรายอาทิตย์ จะถือว่าหลุดเทรน $1,674 ก็เป็นไปได้ เพราะหลังจากหลุดมามาก ก็สามารถ Rebound. กลับขึ้นมาได้บ้าง บางคนก็บอกว่า Sideway Down ก็เป็นไปได้ เพราะปรับลงมาทุกววันๆละ $10-15 แต่ทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้น เริ่มเหตุมาจาก

1. รอผลการประขุมคณะรัฐมาตรีการคลังยูโร อนุมัติเงินกู้หรือไม่ / เจ้าหนี้กรีซฯ ยอมปรับโครงสร้างหนี้หรือไม่

2. รอผลการประชุม FOMC ของสหรัฐฯ มองกันที่มีหรือไม่มี QE3

ตอนนี้ ข้อมูลทุกอย่างรับทราบกันหมดแล้ว ยูโรโซนผ่อนคลายลง / ไม่มี QE3 แต่เศรษฐกิจเปราะบาง ธนาคารขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ อย่างน้อย 4 แห่งไม่ผ่าน Stressed Test จำเป็นต้องเพิ่มทุน / ระดมทุนเพิ่ม แต่ผลที่ออกมาตอนนี้ หลังผ่านเหตุการณ์ข้างต้น

1. ดอลล์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น / ค่าเงินยูโรอ่อนค่ากระแทกพื้น

2. ตลาดหุ้นฯ เพิ่มขึ้น นักลงทุนมุ่งหน้าสู่การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง หลังจากหยุดดูอยู่ริมขอบสนาม โดยซุกเงินในแหล่งสินทรัพย์ปลอดภัย คือ เงินตราสกุลดอลล์สหรัฐฯ

 

ดังนั้น จึงเดาต่อไปว่า นักลงทุนสหรัฐฯขาใหญ่ อาจจะเริ่มกลับมาลงทุนในหุ้นฯ และจากสถานการณ์ยูโรโซน ผ่อนคลายอย่างมาก จึงอาจทำให้ ค่าเงินดอลล์สหรัฐฯจะเริ่มอ่อนค่าลงอย่างระมัดระวังใน 1-2 วันนี้ เพื่อเข้าสู่ตลาดหุ้นฯ ก่อน ส่วนใหญ่ และอาจมีอีกส่วน หันหน้าเข้ามาซื้อทองแท่ง จากราคาที่ได้ลดลงมากว่า $100 ภายใน 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา หลังจากปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปีมา $ 180 อนึ่ง ช่วงหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเข้าสู่เวลาตลาดยุโรป " มันขายทองทิ้งตลอด " แต่วันนี้ อาจจะมีการซื้อคืนเข้าพอร์ตบ้าง เช่นเดียวกับฝั่งสหรัฐฯ ก็ยังมีสลับขึ้นๆลงๆ ก็ต้องคอยดูจากข้อมูลรายงานเศรษฐกิจว่าจะออกมาดีหรือไม่ดี ต่อไป. อาจเริ่มกลับมาเล่นตามข่าวรายงานอีกครั้ง หลังจากไม่ได้แยแส เพราะมองแค่ 2 เรื่องใหญ่ข้างต้นเท่านั้น

 

Resistance: 1717/21, 1737, 1773

Support: 1690, 1674, 1650, 1623 

 

[Pete 15,187]

คุณเด็กขายของราคานี้เก็บดีไหมค่ะ เมื่อคืนไม่ได้ขาย ติดดอยเลยค่ะ

ช่วงหลังๆ มานี้ เด็กขายของจะทยอยเข้าซื้อทีละ 20 % ของทุนเล่นสั้นที่แบ่งเป็น 5 กอง กองแรกที่ 24,800 กองสองที่ 24,500 ซึ่งแต่ละครั้งที่เข้าซื้อ 2 กองที่ผ่านมา อาแปะตั้งราคาขายแบบไม่มีกั๊ก ชิดราคา Fair Price อาจจะเพราะคนซื้อน้อย ถ้าจะเข้ากองที่ 3 ตั้งเป้าที่ 24,200 บาท ( ถ้ามี ) ตอนนี้หยุดมองก่อน ส่วนราคาขายวันนี้ 24,350/24,450 ราคาขายทองที่ร้านทองเยาวราช อาจขายที่ 24,400 ลดให้ 50 บาท ฝั่งไปซื้อ

 

เข้าคำถาม : น่าซื้อไหม ? กั๊กราคาสูง น่าเกลียด เหมือนเคย ไม่น่าสนใจ เพราะเราต้องลุ้นให้ราคา Spot ขึ้นเพิ่มเกินอีก $7-$15 นั้นคือกรณีที่มีของในพอร์ตแล้ว อย่าพึ่งซื้อมาถัวให้เป็นภาระ แต่ถ้าไม่มีของในพอร์ตสักแท่ง ราคานี้ ติดไม้ติดมือสักนิดสักหน่อยก็ได้ ครับ หรือ รอดูราคาอีกสักพักวันนี้

[Pete 15,187]

 

          ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดตลาดพุ่งขึ้น 224.51 จุด หรือ 1.05% แตะที่ 21,564.21 จุดในวันนี้ (14 มี.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการทะยานขึ้นของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกที่พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนก.พ. และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับเพิ่มคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจ

 

[Pete 15,187]

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 30.63/66 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าลงจากช่วงเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 30.61/63 บาท/ดอลลาร์

 

แนวโน้มวันนี้เงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าลงได้อีก ตามทิศทางค่าเงินสกุลหลักเช่นยูโร และเยนที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลังจากที่ล่าสุดคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(FOMC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับปัจจุบัน เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีสัญญาณที่ดีขึ้น

 

"เมื่อวาน FED ตรึงดอกเบี้ย เพราะมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐน มีแนวโน้มที่สดใส จากช่วงหลังๆ ที่การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจออกมาค่อนข้างดีหลายตัว ตอนนี้ทองคำก็ร่วงลงมา ยูโรและเยนก็อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์" นักบริหารเงิน ระบุ

 

ส่วนความเคลื่อนไหวของค่าเงินสกุลหลักต่างประเทศช่วงเปิดตลาดเช้านี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 83.00 เยน/ดอลลาร์ ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3060 ดอลลาร์/ยูโร

 

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 30.55-30.70 บาท/ดอลลาร์

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันทื่ 14 มีนาคม 2555)

 

[Pete 15,187]

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศธนาคารกรุงเทพรายงานว่า  ภาวะการเคลื่อนไหวของค่าเงินประจำวันอังคารที่ 13 มีนาคม 2555 โดยในคืนนี้จะมีการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในเรื่องของการดำเนินมาตรการทางการเงินของสหรัฐว่าจะไปในทิศทางใด ขณะที่ตลาดจับตาดูการแถลงการณ์ของเฟดอย่างใกล้ชิด เนื่องจากข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐมี พบว่ามีการว่าจ้างงานเพิ่มขึ้นกว่า 200,000 ตำแหน่ง เป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นถึงการฟื้นฟูตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ โดยอัตราการว่างงานของสหรัฐอยู่ที่ 8.3 เปอร์เซ็นต์ ต่ำที่สุดในตั้งแต่ปี 2552 จึงน่าจะลดความเป็นไปได้ที่ทางเฟดจะเลือกใช้มาตรการกระตุ้นทางการเงินเพิ่มเติม ดอลลาร์จะได้รับแรงหนุนต่อไป แต่ในทางกลับกันทางนักลงทุนบางกลุ่มก็มีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะมีการชะลอตัวในไตรมาสแรก จากที่มีการขยายตัว 3 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสที่ 4 ปีที่แล้ว ในขณะที่มีการใช้จ่ายของผู้บริโภคทรงตัวและการส่งออกยังคงชะลอตัว

 

 ส่วนค่าเงินยูโรปรับตัวแข็งค่าขึ้น หลังจากที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของกลุ่มสหภาพยุโรปอนุมัติการให้เงินช่วยเหลือประเทศกรีซครั้งที่ 2 โดยจะมีการอนุมัติอย่างเป็นทางการในวันที่ 14 มีนาคม 2555 เป็นจำนวนเงิน 1.3 แสนล้านยูโร และในวันที่ 15 มีนาคม 2555 ก็จะมีการประชุมคณะกรรมการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ว่าจะให้เงินการช่วยเหลือเป็นจำนวนเท่าไร แต่จากดัชนีเศรษฐกิจบางประเทศในยุโรปออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ เช่น ประเทศสเปน ได้มีการคาดการณ์การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจว่าจะหดตัว 1.7 เปอร์เซ็นต์ หลังจากที่เพิ่มอัตราการเรียกเก็บภาษีเงินได้ จากการใช้มาตรการรัดเข็มขัดทางเศรษฐกิจ โดยสเปนมีอัตราการว่างงานที่ 24 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูง ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของยุโรปน่าจะหดตัวในช่วงไตรมาสแรกของปี 2555 นี้

 

 ส่วนทางค่าเงินเยนได้ปรับตัวลดลง หลังจากที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นประกาศคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.1 เปอร์เซ็นต์ และกำหนดเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อที่ 1 เปอร์เซ็นต์ แต่มีการขยายโครงการปล่อยสินเชื่อสำหรับอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในการขยายตัวขึ้นอีก 2 ล้านล้านเยน สู่ระดับ 5.5 ล้านล้านเยน โดยรวมถึงโครงการที่จะใช้ทุนสำรองสกุลดอลลาร์เพื่อการลงทุนและโครงการเงินกู้ในสกุลเงินต่างประเทศ

 

 ค่าเงินบาทไทยในเช้าวันนี้เปิดตลาดที่ระดับ 30.59/63 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับปิดตลาดเมื่อวานนี้ และเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ ระหว่าง 30.57-30.63 ก่อนปิดตลาดในวันนี้ที่ 30.60/63 ขณะที่ค่าเงินเยนเปิดตลาดที่ระดับ 82.41/45 เยน/ดอลลาร์ และเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ ระหว่าง 81.95-82.79 เยน/ดอลลาร์ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 82.55/60 เยน/ดอลลาร์สำหรับค่าเงินยูโรวันนี้เปิดตลาดที่ระดับ 1.3162/68 ดอลลาร์/ยูโร โดยเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 1.3120-1.3191 ดอลลาร์/ยูโร ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 1.3120/25 ดอลลาร์/ยูโร

 อัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ +6.8/7.1 สตางค์/ดอลลาร์ และอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ +5.0/6.0 สตางค์/ดอลลาร์

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ (วันทื่ 13 มีนาคม 2555)

[Pete 15,187]

ธปท.ชี้น้ำมันแพงกดดันปัญหาเงินเฟ้อ ศก.โลกผันผวนคือปัจจัยเสี่ยง

นายสรสิทธิ์ สุนทรเกศ รองผู้ว่าการ ด้านบริหาร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้กล่าวสุนทรพจน์เปิดการสัมนา เรื่อง "ทิศทางเศรษฐกิจไทย บนความท้าทายที่ไร้พรมแดน" ณ สำนักงานภาคเหนือ ธปท. เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยได้พูดถึงนโยบายการเงินและนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนตอนหนึ่งว่า การดำเนินนโยบายการเงินของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) จะติดตามดูแลเสถียรภาพราคาให้สอดคล้องกับวัฎจักรของเศรษฐกิจเพื่อสร้างสมดุลทางเศรษฐกิจ

 

สำหรับปี2555ความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม และแม้ว่าก่อนหน้านี้แรงกดดันเงินเฟ้อจะเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจน้อยลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แต่ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นมาก จากสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศ จะเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่ก่อให้เกิดแรงกดดันด้านราคา ดังนั้นการดำเนินนโยบายการเงินของกนง.คงต้องชั่งน้ำหนักทั้งสองด้าน ทั้งการสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจให้เติบโตตามศักยภาพและการรับมือกับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก รวมไปถึงการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ

 

"การดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจมหภาค ทั้งนโยบายการเงินและนโยบายการคลังที่สอดประสานกันอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในลักษณะที่มองไปข้างหน้า จะนำไปสู่การเติบโตที่มีเสถียรภาพในระยะยาว"

 

ส่วนการดำเนินนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนนั้น ธปท.จะดูแลให้ค่าเงินเคลื่อนไหวตามปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจและไม่ผันผวนจนธุรกิจปรับตัวไม่ทัน เพื่อส่งเสริมให้ภาคเอกชนสามารถปรับตัวและเพิ่มศักยภาพได้ โดยภาคเอกชนควรจะเตรียมความพร้อม มีการบริหารความเสี่ยงที่ดีเพื่อรองรับกับกระแสโลกาภิวัฒน์ที่เปลี่ยนแปลง

 

นอกจากนี้ ธปท.เตรียมผลักดันแผนแม่บทการเปิดเสรีเงินทุนเคลื่อนย้ายและเงินตราต่างประเทศ เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับคนไทยในการลงทุนต่างประเทศในต้นทุนที่ถูกลง และเสริมความยืดหยุ่นให้กับระบบเศรษฐกิจด้วยการพัฒนาตลาดเงิน เช่น การขยายประเภทนักลงทุนและวงเงินลงทุน การลดขั้นตอนกฎระเบียบ ตลอดจนการบริหารความเสี่ยงที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น

 

ทั้งนี้ กระบวนการจัดทำแผนแม่บทเปิดเสรีเงินทุนเคลื่อนย้ายได้ดำเนินการจัดทำประชาพิจารณ์เพื่อรับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเป็นการเบื้องต้นแล้ว และจะหารือในรายละเอียดเพิ่มเติมในแต่ละกลุ่มต่อไป

 

สำหรับนโยบายสถาบันการเงินนั้น ธปท.จะมีการกำกับดูแลให้สถาบันการเงินเป็นตัวกลางทางการเงิน ที่มีประสิทธิภาพและตอบสนองความต้องการของภาคธุรกิจและประชาชน ทั้งในยามปกติและยามวิกฤติ ซึ่งสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจการเงินปัจจุบันที่มีพัฒนาการและมีการแข่งขันในการให้บริการทางการเงินอย่างเข้มข้น ส่งผลให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีความหลากหลายซับซ้อน เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า (วันที่ 14 มีนาคม 2555)

 

[Pete 15,187]

ประธานธนาคารกลางยุโรปเรียกร้องภาคธนาคารและรัฐบาลร่วมแก้วิกฤติการเงิน

 

นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี)เรียกร้องให้ธนาคารและรัฐบาลใช้ความพยายามมากที่สุดเพื่อแก้วิกฤตหนี้ ขณะเดียวกันก็พยายามหาทาง ที่จะทำให้อีซีบี สามารถทำหน้าที่หลักในการสร้างความเชื่อมั่นเรื่องเสถียรภาพของราคาได้

 

นายดรากี กล่าวสุนทรพจน์ที่กรุงปารีสว่า เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบาย มองเห็นถึงสัญญาณของเสถียรภาพอย่างต่อเนื่องในระบบเศรษฐกิจ และธนาคารต่างๆควรที่จะใช้โอกาสนี้ เพื่อส่งเสริมให้เกิดความยืดหยุ่นมากขึ้น ตลอดจนคงระดับรายได้ ลดการจ่ายผลตอบแทนและโบนัส ระบบการเงินควรจะตอบสนองเศรษฐกิจ

 

ที่ผ่านมา อีซีบี ได้ทำหน้าที่หลักในการต่อสู้กับวิกฤติที่กินเวลานาน 3 ปี ด้วยการให้ความช่วยเหลือธนาคาร ลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ และซื้อพันธบัตรรัฐบาลของประเทศที่มีปัญหา ซึ่งมาตรการเหล่านี้ ทำให้งบดุลของอีซีบีสูงถึงกว่า 3 ล้านล้านยูโร จนทำให้นายเจนส์ ไวด์มานน์ ประธานธนาคารกลางเยอรมนี ต้องออกจดหมายเตือนนายดรากีว่า อีซีบี ไม่ควรที่จะแบกรับความเสี่ยงมากจนเกินไป

 

นอกจากนี้ ประธานอีซีบี ยังเรียกร้องให้รัฐบาลประเทศต่างๆรักษาเสถียรภาพทางการเงิน เพื่อให้การปฏิรูปเศรษฐกิจมีความก้าวหน้า พร้อมกับระบุว่า การให้ความร่วมมือกับอีซีบีนั้น จำเป็นต้องมีแรงสนับสนุนโดยการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายระดับประเทศ

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ (วันทื่ 14 มีนาคม 2555)

 

[Pete 15,187]

"แมนพาวเวอร์"เผยผลสำรวจชี้แนวโน้มจ้างงานของประเทศส่วนใหญ่สดใสขึ้น

 

บริษัทแมนพาวเวอร์ กรุ๊ป เปิดเผยผลสำรวจพบว่า แนวโน้มการจ้างงานปรับตัวดีขึ้นในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ในประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ซึ่งรวมถึง สหรัฐ โดยผู้แสวงหางานทำใน 23 ประเทศจาก 41 ประเทศในการสำรวจ ต่างแสดงความคาดหวังว่า จะสามารถหางานทำในไตรมาส 2 ในอัตราที่รวดเร็วกว่าในไตรมาสแรก ขณะที่แนวโน้มย่ำแย่ลงใน 11 ประเทศ ซึ่งรวมถึงกรีซ สเปน และอิตาลี ซึ่งนายจ้างในประเทศเหล่านี้คาดว่า จะมีการลดตำแหน่งงานลงมากกว่าเพิ่มตำแหน่งงาน

 

แมนพาวเวอร์ ดำเนินธุรกิจจัดหางานใน 80 ประเทศ ซึ่งผลสำรวจรายไตรมาสของทางบริษัท ถือเป็นดัชนีบ่งชี้ทิศทางตลาดแรงงานที่นักเศรษฐศาสตร์ คณะกรรมาธิการยุโรป และธนาคารกลางอังกฤษใช้ โดย แนวโน้มการจ้างงานที่แข็งแกร่งที่สุด อยู่ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ในละตินอเมริกา และเอเชีย

 

เมื่อพิจารณาจากประเทศทั่วโลก ประเทศที่มีแผนการจ้างงานมากที่สุดอยู่ในอินเดีย ซึ่งนายจ้างเกือบ 6 ใน 10 ในภาคบริการในอินเดีย จะว่าจ้างพนักงานเพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่แผนการจ้างงานในจีนซบเซามากกว่าในช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ก็เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรก

 

การเตรียมการสำหรับมหกรรมฟุตบอลโลกในปี 2014 ในบราซิล กำลังช่วยสร้างงานมากขึ้นในประเทศด้วย โดยคาดว่า ฟุตบอลโลกจะทำให้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 700,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. และค่าจ้างในบราซิลก็สูงกว่าประเทศเกิดใหม่ส่วนใหญ่ และมีแนวโน้มการจ้างงานที่แข็งแกร่งมากต่อไปอีก 3-5 ปี

 

ส่วนในยุโรป วิกฤติสินเชื่อโดยเฉพาะในกรีซ กำลังจำกัดแผนการจ้างงานในภาคการเงิน เนื่องจากธนาคารต่างๆพยายามรักษาเงินทุน ขณะที่ฝรั่งเศส เบลเยียม และเนเธอร์แลนด์นั้น แนวโน้มการจ้างงานอ่อนแอลง เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก

 

แนวโน้มในเยอรมนีทรงตัว ขณะที่ภาคการผลิตของเยอรมนีกำลังได้ประโยชน์จากความต้องการในเอเชีย และการส่งออกไปยังสหรัฐ โดยตัวอย่างได้แก่ บริษัทบีเอ็มดับเบิลยู และเดมเลอร์ ไครสเลอร์

 

ผลสำรวจของแมนพาวเวอร์ ยังประเมินความแตกต่างระหว่างนายจ้าง ที่ระบุว่า จะเพิ่มพนักงาน และนายจ้างที่วางแผนจะลดพนักงาน ตัวอย่างเช่น ในเยอรมนีมีนายจ้าง 11% คาดว่า จะเพิ่มพนักงาน

 

ขณะที่นายจ้าง 4% จะลดพนักงาน และ 84% คาดว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้น แนวโน้มการจ้างงานสุทธิจึงอยู่ที่ +9 ไม่เปลี่ยนแปลงจากไตรมาสแรก

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ (วันทื่ 14 มีนาคม 2555)

 

[Pete 15,187]

วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน : บมจ.ไทยออยล์ (14/03/2555)

"ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น จากสัญญาณที่ดีของเศรษฐกิจในสหรัฐ ฯและยุโรป"

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ที่ตลาดนิวยอร์ก ส่งมอบเดือน เม.ย. ปรับเพิ่มขึ้น 0.37 เหรียญฯ มาปิดที่ 106.71 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ เบรนท์ ส่งมอบเดือน เม.ย. ปรับเพิ่มขึ้น 0.88 เหรียญฯ ปิดที่ 126.22 เหรียญฯ

๑ ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบ

+ ดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมันในเดือน มี.ค. 55 ปรับตัวดีขึ้น มาอยู่ที่ 22.3 จากเดือนก่อนหน้าที่ 5.4 และมากกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 10.0 ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลขที่ดีที่สุดนับจากเดือน มิ.ย. 54 เป็นต้นมา เป็นสัญญาณที่ดีว่าเศรษฐกิจของประเทศในกลุ่มยูโรจะเริ่มฟื้นตัวได้ตามลำดับ โดยนักวิเคราะห์ได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า เยอรมนีจะไม่เข้าสู่สภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจอย่างแน่นอน

+ ตัวเลขยอดขายปลีกของสหรัฐฯ เดือน ก.พ. 55 ปรับตัวดีขึ้น 1.1% จากเดือนก่อนหน้าที่ปรับเพิ่มขึ้นที่ 0.6% ซึ่งนับว่าเป็นการปรับเพิ่มที่มากที่สุดนับจากเดือน ก.ย. 54 ทั้งนี้นำโดยยอดขายรถยนต์ เนื่องจากประชาชนของสหรัฐฯมีความมั่นใจต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทำให้มียอดการสั่งซื้อรถยนต์มากขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้ยอดจำหน่ายเสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่ม รวมถึงอุปกรณ์การก่อสร้างและตกแต่งสวนก็ปรับเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน

+ ธนาคารกลางสหรัฐฯได้ปรับการคาดการณ์เศรษฐกิจในไตรมาสหน้าว่า คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง แต่ยังต้องให้ความสำคัญกับภาคการจ้างงาน เพราะแม้ว่าอัตราการว่างงานจะลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา แต่ก็นับว่ายังอยู่ในระดับที่สูงอยู่ ทั้งนี้ธนาคารกลางสหรัฐฯคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะปรับสูงขึ้นในระยะสั้นตามราคาสินค้าด้านพลังงานที่ปรับสูงขึ้น โดยคาดว่าอยู่ที่ 2.0% หรือน้อยกว่านั้น อย่างไรก็ตามธนาคารกลางสหรัฐฯยังไม่ได้มีการกล่าวถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่ (QE3) แต่จะยังคงใช้มาตรการดอกเบี้ยต่ำ 0% ไปจนถึงปี 2557

+ สหรัฐฯได้ออกมากดดันซาอุดิอาระเบียให้ปรับเพิ่มการผลิตน้ำมันดิบเพื่อทนแทนปริมาณน้ำมันดิบของอิหร่านที่หายไปจากตลาด เนื่องจากซาอุดิอาระเบียเป็นเพียงประเทศเดียวที่ยังส่วนกำลังการผลิตเหลืออยู่ อย่างไรก็ตาม ซาอุดิอาระเบียกล่าวว่าจะปรับเพิ่มการผลิตก็ต่อเมื่อมีความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นจริงเท่านั้น

- หลังปิดตลาดสถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐ (API) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ สิ้นสุด ณ วันที่ 9 มี.ค. 55 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้ เนื่องจากปริมาณการนำเข้าที่ปรับเพิ่มขึ้น

(หน่วย: ล้านบาร์เรล) รอยเตอร์โพล API

น้ำมันดิบคงคลัง เพิ่มขึ้น 1.7 เพิ่มขึ้น 2.8

น้ำมันเบนซินคงคลัง ลดลง 1.0 ลดลง 2.1

น้ำมันดีเซลคงคลัง ลดลง 1.3 ลดลง 3.5

ราคาน้ำมันดิบดูไบ ที่ตลาดสิงคโปร์ ส่งมอบเดือน เม.ย. ปรับเพิ่มขึ้น 0.62 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 124.09 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

๑ ทิศทางราคาน้ำมันระยะสั้น

ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเบรนท์ในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 120 - 127 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวที่กรอบ 103 - 110 เหรียญฯ ติดตามการประกาศตัวเลขปริมาณน้ำมันคงคลังของสหรัฐฯ รวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภคและการผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหภาพยุโรปในวันนี้

๑ น้ำมันสำเร็จรูปที่ตลาดสิงคโปร์

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ อย่างไรก็ตามตลาดได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ของทางสหรัฐฯที่คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้น จากการท่องเที่ยวของประชาชนในช่วงหน้าร้อนที่กำลังจะมาถึง

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากความต้องการใช้จากทางศรีลังกา ประกอบกับอุปสงค์ที่ปรับเพิ่มขึ้นจากทางแอฟริกาใต้และตะวันออกกลาง

๑ ปัจจัยที่น่าจับตามอง

ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่

วันพุธ: ตัวเลขปริมาณน้ำมันคงคลังของสหรัฐฯ และดัชนีราคาผู้บริโภคและการผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหภาพยุโรป

วันพฤหัส: ยอดผู้ขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงาน ดัชนีราคาผู้ผลิต ผลสำรวจดัชนีภาคอุตสาหกรรมของรัฐฟิลาเดลเฟีย ผลสำรวจดัชนีภาคอุตสาหกรรมของรัฐนิวยอร์ค และข้อมูลการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ รวมถึงรายงานธนาคารกลางสหภาพยุโรป

วันศุกร์: ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรม และความรู้สึกของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจ

ติดตามความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและชาติตะวันตกในเรื่องปัญหาโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ว่าอิหร่านจะยอมให้สำนักงานปรมาณูสากลเข้าตรวจสอบพื้นที่ตั้งโครงการนิวเคลียร์หรือไม่ หลังแกนนำหลักของโลกทั้ง 6 ประเทศตอบรับข้อเสนออิหร่านในการเปิดการเจรจาประเด็นนิวเคลียร์อีกครั้ง และท่าทีของอิสราเอลต่อการใช้วิธีทางการทูต

สถานการณ์ความไม่สงบในประเทศผู้ผลิตน้ำมันดิบในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ ได้แก่ ไนจีเรีย ซีเรีย อิรัก เยเมนซูดาน และล่าสุดที่ลิเบีย ที่ยังมีความเสี่ยงต่อปริมาณน้ำมันดิบในตลาด

ติดตามสถานการณ์ในยุโรปในเดือน มี.ค. ได้แก่ การครบกำหนดจ่ายชำระหนี้ของอิตาลี มูลค่า 46.5 พันล้านยูโร และรายละเอียดของนโยบายการบูรณการทางการเงินของสหภาพยุโรป

 

ที่มา : ทันหุ้น (วันที่ 14 มีนาคม 2555)

 

[DonJuan 4,685]

http://www.pictogame...me=qhNHIm8ZKtrw

 

ไปเจอมา แก้เครียดได้ดีมากๆ ผมอัดไปไกลสุด 370 เมตร หุหุ สบายใจหน่อยนะน้าเบนฯ

ถูกแก้ไข มีนาคม 14, 2012 โดย DonJuan

[nufirst 3]

ช่วงหลังๆ มานี้ เด็กขายของจะทยอยเข้าซื้อทีละ 20 % ของทุนเล่นสั้นที่แบ่งเป็น 5 กอง กองแรกที่ 24,800 กองสองที่ 24,500 ซึ่งแต่ละครั้งที่เข้าซื้อ 2 กองที่ผ่านมา อาแปะตั้งราคาขายแบบไม่มีกั๊ก ชิดราคา Fair Price อาจจะเพราะคนซื้อน้อย ถ้าจะเข้ากองที่ 3 ตั้งเป้าที่ 24,200 บาท ( ถ้ามี ) ตอนนี้หยุดมองก่อน ส่วนราคาขายวันนี้ 24,350/24,450 ราคาขายทองที่ร้านทองเยาวราช อาจขายที่ 24,400 ลดให้ 50 บาท ฝั่งไปซื้อ

 

เข้าคำถาม : น่าซื้อไหม ? กั๊กราคาสูง น่าเกลียด เหมือนเคย ไม่น่าสนใจ เพราะเราต้องลุ้นให้ราคา Spot ขึ้นเพิ่มเกินอีก $7-$15 นั้นคือกรณีที่มีของในพอร์ตแล้ว อย่าพึ่งซื้อมาถัวให้เป็นภาระ แต่ถ้าไม่มีของในพอร์ตสักแท่ง ราคานี้ ติดไม้ติดมือสักนิดสักหน่อยก็ได้ ครับ หรือ รอดูราคาอีกสักพักวันนี้

 

ขอบคุณค่ะ (กระซิบ) แต่แอบกดไป 10 บาท แหะแหะ รอรอรอ เนอะค่ะ เฮีย

ขอบคุณค่ะ มีโอกาสจะเลี้ยงข้าวกับ น้ำปลา (ถ้าติดดอยอยู่ 55555)

[raty 151]

http://www.pictogame...me=qhNHIm8ZKtrw

 

ไปเจอมา แก้เครียดได้ดีมากๆ ผมอัดไปไกลสุด 370 เมตร หุหุ สบายใจหน่อยนะน้าเบนฯ

 

แ้ค้นมากได้ไกล 49 เลย อิอิ ขอบคุณค่้า เดี๋ยวว่างจะเตะเพิ่ม

ถูกแก้ไข มีนาคม 14, 2012 โดย raty

[nufirst 3]

http://www.pictogame...me=qhNHIm8ZKtrw

 

ไปเจอมา แก้เครียดได้ดีมากๆ ผมอัดไปไกลสุด 370 เมตร หุหุ สบายใจหน่อยนะน้าเบนฯ

 

 

ได้ 53 ค่ะ สนุกดี สะใจ 5555555555555