ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

[Pete 15,187]

หนังสือพิมพ์ดิ อินดิเพนเดนท์รายงานโดยไม่ได้ระบุแหล่งข้อมูลว่า จีพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค อาจจะขาดทุนจากธุรกิจเทรดดิ้งสูงถึง 7 พันล้านดอลลาร์ จากเดิมที่ธนาคารเปิดเผยเมื่อวันที่ 10 พ.ค.ว่ายอดขาดทุนอยู่ที่ 2 พันล้านดอลลาร์

 

เมื่อวานนี้ นายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจพีมอร์แกน เชส กล่าวในที่ประชุมซึ่งจัดขึ้นโดยดอยช์ แบงก์ว่า เจพีมอร์แกน จะระงับแผนการซื้อคืนหุ้นของธนาคาร แต่จะยังคงจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น แม้ว่าธนาคารขาดทุนจากธุรกิจเทรดดิ้งเป็นมูลค่าสูงถึง 2 พันล้านดอลลาร์ก็ตาม

 

นายไดมอนกล่าวว่า เจพีมอร์แกนกำลังเตรียมความพร้อมสำหรับกฎระเบียบระหว่างประเทศฉบับใหม่ ซึ่งจะบังคับให้ธนาคารพาณิชย์ต้องสำรองเงินทุนเพิ่มขึ้นเพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว

 

ก่อนหน้านี้เจพีมอร์แกนได้ตั้งเป้าว่าจะซื้อคืนหุ้นมูลค่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ไปจนถึงปลายไตรมาสแรกของปี 2556

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสต์ (วันที่ 23 พฤษภาคม 2555)

 

[Pete 15,187]

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (22 พ.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจยุโรปยังคงเป็นปัจจัยที่กดดันให้นักลงทุนเทขาย ส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงเป็นวันที่ 7 ภายในระยะเวลา 8 วันทำการที่ผ่านมา

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.ปรับตัวลง 91 เซนต์ หรือ 0.98% ปิดที่ 91.66 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอนส่งมอบเดือนก.ค.ร่วงลง 40 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 108.41ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ราคาน้ำมันอยู่ใกล้จุดต่ำสุดรอบ 7 เดือน หลังจากที่องค์การความร่วมมือและการพัฒนาเศรษฐกิจ (OECD) เตือนเมื่อวานนี้ว่า 17 ประเทศที่ใช้เงินยูโรเสี่ยงที่จะถลำลงสู่"ภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรง"

 

OECD เรียกร้องให้ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ดำเนินการมากขึ้นเพื่อยับยั้งวิกฤตด้วยการมุ่งความสนใจไปที่ประเด็นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ในขณะที่นโยบายรัดเข็มขัดที่บังคับใช้ทั่วภูมิภาคถ่วงการขยายตัว

 

รายงานของ OECD ระบุว่า หนี้สินระดับสูงของรัฐบาลในหลายประเทศในยุโรปทำให้จำเป็นต้องมีการลดการใช้จ่าย แต่กระบวนการนี้ควรเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปและในระยะยาว

 

ความวิตกเกี่ยวกับอุปสงค์ช่วยบรรเทาความตึงเครียดเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ซึ่งดันราคาน้ำมันขึ้นในวันก่อน

 

ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นเมื่อวันจันทร์ จากคาดการณ์ถึงการคว่ำบาตรมากขึ้นต่ออิหร่านจากกลุ่มประเทศตะวันตกก่อนการเจรจานิวเคลียร์อิหร่านอีกรอบในวันนี้

 

ผู้อำนวยการสำนักงานพลังงานปรมาณูสากล (IAEA) ของสหประชาชาติกดดันอิหร่านเกี่ยวกับการตรวจสอบในระหว่างการเยือนอิหร่านเมื่อวันจันทร์ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการประชุม 6 ฝ่ายในสัปดาห์นี้ แต่ไม่มีสัญญาณการบรรลุข้อตกลง ซึ่งกระตุ้นคาดการณ์เกี่ยวกับการคว่ำบาตรมากขึ้นต่ออิหร่านในตลาด

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 23 พฤษภาคม 2555)

 

[Pete 15,187]

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (22 พ.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ประกอบกับความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจยุโรป และการที่ญี่ปุ่นถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ ได้ทำให้นักลงทุนเทขายทองคำ

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ร่วงลง 12.1 ดอลลาร์ หรือ 0.76% ปิดที่ 1,576.6 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค.ปิดที่ 28.179 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 14.20 เซนต์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.ปิดที่ 1,458.40 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 3.10 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดที่ 615.55 ดอลลาร์/ออนซ์ ดิ่งลง 4.75 ดอลลาร์

 

การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำออกมาอย่างหนัก นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายยังได้รับแรงกดดันหลังจากฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของญี่ปุ่นลงสู่ระดับ A+ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับหนี้สินที่อยู่ในระดับสูง

 

ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นเมื่อองค์การความร่วมมือและการพัฒนาเศรษฐกิจ (OECD) เตือนว่า 17 ประเทศที่ใช้เงินยูโรเสี่ยงที่จะถลำลงสู่"ภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรง"

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 23 พฤษภาคม 2555)

 

[Pete 15,187]

สกุลเงินยูโรร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (22 พ.ค.) หลังจากนายกรัฐมนตรีของกรีซกล่าวให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า กรีซกำลังพิจารณาเรื่องการออกจากกลุ่มยูโรโซน ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนวิตกกังวลก่อนที่การประชุมกลุ่มยูโรโซนจะเริ่มขึ้นในสัปดาห์นี้

 

ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.97% แตะที่ 1.2688 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.2812 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ร่วงลง 0.42% แตะที่ 1.5762 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5828 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.87% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 79.990 เยน จากระดับ 79.300 เยน และทะยาขึ้น 1% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9465 ฟรังค์ จากระดับ 0.9371 ฟรังค์

 

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.94% แตะที่ 0.9814 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9907 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดิ่งลง 1.24% แตะที่ 0.7550 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7645 ดอลลาร์สหรัฐ

 

สกุลเงินยูโรร่วงลงหลังจากนายลูคัส ปาปาเดมอส อดีตนายกรัฐมนตรีกรีซกล่าวให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า กรีซกำลังพิจารณาเรื่องการออกจากกลุ่มยูโรโซน พร้อมกับเตือนว่าการร่วงลงของสกุลเงินยูโรอาจจะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจกรีซและประเทศอื่นๆในยูโรโซน

 

องค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ (OECD) ได้ทบทวนการคาดการณ์เศรษฐกิจของสเปนในช่วง 2 ปีข้างหน้า โดยได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจของสเปนลง และคาดว่า เศรษฐกิจสเปนจะหดตัว 1.6% ในปีนี้ นอกจากนี้ OECD เชื่อว่า สเปนจะยังคงเผชิญกับภาวะถดถอยในปีหน้า โดยเศรษฐกิจจะหดตัวลง 0.8% แต่ทางรัฐบาลสเปนคาดว่าเศรษฐกิจภายในประเทศจะกลับมาขยายตัวในระดับต่ำที่ประมาณ 0.1% ในปีหน้า

 

สเปนประมูลขายตั๋วเงินคลังอายุ 3 และ 6 เดือนได้ 2.5 พันล้านยูโรในวันนี้ ขณะที่อัตราผลตอบแทนสูงขึ้น

 

ตั๋วเงินคลังอายุ 3 เดือนสามารถระดมทุนได้ 1.5 พันล้านยูโร ขณะที่ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเป็น 0.846% จาก 0.643% ในการประมูลครั้งก่อน โดยมียอดจองซื้อสูงกว่าจำนวนที่เปิดประมูล 3.9 เท่า ลดลงจาก 7.61 เท่าในเดือนที่แล้ว

 

นอกจากนี้ สเปนขายส่วนตั๋วเงินคลังอายุ 6 เดือนได้ 1.0 พันล้านยูโร โดยให้อัตราผลตอบแทน 1.737% เทียบกับ 1.58% ในเดือนก่อน ขณะที่มียอดจองซื้อ 4.3 เท่า เพิ่มขึ้นจาก 3.25 เท่าในเดือนเม.ย.

 

ทั้งนี้ สเปนตั้งเป้าระดมทุนจากการประมูลตั๋วเงินคลังในวันนี้ไว้ในช่วง 1.5-2.5 พันล้านยูโร

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 23 พฤษภาคม 2555)

 

[Pete 15,187]

บล.ภัทรหวั่นวิกฤติหนี้ยุโรปลามจนเกิดปัญหาหนัก ฉุดศก.สหรัฐถดถอยซ้ำ กระทบเศรษฐกิจโลก คาดไทยอาจโดนผลกระทบทางอ้อมจากการส่งออก

 

นายศุภวุฒิ สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการประเมินของฝ่ายวิจัยบล.ภัทรและเมอร์ริล ลินซ์ ซึ่งเป็นพันธมิตรของบล.ภัทรประเมินว่า ถ้าเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศยุโรปเกิดปัญหาหนักจริง อาจกระทบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาจนถึงขั้นเกิดภาวะถดถอยซ้ำซ้อน(Double dip) และกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงอีกรอบได้

 

"ผลกระทบจากยุโรปนั้น มีความเสี่ยงที่จะกระทบต่อต้นทุนการระดมทุนของสหรัฐอเมริกาที่เพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากสหรัฐมีการพึ่งพาแหล่งระดมทุนจากยุโรปมาก นอกจากนี้ยังอาจกระทบกับต้นทุนการระดมทุนของหลายประเทศในเอเชียด้วย เพราะประเทศเหล่านี้พึ่งพาเงินทุนจากยุโรปมากเหมือนกัน เช่น สิงคโปร์ เกาหลีใต้"

 

นอกจากนี้ ตลาดการเงินเริ่มแสดงความเป็นห่วงที่ประเทศจีน หลังมีสัญญาณว่าการส่งออกของจีนเริ่มชะลอลง ส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ ปรับลดลง ไม่ว่าจะเป็นราคาทองคำ ยางพารา รวมถึงราคาน้ำมัน และการที่เศรษฐกิจจีนชะลอ นักลงทุนก็เริ่มเป็นห่วงว่าอาจกระทบต่อการส่งออกของไทย เพราะปัจจุบันไทยส่งออกไปจีนสูงถึง 12%

 

"ผลกระทบกับไทยคงเป็นทางอ้อม จากภาคการส่งออก เพราะถ้าเศรษฐกิจจีนชะลอ ญี่ปุ่นชะลอ เอเชียก็คงชะลอด้วย และคงส่งผลทางอ้อมมายังภาคการส่งออกของไทยด้วย"

 

ที่มา : หนังสือพิมพืกรุงเทพธุรกิจ (วันที่ 23 พฤษภาคม 2555)

[kaykee 311]

สวัสดีค่ะพี่ DJ พี่เด็กขายของ พี่เจ๊ พี่ luk พี่pasaya พี่arthas และทุกคนค่ะ

 

มะคืนรอขุนศึกจบมะไหวน่ะค่ะคุณพี่ หงายเงิบไปเสียก่อน

[Pete 15,187]

หน้าหลัก

ข่าวร้อน

คอลัมน์น่าอ่าน

Quote of The Day

รายงานพิเศษ

Photos

Video

 

 

ที่มา สุทธิชัยหยุ่น

 

หุ้น-ทองเอเชียร่วงจับตาอียูถกทางรอดวิกฤติยุโรป

วันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

 

สินทรัพย์การเงินทั่วโลกยังผันผวนและเสี่ยงสูง เมื่อราคาทองเอเชียร่วงหนักเช้านี้ (23 พ.ค.) ลงมาอยู่ที่ 1,556 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ติดลบ 31 ดอลลาร์ ในทิศทางเดียวกับราคาหุ้นเอเชีย โดยนิคเคอิเปิดลบ 1.09% คอสปี้ลบ 1.41% ออสซี่ลบ 1.21% สิงคโปร์ลบ 1.09% หลังหุ้นสหรัฐปิดแทบไม่เปลี่ยนแปลง สวนทางหุ้นยุโรปพุ่งขึ้นมากกว่า 1.6% นักลงทุนจับตาประชุมผู้นำยุโรปถกออก'ยูโรบอนด์'ในวันนี้ แม้มีเสียงคัดค้านจากผู้นำหญิงเหล็กของเยอรมนี ขณะที่ผู้นำฝรั่งเศสประกาศหนุนหวังเป็นทางออกเฉพาะหน้าเพื่ออุ้มกรีซ ท่ามกลางความกังวลว่ากรีฐเตรียมตัวถอนออกจากกลุ่มยูโร รวมทั้งเตรียมพร้อมอัดฉีดเศรษฐกิจ-เพิ่มจ้างงาน ส่วนหุ้นเฟซบุ๊คร่วงต่อ 8.9% ฉุดดาวโจนส์ปิดลบ

 

 

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดวานนี้ (22 พ.ค.) ปรับตัวลงแทบไม่เปลี่ยนแปลงเพียง 1.97 จุดหรือ 0.01% ที่ 12,502.81 ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 ขยับขึ้น 0.64 จุดหรือ 0.05% ปิดที่ 1,316.63 โดยดัชนีแนสแด็ก ร่วงลง 8.03 จุดหรือ 0.29% ปิดที่ 2,839.08

 

ราคาหุ้นของเฟซบุ๊คยังคงปิดตลาดในแดนลบ โดยร่วงลงไป 8.9% ปิดที่ระดับราคา 31 ดอลลาร์หลังจากเมื่อวาน หุ้นของยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมสื่อสังคมออนไลน์แห่งนี้ ร่วงลงไป 11% จากราคาไอพีโอที่ 38 ดอลลาร์ต่อหุ้น ส่งผลให้หุ้นกลุ่มอื่นๆที่เหลือเคลื่อนไหวในแดนลบตาม

 

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเปิดตลาด หุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้น เพราะตลาดมีความหวังเกี่ยวกับยูโรโซน และหุ้นกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีต่างทะยอยรายงานผลประกอบการออกมา โดยประเด็นสำคัญที่ตลาดจับตายังคงเป็นเรื่องของยุโรป นักลงทุนคาดว่า การรับประทานอาหารเย็นร่วมกันของผู้นำยุโรปในวันที่ 23 พ.ค.นั้น จะมีการประกาศมาตรการบางส่วนออกมา แม้เจ้าหน้าที่ของกรีซ รายหนึ่งจะระบุว่า การรับประทานอาหารร่วมกันครั้งนี้ จะไม่มีการตัดสินใจใดๆ

 

ด้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เรียกร้องให้ธนาคารกลางอังกฤษ ผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อไป ผ่านทางการปรับลดดอกเบี้ย และการผ่อนคลายเชิงปริมาณ โดยระบุถึงความเสี่ยงที่เศรษฐกิจของอังกฤษ มีแนวโน้มอยู่ในช่วงขาลงอย่างชัดเจน

 

เหตุที่หุ้นเฟซบุ๊คไม่สมราคาคุย

 

หลังจากที่หุ้นเฟซบุ๊คร่วงลง 11% หลุดราคาจองในวันที่ 2 จากราคาจองซื้อ 38 ดอลลาร์ จุดคำถามว่าทำไมหุ้นที่น่าจะร้อนแรงที่สุดจึงไม่สมราคาคุย โดยราคาร่วงลงอีกวานนี้ 8.9%

 

ทั้งนี้ ราคาหุ้นเฟซบุ๊คปิดตลาดร่วงลง 11% ในวันจันทร์ที่ผ่านมา (21 พ.ค.) อยู่ที่ 34.03 ดอลลาร์ ต่ำกว่าราคาไอพีโอที่ 38 ดอลลาร์ต่อหุ้น ทั้งที่เพิ่งเทรดเป็นวันที่ 2 ขณะที่ผลงานวันแรกก็ปิดสูงกว่าราคาจองไม่ถึง 1%

 

เกิดอะไรขึ้นกับหุ้นของยักษ์เครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ร้อนแรงที่สุดแห่งยุค ทำไมไม่หวือหวาสมฐานะไอพีโอใหญ่สุดในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี และใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของโลก

 

โดย "ไทม์" ถอดบทเรียนการเป็นบริษัทมหาชนของเฟซบุ๊คที่ไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คาด เหตุผลแรกเป็นเพราะราคาและจำนวนที่สูงเกินไป โดยในช่วงสัปดาห์แห่งการโร้ดโชว์มีกระแสตอบรับหุ้นไอพีโอของเฟซบุ๊คค่อนข้างมาก ทำให้ทั้งเฟซบุ๊คและผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ที่นำโดยมอร์แกน สแตนเลย์ ปรับเพิ่มราคาขายขึ้นไปอยู่ที่ 38 ดอลลาร์ จากเดิมที่ตั้งไว้ 28-35 ดอลลาร์ รวมทั้งเพิ่มจำนวนหุ้นขึ้นอีก 50 ล้านหุ้น เพื่อรองรับความต้องการที่ประเมินว่าน่าจะถล่มทลาย

 

อีกเหตุผลของอาการแผ่วตั้งแต่ออกตัว อาจมาจากความรับผิดชอบของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ที่ต้องหนุนไอพีโอของเฟซบุ๊คในวันแรกที่เปิดซื้อขาย ซึ่งอาจทำให้เกิดความอุปสงค์แบบลวงๆ ที่บิดเบือนตลาด

 

กระทั่งเมื่อหมดระยะปลอดภัยในอ้อมอกของมอร์แกน สแตนเลย์ ราคาจึงร่วงลง 11% เพราะตลาดสะท้อนราคาในระดับที่เป็นจริงที่ 34 ดอลลาร์ หรือมีมูลค่าตามราคาตลาดลดต่ำกว่าราคาจองราว 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนราคาจะขยับไปทางไหนก็ขึ้นอยู่กับผลประกอบการของเฟซบุ๊คนับจากนี้

 

"ไมเคิล แพชเตอร์" นักวิเคราะห์จากเวดบุช ซิเคียวริตี้ส์ ระบุกับวอลล์สตรีท เจอร์นัล ว่า จำนวนไอพีโอของเฟซบุ๊คน่าจะลดลงครึ่งหนึ่ง อาจจะทำให้ราคาปิดที่ 45 ดอลลาร์ พร้อมทั้งประเมินว่า ราคาหุ้นเฟซบุ๊คอาจไต่ไปถึง 44 ดอลลาร์ ภายใน 12 เดือนข้างหน้า แต่ขึ้นอยู่กับโมเดลธุรกิจของเฟซบุ๊คด้วย

 

นอกจากนี้ ระบบการเงินพื้นฐานของเฟซบุ๊คก็ไม่ได้สนับสนุนมูลค่าในปัจจุบัน ที่ประเมินมูลค่าตามราคาตลาดไว้ที่ 1.04 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงเกินไป เป็นการคำนวณมูลค่าที่ไม่ได้อิงหลักวิทยาศาสตร์

 

แม้บริษัทจะทำกำไรได้ 1 พันล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว จากรายได้รวม 3.7 พันล้านดอลลาร์ แต่จากการประเมินของ "เฮนรี บล็อดเกต" นักวิเคราะห์ของวอลล์สตรีท พบว่า เฟซบุ๊คมีอัตราส่วนของราคาต่อกำไรสุทธิ หรือ P/E ที่ใช้ประเมินมูลค่าหุ้นสูงมากที่ 93 เท่า หรือหากใช้ P/E แบบที่มองไปข้างหน้า ก็ยังอยู่ที่ 40 เท่า แพงมากเมื่อเทียบกับ P/E แบบมองไปข้างหน้า ณ ปี 2556 ของบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีด้วยกัน โดย "แอปเปิล" อยู่ที่ 10 เท่า และ "กูเกิล" อยู่ที่ 12 เท่า

 

ประกอบกับ แนวโน้มกำไรของเฟซบุ๊คที่อาจผ่อนฝีเท้าลง รวมทั้งความสามารถในการทำเงินจากโฆษณาในระยะยาว ความท้าทายจากการต้องปรับแพลตฟอร์มให้รองรับการใช้งานจากสมาร์ทโฟน และท่าทีของ "มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก" ที่ให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อสังคมก่อนผลกำไร ทำให้นักลงทุนต่างระมัดระวังที่จะซื้อหุ้น

 

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นแนสแดคที่ไม่ค่อยได้ทำไอพีโอระดับบิ๊กๆ แต่ครั้งนี้กลับคว้าชิ้นปลามัน ซึ่งพอเอาเข้าจริงก็เกิดปัญหาที่ระบบ ทำให้การสั่งซื้อขายล่าช้า และเป็นสาเหตุให้นักลงทุนไม่สามารถซื้อขายเพิ่มเติมได้ จึงส่งผลต่อการออกตัวในวันแรก

 

งานนี้ แนสแดคเสียหน้าไม่น้อย แทนที่จะไปได้สวยกับไอพีโอครั้งประวัติศาสตร์ ซึ่งประธานแนสแดคกล่าวโทษการออกแบบซอฟต์แวร์ซื้อขายที่ไม่ดีพอ ซึ่งความบกพร่องดังกล่าวกระทบต่อโมเมนตัมของหุ้นเฟซบุ๊ค

 

น่าสังเกตว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับเฟซบุ๊คได้เพิ่มแรงกดดันต่อเว็บเครือข่ายสังคมที่เตรียมแต่งตัวเข้าตลาดหลังจากนี้

 

รอยเตอร์ส ระบุว่า บริษัทเครือข่ายสังคมใดๆ ที่มีแผนจะออกหุ้นไอพีโอ อาจจะต้องคิดแล้วคิดอีก เพราะเมื่อดูจากกรณีของ "แพนโดรา มีเดีย อิงค์" และ "ซิงก้า" ที่ทำไอพีโอเมื่อปีที่แล้ว ถึงแม้จะออกตัววันแรกๆ ได้อย่างโดดเด่น แต่ราคาหุ้นก็ค่อยๆ ลดลงต่ำกว่าราคาไอพีโอ

 

โดยเฉพาะกรณีของ "ทวิตเตอร์" บริการไมโครบล็อกยอดฮิต ซึ่งเป็นที่จับตามอง หลายคนประเมินว่าทวิตเตอร์น่าจะทุ่มเทความพยายามเสนอขายหุ้นไอพีโอในปีหน้า หรือไม่ก็ต้นปี 2557

 

เก็งผู้นำอียูเปิดประชุมวันนี้ถกทางรอด

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบ 1 เดือนเมื่อคืนนี้ (22 พ.ค.) โดยตลาดเก็งว่าการประชุมสุดยอดผู้นำยุโรปในวันนี้ จะมีการถกเรื่อง "ยูโรบอนด์" ซึ่งเป็นความหวังหนึ่งของ "ทางรอด"ในภาวะวิกฤติ เพื่อช่วยกระตุ้นกำลังซื้อและเศรษฐกิจ รวมทั้งช่วยเพิ่มการจ้างงาน รวมถึงหนทางช่วยกรัซให้อยู่ในยูโรโซนต่อไป นอกจากนี้ปัจจัยการคาดการณ์ที่ว่ารัฐบาลจีนและยูโรโซนจะใช้มาตรการมากขึ้นในการกระตุ้นเศรษฐกิจ

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1.9% ปิดที่ 244.7 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งสุดนับตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย. ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3084.09 จุด บวก 56.94 จุดหรือ 1.88% ดัชนี DAX ตลาดเยอรมนีปิดที่ 6435.60 จุด บวก 104.56 จุดหรือ 1.65% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5403.28 จุด บวก 98.80 จุดหรือ 1.86%

 

ตลาดหุ้นยุโรปทะยานขึ้น หลังจากหนังสือพิมพ์ไชน่า ซิเคียวริตีส์ เจอร์นัล รายงานว่า รัฐบาลจีน วางแผนที่จะอนุมัติโครงการสนับสนุนอุตสาหกรรมสาธารณูปโภค เพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ และจากข่าวที่ว่า นางแองเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี กล่าวว่า เธออาจจะร่วมมือกับนายฟรองซัวร์ ออลลองด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เสนอมาตรการรับมือกับวิกฤตหนี้สาธารณะในยูโรโซน ในการประชุมวันที่ 23 พ.ค.นี้

 

ทั้งนี้ หุ้นโวดาโฟนพุ่งขึ้น 4.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่าผลประกอบการรายไตรมาสปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.3% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.7%

 

OECDลดคาดศก.ยูโรโซนถดถอย0.1%ปีนี้

 

ในการปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจยูโรโซนของ OECD ฉุดน้ำมันดิบสหรัฐปิดร่วง โดยราคาน้ำมันดิบไลท์สวีท ตลาดไนเม็กซ์ ส่งมอบเดือนมิ.ย. ปิดที่ 91.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 91 เซนต์จากราคาปิดวันจันทร์ ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์ ตลาดลอนดอน ส่งมอบเดือนก.ค. ร่วงลง 29 เซนต์ ปิดตลาดที่ 108.41 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

ราคาน้ำมันดิบตลาดสหรัฐ ปิดร่วงลง หลังองค์การความร่วมมือและการพัฒนาเศรษฐกิจ (โออีซีดี) ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของยูโรโซน ขณะที่อิหร่าน ยอมให้เจ้าหน้าที่จากชาติตะวันตกตรวจสอบโครงการนิวเคลียร์ในประเทศ

 

โออีซีดี ระบุว่า วิกฤตหนี้สิน ได้สร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะส่งผลให้อุปสงค์ด้านเชื้อเพลิงชะลอตัวลง และคาดว่า อัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงของยูโรโซน จะลดลง 0.1% สำหรับปี 2555 ก่อนที่จะปรับขึ้น 0.9% ในปี 2556 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ลดลงจากการคาดการณ์ไว้เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าจะมีการเติบโต 0.2% และ 1.4% ตามลำดับ

 

นายยูกิยะ อามาโนะ ผู้อำนวยการสำนักงานพลังงานปรมาณูสากล (ไอเออีเอ) กล่าวในวันนี้ว่า สำนักงานฯและอิหร่าน ได้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการตรวจสอบนิวเคลียร์ และจะมีการลงนามในข้อตกลงดังกล่าวในอิหร่านในเร็วๆนี้ ส่วนในวันนี้ สหรัฐ อังกฤษ ฝรั่งเศส จีน รัสเซีย และ เยอรมนี จะเจรจาประเด็นนิวเคลียร์รอบใหม่กับอิหร่านที่กรุงแบกแดด

 

ทองคำปิดร่วง12ดอลล์-ยูโรอ่อนค่า

 

ราคาทองคำตลาดนิวยอร์ก ปิดร่วงลงเนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ บวกวิตกแนวโน้มเศรษฐกิจยุโรปทำให้นักลงทุนเทขายทองคำ

 

ราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ส่งมอบเดือนมิ.ย.ร่วงลง 12.10 ดอลลาร์ หรือ 0.76% ปิดที่ 1,576.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

ส่วนสกุลเงินยูโร ร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (22 พ.ค.) หลังจากนายกรัฐมนตรีของกรีซ กล่าวให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า กรีซ กำลังพิจารณาเรื่องการออกจากกลุ่มยูโรโซน ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนวิตกกังวล ก่อนที่การประชุมกลุ่มยูโรโซนจะเริ่มขึ้นในสัปดาห์นี้

 

ทั้งนี้ ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.97% แตะที่ 1.2688 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.2812 ดอลลาร์สหรัฐ

 

IMFแนะอังกฤษผ่อนแผนรัดเข็มขัด

 

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ระบุว่า อังกฤษ ต้องผ่อนคลายทางการเงินมากขึ้นเพื่อหนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยเตือนว่าวิกฤตยูโรโซนเป็นความเสี่ยงรุนแรงที่สุดต่อเศรษฐกิจของอังกฤษ และนายจอร์จ ออสบอร์น รมว.คลังอังกฤษอาจต้องชะลอการเดินหน้ามาตรการรัดเข็มขัดในเชิงรุก

 

ไอเอ็มเอฟ ระบุว่า ธนาคารกลางอังกฤษต้องอัดฉีดเม็ดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้นผ่านทางการซื้อพันธบัตรเพิ่มเติม หรือโดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อให้ภาคเอกชนสามารถระดมทุนที่มีค่าใช้จ่ายต่ำได้ง่ายขึ้น และอังกฤษ จะกลับมามีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอีกครั้งในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ หลังข้อมูลของทางการบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจได้เข้าสู่ภาวะถดถอยอีกครั้งในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้

 

ไอเอ็มเอฟ ระบุว่า การผ่อนคลายทางการเงินต่อไปของธนาคารกลางอังกฤษเป็นสิ่งจำเป็น หลังจากที่ธนาคารกลาง ได้ยุติแผนซื้อพันธบัตรวงเงิน 3.25 แสนล้านปอนด์ในเดือนพ.ค. แต่ไอเอ็มเอฟแนะว่าควรดำเนินการซื้อพันธบัตรต่อไป ขณะที่เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายก็ควรพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับต่ำกว่า 0.5%

 

วันเดียวกันนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ของอังกฤษในเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 3% ซึ่งชะลอลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่พุ่งขึ้น 3.5% ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่ามีโอกาสที่ธนาคารกลางจะกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในปีนี้

 

[Pete 15,187]

[DonJuan 4,685]

สวัสดีค่ะพี่ DJ พี่เด็กขายของ พี่เจ๊ พี่ luk พี่pasaya พี่arthas และทุกคนค่ะ

 

มะคืนรอขุนศึกจบมะไหวน่ะค่ะคุณพี่ หงายเงิบไปเสียก่อน

 

 

น้องน้ำหวานจ๊ะ ขุนศึกจบ กลิ่นดอกโศก ก็ลอยมาตุ่ยๆ หลังเที่ยงคืนก็รับรู้แล้ว่า โดน อ้ายกัน เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด มันหักหลังอีกแล้วครับ

[Pasaya 499]

 

 

ต่อไปใครเอาคำต้องห้ามมาต้องโดนประนามนะซ้อ

 

 

คำนี้ หลุดโผล่มาเมื่อไหร่ ต้องหาจุดขายทันที ประมาณว่า " กำขี้ดีกว่า กำตด " เชียวนะ ปล่อยหมดพอร์ตทุนสั้นที่เหลือ รอเก็บใหม่

 

จำขึ้นใจเลยคร่าาาาาา

ทีนี้ก่อน sent ต้องทบทวน

[namchiang 468]

เศรษฐกิจต่างประเทศ

วันที่ 23 พฤษภาคม 2555 06:55

ทองสหรัฐปิดทรุด12ดอลล์/ยูโรอ่อนค่า

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

ราคาทองคำตลาดนิวยอร์ก ปิดร่วงลงเนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ บวกวิตกแนวโน้มเศรษฐกิจยุโรปทำให้นักลงทุนเทขายทองคำ

 

ราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ส่งมอบเดือนมิ.ย.ร่วงลง 12.1 ดอลลาร์ หรือ 0.76% ปิดที่ 1,576.6 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

ส่วนสกุลเงินยูโร ร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (22 พ.ค.) หลังจากนายกรัฐมนตรีของกรีซ กล่าวให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า กรีซ กำลังพิจารณาเรื่องการออกจากกลุ่มยูโรโซน ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนวิตกกังวล ก่อนที่การประชุมกลุ่มยูโรโซนจะเริ่มขึ้นในสัปดาห์นี้

 

ทั้งนี้ ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.97% แตะที่ 1.2688 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.2812 ดอลลาร์สหรัฐ

[kaykee 311]

น้องน้ำหวานจ๊ะ ขุนศึกจบ กลิ่นดอกโศก ก็ลอยมาตุ่ยๆ หลังเที่ยงคืนก็รับรู้แล้ว่า โดน อ้ายกัน เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด มันหักหลังอีกแล้วครับ

 

นั่นสิค่ะ ตื่นมาเช้านี้เห็นราคาแล้วอยากร้องกระซิก กระซิก

[watch.kasemsuk 23]

ขอบคุณข้อมูลครับ

[DonJuan 4,685]

สรุปข่าวจาก MTS ครับ

 

TheBullionDesk

ตลาดลอนดอน

• ราคาทองคำปรับตัวลงเล็กน้อยเมื่อช่วงค่ำคืนนี้ในตลาดลอนดอน หลังจากแรงกดดันในการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่นักลงทุนจับตารอการประชุมสหภาพยุโรปในการแก้ปัญหาวิกฤตหนี้
  
• ราคาทองคำปิดตลาดลอนดอนที่ระดับ 1,586 เหรียญ ปรับตัวลดลง 7.91 เหรียญจากราคาปิดตลาดวันจันทร์ โดยราคาทองคำขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญที่ระดับ 1,600 เหรียญในช่วง 2 วันที่ผ่านมา โดยเทรดเดอร์กล่าวว่า ตลาดทองคำมีความอ่อนแอในช่วงค่ำคืนวานนี้ ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีการขายในช่วงที่ราคาปรับตัวสูงขึ้นในขณะนี้
  
• หลังจากที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นติดต่อกันในช่วง 2 วันที่ผ่านมา สกุลเงินยูโรกลับอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐเนื่องจากความกังวลทางความแตกต่างในทีท่าของเยอรมนีและฝรั่งเศสจะขัดขวามการขับเคลื่อนมาตรการใดๆ ก็ตามที่จะเกิดขึ้นในการประชุมอย่างไม่เป็นทางการของกลุ่มผู้นำยุโรปในวันพุธนี้
  
• เมื่อวันจันทร์ที่ผ่นมา รัฐมนตรีคลังฝรั่งเศส นายปิแอร์ มอสโควิชี ให้คำยืนยันกับ ประธานาธิบดีฟรังซัวร์ ออลลองด์ในการสนับสนุนพันธบัตรยูโร โดย OECD ก็มีการสนับสนุนความคิดนี้เช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม เยอรมนีผู้เป็นสมุหบัญชีของยุโรปในปัจจุบัน ยังคงต่อต้านต่อความคิดดังกล่าว โดยรองรัฐมนตรีคลัง นายเสต็ฟเฟ่น แคมปีเตอร์ได้กล่าวว่า พันธบัตรยูโรอาจทำให้เกิดแรงกระตุ้นที่ผิดๆ และลดแรงกดดันสำหรับเศรษฐกิจอ่อนแอในการจัดการการเงินให้เข้าที่
  
• นอกจากนี้ ไอเอ็มเอฟได้กล่าวว่า เศรษฐกิจอังกฤษกำลังอ่อนแอลง นั่นหมายความว่า ควรจะมีการออกมาตรการ QE เข้าสู่ระบบ และตัดลดอัตราดอกเบี้ย
  
• อีกทั้ง ฟิทช์ เรทติ้งส์ ยังได้ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือเศรษฐกิจญี่ปุ่น เศรษฐกิจอันดับสามของโลก ลง 2 ขั้น จากระดับ AA สู่ระดับ A+ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับหนี้สาธารณะที่สูงมาก ซึ่งแม้ว่าญี่ปุ่นจะมีหนี้เป็น 2 เท่าของจีดีพี ฟิชท์ได้กล่าวว่า แผนในการลดหนี้ของญี่ปุ่นดูเหมือนจะเป็นไปอย่างไม่รีบร้อน
  
• การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อช่วงค่ำคืนวานนี้ ยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐออกมาอยู่ที่ระดับ 4.62 ล้านยูนิต ในขณะที่ Richmond Manufacturing Index ออกมาอย่างน่าผิดหวังที่ระดับ 4 เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ว่าจะออกมาที่ระดับ 12 และสำหรับตัวเลขเศรษฐกิจทางฝั่งยุโรป ดัชนีความเชื่อมั่นของยุโรปปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับติดลบ 19 ซึ่งมากกว่าระดับก่อนและที่คาดไว้ที่ระดับติดลบ 20
  

 

 

 

 

Reuters

 

ตลาดนิวยอร์ก

• ราคาทองคำมีการซื้อขายใกล้บริเวณระดับ intraday lows ในช่วงค่ำคืนวานนี้ในตลาดนิวยอร์ก ด้วยการเร่งการเทขายเร็วขึ้นในปริมาณที่ต่ำเนื่องจากสกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงรอการประชุมผู้นำยุโรป
  
• แรงกดดันได้เริ่มต้นขึ้นในวันจันทร์หลังจากราคาทองคำแท่งมีความล้มเหลวที่จะฝ่าแนวต้านสำคัญที่ระดับ 1,600 เหรียญ การเทขายดังกล่าวเพิ่มขึ้นในช่วงค่ำคืนวานนี้ในตลาดนิวยอร์ก ส่งผลให้ราคาลงมาอยู่ต่ำกว่าระดับ 1,570 เหรียญ
  
• ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงเกิดขึ้นจากข่าวข้อตกลงที่อาจเกิดขึ้นได้ระหว่างอิหร่านและการควบคุมนิวเคลียร์ของ U.N. ซึ่งยังคงถอยจากการเทขายในสัปดาห์ที่ผ่านมาสู่ระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนธันวาคม
  
• นักลงทุนสหรัฐฯ บางรายเตรียมพร้อมในการจับตาดูช่วงวันหยุดยาวในสุดสัปดาห์เนื่องในวัน Memorial Day holiday แต่ส่วนใหญ่กำลังค้ำยันการฟื้นตัวที่เป็นไปได้ในสกุลเงินยูโร หากการประชุมผู้นำสหภาพยุโรปในกรุงบรัสเซลส์ในวันพุธนี้มีการตกลงในเรื่อง พันธบัตรยูโร เพื่อมีเป้าหมายเพิ่มเงินสดมากเท่าที่จะทำได้เพื่อสนับสนุนระบบธนาคารของกรีซ
  
• เมื่อดูไปที่แนวทางของราคาทองคำในสัปดาห์นี้ สัญญา Options เดือนมิถุนายน ในตลาด COMEX futures ที่จะหมดอายุในวันพฤหัสบดี ทำให้นักลงทุนมีความเห็นต่างกันในเรื่องโอกาสที่ราคาทองคำจะเบรกและยืนอยู่เหนือระดับ 1,600 เหรียญได้
  

 

ตลาดสิงคโปร์

• ราคาทองคำปรับตัวลดลงในเช้านี้ โดยเป็นการปรับตัวลงต่อเนื่องจากเมื่อช่วงค่ำคืนวาน เนื่องจากมีความหวังที่เลือนลางที่ว่า การประชุมอย่างไม่เป็นทางการของสหภาพยุโรปในค่ำคืนนี้จะมีการช่วยวิกฤตหนี้ในภูมิภาคได้
  
• ราคา spot gold ปรับตัวลดลง 0.3% ที่ระดับ 1,556.56 เหรียญ/ออนซ์ ณ เวลา 7.19 น. หลังจากที่ร่วงลงไป 1.5% เมื่อวานนี้ และราคาทองคำสหรัฐลดลง 0.9% ที่ระดับ 1,562.50 เหรียญ หลังจากที่ลดลง 1.3% เมื่อวาน
  
• สำหรับการประชุมอย่างไม่เป็นทางการของสหภาพยุโรปในค่ำคืนวันนี้ มีการคาดการณ์ว่า ฝรั่งเศสจะสนับสนุนหนี้ยุโรป หรือพันธบัตรยูโร แม้ว่าเยอรมนียังคงมีการต่อต้านความคิดดังกล่าว
  

 

Bloomberg

• มีการรายงานเมื่อวานนี้ว่า กรีซมีกำลังพิจารณาเตรียมการณ์ที่จะออกจากกลุ่มประเทศยูโรโซน ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในเช้านี้ และราคาน้ำมันก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน แม้ว่าจะมีการอ้างถึง นายกรัฐมนตรีคนก่อนของกรีซ นายลูคัส ปาปาเดมอส ที่ออกมากล่าวกับสำนักข่าว CNBC เมื่อเช้านี้ประมาณ 8.00 น. ว่า ไม่มีการเตรียมการณ์ใดๆ ที่กรีซจะออกจากยูโรโซน และกลุ่มประเทศ G8 ที่กระตุ้นให้กรีซคงอยู่ในยูโรโซนต่อไปก็ตาม โดยความกังวลได้ลดความสำคัญลงจากการรายงานยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐประจำเดือนเมษายน และการที่มีการคาดการณ์กันมากขึ้นว่ายุโรปและจีนจะดำเนินมาตรการเพิ่มขึ้นเพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลก
  

ถูกแก้ไข พฤษภาคม 23, 2012 โดย DonJuan

[Pete 15,187]

บรรดาผู้นำชาติยุโรปให้คำมั่นว่าจะไม่มีการจำกัดเวลาในการอภิปรายในประเด็นว่าชาติต่าง ๆ ในยุโรปสมควรที่จะค้ำประกันการกู้หนี้ระหว่างกันในอนาคตหรือไม่ ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่กรีซจะใช้พิจารณาว่าจะออกจากสมาชิกภาพของยูโรโซนหรือไม่ ในระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรปในวันนี้ ขณะที่ผู้นำคนใหม่ของฝรั่งเศสและนายกรัฐมนตรีของเยอรมนี จะถกกันในประเด็นการออกพันธบัตรชุดใหม่ของยูโรโซน เพื่อปรับการใช้มาตรการทางการคลังในการรัดเข็มขัดทางเศรษฐกิจและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตใหม่ ในยูโรโซนให้มีความสมดุลกันมากขึ้น

 

ที่มา :สำนักข่าวแห่งชาติ (วันที่ 23 พฤษภาคม 2555)

 

 

 

ราคาทองร่วงลงต่อเช้านี้หลังจากดิ่งลงอย่างรุนแรงเมื่อวานนี้ ขณะที่ นักลงทุนลดความคาดหวังที่ว่าการประชุมอย่างไม่เป็นทางการของสหภาพยุโรป (อียู) ในช่วงต่อไปในวันนี้ จะส่งผลให้มีการประกาศขั้นตอนการแก้ไขวิกฤติหนี้ยูโรโซน

 

 

ณ เวลา 09.18 น.ตามเวลาไทยวันนี้ ราคาทองสปอตอยู่ที่ 1,558.69 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากดิ่งลง 1.5% เมื่อวานนี้

 

 

ส่วนราคาสัญญาทองส่งมอบเดือนมิ.ย.ของสหรัฐร่วงลง 17.80 ดอลลาร์ หรือ 1.13% สู่ 1,558.80 ดอลลาร์ หลังจากดิ่งลง 1.3% เมื่อวานนี้

 

 

ในการประชุมสุดยอดอย่างไม่เป็นทางการของอียูในช่วงต่อไปในวันนี้ ฝรั่งเศสมีแนวโน้มที่จะเสนอให้ยุโรปร่วมกันออกพันธบัตร ถึงแม้ว่าเยอรมนียังคง คัดค้านแนวคิดนี้

 

 

มีสัญญาณบ่งชี้ในทางบวกเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐ โดยอัตราการขาย บ้านมือสองของสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับที่รวดเร็วที่สุดในรอบเกือบ 2 ปีในเดือนเม.ย. และการร่วงลงของปริมาณการยึดบ้านติดจำนองมีส่วนช่วยหนุนราคาบ้านให้พุ่งขึ้น อย่างพลิกความคาดหมาย

 

 

สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติรายงานยอดขายบ้านมือสอง ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 3.4% สู่ 4.62 ล้านยูนิตต่อปีในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับ สูงสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ค. 2010

ราคาบ้านมือสองในสหรัฐอยู่ที่ 177,400 ดอลลาร์/หลังในเดือนเม.ย. โดยพุ่งขึ้น 10.1 % จากช่วงเดียวกันในปีก่อน

 

ที่มา :ทันหุ้น (วันที่ 23 พฤษภาคม 2555)