ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

สวัสดีครับ เฮียนายห้างฯ คุณ เด็กขายของ คุณ ปุยเมฆ คุณ NongRee คุณ Nuchaba คุณ GB2514 คุณ Raty คุณ Mr.Li คุณ Aiya คุณ foo คุณ พลอยสีสวย คุณ เกี้ยมอี๋ คุณ พวงชมพู คุณ Racha คุณ arthas คุณ กระต่ายทอง คุณ ขาใหม่ คุณ Jumbo A คุณ nene81 คุณ modtanoiy คุณ noijaa คุณ kaykee คุณ ท่านตี๋ คุณ แมวหลวง คุณ Pasaya คุณ nufirst คุณ Madee คุณ forgame คุณ noonoon_ja คุณ luk คุณ 96Needle คุณ ดอกเหมยสีทอง คุณ กบจ๊า คุณ Tfex.Gril.. คุณ metha และทุกๆท่านครับ(ขออภัยที่เอ่ยนามไม่ครบครับ)

 

แนวรับไม่ควรหลุด 1730 ลงไปอีก หากหลุดก็ไป 1723 แล้วต่อไป 1715 แนวต้านหากยืน 1735 ได้ไป 1742 แล้วไป 175X ครับ เดาว่าขึ้นทดสอบแนว 174X ครับ วันนี้สั้นเพราะติดงานหลักขออภัยด้วยครับ

ถูกแก้ไข โดย DonJuan

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 1.01 จุด ตลาดจับตาคำวินิจฉัยศาลเยอรมนี

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 12 กันยายน 2555 07:55:22 น.

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (11 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญเยอรมนีจะมีคำวินิจัยเกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) และก่อนการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

 

ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดขยับลง 1.01 จุด หรือ 0.02% แตะที่ 5,792.19 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,764.22-5,796.56 จุด

 

นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายพร้อมกับจับตาดูความเคลื่อนไหวของศาลรัฐธรรมนูญเยอรมนี หลังจากศาลยืนยันว่าจะไม่เลื่อนการตัดสินใจเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของเยอรมนีในกองทุน ESM โดยศาลยืนยันว่าจะประกาศคำตัดสินว่าด้วยความชอบด้วยกฎหมายของกองทุน ESM ตามกำหนดเดิม ซึ่งจะตรงกับเวลา 15.00 น. ในวันนี้ตามเวลาไทย

 

หุ้นบริษัทผู้ผลิตสินค้าหรูหรา ปรับตัวลดลง โดยหุ้นเบอร์เบอรี่ ร่วงลง 21% หุ้นคริสเตียน ดิออร์ ร่วงลง 4.1% และหุ้นหลุยส์ วิตตอง ดิ่งลง 3.4%

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 69.07 จุด จับตาศาลเยอรมนี,ประชุมเฟด

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 12 กันยายน 2555 06:36:36 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (11 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนคาดว่า ศาลรัฐธรรมนูญของเยอรมนีจะวินิจฉัยให้เยอรมนีมีส่วนร่วมในการจัดตั้งกองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 69.07 จุด หรือ 0.52% แตะที่ 13,323.36 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 4.48 จุด หรือ 0.31% แตะที่ 1,433.56 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 0.50 จุด หรือ 0.02% แตะที่ 3,104.53 จุด

 

ศาลรัฐธรรมนูญของเยอรมนียืนยันว่าจะไม่เลื่อนการตัดสินใจเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของเยอรมนีในกองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ศาลรัฐธรรมนูญได้ปฏิเสธคำร้องของสมาชิกสภานิติบัญญัติรายหนึ่งจากพรรคร่วมรัฐบาลที่คัดค้านกองทุน ESM โดยศาลยืนยันว่าจะประกาศคำตัดสินว่าด้วยความชอบด้วยกฎหมายของกองทุน ESM ตามกำหนดเดิม ซึ่งจะตรงกับเวลา 15.00 น. ในวันนี้ตามเวลาไทย

 

นักลงทุนคาดว่าศาลรัฐธรรมนูญเยอรมนีจะวินิจฉัยให้เยอรมนีมีส่วนร่วมในการจัดตั้งกองทุน ESM ซึ่งการดำเนินงานของ ESM ขึ้นอยู่กับคำตัดสินในด้านบวกของศาลรัฐธรรมนูญของเยอรมนี ในประเด็นที่ว่ากองทุน ESM ขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญของเยอรมนี และคำตัดสินดังกล่าวมีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะเยอรมนีเป็นผู้จ่ายเงินสมทบสูงสุดในยูโรโซน

 

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรืออาจจะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่ 3 (QE3) ในการประชุมซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 12-13 ก.ย.นี้ หลังจากมีข้อมูลบ่งชี้ถึงความอ่อนแอของเศรษฐกิจสหรัฐ รวมถึงตัวเลขจ้างงานที่เพิ่มขึ้นน้อยเกินคาด

 

ผลการสำรวจบ่งชี้ว่านักวิเคราะห์กว่า 60% คาดว่าเฟดจะประกาศใช้มาตรการ QE3 ในเร็วๆนี้ หลังจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนส.ค.ของสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 96,000 ตำแหน่ง ซึ่งน้อยกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 125,000 ตำแหน่ง

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นักลงทุนไม่ให้ความสนใจกับข่าวที่ว่า มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส เตือนว่าสหรัฐอาจจะสูญเสียอันดับความน่าเชื่อถือ AAA หากสภาคองเกรสสหรัฐไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับแผนการลดหนี้สินระยะยาวในปีหน้า

 

หุ้นอัลโค อิงค์ หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา หุ้นฮิวเล็ตต์-แพคการ์ด ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 3% และเป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่หนุนดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดในแดนบวก

 

ขณะที่หุ้นกรีน เมาเท่น คอฟฟี โรสเตอร์ส พุ่งขึ้น 5.9% หลังจากบริษัท Luigi Lavazza SPA เพิ่มการซื้อหุ้นในกรีน เมาเท่น

 

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ โดยเวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย สหรัฐจะเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนส.ค. และในเวลา 21.00 น.จะมีการเปิดเผยสต็อกสินค้าและยอดค้าส่งเดือนก.ค.

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: นิกเกอิเปิดบวก 19.83 จุดหลังดาวโจนส์พุ่ง

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 12 กันยายน 2555 07:58:28 น.

ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดวันนี้ที่ 8,827.21 จุด เพิ่มขึ้น 19.83 จุด หรือ 0.23% เพราะได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ หลังจากหลังจากศาลรัฐธรรมนูญของเยอรมนียืนยันว่าจะประกาศคำวินิจฉัยเกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) ในวันนี้

 

อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มส่งออกร่วงลงเนื่องจากเงินเยนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วายแอลจีรั้งตำแหน่งผู้นำธุรกิจทองคำแท่ง โชว์8เดือนทำยอดขาย5.3แสนล.

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- พุธที่ 12 กันยายน 2555 06:00:00 น.

นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ รองประธานกรรมการ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัดเปิดเผยถึงภาพรวมการดำเนินธุรกิจของกลุ่มวายแอลจีในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจมากโดยในส่วนธุรกิจทองคำแท่ง บริษัทยังคงรักษาความเป็นผู้นำอันดับ 1 ไว้ได้ โดยมีมูลค่าการซื้อขายประมาณ 530,000 ล้านบาท คิดเป็น 66.25% ของเป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้งปีที่ 800,000 ล้านบาท เป็นผลมาจากการมีฐานลูกค้าถึง 3,000 บัญชีรวมถึงการจัดกิจกรรมการตลาดที่เน้นให้ความรู้ด้านการลงทุนในทองคำต่อเนื่อง ประกอบกับการให้บริการซื้อขายทองคำแท่งพร้อมที่ปรึกษาการลงทุนอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง อำนวยความสะดวกลูกค้าอย่างเต็มรูปแบบ

 

นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทวายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เปิดเผยถึงผลการดำเนินธุรกิจซื้อขายทองคำล่วงหน้าหรือโกลด์ฟิวเจอร์สของบริษัท ในช่วงเดือน 8?ที่ผ่านมาว่า มีอัตราการเติบโต 97.07% โดยมีปริมาณการซื้อขายจำนวน 961,193 สัญญา เทียบกับสิ้นปี 2554 ที่มีอยู่จำนวน 487,741 สัญญา ขณะเดียวกันยังมีอัตราการเติบโตที่สูงกว่าภาพรวมของตลาดโกลด์ฟิวเจอร์สถึง 38.17% ส่งผลทำให้มีส่วนแบ่งการตลาดขึ้นมาอยู่ที่ 7.52% และยังเป็นบริษัทที่มียอดการเทรดโกลด์ฟิวเจอร์สสูงสุดขึ้นเป็นอันดับ 2 ของโบรกเกอร์ทอง

 

นอกจากนี้บริษัทได้ขยายขอบเขตการดำเนินธุรกิจ จากเดิมให้บริการซื้อขายเฉพาะอนุพันธ์ที่อ้างอิงกับทองคำและโลหะเงิน เป็นการให้บริการซื้อขาย SET 50 Index Futures และ Oil Futures?ตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม 2555 ที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มทางเลือกในการลงทุนให้หลากหลายยิ่งขึ้น ตลอดจนเพิ่มโอกาสในการสร้างผลกำไรให้ลูกค้ามากขึ้น โดยระยะแรกบริษัทตั้งเป้าหมายเทรดภายในสิ้นปีนี้อยู่ที่ประมาณ 7,500 สัญญา

 

ด้านนายธีระพงค์ นววัฒนทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า วายแอลจีได้เปิดให้บริการด้านเทคโนโลยีใหม่ คือ Gold Trade Online สำหรับซื้อขายทองคำแท่ง 99.99% และ 96.5% แก่นักลงทุนช่องทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.?ylgonline.com โดยเฟสแรกจะเปิดให้บริการระหว่างเวลา 9.30-23.00 น. เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำกำไรในราคาทองได้ทุกมุมโลก และพร้อมพัฒนาอย่างเต็มรูปแบบให้สามารถซื้อขายได้ 24 ชั่วโมงต่อไป

 

นอกจากนี้ ยังมีแผนงานที่จะสร้างอาคารส่วนบริการลูกค้าใหม่บนบริเวณพื้นที่เดียวกับอาคารสำนักงานวายแอลจีภายในปีนี้ ซึ่งจะประกอบด้วยส่วนแสดงสินค้า ห้องเทรดราคาทอง ห้องสัมมนา เพื่อการบริการที่สะดวกและรองรับกับปริมาณลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น โดยใช้งบประมาณในการลงทุนทั้งสิ้น 50 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในกลางปี 2556

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อีแกน-โจนส์ยันยันเครดิตสหรัฐที่ AA แต่เตือน QE3 อาจส่งผลเชิงลบต่อเครดิต

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 12 กันยายน 2555 08:09:44 น.

บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ อีแกน-โจนส์ ยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ AA ของสหรัฐ โดยระบุถึงความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินของประเทศและการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่เชื่องช้า พร้อมเตือนว่าการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะส่งผลให้มีการปรับลดอันดับเครดิตของประเทศ

 

อีแกน-โจนส์ระบุว่ามาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณเพิ่มเติมจากเฟดไม่มีแนวโน้มจะช่วยหนุนผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) หรือช่วยลดหนี้สาธารณะของประเทศ แต่มีแนวโน้มจะทำให้ต้นทุนราคาเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะสร้างความกดดันต่อผู้บริโภคสหรัฐมากขึ้นไปอีก

 

ท่าทีของอีแกน-โจนส์ในครั้งนี้มีขึ้นก่อนที่เฟดจะมีการประชุมกำหนดนโยบายการเงินเป็นเวลา 2 วัน ซึ่งจะเริ่มเปิดฉากในวันนี้ ตามเวลาสหรัฐ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ในวงกว้างว่าจะมีการประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบใหม่หรือ QE3 หลังจากที่ข้อมูลที่มีการเปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วแสดงให้เห็นว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนส.ค.ที่เพิ่มขึ้นเพียง 96,000 ตำแหน่ง ซึ่งน้อยกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 125,000 ตำแหน่ง

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พันธุ์ทิพย์ คำเพิ่มพูล/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เฮดจ์ฟันด์เพิ่มเงินลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์สู่ระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี

 

 

กองทุนเฮดจ์ฟันด์และนักเก็งกำไรรายใหญ่ได้ถือครองเงินลงทุนในสินค้า โภคภัณฑ์ในระดับที่สูงที่สุดในรอบ 1 ปี ในขณะที่ตลาดทะยานขึ้นโดยได้รับแรงหนุนจาก การคาดการณ์ที่ว่าทางการสหรัฐและยุโรปจะดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจ

 

คณะกรรมการการค้าสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ของสหรัฐ (CFTC) รายงานว่า นักเก็งกำไรเพิ่มปริมาณการถือครองสถานะซื้อสุทธิในสินค้าโภคภัณฑ์ สู่ระดับสูงกว่า 1.11 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 4 ก.ย. โดย ได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาทอง, น้ำมัน และธัญพืช

 

ครั้งสุดท้ายที่นักเก็งกำไรถือครองสถานะการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ ในระดับสูงกว่า 1.11 แสนล้านดอลลาร์ คือในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 6 ก.ย. 2011

 

 

CFTC รายงานว่า สำหรับตัวเลขการเปลี่ยนแปลงรายสัปดาห์นั้น เฮดจ์ฟันด์และนักเก็งกำไรรายใหญ่รายอื่นๆอัดฉีดเงินลงทุนเกือบ 4 พันล้าน ดอลลาร์เข้าสู่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ของสหรัฐในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 4 ก.ย. โดยเพิ่มการถือครองสถานะซื้อสุทธิขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน

 

 

ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งนับตั้งแต่เดือนส.ค. หลังจากตัวเลขการจ้างงานที่อ่อนแอของสหรัฐและวิกฤติหนี้ยูโรโซนทำให้ นักลงทุนคาดการณ์กันว่า รัฐบาลจำเป็นต้องดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะทำให้อัตราเงินเฟ้อปรับสูงขึ้น

 

ราคาทองพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดรอบ 6 เดือนที่ 1,741.30 ดอลลาร์/ ออนซ์ในวันที่ 7 ก.ย. หลังจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เปิดเผยแผน เข้าซื้อพันธบัตรรอบใหม่อย่างไม่จำกัดจำนวน โดยมีจุดประสงค์เพื่อปรับลด ต้นทุนการกู้ยืมของประเทศสมาชิกยูโรโซนที่มีหนี้สินสูง

 

ราคาทองแดงพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดในรอบเกือบ 4 เดือน และราคา น้ำมันปรับตัวขึ้นเช่นกัน ในขณะที่นักลงทุนคาดการณ์กันว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะประกาศมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบ 3 (QE3) เพื่อ กระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ

 

เฟดจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายในวันที่ 12-13 ก.ย. โดย นักลงทุนมุ่งความสนใจไปยังความเป็นไปได้ในการประกาศ QE3 หลังจาก กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานในวันศุกร์ว่า การจ้างงานนอกภาคเกษตร ในสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 96,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ซึ่งต่ำกว่าตัวเลข คาดการณ์ในตลาดที่ 125,000 ตำแหน่ง

 

การผ่อนคลายนโยบายของเฟดมักจะส่งผลบวกต่อราคาสินทรัพย์ ซึ่งรวมถึงสินค้าโภคภัณฑ์ เพราะส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง โดยยูโรพุ่งขึ้น แตะ 1.2817 ดอลลาร์ในวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.

 

ปริมาณการลงทุนของนักเก็งกำไรในตลาดสัญญาล่วงหน้าและออปชั่น 22 แห่งที่ CFTC สำรวจข้อมูล พุ่งขึ้น 2.4 % หรือเกือบ 1.5 ล้านสัญญา ในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 4 ก.ย. โดยปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน

มูลค่าการถือครองสถานะซื้อสุทธิของนักเก็งกำไรทะยานขึ้นสู่ 1.1126 แสนล้านดอลลาร์ โดยตัวเลขนี้ได้มาจากการนำระดับความเปลี่ยน แปลงของสถานะการลงทุนสุทธิเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน มาคูณกับมูลค่าสัญญา อย่างไรก็ดี เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ใช้เงินกู้ในการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ ดังนั้นความเปลี่ยนแปลงของสถานะการลงทุนจึงอาจจะไม่สอดคล้องกับมูลค่า การลงทุนทั้งหมดโดยตรง

 

 

มูลค่าสถานะการลงทุนในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์สหรัฐถือเป็นเพียง ส่วนหนึ่งของมูลค่าการลงทุนทั้งหมดในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลก โดยเงิน จำนวนมากที่ลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์เป็นเงินที่ลงทุนในสัญญาในตลาด OTC, กองทุนที่ลงทุนในตลาดปัจจุบัน หรือในเครดิตโน้ต หรือผ่านทางธนาคาร

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กาชาดขอแรงจิตอาสาบรรจุถุงธารน้ำใจ

ข่าวสังคม วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ.2555 8:23น.

 

สภากาชาดไทย ขอแรงชาวไทย ช่วยบรรจุถุงธารน้ำใจช่วยเหลือปชช. ที่ประสบอุทกภัยอยุธยา ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. ในวันนี้

ในวันที่ 12ก.ย.นี้ สภากาชาดไทย ขอแรงพี่น้องจิตอาสาทุกท่าน ร่วมจัดชุดธารน้ำใจ เพื่อบรรจุเครื่องอุปโภค บริโภค ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ใน จ.พระนครศรีอยุธยา จำนวน 1,500 ชุด ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. ณ สำนักงานบรรเทาทุกข์ฯ สภากาชาดไทย ถนนอังรีดูนังต์

 

สำหรับผู้ติดธุระ แต่มีจิตศรัทธาต้องการช่วยเหลือ สามารถบริจาคเงินผ่าน ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสภากาชาดไทย ชื่อบัญชี สภากาชาดไทยช่วยผู้ประสบอุทกภัย ประเภทบัญชี กระแสรายวัน เลขที่ 045-3-04190-6 สอบถาม โทร. 0-2251-7853-6 หรือ 1664

 

ปล. เรียนผู้มีใจบุญทั้งหลาย ที่นี่ดี ตรงจุด / ถึงเป้าหมาย การบริจาคของท่านฯ จะสัมฤทธิผลถึงปลายทางอย่างแท้จริง คงต้องใช้วิจารณญานจากเหตุการณ์ปีที่แล้ว มาเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ นับจากบัดนี้เป็นต้นไป ว่า อะไรเป็นอะไร เต็มเม็ดเต็มหน่วย ถึง 100% ณ. ความเดือดร้อนหรือไม่ เพราะ จะมีหลายๆ ที่ จะต้องออกมาทำแบบนี้ แบบชื่อตรงจุด แล้วมีอักษรย่อ

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

'ในหลวง'พระพลานามัยดีขึ้น-ทรงห่วงน้ำท่วม

 

เมื่อเวลา 15.00 น.วานนี้ (11 ก.ย.) สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี องค์ประธานจัดงานหารายได้วันมหิดล เสด็จไปทรงบันทึกแทบวีดิทัศน์ ในรายการพิเศษ เนื่องในวันมหิดล ณ ห้องทรงงานส่วนพระองค์ อาคารศรีสวรินทิรา โรงพยาบาลศิริราช โดยมีนายวุฒิกร มิลินทจินดา และ ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล เป็นผู้ดำเนินรายการ ในการนี้ได้พระราชทานสัมภาษณ์ถึงพระอาการและการถวายการดูแลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ความว่า การดูแลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทางพระวรกายมีคณะแพทย์ในโรงพยาบาลศิริราชดูแลในทุกแง่ทุกมุม ไม่ว่าจะเป็นโรคปอด ก็จะมีคนดูแลเรื่องปอด เรื่องกระเพาะอาหารก็จะมีคนดูแลเรื่องกระเพาะอาหาร แล้วก็จะมีคณะแพทย์ถวายการดูแลอย่างใกล้ชิด รวมไปถึงเรื่องพระสมองก็จะมีคนดูแล

 

"แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ไม่ใช่แค่ข้าพเจ้าคนเดียว คณะแพทย์ทุกคนก็ถวายการดูแล ตั้งใจกันอย่างเต็มร้อย ที่ผ่านมาข้าพเจ้าเห็นว่าทุกคนตั้งใจที่จะถวายงานให้แก่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่อีกเรื่องที่สำคัญมาก คือ การถวายกำลังพระทัย โดยคนสูงอายุ ไม่ควรจะปล่อยให้เหงา ควรจะมีลูกหลานญาติพี่น้อง ไปเยี่ยมไปคุยถามไถ่ทุกข์สุข เชื่อว่าจะช่วยให้พระองค์ท่านสบายพระราชหฤทัย และทรงมีความสุขมากขึ้น"

 

พร้อมกันนี้มีพระดำรัสต่อว่า อาการวันนี้ที่เพิ่งไปเฝ้ามา ทรงแจ่มใสดี ตอนนี้ทรงมีปัญหาที่ว่า ทรงพระดำเนินลำบาก ใช้แขนขาลำบาก เพราะทรงมีอีกหลายพระโรคที่ต้องดูแล ตอนนี้มีแพทย์กำลังดูแลในเรื่องการใช้แขนขา ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องพระสมองด้วย มีหลายเรื่องที่ต้องพิจารณา เพราะว่าเกี่ยวกับระดับน้ำในโพรงพระสมอง แต่ว่าทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ รวมไปถึงการถวายยา เพื่อกันพระอาการชัก และป้องกันไม่ให้เกิดเลือดออกในพระสมองอีก แต่ปัจจุบันไม่มีเลือดออกแล้ว แต่ต้องเฝ้าดูแลในทุกแง่ทุกมุม ทุกอย่างต้องดำเนินไปอย่างละเอียดอ่อน ที่สำคัญคือ ต้องให้มีกำลังพระราชหฤทัย

 

"ทั้งนี้ ไม่ใช่แค่ตัวข้าพเจ้าคนเดียว สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ก็มาถวายกำลังพระราชหฤทัยบ่อยๆ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ก็มาให้กำลังพระราชหฤทัยเมื่อทรงว่าง รวมไปถึงคณะแพทย์เองก็มาพูดคุยให้ทรงเพลิดเพลินด้วย"

 

เมื่อพิธีกรกราบทูลถามว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตอนนี้ทรงห่วงประชาชนเรื่องใดมากที่สุด สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี รับสั่งตอบว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นห่วงเรื่องน้ำท่วม โดยก่อนพระอาการประชวร ได้ไปทรงเปิดเขื่อน 5 แห่ง ที่กรมชลประทาน หลังจากนั้นมีรับสั่งว่า อยากจะเสด็จฯ ไปที่ จ.ราชบุรี แต่ทรงมีพระอาการประชวรซะก่อน จึงไม่ได้เสด็จฯ ตอนนี้ทรงเป็นห่วงเป็นใยว่า ปีนี้น้ำจะท่วมหรือไม่ จะน้อยกว่าปีที่แล้วหรือเปล่า ทรงให้ความสำคัญตรงนี้มาก

 

ส่วนทางด้าน ศ.คลินิก นพ.อุดม กล่าวเสริมว่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ขณะนี้ทรงมีพระวรกายที่ดีขึ้น โดยเสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมพระอาการพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบ่อยๆ ถือเป็นกำลังพระราชหฤทัยที่ดีมาก

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สุโขทัยแตก!จมกว่า1ม.-จับตาพายุลูกใหม่13ก.ย.

วันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555AAAขนาดตัวอักษร| Share on email Share on print Share on twitter Share on facebook Share on myspace Share on stumbleupon Share on digg | More Sharing Services

 

ระดมกู้สุโขทัย ยังจมกว่า 1 ม. "รอยล" มั่นใจปีนี้น้ำไม่ท่วมซ้ำรอยปี 54 เผยมีดัชนีบ่งชี้หลายตัว-พายุ-ระดับน้ำในเขื่อน จับตาพายุลูกใหม่ 13 ก.ย. "ปลอด" ขอโทษท่วมสุโขทัยคาด 2 วันคลี่คลาย ขณะที่ 6 อำเภอกรุงเก่าท่วมเฉียดเมตรเก็บของหนีวุ่น นายกฯสั่งทุกฝ่ายดูแลผู้ประสบ

 

 

          สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.สุโขทัย เมื่อวันที่ 11 กันยายน นายปรีชา พดด้วง ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุโขทัย กล่าวว่า ระดับน้ำในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ยังท่วมคงที่เฉลี่ย 1 เมตร ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้เร่งอุดรอยรั่วใต้พนังกั้นน้ำยมที่ถูกกัดเซาะเป็นแนวยาวที่เหลือระยะอีก 5 เมตร หลังจากพบรอยรั่วยาวกว่า 10 เมตร ซึ่งได้วางบิ๊กแบ็กและแบริเออร์กั้นน้ำไปแล้ว แต่ไม่สามารถทำต่อได้ เนื่องจากกระแสน้ำเชี่ยวมาก จึงปรับแผนโดยวางกล่องลวดบรรจุหิน หรือกล่องเกเบียนแทน ขณะนี้รอวัสดุจากสำนักงานชลประทานจังหวัดสุโขทัย คาดว่าจะเร่งให้แล้วเสร็จภายในคืนนี้

 "ถ้าอุดรอยรั่วของพนังกั้นน้ำได้ จะไม่มีน้ำทะลักเข้ามายังเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี จะทำให้ระดับน้ำทรงตัวอีก 1-2 วัน แล้วจะเริ่มลดระดับ อย่างไรก็ตาม น้ำจาก อ.วังชิ้น จ.แพร่ ไหลลงแม่น้ำยมในเขต จ.สุโขทัย เพิ่มอีก แต่เชื่อว่าจะไม่ล้นตลิ่ง เตรียมรับสถานการร์อย่างเต็มที่" นายปรีชากล่าว

 รายงานข่าวแจ้งว่า ระดับน้ำในแม่น้ำยมยังคงสูงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปริมาณน้ำทางตอนเหนือในพื้นที่ จ.แพร่ ไหลบ่าตามแม่น้ำยมลงสู่พื้นที่ จ.สุโขทัย ที่จุดตรวจวัดด้านหน้าประตูระบายน้ำบ้านหาดสะพานจันทร์ วัดได้ 10.62 เมตร และมวลน้ำที่มาจาก อ.ศรีสัชนาลัย ทางตอนเหนืออีกประมาณ 1,434 ลูกบาศก์เมตร จะไหลผ่านประตูระบายน้ำหาดสะพานจันทร์ และลงมาสู่เขต อ.เมือง จ.สุโขทัย ทางจังหวัดจำเป็นต้องเปิดประตูระบายน้ำบ้านคลองหกบาท ต.ป่ากุมเกาะ อ.สวรรคโลก โดยเปิดหมดทั้ง 3 บาน ที่ระดับสูงสุด 5 เมตร เพื่อระบายน้ำออกไปสู่แม่น้ำยมสายเก่า เพื่อช่วยกระจายน้ำไม่ให้ไหลเข้าสู่ตัวตัวเมืองสุโขทัยมากกว่านี้

 สำหรับปริมาณน้ำที่ไหลผ่านประตูระบายน้ำบ้านคลองหกบาท ระบายได้ 300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อให้พื้นที่เขื่อนหาดสะพานจันทร์สามารถรองรับน้ำจากทางบ้านดอนระเบียง อ.ศรีสัชนาลัย จะไหลเข้ามาสมทบอีก 920 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ในช่วงเย็นวันที่ 11 กันยายน และคาดว่ามวลน้ำอาจทำให้ถนนเลียบแม่น้ำยมบางจุดที่เปราะบางอาจพังทลายได้ ซึ่งนายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ผู้ว่าฯ สุโขทัย ได้ประกาศเตือนภัยประชาชนในพื้นที่ให้ระมัดระวังภาวะระดับน้ำในแม่น้ำยม เอ่อล้นตลิ่งได้ในทุกพื้นที่ของแม่น้ำยมที่ไหลผ่านในพื้นที่ จ.สุโขทัย

น้ำทะลักอ่างทองเก็บของวุ่น

 นายมานพ นิรันดร นายกองค์การบริหารส่วนตำบลจำปาหล่อ อ.เมือง จ.อ่างทอง กล่าวว่า น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนที่หมู่ 1 ต.จำปาหล่อ ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน 5 หลังคาเรือน เนื่องจากระดับน้ำสูงกว่า 60 เซนติเมตร ชาวบ้านต่างต้องเร่งขนย้ายข้าวของด้วยความโกลาหล

 นางรจนา เพ็งแจ่มศรี อายุ 30 ปี เจ้าของฟาร์มนกกระทา กล่าวว่า ต้องเร่งจับนกกระทาขาย เพราะเล้านกกระทาถูกน้ำท่วม หากไม่จับขายนกคงจมน้ำหมด เช่นเดียวบ้านนางอุไร เทพผดุง อาย 46 ปี บ้านอยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณ ประสบปัญหาตลิ่งพังต้องเก็บของหนีน้ำอย่างทุลักทุเล

น้ำชีล้นชัยภูมิจม 1.5 เมตร

 สถานการณ์น้ำท่วมจากต้นกำเนิดแม่น้ำชี ที่ อ.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ น้ำทะลักล้นตลิ่งสูงกว่า 1.5 เมตร ลงมาต่อเนื่องในเขตอำเภอใกล้เคียงผ่าน อ.หนองบัวระเหว มาตั้งแต่กลางดึกที่ผ่านมา ทำให้มีบ้านเรือนราษฎรถูกน้ำท่วมสูงกว่า 1.5 เมตร ได้รับความเสียหายในพื้นที่บ้านห้วยไฮ บ้านโคกยาว และบ้านหนองกองแก้ว ต.ห้วยแย้ อ.หนองบัวระเหว โรงเรียนต้องปิดการเรียนการสอนไม่มีกำหนด พื้นที่การเกษตรเสียหายกว่า 1,000 ไร่ ส่วนที่บ้านละหานค่าย บ้านแจ้งใหญ่ และบ้านตะลอมไผ่ ต.โคกสะอาด อ.หนองบัวระเหว นาข้าวจมน้ำกว่า 1,000 ไร่

 นอกจากนี้ น้ำจากลำชีไหลจาก อ.หนองบัวระเหว ไหลเข้าท่วมบ้านหนองอ้อ และบ้านวังกำแพง ต.ชีบน อ.บ้านเขว้า ระดับน้ำสูงกว่า 60 เซนติเมตร ถนนสายบ้านหนองอ้อ-วังกำแพง ระยะทางกว่า 300 เมตร ถูกน้ำท่วมรถยนต์ไม่อาจสัญจรได้

ลามสุพรรณบุรีอ่วม 3 อำเภอ

 สถานการณ์น้ำแม่น้ำท่าจีน น้ำได้เพิ่มระดับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ช่วง 3 วัน ที่ผ่านมาหลังจากมีฝนในพื้นที่ติดต่อกันอย่างหนักต่อเนื่อง กระทั่งน้ำในแม่น้ำท่าจีนไหลเอ่อล้นเข้าท่วมหลายหมู่บ้านในเขต อ.เมือง อ.บางปลาม้า และ อ.สองพี่น้อง ถูกน้ำท่วมอย่างรวดเร็ว อย่างเช่น หมู่ 1 และหมู่ 2 ต.บ้านแหลม อ.บางปลาม้า ระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ชาวบ้านตั้งตัวไม่ทัน เนื่องจากไม่มีการเตือนล่วงหน้าจากหน่วยงานราชการในพื้นที่

 ต่อมา นายสุเทพ สุรีย์แสง ปลัดฝ่ายป้องกันอำเภอสองพี่น้อง พร้อมเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุพรรณบุรี ลงพื้นที่หมู่ 4, 5 และ 7 ต.บางพลับ สำรวจความเสียหายนาข้าวเสียหายกว่า 1,300 ไร่

 

 

นายกฯห่วงน้ำเหนือ-สั่งทุกหน่วยงานดูแล

 วันเดียวกัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่ว่า เป็นห่วงในพื้นที่ที่มีปริมาณน้ำฝนที่ค่อนข้างมาก ลักษณะน้ำมาอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะส่วนของพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง พยายามติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะ จ.สุโขทัย ได้ให้ทางพื้นที่และฝ่ายกองทัพเข้ามาช่วยเร่งรัดในการซ่อมแซม นอกจากนี้ยังได้สั่งการกระทรวงมหาดไทยโดยศูนย์ส่วนหน้าให้ได้เข้าพื้นที่โดยเร็ว พื้นที่ไหนเรามองว่าเป็นพื้นที่เตือนภัยเป็นพื้นที่เสี่ยง จะให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลประชาชนอย่างใกล้ชิดก่อน

 "บางพื้นที่ที่เรามีการเตือนภัยและประชาชนเองก็ยังอยากจะอยู่ที่บ้านตัวเอง ต้องพยายามที่จะอำนวยความสะดวกในการขนย้ายให้เร็วที่สุด เพราะต้องดูแลเรื่องความปลอดภัยตรงนี้เป็นหลัก" น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าว

 เมื่อถามว่าพื้นที่ที่ยังเสี่ยงน้ำท่วมนั้นมีพื้นที่ไหนอีกบ้าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า “เดี๋ยวคงเตือนภัยเป็นที่ที่ ดีกว่านะคะ อย่างพื้นที่ จ.แพร่ เราคงต้องดูกันต่อไป และปริมาณน้ำของ จ.สุโขทัย เป็นจุดหนึ่งที่เราต้องเร่งในการที่จะซ่อมแซม วันนี้ได้ขอรวมทุกหน่วยงานเข้าไปในพื้นที่แล้ว"

 

 

“ปลอด”ขอโทษท่วมสุโขทัย

 นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) กล่าวถึงปัญหาน้ำท่วมใน จ.สุโขทัยว่า น้ำจะลดลงภายใน 1-2 วัน สาเหตุที่ทำให้น้ำท่วมในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี เกิดจากเขื่อนซีเมนต์ที่กั้นแม่น้ำยมซึ่งสร้างขึ้นโดยทางเทศบาลตั้งแต่ปี 2544 ชำรุดเสียหาย ทำให้มีน้ำลอดเข้ามาใต้แนวคันกั้น อย่างไรก็ตาม ทางการได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าไปซ่อมแซมอย่างเต็มความสามารถ อย่างไรก็ตาม ต้องขอโทษประชาชนที่ จ.สุโขทัย แต่ไม่สามารถทราบได้ว่ามีการชำรุดที่ใต้แนวคันกั้นน้ำดังกล่าว

 

 "ต้องขอโทษในพื้นที่ จ.สุโขทัย ขอแสดงความเห็นใจเป็นอย่างยิ่งว่า ไม่อาจจะรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่ใต้เขื่อน แต่ก็จะเป็นอุทาหรณ์ในมีการตรวจสอบโครงสร้างเก่าๆ ที่สร้างขึ้นมานานแล้ว ซึ่งจะพยายามทำดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้มีการสำรวจเขื่อนเก่าที่อาจมีรอยรั่ว เหมือนเช่นเขื่อนใน จ.สุโขทัย และให้เจ้าหน้าที่ตรวจจุดเสี่ยงก่อนน้ำท่วม เช่น แม่น้ำสะแกกรัง โดยจะมีการส่งเจ้าหน้าที่ลงไปทำงานเชิงรุก ช่วยเหลือเยียวยาก่อนน้ำมา และใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ ตรวจสอบในพื้นที่" นายปลอดประสพกล่าว

 ส่วนในอนาคตจะมีการทำเขื่อนแก่งเสือเต้นหรือไม่ นายปลอดประสพ กล่าวว่า ที่ภาคเหนือตอนล่างมีแม่น้ำ 4 สายหลัก ซึ่งแม่น้ำยมเป็นแม่น้ำสายเดียวที่ไม่สามารถควบคุมต้นน้ำได้ และจะเกิดปัญหากับ จ.สุโขทัย อยู่ตลอด เพราะฉะนั้นจะต้องมีเครื่องมือในการควบคุมต้นน้ำ โดยการสร้างอ่างเก็บน้ำ ส่วนตัวเห็นว่าประชาชนส่วนใหญ่ที่ได้รับความเสียหายจะต้องออกมาพูดให้ชัดเจนว่าต้องการให้สร้างหรือไม่

 

 

“รอยล”มั่นใจปีนี้ไม่ท่วมซ้ำรอยปี 54

 จากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคกลาง ทำให้คนส่วนใหญ่เกิดความกังวลว่าจะเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมซ้ำรอยมหาอุทกภัยปี 2554 นายรอยล จิตรดอน ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการติดตาม วิเคราะห์สถานการณ์น้ำ และจัดสรรน้ำ ใน กบอ. ย้ำว่า สิ่งที่ทำให้มั่นใจและกล้าพูดได้เต็มปากว่า ปีนี้น้ำจะไม่ท่วมเหมือนปีที่ผ่านมา มาจากหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ในช่วงที่เกิดมหาอุทกภัยจนถึงปัจจุบัน คลังข้อมูลน้ำและภูมิอากาศแห่งชาติ ได้รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง อาทิ ข้อมูลพายุ สภาพอากาศ ปริมาณฝน และสภาพน้ำ (ปี 2548-2555) เพื่อใช้ในการติดตามและบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานที่นำไปใช้ในภาคปฏิบัติ อาทิ กรมชลประทาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และกรุงเทพมหานคร (กทม.)

 

 ข้อมูลที่มีอยู่ทั้งหมดถูกนำมาใช้ในการคาดการณ์ปริมาณฝนในภาพรวมของประเทศ ในปี 2555 ปริมาณฝนจะอยู่ที่ร้อยละ 20 ใกล้เคียงกับปี 2551 เกิดน้ำท่วมบ้างแต่ไม่มากเท่าปี 2554 ตลอดจนปัจจัยด้านพายุ ที่ในปี 2555 อยู่ในปีเอลนิโญ ทำให้ปริมาณพายุน้อยกว่าปี 2554 ซึ่งเป็นปีลานีญา

 "อิทธิพลของฝนส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำในภาพรวม จากปัจจัยของร่องมรสุมและความกดอากาศต่ำ ประเทศไทยยังต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวบ้าง ในพื้นที่บางส่วนของประเทศ แต่ไม่ได้มากเท่ากับปี 54" นายรอยลกล่าว

 

 

ยันมีพื้นที่รับน้ำเพียงพอ

 ส่วนของระดับน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา แม่น้ำแต่ละสาย ถูกจับตาถึงความเปลี่ยนแปลงเพื่อการตัดสินใจระบายน้ำได้อย่างทันท่วงที นายรอยล บอกว่า ทุกวันนี้คณะทำงานมีการควบคุมระดับน้ำในเขื่อน และการพร่องน้ำ ให้เป็นไปตามสถานการณ์น้ำจริง เพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้งอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ตลอดจนการแก้ปัญหาด้านโครงสร้าง ขุดลองคูคลอง ยกระดับถนนที่เคยขวางเส้นทางน้ำ ตลอดจนเตรียมการพื้นที่รับน้ำไว้พอสมควร ปัจจัยเหล่านี้เป็นตัวช่วยยืนยันว่าหากเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมในปีนี้ จะไม่รุนแรงเท่ากับปีที่ผ่านมา ปัจจัยที่กล่าวมาทั้งหมดยังอยู่ภายใต้การควบคุม และแผนที่วางไว้ โดยระดับน้ำในลำน้ำ ณ ปัจจุบัน ยังไม่พบว่ามีจุดใดล้นตลิ่ง ที่ผ่านมาได้มีการพร่องน้ำไม่ให้เกินศักยภาพของลำน้ำที่จะรับได้

 “ผลจากการพร่องน้ำจากปริมาณน้ำฝนที่ตกหนักในภาคเหนือ และพร่องน้ำออกจากเขื่อนเพื่อรักษาระดับน้ำในเขื่อนให้อยู่ที่ 80% อย่างต่อเนื่อง สิ่งที่เห็นชัดเจนคือระดับน้ำในแม่น้ำนครสวรรค์ ปัจจุบัน อยู่ที่ 1,829 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เทียบกับปีที่ผ่านมา ระดับน้ำสูงถึง 3,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่วนการระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ ปัจจุบัน อยู่ต่ำกว่า 5 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน เทียบกับปีที่ผ่านมาซึ่งมีการระบายมากถึง 30-50 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน เนื่องจากกรมชลประทานได้มีการพร่องน้ำอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไม่จำเป็นต้องเร่งระบายน้ำออกจากเขื่อน อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุม คือปริมาณฝนที่ตกเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่โดยเฉพาะฝนที่ตกหลักในพื้นที่ภาคกลาง ทำให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มต่ำ และต้องใช้เวลาในการระบายหลายสัปดาห์ เนื่องจากพื้นที่กว้างกว่า 9 หมื่นตารางกิโลเมตร"  นายรอยลกล่าว

จับตาพายุลูกใหม่ 13 ก.ย.

 

 นายรอยล กล่าวอีกว่า พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังระดับน้ำล้นตลิ่งเวลานี้ ได้แก่ ประตูระบายน้ำชุมแสง ประตูระบายน้ำโพธิ์ประทับช้าง ปริมาณน้ำอยู่ในระดับสูง โดยกรมชลประทานได้เร่งผันน้ำออกทางประตูระบายน้ำพระพิมล และประตูระบายน้ำพระยาบรรลือ และแบ่งน้ำส่วนหนึ่งเข้าทางคลองระพีพัฒน์ โดยอาศัยศักยภาพของคลอง 13 เพื่อช่วยบรรเทาสถานการณ์น้ำท่วมในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ระดับน้ำในแม่น้ำยมเริ่มทรงตัว ไม่มีน้ำเอ่อล้นตลิ่ง แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังต่อ เนื่องจากในช่วงวันที่ 13 กันยายนนี้ ประเทศไทยจะได้รับอิทธิพลจากพายุและร่องมรสุมที่ก่อตัวบริเวณทะเลจีนใต้ พาดผ่านภาคเหนือทำให้เกิดใน จ.น่าน เชียงราย และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนเข้าไปยังประเทศจีน และญี่ปุ่น ทำให้เกิดฝน แต่ไม่รุนแรงเท่าฝนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นหางของพายุ

 

 ปัจจัยดังกล่าวทำให้ต้องเร่งระบายน้ำอย่างเร่งด่วน เนื่องจากการระบายน้ำในพื้นที่ลุ่มต่ำภาคกลางทำได้ยากกว่าการระบายน้ำในพื้นที่ภาคเหนือ เนื่องจากพื้นที่ภาคเหนือมีความลาดเอียงทำให้น้ำเหนือไหลลงมายังภาคกลางได้โดยใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการระบายน้ำฝนในพื้นที่ภาคกลางอาจจะต้องใช้เวลา 2-3 สัปดาห์ ซึ่งแนวทางการระบายน้ำยังคงเป็นไปตามแผนที่วางไว้

 

 

คุกสุโขทัยป่วน-น้ำท่วมเรือนนอน

 นายสุธรรม วงศ์ขจร ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดสุโขทัย กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ต้องขังกว่า 1,020 คน แยกเป็นหญิง 175 คน และชาย 845 คน ได้รับผลกระทบจากรอยรั่วใต้พนังกั้นแม่น้ำยม ทำให้น้ำท่วมเรือนจำประมาณ 30-40 เซนติเมตร แม้ว่าจะนำกระสอบทรายไปกั้นและปิดฝาท่อระบายน้ำ แต่น้ำยังซึมเข้ามาได้ จึงระดมเจ้าหน้าที่และนักโทษช่วยกันวิดน้ำออกจากเรือนจำ แต่ทำได้ลำบาก เพราะด้านนอกเรือนจำระดับน้ำสูงกว่า 50 เซนติเมตร

 

 "น้ำท่วมเรือนนอนชั้น 1 จำนวน 1 อาคาร ผู้ต้องขังกว่า 200 คน ต้องเร่งสูบน้ำออก และก่ออิฐบล็อกสูง 3 ชั้น เพื่อป้องกันน้ำไหลซึมเข้ามา แต่ผู้ต้องขังก็ยังสามารถนอนบริเวณดังกล่าวได้ จึงสั่งงดเยี่ยมตั้งแต่เมื่อวาน (10 ก.ย.) จนกว่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ยังอนุญาตให้ฝากอาหารสำหรับผู้ต้องขังได้จนถึงเวลา 15.30 น. ทุกวัน" นายสุธรรมกล่าว

 วันเดียวกัน เวลา 09.30 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในรัฐสภา และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน รองหังหน้าพรรค และนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรค ลงพื้นที่ชุมชนราชธานี ต.ธานี อ.เมือง จ.สุโขทัย ตรวจเยี่ยมและมอบถุงยังชีพให้แก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมจำนวน 200 ชุด จากนั้นเดินทางไปยังวัดราชธานี เพื่อลงเรือท้องแบนตรวจสอบจุดน้ำกัดเซาะจนพังทลาย ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ยังคงน้ำท่วมสูง 0.6-1.2 เมตร โดยจุดลึกที่สุดอยู่ที่ย่านเศรษฐกิจสำคัญของจังหวัด

 

 นายพิเชฐ ไทยกล้า นายกเทศมนตรีเมืองสุโขทัยธานี กล่าวว่า เทศบาลใช้ถุงทรายขนาดใหญ่ หรือบิ๊กแบ็กกว่า 300 ถุง อุดรอยรั่วของพนังกันน้ำ แต่ยังไม่เห็นผล เนื่องจากกระแสน้ำเชี่ยวกราก ประกอบกับน้ำป่ายังไหลเข้าพื้นที่อย่างต่อเนื่อง คณะทำงานจึงปรับเปลี่ยนแนวทางในการทำงาน เชื่อว่าปริมาณน้ำท่วมจะลดลงภาย 2-3 วัน

 

6 อำเภอกรุงเก่าน้ำสูงต่อเนื่อง

 ผู้สื่อข่าวรายงานจากพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ว่า เมื่อเวลา 08.00 น. พบว่าระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงขึ้นอีก 40-60 เซนติเมตร ทำให้น้ำล้นตลิ่งเข้าท่วม 8 ตำบล ใน อ.บางบาล คือ ต.บางหลวงโดด ต.บางชะนี ต.บ้านกุ่ม ต.ทางช้าง ต.บ้านคลัง ต.มหาพราหมณ์ ต.บางบาล และต.สะพานไทย ที่ อ.เสนา 4 ตำบล คือ ต.หัวเวียง ต.บ้านกระทุ่ม ต.บ้านแพน และต.บ้านโพธิ์ ที่ อ.ผักไห่ 5 ตำบล คือ ต.กุฎี ต.ท่าดินแดง ต.ตาลาน ต.นาคู และต.ลาดชิด ทำให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำน้อยและแม่น้ำเจ้าพระยา ระดับน้ำท่วมบ้านเรือนเฉลี่ย 40-60 เซนติเมตร แต่ส่วนใหญ่เป็นบ้านยกสูง ส่วนที่ อ.พระนครศรีอยุธยา น้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมถนนและพื้นที่ ต.บ้านใหม่ และ ต.ภูเขาทอง ระดับน้ำสูง 50-70

 นายอุดมศักดิ์ ขาวหนูนา ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า จังหวัดประกาศแจ้งเตือนประชาชนเฝ้าระวังพื้นที่เส้นทางน้ำใน 4 อำเภอ คือ บางบาล เสนา ผักไห่ และพระนครศรีอยุธยา นอกจากนี้ยังมี อ.บางไทร และ อ.บางปะอิน ในภาพรวมระดับน้ำล้นตลิ่งที่ 20-30 เซนติเมตร

ชลประทานฯ เผยน้ำเหนือเข้าภาคกลาง

 

 นายฎรงค์กร สมตน ผู้อำนวยการสำนักชลประทานที่ 12 จ.ชัยนาท กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์น้ำพบว่า มวลน้ำได้ไหลผ่าน จ.กำแพงเพชร ขณะนี้มวลน้ำกำลังเคลื่อนตัวถึง จ.นครสวรรค์ คาดว่าจะเคลื่อนตัวถึงเขื่อนเจ้าพระยา วันที่ 11 กันยายน จะส่งผลให้ระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา บริเวณ จ.นครสวรรค์ อุทัยธานี และชัยนาท เพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย

 ส่วนด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา สำนักชลประทานที่ 12 จะบริหารน้ำเข้าระบบชลประทาน เพื่อเป็นการลดมวลน้ำและควบคุมให้น้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาอยู่ในเกณฑ์ไม่เกิน 1,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ดังนั้น ด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา บริเวณ จ.ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำจะทรงตัวและลดลง หากไม่มีฝนตกเพิ่มบริเวณตอนบนและตอนกลางของลุ่มน้ำ สถานการณ์น้ำจะเริ่มลดลงตามลำดับ

 

ศภช.ชี้อีก2วันสุโขทัย-อยุธยาน้ำลด

 น.อ.สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (ศภช.) กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.สุโขทัย และพระนครศรีอยุธยา เกิดจากฝนตกหนักในช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา ทำให้มีปริมาณน้ำฝนท้ายเขื่อนมาก เมื่อรวมกับการปล่อยน้ำจากเขื่อน ทำเป็นปกติทุกวันจึงทำให้มีปริมาณน้ำที่มาก ขณะนี้สถานการณ์น้ำในทุกพื้นที่มีปริมาณน้ำลดลงตามลำดับ ซึ่งจะเข้าสู่สถานการณ์ปกติภายใน 2 วัน หากมีฝนตกหนักลงมาอีก ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ต่อไป ทั้งนี้ หากประชาชนมีความกังวลใจในเรื่องสถานการณ์น้ำ ตรวจสอบข้อมูลที่เว็บไซต์ www.waterforthai.go.th

 

 ขณะที่ นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า แม่น้ำปิง วัง และน่าน มีเขื่อนเก็บกักน้ำเพื่อชะลอน้ำที่ไหลลงมาจากภาคเหนือ แต่แม่น้ำยมไม่มีเขื่อนเก็บกักน้ำ ทำให้น้ำไหลลงมาท่วมจังหวัดอื่นได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงได้ให้มหาวิทยาลัยมหิดล ศึกษาว่าจำเป็นที่จะต้องก่อสร้างเขื่อนหรือไม่ ขนาดไหนอย่างไร ส่วนการก่อสร้างแก่งเสือเต้น ทางกรมชลประทานได้ศึกษาทั้งระบบและออกแบบแล้ว สามารถกักเก็บน้ำได้ประมาณ 1,175 ล้านลูกบาศก์เมตร ทั้งนี้ หากมีเขื่อนยมบน ยมล่าง สามารถเก็บกักน้ำได้ 660 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ค่าก่อสร้างจะสูงกว่าการก่อสร้างแก่งเสือเต้น ถ้าจะก่อสร้างจริงตามกฎหมายต้องศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ใช้เวลาอย่างน้อย 1 ปี

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อรุณสวัสดิ์เช้าวันพุธ ครับทุกๆท่าน

และแล้วผมก็หาข่าว Iphone ที่จะมีผลต่อราคาทองเจอจนได้

ขอนำมาให้อ่านกันนะครับ

 

12 กันยายน 2555 07:00

คาด'ไอโฟน 5'กระตุ้นจีดีพีมะกัน 0.5%

news_img_469717_1.jpg

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

เจพีมอร์แกนคาด 'ไอโฟน 5' กระตุ้นจีดีพีมะกัน 0.5%ขณะกูรูในแวดวงไอทีพยากรณ์แอเปิลจะทำยอดขายไอโฟนล่าสุดได้ถึง 2 ล้านเครื่องภายใน 24 ชม.

 

รายงานของเจพี มอร์แกน ชี้ว่า ไอโฟน 5 สมาร์ทโฟนเจนเนอเรชั่นใหม่ของ "แอ๊ปเปิ้ล" ที่คาดว่าจะเปิดตัวในสัปดาห์นี้ ไม่เพียงจะช่วยดันผลกำไรของบริษัทเท่านั้น แต่ยังอาจช่วยกระตุกเศรษฐกิจของสหรัฐอีกทางหนึ่งด้วย

 

หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเจพี มอร์แกน "ไมเคิล เฟอโรลี" ระบุในรายงานสำหรับลูกค้าว่า ยอดขายไอโฟนเวอร์ชั่นใหม่จะช่วยให้จีดีพีของสหรัฐไตรมาส 4 ของปีนี้เพิ่มขึ้นราว 0.25-0.50%

 

บริษัทคำนวณว่า ยอดขายไอโฟน 5 น่าจะอยู่ที่ประมาณ 8 ล้านเครื่องในช่วงไตรมาสสุดท้าย และคาดว่าราคาไอโฟนรุ่นล่าสุดจะอยู่ที่ 600 ดอลลาร์ ซึ่งอาจมีส่วนลด 200 ดอลลาร์ จากต้นทุนของชิ้นส่วนนำเข้าที่ลดลง เท่ากับรัฐบาลจะสามารถคำนวณปัจจัยจากไอโฟนรุ่นใหม่เข้าไปในระบบเศรษฐกิจ 400 ดอลลาร์ต่อเครื่อง ในไตรมาสสุดท้าย

 

ยอดขายไอโฟน 5 น่าจะกระตุ้นการขยายตัวของจีดีพีสหรัฐได้ไตรมาสละ 3.2 พันล้านดอลลาร์ หรือปีละ 1.28 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งจะช่วยหนุนการขยายตัวของจีดีพีได้ 0.33% ในไตรมาส 4 และช่วยจำกัดความเสี่ยงขาลงที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งอาจเติบโตที่ระดับ 2%

 

ขณะเดียวกัน ฟรอสต์ฯ คาดการณ์ว่า แอปเปิลจะฟันยอดขายได้ถึง 2 ล้านเครื่องภายในเวลา 24 ชม.เทียบกับยอดขายไอโฟน 4 เอสเมื่อปีที่แล้ว ที่แอปเปิลได้สร้างปรากฏการณ์ไว้ที่ 1 ล้านเครื่องใน 24 ชม. โดยย้อนหลังไปเมื่อหลายปีก่อน แอปเปิล สร้างปรากฏการณ์ใหม่ของโทรศัพท์มือถือ การนำเสนอนวัตกรรมล้ำสมัยที่สร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ในการใช้โทรศัพท์มือถือแก่ชาวโลกนับว่าสะเทือนวงการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้งวงการ ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าการแข่งขันในอุตสาหกรรมนี้ได้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น

 

คู่แข่งที่สำคัญของไอโอเอสในการพัฒนาแพลตฟอร์มอย่าง แอนดรอยด์ และวินโดว์สพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว และอาจกล่าวได้ว่า ปัจจุบัน แอนดรอยด์เป็นผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนของโลก และส่งผลให้ซัมซุง ขึ้นแท่นผู้นำของผู้ขายโทรศัพท์มือถือโลก แต่แอปเปิ้ลหวังว่า การเปิดตัวสินค้าใหม่ครั้งนี้ จะทำให้แอปเปิ้ลกลับมาผงาดในฐานะผู้นำในตลาดสมาร์ทโฟนของโลกอีกครั้ง

 

คาดว่า ไอโฟนตัวใหม่นี้ จะมีหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น รองรับเทคโนโลยีเอ็นเอฟซี มีระบบปฏิบัติการที่เร็วขึ้น มีกล้องที่ดีขึ้น รวมถึง Dock Connector ที่มีขนาดเล็กลง การพัฒนาคุณสมบัติต่างๆ เหล่านี้จะช่วยให้แอ๊ปเปิ้ลสร้างความแตกต่างอย่างมีคุณค่าให้กับสินค้าใหม่ เหมือนที่เคยเปิดตัวโปรแกรมสิรี (Siri) เมื่อครั้งที่ออกไอโฟน 4 เอส

 

http://www.bangkokbiznews.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

By Virginia Harrison, MarketWatch

SYDNEY (MarketWatch) — Asian stocks rose early Wednesday as an upbeat session on Wall Street improved investor sentiment as they looked ahead to key upcoming decisions from Europe and the U.S., with exporters among the gainers in Japan.

 

The Nikkei Stock Average JP:100000018 +1.31%  jumped 1.2% in Tokyo, South Korea’s Kospi KR:SEU +1.29%  added 0.9%, and Australia’s S&P/ASX 200 index AU:XJO +0.76%  gained 0.7%.

 

The Dow Jones Industrial Average DJIA +0.52%  climbed to its highest level in nearly five years on Tuesday as investor optimism swelled ahead of decisions by a German court and the U.S. Federal Reserve. Read more on the U.S. session.

 

Germany’s top court is due to rule on the legality of euro zone bailout fund on Wednesday.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

12 กันยายน 2555 07:53

ทองคำตลาดสหรัฐปิดบวก3 ดอลล์

news_img_469723_1.jpg

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

ทองคำตลาดสหรัฐปิดบวก3 ดอลล์ท่ามกลางการคาดการณ์ของนักลงทุนว่าเฟดจะออกมาตรการคิวอี 3

 

ราคาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (11 ก.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมซึ่งจะมีขึ้นในสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 3.1 ดอลลาร์ หรือ 0.18% ปิดที่ 1,734.9 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ราคาทองคำดีดตัวขึ้นจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟด จะประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรืออาจจะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่ 3 (คิวอี3) ในการประชุมซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 12-13 ก.ย.นี้ หลังจากมีข้อมูลบ่งชี้ถึงความอ่อนแอของเศรษฐกิจสหรัฐ รวมถึงตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนส.ค.ของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเพียง 96,000 ตำแหน่ง ซึ่งน้อยกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 125,000 ตำแหน่ง

 

ราคาทองคำปรับตัวขึ้นในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการเงินต่างๆ เช่น มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) โดยนักลงทุนจะเข้าซื้อโลหะมีค่า เพราะวิตกว่ามาตรการเหล่านี้อาจทำให้มูลค่าของเงินลดลง นอกจากนี้ นักลงทุนมักเข้าซื้อทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นจากมาตรการผ่อนคลายทางการเงินต่างๆ

 

นอกจากนี้ ราคาทองคำ ยังได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส เตือนว่า สหรัฐอาจจะสูญเสียอันดับความน่าเชื่อถือ AAA หากสภาคองเกรสสหรัฐไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับแผนการลดหนี้สินระยะยาวในปีหน้า

 

http://www.bangkokbiznews.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

TheBullionDesk, Reuters, Infoquest และ CNBC

 

ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นในช่วงการซื้อขายเมื่อคืนนี้ โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการแข็งค่าของสกุลเงินยูโร และการรอผลการแถลงการประชุม FOMC ในคืนวันพฤหัสบดีที่มีความคาดหวังในเรื่องมาตรการ QE3 นอกจากนี้ ศาลรัฐธรรมนูญของเยอรมนีจะตัดสินในเรื่องความถูกต้องตามกฎหมายของกองทุน ESM ซึ่งเป็นกองทุนช่วยเหลือทางการเงินถาวรของยุโรปที่อาจมีศักยภาพในการให้กู้ยืมสูงสุดถึง 5 แสนล้านยูโรในวันนี้

 

นักวิเคราะห์จาก FastMarkets กล่าวว่า หากผลการแถลงการประชุม FOMC ในเดือนกันยายนไม่มีมาตรการ QE3 ออกมา คาดว่าจะยิ่งเป็นการเพิ่มโอกาสที่อาจเห็นมาตรการ QE3 ในเดือนธันวาม ไม่ใช่เดือนพฤศจิกายน โดยมีสาเหตุ 2 ประการคือ 1) เดือนธันวาคมเป็นเดือนที่มาตรการ Operation Twist จะหมดอายุ และ 2) ในช่วงเดือนธันวาคมจะเป็นจังหวะแรกหลังการเลือกตั้งปี 2012 ที่เฟดอาจดำเนินการโดยปราศจากการเกี่ยวข้องกับการเมือง

 

นอกเหนือไปจากเหตุการณ์ทางฝั่งสหรัฐ จะเห็นว่าในสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่สำคัญสำหรับยุโรปเช่นกัน เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญของเยอรมนีมีกำหนดการชี้ชะตาว่า กองทุน ESM เป็นไปตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งล่าสุด ผลสำรวจจากเยอรมนีระบุว่า 53% ของสาธารณชนมีความเห็นชอบให้ศาลตัดสินคัดค้านกองทุน ESM ถ้าเป็นเช่นนั้น นักวิเคราะห์ระบุถึงความกังวลว่า ตลาดทุนจะมีการโต้ตอบอย่างไรหากศาลตัดสินไม่ให้กองทุน ESM เป็นกองทุนที่ถูกต้องตามกฎหมายเยอรมัน

 

รอยเตอร์สำรวจผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายมีการคาดการณ์อย่างเป็นเอกฉันท์ว่า ศาลสูงเยอรมนีจะอนุมัติกองทุน ESM และกฎงบประมาณต่างๆ ในวันนี้ และมีความเชื่อว่า ศาลเยอรมนีจะกำหนดเงื่อนไขที่ทนทานเพื่อจำกัดความยืดหยุ่นในการช่วยเหลือในอนาคต

 

ในวันเดียวกันนี้ ตลาดจะให้ความสนใจไปที่การเลือกตั้งของประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งอาจมีกระทบในวงกว้างในเรื่องการตัดสินใจของสหภาพยุโรปในเรื่องการขับเคลื่อนต่อไป ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้เกี่ยวกับมาตรการรัดเข็มขัด และความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่างกัน

 

ยิ่งไปกว่านั้น กลุ่มรัฐมนตรีคลังของยุโรป หรือยูโรกรุ๊ปมีกำหนดการประชุมกันในสัปดาห์นี้ และด้วยความที่วิกฤตหนี้ยูโรโซนยังคงมีปัญหาอยู่ จึงมีความเป็นไปได้ที่การประชุมในครั้งนี้จะมีความเคลื่อนไหวในเรื่องราคาสินทรัพย์

 

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ตลาดให้ความสนใจไปกับเหตุการณ์ต่างๆ ในสัปดาห์นี้ เทรดเดอร์ต่างๆ จะรอผลการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจในภาคอุตสาหกรรมจากฝรั่งเศส อิตาลี และเยอรมนี

ตลาดทองคำอินเดียดูจะซบเซาเป็นเวลา 2 สัปดาห์ของช่วงราษฎระ ซึ่งจะเริ่มต้นในวันที่ 30 กันยายน และจะสิ้นสุดในเดือนตุลาคม ซึ่งในช่วงราษฎระของอินเดีย ชาวฮินดูจะไม่ซื้อเสื้อผ้าหรือของใช้เพื่อความรุ่งเรือง เช่น ทองคำ เพราะเนื่องจากช่วงนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาที่เป็นฤกษ์ดี

 

สิงคโปร์ เบส เดียเลอร์ กล่าวว่า มีปริมาณการเข้าซื้อทองคำที่เหลือจากการผลิตต่างๆ หรือ Scrap gold เนื่องจากการคาดว่าราคาจะปรับตัวสูงขึ้นอีก และค่าพรีเมี่ยมของทองคำแท่งในสิงคโปร์ยืนอยู่ที่ระดับ 20 – 40 เซนต์ต่อออนซ์เหนือระดับราคา Spot ของลอนดอน

 

เมื่อวานนี้ กองทุนทองคำ SPDR ยังคงไม่ได้ทำอะไรมาตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา ถือครองทองคำที่ระดับเดิม 1,293.138 ตัน

 

มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส เผยความน่าเชื่อถือของสหรัฐอาจถูกปรับลดลงเหลือ Aa1 หากสหรัฐไม่สามารถปรับลดสัดส่วนหนี้ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศในระหว่างการหารือเรื่องงบประมาณในปีหน้า โดยมูดีส์ระบุในแถลงการณ์ว่า การคงอันดับเครดิตโดยมีแนวโน้มเชิงลบไว้จนถึงปี 2557 คงจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ โดยจะมีการคงแนวโน้มเชิงลบดังกล่าวไว้ หากเกิดภาวะ Fiscal cliff หรือภาวะที่มาตรการด้านนโยบายหลายประการของสหรัฐมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาเดียวกัน จนทำให้เกิดภาวะไร้เสถียรภาพในที่สุด ดังนั้น มูดีส์จำเป็นต้องการข้อมูลหลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่า เศรษฐกิจจะดีดตัวขึ้นจากภาวะผันผวนก่อนที่มูดีส์จะพิจารณาปรับเปลี่ยนแนวโน้มให้กลับสู่ระดับที่มีเสถียรภาพ

 

อีซีบีกล่าวเมื่อวานนี้ว่า นายแอนโทนิส ซามาราส นายกรัฐมนตรีของกรีซได้ทำให้อีซีบีเชื่อมั่นว่า แผนการปฏิรูปเศรษฐกิจของรัฐบาลกรีซจะสามารถทำให้ระบบกลับเข้าที่ได้ อย่างไรก็ตาม นายซามาราส ซึ่งมีการหารือกับนายดรากีและเจ้าหน้าที่อาวุโสของอีซีบีกำลังมีปัญหาในการชักจูงกลุ่มผู้ให้กู้ยืมระหว่างประเทศยอมรับแผนที่มีความสำคัญในการปลดล็อคให้ความช่วยเหลือต่อกรีซเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะล้มละลาย

 

ที่มา MTS

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

EUR/USD Sep 12 at 02:06 GMT

 

1.2857/58 (0.02%)

H1.2860 L 1.2845

 

eurusd_20120911204722.jpg

 

ค่าเงินยูโร แข็งอย่างมาก

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...