ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

เส้นสัญญานฯท้ายสุด รหัส 7,5,2 ที่เด็กขายของเฝ้ามอง ก็ยังบ่งบอกว่า แท่งเทียนรายวันของพรุ่งนี้ ยังมีสีแดงอีก ก็คงหมายถึงต่ำกว่า ราคาทอง Spot 1695 ราคาขายทองไทย คงประมาณ 24,700 บาท ถ้าผมมองว่า ราคาจะต้องออกต่ำกว่า 24,700 บาท สมมุตินะครับ สมมุติ วันนี้ช่วงเช้า / บ่าย ราคารับซื้อคืน มากกว่า 24,700 บาท ก็น่าเสี่ยงที่จะขายออกไป แล้วค่อยรอซื้อกลับในราคาที่ต่ำกว่า 24,700 บาท ประเด็นนี้ จึงอยู่ที่ว่า เชื่อไม่เชื่อ และ ราคา มาหรือไม่มา

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดลบ 62 เซนต์หลังสต็อกเบนซินสหรัฐพุ่งเกินคาด

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 6 ธันวาคม 2555 07:08:18 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (5 ธ.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันกลั่นและน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้นเกินคาดในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซากำลังทำให้ความต้องการพลังงานในสหรัฐลดลงด้วย นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากการหดตัวลงของภาคการผลิตในยูโรโซน

 

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 62 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 87.88 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 87.46-89.05 ดอลลาร์

 

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค.ที่ตลาดลอนดอน ร่วงลง 1.03 ดอลลาร์ หรือ 0.9% ปิดที่ 108.81 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 108.64-110.57 ดอลลาร์

 

นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะหดตัวของอุปสงค์พลังงานในสหรัฐ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 30 พ.ย. ร่วงลง 2.36 ล้านบาร์เรล แตะที่ระดับ 371.77 ล้านบาร์เรล ซึ่งตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 150,000 บาร์เรล

 

อย่างไรก็ตาม สต็อกน้ำมันกลั่นพุ่งขึ้น 3.03 ล้านบาร์เรล แตะที่ 115.07 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 950,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น 7.86 ล้านบาร์เรล แตะที่ 212.12 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.2 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันพุ่งขึ้น 2% แตะที่ 90.6% มากกว่าที่คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.6%

 

นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันหลังจากมาร์กิตรายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนพ.ย.อยู่ที่ระดับ 46.5 ซึ่งแม้ว่าเพิ่มขึ้นจากเดือนต.ค.ที่ระดับ 45.7 แต่ดัชนีที่เคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของยูโรโซนยังคงอยู่ในภาวะหดตัว ขณะที่ยูโรสแตทรายงานว่า ยอดค้าปลีกเดือนต.ค.หดตัวลง 1.2% จากเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการหดตัวลงหนักสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีนี้

 

อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงเล็กน้อย เพราะตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ โดยADP Employer Services ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดแรงงานในสหรัฐ เปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 118,000 ตำแหน่ง

 

ขณะที่สำนักงานจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการเดือนพ.ย.ขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 54.7 ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของตลาด และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อของโรงงานอุตสาหกรรมขยายตัวขึ้นอย่างเหนือความคาดหมาย 0.8% ในเดือนต.ค.

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวกหลังจีนส่งสัญญาณใช้มาตรการกระตุ้นศก.

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 6 ธันวาคม 2555 06:26:27 น.

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (5 ธ.ค.) โดยดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 18 เดือนในระหว่างวัน หลังจากจีนส่งสัญญาณว่าจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ซึ่งข่าวดังกล่าวได้ช่วยบดบังปัจจัยลบจากรายงานภาคการผลิตและภาคบริการที่หดตัวลงติดต่อกันหลายเดือนของยูโรโซน

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.2% ปิดที่ 276.91 จุด

 

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3590.50 จุด บวก 10.02 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 7454.55 จุด บวก 19.43 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5892.08 จุด บวก 23.04 จุด

 

ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นหลังจากพรรคคอมมิวนิสต์จีนภายใต้การนำของนายสี จิ้นผิง ผู้นำคนใหม่ของจีน ได้เปิดเผยรายงานการประเมินภาวะเศรษฐกิจครั้งแรก ซึ่งระบุว่า จีนจะยังคงรักษาเสถียรภาพของนโยบายเศรษฐกิจมหภาค และพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนตามความจำเป็น เพื่อรับมือกับปัญหาต่างๆที่จะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ

 

นักวิเคราะห์มองว่าถ้อยแถลงดังกล่าวถือเป็นการส่งสัญญาณว่าจีนจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หลังจากที่ก่อนหน้านี้จีนได้ประกาศมาตรการฟื้นฟูออกมาเป็นระยะๆ รวมถึงการอนุมัติโครงการรถไฟในเมืองหลายโครงการ คิดเป็นมูลค่าการลงทุนทั้งสิ้น 7.5 หมื่นล้านหยวนเมื่อไม่นานมานี้

 

นอกจากนี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวยังช่วยบดบังปัจจัยลบจากรายงานที่ว่า ภาคการผลิตและภาคบริการของยูโรโซนหดตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 10 ในเดือนพ.ย. ขณะที่ยอดค้าปลีกของยูโรโซนก็ปรับตัวลดลงเกินคาดในเดือนต.ค.

 

หุ้นเอชเอสบีซีพุ่งขึ้น 1.25 หลังจากสำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของ เอชเอสบีซี ว่า เอชเอสบีซีจะขายหุ้นทั้งหมด 15.57% ในบริษัท ผิงอัน อินชัวรันส์ ซึ่งเป็นบริษัทประกันรายใหญ่อันดับ 2 ของจีน ให้กับเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) มูลค่า 7.2736 หมื่นล้านดอลลาร์ฮ่องกง (9.385 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) หรือหุ้นละ 59 ดอลลาร์ฮ่องกง (7.61 ดอลลาร์สหรัฐ)

 

หุ้นกลุ่มเหมืองแร่พุ่งขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นริโอทินโต ปรับตัวขึ้น 3.1% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน พุ่งขึ้น 2.4% และหุ้นเวแดนตา รีซอสเซส พุ่งขึ้น 2.6%

 

หุ้นเทสโก้ทะยานขึ้น 3.3% ขณะที่หุ้นโนเกียพุ่งขึ้น 9.75

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ข้อมูลศก.สหรัฐสดใส หนุนดาวโจนส์ปิดบวก 82.71 จุด

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 6 ธันวาคม 2555 06:02:14 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (5 ธ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงดัชนีภาคบริการ อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากตลาดยังคงได้รับปัจจัยลบจากความวิตกกังวลที่ว่าสหรัฐอาจจะเผชิญกับภาวะหน้าผาการคลัง (fiscal cliff) ซึ่งจะฉุดเศรษฐกิจให้กลับเข้าสู่ภาวะถดถอยอีกครั้ง

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 82.71 จุด หรือ 0.64% ปิดที่ 13,034.49 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 2.23 จุด หรือ 0.16% ปิดที่ 1,409.28 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 22.99 จุด หรือ 0.77% ปิดที่ 2,973.70 จุด

 

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกหลังจาก ADP Employer Services ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดแรงงานในสหรัฐ เปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 118,000 ตำแหน่ง แม้ว่าตัวเลขดังกล่าวน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 125,000 ตำแหน่ง

 

ขณะที่สำนักงานจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการเดือนพ.ย.ขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 54.7 ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของตลาด และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อของโรงงานอุตสาหกรรมขยายตัวขึ้นอย่างเหนือความคาดหมาย 0.8% ในเดือนต.ค.

 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าข้อมูลเศรษฐกิจออกมาเป็นที่น่าพอใจ แต่ภาวะการซื้อขายในตลาดยังคงผันผวนเนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลว่า สหรัฐอาจจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเผชิญกับภาวะหน้าผาการคลัง โดยดัชนี CBOE Volatility Index ซึ่งเป็นดัชนีวัดความผันผวนและความวิตกกังวลในตลาด ปิดที่ระดับเกือบ 17 จุด

 

ทั้งนี้ นักลงทุนวิตกกังวลว่าสหรัฐจะเผชิญกับภาวะหน้าผาการคลัง หรือมาตรการปรับขึ้นภาษีและการลดการใช้จ่ายวงเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนม.ค.ปีหน้า นอกเสียจากว่าสภาคองเกรสจะสามารถตกลงกันได้ภายในสิ้นปีนี้

 

ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เตือนว่า หากสหรัฐเผชิญภาวะหน้าผาการคลัง ทุกครอบครัวในสหรัฐจะได้ต้องจ่ายภาษีเพิ่มขึ้นอีกกว่า 2,000 ดอลลาร์โดยเฉลี่ย และหากสหรัฐไม่ได้แก้ไขปัญหาด้านการคลัง ภาคธุรกิจสหรัฐจะลดการลงทุนและจ้างงาน และหากมีการปรับขึ้นภาษีชนชั้นกลางในปี 2556 กลุ่มผู้บริโภคของสหรัฐก็จะใช้จ่ายน้อยลงราว 2 แสนล้านดอลลาร์ในปีหน้า

 

หุ้นซิตี้กรุ๊ปพุ่งขึ้น 6.3% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ทะยานขึ้น 5.7% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ดีดตัวขึ้น 1.6% และหุ้นรีเจียนส์ ไฟแนนเชียล ขยับขึ้น 1.9%

 

หุ้นเฟซบุ๊กปรับตัวขึ้น 0.9% หลังจากมีรายงานว่าเฟซบุ๊กจะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาด Nasdaq ในสัปดาห์หน้า ขณะที่หุ้นแอปเปิลร่วงลง 6.4%

 

นักลงทุนจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนพ.ย.ของสหรัฐ ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันศุกร์นี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 100,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวอยู่ที่ 7.9%

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จะซื้อหรือจะขายที่ราคาเท่าไหร่ดีครับ งงหมดแล้วครับ ขอคำแนะนำจากพี่ๆหน่อยครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
:Hi สวัสดีจ๊า ถ้าเปิดมา 24800/24700 อย่าว่าแต่ป๋า เจ้ก็จะวิ่งไปกดเหมือนกัน ถึงจะตอนนั้น สะกิด ด้วยนะ :uu จะเป็นพระคุณ แต่ว่าป๋าจะขายหมดเลยป่าว

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

:Hi สวัสดีจ๊า ถ้าเปิดมา 24800/24700 อย่าว่าแต่ป๋า เจ้ก็จะวิ่งไปกดเหมือนกัน ถึงจะตอนนั้น สะกิด ด้วยนะ :uu จะเป็นพระคุณ แต่ว่าป๋าจะขายหมดเลยป่าว

มี 50% ของพอร์ท ในตอนนี้ ก็จะปล่อยหมูไปก่อน 20% จึงขอเสี่ยงขายก่อนแค่ 20% เท่านั้นครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จะซื้อหรือจะขายที่ราคาเท่าไหร่ดีครับ งงหมดแล้วครับ ขอคำแนะนำจากพี่ๆหน่อยครับ

คือว่า มองจากราคาปิด 1695.70 เหรียญ ราคาออนไลน์ประมาณ 24,700 บาท ( หรือต่ำกว่า ) จึงเกิดอาการสมมุติ ที่มองตามเส้นสัญญานฯว่า ปิดตลาดพรุ่งนี้ ก็ยังแดง ออกต่ำกว่า 1695.70 เหรียญ ถ้าวันนี้ ราคารับซื้อคืน ของ อาแปะ หรือ ของออนไลน์ สูงกว่า 24,700 บาท ก็จะเสี่ยงขายคืน อาแปะ สัก 20 % เพื่อรอหวังซื้อกลับในวันคืนนี้ ( ตามระบบออนไลน์ ) หรือ พรุ่งนี้ ( ที่ร้านทองตู้แดง ) ที่ต่ำกว่า 24,700 บาท

 

เหตุของการกระทำ > ผลที่ออกมา ถ้ามาจริง คือ ลดต้นทุนดอยทอง ให้ต่ำลงมา ครับ

 

หมายเหตุ : กดเช็คราคาออนไลน์ตอนนี้เลยว่าเท่าไหร่

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 23.04 จุดจากคาดการณ์จีนกระตุ้นศก.

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 6 ธันวาคม 2555 07:44:39 น.

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (5 ธ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการที่จีนส่งสัญญาณว่าจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ซึ่งข่าวดังกล่าวได้ช่วยบดบังปัจจัยลบจากรายงานภาคการผลิตและภาคบริการที่หดตัวลงติดต่อกันหลายเดือนของยูโรโซน

 

ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 23.04 จุด หรือ 0.39% ปิดที่ 5,892.08 จุด

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวขึ้นหลังจากพรรคคอมมิวนิสต์จีนภายใต้การนำของนายสี จิ้นผิง ผู้นำคนใหม่ของจีน ได้เปิดเผยรายงานการประเมินภาวะเศรษฐกิจครั้งแรก ซึ่งระบุว่า จีนจะยังคงรักษาเสถียรภาพของนโยบายเศรษฐกิจมหภาค และพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนตามความจำเป็น เพื่อรับมือกับปัญหาต่างๆที่จะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ

 

ข้อมูลดังกล่าวสามารถชดเชยปัจจัยลบจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของยูโรโซน โดยมาร์กิตเปิดเผย่วาดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนพ.ย.ของยูโรโซนอยู่ที่ระดับ 46.5 ซึ่งแม้ว่าเพิ่มขึ้นจากเดือนต.ค.ที่ระดับ 45.7 แต่ดัชนีที่เคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของยูโรโซนยังคงอยู่ในภาวะหดตัว

 

ขณะที่ยูโรสแตทรายงานว่า ยอดค้าปลีกเดือนต.ค.หดตัวลง 1.2% จากเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการหดตัวลงหนักสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีนี้

 

หุ้นเทสโก้ทะยานขึ้น 3.3% ขณะที่หุ้นโนเกียพุ่งขึ้น 9.7%

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

 

ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: นิกเกอิเปิดบวก 66.85 จุดหลังดาวโจนส์ฟื้นตัว

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 6 ธันวาคม 2555 07:53:47 น.

ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดที่ 9,535.69 จุด เพิ่มขึ้น 66.85 จุด หรือเพิ่มขึ้น 0.71% ในวันนี้ เพราะได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ยูโรร่วงเทียบดอลล์หลังภาคการผลิตยูโรโซนหดตัว

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 6 ธันวาคม 2555 07:36:28 น.

สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (5 ธ.ค.) หลังจากมาร์กิตเปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตและภาคบริการของยูโรโซนหดตัวลง ขณะที่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งภายในประเทศ รวมถึงตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชน

 

ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลง 0.14% แตะที่ 1.3075 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันอังคารที่ 1.3093 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนตัวลง 0.08% แตะที่ 1.6088 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6101 ดอลลาร์สหรัฐ

 

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.60% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 82.380 เยน จากระดับ 81.890 เยน และขยับลง 0.03% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.9260 ฟรังค์ จากระดับ 0.9263 ฟรังค์

 

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.11% แตะที่ 1.0456 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0468 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.51% แตะที่ 0.8279 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8237 ดอลลาร์สหรัฐ

 

สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงหลังจากมาร์กิตรายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนพ.ย.อยู่ที่ระดับ 46.5 ซึ่งแม้ว่าเพิ่มขึ้นจากเดือนต.ค.ที่ระดับ 45.7 แต่ดัชนีที่เคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของยูโรโซนยังคงอยู่ในภาวะหดตัว ขณะที่ยูโรสแตทรายงานว่า ยอดค้าปลีกเดือนต.ค.หดตัวลง 1.2% จากเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการหดตัวลงหนักสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีนี้

 

ส่วนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ โดย ADP Employer Services ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดแรงงานในสหรัฐ เปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 118,000 ตำแหน่ง

 

ขณะที่สำนักงานจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการเดือนพ.ย.ขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 54.7 ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของตลาด และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อของโรงงานอุตสาหกรรมขยายตัวขึ้นอย่างเหนือความคาดหมาย 0.8% ในเดือนต.ค.

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลาดหุ้นเอเชียบวกขึ้นเช้านี้ หลังคำสั่งซื้อภาคโรงงานสหรัฐเพิ่มขึ้น

 

 

 

 

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นเช้านี้ หลังสหรัฐเผยคำสั่งซื้อภาคโรงงานขยายตัว

ดัชนี MSCI Asia Pacific เพิ่มขึ้น 0.3% ที่ระดับ 125.64 จุด ณ เวลา 10.28 น.ตามเวลาโตเกียว

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 9,535.69 จุด เพิ่มขึ้น 66.85 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,029.56 จุด ลดลง 2.35 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,355.89 จุด เพิ่มขึ้น 84.98 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 7,660.97 จุด เพิ่มขึ้น 11.92 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,948.55 จุด เพิ่มขึ้น 1.51 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,081.25 จุด เพิ่มขึ้น 5.33 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 5,694.75 จุด เพิ่มขึ้น 7.03 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,614.71 จุด เพิ่มขึ้น 0.92 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 4,526.60 จุด เพิ่มขึ้น 6.20 จุด

หุ้นฮอนด้า มอเตอร์ เพิ่มขึ้น 0.9%, หุ้นเอสซี โกลบอล เดเวลอปเมนท์ พุ่ง 49% และหุ้นริโอ ทินโต กรุ๊ป บวก 1%

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานในเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 0.8% หรือ 3.8 พันล้านดอลลาร์ แตะ 4.776 แสนล้านดอลลาร์ หลังจากเพิ่มขึ้น 4.5% ในเดือนก.ย. ซึ่งนับเป็นสัญญาณบวกสำหรับภาคการผลิตสหรัฐ

คำสั่งซื้อใหม่สำหรับสินค้าคงทน หรือสินค้าที่คาดว่าจะมีอายุการใช้งานไม่ต่ำกว่า 3 ปี เช่น คอมพิวเตอร์ รถยนต์ และเครื่องจักร เพิ่มขึ้น 0.5% สู่ระดับ 2.179 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนต.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 9.1% ในเดือนก.ย.

ส่วนคำสั่งซื้อใหม่สำหรับสินค้าที่ไม่คงทน ซึ่งรวมถึง อาหาร ผลิตภัณฑ์กระดาษ ปิโตรเลียมและผลิตภัณฑ์ถ่านหิน ดีดตัวขึ้น 1.1% หรือ 2.7 พันล้านดอลลาร์ แตะ 2.597 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนต.ค.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดหุ้นรายวัน - บล.เคทีบี (ประเทศไทย)

 

 

 

ภายในประเทศ

(+) สำนักงานประกันสังคมเห็นชอบขยายเวลาลดอัตราเงินสมทบฝ่ายนายจ้างและลูกจ้างที่อัตรา 4% ต่อไปอีก 1 ปี (เดิมสิ้นสุด 31 ธ.ค.55) ลดผลกระทบขึ้นค่าแรง 300 บาท/วัน

(+) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ เห็นว่า รัฐบาลไม่ควรรีบลงมติวาระ 3 ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550

 

ต่างประเทศ

(+/-) ติดตามการแก้ปัญหา “fiscal cliff” ต่อไป และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในคืนวันศุกร์นี้

(+) ดัชนีดาวโจนส์บวก 82.71 จุดเมื่อวาน (5 ธ.ค.55) ...ประธานาธิบดีสหรัฐชี้ถึงแนวโน้มการบรรลุข้อตกลงต่อภาวะ fiscal cliff

(-) ราคาน้ำมันดิบ Nymex ลบ 62 เซนต์ ปิดที่ 87.88 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน Brent ลบ 1.03 ดอลลาร์ ปิดที่ 108.81 ดอลลาร์/บาร์เรล

(-) ราคาทองคำ COMEX ลบ 2.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,693.80 ดอลลาร์/ออนซ์

(-) ดัชนี BDI ลบ 32 จุด ปิดที่ 1022 จุด

 

ตลาดหุ้นไทย

เมื่อวาน : วิ่ง 100 เมตรถึงเส้นชัย ...จะพักก่อนก็ไม่แปลก

การเคลื่อนไหวของ SET Index เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (4 ธ.ค.55) พบว่า ภาพรวมเคลื่อนไหวแบบพักฐานระยะสั้น หลังจากที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงกว่า 1 สัปดาห์ก่อนหน้านี้ จนกระทั่งล่าสุดทำสถิติสูงสุดใหม่ในปี 2555 และทำลายสถิติสูงสุดใหม่รอบ 16 ปีอีกครั้งที่ระดับ 1,335.19 จุด ซึ่งถือว่าราคาหุ้นในตลาดได้ตอบรับทางบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการในปี 2555 รวมทั้งยังเริ่มตอบรับล่วงหน้าในปี 2556 โดยมีปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจไทยเป็นตัวหนุนที่สำคัญ ทั้งนี้ SET Index ปิดตลาดที่ระดับ 1,330.06 จุด (-0.21%) ส่วนกรอบการเคลื่อนไหวของ SET Index อยู่ในช่วง 1,326.68-1,335.19 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ระดับ 30,100 ล้านบาท ขณะที่กองทุนในประเทศและนักลงทุนรายย่อยเป็นผู้ขายสุทธิเท่ากับ 317 และ 964 ล้านบาท ตามลำดับ

 

วันนี้ : มุมมองของเราต่อ SET ยังเป็นบวกในปี 2556

เรามองว่า SET Index ในระยะสั้นยังคงมีแรงหนุนที่ดี (positive momentum) แม้ความแรงในการปรับขึ้นจะไม่มากนัก โดยมีปัจจัยสนับสนุนในเชิงปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญจากทิศทางการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยและการขยายตัวของกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนไทยที่ต่อเนื่องในปี 2556 (ในลักษณะที่เดียวกับปี 2555 แม้มีความผันผวนให้เห็นเป็นระยะ) นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นของเราต่อประเด็นการแก้ปัญหาหน้าผาการคลัง (fiscal cliff) ของสหรัฐยังไม่เปลี่ยนแปลงไปสำหรับผลลัพธ์สุดท้าย โดยเรายังคงคาดว่า จะออกมาในทิศทางที่เป็นบวก แม้ก่อนที่จะหาข้อสรุปได้ (อาจเป็นนาทีสุดท้ายที่ผู้เกี่ยวข้องต้องตัดสินใจ ได้แก่ ประธานาธิบดีสหรัฐและสภาคองเกรส) ยังอาจสร้างความลังเลใจให้กับนักลงทุน โดยเรามองว่า ตลาดยังคงได้รับข่าวสารที่ไม่ชัดเจนต่อไปในช่วงนี้ (บางวันดี บางวันร้าย) แต่ที่สำคัญที่สุดอย่างมีสาระสำคัญต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วง 1 ปีข้างหน้าก็คือ เรายังมองเห็นการบริโภคภายในประเทศของไทยที่เป็นบวก เนื่องจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ต่อเนื่อง และอัตราดอกเบี้ยของไทยที่ยังทรงตัวต่ำต่อไป ซึ่งจะส่งผลดีต่อกำลังซื้อภายในประเทศที่ต่อเนื่องในปี 2556 ทั้งนี้ เราให้กรอบการเคลื่อนไหว SET Index วันนี้ ในช่วง 1,328-1,340 จุด (อาจ +/- จากกรอบของเราเล็กน้อย)

 

กลยุทธ์การลงทุน: นักเก็งกำไร แนะนำ “ขึ้นขาย-ลงซื้อ” โดยยึดกรอบ SET Index รายวันที่ให้ไว้ (ไม่เล่น หาก SET หลุดกรอบล่าง) ส่วนนักลงทุนระยะกลาง-ยาว ยังคงให้ทยอยซื้อหุ้นปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง เมื่อหุ้นเป้าหมายมีราคาอ่อนตัว ส่วนหุ้นพื้นฐานดี ต้นทุนต่ำ ยังแนะนำถือต่อไป

 

หุ้นเด่นวันนี้: แนะนำซื้อเก็งกำไร WORK และ MAJOR เราเห็นว่า หุ้นทั้งสองมีแนวโน้มที่จะได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจไทยที่ยังมีทิศทางการเติบโตต่อเนื่องในปี 2556 ซึ่งเป็นผลบวกต่อธุรกิจบันเทิงในภาพรวม ซึ่งอาจสะท้อนมาในรูปของอัตราค่าโฆษณา (advertising rate) ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดย WORK คาดว่าจะได้รับปัจจัยบวกดังกล่าว รวมทั้งยังมีการเติบโตส่วนเพิ่มจากธุรกิจทีวีดาวเทียม ขณะที่ MAJOR มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในช่วง 4Q ของปี เราให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 38* (ใช้ EPS เฉลี่ยจาก SAA Consensus เท่ากับ 1.99 บาท/หุ้น และ PE ระดับ 20 เท่า) และ 22.18* บาท ตามลำดับ

 

 

 

 

 

News Release

 

ยูบีเอสคาดจีดีพีไทยโต 5.5%ยุโรป-สหรัฐ ฉุดส่งออกโตต่ำ

+ ยูบีเอสคาดจีดีพีไทยขยายตัว5.5%ปีนี้ ก่อนลดลงเหลือ 4.5%ปีหน้า ขณะที่นโยบายผ่อนคลายควบคู่กับการคลังเข้มงวดของสหรัฐกับยุโรปทำให้ส่งออกโตไม่มากอยู่ที่ 3.8%ปีนี้ และ 7%ปีหน้า ประเมินธปท.จะปรับดอกเบี้ยขึ้นแตะ 3.5% สิ้นปี 2556 มองเอเชียขยายตัวปานกลาง 6.2%ปีหน้า จากคาดการณ์ปีนี้ 5.6% หลังความเสี่ยงนอกภูมิภาคลดลง แต่วงจรการค้าโลกกับเศรษฐกิจจีนเพิ่งแตะจุดต่ำสุด (กรุงเทพธรกิจ-พุธ)

 

ราคาอะโรเมติกส์พุ่งพรวด TOP-PTTGC น่าสอย

+ กลุ่มปิโตรเคมีสัญญาณฟื้น หลังราคาอะโรเมติกส์ยืนเหนือ 1.453 พันดอลลาร์ต่อตัน สูงสุดรอบใหม่ หลังราคาก๊าซตกต่ำ เหตุค้นพบ Shale Gas หนุนผู้ประกอบการใช้ก๊าซมากขึ้น พร้อมชู TOP-PTTGC ได้ประโยชน์ ล่าสุด TOP ทุ่มงบ 1,650 ล้านบาท ถือหุ้น ไทยออยล์เพาเวอร์ เพิ่มเป็น 74% ดันอนาคตสดใส

 

เอื้อวิทยาเล็งประมูล-ลงทุนเพิ่มธุรกิจทำกำไรต่อเนื่อง

+ UWC เปิดเผยว่า จากภาพรวมเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลทำให้บริษัทรับงานใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดบริษัทได้รับงานเสาสายส่งไฟฟ้าแรงสูง 500KV จากโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากเขื่อนหงสา ประเทศลาว ช่วงแม่เมาะ-ท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ มูลค่างานกว่า 400 ล้านบาท ซึ่งเป็นสัญญาที่ 2 ที่ทำร่วมกัง J-POWER โดยจะเริ่มผลิตและส่งมอบงานภายในปี 2555 ถึงกลางปี 2557 ส่งผลให้บริษัทมีงานในมือ (BACKLOG) เฉพาะส่วนงานเสาสายส่งไฟฟ้า เพิ่มขึ้นเป็น 1.8 หมื่นตัน รวมมูลค่ากว่า 800 ล้านบาท (กรุงเทพธุรกิจ-พฤหัสบดี)

 

DEMCO ปรับเป้าผลงานทั้งปีโต 6.2 พันล. เร่งปิดงานพลังงานลมโครงการ2ต่อเนื่อง

+ "พงษ์ศักดิ์" เผยการปิดงานก่อสร้างโครงการพลังงานลมดันรายได้ทั้งปีของ "เด็มโก้" โตไม่ต่ำกว่า 6,200 ล้านบาท เกินกว่าเป้าที่ 6,000 ล้านบาท หลังโค้งสุดท้ายของปีนี้ยังผลงานสวย หลังคว้างานสถานีไฟฟ้าเอกชนเพิ่มอีก 2 สถานี และงานปรับปรุงระบบไฟฟ้าอีก 2 สถานี ทำยอดงานในมือล่าสุดเป็น 5,027 ล้านบาท พร้อมโชว์ศักยภาพลุยประมูลงานอีกเพียบ (ASTVผู้จัดการรายวัน-พุธ)

 

TPOLY ลุยธุรกิจพลังงานเต็มสูบตั้งโฮลดิ้งถือหุ้นโรงไฟฟ้า-ปรับโครงสร้างธุรกิจ

+ ไทยโพลีคอนส์ประกาศจุดยืน ลุยธุรกิจพลังงานเต็มสูบ ล่าสุดบอร์ดไฟเขียวตั้ง Holding Company ในนาม"ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง" เพื่อลงทุนในกิจการโรงไฟฟ้าทั้งหมด ปูทางปรับโครงสร้างธุรกิจหวังปั๊มกำไรจากธุรกิจพลั งงานและอสังหาริมทรัพย์ ที่มีมาร์จิ้นสูงกว่าเข้ามาเสริมทัพ "เจริญ " ย้ำปี 2556 กำไรสุทธิของ TPOLY จะก้าวกระโดดอย่างมีนัยสำคัญ หลังขายไฟฟ้าได้ อีกทั้ง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ก็ไปได้สวย (ASTVผู้จัดการรายวัน-พุธ)

 

KBS ปีหน้าผลงานฟื้น ช้อนราคาถูกสุดในภูมิภาค

+ KBS ราคาน้ำตาลสัญญาณฟื้นตัว ปิดตลาด 19.23 เซ็นต์ต่อปอนด์ รับอานิสงส์จีนสั่งสร้างโรงงานเก็บน้ำตาลขนาด 1.5 แสนเมตริกตัน หวังลดปัญหาน้ำตาลขาดแคลน ด้านกูรูประเมินปีหน้าผลงานฟื้น คาดปี 2556 กำไร 691 ล้านบาท เริ่มฤดูเก็บเกี่ยว และส่งออก แนะ "เก็งกำไร" ราคาหุ้นซื้อขายระดับ P/E ต่ำสุดในกลุ่มน้ำตาลของภูมิภาคเพียง 7 เท่า เป้าราคา 11 บาท ราคาน้ำตาล NYMEX ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยวันที่ 2 ติดต่อกัน โดยราคาน้ำตาลตลาด NYMEX ส่งมอบเดือนธันวาคม 2555 ปิดที่ 19.23 เซนต์ต่อปอนด์ เพิ่มขึ้น 0.42% จากวันก่อนหน้าที่ 19.15 เซ็นต์ต่อปอนด์ (ทันหุ้น)

 

QLT รายได้ปีหน้าโตเพิ่ม10% จ่อเข้าประมูลงาน 100 ล้าน มีลุ้นได้งานถึง 80%

+ "ควอลลีเทค" การันตีปีนี้รายได้โตกว่า 10% ส่วนปีหน้าผลประกอบการเพิ่มขึ้นจากปีนี้ไม่ต่ำกว่า 10% เล็งประมูลงานใหม่มูลค่า 100 ล้านบาท ลุ้นได้งานสูงถึง 80% แต่รับอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิปีหน้าต่ำกว่าปีนี้ เหตุต้นทุนค่าแรงพุ่ง (ข่าวหุ้น)

 

LVT บุ๊คงานพม่า 1.2 พันล้านปี56 ดันรายได้แตะ 3 พันล้าน จ่อได้งานบราซิล 1 พันล้าน

+ "แอลวีที" เล็งรับรู้รายได้จากงานก่อสร้างโรงผลิตปูนซีเมนต์ในพม่า 30-40 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1,200 ล้านบาทในปีหน้า ดันรายได้โตตามเป้า 3,000 ล้านบาท ขณะที่ตุนแบ็กล็อก 3,200 ล้านบาท คาดรับรู้ปีนี้ 1,000 ล้านบาท เตรียมเข้าประมูลงานที่บราซิลกว่า 1,000 ล้านบาท (ข่าวหุ้น)

 

3จีทีโอทีพ่นพิษฉุดงบSAMTEL

+ SAMTEL ไตรมาส 4/55 รายได้-กำไรทรุด รับผลกระทบโครงการติดตั้งโครงข่าย 3 จี เฟส 1 ของทีโอทีล่าช้า ส่งผลรับรู้รายได้พลาดเป้า จากที่โบรกฯคาดรับรู้รายได้ 1,550 ล้านบาท แต่ทำได้แค่เพียง 550 ล้านบาท (ข่าวหุ้น)

 

โดย บล.เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 6 ธ.ค. 2555

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

น้ำมัน-ทองคำ-หุ้นมะกันลงถ้วนหน้า หลังเจรจาลดงบฯ สหรัฐฯ ล้มเหลว blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 ธันวาคม 2555 05:30 น.

 

blank.gif 555000015598501.JPEG blank.gif เอเอฟพี - ราคาน้ำมันและตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบเล็กน้อยเมื่อวันอังคาร (4) จากความไม่แน่นอนของการเจรจาตัดลบงบประมาณในอเมริกา ขณะที่ปัจจัยนี้ก็ฉุดให้ราคาทองคำดิ่งลงแรงแตะระดับต่ำสุดในรอบเดือน

 

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 59 เซ็นต์ ปิดที่ 88.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.08 ดอลลาร์ ปิดที่ 109.84 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ มีกำหนดเผยแพร่รายงานคลังน้ำมันสำรองของประเทศรายสัปดาห์ในวันพุธ (5) ซึ่งนักวิเคราะห์คาดหมายว่าน่าจะลดลงราวๆ 400,000 บาร์เรล

 

อย่างไรก็ตาม เหตุที่ฉุดให้ราคาน้ำมันขยับลงวานนี้ (4) มาจากนักลงทุนหวาดผวาต่อการดิ่งสู่ภาวะถดถอยอีกครั้งของสหรัฐฯ หลังรีพับลิกันและเดโมแครตยังล้มเหลวในความพยายามเจรจาประนีประนอมตัดลบงบ ประมาณเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลัง

 

ปัจจัยความวิตกต่อเค้าทางที่สหรัฐฯ อาจต้องเข้าสู่การตัดรายจ่ายและขึ้นภาษีโดยอัตโนมัติในช่วงสิ้นปีนี้ เขย่าขวัญนักลงทุนและฉุดให้ตลาดหุ้นอเมริกาวานนี้ (4) ปิดตัวในแดนลบ

 

ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 14.05 จุด (0.11 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 12,951.55 จุด แนสแดค ลดลง 5.51 จุด (0.18 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,996.69 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 2.54 จุด (0.18 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,406.92 จุด

 

ด้านราคาทองคำวานนี้ (4) ดิ่งลงแรง ด้วยความกังวลต่อวิกฤตหน้าผาการคลังในสหรัฐฯ ฉุดให้โลหะมีค่านี้แตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน โดยราคาทองคำตลาดโคเมกซ์ของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 25.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,695.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...