ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

เริ่มจากชุดกราฟ ดั้งเดิม Original โบราณ ขาใหญ่มักชอบอ้างรหัสฯตัวนี้ เป็นหลักในการต้อนกินกำไรจาก นักลงทุนฯ

รหัส 12,26,9 บ่งบอกว่า ตัดกันอีกรอบแบบฉิวๆๆ แดงโผล่บน ขาใหญ่คงอยากบอกนักลงทุนฯ ว่า " Cut Loss " เถอะ กูเอามึงแน่

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กราฟฯ รหัสชุดดต่อไป 5,35,9 ก็ส่งสัญญานฯ Signal ออกมาใกล้เคียงกัน " ราคาลดลงในวันถัดไแ " เมื่อส่งเสียงบอกก็คือ ตั้งเป้าหมาย ขึ้นไปเท่าไหร่ ก็จะต้องลงมาต่ำว่า 1650

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สำหรับรหัสชุด 7,5,2 ออกเส้นขนานกัน แดงก็ยังอยู่บน ปิดตลาดราคาจะลดลงกว่าวันนี้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ยูโรอ่อนค่าเทียบดอลล์ จากกระแสคาดอีซีบีอาจส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 7 มกราคม 2556 21:47:53 น.

สกุลเงินยูโรซื้อขายกันที่ระดับต่ำในรอบเกือบ 3 สัปดาห์เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) อาจส่งสัญญาณถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้

 

ยูโรร่วงลง 0.4% แตะ 1.3017 ดอลลาร์ ก่อนขยับมาอยู่ที่ 1.3059 ดอลลาร์ ณ เวลา 9.01 น.ในนิวยอร์ก

 

เทรดเดอร์ในตลาดปริวรรตเงินตรามุ่งความสนใจไปที่การประชุมอีซีบีในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าที่ประชุมจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.75% แต่ก็เชื่อว่านายมาริโอ ดรากิ ประธานอีซีบีอาจส่งสัญญาณลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนต่อๆไป ขณะเดียวกันก็มีนักเศรษฐศาสตร์จำนวนหนึ่งคาดว่า อีซีบีอาจลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้

 

นักวิเคราะห์กล่าวว่า หากมีกระแสคาดการณ์เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย นั่นก็อาจส่งผลให้เงินยูโรอ่อนค่าลงอีกเมื่อเทียบกับดอลลาร์

 

นอกจากนี้ เงินยูโรยังถูกแรงขายกดดัน หลังจากที่มีการเปิดเผยราคาผู้ผลิตในยูโรโซนที่ชะลอตัวลงในเดือนพ.ย. โดยสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือยูโรสแตท รายงานว่า ราคาผู้ผลิตเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นข้อมูลหนึ่งที่ใช้ชี้วัดภาวะเงินเฟ้อ ปรับตัวขึ้น 2.1% จากปีก่อน ซึ่งเป็นอัตราที่ชะลอตัวลงหลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.6% ในเดือนต.ค.

 

ขณะที่เงินเยนแข็งค่าขึ้น 0.4% แตะ 87.84 เยนต่อดอลลาร์ แม้มีรายงานข่าวว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมก็ตาม

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 50.92 จุดตลาดจับตาผลประกอบการเอกชน

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 8 มกราคม 2556 06:16:04 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (7 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขาย พร้อมกับจับตาดูการเจรจาเรื่องการเพิ่มเพดานหนี้ระหว่างสภาคองเกรสและรัฐบาลสหรัฐ รวมทั้งผลประกอบการของบริษัทเอกชน

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 50.92 จุด หรือ 0.38% ปิดที่ 13,384.29 จุด ดัชนี S&P 500 ขยับลง 4.58 จุด หรือ 0.31% ปิดที่ 1,461.89 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 2.84 จุด หรือ 0.09% ปิดที่ 3,098.81 จุด

 

ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซา ในขณะที่นักลงทุนจับตาดูการเจรจาเรื่องการปรับเพิ่มเพดานหนี้ระหว่างสภาคองเกรสและรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งหากทั้ง 2 ฝ่ายไม่สามารถตกลงกันได้ ก็อาจทำให้สหรัฐต้องเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้

 

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูการรายงานผลประกอบการของบริษัทเอกชน โดยอัลโค อิงค์ จะเป็นบริษัทจดทะเบียนรายแรกในวอลล์สตรีทที่รายงานผลประกอบการ โดยผู้ผลิตอลูมิเนียมรายใหญ่สุดของสหรัฐจะเปิดเผยงบการเงินหลังปิดตลาดในวันวันนี้ จากนั้นในวันศุกร์ เวลส์ ฟาร์โก ผู้ปล่อยสินเชื่อบ้านรายใหญ่สุดของสหรัฐจะรายงานผลประกอบการเป็นรายต่อไป

 

อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงหนุนในระดับหนึ่งหลังจากคณะกรรมการบาเซิลฝ่ายกำกับดูแลด้านการธนาคารได้ปรับกฎระเบียบว่าด้วยสัดส่วนการสำรองสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องตามเกณฑ์ (LCR) โดยมีเป้าหมายที่จะช่วยเหลือธนาคารต่างๆให้สามารถอยู่รอดได้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก

 

การปรับเปลี่ยนดังกล่าวซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของเกณฑ์บาเซิล 3 นั้น รวมถึงการขยายขอบเขตสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงและการตรวจสอบบางประการเกี่ยวกับอัตราเงินทุนไหลเข้าและไหลออก เพื่อให้สามารถสะท้อนถึงประสบการณ์จริงในการรับมือกับภาวะวิกฤตได้ดียิ่งขึ้น

 

หุ้นโบอิ้งร่วงลง 2% หลังจากมีรายงานว่าเครื่องบินโบอิ้ง 787 ดรีมไลน์เนอร์ของสายการบินเจแปน แอร์ไลน์ เกิดไฟลุกในขณะที่ร่อนลงจอดที่พื้นที่สนามบินนานาชาติเมืองบอสตันเมื่อวานนี้

 

หุ้นยาฮู ปรับตัวลง 2.3% ส่วนหุ้น Amazon.com พุ่งขึ้น 3.6% หลังจากมีการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถทำยอดขายได้เพิ่มขึ้นถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ภายใน 3 ปีข้างหน้า จากปีที่แล้วที่ระดับ 5.12 แสนล้านดอลลาร์

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: แรงขายทำกำไรฉุดตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 8 มกราคม 2556 06:40:46 น.

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (7 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาเทขายทำกำไรหลังจากตลาดทะยานขึ้นแข็งแกร่งในช่วงก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวันจากข่าวที่ว่าคณะกรรมการบาเซิลปรับกฎระเบียบใหม่เพื่อช่วยแก้ปัญหาสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์

 

ดัชนี Stoxx 600 ปรับตัวลง 0.4% ปิดที่ 286.63 จุด

 

 

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3,704.64 จุด ลดลง 25.38 จุด หรือ 0.68% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 7,732.66 จุด ลดลง 43.71 จุด ลดลง 0.56% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,064.58 จุด ลดลง 25.26 จุด หรือ 0.41%

 

ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงหนุนหลังจากคณะกรรมการบาเซิลฝ่ายกำกับดูแลด้านการธนาคารได้ปรับกฎระเบียบว่าด้วยสัดส่วนการสำรองสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องตามเกณฑ์ (LCR) โดยมีเป้าหมายที่จะช่วยเหลือธนาคารต่างๆให้สามารถอยู่รอดได้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก

 

การปรับเปลี่ยนดังกล่าวซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของเกณฑ์บาเซิล 3 นั้น รวมถึงการขยายขอบเขตสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงและการตรวจสอบบางประการเกี่ยวกับอัตราเงินทุนไหลเข้าและไหลออก เพื่อให้สามารถสะท้อนถึงประสบการณ์จริงในการรับมือกับภาวะวิกฤตได้ดียิ่งขึ้น

 

ข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้น โดยหุ้นบาร์เคลย์ส และหุ้นบีเอ็นพี พาริบาส์ ทะยานขึ้น 3.8% และ 1.9% ตามลำดับ ส่วนหุ้นดอยช์ แบงก์ พุ่งขึ้น 2.8% และหุ้นธนาคารโซซิเอเต เจนเนอรัล (ซอคเจน) พุ่งขึ้น 2.7%

 

อย่างไรก็ตาม ตลาดปรับฐานลงในเวลาต่อมา เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาเทขายทำกำไร โดยหุ้นโรลส์-รอยซ์ ดิ่งลง 1.5% หลังจากหนังสือพิมพ์ซันเดย์ ไทม์รายงานว่า โรลส์-รอยซ์ ได้ติดสินบนผู้บริหารสายการบินแอร์ ไชน่า และไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลนส์ เพียงเพื่อให้ได้สัญญาสั่งซื้อสินค้ามูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์

 

นักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่การประชุมอีซีบีในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าที่ประชุมจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.75% แต่ก็เชื่อว่านายมาริโอ ดรากิ ประธานอีซีบีอาจส่งสัญญาณลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนต่อๆไป ขณะเดียวกันก็มีนักเศรษฐศาสตร์จำนวนหนึ่งคาดว่า อีซีบีอาจลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้

 

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูการเจรจาเรื่องการปรับเพิ่มเพดานหนี้ระหว่างสภาคองเกรสและรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งหากทั้ง 2 ฝ่ายไม่สามารถตกลงกันได้ ก็อาจทำให้สหรัฐต้องเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วิจัยกสิกรฯ คาดกนง.นัดแรกปีนี้คงดบ.นโยบายที่ 2.75% ติดตามผลกระทบนอกปท.

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 7 มกราคม 2556 17:37:48 น.

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) นัดแรกของปีนี้ ในวันที่ 9 ม.ค.56 มีโอกาสที่ กนง.จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.75% เพื่อรักษาแรงส่งของการขยายตัวทางเศรษฐกิจ จากเหตุผลที่สำคัญ 4 ประการ ดังนี้

 

1. บรรยากาศเศรษฐกิจโลกปรับตัวไปในทิศทางเชิงบวกมากขึ้น โดย ตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2555 ที่ผ่านมา เศรษฐกิจประเทศแกนหลักของโลกเริ่มปรากฏสัญญาณในเชิงบวกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นประเทศจีน และสหรัฐฯ

 

 

 

สำหรับจีนนั้น ข้อมูลภาคการผลิตได้เริ่มกลับมาบ่งชี้ถึงการขยายตัวของกิจกรรมการผลิตอีกครั้ง นอกจากนี้ ข้อมูลภาคอสังหาริมทรัพย์คงทิศทางการฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้น หลังได้รับผลกระทบจากมาตรการคุมเข้มของทางการจีนที่ดำเนินต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 53 ซึ่งปัจจัยพื้นฐานเหล่านี้ที่ดีขึ้น ผนวกกับแนวนโยบายของผู้นำใหม่ของจีนที่ยังคงสืบสานนโยบายที่คล้ายคลึงเดิม น่าจะเป็นตัวหนุนให้เศรษฐกิจจีนสามารถจะขยายตัวต่อเนื่องในปีนี้ และไม่น่าจะเกิดภาวะถดถอยรุนแรง

 

ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ เห็นการฟื้นตัวชัดเจนมากขึ้น โดยการจ้างงานในปี 55 มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเดือนละ 150,000 ตำแหน่ง อีกทั้งกิจกรรมในภาคอสังหาก็มีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้นมาก นอกจากนี้ ข้อตกลงในการบรรเทาผลกระทบจากภาวะหน้าผาทางการคลังที่เกิดขึ้นในช่วงต้นปี 56 จากการผ่านร่างกฎหมายเพื่อเลี่ยงภาวะ Fiscal Cliff โดยสภาคองเกรสของสหรัฐฯ น่าจะช่วยลดความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจออกนอกเส้นทางการขยายตัวลง ซึ่งปัจจัยบวกนี้น่าจะช่วยผ่อนคลายความกังวลต่อแนวโน้มการส่งออกไทยในช่วงเดือนอันใกล้นี้ได้

 

2. พัฒนาการของเศรษฐกิจไทยให้ภาพการขยายตัวที่ดีขึ้นตามลำดับ และเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับที่ไม่น่ากังวล ทั้งนี้จากตัวเลขเศรษฐกิจไทยในเดือนพ.ย.55 บ่งชี้ถึงแรงส่งของการขยายตัวของเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นการส่งออกที่รวมและไม่รวมทองคำที่กลับมาขยายตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ฟื้นตัวขึ้น นอกเหนือไปจากการขยายตัวที่เร่งขึ้นของการใช้จ่ายในประเทศ ส่วนการเร่งตัวขึ้นของเงินเฟ้อทั่วไปจาก 2.74% ในเดือนพ.ย.55 มาอยู่ที่ 3.63% ในเดือนธ.ค.นั้น ส่วนหนึ่งสะท้อนผลของฐานและการทะยานขึ้นของราคาอาหารสดจากสภาวะอากาศแปรปรวน ซึ่งอาจเป็นปัจจัยชั่วคราว

 

"เมื่อมองไปในไตรมาสแรกของปี 56 มีความเป็นไปได้ที่ภาคการส่งออกไทยน่าจะทยอยฟื้นตัวชัดเจนขึ้น สอดคล้องกับสัญญาณบวกของเศรษฐกิจต่างประเทศ และแรงส่งจากทิศทางราคาสินค้าโภคภัณฑ์เกษตรบางตัวที่เริ่มผงกหัวชัดเจนขึ้น ซึ่งเมื่อผนวกกับความต่อเนื่องของการใช้จ่ายในประเทศ ตามแรงหนุนจากนโยบายกระตุ้นการบริโภคจากภาครัฐที่ยังคงประสิทธิผลอยู่ ก็น่าจะช่วยหนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจของทั้งไตรมาสแรกของปี 56 ยังคงภาพของการฟื้นตัวไว้ได้" เอกสารเผยแพร่ ระบุ

 

3. สถานการณ์ทั้งในและนอกประเทศที่ประคองตัวได้ดังกล่าว น่าจะทำให้ ธปท.สามารถตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในรอบนี้ เพื่อรอความชัดเจนทางเศรษฐกิจเพิ่มเติม ก่อนเลือกทิศทางนโยบายดอกเบี้ยที่เหมาะสมต่อไป โดยปัจจัยติดตามที่สำคัญในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้านี้ ยังพุ่งเป้าหมายไปที่สหรัฐฯ โดยเฉพาะในประเด็นความชัดเจนของรายละเอียดการปรับลดรายจ่ายทางการคลัง เพื่อหลีกเลี่ยงเงื่อนไขการปรับลดรายจ่ายโดยอัตโนมัติที่ได้รับการต่ออายุจากสิ้นปี 55 ไปจนถึงเดือนก.พ.56 รวมถึงทางออกของปัญหาหนี้สาธารณะที่จะชนเพดาน (Debt Ceiling) ในเงื่อนเวลาที่ไล่เลี่ยกัน

 

นอกจากนี้ ก็ยังต้องติดตามสถานการณ์ในยุโรป อาทิ การเลือกตั้งของอิตาลีในเดือนก.พ.56 และแนวทางการเยียวยาภาคการธนาคารของสเปนที่ค่อนข้างอ่อนแอ เนื่องจากอาจมีนัยต่อความเชื่อมั่นของตลาดต่อการแก้ไขปัญหาวิกฤตหนี้ยูโรโซนในภาพรวม

 

4. ผลต่ออัตราดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์ไทย คาดว่าความเป็นไปได้ที่อาจมีการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ผนวกกับเงินฝากที่ไหลเข้าสู่ระบบธนาคารพาณิชย์มากในช่วงปลายปี 55 น่าจะทำให้การแข่งขันด้านราคาของเงินฝากพิเศษค่อนข้างนิ่งในช่วง 1-2 เดือนนี้

 

อย่างไรก็ตาม ตัวแปรที่จะส่งผลกระทบต่อการแข่งขันด้านราคาเงินฝากของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยในช่วงต่อจากนั้น คงขึ้นอยู่กับความก้าวหน้าในการปล่อยสินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่คาดไว้หรือไม่และเพียงใด

 

ทั้งนี้ หากภาวะเศรษฐกิจเอื้ออำนวย ธุรกิจลูกค้าสินเชื่อเดินหน้าต่อไปได้ และกิจกรรมการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคยังมีความต่อเนื่อง ก็น่าจะผลักดันให้ความต้องการสินเชื่อขยายตัวในเกณฑ์ดี ซึ่งคงสนับสนุนให้กิจกรรมการดึงเงินฝากคึกคักขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากรัฐบาลสามารถเดินหน้าโครงการลงทุนต่างๆ ได้ตามที่คาดหมายไว้ ซึ่งหมายความว่าภาพการแข่งขันด้านราคาของผลิตภัณฑ์เงินฝากพิเศษมีโอกาสที่จะชัดเจนมากขึ้นตามไปด้วย

 

"การที่เศรษฐกิจโลกมีพัฒนาการเชิงบวกมากขึ้น และแรงส่งเศรษฐกิจไทยที่ยังอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดี น่าจะส่งผลให้ ธปท.สามารถใช้เวลาอีกระยะหนึ่งในการติดตามผลกระทบและต่อภาพที่ชัดเจนขึ้นจากความไม่แน่นอนที่ยังมีอยู่ โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ Fiscal Cliff และสถานการณ์ในยุโรป" เอกสารเผยแพร่ ระบุ

 

อินโฟเควสท์ โดย กษมาพร กิตติสัมพันธ์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

วันนี้ มีจังหวะไต่ขึ้นที่สูงได้ในบางช่วงเวลา ถ้าเจ้ฯ มีกำไรนิดหน่อย ก็ปล่อยออกมาบ้างนะ จะได้ขยับไปทำรอบใหม่ได้ เพราะแนวโน้มที่จะปิดตลาดในวันต่อไป ยังออกแนวลบ คือ น้อยกว่า 1647 เพราะอะไรที่บอกแบบนั้น มาดูกราฟฯ กันต่อนะครับ

โอเค รับทราบ ขอบคุณค่ะ จุ๊บๆ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

คงต้องดูรหัส 7,5,2 เสริมนะครับ

ขอบคุณคุณป๋ามากๆค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หุ้นไอพีโอขนาดใหญ่จ่อเข้าตลาดคาดมูลค่าระดมทุนปีนี้ใกล้เคียงปี 55

 

 

"“ซีเคพาวเวอร์“ ที่จะนามาเสนอขายมีทั้งหุ้นเดิมและเพิ่มทุนใหม่"

 

หุ้นไอพีโอขนาดใหญ่จ่อคิวรอเข้าตลาดเพียบ ประเดิมด้วยซีเคพาวเวอร์-การบินกรุงเทพ-เอ็มเคสุกี้ บล.เอเซียพลัส คาดยื่นแบบไฟลิ่ง หุ้นเอ็มเค ภายในม.ค.นี้ ส่วนซีเคพาวเวอร์เล็งเข้าเทรดภายในไตรมาสแรก

นายประเสริฐ ภัทรดิลก กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาการเงิน ซีเค พาวเวอร์ กล่าวผ่านรอยเตอร์ ว่า ในเบื้องต้นคาดว่าจะสามารถนำหุ้นซี เค พาวเวอร์ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ประมาณปลายไตรมาส 1 หรือต้นไตรมาส 2 ของปีนี้ โดยในเดือนนี้จะแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน และคาดจะยื่นแบบไฟลิ่งได้ประมาณเดือน ก.พ.นี้ ส่วนจำนวนหุ้นที่จะนำมาเสนอขายนั้นยังไม่ได้ข้อสรุป อยู่ระหว่างการหารือกัน ซึ่งจะมีทั้งหุ้นใหม่และหุ้นเดิมที่ออกขาย มูลค่าระดมทุน ก็น่าจะหลายพันล้านบาท แต่คงจะไม่ถึงหมื่นล้านบาท

เขา กล่าวว่า ซี เค พาวเวอร์ เป็นหุ้นไอพีโอ ขนาดใหญ่บริษัทหนึ่งที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ปีนี้ เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (มาร์เก็ตแคป) อยู่ในระดับหมื่นล้านบาท ซึ่งเงินที่ได้จากการระดมทุนนั้น บริษัทวางแผนนำไปขยายธุรกิจเพิ่ม รวมถึงบางส่วนจะนำไปชำระคืนเงินกู้

นอกจากนี้นายประเสริฐ ยังกล่าวในฐานะที่ปรึกษาการเงิน บริษัทโมโน เทคโนโลยี ว่า มีเป้าหมายที่จะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้ประมาณไตรมาส 1/56 โดยบริษัทดังกล่าวถือเป็นบริษัทที่มีมาร์เก็ตแคปหลายพันล้านบาท

บริษัท โมโน เทคโนโลยี ประกอบธุรกิจสื่อและการให้บริการข้อมูล รวมถึงธุรกิจการให้บริการ ด้านบันเทิง ได้ยื่นแบบไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขอเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 245 ล้านหุ้น ราคาพาร์หุ้นละ 0.10 บาท โดยบริษัทจะนำเงินจากการระดมทุน ไปขยายธุรกิจในต่างประเทศ, ลงทุนเพิ่มในคอนเทนท์ประเภทต่างๆ รวมถึงเข้าประมูลช่องสัญญาณโทรทัศน์ระบบดิจิทัล และลงทุนเพิ่มในอุปกรณ์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ

 

ขณะที่แหล่งข่าวจากบริษัทที่ปรึกษาการเงินแห่งหนึ่ง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยที่มีแนวโน้มดีต่อเนื่องในปีนี้ ตามแรงหนุนจากเศรษฐกิจที่เติบโตทำให้มีบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่ง มีแผนเข้าจดทะเบียนในปีนี้ เพื่อนำเงินไปขยายธุรกิจ ซึ่งคาดว่า หุ้นไอพีโอขนาดใหญ่ที่จะเข้าในปีนี้ เช่น บริษัท การบินกรุงเทพ ผู้บริหารสายการบินบางกอกแอร์เวย์, บริษัทสตาร์ปิโตรเลียมรีไฟน์นิ่ง จำกัด (SPRC) รวมถึงมีกระแสข่าวว่ามีบริษัทน้ำตาลขนาดใหญ่แห่งหนึ่งที่สนใจเข้าระดมทุนด้วย

นอกจากนี้ จะมีบมจ.เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น ซึ่งทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่ยื่นไฟลิ่งไปแล้ว โดยจะขายหุ้นไอพีโอ ราว 600 ล้านหุ้น ก็ถือเป็นบริษัทใหญ่เช่นกัน และคาดว่า จะระดมทุนกว่า 1 พันล้านบาท โดยจะเข้าจดทะเบียนในปีนี้

 

 

ด้านนายเล็ก สิขรวิทย์ รองกรรมการ ผู้อำนวยการ สายงานวาณิชธนกิจ บล.เอเซียพลัส ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ.เอ็มเคเรสโตรองต์ หรือผู้ให้บริการสุกี้ เอ็มเคคาดว่า จะยื่นแบบไฟลิ่ง เอ็มเคเรสโตรองต์ ประมาณเดือน ม.ค.นี้ ซึ่งคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในปีนี้ ทั้งนี้หุ้นเอ็มเคเรสโตรองต์ ถือเป็นหุ้น ไอพีโอ ขนาดใหญ่บริษัทหนึ่ง โดยมีกำไรในอยู่ในระดับพันล้านบาทต่อปี และเป็นผู้นำธุรกิจร้านอาหารประเภทสุกี้ของไทย

 

นอกจากนี้เอเซีย พลัส ยังมีแผนนำบริษัทจากจีน ประเภทเอสเอ็มอี ประมาณ 2-3 บริษัทเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยปีนี้ด้วย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งจะเข้าตลาดในรูปแบบโฮลดิ้ง คอมพานี

 

 

นายเล็ก คาดว่า จำนวนหุ้นไอพีโอ และมูลค่า ระดมทุนในตลาดหุ้นไทยในปีนี้ น่าจะใกล้เคียงกับปีก่อน หรือมากกว่าปีก่อนเล็กน้อย ส่วนหนึ่งเนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาหุ้นไอพีโอ ที่เข้าซื้อขาย ได้รับความสนใจจากนักลงทุน และราคาหุ้นปรับขึ้นมามาก

 

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาทองฟิว​เจอร์ดีดตัวขึ้น หลังราคาต่ำดึงดูด​แรงซื้อ

ข่าวต่างประ​เทศ สำนักข่าวอิน​โฟ​เควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 7 มกราคม 2556 20:41:07 น.

 

ราคาทองฟิว​เจอร์ดีดตัวขึ้น​ในวันนี้ หลังจากที่ราคาทอง​ได้ลดต่ำลง​ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา​และ​แตะระดับต่ำสุด​ในรอบ 4 ​เดือน ส่งผล​ให้ดึงดูด​แรงซื้อจากนักลงทุน

 

ณ ​เวลาประมาณ 20.05 น.ตาม​เวลาประ​เทศ​ไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบ​เดือนกุมภาพันธ์ปรับตัวขึ้น 7.20 ดอลลาร์ ​หรือ 0.44% ​แตะที่ 1,656.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ​โดยราคาทองร่วงลง​แตะ 1,626 ดอลลาร์ ​เมื่อวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา ​ซึ่ง​เป็นระดับต่ำสุดนับตั้ง​แต่วันที่ 21 ส.ค.

 

สัญญาทองคำปรับตัวลดลงต่อ​เนื่อง​เป็นสัปดาห์ที่ 6 ​ในสัปดาห์ที่​แล้ว หลังจากที่รายงาน​การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (​เฟด) ​แสดง​ให้​เห็นว่า สมาชิกคณะกรรม​การบางคนอาจสนับสนุน​ให้ยุติ​โครง​การซื้อพันธบัตรวง​เงิน 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อ​เดือน ​หรือที่รู้จักกัน​ในชื่อ QE3 ​ในปี 2556 นี้

 

อย่าง​ไร​ก็ดี นักวิ​เคราะห์กล่าวว่า อัตราว่างงานสหรัฐ​เดือนธ.ค.ที่​ไม่​เปลี่ยน​แปลงจาก​เดือนพ.ย. ​ได้คลาย​ความวิตกกังวลดังกล่าว ​เนื่องจาก​เฟด​ได้​เคยประกาศ​เอา​ไว้ว่าจะยังคง​โครง​การซื้อพันธบัตรต่อ​ไปจนกว่าตลาด​แรงงานจะฟื้นตัวขึ้นอย่างยั่งยืน

 

กระทรวง​แรงงานสหรัฐรายงาน​เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า ตัว​เลขจ้างงานนอกภาค​การ​เกษตรปรับตัว​เพิ่มขึ้น 155,000 ตำ​แหน่ง​ใน​เดือนธ.ค. ขณะที่อัตราว่างงานอยู่ที่ระดับ 7.8%

อิน​โฟ​เควสท์ ​แปล​และ​เรียบ​เรียง​โดย ปนัยดา ปัทม​โกวิท ​โทร.02-2535000 ต่อ 323 อี​เมล์: panaiyada@infoquest.co.th--

 

http://www.ryt9.com/s/iq11/1563404

ถูกแก้ไข โดย Namchiang

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทองคำปิดลบ 2.6 ดอลล์

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบติดต่อกัน 3 วันทำการ เหตุวิตกเฟดยุติมาตรการ QE

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 2.6 ดอลลาร์ หรือ 0.16% ปิดที่ 1,646.3 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1642.60 - 1663.00 ดอลลาร์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 13.6 เซนต์ ปิดที่ 30.082 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 1.55 เซนต์ ปิดที่ 3.678 ดอลลาร์/ปอนด์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 1553.80 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 1.40 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 670.00 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 18.50 ดอลลาร์

 

ในช่วง 3 วันทำการที่ผ่านมานั้น สัญญาทองคำร่วงลงไปแล้วทั้งสิ้น 42.5 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ 2.5% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า สัญญาทองคำมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ โดยมีแนวรับตั้งรออยู่ที่ 1,630 ดอลลาร์ และแนวต้านตรึงอยู่ที่ 1,690 ดอลลาร์

 

สัญญาทองคำได้รับแรงกดดันหลังจากเฟดเปิดเผยรายงานการประชุมครั้งหลังสุดว่า สมาชิกคณะกรรมการบางคนอาจสนับสนุนให้ยุติโครงการซื้อพันธบัตรวงเงิน 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน หรือที่รู้จักกันในชื่อ QE3 ในปี 2556 นี้

 

http://www.posttoday.com/

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทอง COMEX ทรุด 2.6 เหรียญ หลังตลาดกังวลเฟดจะยกเลิก QE3 ในปีนี้

 

รายงานข่าวจากต่างประเทศ เปิดเผยว่า วานนี้ (7 ม.ค.) สัญญาทองคำตลาด

COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 2.6 ดอลลาร์ หรือ 0.16% ปิดที่

1,646.3 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาทองคำได้รับแรงกดดันหลังจากะนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เปิดเผยรายงาน

การประชุมครั้งหลังสุดว่า สมาชิกคณะกรรมการบางคนอาจสนับสนุนให้ยุติโครงการซื้อพันธบัตร

วงเงิน 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน หรือที่รู้จักกันในชื่อ QE3 ในปี 2556

โดยในช่วง 3 วันทำการที่ผ่านมานั้น สัญญาทองคำปรับลดลงไปแล้ว 42.5 ดอลลาร์/

ออนซ์ หรือ 2.5% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า สัญญาทองคำมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ

โดยมีแนวรับตั้งรออยู่ที่ 1,630 ดอลลาร์ และแนวต้านตรึงอยู่ที่ 1,690 ดอลลาร์

 

เรียบเรียง โดย สุรเมธี มณีสุโข

 

 

อีเมล์แสดงความคิดเห็น commentnews@efinancethai.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เศรษฐีอินเดียทุ่มเงิน 6.9 แสนบาทสั่งทำ “เสื้อทองคำ” ไว้มัดใจสาว blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 มกราคม 2556 17:15 น.

 

blank.gif 556000000161101.JPEG blank.gif เดลิเมล์ - เศรษฐีเงินกู้อินเดียทุ่มเงินเกือบ 690,000 บาท รังสรรค์เสื้อที่ถักทอขึ้นด้วยทองคำแท้ทั้งตัว เพื่อหวังจะดึงดูดความสนใจจากสาวๆ ทั้งหลาย ท้าทายคำกล่าวที่ว่าเงินไม่อาจซื้อความรักได้

 

ดัตตา ภูจ เจ้าพ่อเงินกู้ วัย 32 ปี จากเมืองพิมพรี ชินช์วัด สั่งทำเสื้อเชิ้ตตัวดังกล่าว ซึ่งต้องใช้ช่างทองถึง 15 คน ในการสร้างสรรค์ถักทอเส้นใยทองคำ และใช้เวลาวันละ 16 ชั่วโมง นาน 2 สัปดาห์ จึงเสร็จสมบูรณ์

 

เสื้อทองคำตัวนี้ยังมาพร้อมกับสร้อยข้อมือ และแหวนเข้าชุดกัน ซึ่งทำมาจากทองคำที่เหลือจากการสร้างสรรค์เสื้อด้วย

 

“ผมรู้ว่าผมไม่ใช่ผู้ชายที่ดูดีที่สุดในโลก แต่ก็มั่นใจว่าไม่มีผู้หญิงคนใดที่จะไม่ตาลายด้วยเสื้อเชิ้ตตัวนี้” ภูจกล่าวกับหนังสือพิมพ์ปูเน มิร์เรอร์ของอินเดีย และว่า “เสื้อทองคำเป็นหนึ่งในฝันของผม มันจะเป็นสิ่งประดับชื่อเสียงของผมในฐานะ 'มนุษย์ทองคำแห่งพิมพรี' ก็ได้”

 

เสื้อเชิ้ตแสนฟู่ฟ่าตัวนี้มีผ้ากำมะหยี่สีขาวนำเข้าจากต่างประเทศรอง เป็นฐานสำหรับการทอไหมทองคำ ประดับคริสตัลจากชวารอฟสกีเป็นกระดุม ทั้งยังมีเข็มขัดที่ทำขึ้นจากทองคำ เป็นชุดเข้ากันอีกด้วย

556000000161102.JPEG blank.gif

556000000161103.JPEG blank.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บาทเปิด 30.43/45 แนวโน้มแข็งค่า (08/01/2556)

ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย รายงาน เงินบาทเปิด 30.43/45 แนวโน้มแข็งค่า เงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง

 

นักบริหารเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบีไทย เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 30.43/45 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากเมื่อเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 30.46/48 บาท/ดอลลาร์ ล่าสุดเงินบาทแข็งค่ามาอยู่ที่ระดับ 30.42 บาท/ดอลลาร์

 

และคาดว่าวันนี้เงินบาทจะมีทิศทางที่แข็งค่า เนื่องจากยังมีเงินทุนไหลเข้าในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ที่มี flow ไหลเข้าถึง 7 พันล้านบาท ประกอบกับการแข็งค่าตามทิศทางเงินยูโรด้วย

 

"ค่าเงินยูโรส่วนหนึ่ง และอีกส่วนมาจาก flow เมื่อวาน flow เข้าบ้านเราค่อนข้างเยอะ น่าจะสัก 7 พันล้าน เป็นบอนด์ 5 พันล้าน หุ้น 2 พันล้าน flow ก็ยังเข้ามาอยู่เรื่อยๆ" นักบริหารเงิน ระบุ

 

ส่วนความเคลื่อนไหวของค่าเงินสกุลหลักต่างประเทศช่วงเปิดตลาดเช้านี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 87.50/51 เยน/ดอลลาร์ ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3114/3117 ดอลลาร์/ยูโร

 

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 30.40-30.50 บาท/ดอลลาร์

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ (วันที่ 8 มกราคม 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...