ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

ผู้จัดขอโทษแฟนเพลงคอนเสิร์ตคาราบาวล่ม

 

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากเหตุความวุ่นวายกลุ่มนักศึกษาอาชีวะสถาบันแห่งหนึ่งกับกลุ่มวัยรุ่นย่านคลองเตยเจ้าถิ่น เกิดการทะเลาะวิวาท ชกต่อย และขว้างระเบิดเข้าใส่กัน ในคอนเสิร์ต เสก โลโซ-คาราบาว ภายในสนามฟุตบอลการท่าเรือแห่งประเทศไทยท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 700 นายคอยระงับเหตุและตรึงกำลังดูแลความสงบใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมงจนเหตุการณ์เริ่มคลี่คลาย

 

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายถิรพัฒน์ ศรภักดี หรือ ดอย แฟนพันธุ์แท้คาราบาว กล่าวว่า หลังจากที่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นก็มีกลุ่มแฟนเพลงที่เข้ามาดูคอนเสิร์ตอยากให้คาราบาวเล่นต่อ ตอนนั้นเห็นทางเจ้าหน้าที่เข้าไประงับเหตุการณ์กว่า 700 คน จนเหตุการณ์เริ่มสงบลงไปพัก ซึ่งก็เห็นมีการยั่วยุกัน จนพี่แอ๊ด ได้ประกาศผ่านไมค์บอกให้พอ มาเป็นพี่เป็นน้องกัน ตอนนั้นก็ยังไม่หยุดเลยทีเดียว พี่แอ๊ดก็คอยพูดตลอดเวลาว่าอย่ามีเรื่องกัน กลุ่มวัยรุ่นก็หยุดรับฟัง โดยสังเกตเห็นพี่แอ๊ดนั่งกลางเวที คอยดูว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นอยากให้คอนเสิร์ตดำเนินต่อไปเพราะบางคนเสียเงินเข้ามาดูซื้อบัตรราคา 500-1000 ก็อยากให้คนได้ดู แต่ด้วยความหวั่นว่าสถานการณ์หากเล่นต่ออาจจะเกิดเหตุบานปลายทางผู้จัดและเจ้าหน้าที่ก็เลยให้ยุติคอนเสิร์ตลง

 

ด้านนายชัยยุทธ ลิมลาวัลย์ ผู้จัดคอนเสิร์ตและผู้บริหารเว็บไซต์คาราบาวดอทเน็ต กล่าวว่า คอนเสิร์ตครั้งนี้เป็นคอนเสิร์ตการกุศลจัดครบรอบ 40 ปี มีการประสานตำรวจวางกำลังค่อนข้างมากทั้งในเวทีใช้เจ้าหน้าที่กว่า 300 นาย เฝ้าดูแลรักษาความเรียบร้อยด้านนอกอีก 400 นาย มีจุดตรวจวัตถุระเบิดด้วย ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามีการเล็ดลอดเข้าไปได้ยังไง ซึ่งก็ต้องดูที่เจตนาของตัวบุคคลมากกว่าว่ามีความประสงค์อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นเพื่ออะไร เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ เสก โลโซ เล่นจบไม่มีปัญหาอะไร แต่พอคาราบาวเล่นปรากฏว่ามีเหตุการณ์ปาระเบิดใส่กันชกต่อยกันขึ้น ซึ่งไม่เกี่ยวกับเรื่องราคาบัตร 500-1000 บาท หรืออาจจะเป็นกระแสคอนเสิร์ตพี่ปูที่มีเรื่องก่อนหน้านี้หรือเปล่า เรื่องนี้ไม่อยากสรุปว่าใครผิดใครถูกแต่ประชาชนที่เข้ามาดูคอนเสิร์ตจะรู้เป็นผู้ตัดสินทั้งหมด

 

"ช่วงเกิดเหตุการณ์พี่แอ๊ด พร้อมด้วยทีมงาน ก็ประเมินเหตุการณ์อยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง ตัดสินใจลำบาก ต้องปรึกษากันว่าจะทำยังไง หากเล่นต่ออาจทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นเรื่องใหญ่ จึงสรุปและให้เวลาเป็นตัวผ่อนคลายก่อนเปิดเพลงสรรเสริญพระบารมีเพื่อไม่ให้เหตุการณ์บานปลาย ก็อยากขอโทษและเสียใจกับแฟนเพลงที่ไม่ได้ชมคอนเสิร์ตจนจบแต่เพื่อความปลอดภัยของชีวิตประชาชนจึงต้องยุติคอนเสิร์ตลง" นายชัยยุทธ กล่าว

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

โจ๋ยกพวกตีคอนเสิร์ต"คาราบาว"จนท.ยิงแก๊สน้ำตาสลาย

 

 

ที่สนามกีฬาการท่าเรือแห่งประเทศไทย มีการจัดคอนเสิร์ตการกุศล "แสงแห่งหวัง" เสก โลโซ ปะทะ คาราบาว ได้เกิดเหตุความวุ่นวายขึ้นเมื่อมีกลุ่มวัยรุ่น 2 กลุ่ม ซึ่งเป็นกลุ่มนักศึกษาอาชีวะ และกลุ่มวัยรุ่นย่านคลองเตน เกิดการทะเลาะวิวาท ชกต่อย และขว้างระเบิดเข้าใส่กัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 กองร้อยพยายามเข้าไประงับเหตุ แต่ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ จึงได้ยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่กลุ่มวัยรุ่นทั้ง 2 กลุ่ม เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถสลายกลุ่มวัยรุ่นที่ทะเลาะวิวาทกันได้ยังคงมีการปะทะกันเกิดขึ้น

เบื้องต้นมีผู้โดนลูกหลงจากเหตุดังกล่าวหลายราย และนำตัวผู้บาดเจ็บ และโดนแก๊สน้ำตาส่งโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ขณะนี้เหตุความวุ่นวายยังไม่ยุติ ส่วนการแสดงบนเวทีนั้นได้ยุติการแสดงทันที เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถระบุจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตได้ อย่างไรก็ตามภายในสนามกีฬาเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว แต่ภายนอกสนามยังได้ยินเสียงปืนดังอยู่เป็นระยะ

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

World Markets : สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ (15/01/2556)

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนมีท่าทีระมัดระวังการซื้อขาย พร้อมกับจับตาดูการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานธนาคารกลางสหรัฐในวันนี้ตามเวลาไทย

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.4% ปิดที่ 286.01 จุด

ดัชนี CAC-40 ปิดตลาดฝรั่งเศสที่ 3708.25 บวก 2.23 จุด ดัชนี DAX ปิดตลาดเยอรมนีที่ 7729.52 บวก 13.99 จุด ดัชนี FTSE 100 ปิดตลาดลอนดอนที่ 6107.86 ลบ 13.72 จุด

 

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 ม.ค.) เพราะได้แรงหนุนหลังจากประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโกคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะยังคงขยายตัวได้ดีในปีนี้และปีหน้า อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทเอกชน

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ขยับขึ้น 18.89 จุด หรือ 0.14% ปิดที่ 13,507.32 แต่ดัชนี S&P 500 ลดลง 1.37 จุด หรือ 0.09% ปิดที่ 1,470.68 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 8.13 จุด หรือ 0.26% ปิดที่ 3,117.50 จุด

 

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาทองคำร่วงลงกว่า 1% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันนักลงทุนรอดูการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานธนาคารกลางสหรัฐในวันนี้ตามเวลาไทย

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 8.8 ดอลลาร์ หรือ 0.53% ปิดที่ 1,669.4 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1659.50 - 1674.80 ดอลลาร์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 70.2 เซนต์ ปิดที่ 31.11 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 2 เซนต์ ปิดที่ 3.634 ดอลลาร์/ปอนด์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 1658.20 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 27.00 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 703.30 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 1.85 ดอลลาร์

 

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 ม.ค.) หลังจากประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโกคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะยังคงขยายตัวได้ดีในปีนี้และปีหน้า ขณะที่นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 58 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 94.14 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 92.95-94.29 ดอลลาร์

 

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ.ที่ตลาดลอนดอน พุ่งขึ้น 1.24 ดอลลาร์ หรือ 1.1% ปิดที่ 111.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 110.31-112.07 ดอลลาร์

 

-- สกุลเงินยูโรพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 ม.ค.) หลังจากที่นักลงทุนลดน้ำหนักการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะผ่อนคลายนโยบายการเงิน นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับแนวโน้มที่เป็นบวกของเศรษฐกิจสเปน

 

ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 0.31% แตะที่ 1.3384 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3343 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ร่วงลง 0.32% แตะที่ 1.6078 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6130 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.25% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 89.390 เยน จากระดับ 89.170 เยน และพุ่งขึ้น 0.90% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9215 ฟรังค์ จากระดับ 0.9133 ฟรังค์

 

-- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มธนาคาร ก่อนที่ธนาคารเจพีมอร์แกน เชส และ โกลด์แมน แซคส์ของสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสสี่ในสัปดาห์นี้

 

ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดร่วงลง 13.72 จุด หรือ 0.22% แตะที่ 6,107.86 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 6,104.90-6,134.17 จุด

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 15 มกราคม 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ป๋าค่ะไม่ทราบว่าจะมีคำแถลงการของ เฟด ตามเวลาไทยประมาณกี่่โมงค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มูดี้ส์บุกทำเนียบเก็บข้อมูล ‘โต้ง’หวังเครดิตประเทศขยับ (15/01/2556)

มูดี้ส์บุกทำเนียบเก็บข้อมูล ด้าน “กิตติรัตน์” แจงรัฐบาลเร่งขับเคลื่อนเมกะโปรเจกท์ 2 ล้านล้านลดพึ่งพาส่งออก สร้างสมดุลเศรษฐกิจ การเมืองมีเสถียรภาพ หวังมูดี้ส์เข้าใจช่วยขยับเครดิต

 

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เปิดเผยภายหลังการเข้าพบของเจ้าหน้าที่บริษัทจัดอันดับเครดิต มูดี้ส์

 

อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2556ว่าเป็นการเข้ามาสอบถามข้อมูลด้านต่างๆ ของประเทศไทย เพื่อนำไปพิจารณาจัดอันดับเครดิตความน่าเชื่อถือทางเศรษฐกิจของประเทศไทยซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ Baa1

 

ทั้งนี้ได้ให้ข้อมูลว่ารัฐบาลอยู่ระหว่างปรับสมดุลเศรษฐกิจของประเทศโดยลดการพึ่งพาการส่งออกลงรวมทั้งเพิ่มกำลังซื้อภายในประเทศ เช่น นโยบายจำนำพืชผลทางการเกษตร และการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท รวมทั้งผลักดันการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 2 ล้านล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจประเทศขยายตัวในระยะยาว

 

“การจัดเครดิตไม่ได้เป็นการจัดเฉพาะปัจจุบัน แต่มองอนาคตด้วยการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท จึงน่าจะเป็นสิ่งหนึ่งที่สถาบันจัดอันดับคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจในอนาคตในทิศทางที่ดีได้”

 

ในอดีตมูดี้ส์ฯได้นำข้อมูลเดิมคือปัญหาทางการเมือง ซึ่งต่อเนื่องมาตั้งแต่รัฐประหารในปี 2549 ซึ่งการหารือครั้งนี้ก็ได้อธิบายให้ทราบว่าขณะนี้รัฐบาลและการเมืองไทยมีเสถียรภาพพร้อมที่จะขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ต่อเนื่อง

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า (วันที่ 15 มกราคม 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ป๋าค่ะไม่ทราบว่าจะมีคำแถลงการของ เฟด ตามเวลาไทยประมาณกี่่โมงค่ะ

ผ่านไปแล้ว เขากลับบ้านนอนกันหมดแล้ว

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

“เบอร์นันเก้"ชี้แผนซื้อพันธบัตรมีประสิทธิภาพ,เรียกร้องคองเกรสเพิ่มเพดานหนี้

 

 

นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวที่มหาวิทยาลัยมิชิแกนว่า เฟดจะยังคงประเมินประสิทธิภาพในการช่วยหนุนเศรษฐกิจของแผนการซื้อพันธบัตรต่อไป โดยระบุว่าในขณะนี้แผนการดังกล่าวประสบความสำเร็จในการทำให้อัตราดอกเบี้ยระยะยาวปรับตัวลงค่อนข้างมาก

นายเบอร์นันเก้กล่าวว่า เฟดจะยังคงจับตาดูผลกระทบของแผนการดังกล่าวที่มีต่อเศรษฐกิจและตลาดการเงิน พร้อมระบุว่าแผนการนี้นับว่ามีประสิทธิภาพ และอาจจะปรับเปลี่ยนได้หากภาวะเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงไป

การแสดงความคิดเห็นของประธานเฟดมีขึ้นหลังจากที่รายงานการประชุมนโยบายการเงินของเฟดประจำวันที่ 11-12 ธ.ค.ที่มีการเปิดเผยเมื่อต้นเดือนนี้ แสดงให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายได้ให้การสนับสนุนในวงกว้างสำหรับแผนการซื้อพันธบัตรของเฟด แต่ก็มีความคิดเห็นแตกต่างกันในประเด็นที่ว่าจะยังคงใช้แผนการดังกล่าวที่มีวัตถุประสงค์เพื่อหนุนเศรษฐกิจ ไปเป็นระยะเวลานานเพียงใด

ส่วนการประชุมกำหนดนโยบายครั้งต่อไปของเฟดจะมีขึ้นในวันที่ 29-30 ม.ค.นี้

สำหรับในประเด็นเกี่ยวกับเพดานหนี้นั้น ประธานเฟดได้เรียกร้องให้สมาชิกสภานิติบัญญัติของสหรัฐปรับเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลกลาง เพื่อเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ที่อาจจะเกิดขึ้น

นายเบอร์นันเก้ระบุว่านับเป็นเรื่องสำคัญที่สภาคองเกรสต้องดำเนินมาตรการที่จำเป็นในการเพิ่มเพดานเพื่อเลี่ยงสถานการณ์ที่รัฐบาลกลางจะไม่สามารถชำระหนี้ได้ โดยเตือนว่าการผิดนัดชำระหนี้ของรัฐบาลจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ สภาคองเกรสและทำเนียบขาวจะเริ่มการหารือรอบใหม่ในเร็วๆนี้เกี่ยวกับหนี้สินและการใช้จ่ายของรัฐบาล ซึ่งรวมถึงเพดานหนี้ หลังจากที่สมาชิกสภานิติบัญญัติสหรัฐเพิ่งผ่านร่างกฎหมายเพื่อเลี่ยงการปรับขึ้นภาษีและการลดรายจ่ายโดยอัตโนมัติ หรือภาวะหน้าผาทางการคลัง (fiscal cliff) ซึ่งจะสร้างความเสียหายรุนแรงต่อเศรษฐกิจ

นายเบอร์นันเก้กล่าวเตือนถึงปัญหาทางการคลังที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ยังคงเปราะบาง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: นิกเกอิเปิดพุ่ง 113.08 จุดจากคาดการณ์บีโอเจผ่อนคลายการเงิน

 

 

ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดที่ระดับ 10,914.65 จุด เพิ่มขึ้น 113.08 จุด หรือ 1.05% ในวันนี้ โดยดัชนีนิกเกอิ่งขึ้นเหนือระดับ 10,900 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2553 เพราะได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินเพิ่มเติม

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นักเก็งกำไรลดสถานะซื้อทองสู่ระดับต่ำสุดรอบ 4 เดือนในสัปดาห์ที่แล้ว

 

 

คณะกรรมการการค้าสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ของสหรัฐ (CFTC) รายงานว่า ผู้จัดการกองทุนและเฮดจ์ฟันด์ปรับลดการถือครองสถานะซื้อสุทธิใน สัญญาล่วงหน้าทองและออปชั่นทองลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือนในสัปดาห์ล่าสุด ขณะที่ราคาทองดิ่งลงโดยได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจยุติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเร็วกว่าที่คาดไว้

 

CFTC ระบุในรายงานภาระผูกพันของเทรดเดอร์ว่า นักเก็งกำไร ปรับลดการถือครองสถานะซื้อในโลหะเงินและทองแดงด้วยเช่นกันในช่วงสัปดาห์ สิ้นสุดวันอังคารที่ 8 ม.ค.

 

นักเก็งกำไรปรับลดการถือครองสถานะซื้อสุทธิในทองลง 13,647 ล็อต หรือ 13 % สู่ 92,115 ล็อต

ราคาทองดิ่งลงราว 1 % ในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 8 ม.ค. โดยราคา ได้ลงไปแตะจุดต่ำสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนส.ค.ที่ 1,626 ดอลลาร์/ออนซ์ในช่วง สัปดาห์ดังกล่าว ก่อนจะลดช่วงติดลบกลับขึ้นมาได้บ้าง

 

 

นักลงทุนรีบเร่งระบายสถานะซื้อทองออกมาในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากเฟด เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 11-12 ธ.ค. โดยรายงานดังกล่าวระบุว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดบางคนของเฟดสนับสนุนให้เฟดชะลอหรือยุติมาตรการกระตุ้น เศรษฐกิจเป็นเวลานานก่อนที่จะถึงช่วงสิ้นปี 2013

 

เทรดเดอร์กล่าวว่า รายงาน CFTC ประจำสัปดาห์หน้าจะแสดงให้เห็นว่า ผู้จัดการกองทุนและเฮดจ์ฟันด์เข้าซื้อคืนทองบ้างหรือไม่ ในขณะที่ราคาทองฟื้นตัวขึ้น และปิดตลาดทรงตัวในสัปดาห์ที่แล้ว

 

 

นักเก็งกำไรปรับลดการถือครองสถานะซื้อสุทธิในทองแดงลง 4,241 สัญญา สู่ 20,165 สัญญาในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 8 ม.ค. และลดการถือครองสถานะซื้อสุทธิ ในโลหะเงินลง 1,759 สัญญา สู่ 21,002 สัญญา

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

น้ำมันขึ้นหลังดอลล์อ่อน หุ้นมะกันทรงตัว-ทองคำบวกแรง blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 มกราคม 2556 05:32 น.

 

blank.gif 556000000565501.JPEG blank.gif เอเอฟพี/เดอะสตรีท - ราคาน้ำมันวานนี้(14) ขยับขึ้นพอประมาณ หลังดอลลาร์อ่อนค่าลง ส่วนวอลล์สตรีททรงตัว ท่ามกลางข่าวที่ผสมผสานในตลาดเทคโนโลยี ผิดกับทองคำที่ดีดแรง เหตุสมาชิกเฟดชี้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจยังมีความจำเป็น

 

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 58 เซนต์ ปิดที่ 94.19 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 1.24 ดอลลาร์ ปิดที่ 111.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

ความเห็นของธนาคารกลางยุโรปเกี่ยวกับจุดยืนที่หนักแน่นต่อภาวะเงิน เฟ้อ ดันให้สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้น และด้วยที่ดอลลาร์อ่อนค่าลง สินค้าโภคภัณฑ์อย่างน้ำมันก็จะมีราคาถูกลงสำหรับผู้ซื้อที่ถือเงินสกุลเงิน อื่นๆ

 

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(14) แกว่งตัวผสมผสาน โดยดาวโจนส์ ปิดในแดนบวก ส่วนดัชนีอื่นๆปิดลบ ส่วนหนึ่งมาจากข่าวสารต่างๆเกี่ยวกับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

 

ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 21.65 จุด (0.16 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 13,510.08 จุด แนสแดค ลดลง 8.13 จุด (0.26 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,117.50 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 1.22 จุด ปิดที่ 1,470.83 จุด

 

หุ้นของเดลล์ ดีดตัวขึ้นถึงร้อยละ 12.8 หลังมีข่าวลือว่าบริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์แห่งนี้อยู่ระหว่างพูดคุยถึงการ เพิกถอนตนเองออกจากตลาดหลักทรัพย์และขายแก่เอกชน แต่เรื่องดังกล่าวไม่ก็เพียงพอที่จะดัดให้แนสแดค ปิดในแดนบวกได้

 

ทั้งนี้ดัชนีแนสแดค อ่อนตัวลง สืบเนื่องจากแอปเปิล บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลก รายงานของอุปสงค์ไอโฟนที่อ่อนแอลงเมื่อเร็วๆนี้ จนเป็นผลให้หุ้นของบริษัทแห่งนี้ ขยับลงร้อยละ 3.6

 

ด้านราคาทองคำวานนี้(14) ขยับขึ้นแรง หลังนายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาชิคาโก ยืนยันว่านโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมมีความจำเป็นสำหรับตอนนี้ ราคาทองคำตลาดโคเมกซ์ของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 8.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,669.40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แผนภาษีมะกันรีดกำลังซื้ออุปสรรคขวาง ศก. ฟื้นตัว (15/01/2556)

ถือเป็นการเริ่มต้นปีใหม่ที่ดำเนินไปด้วยดีไม่ใช่น้อย สำหรับประเทศมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการเมืองอย่างสหรัฐอเมริกา

 

เพราะนับตั้งแต่การที่สภาคองเกรสสหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงเลี่ยงปัญหาหน้าผาการคลังได้สำเร็จ จนช่วยฟื้นความเชื่อมั่นของนักลงทุน บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นตลาดทุนกลับมาคึกคักสดใสด้วยมูลค่าเงินลงทุนที่ไหลเข้ามาในตลาดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่เดือน ก.ย. ปี 2550 ถึง 2.22 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 6.66 แสนล้านบาท)

 

และส่งผลให้นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งเชื่อว่า เศรษฐกิจของสหรัฐภายในปี 2556 นี้จะฟื้นฟูจากอาการบาดเจ็บและกลับมาเป็นความหวังท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจโลกโดยรวมที่ยังคงซบเซา

 

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มข่าวดีที่มีรายงานมาต่อเนื่อง กลับไม่อาจเรียกรอยยิ้มจากประชาชนชาวสหรัฐในขณะนี้ได้มากนัก หลังจากที่ได้เห็นตัวเลขในใบแจ้งเงินเดือนของตนเอง ซึ่งลดลงอย่างเห็นได้ชัดจากเดือนก่อนหน้า

 

ต้นตอสาเหตุเป็นผลมาจากการตัดสินใจของรัฐบาลกลางสหรัฐในการขึ้นภาษีเงินได้ที่หักเข้ากองทุนประกันสังคมและกองทุนสวัสดิการต่างๆ (เพย์โรล แทกซ์Payroll Tax) เพื่อจัดการรับมือกับปัญหาการขาดดุลงบประมาณของประเทศ จนทำให้ค่าจ้างของบรรดาลูกจ้างแรงงานทั่วประเทศลดลง เนื่องจากเงินเดือนที่ได้ต้องหักภาษีเพย์โรลเพิ่มขึ้น โดยเฉลี่ย 2% ของเงินเดือน เพื่อเข้าไปสมทบในกองทุนประกันสังคม

 

เรียกได้ว่า แม้รัฐบาลจะสามารถบรรลุข้อตกลงที่ประธานาธิบดี บารัก โอบามา ระบุอย่างชัดเจนว่า ช่วยปกป้อง 98% ของพลเรือนสหรัฐไม่ให้ได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษี แต่สุดท้ายประชาชนทั่วประเทศก็ไม่สามารถหลีกหนีได้อยู่ดี

 

เพราะการที่มาตรการภาษีล่าสุดที่เป็นผลมาจากข้อตกลงแก้ปัญหาหน้าผาการคลัง ไม่ครอบคลุมการยืดอายุมาตรการลดหย่อน “ภาษีเพย์โรล” ทำให้แรงงานสหรัฐประมาณ 160 ล้านคน ทั่วประเทศต้องเสียภาษีดังกล่าวในอัตราเฉลี่ยคนละประมาณ 700 เหรียญสหรัฐต่อปี (ราว 2.1 หมื่นบาท) ขณะที่บางรายอาจสูงกว่านั้น ขึ้นอยู่กับฐานเงินเดือน

 

พูดให้เข้าใจง่ายขึ้นก็คือ แม้จะมีรายได้ต่อครัวเรือนไม่ถึงเกณฑ์ใหม่ที่รัฐบาลกำหนดไว้ แต่เงินเดือนที่หามาได้ก็มีอันต้องโดนหักภาษีเพย์โรลเพิ่มจนรายรับที่ควรจะเพิ่มขึ้นกลับลดน้อยลงไปอยู่ดี

 

ข้อมูลจากแอดเวนเทจ เพย์โรล เซอร์วิส บริษัทด้านการจัดการบัญชีเงินเดือนในเมืองอูเบิร์น รัฐเมน ระบุว่า อัตราภาษีเพย์โรลที่เพิ่มขึ้นมา 2% มาอยู่ที่ 6.2% ในขณะนี้ได้ส่งผลให้ค่าจ้างของลูกจ้างที่รับเงินเดือนผ่านบริษัทกว่า 1 แสนคนทั่วสหรัฐลดลงจากเดิมที่เคยได้รับเรียบร้อยแล้ว

 

กระทั่งเริ่มมีเสียงบ่นของประชาชนชาวสหรัฐผ่านสำนักข่าวต่างประเทศชั้นนำอย่างรอยเตอร์ส หรือเอพี ซึ่งส่วนใหญ่ยอมรับว่าต้องตัดลดค่าใช้จ่าย เช่น การรับประทานข้าวนอกบ้าน การงดรับสัญญาณเคเบิลทีวีบางสถานี หรือการยกเลิกบริการพี่เลี้ยงเด็ก เป็นต้น

 

สถานการณ์ข้างต้นทำให้บรรดานักเศรษฐศาสตร์ทั่วสหรัฐเริ่มเล็งเห็นแล้วว่า นโยบายการเก็บภาษีของรัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดี โอบามา จะส่งผลทำให้ปริมาณการใช้จ่ายของประชาชนภายในประเทศลดลง จนน่าจะมีผลกระทบต่อแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจฟื้นฟูการเติบโต รวมถึงจัดการกับปัญหาการว่างงานภายในประเทศ ซึ่งยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 7.8%

 

ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์ทั่วสหรัฐต่างประเมินว่า การเพิ่มขึ้นของอัตราภาษีเงินได้ที่หักเข้ากองทุนประกันสังคมและกองทุนสวัสดิการต่างๆ (เพย์โรล แทกซ์) นี้ จะส่งผลกระทบต่อปริมาณรายได้ครัวเรือนของครอบครัวชาวอเมริกันรวมต่อปีแล้วถึง 1.25 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 3.75 ล้านล้านบาท)

 

แน่นอนว่า เมื่อรายรับที่เคยได้ลดลง พลเรือนชาวอเมริกันทั้งหลายย่อมไม่เหลือทางเลือกมากนัก ซึ่งทางเลือกที่มีอยู่หมายรวมถึง การตัดลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ลง

 

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์อีกส่วนหนึ่งได้คาดการณ์เพิ่มเติมว่า รายได้ที่ลดลงจะทำให้บางครัวเรือนได้รับผลกระทบหนักถึงขั้นต้องตัดลดเงินออมหรือเงินเก็บยามเกษียณ

 

ขณะเดียวกัน การใช้นโยบายจัดเก็บภาษีเพย์โรล แทกซ์ควบคู่ไปกับการเพิ่มการเก็บภาษีเงินได้ (อินคัม แทกซ์) ของครัวเรือนที่มีรายได้มากกว่า 4.5 แสนเหรียญสหรัฐต่อปี (ราว 13.9 ล้านบาท) จากระดับ 35% เป็น 39.6% พร้อมๆ กับการยกเลิกการต่ออายุมาตรการยกเว้นภาษีที่บังคับใช้ในสมัยประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู. บุช ทำให้ผลกระทบจากเดิมที่จำกัดอยู่ในวงแคบคือมีผลต่อชาวอเมริกันเพียงไม่กี่คน แผ่ขยายครอบคลุมการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวมในที่สุด

 

ไมเคิล เฟโรลิ นักเศรษฐศาสตร์จากเจพี มอร์แกน ประจำเมืองนิวยอร์ก ซิตี กล่าวว่า แนวโน้มรายได้ต่อครัวเรือนของสหรัฐที่ลดลงนับเป็นปัจจัยที่ขัดขวางการเจริญเติบโตของสหรัฐที่เห็นได้อย่างชัดเจนที่สุดในปีนี้ เนื่องจากแค่ผลลัพธ์ข้างต้นข้อเดียวก็มีผลทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐในปีนี้ลดลงประมาณ 0.6%

 

ด้านนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ล้วนเห็นพ้องตรงกันว่าเศรษฐกิจของสหรัฐในปี 2556 นี้ จะโตได้โดยรวมแล้วประมาณ 2% ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตที่ไม่ค่อยสดใสสักเท่าไรนัก

 

แถมการคาดการณ์การเติบโตข้างต้นยังมีแนวโน้มที่อาจจะชะลอตัวลงได้อีกจากมาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาล ยิ่งเมื่อสภาคองเกรสไม่สามารถตกลงแผนตัดลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาลร่วมกัน ซึ่งมีกำหนดเริ่มการพูดคุยภายในเดือน มี.ค.นี้ ก็จะยิ่งส่งผลให้สหรัฐเติบโตได้ช้าลงจนกระเทือนต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม

 

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์จากหลายสำนักคาดการณ์ว่า อัตราภาษีที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลต่อสหรัฐอย่างหนักหน่วงที่สุดในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ โดยสาเหตุหลักใหญ่สืบเนื่องมาจากการปรับตัวปรับวิถีชีวิตของประชาชน เพื่อให้สอดคล้องกับรายได้ที่ลดลงของตนเอง

 

สเวน จาริ สไตห์น นักเศรษฐศาสตร์จากโกลด์แมน แซคส์ ประจำนิวยอร์ก อธิบายว่า เมื่อรายได้ลดลงการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งถือเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของการเติบโตของสหรัฐ โดยคิดเป็นสัดส่วนถึง 2 ใน 3 ของเศรษฐกิจประเทศก็ย่อมต้องลดลงตามไปด้วย

 

สิ่งที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก็คือ การใช้จ่ายของผู้บริโภคในสหรัฐปีนี้มีแนวโน้มเติบโตในอัตรารายปีเพียงแค่ 1% เท่านั้น ในช่วงไตรมาสแรก และ 1.5% ในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ และอาจจะรักษาระดับการเติบโตเช่นนี้ตลอดทั้งปี

 

เรียกได้ว่า ภาษีเพย์โรลถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่บั่นทอนกำลังซื้อของครัวเรือนในสหรัฐ โดยเมื่อผู้บริโภคลดการซื้อ ธุรกิจองค์กรย่อมไม่สามารถขยับเขยื้อนได้มากนัก จนในที่สุดก็จะกระทบต่อการจ้างงานที่อาจเลยเถิดถึงการสั่งปลดคนงานเพิ่ม เพื่อรักษาสถานภาพของบริษัทให้คงอยู่ต่อไป

 

สุดท้ายความหวังที่จะให้เศรษฐกิจของแดนพญาอินทรีย์แห่งนี้ฟื้นตัวจากภาวะซบเซาก็ยิ่งริบหรี่ห่างไกล แม้จะเดินหน้าคลอดแผนกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่แค่ไหนก็ตาม

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ (วันที่ 14 มกราคม 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดอลลาร์อ่อนหนุนราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นวานนี้ - บมจ.ไทยออยล์(15/01/2556)

เบรนท์ส่งมอบ ก.พ. ปรับเพิ่มขึ้น 1.24 ปิดที่ 111.88 เหรียญฯ และน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสส่งมอบเดือน ก.พ. ปรับเพิ่มขึ้น 0.58 ปิดที่ 94.14 เหรียญฯ

 

+ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าเทียบกับค่าเงินยูโรโดยไปแตะระดับอ่อนสุดในรอบ 11 เดือนวานนี้หลังประธานธนาคารกลางยุโรปให้สัมภาษณ์ว่าธนาคารกลางยุโรปจะยัง ไม่ตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในตอนนี้ รวมทั้งมองว่าเสถียรภาพทางการเงินและเศรษฐกิจของกลุ่มยุโรปดีขึ้นและมีแนว โน้มที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2013 นอกจากนี้มีสัญญาณว่าภาคธนาคารในสเปนกู้ยืมเงินจากธนาคารกลางยุโรปลดน้อยลง ในเดือนธ.ค.

 

+/- นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันเบนซินและดีเซลที่ปรับ เพิ่มขึ้นมากวานนี้ จากข่าวที่โรงกลั่นน้ำมันหลายโรงในสหรัฐฯจะทยอยปิดซ่อมบำรุงโดยเฉพาะในแถบ มิดเวสต์และอ่าวเม็กซิโกหลังจากเลื่อนมาตั้งแต่ปี 2012 อย่างไรก็ดีในระยะถัดไปการที่โรงกลั่นปิดซ่อมบำรุงหลายโรงน่าจะส่งผลด้านลบ ต่อความต้องการใช้น้ำมันดิบรวมถึงราคาน้ำมันดิบมากกว่า

 

-/+ ตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมยูโรโซนในเดือนพ.ย. ปรับลดลง 0.3% จากเดือนก่อนหน้าและเป็นการปรับลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 สวนทางกับนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดีตัวเลขการผลิตเครื่องจักรต่างๆปรับตัวเพิ่มขึ้นซึ่งเป็นสัญญาณ ที่ดีว่าเศรษฐกิจยุโรปมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นในอนาคตเนื่องจากเครื่องจักร ต่างๆเป็นส่วนสำคัญ

 

- เจ้าหน้าที่ระดับสูงของซาอุดิอาระเบียออกมาปฏิเสธว่าซาอุฯไม่ได้ปรับลดกำลัง การผลิตน้ำมันดิบลงในเดือนธ.ค.ที่ผ่านมาเพื่อต้องการหนุนราคาน้ำมันดิบ ตามที่เคยออกมาให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่าระดับราคาน้ำมันดิบที่เหมาะสม ต้องอยู่เหนือ 100 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล แต่เป็นเพราะความต้องการที่ปรับลดน้อยลงตามฤดูกาล

 

- นักลงทุนยังลังเลที่จะลงทุนในตลาดน้ำมันรวมถึงตลาดหุ้นเนื่องจากถูกกดดันจาก ความกังวลเรื่องเพดานหนี้ในสหรัฐฯที่คาดว่าจะเป็นประเด็นกดดันตลาดในช่วง กลางเดือนก.พ.โดยวานนี้ประธานาธิบดีโอบามาออกมาเรียกร้องให้พรรครีพับลิกัน ยอมขยายเพดานหนี้ แต่ล่าสุดทางพรรครีพับลิกันยังคงมีจุดยืนให้โอมาบาแสดงแผนปรับลดรายจ่ายที่ เข้มข้นกว่านี้ถึงจะยอมพิจารณาเรื่องการขยายเพดานหนี้

 

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปทานที่เพิ่มมากขึ้นทั้งจากภายในภูมิภาคโดยเฉพาะเอเชียเหนือ รวมทั้งปริมาณนำเข้าที่มาจากสหรัฐฯเนื่องจากอุปสงค์ที่ค่อนข้างต่ำเป็น ปัจจัยกดดันราคา แม้ว่าจะมีปริมาณนำเข้าจากออสเตรเลียอย่างต่อเนื่องในช่วงหน้าร้อนสำหรับการ เดินทางท่องเที่ยวทางรถ

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับลดลงตามราคาน้ำมันดิบดูไบ ขณะที่ความต้องการภายในภูมิภาค

 

ทิศทางราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นและปัจจัยที่น่าจับตามอง

 

กรอบการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้ เบรนท์ 108 -115 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่วนเวสต์เท็กซัส 88 - 95 เหรียญฯ คืนนี้ติดตามยอดค้าปลีกและดัชนีราคาผู้ผลิตสหรัฐฯ ผลสำรวจดัชนีภาคอุตสาหกรรมของรัฐนิวยอร์ค ดุลการค้ายูโรโซนและดัชนีราคาผู้บริโภคเยอรมนี

ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ / ผลประกอบการไตรมาส 4/55 ของบริษัท จดทะเบียนในสหรัฐฯได้แก่

วันอังคาร: ยอดค้าปลีกและดัชนีราคาผู้ผลิตสหรัฐฯ ผลสำรวจดัชนีภาคอุตสาหกรรมของรัฐนิวยอร์ค ดุลการค้ายูโรโซนและดัชนีราคาผู้บริโภคเยอรมนี

วันพุธ: ดัชนีราคาผู้บริโภคและการผลิตภาคอุตสาหกรรมสหรัฐฯ รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐฯ ดัชนีราคาผู้บริโภคยูโรโซน /อีเบย์/โกลด์แมน แซคส์/เจพี มอร์แกน เชส

วันพฤหัส: ยอดขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานและยอดการขอสร้างบ้านใหม่สหรัฐฯ ผลสำรวจดัชนีภาคอุตสาหกรรมของธนาคารกลางฟิลาเดลเฟีย การผลิตภาคอุตสาหกรรมยอดค้าปลีกและจีดีพีไตรมาส 4 ของจีน รายงานภาวะเศรษฐกิจของธนาคารกลางยุโรป /อเมริกัน เอ็กซ์เพรส/แบงค์ อ๊อฟ อเมริกา/ซิตี้กรุ๊ป/อินเทล

วันศุกร์: ความรู้สึกของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ(ม.มิชิแกน) /เจนเนอร์รัล อิเลคทริค มอร์แกน สแตนลีย์

 

- ติดตามผลการเจรจาครั้งใหม่ระหว่าง IAEA และอิหร่านเรื่องโครงการนิวเคลียร์ ในวันที่ 16 ม.ค. 56 อย่างไรก็ตาม ล่าสุดทางการอิหร่านมีท่าทีว่าจะไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ IAEA เข้าตรวจในบริเวณฐานทัพพาร์ชิน

- ติดตามรายงานสถานการณ์ตลาดน้ำมันประจำเดือนม.ค.ของ OPEC และ IEA ในวันที่ 16 และ 18 ม.ค. ตามลำดับว่าจะมีมุมมองอย่างไรต่อคาดการณ์ปริมาณผลิตและปริมาณความต้องการใช้ น้ำมันของโลกปี 56 หลัง EIA รายงานในสัปดาห์ที่แล้วคาดว่าอุปทานส่วนเพิ่มจะมากกว่าอุปสงค์ทำให้กลุ่มโอ เปคต้องพิจารณาลดกำลังผลิต

- จับตาผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบ WTI จากการเปิดใช้ส่วนต่อขยายของท่อส่งน้ำมัน Seaway Pipeline ในช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว ที่จะทำให้กำลังการขนส่งรวมเพิ่มเป็น 400,000 บาร์เรลต่อวัน จาก 150,000 บาร์เรลต่อวัน ในปัจจุบัน และจะทำให้การขนส่งน้ำมันออกจากจุดส่งมอบน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสบริเวณคุ ชชิ่ง โอกลาโฮมาไปยังโรงกลั่นในบริเวณรัฐเท็กซัสเพิ่มมากขึ้น

- นอกจากนี้ติดตามว่าโรงกลั่น Motiva ที่เท็กซัส สหรัฐฯจะกลับมาดำเนินการผลิตของหน่วยกลั่นขนาดกำลังการผลิต 325,000 บาร์เรลต่อวันอีกครั้งเมื่อไรหลังความพยายาม

 

ราคาน้ำมันดิบ (เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล)

-----------------------------------------------------------------

ราคาน้ำมันตลาดจร 11 ม.ค. 56 14 ม.ค. 56 เปลี่ยนแปลง

-----------------------------------------------------------------

เวสต์เท็กซัส (ก.พ.) 93.56 94.14 0.58

เบรนท์ (ก.พ.) 110.64 111.88 1.24

ดูไบ 107.68 106.70 -0.98

เงินดอลลาร์ (เหรียญสหรัฐฯ ต่อ ยูโร) 1.3343 1.3384 0.0041

ดัชนีอุตสหกรรมดาวโจนส์ (จุด) 13,488.43 13,507.32 18.89

ราคาทองคำ (เหรียญสหรัฐฯ ต่อ ออนซ์)1,660.60 1,669.40 8.80

----------------------------------------------------------------

 

ราคาขายปลีกและค่าการตลาด (บาท/ลิตร)

-------------------------------------------------------

UG91 GSH95 GSH91 B5

-------------------------------------------------------

ราคาหน้าโรงกลั่น 24.14 23.54 23.42 24.96

ภาษี 10.77 9.45 9.29 1.96

กองทุน 8.75 3.05 0.75 1.35

ค่าการตลาด 3.09 2.29 2.42 1.52

ราคาขายปลีก 46.75 38.33 35.88 29.79

-------------------------------------------------------

ปตท.-บางจาก ขึ้นราคาน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ 50 สต./ลิตร มีผลวันที่ 4 ม.ค.56 ส่วนดีเซลคงเดิม

กบง. มีมติลดเก็บเงินกองทุนลง 40 สต. / ลิตร มีผลวันที่ 9 ม.ค. 56

 

ราคาน้ำมันสำเร็จรูปประเทศสิงคโปร์ (เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล)

----------------------------------------------------------------

ราคาน้ำมันตลาดจร 11 ม.ค. 56 14 ม.ค. 56 เปลี่ยนแปลง

----------------------------------------------------------------

เบนซินออกเทน 95 120.58 118.70 -1.88

น้ำมันก๊าดและอากาศยาน 127.94 126.89 -1.05

น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (0.05%กำมะถัน) 127.00 125.92 -1.08

น้ำมันเตา (3.5% กำมะถัน) 100.25 99.27 -0.98

----------------------------------------------------------------

 

โดย หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์พลังงาน บมจ.ไทยออยล์ ประจำวันที่ 15 ม.ค. 2556

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...