ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

Resistance: 1588.72 moderate/1601.64 minor/1618.51 minor

Support: 1571.85 strong/1558.93 moderate/1542.06 minor

 

เชื่อแล้วว่า 1571.85 strong แข็งแกร่งจริงๆ ชนมาตั้งหลายรอบ ไม่หลุด ไม่แตก ถ้าแตกด่านนี้ ก็ยาว สู่ตามเป้าฯ

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอให้คืนนี้รอดจากการโดนทิ้งทวนรอบดึกด้วยเถิดขอรับ :_cd

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ย้อนมาให้อ่าน ว่าเรื่องนี้จะเป็ประเด็นในอาทิตย์หน้า

 

“โอบามา ชี้การสร้างงานเป็นเรื่องสำคัญสูงสุดของสหรัฐ เตือนลดรายจ่ายกระทบศก.

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 20 กุมภาพันธ์ 2556 09:14:10 น.

ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า ประเด็นสำคัญสูงสุดของประเทศก็คือการหนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการสร้างงานสำหรับชนชั้นกลาง โดยเตือนว่าการลดรายจ่ายของรัฐบาลลงอย่างมากจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ

 

ในการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาว ปธน.โอบามาระบุว่าการลดรายจ่ายของรัฐบาลโดยอัตโนมัติที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ จะไม่เป็นผลดีต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการสร้างงานของสหรัฐ

 

ปธน.โอบามาเรียกร้องให้สมาชิกสภานิติบัญญัติของสหรัฐดำเนินมาตรการที่เหมาะสมในการจัดทำแผนลดยอดขาดดุลที่มีความสมดุล เพื่อเลี่ยงการปรับลดรายจ่ายของรัฐบาลจำนวนมากที่มีกำหนดจะเริ่มขึ้นในวันที่ 1 มี.ค.

 

การลดรายจ่ายราว 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์มีแนวโน้มจะส่งผลกระทบต่อหลายหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐในปีนี้ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. ตามที่พรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันตกลงกันไว้ในเดือนม.ค.เพื่อสกัดภาวะหน้าผาทางการคลัง หรือ fiscal cliff

 

ปธน.สหรัฐระบุว่า สมาชิกสภานิติบัญญัติสหรัฐยังไม่ได้หารือเพื่อหาทางบรรลุข้อตกลงลดหนี้สินที่มีความสมดุล ขณะที่รัฐบาลกลางจะต้องลดรายจ่ายครั้งใหญ่โดยอัตโนมัติในวันศุกร์หน้า

 

ปธน.โอบามากล่าวว่า หากคองเกรสปล่อยให้มีการลดรายจ่ายขนานใหญ่เช่นนี้ ก็จะสั่นคลอนความพร้อมของกองทัพสหรัฐและส่งผลกระทบต่อการลงทุนด้านการสร้างงานในภาคการศึกษา พลังงานและการวิจัยด้านเวชภัณฑ์ ซึ่งเป็นการเน้นย้ำถึงเนื้อหาที่ได้ระบุไว้ในการแถลงนโยบายประจำปีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สำนักข่าวซินหัวรายงาน

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พันธุ์ทิพย์ คำเพิ่มพูล/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

โอบามาใช้มวลชนบีบสภาเลี่ยงตัดงบ$8.5หมื่นล้าน

ผู้นำสหรัฐงัดกลยุทธ์ใหม่กดดันสภาคองเกรสหลีกเลี่ยงตัดลดรายจ่ายภาครัฐหลายหมื่นล้านดอลลาร์ที่ติดเพดานหนี้ "หน้าผาการคลัง" หรือ Fiscal Cliff ที่ครบกำหนดวันที่ 28 ก.พ.นี้ หลังเลื่อนมาแล้ว 2 เดือนจากวันที่ 31 ธ.ค. 2555 และจะต้องเริ่มตัดลดรายจ่ายในต้นเดือนหน้า ขณะที่รัฐมนตรีกลาโหมเตรียมแผนรับมือให้ข้าราชการหยุดงาน ส่วนรัฐมนตรีต่างประเทศเตือนอย่าตัดรายจ่ายแบบไร้สติ

 

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ปรากฏตัวทางสถานีโทรทัศน์ระดับท้องถิ่นทั่วประเทศเมื่อวานนี้ เพื่อเรียกเสียงสนับสนุนจากประชาชนให้ช่วยกดดันสมาชิกสภาคองเกรสสังกัดพรรครีพับลิกันให้ยอมประนีประนอมเพื่อหลีกเลี่ยงการตัดลดรายจ่ายอัตโนมัติมูลค่า 85,000 ล้านดอลลาร์ ที่จะมีผลบังคับ 1 มี.ค.นี้ โดยไม่เว้นแม้แต่รายจ่ายในส่วนทำเนียบขาว

 

คำให้สัมภาษณ์ของโอบามานาน 5 นาทีแก่สถานีโทรทัศน์ 8 แห่งของหลายเมือง เช่น บอสตัน โอกลาโฮมาซิตี้ และซานฟรานซิสโก มีขึ้นในวันเดียวกับที่กระทรวงกลาโหมประกาศแผนรับมือการตัดลดรายจ่ายเดือนหน้า โดยจะให้ข้าราชการพลเรือนราว 8 แสนคนลาพัก 22 วันโดยไม่จ่ายเงินเดือนเพื่อประหยัดรายจ่ายของกระทรวง และโอบามาตอบคำถามผู้สื่อข่าวโดยยืนยันว่า ไม่มีเหตุผลที่จะต้องให้ข้าราชการลาพักหรือถูกปลดออก เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่สภา

คองเกรสสามารถแก้ไขได้

 

การเคลื่อนไหวของโอบามาครั้งนี้เป็นกลยุทธ์ในการโยนบาปให้พรรครีพับลิกันที่ครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรจากการที่รีพับลิกันยืนยันให้ตัดลดรายจ่ายอย่างเข้มงวดเพื่อลดหนี้สาธารณะที่่พุ่งทะลุ 16 ล้านล้านดอลลาร์ และหากโอบามาและรีพับลิกันไม่สามารถตกลงกันได้ ก็จะมีผลให้ต้องลดรายจ่ายทั้งหมด 85,000 ล้านดอลลาร์พร้อมกันตั้งแต่ 1 มี.ค.ถึง 30 ก.ย.

 

ด้านนายลีออง พาเน็ตต้า รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ ได้ส่งจดหมายถึงนายจอห์น เบอห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรเตือนว่า การที่กระทรวงเตรียมให้ข้าราชการหยุดงาน โดยไม่จ่ายเงินเดือนจะส่งผลกระทบอย่างเสียหายต่อภารกิจทางทหารของกระทรวงได้

 

นอกจากนี้นายจอห์ แคร์รี่ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ เตือนว่าสภาคองเกรสควรหลีกเลี่ยงการตัดลดรายจ่ายแบบไร้สติ พร้อมกับระบุว่าสิ่งท้าทายที่สุดของนโยบายต่างประเทศขณะนี้ ไม่ใช่จีนหรือความวุ่นวายในตะวันออกกลาง แต่เป็นสภาคองเกรส นอกจากนี้เขาขอให้ชาวอเมริกันให้ความสำคัญกับนโยบายต่างประเทศว่ามีส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ และเตือนด้วยว่าสหรัฐจะสูญเสียความน่าเชื่อถือ หากบอกให้ประเทศอื่นแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในบ้าน แต่ไม่สามารถ แก้ไขปัญหาของตัวเองได้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

โอบามาใช้มวลชนบีบสภาเลี่ยงตัดงบ$8.5หมื่นล้าน

ผู้นำสหรัฐงัดกลยุทธ์ใหม่กดดันสภาคองเกรสหลีกเลี่ยงตัดลดรายจ่ายภาครัฐหลายหมื่นล้านดอลลาร์ที่ติดเพดานหนี้ "หน้าผาการคลัง" หรือ Fiscal Cliff ที่ครบกำหนดวันที่ 28 ก.พ.นี้ หลังเลื่อนมาแล้ว 2 เดือนจากวันที่ 31 ธ.ค. 2555 และจะต้องเริ่มตัดลดรายจ่ายในต้นเดือนหน้า ขณะที่รัฐมนตรีกลาโหมเตรียมแผนรับมือให้ข้าราชการหยุดงาน ส่วนรัฐมนตรีต่างประเทศเตือนอย่าตัดรายจ่ายแบบไร้สติ

 

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ปรากฏตัวทางสถานีโทรทัศน์ระดับท้องถิ่นทั่วประเทศเมื่อวานนี้ เพื่อเรียกเสียงสนับสนุนจากประชาชนให้ช่วยกดดันสมาชิกสภาคองเกรสสังกัดพรรครีพับลิกันให้ยอมประนีประนอมเพื่อหลีกเลี่ยงการตัดลดรายจ่ายอัตโนมัติมูลค่า 85,000 ล้านดอลลาร์ ที่จะมีผลบังคับ 1 มี.ค.นี้ โดยไม่เว้นแม้แต่รายจ่ายในส่วนทำเนียบขาว

 

คำให้สัมภาษณ์ของโอบามานาน 5 นาทีแก่สถานีโทรทัศน์ 8 แห่งของหลายเมือง เช่น บอสตัน โอกลาโฮมาซิตี้ และซานฟรานซิสโก มีขึ้นในวันเดียวกับที่กระทรวงกลาโหมประกาศแผนรับมือการตัดลดรายจ่ายเดือนหน้า โดยจะให้ข้าราชการพลเรือนราว 8 แสนคนลาพัก 22 วันโดยไม่จ่ายเงินเดือนเพื่อประหยัดรายจ่ายของกระทรวง และโอบามาตอบคำถามผู้สื่อข่าวโดยยืนยันว่า ไม่มีเหตุผลที่จะต้องให้ข้าราชการลาพักหรือถูกปลดออก เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่สภา

คองเกรสสามารถแก้ไขได้

 

การเคลื่อนไหวของโอบามาครั้งนี้เป็นกลยุทธ์ในการโยนบาปให้พรรครีพับลิกันที่ครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรจากการที่รีพับลิกันยืนยันให้ตัดลดรายจ่ายอย่างเข้มงวดเพื่อลดหนี้สาธารณะที่่พุ่งทะลุ 16 ล้านล้านดอลลาร์ และหากโอบามาและรีพับลิกันไม่สามารถตกลงกันได้ ก็จะมีผลให้ต้องลดรายจ่ายทั้งหมด 85,000 ล้านดอลลาร์พร้อมกันตั้งแต่ 1 มี.ค.ถึง 30 ก.ย.

 

ด้านนายลีออง พาเน็ตต้า รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ ได้ส่งจดหมายถึงนายจอห์น เบอห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรเตือนว่า การที่กระทรวงเตรียมให้ข้าราชการหยุดงาน โดยไม่จ่ายเงินเดือนจะส่งผลกระทบอย่างเสียหายต่อภารกิจทางทหารของกระทรวงได้

 

นอกจากนี้นายจอห์ แคร์รี่ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ เตือนว่าสภาคองเกรสควรหลีกเลี่ยงการตัดลดรายจ่ายแบบไร้สติ พร้อมกับระบุว่าสิ่งท้าทายที่สุดของนโยบายต่างประเทศขณะนี้ ไม่ใช่จีนหรือความวุ่นวายในตะวันออกกลาง แต่เป็นสภาคองเกรส นอกจากนี้เขาขอให้ชาวอเมริกันให้ความสำคัญกับนโยบายต่างประเทศว่ามีส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ และเตือนด้วยว่าสหรัฐจะสูญเสียความน่าเชื่อถือ หากบอกให้ประเทศอื่นแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในบ้าน แต่ไม่สามารถ แก้ไขปัญหาของตัวเองได้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สิ่งที่จะเกิดขึ้น ถ้า " หน้าผาการคลัง ไม่ผ่าน " เตือนเศรษฐกิจสหรัฐเสี่ยงทรุดหนัก หากถกแผนตัดลดงบประมาณล่ม

 

 

ทำเนียบขาวของสหรัฐ ออกรายงานเตือนล่าสุดว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงที่จะได้รับความเสียหายอย่างหนัก เช่นเดียวกับสวัสดิภาพของชาวอเมริกันและความมั่นคงของชาติ หากสมาชิกสภาคองเกรสไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการตัดลดค่าใช้จ่ายรัฐบาลและต่ออายุมาตรการภาษี ที่ขยายระยะเวลาออกมา 2 เดือน ว่าจะเริ่มมีผล 1 มีนาคม ได้สำเร็จทันเวลา

 

รายละเอียดของรายงาน ซึ่งมีความยาว 394 หน้า ระบุว่า เมื่อสภาคองเกรสล้มเหลวในการหาข้อสรุปในรายละเอียดของแผนลดค่าใช้จ่าย ก็จะส่งผลให้กระบวนการตัดลดงบประมาณขาดดุลมูลค่า 1.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐภายใน 10 ปี มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มีนาคม 2556 โดยอัตโนมัติ

 

ความเคลื่อนไหวดังกล่าว จะส่งผลให้โครงการต่างๆ ของภาครัฐ ถูกตัดลดงบประมาณเป็นมูลค่าหลายล้านเหรียญสหรัฐ ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณเงินเดือนเจ้าหน้าที่รัฐ การให้เงินทุนอุดหนุนเพื่อการวิจัยสำหรับภาคเอกชน การดำเนินงานด้านการคมนาคม ตลอดจนถึงโครงการช่วยเหลือด้านสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ ที่จะถูกตัดลดงบประมาณลงโดยอัตโนมัติสูงถึง 1.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อชาวอเมริกันเป็นวงกว้าง

 

ขณะที่งบประมาณด้านความมั่นคงของประเทศ ก็จะถูกปรับลดลงถึง 9.4% หรือคิดเป็นมูลค่าสูงถึง 1.53 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งอาจส่งผลให้ประเทศต้องตกอยู่ในภาวะเสี่ยง ท่ามกลางความรุนแรงที่เกิดขึ้นต่อชาวอเมริกันทั้งในตะวันออกกลางและอัฟกานิสถานอย่างต่อเนื่อง

 

นอกจากนี้ มาตรการดังกล่าวยังส่งผลให้การลงทุนภายในประเทศชะลอตัวลง และส่งผลให้คนว่างงานทั้งในภาครัฐและเอกชนเพิ่มมากขึ้น

 

“การตัดลดค่าใช้จ่ายโดยอัตโนมัติ จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยครั้งใหม่ เนื่องจากงบประมาณจำนวนมหาศาลหายไปจากระบบเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วเกินไป ดังนั้นสภาคองเกรสจึงควรให้ความร่วมมืออนุมัติแผนตัดลดขาดดุลที่มีความสมดุล เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายดังกล่าว” รายงานระบุ

 

อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้สภาคองเกรส ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนจากพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครต ยังคงไม่สามารถหาข้อตกลงเกี่ยวกับแผนตัดลดการขาดดุลงบประมาณประเทศได้สำเร็จ

 

พรรครีพับลิกัน ยังคงไม่เห็นด้วยกับแผนของพรรคเดโมแครตที่เสนอให้มีการขึ้นการจัดเก็บภาษีกลุ่มชาวอเมริกันที่มีรายได้สูงเพิ่มเติม เนื่องจากกังวลว่าอาจกระทบต่อคะแนนเสียงในการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่จะมีขึ้นในวันที่ 6 พ.ย. ที่กลุ่มผู้มีรายได้สูงเป็นฐานเสียงสำคัญ

 

ขณะเดียวกัน พรรคเดโมแครตก็ไม่ยอมอ่อนข้อต่อข้อเสนอของพรรครีพับลิกันที่ต้องการให้มีการตัดลดขาดดุลงบประมาณประเทศลง ด้วยการเดินหน้าตัดลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาล ซึ่งหมายรวมถึงการตัดลดค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการสังคม ซึ่งจะเป็นการเพิ่มภาระต่อกลุ่มชนชั้นกลาง ที่เป็นฐานเสียงของเดโมแครต

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณข่าวป๋า ค่ะ เด๋ว อาบนำ้แล้วมาอ่าน ปวดท้องมากมาย กินเผ็ดๆ เป็นยังงี้ทุกที แปะให้

 

http://www.youtube.com/watch?v=2ftQBQtotCw&feature=youtube_gdata_player

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

3 โพสต์ข้างบน เป็นรายการเรียกน้ำจิ้มของอาทิตย์หน้า คงน่าดูชมในส่วนต่างแต่ละวันที่จะทำได้ ถ้าเล่นถูกทาง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อิอิ แว่บบ้านอื่น.

 

กลับบ้านตัวเองแระเฮียเรา

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีและขอบคุณมากค่ะ เฮียนายห้าง คุณป๋าฯ กัปตัน อัยยา เกี้ยมอี๋ Pasaya และทุกๆคน

ขอให้โชคดีกันทุกๆคนคะ ขอให้ไปถูกทาง ได้ PROFIT กันทุกๆคนนะคะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เช้านี้ที่ซีคอนคนเยอะมาก ไปยืนต่อคิวกันสนุกสนานดี 5/10ไม่มีของได้แต่ใบจอง ก็เลยจัดอันละ2บาทไป5อัน จ่ายค่ากำเหน็จไป1250บาท ขนาดน่ารักดี :57 ส่วนใหญ่คนซื้อรูปพรรณกัน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มาเล่ามาบ่นข่าวสารที่มีการคาดเดาอาทิตย์หน้าของ กสิกรไทย กันครับ

 

กสิกรไทยคาดกรอบเงินบาทสัปดาห์หน้า 29.80-29.95 จับตาถ้อยแถลงประธานเฟด

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2556 11:04:47 น.

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินแนวโน้มค่าเงินบาทในสัปดาห์ถัดไป(25 ก.พ.-1 มี.ค.) คาดว่า เงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบ 29.80-29.95 บาท/ดอลลาร์ฯ โดยต้องติดตามการหาข้อสรุปในเรื่องการตัดลดงบประมาณอัตโนมัติของสหรัฐฯ (ที่จะเริ่มวันที่ 1 มี.ค.) ถ้อยแถลงนโยบายการเงินและเศรษฐกิจของประธานเฟด และผลสำรวจดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนก.พ.ของหลายๆ ประเทศ

 

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี ISM ภาคการผลิต, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ., ยอดขายบ้านใหม่, ยอดทำสัญญาบ้านที่รอปิดการขาย, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน เดือนม.ค., ดัชนีราคาบ้านในเดือนธ.ค. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และจีดีพีประจำไตรมาส 4/2555 (ครั้งที่ 2)

 

ทั้งนี้ ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา(18-22 ก.พ.) เงินบาททรงตัว โดยเงินบาทขยับแข็งค่าขึ้นในช่วงต้น-กลางสัปดาห์ตามทิศทางการแข็งค่าของสกุลเงินในภูมิภาคและการปรับตัวขึ้นของดัชนีตลาดหุ้นไทย อย่างไรก็ดี เงินบาทต้องล้างช่วงบวกทั้งหมดลงและกลับมาทยอยอ่อนค่าในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ เนื่องจากเงินดอลลาร์ฯ ดีดตัวกลับมาแข็งค่าขึ้น หลังจากที่บันทึกการประชุมเฟดเมื่อปลายเดือนม.ค.กระตุ้นให้ตลาดเริ่มกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะมีการยุติมาตรการ QE ในช่วงปลายปีนี้

 

อนึ่ง การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทยังเป็นไปอย่างปกติในช่วงหลังการประชุมกนง.รอบล่าสุด ซึ่งมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยไว้ที่ 2.75% ตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในตลาด โดยในวันศุกร์ที่ผ่านมา(22 ก.พ.) เงินบาทอยู่ที่ 29.84 บาท/ดอลลาร์ เท่ากับระดับปิดตลาดในวันศุกร์ก่อนหน้า(15 ก.พ.)

 

อินโฟเควสท์ โดย กษมาพร กิตติสัมพันธ์ โทร.02-2535000 อีเมล์: kasamarporn@infoquest.co.th--

 

บล.กสิกรไทยคาดดัชนีตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้าปรับตัวขึ้นจากแรงซื้อเก็งกำไร

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2556 11:17:54 น.

บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด คาดการณ์ดัชนีตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า (25 ก.พ.-1 มี.ค.) ว่าดัชนีจะมีแนวรับที่ 1,520 และ 1,505 ขณะที่แนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 1,565 และ 1,600 ตามลำดับ โดยดัชนีมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นจากแรงซื้อเก็งกำไร แต่ต้องระวังแรงขายทำกำไร

 

ทั้งนี้ ต้องรอดูการประชุมผลการเลือกตั้งของอิตาลี รวมถึงการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ อาทิ เครื่องชี้ภาคอสังหาริมทรัพย์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน, GDP ไตรมาส 4/55(ประมาณการณ์ครั้งที่ 2) และเครื่องชี้ภาคการผลิต(ISM Manufacturing)

 

 

อย่างไรก็ดี ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา(18-22 ก.พ.) ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์ ท่ามกลางแรงซื้อเก็งกำไรจากนักลงทุน รวมทั้งแรงซื้อจากกองทุนในประเทศ ก่อนที่จะปรับลดลงในวันพฤหัสบดี โดยได้รับปัจจัยกดดันจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งกล่าวถึงประเด็นความเป็นไปได้ของการชะลอหรือยุติมาตรการเข้าซื้อตราสารหนี้ก่อนกำหนด ก่อนที่จะปรับขึ้นต่อในวันศุกร์ จากแรงซื้อกลับของนักลงทุน

 

โดยดัชนีหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,540.13 จุด เพิ่มขึ้น 1.22% จากสัปดาห์ก่อน ด้านมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้น 2.79% จากสัปดาห์ก่อน มาอยู่ที่ 59,536.43 ล้านบาท โดยนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ ขณะที่นักลงทุนต่างชาติ และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ ส่วนตลาดหลักทรัพย์ MAI ปิดที่ 462.87 จุด เพิ่มขึ้น 2.63% จากสัปดาห์ก่อน

 

อินโฟเควสท์ โดย กษมาพร กิตติสัมพันธ์ โทร.02-2535000 อีเมล์: kasamarporn@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สภาพรวมตลาดหุ้นทั้ง 3 แห่ง

 

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดปรับขึ้น 119.95 จุดรับผลประกอบการ ,ดัชนี Ifo

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2556 06:20:40 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (22 ก.พ.) โดยมีแรงหนุนจากผลประกอบการของบริษัทชั้นนำสหรัฐ และความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้นในเยอรมนี

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับขึ้น 119.95 จุด หรือ 0.86% ปิดที่ 14,000.57 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 13.18 จุด หรือ 0.88% ปิดที่ 1,515.60 จุด และดัชนี Nasdaq ดีดขึ้น 30.33 จุด หรือ 0.97% ปิดที่ 3,161.82 จุด

 

 

ดัชนีดาวโจนส์ได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นฮิวเล็ตต์-แพ็คการ์ด (HP) หลังจากที่บริษัทรายงานผลกำไรรายไตรมาสที่ดีเกินคาด โดยหุ้น HP พุ่งขึ้น 12.28%

 

หุ้นอเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป (AIG) ทะยานขึ้น 3.14% ซึ่งช่วยหนุนดัชนี S&P 500 เนืองจาก AIG เปิดเผยรายได้รายไตรมาสที่สูงกว่าคาดการณ์ของตลาด แม้ว่าบริษัทมียอดขาดทุนสุทธิ 4 พันล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาส 4

 

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากการปรับตัวแข็งแกร่งของตลาดหุ้นยุโรป เนื่องจากสถาบัน Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีเดือนก.พ.พุ่งขึ้นอย่างมาก โดยเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับแต่เดือนก.ค.2553 ซึ่งส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจเยอรมนี ที่มีขนาดใหญ่สุดในยุโรปกำลังมีทิศทางที่สดใส

 

Ifo ระบุว่า ดัชนีควาเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 107.4 ในเดือนก.พ.จาก 104.3 ในเดือนม.ค.

 

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทขานรับความคิดเห็นเชิงบวกจากนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ ที่กล่าวทางโทรทัศน์ว่านโยบายของเฟดมีความผ่อนคลายอย่างมาก และจะยังคงดำเนินนโยบายผ่อนคลายต่อไปเป็นระยะเวลานาน

 

ความเห็นดังกล่าวได้ช่วยบรรเทาความวิตกของนักลงทุนได้บางส่วน หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีกระแสคาดการณ์ว่าเฟดอาจยุตินโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณเร็วกว่ากำหนด

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พันธุ์ทิพย์ คำเพิ่มพูล โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มูดีส์ปรับลดเรตติ้งอังกฤษจาก AAA ลง 1 ขั้น เหตุเศรษฐกิจชะลอฟื้นตัวช้า

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 กุมภาพันธ์ 2556 13:07 น.

 

มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของโลก

 

รอยเตอร์ - อังกฤษถูกลดความน่าเชื่อถือเป็นครั้งแรกจากบริษัทเครดิตเรตติ้งชั้นนำของโลกในวันศุกร์ (22) เมื่อมูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิสประกาศลดอันดับความสามารถในการชำระหนี้ของลอนดอนลง 1 ขั้นจาก AAA ซึ่งเป็นระดับสูงสุด สู่ระดับ Aa1 กลายเป็นปัญหาใหญ่ต่อไปสำหรับจอร์จ ออสบอร์น รัฐมนตรีการคลังของประเทศ

 

มูดีส์ชี้ว่า โอกาสในการเติบโตทางเศรษฐกิจของอังกฤษที่เป็นไปได้ยาก ทำให้แผนการลดหนี้สาธารณะของรัฐบาลไม่เป็นไปตามเป้าหมายนั้น มีส่วนสำคัญในการตัดสินใจลดอันดับความน่าเชื่อถือในครั้งนี้

 

มาตรการรัดเข็มขัดอันเป็นประเด็นหลักในนโยบายงบประมาณของออสบอร์น ซึ่งตัวเขาให้คำมั่นว่าจะปกป้องเครดิตเรตติ้งของประเทศให้คงไว้ที่ AAA ทว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างเชื่องช้า เนื่องจากวิกฤตการเงิน กลับยิ่งถดถอยลง โดยเป้าหมายในการลดการขาดดุลงบประมาณจำนวนมหาศาลของรัฐบาลชุดปัจจุบัน

 

มูดีส์ชี้แจงว่า แม้อังกฤษจะมีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ แต่การเติบโตที่ชะลอตัว เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกอ่อนกำลังลงหลายส่วน โดยเฉพาะในกลุ่มยูโรโซน รวมถึงแรงดึงจากกระบวนการเร่งคืนหนี้สินของทั้งภาครัฐ และเอกชนภายในประเทศ ที่ยังดำเนินต่อไป

 

อย่างไรก็ตาม มูดีส์ระบุว่า แนวโน้มในอนาคตของอังกฤษขณะนี้ยังคงที่ นั่นหมายถึงว่าไม่น่าที่จะมีการเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตเรตติ้งใดๆ ไปจนถึงปีหน้า หรือนานกว่านั้น

 

นอกจากนี้ ยังลดระดับธนาคารกลางอังกฤษจาก AAA เหลือ Aa1 เช่นกัน โดยให้เหตุผลว่าแม้อังกฤษจะมีโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง แต่ในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า อัตราการเติบโตของอังกฤษจะยังชะลอตัว ขณะที่มีภาระหนี้สินเพิ่มขึ้น

 

ทั้งนี้ อังกฤษกลายเป็นอีก 1 ประเทศ นอกเหนือจากสหรัฐฯ และฝรั่งเศส ที่ต้องสูญเสียความน่าเชื่อถือระดับสูงสุด จากบริษัทจัดอันดับรายใหญ่ของโลกอย่างน้อย 1 แห่ง หลังจากครองเรตติ้ง AAA จากมูดีส์ และสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ มาตั้งแต่ปี 1978 และจากฟิตช์ เรตติงส์ มาตั้งแต่ปี 1994

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Happy holiday นะคะคุณป๋า คุณกัปตัน คุณเกี้ยมอี๋ คุณpasaya คุณarthas คุณAiya และทุกๆท่านค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...