ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

ธนาคารสหรัฐ 17 แห่ง ไม่ผ่านการทดสอบภาวะวิกฤติ(11/03/2556)

ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด ประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า ธนาคารของสหรัฐ 17 แห่ง จากทั้งหมด 18 แห่ง ผ่านการทดสอบภาวะวิกฤติรุนแรง ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อตรวจสอบว่า อุตสาหกรรมการเงินของสหรัฐ จะสามารถฝ่ามรสุมวิกฤติรุนแรงครั้งใหม่ได้หรือไม่ โดยอัลลี ไฟแนนเชี่ยล ซึ่งควบคุมโดยรัฐบาล อดีตหน่วยงานด้านการเงินของเจเนอรัล มอเตอร์ส เป็นเพียงธนาคารเดียวเท่านั้น ที่ไม่ผ่านการทดสอบครั้งนี้ ส่วนธนาคาร 17 แห่งที่ผ่านการทดสอบไปได้ พบว่า ระบบเงินทุนสูงกว่าร้อยละ 5 อันเป็นระดับเริ่มต้นที่ต่ำสุด หากเศรษฐกิจสหรัฐประสบปัญหาวิกฤติอีก ซึ่งเขย่าระบบการเงินสหรัฐจนซวนเซ ในปี 2550-2551 ทั้งนี้ การทดสอบครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่า บรรดาธนาคารมีความแข็งแกร่งมากกว่าเมื่อ 1 ปีก่อน โดยคิดเป็นสัดส่วนของเงินทุน อยู่ที่ร้อยละ 7.7 แม้ว่าจะสูญเสียเงินไป 462,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในวิกฤติที่คิดตามหลักทฤษฎี

 

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ(วันที่ 11 มีนาคม 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เงินบาทเปิด 29.77/79 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าเล็กน้อย(11/03/2556)

นักบริหารเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ (11 มีนาคม 2556) อยู่ที่ระดับ 29.77/79 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากช่วงเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 29.73/75 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากเคลื่อนไหวตามภูมิภาค

 

ส่วนแนวโน้มวันนี้คาดว่ายังคงอ่อนค่าตามภูมิภาค โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้ไว้ระหว่าง 29.75-29.85 บาท/ดอลลาร์

สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนที่สำคัญ เช้านี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 96.10/14 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 95.49/54 เยน/ดอลลาร์ - เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2997/2930 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.3096/3097 ดอลลาร์/ยูโร

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ(วันที่ 11 มีนาคม 2556)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ศูนย์วิจัยทองชี้ดัชนีเชื่อมั่น3เดือนราคาพุ่ง นักเล่นทองเซ็งมี.ค.ปัจจัยลบรุมเร้ากดร่วง(11/03/2556)

ศูนย์ วิจัยทองคำชี้ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองช่วง 3 เดือนข้างหน้าพุ่งสูง 75.72 จุด สะท้อนแนวโน้มสดใส แต่เดือน มี.ค.ดัชนีความเชื่อมั่นทองหดตัว จากปัจจัยลบรุมล้อมทั้งแรกเก็งกำไร เงินบาทแข็ง และความกังวลค่าเงินดอลลาร์

 

นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่า ศูนย์จัดทำดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำ (Gold Price Sentiment Index) ขึ้นเป็นครั้งแรก โดยเก็บข้อมูลของกลุ่มตัวอย่างจำนวน 535 ตัวอย่าง แบ่งเป็นผู้ลงทุนทองคำ 428 ตัวอย่าง และผู้ค้าทองคำ 107 ตัวอย่าง พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำในช่วง 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 75.72 จุด

 

โดยแยกตามความเชื่อมั่นของกลุ่มสำรวจ พบว่ากลุ่มผู้ลงทุนมีดัชนีอยู่ที่ระดับ 73.29 จุด กลุ่มผู้ค้าอยู่ที่ระดับ 80.48 จุด สะท้อนมุมมองในเชิงบวกว่า จะปรับตัวขึ้นอีกครั้งในช่วง 3 เดือนข้างหน้า

 

ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำ ในเดือน มี.ค.อยู่ที่ 44.07 จุด ซึ่งแยกเป็นดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำของกลุ่มนักลงทุนอยู่ที่ 42.52 และกลุ่มผู้ค้าทองอยู่ที่ 49.47 สะท้อนว่ากลุ่มนักลงทุนมีมุมมองเชิงลบต่อความเชื่อมั่นราคาทองคำมากกว่า กลุ่มผู้ค้าทองคำ โดยกลุ่มผู้ค้าทองมีดัชนีใกล้เคียงค่ากลางที่ระดับ 50 มากกว่ากลุ่มนักลงทุน ซึ่งค่ากลางหมายถึงกลุ่มตัวอย่างคาดว่าราคาทองคำจะไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือน ก่อน

 

ทั้งนี้ จากการสำรวจ กลุ่มตัวอย่างชี้ปัจจัยที่มีผลต่อราคาทองคำ ได้แก่ การเก็งกำไร เงินบาทแข็งค่าและทิศทางของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ทำให้เกิดความกังวลดังนั้นการซื้อทองคำในระยะ 1 เดือนข้างหน้านี้ มีกลุ่มตัวอย่างประมาณ 52.53% ที่ยังต้องการซื้อต่อเนื่อง ส่วน 28.89% จะไม่ซื้อทองคำ และ 18.57% ไม่แน่ใจว่าจะซื้อทองคำหรือไม่

 

"การจัดทำ ดัชนีนี้ เราต้องการชี้ให้เห็นว่าคนในตลาดลงทุนทองคำมีความเห็น อย่างไร ยังต้องการลงทุนหรือไม่ ซึ่งจะมีประโยชน์ในแง่บอกความรู้สึกของตลาดในขณะนั้น และร้านค้าทองจะใช้ประโยชน์ได้ในเรื่องบริหารจัดการสต๊อก ถ้าเขารู้ว่ามีคนต้องการซื้อเยอะในเดือนนั้น ๆ แม้ราคาจะยังอ่อนตัว แต่ก็ยังต้องสต๊อกสำรองให้พอกับความต้องการที่เกิดขึ้น เป็นต้น" นายกมลธัญกล่าว

 

ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำจะจัดทำเป็นประจำทุกเดือน โดยจะมีการเผยแพร่ข้อมูลผ่าน website ของคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย สมาคมค้าทองคำ สมาคมเพชรพลอยเงินทอง บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัด หอการค้าจังหวัดทุกแห่ง และพันธมิตรพร้อมกันนี้ในเดือน เม.ย. ศูนย์วิจัยทองคำจะมีการทำบทสรุปความคิดเห็นผู้ค้าทอง (Gold Tarder Consensus) ซึ่งเป็นการทำวิจัยเชิงคุณภาพ รวบรวมความเห็นจากผู้ค้าทองในประเทศไทย ซึ่งจะบรรยายถึงแนวโน้มภาพรวมการลงทุนทองคำได้ดียิ่งขึ้นด้วย

 

ที่มา หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ (วันที่ 11 มีนาคม 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดาวโจนส์ไม่ตอบโจทย์มะกันพื้นฐานยังน่าห่วงการเงินไม่แกร่งพอ (11/03/2556)

ดูเหมือนว่าสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกาในปัจจุบันกำลังเดิน หน้าเข้าสู่ภาวะ “ฟ้าหลังฝน” เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ตกอยู่ในความถดถอยซบเซามาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินในปี 2550

 

เห็นได้จากความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น ตลาดทุนแดนลุงแซมในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ทำลายสถิติปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดรายวัน จนล่าสุดเมื่อวันที่ 8 มี.ค. พุ่งทะยานเกิน 1.44 หมื่นจุด ครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2551

 

ขณะที่ตัวเลขการว่างงานปัจจัยสำคัญในการวัดสถานการณ์เศรษฐกิจของสหรัฐใน เดือน ก.พ. ปรับตัวลดลงเหลือ 7.7% จากเดิมที่ 7.9% ในเดือน ม.ค.ก่อนหน้า ถือเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 5 ปี โดยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรยังเพิ่มขึ้น 2.36 แสนตำแหน่ง มากกว่าที่เคยคาดการณ์กันไว้ว่าจะอยู่ที่เพียง 1.65 แสนตำแหน่ง

 

ด้านตลาดบ้านและอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งถือเป็นแหล่งเงินทุนสำคัญของครัวเรือนภายในสหรัฐส่งสัญญาณฟื้นตัวอย่าง ต่อเนื่อง โดยดัชนีเอสแอนด์พี เคสชิลเลอร์ ซึ่งเป็นดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองสำคัญทั่วสหรัฐในช่วงปี 2555 ที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 7%

 

เรียกได้ว่าตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจข้างต้นล้วนบ่งชี้ไปในทำนองที่ทำให้ ผู้คนทั่วโลกส่วนใหญ่เริ่มเชื่อมั่นว่าสหรัฐใกล้จะฟื้นคืนกำลังกลับมาอีก ครั้ง

 

อย่างไรก็ตาม หลังฝ่าฟันมรสุมมานาน นักลงทุน นักวิเคราะห์และนักเศรษฐศาสตร์อีกส่วนหนึ่ง ก็ยังอดตั้งคำถามไม่ได้อยู่ดีว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ดีพอที่จะตั้งความหวังกับสหรัฐได้อย่างวางใจได้หรือ ไม่

 

พูดให้เข้าใจง่ายขึ้นก็คือ ข่าวดีที่มีผลทางบวกต่อสหรัฐในปัจจุบัน แสดงให้เห็นถึงการเติบโตแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของแดนลุงแซมเป็นไปอย่าง ยั่งยืนแน่นอนแน่แล้วหรือ

 

และคำตอบที่ได้จากนักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ก็คือ เศรษฐกิจของสหรัฐยังไม่อาจเรียกได้ว่าแข็งแกร่งดีพอ เมื่อพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

 

มาร์ก วิทเนอร์ นักเศรษฐศาสตร์จากเวลส์ ฟาร์โก พร้อมใจกล่าวว่า หากมองในเชิงนโยบายเศรษฐกิจแล้ว ผลลัพธ์ทางบวกมากมายที่เกิดขึ้น ต้องยกให้เป็นความดีความชอบของธนาคารกลางแห่งสหรัฐ (เฟด) กับความกล้าหาญของบรรดาผู้ประกอบการเป็นสำคัญ

 

เหตุผลเพราะขณะที่รัฐบาลกลางภายใต้การบริหารจัดการของประธานาธิบดีบารัก โอบามา ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในนโยบายการคลังใดๆ ร่วมกันได้ จนประธานาธิบดีโอบามาจำต้องลงนามรับรองอนุมัติการใช้มาตรการซีเควสเตรชัน (การตัดลดงบประมาณภาครัฐแบบเหมารวม) ให้เริ่มมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ เป็นนโยบายทางการเงินของเฟด ทั้งการอัดเงินเข้าระบบ กดอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำติดศูนย์ต่างหาก ที่ทำให้นักลงทุนยังคงเชื่อมั่นในสหรัฐ

 

และหากไม่เพราะเจ้าของกิจการทั้งหลายเลือกที่จะไม่สนใจกับปัญหาที่เกิด ขึ้นกับรัฐบาลสหรัฐ แล้วตั้งหน้าตั้งตาขวนขวายหาหนทางเดินหน้าต่อ และหาแนวทางเพื่อป้องกันตัวเองแล้ว ย่อมไม่มีการขยับขยายจนสามารถจ้างแรงงานเพิ่มเติมขึ้นมาได้

 

หรือสรุปให้เข้าใจง่ายขึ้นก็คือว่า เพราะท่าทีของเฟดที่ยืนยันว่าจะยังไม่ยุติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐใน เร็ววันนี้แน่นอน ทำให้นักลงทุนและผู้ประกอบการเดินหน้าลงทุนขยับขยายกิจการของตัวเอง

 

ทั้งนี้ ในมุมมองของนักเศรษฐศาสตร์ทั่วสหรัฐส่วนใหญ่ต่างเห็นตรงกันว่า เศรษฐกิจของสหรัฐยังคงมีปัจจัยน่าวิตกที่ทำให้ความหวังการฟื้นตัวเติบโตใน ระยะยาว ซึ่งรวมถึงกรณีที่เฟดยุติสารพัดมาตรการกระตุ้นต่างๆ เรียบร้อยแล้ว ยังคงเกิดขึ้นได้ยาก

 

ปัจจัยแรกสุดย่อมหนีไม่พ้นกับกรณีของนโยบายทางการคลังของภาครัฐ ที่มีผลต่อการใช้จ่ายของหน่วยงานรัฐบาลทั้งระบบ โดยเป็นผลมาจากความขัดแย้งทางการเมืองของ 2 พรรคใหญ่ อย่างพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกัน

 

เพราะล่าสุด ประธานาธิบดีโอบามาได้เซ็นลงนามรับรองอนุมัติใช้มาตรการซีเควสเตรชัน (การตัดลดงบประมาณภาครัฐเหมารวมทั้งระบบ) เรียบร้อยแล้ว ทำให้ความเสี่ยงของการตัดลดรายจ่ายซึ่งจะมีผลทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ หดลง 0.5% และส่งผลต่อการปลดลดตำแหน่งงานที่มากกว่า 7 แสนตำแหน่ง มีความเป็นไปได้สูงมากขึ้น

 

ขณะเดียวกันตัวเลขการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบันยังเป็นผลมาจากกำไร ของบริษัทที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งมาจากปัจจัยบวกระยะสั้นของภาคตลาดอสังหาริมทรัพย์ รถยนต์ อุตสาหกรรมการผลิต และภาคก่อสร้าง ขณะที่การคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจยังคงอยู่ในระดับที่ 2% ดังนั้น จึงไม่อาจสรุปได้เต็มปากว่าเศรษฐกิจของสหรัฐแข็งแรงดีแล้ว

 

ยิ่งไปกว่านั้น แม้ตัวเลขการจ้างงานจะลดลงแต่จำนวนคนว่างงานที่มีมากกว่า 12 ล้านคนทั่วประเทศ ก็ยังนับว่าสูงอยู่มากเมื่อเทียบกับจำนวนก่อนหน้าที่จะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ และยังคงเป็นปัจจัยขวางหลักที่จะผลักดันเศรษฐกิจของสหรัฐให้กลับมาแข็งแกร่ง บนลำแข้งของตัวเองได้อย่างแท้จริง เนื่องจากขาดกำลังการบริโภคของประชาชนภายในประเทศ

 

ปัจจัยต่อมาที่ทำให้นักวิเคราะห์รู้สึกว่าเศรษฐกิจของสหรัฐยังวางใจไม่ ได้ก็คือ ผลการทดสอบสมรรถภาพทางการเงิน (Stress Test) ของธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ในประเทศครั้งล่าสุด ซึ่งดำเนินการโดยเฟด

 

เพราะแม้รายงานการสำรวจจะพบว่า ธนาคาร 17 แห่งจากทั้งหมด 18 แห่ง รวมถึงซิตี้กรุ๊ป แบงก์ ออฟ อเมริกา และ เจ.พี.มอร์แกน จะผ่านการทดสอบจนสะท้อนให้เห็นว่าภาคการธนาคารของสหรัฐมีความแข็งแกร่งด้าน เงินทุนที่จะต้านวิกฤตเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

 

แต่เมื่อพลิกดูรายละเอียดของผลทดสอบครั้งใหม่ที่เกิดขึ้น ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายกลับอดขมวดคิ้วไม่ได้ เพราะกฎระเบียบข้อบังคับสากลของภาคธนาคาร หรือกฎบาเซิล ที่เฟดนำมาใช้ในครั้งนี้ คือ บาเซิล 1 ไม่ใช่บาเซิล 3 ซึ่งเป็นกฎเกณฑ์ล่าสุดที่ปรับปรุงให้เข้มงวด เนื่องจากกฎบาเซิล 3 นี้ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ทั้งหมด

 

ดังนั้น จึงเท่ากับว่าผลลัพธ์ที่ได้คราวนี้ ไม่อาจยืนยันได้เต็มที่ว่า ภาคธนาคารสหรัฐมีภูมิต้านทานที่แข็งแกร่งเพียงพอ ยกตัวอย่างเช่น ผลของธนาคารซิตี้กรุ๊ป ที่ได้อัตราส่วนร่วมในระดับ 1 ที่ 12.7% แต่หากคำนวณตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในเบเซิล 3 อัตราส่วนร่วมข้างต้นของซิตี้กรุ๊ปจะอยู่ที่ 8.6%

 

นอกจากนี้ ข้อสังเกตอีกประการหนึ่งจากผลการทดสอบสมรรถภาพทางการเงินครั้งนี้ ที่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญทำใจเชื่อไม่ได้ ก็คือการที่บางธนาคารเผยผลการทดสอบสมรรถภาพดังกล่าวที่คำนวณด้วยตัวเองออกมา เปรียบเทียบกับผลที่เฟดดำเนินงาน แล้วพบว่าผลลัพธ์มีความแตกต่างกันทั้งๆ ที่ใช้กฎเกณฑ์เดียวกัน

 

เพราะผลลัพธ์ข้างต้นแสดงให้เห็นว่า กฎระเบียบที่ใช้ในการทดสอบสมรรถภาพทางการเงินยังมีช่องว่างที่ทำให้แต่ละ ฝ่ายอาศัยมุมมอง หรือความคิดเห็นเฉพาะบุคคลเข้ามาตัดสิน

 

อาจพูดได้ว่าเกณฑ์ทดสอบขาดความเที่ยงตรง โดยตามรายงานของเฟด ผลการทดสอบของ เจ.พี.มอร์แกน อยู่ที่ 6.3% ขณะที่ทาง เจ.พี.มอร์แกน คำนวณได้ 7.6% หรือกรณีของโกลด์แมน แซคส์ ซึ่งอยู่ที่ 8.6% สวนทางกับผลของเฟดที่ 5.8% และกับเวลส์ ฟาร์โก ที่ผลลัพธ์อยู่ที่ 8.3% แต่เฟดกลับได้ที่ 7%

 

เรียกได้ว่า การจ้างงานที่ยังไม่แน่นอน การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยังต้องอาศัยแรงกระตุ้นจากเฟด ความเป็นไปได้ที่จะต้องเผชิญกับมาตรการรัดเข็มขัดครั้งใหญ่ของภาครัฐ และความกังขาในความแข็งแกร่งของภาคธนาคาร ล้วนเป็นประเด็นที่ทำให้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่จากหลายสำนักเห็นตรงกัน ว่ายังเร็วเกินไปที่จะตัดสินใจว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฟื้นตัวเรียบร้อยดีแน่ แล้ว

 

และขณะเดียวกันก็ยังเร็วเกินไปที่จะตั้งความหวังอย่างเชื่อมั่นกับมหาอำนาจเบอร์หนึ่งของโลกอย่างสหรัฐ

 

ที่มา : โพสต์ทูเดย์(วันที่ 11 มีนาคม 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลาดซื้อขายดอลลาร์/เยน:ข้อมูลจ้างงานสหรัฐหนุนดอลล์แข็งค่าเช้านี้

 

 

ดอลลาร์ทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีครึ่งเมื่อเทียบกับเยน และ แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญอื่นๆในช่วงเช้านี้ที่ตลาดเอเชีย หลังจากการ จ้างงานที่เพิ่มขึ้นอย่างมากของสหรัฐได้เพิ่มความหวังต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ

 

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร เพิ่มขึ้น 236,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. สูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับ การสำรวจโดย รอยเตอร์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 160,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราว่างงานลดลงสู่ระดับ 7.7% ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 4 ปี จากระดับ 7.9% ในเดือน ม.ค.

 

รายงานดังกล่าวส่งสัญญาณว่า เศรษฐกิจอาจมีการขยายตัวมากพอที่จะ ต้านทานผลกระทบจากอัตราภาษีที่สูงขึ้น และการลดงบรายจ่ายของรัฐบาลแล้ว ซึ่ง ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดนโยบายการเงิน ที่ผ่อนคลายเป็นพิเศษเร็วกว่าที่คาดไว้

 

 

ในช่วงเช้านี้ ดอลลาร์อยู่ที่ 96.24 เยน เพิ่มขึ้นราว 0.25% จากระดับ ช่วงท้ายตลาดนิวยอร์ค และใกล้ระดับสูงสุดที่ 96.60 เยน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่ วันที่ 12 ส.ค.2009

 

 

"ตลาดกำลังคาดว่า เฟดจะยุติมาตรการผ่อนนคลายเชิงปริมาณเมื่อไร แต่ เพื่อให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น เราจะต้องเห็นการจ้างงานเพิ่มขึ้นมากกว่า 200,000 ตำแหน่ง ไม่ใช่เฉพาะในเดือนที่แล้ว แต่ต้องเพิ่มในเดือนหน้าและเดือนถัดไปด้วย" เทรดเดอร์ จากธนาคารญี่ปุ่นแห่งหนึ่งกล่าว

 

 

เฟดกำลังซื้อพันธบัตรวงเงิน 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือนเพื่อลดต้นทุน การกู้ระยะยาว และกระตุ้นเศรษฐกิจ และเฟดระบุว่าจะซื้อสินทรัพย์ต่อไปจนกว่าแนว โน้มตลาดจ้างงานจะปรับตัวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ขณะที่นักลงทุนคิดว่า มาตรการต่อไปของเฟดคือการปรับลดมาตรการกระตุ้น แต่พวกเขาก็คาดว่า ธนาคารกลางชั้นนำอื่นๆจะผ่อนคลายนโยบายลงอีก

 

 

ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะมองหา "มิติใหม่" ในการผ่อนคลายนโยบาย ภายใต้การนำของนายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการบีโอเจคนใหม่ ซึ่งคาดว่าจะได้รับการ แต่งตั้งในเดือนนี้

 

 

นางคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) กล่าวว่า ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ควรลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นการตอกย้ำการคาดการณ์ เกี่ยวกับการลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต

มีการคาดการณ์ในวงกว้างว่า ธนาคารกลางอังกฤษจะดำเนินโครงการซื้อสินทรัพย์ อีกครั้งอย่างเร็วที่สุดในเดือนหน้าเพื่อพยุงเศรษฐกิจที่ย่ำแย่

 

ดัชนีดอลลาร์อยู่ที่ 82.756 ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือนที่ 82.924 ที่ทำไว้ เมื่อวันศุกร์ และคาดว่าดัชนีจะทดสอบระดับสูงสุดตั้งแต่เดือนก.ค.2012 ที่ 84.10 หลังจาก ที่ดีดตัวขึ้น 4.8% ตั้งแต่แตะระดับต่ำสุดในช่วงต้นเดือนก.พ.

 

ยูโรอ่อนค่าเล็กน้อยมาที่ 1.2986 ดอลลาร์ ลดลง 0.15% จากระดับช่วงท้ายตลาด นิวยอร์คเมื่อวันศุกร์ หลังจากร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือนที่ 1.2955 ดอลลาร์เมื่อวัน ศุกร์

 

ปอนด์ทรงตัวเหนือระดับต่ำสุดในรอบ 32 เดือนที่ทำไว้เมื่อวันศุกร์เพียงเล็กน้อย โดยอยู่ที่ 1.4902 ดอลลาร์ เทียบกับระดับต่ำสุดของวันศุกร์ที่ 1.4886 ดอลลาร์

 

ดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง หลังจากข้อมูลเมื่อวันเสาร์พบว่า เศรษฐกิจจีนมีการ ฟื้นตัวอย่างไม่ต่อเนื่อง โดยทั้งผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และยอดค้าปลีกลดลงต่ำกว่าที่ตลาด คาดไว้ ส่งผลให้การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

 

ดอลลาร์ออสเตรเลียลดลง 0.25% มาที่ 1.0210 ดอลลาร์ โดยปรับตัวลงมาที่ ระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือนที่ 1.0116 ดอลลาร์ที่เข้าทดสอบเมื่อสัปดาห์ก่อน

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เฮ้ย ! ตื่นๆๆๆ ไปธนาคารฯ ตื่นๆ ธนาคารเปิดแล้ว ตื่นๆๆๆ สัญญานรหัสดั้งเดิม ตัดแล้ว ตื่นๆๆ รีบๆๆๆ เท่าไหร่ล่ะ 50,000 บาท เต็มพอร์ตไปเลย จ๊ากๆๆ ไปทำงานก่อนก็ได้ เวลาเยอะแยะ ซื้อได้ถึง 15.00 น. ราคาก็ไม่รู้จะได้เท่าไหร่ อะไรๆ ก็ไม่รู้ ลงทุนเท่าน้ำหนักทอง 2 บาท อะไร อะไร ก็ไม่รู้

 

ป๋าไปนั่งอยู่ในใจตั้งแต่เมื่อไหร่ กะลังเล็ง k gold ของกสิกร อยู่เลย ดีป่าว จะไปซื้อทีธนาคาร

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ป๋าไปนั่งอยู่ในใจตั้งแต่เมื่อไหร่ กะลังเล็ง k gold ของกสิกร อยู่เลย ดีป่าว จะไปซื้อทีธนาคาร

กิ๊บเก๋เคยซื้อไว้ค่ะ ตลาดปิดไว แค่บ่ายสองโมงครึ่งเองค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

ป๋าไปนั่งอยู่ในใจตั้งแต่เมื่อไหร่ กะลังเล็ง k gold ของกสิกร อยู่เลย ดีป่าว จะไปซื้อทีธนาคาร

พรุ่งนี้ น่าจะดีกว่ามั่ง ถ้ามีความอยากซื้อจริง แต่สิ่งนี้คือการจ่ายเงินแบบเต็มมูลค่า ไม่ใช่แทงสูงแทงต่ำตัดซื้อตัดขายนะครับที่จ่ายน้อยกว่า พูดเรื่องเสี่ยง กองทุนฯ ในภายะผันผวน ต้องถือว่าปล่อยให้เดินตามยถากรรม อะไรๆ ก็ไม่รู้ ราคาซื้อที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ ราคาขายที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ แล้วดันมาอ้างอิงราคากลางตอน 5 โมงเย็น ให้หวาบหวิวใจ เพราะอะไร

เพราะ ช่วงนั้น ถ้ายุโรปดันราคาขึ้น ก็ถือว่าซื้อตามนี้. ตกกลางคืน สหรัฐฯ ทิ้งดิ่ง เช้ามาเอเชียเสริมดิ่ง ตบท้ายยุโรป เหยียบซ้ำอีกที จมดิน สั่งขายบ่าย 3 โมง แต่ใช้ราคาปิด 5 โมงเย็น จมดิ่งไม่ฟื้น ทีนี้ทำไง กัดฟันถือต่ออีกวัน บรื้อ หนาวๆๆ ทำอะไร ไม่รู้อะไรสักอย่าง แต่พอตอนที่รู้ที่เห็นไม่ยักทำ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จากโพสต์ก่อนหน้า ฝรั่งนักวิเคราะห์วิเดา ยังไม่มา มีแต่คนไทยส่งรูปภาพมาให้ดู ก็ต้องเฝ้าระวัง เพราะเมื่อไหร่ เส้นตัดกันทุกที จะส่งสัญญานเตือนเตรียมซื้อของลดราคาพิเศษ เพราะ เดี๋ยวนี้ภาวะโลกร้อนวิปฤติเปลี่ยนทิศทางฯ. ดังนั้น วันนี้ ควรนิ่งเฉย ไม่ควรเอามือไปรับมีดอันแหลมคม ฝรั่งเคยกล่าวว่า กลางมีนาคม ร่วงปัจจัยลบเกลืี่อน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดียามสายค่ะทุกคน

วันจันทร์แล้วอากาศสดใส น้องทองจะสดใสตามป่าวเนี่ย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีป๋า ขอบคุณข่าวค่ะ กินมื้อเที่ยงให้อร่อยนะคะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จากโพสต์ก่อนหน้า ฝรั่งนักวิเคราะห์วิเดา ยังไม่มา มีแต่คนไทยส่งรูปภาพมาให้ดู ก็ต้องเฝ้าระวัง เพราะเมื่อไหร่ เส้นตัดกันทุกที จะส่งสัญญานเตือนเตรียมซื้อของลดราคาพิเศษ เพราะ เดี๋ยวนี้ภาวะโลกร้อนวิปฤติเปลี่ยนทิศทางฯ. ดังนั้น วันนี้ ควรนิ่งเฉย ไม่ควรเอามือไปรับมีดอันแหลมคม ฝรั่งเคยกล่าวว่า กลางมีนาคม ร่วงปัจจัยลบเกลืี่อน

สงสัยโลกจะร้อน นรกขึ้นมาอยุ่บนดิน รูปภาพป๋ามาแปลก จน11โมง ยังคิดไม่ตกว่าจะวางแผนจังไดเด้อ เป็นคนไฮเปอร์อ่ะป๋า อยู่เฉยๆมะเป็น เอิ้กๆ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จากตารางรายงานตัวเลข จาก YLG คืนนี้ ไม่มีตัวเลขรายงานสหรัฐฯ ออกมาเลย จึงเป็นห่วงวิกฤติอิตาลี ลดอันดับ เป็นข้ออ้างลดราคาทอง นะสิ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อาแปะคร้าบ ค่าเงินบาทอ่อนค่า + Spot 1583 นั่งแทะอะไรอยู่ครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...