ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

::

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วันนี้ ประเทศไหน ตลาดการลงทุนปิดบ้าง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สำหรับสหรัฐฯ ยังพอมีรายงานในวันนี้

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

2.2 ล้านล้านบาท: ใคร X-ray ความเป็นไปได้ทุกโครงการ?

ผ่านไปวาระแรกในสภาตามสูตรเมื่อวันศุกร์แล้ว 284:152 แต่ไม่ได้หมายความว่าความสงสัยคลางแคลงและเสียงเรียกร้องให้มีการตรวจสอบและติดตามการทำงานของรัฐบาลไปอีก 7 ปีจะลดลงแต่อย่างใด

 

 

ฟังการอภิปรายในสภาฯติดตามกันหลายวันเรื่องร่าง พ.ร.บ. เงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท แล้วคนไทยทั่วไปคงจะมีความรู้สึกคล้ายกันประการหนึ่ง นั่นคือโครงสร้างพื้นฐานสำหรับอนาคตมีความ "จำเป็น" แต่เงินที่จะใช้จำนวนมหาศาลนั้นจะ "ควบคุม" อย่างไรให้ไม่ "รั่วไหล"

 

 

ที่สำคัญคือหนี้สินที่ "สร้างวันนี้" และต้องจ่ายคืน "50 ปี" คำนวณแล้วเป็นดอกเบี้ยถึง 3 ล้านล้านบาท รวมกันแล้วคือภาระหนี้สินถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน "5 ล้านล้านบาท"

 

 

เห็นตัวเลขแล้วขนหัวลุกได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเรายังไม่สามารถไว้ใจนักการเมืองและข้าราชการได้ว่าจะดูแลผลประโยชน์ส่วนรวมได้จริง ๆ

 

 

คำว่า “เช็คเปล่า” หรือ “blank cheque” จึงเกิดขึ้นระหว่างการอภิปราย ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลยืนยันว่านี่คือการวางแผนอนาคตของบ้านเมืองเพื่อ “พลิกประเทศ” และจะพยายามกู้จากภายในประเทศอีกทั้งยังยืนยันว่ามีมาตรการป้องกันการฉ้อราษฎร์บังหลวงไว้อย่างครบถ้วนแล้ว

 

เนื้อหาของการเสนอ พ.ร.บ. ฉบับนี้คือการกู้เงินนอกระบบงบประมาณปกติ ซึ่งทำให้ผู้คนมีความกังวลว่าจะดูแลทุกบาททุกสตางค์ที่จะเป็นภาระของบ้านเมืองได้อย่างไร

 

 

เพราะยอดเงิน 2.2 ล้านล้านบาทนี้เป็นเงินก้อนใหญ่ที่ประเมินว่าจะต้องใช้กับโครงการใหญ่ ๆ ว่าด้วยการคมนาคมและขนส่งที่เรียกว่า “โครงสร้างพื้นฐาน” หรือ infrastructure ที่จำเป็นสำหรับอนาคต

 

แต่ประเด็นของคนที่มีคำถามก็คือว่ารายละเอียดของแต่ละโครงการอยู่ที่ไหน?

 

แต่ละโครงการยักษ์ ๆ นั้นมีความเป็นไปได้เพียงใด? แปลว่ามีการทำ feasibility study หรือยัง? เท่าที่เห็นเอกสารก็ยังมีหลายโครงการที่ยังไม่ได้ทำการศึกษา "ความเป็นไปได้" หรือ "ความคุ้มค่า" ของการลงทุน

 

ไม่ต้องพูดถึงการศึกษา "ผลกระทบสิ่งแวดล้อม" ที่เรียกว่า EIA (Environmental Impact Asssessment) หรือการศึกษาผลกระทบทางด้านสุขภาพต่อประชาชนหรือ HIA (Health Impact Assessment) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญยิ่งของการที่จะตัดสินว่าจะใช้เงินจำนวนมากมายนี้เพื่อทำโครงการนั้น ๆ หรือไม่

 

หลาย ๆ โครงการดี ๆ ที่จำเป็นสำหรับประเทศไทยนั้นพอทำเข้าจริง ๆ ก็ล้มเหลวไม่เป็นท่าเพราะขาดการบริหารและจัดการที่ดี ซึ่งแปลว่าแม้จะมีเงินทำ แต่หากไร้การติดตามและประเมินผลอย่างต่อเนื่องก็เป็นการสิ้นเปลืองเงินทอง และโอกาสได้อย่างน่ากลัวยิ่ง

 

 

โครงการ "แอร์พอร์ทลิงค์" เป็นตัวอย่างความล้มเหลวที่ยังหลอกหลอนชาวเราอยู่ทุกวันนี้

 

อีกคำถามหนึ่งคือรัฐบาลจำเป็นจะต้องลงทุนทำเองในทุกโครงการเหล่านี้หรือไม่? จะเชิญชวนให้เอกชนเข้ามาร่วมหรือใช้วิธีการอื่นใดที่ไม่จำเป็นต้องสร้างหนี้สินมากมายได้หรือไม่?

อีกคำถามหนึ่งคือการที่รัฐบาลจะต้องแสดงให้เห็นแผนการที่จะหารายได้มาเพื่อจะจ่ายหนี้ 5 ล้านล้านบาทนี้อย่างไร

 

 

เพียงแค่คำตอบกว้าง ๆ ว่าการลงทุนตามแผนนี้จะทำให้ผลผลิตมวลรวมหรือ GDP โตขึ้นเท่านั้นเท่านี้เปอร์เซ็นต์ และจะทำให้เก็บภาษีเพิ่มเท่านั้นเท่านี้เห็นจะไม่เพียงพอ เพราะนั่นคือการคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดหรือไม่เกิดก็ได้ แต่การจะให้ประชาชนวางใจได้ รัฐบาลต้องเสนอให้เห็นแผนรายได้ในอนาคตด้วยว่าจะมีวิธีใดที่จะจ่ายคืนหนี้สินก้อนใหญ่เป็นประวัติการณ์ก้อนนี้

 

 

เพราะนั่นคือการแสดงถึงการตระหนักถึง “วินัยการคลัง” หรือ fiscal discipline ซึ่งเป็นหัวใจของการสร้างความมั่นใจให้กับประเทศไทยทั้งในสายตาคนไทยเองและในมุมมองของต่างชาติที่จะมาลงทุนในประเทศไทย

 

และถ้าจะลดจำนวนปีที่จะชำระหนี้คืนจาก 50 ปีเป็น 30 หรือ 40 ปีจะมีวิธีการอย่างไร?

 

เพราะถึงตอนนั้นคนที่ถกแถลงเรื่อง พ.ร.บ. เงินกู้ฉบับนี้วันนี้ก็จะไม่มีใครเหลืออยู่จะสักกี่คนที่จะตอบคำถามลูกหลานเราแล้วครับ

 

http://www.suthichaiyoon.com/home/details.php?NewsID=1788

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ยุโรปหยุดกันหมดเลยไม่มีวิเดาเลยหรือคะป๋า

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ถ้าคนนั่งหน้ารถ เป็นคนคุ้นหน้าก็ไม่มีอะไร แต่ถ้าแปลกหน้า แถมมีอาการแบบในรูป " มรึงได้ไปเกิดใหม่แน่ๆๆ " 555

 

มีเกิดขึ้นแล้วจริงๆ ค่ะ แต่เป็นลูกค้านะคะ ไม่ใช่ประสบการณ์ตรง 555

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 29.32/33 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าลงจากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 29.28/30 บาท/ดอลลาร์

โดยวันนี้เงินบาทค่อนข้างแกว่งแคบๆ เนื่องจากหลายตลาดในโซนยุโรปปิดทำการ โดยวันนี้มีแรงซื้อดอลลาร์เข้ามาในช่วงท้ายตลาด จึงทำให้บาทอ่อนค่าลงเล็กน้อยจากช่วงเช้า ขณะที่วันนี้ยังไม่มีปัจจัยที่โดดเด่นพอจะมีผลต่อตลาดเงิน ซึ่งตลาดยังคงจับตารอเรื่องการปรับอัตราดอกเบี้ยในโยบายในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) วันที่ 3 เม.ย.นี้

"วันนี้บาทค่อนข้างเงียบๆ เพิ่งจะมีแรงซื้อ(ดอลลาร์)เข้ามาในช่วงท้ายๆ ของวัน...ตอนนี้ตลาดรอดูผลประชุม กนง. นอกนั้นปัจจัยอื่นก็ยังไม่ค่อยมีผลเท่าไร" นักบริหารเงิน ระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 29.20-29.40 บาท/ดอลลาร์

 

* ปัจจัยสำคัญ

 

- ปิดตลาดวันนี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 93.50 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 93.93/96 เยน/ดอลลาร์

- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2820 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.2777/2779 ดอลลาร์/ยูโร

- ผลการสำรวจจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ระบุว่า ชาวญี่ปุ่นกว่า 70% คิดว่าราคาผู้บริโภคจะสูงขึ้นในช่วงหนึ่งปีนับจากนี้ และแตะระดับสูงสุดตั้งแต่เดือนกันยายน 2551 ท่ามกลางความพยายามของรัฐบาลและบีโอเจในการยุติภาวะเงินฝืดที่ดำเนินมาเป็นเวลาหลายปีและเพื่อบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2%

- กระทรวงพาณิชย์ ประกาศอัตราเงินเฟ้อทั่วไป(CPI)ในเดือนมี.ค.56 เพิ่มขึ้น 2.69% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อในช่วงไตรมาส 1/56 อยู่ที่ 3.09% โดยกระทรวงพาณิชย์คาดว่าอัตราเงินเฟ้อไตรมาส 2/56 จะเฉลี่ยที่ 3.10% และทั้งปียังคงเป้าหมายเงินเฟ้อไว้ที่ 2.80-3.40%

- จับตาการประชุมเรื่องการกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ในวันที่ 3 เม.ย.นี้

- ประธานาธิบดีปาร์ค กึน เฮ ของเกาหลีใต้ สั่งการให้กองทัพตอบโต้อย่างแข็งกร้าวต่อการยั่วยุที่อาจจะมีขึ้นเกาหลีเหนือ โดยไม่มีการพิจารณาทางการเมืองใดๆ

- ตลาดหุ้นเอเชียอ่อนแรงลงบ่ายวันนี้ นำโดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ร่วงลง หลังเปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ของญี่ปุ่น(ทังกัน) ประจำไตรมาสแรกของปีนี้ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาด ขณะที่ข้อมูลการผลิตของจีนก็มีการขยายตัวที่ต่ำกว่าคาด

- สมาคมผู้ค้ายานยนต์ของญี่ปุ่น (JADA) เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ใหม่ของญี่ปุ่นยกเว้นรถยนต์ขนาดเล็ก ปรับตัวลง 15.6% ในเดือนมี.ค. จากปีก่อนหน้าแตะ 420,069 คัน นับเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7

- องค์การวิสาหกิจระหว่างประเทศ (IE) ของสิงคโปร์ซึ่งเป็นหน่วยงานส่งเสริมการค้า เปิดเผยผลสำรวจล่าสุดว่า จีนยังคงเป็นตลาดที่น่าดึงดูดสำหรับนักลงทุนสิงคโปร์ เนื่องจากเป็นตลาดมีศักยภาพมากกว่าเป็นแหล่งต้นทุนการผลิตต่ำ โดยบริษัทสิงคโปร์ 80% ระบุว่าศักยภาพของตลาดจีนเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้พวกเขาตัดสินใจเข้าไปทำธุรกิจในจีน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

**บาท/ดอลลาร์วันนี้แกว่งตัวแคบ หลังขาดปัจจัยใหม่ผลักดันตลาด

 

 

 

 

*บาท/ดอลลาร์ภาคบ่ายแกว่งในกรอบแคบ หลังขาดปัจจัยใหม่มาสนับสนุน

ขณะที่การซื้อขายไม่คึกคักมากนัก เนื่องจากตลาดการเงินในบางประเทศ

ยังคงหยุดทำการในวันนี้

*ยูโรอ่อนค่าในวันนี้ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน โดยได้รับแรงกดดัน

จากความกังวล ต่อผลกระทบของมาตรการให้ความช่วยเหลือทางการเงิน

ต่อไซปรัส

*เยนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินหลายสกุล ขณะที่คำสั่งซื้อเยนล็อตใหญ่

ส่งผลกระทบต่อตลาดในวันนี้มากเป็นพิเศษ เนื่องจากตลาดหลายแห่งยังคง

ปิดทำการในวันนี้ เนื่องในเทศกาลอีสเตอร์

*ดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง หลังจากรายงานระบุว่า กิจกรรมภาคการผลิต

ในจีนฟื้นตัวขึ้นในอัตราต่ำเกินคาดในเดือนมี.ค.

*สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน เปิดเผยในวันนี้ว่า ภาคการผลิตของจีน

ขยายตัวในอัตราสูงสุดในรอบ 11 เดือน ในเดือนมี.ค. โดยดัชนี

ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI) ภาคการผลิตของทางการจีนอยู่ที่ระดับ 50.9

ในเดือนมี.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจอาจกำลังฟื้นตัวในอัตราที่รวดเร็วขึ้น

*ผลสำรวจของภาคเอกชน พบว่า ราคาบ้านโดยเฉลี่ยในเมืองที่ใหญ่ที่สุด

100 เมืองของจีน เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 10 ติดต่อกันในเดือนมี.ค. ซึ่ง

ถือเป็นความท้าทายต่อผู้กำหนดนโยบาย ที่กำลังจะพยายามชะลอราคาบ้าน

ที่พุ่งขึ้นทำสถิติสูงุสดเป็นประวัติการณ์

*16.56 น.บาท/ดอลลาร์ อยู่ที่ 29.32/34 จาก 29.28/32 ช่วงเช้า

ขณะที่ใน offshore อยู่ที่ 29.32/35 จาก 29.29/33 ช่วงเช้า

*เยน/ดอลลาร์ อยู่ที่ 93.52/54 จาก 93.91/95 ช่วงเช้า

*ยูโร/ดอลลาร์ อยู่ที่ 1.2818/19 จาก 1.2776/80 ช่วงเช้า

 

 

 

 

 

"บาทวันนี้แกว่งแคบๆ เพราะตลาดต่างประเทศก็ยังกลับมาเปิดไม่หมด แล้ว หุ้นบ้านเราก็ยังพักฐาน เลยดูเหมือนปัจจัยที่จะกระชากให้บาทวิ่งแรงๆ ยังไม่มีเข้ามา " ดีลเลอร์ กล่าว

 

 

เขา กล่าวว่า เงินบาทวันนี้แกว่งตัวในกรอบแคบ หลังจากขาดปัจจัยบวก ใหม่ๆ เข้ามาสนับสนุนในระยะสั้น ขณะที่ตลาดเงินในต่างประเทศหลายๆแห่ง ยังคง หยุดทำการในวันนี้ ส่งผลให้การซื้อขายโดยรวมยังไม่คึกคักมากนัก

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่ง และโกลด์ฟิวเจอร์ส วันที่ 1 เมษายน 2556 โดย YLG

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- จันทร์ที่ 1 เมษายน 2556 17:04:51 น.

กรุงเทพฯ--1 เม.ย.--PRdd

ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,595.63—1,600.81 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFJ13 อยู่ที่ 22,300 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 10 บาทจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 22,310 บาท ขณะที่ซิวเวอร์ฟิวเจอร์ SVJ13 อยู่ที่ 845 โดยราคาไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 845 บาท

 

 

(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.07 น.ของวันที่ 01/04/13)ออกมา คือ ออกมา คือ

 

แนวโน้มวันที่ 2 เมษายน 2556

ผลการสำรวจของกองทุนของแบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ บ่งชี้ว่า นักลงทุนมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นต่อแนวโน้มของดอลลาร์ จากข้อมูลทางสถิติบ่งชี้ว่า ดอลลาร์ปรับตัวขึ้น 3% เมื่อเทียบกับยูโร 9% เมื่อเทียบกับเยน และ 4% เมื่อเทียบกับปอนด์อังกฤษในไตรมาสที่ 1 ปี 2556 การที่ดอลลาร์ปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักอื่นๆ แสดงถึงแนวโน้มที่สกุลเงินดอลลาร์จะยังคงปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในไตรมาสที่ 2 เนื่องจากเศรษฐกิจที่ค่อนข้างแข็งแกร่งของสหรัฐ ยังคงสร้างแรงกดดันต่อแนวโน้มของราคาทองคำ โดยนักลงทุนยังคงต้องจับตาตัวเลขเศรษฐกิจทางสหรัฐฯต่อไปเพื่อใช้เป็นปัจจัยในการชี้นำราคาทองคำ เพราะการเปิดเผยตัวเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งจะแรงหนุนและนำไปสู่แนวโน้มการปรับตัวขึ้นของดอลลาร์ ซึ่งจะทำให้ทองคำลดความน่าสนใจในการลงทุนลงและมีแรงขายออกมา แต่อย่างไรแล้วเมื่อราคาทองคำอ่อนตัวลงยังคงมีแรงรับซื้อ เนื่องจากความเปราะบางต่อสถานการณ์ของยูโรโซนยังเป็นปัจจัยบวกที่ส่งผลต่อราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ทั้งปัญหาภาคธนาคารของไซปรัสที่บังคับใช้มาตรการควบคุมเงินทุนที่เข้มงวดและภาวะชะงักงันทางการเมืองของอิตาลีที่เกิดจากผลการเลือกตั้งทั่วไปที่ไม่มีความชัดเจน โดยนักลงทุนควรติดตามสถานการณ์ของยูโรโซนอย่างใกล้ชิดเพราะหากปัญหาทวีความรุนแรงขึ้นแรงซื้อจะกลับเข้ามายังทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยอีกครั้ง เบื้องต้นวายแอลจีประเมินว่าหากราคาทองคำทดสอบแนวต้านที่ 1,605 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 1,610 ดอลลาร์ต่อออนซ์และยังไม่สามารถผ่านได้ ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาเมื่อราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นยังคงมีแรงขายออกมา นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจมีการขายทำกำไรบ้างส่วนออกมาบ้าง

 

กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจี มีมุมมองว่าราคาทองคำยังอยู่ในช่วงปรับฐานของราคา หากราคาทองคำดีดตัวขึ้นไม่ผ่านแนวต้านที่ 1,605 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือไม่สามารถยืนเหนือบริเวณดังกล่าวได้ราคาทองคำอาจมีย่อตัวลงมา โดยประเมินแนวรับที่ 1,585 หรือ 1,580 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากสามารถยืนเหนือแนวรับได้ราคาก็พร้อมขึ้นไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ระดับ 1,605 หรือ 1,610 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในระยะสั้นนี้ต้องยอมรับว่าทองคำมียังคงมีการเคลื่อนไหวในกรอบ ขณะที่การลงทุนระยะยาวยังเป็นเรื่องที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งการลงทุนในภาวะตลาดที่ผันผวน ควรมีแผนการลงทุนเป็นสิ่งสำคัญที่จะสามารถรับมือกับความผันผวนอย่างหนักของตลาดทองคำได้

 

ทองคำแท่ง (96.50%)

แนวรับ 1,585 (21,980บาท) 1,580 (21,910บาท) 1,570 (21,770บาท)

แนวต้าน 1,605 (22,260บาท) 1,610 (22,330บาท) 1,616 (22,410บาท)

GOLD FUTURES (GFJ13)

แนวรับ 1,585 (22,140บาท) 1,580 (22,070บาท) 1,570 (21,930บาท)

แนวต้าน 1,605 (22,420บาท) 1,610 (22,490บาท) 1,616 (22,570บาท)

SILVER FUTURES (SVJ13)

แนวรับ 27.70 (836บาท) 27.45 (829บาท) 27.10 (819บาท)

แนวต้าน 28.50 (860บาท) 28.75 (867บาท) 29.15 (879บาท)

หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999 และการลงทุนด้านทองคำแท่ง โทร.02-687-9888 หรือwww.ylgbullion.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วันนี้ เดาทองยามค่ำ ก่อนตลาดสหรัฐอเมริกาเปิด ดำเนินการ ฝรั่งวิเคราะห์และวิเดา กล่าวว่า จากสถานการณ์ความย่ำแย่ในฝั่งยุโรปที่เริ่มคลี่คลายดีขึ้น แต่ก็เป็นเพียงแค่ชลอความอ่อนค่าลงของสกุลเงินตราเท่านั้น อาทิตย์นี้ จะมีการประกาศเรื่อง จะเอายังไงกับดอกเบี้ยนโยบายของ ECB แต่ยังไง ก็คงไม่มีเปลี่ยนแปลง ยืนไว้ที่เท่าเดิม จึงไม่มีอะไรเลยที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้ในฝั่งยูโร

 

เช่นเดียวกับ ทองคำ ดูเหมือนไม่ชอบที่จะยอมเดินจึ้นไปข้างหน้า สัญญานฯต่างๆ ที่ใช้กัน มองไม่ดี มองลงกันเยอะ จึงกล่าวเพิ่มเติมในกรณีทองว่า ราคาที่สามารถยืนทน แบะ ทนยืน จนกว่าจะมีสิ่งเร้าที่น่ากระตุ้น คือ $1591 ยังไงขึ้นไปช่วงนี้ ก็เป็นเพียงหลอกแมงเม่าให้บินตาม ซึ่งน่าจะขึ้นเกิน $1602 แต่แล้วก็น่าจะเจอแรงขาย ต้องระวัง หรือเล่นสั้นเท่านั้น กรณีเล่นยาว เมืีอไหร่ไม่รู้ แล้วจะมาบอก เพราะมาบอกอยู่ทุกวันทำการ โชคดี

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

:: เช่น เมฆอิชิโมกุ ก็บ่งบอกแนวคาดการณ์ว่า " ลงในกรอบ " $1586-$1603

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...