ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

**ตลาดหุ้นเอเชียติดลบเช้านี้ หลังภาคการผลิตสหรัฐชะลอตัวลง

 

 

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงเช้านี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่าภาคการผลิตชะลอตัวลงในเดือนมี.ค. ขณะที่เงินเยนแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 4 สัปดาห์เมื่อเทียบเงินดอลลาร์สหรัฐ

 

ดัชนี MSCI Asia Pacific ขยับลง 0.4% ที่ระดับ 133.65 จุด เมื่อเวลา 10.22 น.ตามเวลาโตเกียว

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 12,051.57 จุด ลดลง 83.45 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,234.90 จุด เพิ่มขึ้น 0.50 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,203.93 จุด ลดลง 95.70 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 7,897.16 จุด ลดลง 2.08 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,996.81 จุด เพิ่มขึ้น 0.82 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,302.77 จุด ลดลง 4.81 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 6,837.96 จุด ลดลง 1.63 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,668.83 จุด เพิ่มขึ้น 1.22 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 4,964.80 จุด ลดลง 1.70 จุด

 

หุ้นโซนี่ คอร์ป ลดลง 1%, หุ้นโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป ร่วงลง 2.1% ขณะที่หุ้นแควนตัส แอร์เวย์ส เพิ่มขึ้น 2%

ตลาดหุ้นเอเชียถูกกดดันหลังจากที่สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) รายงานว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคการผลิตของสหรัฐขยายตัวชะลอลงผิดคาดแตะ 51.3 ในเดือนมี.ค. จาก 54.2 ในเดือนก.พ. โดยก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าดัชนีภาคการผลิตสหรัฐจะมีการขยายตัวใกล้เคียงกับในเดือนก.พ.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

**ตลาดซื้อขายดอลลาร์/เยน:เยนแข็งค่าขึ้นเช้านี้

 

 

เยนพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ในการซื้อขายที่ตลาดเอเชียเช้านี้ หลังจากข้อมูลภาคการผลิตที่ย่ำแย่กว่าคาดของสหรัฐทำให้นักลงทุนขายดอลลาร์ออกมา

 

 

แต่เยนอาจถูกสกัดช่วงขาขึ้น ขณะที่นักลงทุนกำลังรอดูสิ่งที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะแถลงออกมาในการประชุมนโยบายระหว่างวันที่ 3-4 เม.ย. และตลาดได้ปรับตัวรับมาตรการผ่อนคลายจากบีโอเจแล้ว จึงทำให้

 

เป็นเรื่องยากที่ผู้กำหนดนโยบายจะสร้างความประหลาดใจ

 

 

 

ในช่วงเช้านี้ ดอลลาร์อยู่ที่ 93.22 เยน หลังจากร่วงต่ำสุดที่ 93.06 เยน และดอลลาร์ดิ่งลงราว 3.5% นับตั้งแต่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีครึ่งที่ 96.71 เยนที่ทำไว้เมื่อวันที่ 12 มี.ค.

 

 

ดอลลาร์เผชิญกับแรงกดดัน ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล สหรัฐร่วงลง หลังข้อมูลระบุว่า ภาคการผลิตขยายตัวในอัตราต่ำสุดในรอบ 3 เดือนในเดือนมี.ค. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้เกิดความวิตกว่า เศรษฐกิจ

 

 

สหรัฐกำลังชะลอตัวลงเนื่องจากมาตรการลดรายจ่ายของรัฐบาล ดัชนีดอลลาร์ร่วงลง 0.6% ซึ่งเป็นการร่วงลงมากที่สุดในวันเดียวเป็น ลำดับที่ 3 ในปีนี้ และร่วงลงอีกจากระดับสูงสุดในรอบเกือบ 8 เดือนที่ เข้าทดสอบในสัปดาห์ที่แล้ว

 

 

ภาวะซื้อขายเบาบาง เนื่องจากตลาดส่วนใหญ่ของยุโรปิดทำการเนื่อง ในเทศกาลอีสเตอร์ มีส่วนทำให้ภาวะซื้อขายผันผวน ซึ่งทำให้เยนพุ่งขึ้น เมื่อเทียบกับยูโรและสกุลเงินของประเทศผู้ส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์

 

 

ยูโรอยู่ที่ 119.81 เยน หลังจากร่วงแตะระดับ 119.49 เยน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่ปลายเดือนก.พ. ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอยู่ที่ 97.27 เยน หลังจากร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 สัปดาห์ที่ 97.02 เยน ยูโรปรับตัวขึ้นมาที่ 1.2846 ดอลลาร์ โดยดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุด ในรอบ 4 เดือนที่ 1.2750 ดอลลาร์ที่ทำไว้ในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ยูโรยัง คงได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนทางการเมืองของอิตาลี และความวิตกเกี่ยวกับปัญหาหนี้ และแนวโน้มเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของยูโรโซน

 

 

 

ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะประชุมนโยบายในวันพฤหัสบดีนี้ ก่อน การเปิดเผยรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ดอลลาร์ออสเตรเลียดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ที่ 1.0386 ดอลลาร์ มาที่ 1.0425 ดอลลาร์ แต่ทิศทางระยะใกล้ขึ้นอยู่กับผลการประชุม นโยบายของธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ในเวลา 10.30 น.ตามเวลา ไทยวันนี้

 

 

คาดว่า RBA จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 3.0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติ การณ์ และตลาดต้องการดูว่า RBA จะยกเลิกท่าทีผ่อนคลาย หรือจะเปิดโอกาส สำหรับการลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วันประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน ดูาิว่า วันไหน พรุ่งนี้นะครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดาราแห่ยินดีกาล่า คู่กรรม400ชีวิต-ณเดชน์ไม่กดดัน

ไฮไลท์บันเทิง วันอังคารที่ 2 เมษายน พ.ศ.2556 7:54น.

 

เหล่าคนบันเทิงศิลปิน ร่วมแห่ยินดีกาล่า คู่กรรม 400 ชีวิต แฟนคลับแน่น "ณเดชน์" -"ริซซี่" เดินพรมแดง ปลื้ม กระแสตอบรับดี ไม่คาดหวังรายได้

ได้ฤกษ์เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับหนังคู่กรรม ซึ่งวันนี้ ค่ายเอ็ม 39 ได้จัดงานกาล่า โดยมีดาราดังร่วมพรมแดง โดย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จร่วมเป็นเกียรติให้รอบกาล่าครั้งนี้ด้วย ซึ่งบรรยากาศในงานกาล่า เต็มไปด้วยเหล่าคนบันเทิงศิลปินรวม 400 ชีวิต ที่ร่วมเดินพรมแดงในครั้งนี้ด้วย อีกทั้งเหล่าบรรดาแฟนคลับที่ตั้งหน้าตั้งรอขวัญใจ อย่างหนุ่ม "ณเดชน์ คุกิมิยะ" และสาว "ริซซี่" นางเอกหน้าใหม่ จนล้นหน้าห้างพารากอน แต่ที่สร้างสีสันมากที่สุด คงหนีไม่พ้น ผู้จัดการส่วนตัว อย่าง "เอ ศุภชัย" ที่ขนเด็กในสังกัดร่วมสิบชีวิต มาอวดโฉม เล่นเอาสื่อมวลชนจับภาพกันไม่ทันเลยทีเดียว และพอถึงคิวที่หนุ่มณเดชน์ กับสาวริซซี่ต้องเดินพรมแดง แฟนๆก็ส่งเสียงให้กำลังใจ ซึ่งทั้งคู่ ควงกันให้สัมภาษณ์คู่ถึงภาพยนต์เรื่องนี้ว่า

"รู้สึกตื่นเต้นและดีใจมาก ๆ แฟน ๆ มาให้กำลังใจเยอะเลย ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ที่มาให้กำลังใจกัน หวังว่า 4 เมษาฯ นี้ ทุกคนจะติดตามผลงานของพวกเรา หวังว่าทุกคนจะประทับใจ ทุกคนจะได้ความแปลกใหม่ แต่ยังคงศิลปะแบบเดิม ๆ วันนี้น้องริซซี่เองก็ตื่นเต้นมาก ถ้าจะให้คะแนนน้องคงจะให้ 10 น้องใหม่มาก ตั้งใจทำงานมาก ไม่เคยได้ยินน้องบ่นเลย ก่อนถ่ายจริงเราก็เวิร์คช็อปกันนานมาก เราตั้งใจกันมาก ผลตอบรับจะเป็นยังไงก็คอยว่ากัน เราพยายามเต็มที่แล้ว"

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทองปิดบวก 5.2 ดอลล์

 

 

02/04/2013 , 07:59

Filed under breakingnews, เศรษฐกิจ

Leave a Comment

 

 

 

I10992467-01.jpg

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 5.2 ดอลลาร์ หรือ 0.33% ปิดที่ 1,600.9 ดอลลาร์/ออนซ์

นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) รายงานว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคการผลิตของสหรัฐขยายตัวชะลอลงผิดคาดแตะ 51.3 ในเดือนมี.ค. จาก 54.2 ในเดือนก.พ. โดยก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าดัชนีภาคการผลิตสหรัฐจะมีการขยายตัวใกล้เคียงกับ ในเดือนก.พ.

นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับแรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง โดยดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินสกุลดอลลาร์ในตระกร้าเงินเมื่อเทียบกับ สกุลอื่นๆ ลดลงแตะระดับ 82.746 จุด เมื่อวานนี้ จากระดับของวันศุกร์ที่ 82.998 จุด —ISN 03

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

31 มีนาคม 2556 14:47

กูรูชี้ทองป็นหลักประกันในยูโรโซน

 

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

news_img_497997_1.jpg

 

ภาพข่าว ภาพประกอบข่าว

 

ผู้เชี่ยวชาญชี้ ทองจะกลับมาเป็นหลักประกันอีกครั้ง หลัง หากไม่มีความเป็นที่พอใจในยูโรโซนอีกครั้ง

 

นายเกอร์ฮาร์ด ชูเบิร์ท ผู้อำนวยการฝ่ายโลหะมีค่าของธนาคารเอมิเรทส์ เอ็นบีดี กล่าวว่า แม้ว่าราคาทองปรับตัวลงอันเนื่องมาจากความช่วยเหลือทางการเงินของยูโรโซนแก่ไซปรัส แต่ทองอาจจะกลับมาเป็นที่ต้องการอีกครั้ง หากไม่มีความคืบหน้าที่น่าพอใจในยูโรโซน

 

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ราคาทองได้ร่วงลง 12 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 0.74% แตะ 1,597 ดอลลาร์

 

นายชูเบิร์ท ระบุ ในการแสดงความคิดเห็นรายสัปดาห์เกี่ยวกับโลหะมีค่าว่า "ประเด็นไซปรัสได้เสร็จสิ้นลงแล้ว อย่างน้อยที่สุดก็สำหรับการซื้อขายทองคำ"

 

สมาชิก 17 ประเทศของยูโรโซนได้เห็นพ้องกันเมื่อวันที่ 17 มี.ค.ในการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ไซปรัสเป็นมูลค่า 1.0 หมื่นล้านยูโร (1.288 หมื่นล้านดอลลาร์) โดยมีเงื่อนไขว่าบัญชีธนาคารที่มีวงเงินไม่เกิน 100,000 ยูโร (128,000 ดอลลาร์) จะได้รับการรับประกันอย่างเต็มที่จากธนาคารพาณิชย์ และรัฐสภาไซปรัสได้อนุมัติแผนดังกล่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

 

นายชูเบิร์ท กล่าวว่า รายละเอียดเกี่ยวกับเงื่อนไขความช่วยเหลือทางการเงินแก่ไซปรัสอาจเป็นแบบแผนสำหรับ "การให้ความช่วยเหลือ" ต่อไปในอนาคต ซึ่งจะบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชากรยูโรโซนที่มีบัญชีเงินฝาก ในการคงเงินสดจำนวนมากไว้ภายในระบบการธนาคารของยูโรโซน

 

นายชูเบิร์ท ตั้งข้อสังเกตว่า ธนาคารกลางที่ใช้ทองคำในการสร้างความหลากหลายในการลงทุน ที่นอกเหนือจากสกุลเงินนั้น กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนต่อทองคำต่อไป

 

http://www.bangkokbiznews.com/

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี ๕๘ พรรษา วันที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๖

...ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน...

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

“แบงก์ ออฟ ไซปรัส เผยเสร็จสิ้นการเพิ่มทุนภายใต้ข้อตกลงยูโรกรุ๊ปแล้ว(2/04/56)

แบงก์ ออฟ ไซปรัส ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของไซปรัส เปิดเผยวานนี้ว่า ธนาคารได้เสร็จสิ้นการเพิ่มทุนโดยการแปลงสภาพเม็ดเงินของผู้ฝากให้เป็นหุ้น ภายใต้ข้อตกลงของยูโรกรุ๊ปว่าด้วยการช่วยเหลือสำหรับไซปรัส

 

แถลงการณ์ของธนาคารระบุว่าการเพิ่มทุนดังกล่าวจะทำให้ธนาคารปฏิบัติตามข้อกำหนดเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงขั้นต่ำได้อย่างเต็มที่ และจะยังคงสัดส่วนเงินกองทุนขั้นที่ 1 (Core Tier 1) ไว้ที่ 9% ภายใต้สถานการณ์ที่เลวร้าย ซึ่งได้รับการประเมินโดยบริษัทตรวจสอบบัญชี PIMCO

 

บริษัท PIMCO ได้เสร็จสิ้นการตรวจสอบฐานะหนี้สินและทรัพย์สินของธนาคารในไซปรัสเมื่อเดือนม.ค.เพื่อประเมินความจำเป็นในการเพิ่มทุนของธนาคารดังกล่าว หลังมีการขาดทุนอย่างหนักอันเนื่องมาจากการลงทุนในตราสารหนี้ของกรีซ

 

ภายใต้ข้อตกลงช่วยเหลือที่มีขึ้นในการประชุมยูโรกรุ๊ปเมื่อวันที่ 25 มี.ค.นั้น แบงก์ ออฟ ไซปรัส ได้ใช้เงิน 37.5% ของเงินฝากที่มีวงเงินเกินกว่า 100,000 ยูโร (129,000 ดอลลาร์) สำหรับการดำเนินการเพิ่มทุนเบื้องต้น โดยอีก 22.5% จะยังคงถูกกันไว้จนกว่าจะมีความจำเป็นในการเพิ่มทุนอย่างเต็มที่ สำนักข่าวซินหัวรายงาน

 

ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02/04/56)

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ธ.กลางไซปรัสเผยผู้ฝากจะต้องสูญเงิน 40% (02/04/2556)

แบงก์ชาติไซปรัสชี้ ผู้ที่มีเงินฝากในธนาคารไซปรัสเกินกว่า 1 แสนยูโรจะต้องถูกหักออกไปเกือบ 40% เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ธนาคาร

 

ธนาคารกลางไซปรัสซึ่งเป็นผู้ให้กู้รายใหญ่ที่สุดของประเทศรายงานมูลค่าความเสียหายทางการเงินต่อบรรดาผู้ฝากเงินรายใหญ่ ณ ที่ทำการของตน โดยกล่าวว่า ผู้ฝากเงินจะต้องสูญเสียเงินฝากของตัวเองไปเกือบ 40% อันเป็นผลมาจากการปรับโครงสร้างหนี้ครั้งใหญ่ของธนาคาร

 

การสูญเงินดังกล่าวอาจจะมากขึ้นกว่าเดิมภายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยในแถลงการณ์ของธนาคารกลางไซปรัสเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (30 มี.ค.) ระบุว่า เงินจำนวน 37.5% ของผู้ที่มีเงินฝากเกิน 1 แสนยูโร หรือ 128,700 ดอลลาร์จะถูกแปลงเป็นหุ้นชนิดพิเศษ เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของแผนเพิ่มทุนให้กับธนาคาร

 

ผลที่ตามมาคือ เงินสดจำนวนนี้จะหายไปจากบัญชีของผู้ฝากเงินทันที ขณะที่เงินอีก 22.5% ก็จะถูกอายัดในบัญชีชนิดไม่มีดอกเบี้ยจนกว่าแผนการปรับโครงสร้างหนี้จะเสร็จสิ้น คาดว่าขั้นตอนดังกล่าวจะต้องใช้เวลาหลายเดือน ขึ้นอยู่กับการประเมินของคณะกรรมการอิสระของผู้ตรวจเงินแผ่นดิน โดยจำนวนเงินที่เพิ่มขึ้นมานั้นอาจถูกนำไปใช้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเพิ่มทุนของธนาคาร

 

เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลไซปรัสตกลงที่จะปฏิรูปภาคธนาคารในประเทศครั้งใหญ่เพื่อแลกกับเงินช่วยเหลือจากกลุ่มยูโรโซนและไอเอ็มเอฟจำนวน 1 หมื่นล้านยูโร ภายใต้ข้อตกลงนี้ ไซปรัสได้ตัดสินใจปิดกิจการของธนาคารที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศอย่าง ไซปรัส ป็อปปูลาร์ และถ่ายโอนสินทรัพย์ที่ยังมีค่ามาไว้ที่ธนาคารกลางไซปรัส

 

ผู้ที่มีเงินฝากในบัญชีน้อยกว่า 1 แสนยูโรในบัญชีของตนจะได้รับการยกเว้นไม่ต้องถูกหักเงิน ขณะที่คนที่มีเงินฝากเกินกว่า 1 แสนยูโรจะต้องสูญเงินของตนเป็นจำนวนมากและต้องรออีกหลายปีกว่าจะได้เงินจำนวนนั้นกลับคืน

 

ตามข้อมูลการคาดการณ์ก่อนหน้านี้จากทางการ การสูญเงินดังกล่าวอาจกระทบต่อผู้ฝากเงินกับธนาคารไซปรัสกว่า 19,000 รายซึ่งครอบครองเงินรวมกันกว่า 8.01 พันล้านยูโร หรือ 1.03 หมื่นล้านดอลลาร์ในจำนวนเงินฝากที่ไม่ได้รับการคุ้มครอง ส่วนผู้ที่ฝากเงินกับธนาคารไซปรัส ป็อปปูลาร์ซึ่งครอบครองเงินประมาณ 3.2 พันล้านยูโรจะต้องสูญเสียเงินส่วนใหญ่ของตนไป

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ (วันที่ 2 เมษายน 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดทองคำ by Hua Seng Heng Gold Futures (02/04/2556)

ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส

 

- ทองปิดทรงตัวต่อเนื่องจากวันศุกร์

 

- SPDR ถือทองลดลง 4.21 ตัน

 

- คาดราคาทองยังแกว่งตัวแคบรอปัจจัยใหม่

 

- ราคาทองคำและราคาโลหะเงินยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน โดยในการซื้อขายช่วงค่ำที่ผ่านมาเริ่มมีแรงขายกลับออกมาจนทำให้ราคาโลหะทั้ง 2 ชนิด อ่อนตัวลงเข้าใกล้แนวรับทางเทคนิค ก่อนที่จะเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามา จนราคากลับขึ้นมาปิดทรงตัวจากระดับปิดของวันศุกร์

 

- ตลาดการเงินของสหรัฐกลับมาเปิดทำการอีกครั้งหลังจากหยุดทำการในวันศุกร์แต่โดยรวมแล้วการเคลื่อนไหวของตราสารต่างๆในสหรัฐยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบ เนื่องจากนักลงทุนรอติดตามรายงานตัวเลขเศรษฐกิจในตลาดแรงงานของสหรัฐในช่วงปลายสัปดาห์ ประกอบกับตลาดการเงินของหลายประเทศในยุโรปยังปิดทำการ การเคลื่อนไหวของตราสารต่างๆจึงแกว่งตัวในกรอบแคบ

 

- ราคาทองคำยังคงมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวในกรอบแคบเพื่อรอติดตามผลการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่นและธนาคารกลางยุโรปในช่วงกลางสัปดาห์ โดยในส่วนของผลการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่นนั้น มีแนวโน้มที่จะออกมาตรการในการแก้ไขปัญหาเงินฝืดด้วยการเพิ่มปริมาณเงินเข้าสู่ระบบ และอาจเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้นักลงทุนกลับเข้าซื้อทองคำหลังจากมีสภาพคล่องมากขึ้น

 

- การเคลื่อนไหวโดยรวมของราคาทองในทางเทคนิคยังไม่แตกต่างไปจากสัปดาห์ก่อน แนวรับสำหรับเก็งกำไรระยะสั้นบริเวณ 1,585-1,590 ดอลลาร์ ยังเป็นแนวรับที่คาดว่าจะเป็นจุดดีดตัวสำหรับการเก็งกำไรระยะสั้น โดยมีแนวต้านของวันอยู่ที่บริเวณ 1,610-1,615 ดอลลาร์ หากสามารถดีดตัวผ่านแนวต้านบริเวณนี้ขึ้นไปได้ คาดว่าราคาทองจะปรับตัวขึ้นสู่แนวต้านบริเวณ 1,630 ดอลลาร์ ต่อไป

 

- การเคลื่อนไหวของราคาโลหะเงินยังมีแนวโน้มว่าจะอ่อนตัวลงต่อ หากราคาปรับตัวลงไปต่ำกว่าแนวรับบริเวณ 28.0 ดอลลาร์ หรือในช่วงที่มีการดีดตัวกลับ ไม่สามารถผ่านขึ้นไปยืนเหนือแนวต้านบริเวณ 28.50 ดอลลาร์ได้ คาดว่าราคาจะปรับตัวลงไปยังแนวรับบริเวณ 27.30-27.50 และ 27.0 ดอลลาร์ ต่อไป

 

โกลด์ฟิวเจอร์สเดือนเม.ย.56

 

Close chg. Support Resistance

 

22,410 +150.00 22,300/22,100 22,500/22,600

 

การเก็งกำไรฝั่งซื้อยังสามารถเปิดสถานะในช่วงที่ราคาอ่อนตัวลงเข้าใกล้แนวรับบริเวณ 1,585-1,590 ดอลลาร์ โดยมีจุดปิดสถานะตัดขาดทุนหรืออาจกลับมาเลือกเปิดสถานะขายเก็งกำไรในช่วงที่ราคาอ่อนตัวลงไปต่ำกว่าแนวรับบริเวณ 1,575-1,580 ดอลลาร์

 

ซิลเวอร์ฟิวเจอร์สเดือนเม.ย.56

 

Close chg. Support Resistance

 

845 - 840/830 860/865-867/880

 

หากราคาโลหะเงินไม่สามารถยืนเหนือแนวรับบริเวณ 27.90-28.0 ดอลลาร์ จะเป็นสัญญาณขายกดดันให้ราคาอ่อนตัวลงไปยังแนวรับบริเวณ 27.30-27.50 ดอลลาร์ หากถือครองสถานะซื้ออยู่ควรปิดสถานะออกไปก่อน หรืออาจกลับมาเลือกเปิดสถานะขายเก็งกำไร

 

ที่มา : ThaiPR.net (วันที่ 2 เมษายน 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เงินบาทเปิด 29.30/32 จับตาประชุมกนง. มองกรอบวันนี้ 29.25-29.35 (02/04/2556)

นักบริหารเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบีไทย เปิดเผยว่า วันนี้เงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 29.30/32 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากเมื่อวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 29.32/33 บาท/ดอลลาร์

 

"ปัจจัยสำคัญในประเทศที่ต้องติดตามคือ การประชุมเรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ในวันพรุ่งนี้(3 เม.ย.)" นักบริหารเงิน ระบุ

 

 

 

 

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 29.25-29.35 บาท/ดอลลาร์

*ปัจจัยสำคัญ

- อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคาร ธปท.วันนี้อยู่ที่ 29.3080 บาท/ดอลลาร์

 

- เปิดตลาดเช้านี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 93.02/03 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 93.50 เยน/ดอลลาร์

 

- ขณะที่เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2866/2869 ดอลลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 1.2820 ดอลลาร์/ยูโร

 

- สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เปิดเผยว่า ราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงลดลง 10 ดอลลาร์ฮ่องกง เปิดที่ระดับ 14,900 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึง ราคาดังกล่าวเทียบเท่ากับ 1,611.15 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ ลดลง 1.08 ดอลลาร์สหรัฐ ที่อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ/ 7.763 ดอลลาร์ฮ่องกงในวันนี้

 

- แบงก์ ออฟ ไซปรัส ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของไซปรัส เสร็จสิ้นการเพิ่มทุนโดยการแปลงสภาพเม็ดเงินของผู้ฝากให้เป็นหุ้น ภายใต้ข้อตกลงของยูโรกรุ๊ปว่าด้วยการช่วยเหลือสำหรับไซปรัส

 

แถลงการณ์ของธนาคารระบุว่าการเพิ่มทุนดังกล่าวจะทำให้ธนาคารปฏิบัติตามข้อกำหนดเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงขั้นต่ำได้อย่างเต็มที่ และจะยังคงสัดส่วนเงินกองทุนขั้นที่ 1 (Core Tier 1) ไว้ที่ 9% ภายใต้สถานการณ์ที่เลวร้าย ซึ่งได้รับการประเมินโดยบริษัทตรวจสอบบัญชี PIMCO

 

- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนแรงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (1 เม.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่าภาคการผลิตชะลอตัวลงในเดือนมี.ค.

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 93.36 เยน จากระดับของวันทำการก่อนหน้านี้ที่ 94.31 เยน และขยับขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9471 ฟรังค์ จากระดับ 0.9490 ฟรังค์

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 2 เมษายน 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เอกชนโวยแบงก์ชาติไร้มาตรการช่วยเหลือ ค่าบาทแข็งโป๊กส่งออกเดี้ยง (02/04/2556)

ประธานสภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือฯซัดแบงก์ชาติไร้มาตรการชัด? ทำเงินบาทแข็งค่า 4.51%มูลค่าการส่งออกเดือนกุมภาพันธ์ลดลง 5.83%? นักวิชาการชี้หากปล่อยแข็งค่าต่อเนื่องถึงระดับ 27 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐส่งออกอาการหนักแน่? ด้านนายแบงก์เชื่อบอร์ดกนง.เมินเสียงเรียกร้องยังคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.75%ต่อเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

 

นายไพบูลย์ พลสุวรรณา ประธานสภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย หรือ สภาผู้ส่งออก เปิดเผยว่าจากการที่เงินบาทแข็งค่าขึ้น4.51%นับจากเดือนมิถุนายนปี2555 โดยที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ไม่ได้มีการกำหนดมาตรการที่ชัดเจนได้ส่งผลกระทบทำให้มูลค่าการส่งออกเดือนกุมภาพันธ์ 2556 ในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐลดลง 5.83% โดยมียอดส่งออกรวม 17,928 ล้านดอลลาร์ เมื่อคำนวณกลับมาในรูปเงินบาท มีมูลค่าเพียง 529,529.6? ล้านบาท

 

ส่วนภาพรวมการส่งออก 2 เดือนแรกปีนี้ ผลจากการที่เดือนมกราคม 2556 การส่งออกในรูปดอลลาร์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 16.9% ในขณะที่เดือนกุมภาพันธ์ลดลง ส่งผลทำให้การส่งออกเฉลี่ย 2? เดือนแรกยังคงเพิ่มขึ้นอยู่ แต่เพิ่มขึ้นเพียง 4.09% เท่านั้น และเมื่อคำนวณมูลค่ากลับมารูปเงินบาท พบว่ามูลค่าการส่งออกของไทยลดลงแล้ว 0.13%

 

นายไพบูลย์ กล่าวว่า สภาผู้ส่งออกคาดว่า การส่งออกปีนี้จะขยายตัวที่ 6.9%? เนื่องจากผลกระทบเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ส่วนตัวเลขการส่งออกจะเติบโตได้ในระดับ 9 %ตามที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าไว้ นั้นยอดส่งออกจะต้องทำให้ได้เดือนละ 20,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ตัวเลขที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศออกมาล่าสุดพบว่าอยู่ที่ระดับประมาณ 18,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น

 

สำหรับผลกระทบต่อการขาดแคลนพลังงานที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเดือนเมษายนปีนี้ เนื่องจากการหยุดส่งก๊าซธรรมชาติจากประเทศเมียนมาร์นั้นหากเกิดขึ้นจริงจะมีผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมคิดเป็นมูลค่าถึง 4,404.59 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ กระทบ 796.41 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ยานยนต์ 566.03 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เครื่องจักรและอุปกรณ์ 402.04 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม 300.06 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม สภาผู้ส่งออกหวังว่า รัฐบาลจะมีแนวทางที่ชัดเจนมากขึ้นในการจัดการพลังงาน

 

นายรติดนัย หุ่นสวัสดิ์ อาจารย์คณะเศรษฐาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ขณะนี้ เงินบาทแข็งค่าขึ้น 4.51%ส่งผลกระทบต่อการส่งออกทำให้มูลค่าที่แท้จริงที่ได้รับจากการส่งออกลดลง? 1.03% นับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2555 หากเงินบาทยังคงแข็งค่าอีก 1 ปี 4 เดือนนับจากนี้ไปจะแข็งค่าขึ้นอีก 15 %อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 27 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จะกระทบการส่งออกที่รุนแรงกว่านี้

 

นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายธุรกิจลูกค้ารายย่อย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) (CIMBT) กล่าวว่าในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 3 เมษายน 2556นี้คาดว่ากนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.75%หลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจในเดือนกุมภาพันธ์ 2556 ยังทรงตัว แม้ว่าการส่งออกจะชะลอตัว แต่มีการลงทุนของภาครัฐเข้ามาทดแทนและกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตได้ดีถึงดีมาก ดังนั้น เรื่องของดอกเบี้ยจึงไม่มีความจำเป็นที่ต้องผ่อนคลาย หรือใช้ดอกเบี้ยต่ำ เพราะเศรษฐกิจขยายตัวได้ ส่วน พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท มองว่าเป็นการลงทุนในระยะยาวที่ดี ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และการจ้างงาน เพราะจะมีการทยอยกู้เงิน เพื่อลงทุนในโครงการต่างในอนาคต

 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินในทิศทางเดียวกันว่ากนง.น่าจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.75% ซึ่งถือเป็นระดับที่สามารถสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจได้ดี ขณะที่การลดดอกเบี้ยอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อความไม่สมดุลของเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจในระยะยาว

 

อนึ่งก่อนหน้านี้ผู้ส่งออกรวมทั้งนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมตรีและรมว.คลังออกมาเรียกร้องให้กนง.พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อสกัดกั้นการไหลเข้าของเงินทุนต่างประเทศที่เข้ามาเก็งกำไร และเป็นการช่วยลดแรงกดดันไม่ให้เงินบาทแข็งค่า แต่ทางกนง.และแบงก์ชาติก็ยัคงยืนยันที่จะตรึงอัตราดอกเบี้ย ด้วยเหตุผลว่าเริ่มเห็นสัญญาณฟองสบู่ในกลุ่มธุรกิจอสังหาและการเงิน หากลดดอกเบี้ยหวั่นจะไปกระตุ้นให้ฟองสบู่แตกเร็วขึ้น

 

ขณะที่นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สศค.ได้ปรับลดประมาณการณ์ ตัวเลขการส่งออกในปี 2556 จากเดิมที่ 10.5% เหลือ9% เนื่องจากได้รับผลกระทบของค่าเงินบาทที่แข็งค่า ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อตัวเลขการส่งออกของไทยในปีนี้ รวมถึงปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจโลก

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า (วันที่ 2 เมษายน 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ของแพงดันเงินเฟ้อพุ่ง พาณิชย์การันตียังเอาอยู่ (02/04/2556)

เงินเฟ้อเดือนมีนาคมพุ่ง 2.69% จากแรงกดดันของราคาผัก-ผลไม้ที่ปรับตัวสูงขึ้น อ้างปัญหาภัยแล้ง ผลผลิตตกต่ำ ของมีน้อย ขณะที่พาณิชย์ยังมั่นใจเงินเฟ้อทั้งปีอยู่ในกรอบ 2.80-3.40%เพราะรัฐบาลยังคงมาตรการช่วยเหลือด้านค่าครองชีพให้กับประชาชน

 

นางวัชรี วิมุกตายน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป หรืออัตราเงินเฟ้อเดือนมีนาคม 2556 ว่า เท่ากับ 104.73 หรือ สูงขึ้น 2.69% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นการปรับตัวสูงขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลง และจากการสูงขึ้นของราคาสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์? 3.66 %

 

โดยดัชนีราคาข้าว แป้ง และผลิตภัณฑ์จากแป้ง สูงขึ้น 0.64% หมวดเนื้อสัตว์ เป็ด ไก่ และสัตว์น้ำ สูงขึ้น? 6.63% และผัก ผลไม้ สูงขึ้น 9.01%? ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคของประเทศเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา (กุมภาพันธ์ 2556) สูงขึ้น 0.07%

 

ปัจจัยหลักมาจากการเคลื่อนไหวของราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้น 0.26% โดยเฉพาะหมวดผัก และผลไม้ สูงขึ้น2.80% เนื่องจากหลายพื้นที่ประสบภัยแล้ง ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตลดลง กดดันให้ราคาสูงขึ้น ขณะที่ เนื้อสุกร ไก่สด และไข่มีราคาลดลง เนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้น

 

ขณะที่ อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยในระยะ 3 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-มีนาคม ) สูงขึ้น3.09% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน? ซึ่งเป็นไปตามภาวะการบริโภค และอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพ เนื่องจากแรงกดดันต่อภาวะเงินเฟ้อด้านราคาสินค้าไม่ได้สูงมากนัก ประกอบกับรัฐบาลยังคงมาตรการดูแล และควบคุมราคาสินค้าและพลังงาน

 

โดยกระทรวงพาณิชย์ คาดการณ์ว่า ในไตรมาสที่ 2 เงินเฟ้อเฉลี่ยน่าจะอยู่ที่ 3.1% เนื่องจากผลผลิตทางการเกษตร อาทิ ผัก ไข่ไก่ เนื้อหมู ปาล์มน้ำมันจะเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติตั้งแต่เดือนพฤษาคมเป็นต้นไป ทั้งนี้ยังเชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อ ปี 2556 จะอยู่ในกรอบ 2.80 - 3.40% ภายใต้สมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบ ที่ 100 - 120 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ย 28.5 - 32.5 บาทต่อเหรียญสหรัฐ และรัฐบาลยังคงมาตรการดูแลค่าครองชีพออกไปต่อเนื่อง

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า (วันที่ 2 เมษายน 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...