ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก : ดอลล์แข็งค่า เหตุวิตกศก.โลกหนุนนักลงทุนถือดอลล์ (18/04/2556)

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (17 เม.ย.) เนื่องจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์สหรัฐซึ่งเป็นสกุลเงินที่ปลอดภัย

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 97.85 เยน จากระดับของวันอังคารที่ 97.43 เยน และดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.9338 ฟรังค์ จากระดับ 0.9214 ฟรังค์

 

ค่าเงินยูโรร่วงลงแตะระดับ 1.3013 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3191 ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินปอนด์ดิ่งลงแตะระดับ 1.5237 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5370 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลงแตะระดับ 1.0292 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0381 ดอลลาร์สหรัฐ

 

นักลงทุนแห่ซื้อสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเพราะมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกสู่ระดับ 3.3% ในปี 2556 ซึ่งลดลง 0.2% จากที่ประเมินไว้เมื่อเดือนม.ค.

 

รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกฉบับล่าสุดของไอเอ็มเอฟคาดว่า เศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 4.0% ในปี 2557 ซึ่งเป็นระดับเดียวกับที่คาดไว้ก่อนหน้านี้

 

“การคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจโลกได้ปรับตัวดีขึ้นอีกครั้ง แต่แนวโน้มการฟื้นตัวในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วจะยังคงไม่ราบรื่น" ไอเอ็มเอฟระบุ ก่อนการประชุมฤดูใบไม้ผลิของไอเอ็มเอฟและธนาคารโลกที่มีกำหนดจะเปิดฉากขึ้นในวันที่ 19 เม.ย.

 

ไอเอ็มเอฟเปิดเผยว่า กลุ่มประเทศพัฒนาแล้วจะขยายตัว 1.2% ในปีนี้ ซึ่งต่ำกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้อยู่ 0.1% และจะมีการเติบโต 2.2% ในปีหน้า ซึ่งเพิ่มขึ้น 0.1% จากคาดการณ์ก่อนหน้านี้ ส่วนกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่และกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาจะขยายตัว 5.3% ในปีนี้ และ 5.7% ในปีหน้า ซึ่งลดลง 0.2% และ 0.1% ตามลำดับ จากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้

 

เงินปอนด์ร่วงลงหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษเปิดเผยว่า จำนวนคนว่างงานเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 1 ปี ขณะที่อัตราการขยายตัวของค่าจ้างชะลอตัวลง นับเป็นอีกหลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่า ตลาดแรงงานของอังกฤษกำลังย่ำแย่อันเนื่องมาจากเศรษฐกิจที่อ่อนแอ

 

นักลงทุนจับตาดูกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 13 เม.ย.ในวันนี้เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์คาดว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 350,000 ราย จากสัปดาก์ก่อนหน้าที่ระดับ 346,000 ราย

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 18 เมษายน 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คน​ไทย​แห่ตุนทอง ราคาดิ่ง​เหว2.4พัน กว้านซื้อ​แหลก​เ​ก็งกำ​ไร (18/04/56)

คน​ไทย​แห่ตุนทอง ราคาดิ่ง​เหว2.4พัน กว้านซื้อ​แหลก​เ​ก็งกำ​ไร ​เตือน​แนว​โน้มลดลงอีก ​โต้ง​โวผันผวนระยะสั้น

คน​ไทย​แตกตื่นราคาทองคำ​ในประ​เทศร่วงลงอย่างหนักตามราคาตลาด​โลก ​แห่ซื้อ​เ​ก็บ​ทั้ง​เพื่อลงทุน​และ​เ​ก็งกำ​ไร จนร้านทอง​ไม่พอขาย

 

​ทั้งนี้​ใน​การ​เปิดตลาดวัน​แรกของสัปดาห์นี้ ​เมื่อวันพุธที่ 17 ​เม.ย. หลังร้านทองหยุดยาวช่วง​เทศกาลสงกรานต์มาตั้ง​แต่ 13-16 ​เม.ย. ทางสมาคมค้าทองคำ​ได้ประกาศราคาขายทองคำประจำวันลดลงจาก​เมื่อวันศุกร์ที่ 12 ​เม.ย.​ถึงบาท(น้ำหนักทอง)ละ 2,350 บาท ​โดยทองคำ​แท่งรับซื้อที่บาทละ 18,900 บาท ขายออก 19,000 บาท ส่วนทองรูปพรรณรับซื้อ 18,631.64 บาท ขายออก 19,400 บาท

 

ทอง​ไทยดิ่งหนัก2,400บาท

​โดยตลอด​ทั้งวันยังมี​การประกาศปรับราคาซื้อขายตลอด​ถึง 8 ครั้ง ครั้งสุดท้าย​เวลา 14.58 น. ตั้งราคารับซื้อทองคำ​แท่งที่บาทละ 18,850 บาท ขายออก 18,950 บาท ส่วนทองรูปพรรณรับซื้อที่ 18,571 บาท ขายออก 19,350 บาท สรุปว่า ราคาทองล่าสุดลดลงรวมบาทละ 2,400 บาท

 

​การที่ราคาทองคำ​ในประ​เทศลดลงอย่างหนัก​เช่นนี้ ​เป็นผลจากราคาทองตลาด​โลกดิ่งตัวลงอย่างรุน​แรงช่วงที่​ไทยหยุดยาวสงกรานต์ ​ไป 4 วัน ​โดยราคาตลาด​โลกวันศุกร์ที่ 12 ​เม.ย.​เริ่มที่ 1,580 ​เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ​แล้วลดลงต่อ​เนื่อง​ถึงวันจันทร์ที่ 15​เม.ย.​เหลือ 1,320 ​เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ลดลง 260​เหรียญต่อออนซ์ ก่อนที่สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์ก (COMEX:Commodity Exchange) จะดีดตัวขึ้นบ้าง​เมื่อคืนวันที่ 16 ​เม.ย.ปิดที่ 1,387.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ​เพราะ​ได้​แรงหนุนจาก​การที่นักลงทุน​เข้ามาช้อนซื้อ​เ​ก็งกำ​ไร อย่าง​ไร​ก็ตามราคาทองคำตลาด​โลก​ก็ยังต่ำสุด​ในรอบ 2 ปี

 

​แห่ซื้อทอง​เ​ก็บ​เ​ก็งกำ​ไร

ราคาทอง​ในประ​เทศที่ร่วงตามตลาด​โลกอย่างรุน​แรง ส่งผล​ให้ร้านขายทอง​ทั้ง​ในกรุง​เทพ​และต่างจังหวัด มีคน​แห่​ไปซื้อกันอย่างคึกคัก​เนื่อง​แน่น ​โดย​เฉพาะที่ร้านฮั่ว​เซ่ง​เฮง ย่าน​เยาวราช มี​ผู้​ไปรอซื้อทองตั้ง​แต่ร้าน​เปิด 09.30 น. จนร้านทองขายทอง​ไม่ทัน ต้อง​แจกบัตรคิว​ให้มารับทองอีกครั้งวันที่ 24 ​เม.ย. ​เนื่องจากปริมาณทอง​แท่ง​ไม่​เพียงพอต่อ​การจำหน่าย ขณะที่ประชาชน​ให้​เหตุผลที่มาซื้อทอง ​เนื่องจาก​เห็นว่า ราคาถูกลงมาก ​จึงซื้อสะสม​และบางส่วน​ก็ซื้อ​เพื่อ​การลงทุน

 

ที่จ.นครสวรรค์ ร้านค้าทองคำบนถนน​โกสีย์ ที่ตั้ง​เรียงรายกว่า 10 ร้าน ​ในตลาดปากน้ำ​โพ ​ก็​เต็ม​ไปด้วยคนที่​แห่มาซื้อทอง ส่วน​ใหญ่​เลือกซื้อทองคำรูปพรรณ ​ไม่​เน้นลวดลาย ​เพราะหวัง​เ​ก็บ​ไว้​เ​ก็งกำ​ไร ​โดยนางอัจฉรา ​เกิดวาระ อายุ 42 ปี ชาว อ.ชุม​แสง ที่มาซื้อทองระบุ ทราบข่าวว่า ราคาทองคำน้ำหนัก 1 บาท ลดลงต่ำกว่า 2 หมื่นบาท ​จึงตัดสิน​ใจซื้อ​เ​ก็บ​ไว้​เ​ก็งกำ​ไร​ในอนาคต

 

“ฮั่ว​เซ่ง​เฮง” ชี้ราคาอาจลงอีก

ด้านนายธนรัชต์ พสวงศ์ กรรม​การ​ผู้จัด​การ บริษัทฮั่ว​เซ่ง​เฮง ​โกลด์ ฟิว​เจอร์ส ชี้ว่า ปัจจัยที่​ทำ​ให้ราคาทองช่วงนี้ลดลง มาจากธนาคารกลาง​ไซปรัสประกาศขายทองคำ 10 ตัน​เพื่อ​ใช้หนี้ ส่งผล​ให้มี​ความกังวลว่า ธนาคารกลางกลุ่มยุ​โรป​โซน อาทิ ส​เปน ​โปรตุ​เกส​และอิตาลี ​ก็มี​แนว​โน้มจะ​เทขายทองตาม ประกอบกับตัว​เลขจีดีพี​ไตรมาส1ของจีน​โต​แค่ 7.7% ต่ำกว่าที่คาดว่าจะ​โต 8%

 

“นักลงทุนควรระวัง ​แนว​โน้มราคาทองยังอยู่ช่วงขาลง หลังหลุด​แนวรับ1,520 ดอลลาร์ต่อออนซ์​ซึ่ง​เป็นระดับต่ำสุด​เมื่อปี 2555 ​โดยมี​แนวต้านที่ 1,400 ดอลลาร์ ​แต่นักลงทุนที่ซื้อทองคำ​แท่ง​ไว้​แล้ว ​ให้ถือครองต่อ​ไประยะหนึ่ง ​เพราะหากมอง​ในระยะ 3 ปี ราคาทองอาจกลับมาสูงขึ้น​ได้อีกครั้ง จาก​การที่อัตรา​เงิน​เฟ้อสูงขึ้น ส่วนนักลงทุนที่สน​ใจลงทุน​ให้ทะยอยซื้อสะสม”

 

ศูนย์วิจัยทองคำชี้​เทคนิคขาลง

ราคาทองที่ดิ่งหนัก ​ทำ​ให้ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า(TFEX) ต้องประกาศหยุด​ทำ​การซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับทอง (Gold Futures) ​และ​เงิน ( Silver Futures)​ทั้งหมดชั่วคราว​ในวันที่ 17 ​เม.ย.ตั้ง​แต่​เวลา 9.45 น. ​แต่​ก็​เปิดซื้อขายอีกครั้ง​เวลา 10.15 น.

 

ด้านศูนย์วิจัยทอง​โดยนายกมลธัญ พร​ไพศาลวิจิต​และดร.ภูษิต วงศ์หล่อสายชลชี้​ถึง​การที่ราคาทองคำร่วงหนักว่า ตลาดทองส่งสัญญาณตลาดหมีมาพัก​ใหญ่ ​เห็น​ได้จาก​แรงขายของกองทุนขนาด​ใหญ่อย่างต่อ​เนื่อง ​และมีปัจจัยพื้นฐานสนับสนุน​การอ่อนตัวของราคาทองคำ ​ทั้งข่าว​ไซปรัสขายทอง,​การคาด​การณ์สิ้นสุดของมาตร​การสภาพคล่องสหรัฐ รวม​ถึง​ความ​เสี่ยงด้าน​เงิน​เฟ้อที่ชะลอตัวตาม​การ​เติบ​โตของประ​เทศ​ เศรษฐกิจ​เกิด​ใหม่​โดย​เฉพาะจีนที่​เติบ​โต​ไตรมาส 1 ต่ำกว่าที่คาดกัน

 

“​เมื่อมองปัจจัยทาง​เทคนิคที่​เชื่อว่า ​เป็นสา​เหตุ​ให้มี​แรงขายจำนวนมาก หลังราคาหลุดระดับ 1,500 ​เหรียญ​ซึ่ง​เป็นกรอบ Sideway ช่วงกว่าปีครึ่งที่ผ่านมา ​ทำ​ให้ทาง​เทคนิคราคา​เข้าสู่ช่วงขาลง“

 

ทางศูนย์วิจัยทองคำยังชี้ว่า ราคาทองคำช่วงวันหยุดสงกรานต์ของ​ไทย​ไม่​ได้อยู่​เหนือ​ความคาดหมายมากนัก ​เพียง​แต่​การลดลงครั้งนี้ค่อนข้างรุน​แรง​และรวด​เร็วอย่างคาด​ไม่​ถึง ​จึงส่งผลทางจิตวิทยาระยะสั้นต่อนักลงทุน ​ทำ​ให้​เกิด​ความ​ไม่​เชื่อมั่นว่า ทองคำจะ​เป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุน ​แต่ถ้าพิจารณา​ให้ดี​แล้ว ราคาที่ลดลงครั้งนี้​ไม่​ใช่​เกิดจากปัจจัยพื้นฐานอย่าง​เดียว ​แต่ยัง​เกิดจากปัจจัยด้าน​เทคนิค ​ทำ​ให้ตลาด​เกิดอา​การ Panic selling ​ซึ่ง​เมื่อปัจจัยดังกล่าวหมด​ไป ราคาทองคำจะค่อยๆฟื้นขึ้น ​แต่อาจฟื้นตัว​ได้​ไม่มาก ​เนื่องจาก​แนว​โน้ม​ใหญ่ยัง​เป็นขาลง

 

​โต้ง​เชื่อผันผวน​แค่ระยะสั้น

ด้าน นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ​และรมว.คลัง ​เห็นว่า ราคาทองคำขณะนี้​เป็น​การผันผวนระยะสั้น ​เพราะ​โดยปกติทองคำถือ​เป็นสินทรัพย์ที่มี​ความมั่นคงสูง​ไม่ค่อยผันผวน ด้านราคามากนัก รวม​ทั้ง​เป็นสินทรัพย์ที่มี​ความมั่นคงระยะยาว ​ซึ่งราคาที่ตกลงขณะนี้ต้อง​เอา​ไป​เปรียบ​เทียบกับสกุล​เงินต่างๆที่​ เคลื่อน​ไหว​เปลี่ยน​แปลงด้วย ​จึงจะรู้ว่า ราคาลดลง​ไปมากน้อย​เพียง​ใด

 

ส่วนกรณีที่มี​การ​เ​ก็งกำ​ไรราคาทองคำช่วงนี้ นายกิตติรัตน์ชี้ว่า ​เป็น​เรื่องปกติ ​เพราะ​ในช่วงที่ผ่านมา​ก็มี​การ​เ​ก็งกำ​ไรสินทรัพย์ต่างๆ รวม​ทั้งทองคำ ช่วงที่ราคาขึ้น​ก็มีคน​ได้กำ​ไร​ไป​แล้ว ส่วนบางคน​ก็ขาดทุน​เมื่อราคาลดลง ​เป็น​เรื่องปกติ

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์​แนวหน้า (18/04/56)

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดร่วง $4.7 เหตุนักลงทุนเดินหน้าเทขาย (18/04/2556)

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (17 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเทขายทองคำ เพราะมองว่าทั้งตลาดทองคำและตลาดหุ้นไม่ใช่แหล่งการลงทุนที่ปลอดภัยในระยะนี้ จึงหันไปถือครองสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐซึ่งมีความปลอดภัยมากกว่า

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ร่วงลง 4.7 ดอลลาร์ หรือ 0.34% ปิดที่ 1,382.7 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.ลดลง 32.1 เซนต์ ปิดที่ 23.307 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนพ.ค.ลดลง 11.85 เซนต์ ปิดที่ 3.1880 ดอลลาร์/ปอนด์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.ปิดที่ 1,435.40 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 15.20 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดที่ 661.40 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 16.80 ดอลลาร์

 

สัญญาทองคำยังคงปรับตัวลดลงเนื่องจากนักลงทุนเทขายสัญญาทองคำและหันไปถือครองสกุลเงินดอลลาร์ซึ่งนักลงทุนมองว่ามีความปลอดภัยมากกว่าในยามที่ตลาดหุ้นร่วงลงอย่างหนักเช่นนี้

 

นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังร่วงลงหลังจากโกลด์แมน แซคส์ ปรับลดคาดการณ์ราคาทองคำในระยะเวลา 3 เดือนลงมาอยู่ที่ระดับ 1,615 ดอลลาร์/ออนซ์ จากระดับ 1,825 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ส่วนในระยะเวลา 6 เดือนนั้น โกลด์แมน แซคส์ ยังได้ปรับลดคาดการณ์ราคาทองคำลงมาอยู่ที่ระดับ 1,600 ดอลลาร์/ออนซ์ จากระดับ 1,805 ดอลลาร์/ออนซ์ และปรับลดคาดการณ์ราคาทองคำในระยะเวลา 12 เดือนลงมาอยู่ที่ระดับ 1,550 ดอลลาร์/ออนซ์ จากระดับ 1,800 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 18 เมษายน 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

17 เมษายน 2556 20:24

ทองลดราคา!ไม่ป้องกันความเสี่ยง เจอ2เด้ง

 

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

สานุพงษ์"ระบุราคาทองคำที่ปรับตัวลงในตลาดโลก ถ้าไม่ป้องกันความเสี่ยงเจอปัญหา2เด้ง คือค่าบาทแข็งและราคาทองลด

 

นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล นักวิเคราะห์กองทุนทองคำ บล. ฟิลลิป ให้สัมภาษณ์ เรื่อง "กองทุนทองคำผันผวน ตามราคาทองแท่ง" หลังจากที่ราคาทองปรับลดลง 8 ครั้งในวันนี้ (17เม.ย.)

 

นายสานุพงษ์ กล่าวว่า การที่ราคาทองคำปรับลง ในส่วนกองทุนทองคำก็คงหนีไม่พ้นปรับตัวลดลงตามราคาทองคำ จะมากหรือน้อยขึ้น อยู่กับกองทุนนี้มีนโยบายการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนแบบไหน ถ้ามีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนใกล้เคียงกับราคาทองคำที่ปรับตัวลงในตลาดโลก ถ้าไม่ป้องกันความเสี่ยงเจอปัญหา 2 เด้ง คือในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยน เพราะว่าช่วงต้นปีที่ผ่านมา เงินบาทแข็งค่า กองทุนก็จะขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนด้านหนึ่งแล้ว ส่วนเด้งที่ 2 โดนราคาทองคำอีก

 

"กรณีค่าเงินบาทแข็งค่าเป็นประวัติการณ์ลงไปถึง 28.80 บาท แข็งที่สุดตั้งแต่ปี2540 ที่ผ่านมา ตรงนี้จะเป็นตัวช่วยที่ตอกย้ำให้ผลตอบแทนกองทุนทองคำนั้นปรับลดลงไปอีก กองทุนที่ไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน ก็เปลี่ยนเป็นกอง ที่ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนไว้แล้วจะไม่มีปัญหา ในเรื่องของอัตรแลกเปลี่ยนของค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ถ้าดูผลตอบแทนต่างกันมากพอสมควร กองทุนที่ป้องกันความเสี่ยงอยู่ที่ประมาณ -3%กว่าๆ ถ้าเป็นกองที่ไม่ป้องกันความเสี่ยง -7%, 8% ก็ต่างกันมาก"นายสานุพงษ กล่าว

 

นายสานุพงษ์ กล่าวว่า ถ้ามองดูภาพรวมผลตอบแทนกองทุนทองคำในช่วงนี้ รวมถึงเอ็นเอวีมีการปรับลดมาก สัปดาห์ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้น่าจะลดไปประมาณสัก 10 % กว่าๆ ถ้าเกิดเป็นกองที่ไม่ ป้องกันความเสี่ยงน่าจะลดมากกว่านั้น น่าจะ 10 % กว่าๆถึงเกือบ 20%

 

นายสานุพงษ์ กล่าววว่า บรรดานักลงทุนที่เคยมองเอาไว้ว่าจะลงทุนให้กองทุนทองคำ เป็นกองทุนที่มีความปลอดภัย มองยาวๆจะส่งผลให้มุมมองของบรรดานักลงทุน เปลี่ยนแปลงไปสามารถแยกได้เป็น 2 ประเด็น ถ้าเป็นระยะสั้น น่าจะมีการแกว่งตัวแรงลดไปอยู่ระดับ 1,300 - 1,250 ดอลลาร์ แนวโน้มไม่ค่อยดีอาจจะมีการปรับตัวลดลงได้อีก ระยะสั้นอาจจะมี การขึ้นกลับมาบ้าง คิดว่าไม่น่าเกิน 1,450-1,520 ดอลลาร์ ถ้าเป็นระยะสั้นนักลงทุนที่ต้องการ เก็งกำไรหลีกเลี่ยงก่อน หรือว่าถ้ามีอยู่แล้วอาจจะให้ขายตอนที่ราคามีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ทยอยออกขายไปน่าจะดีกว่า สำหรับคนที่ลงทุนระยะยาว และต้องการเก็บสะสมทองคำ ถ้าเป็นระยะยาวตรงนี้คือโอกาสปรับตัวลดลงมาหลายๆ คน ก็เข้าไปสะสมทองคำเพิ่มเติม ตรงนี้ ถือเป็นโอกาสในระยะยาวมากกว่า

 

นายสานุพงษ์ กล่าวว่า ภาพรวมราคาทองคำตอนนี้เองน่าจะไม่ผ่าน 1,450 ดอลลาร์ จะมีแนวต้านอยู่ประมาณ 1,450 ปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุ 1,450 ดอลลาร์ ก็ยังมี 1,520 ดอลลาร์ค่อน ข้างยาก ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น

 

"มีโอกาสทำให้ทองคำปรับขึ้นไปอีก โดยถ้าระยะยาวยังมีปัจจัยบวกอีกมาก หลังจากโดนความกังวลเรื่องไซปรัส ทั้งเรื่องการเท ขายทองนักลงทุนจริงๆ ก็ยังมีปัจจัยบวกอย่างเช่นการออกคิวอีประเทศพัฒนาแล้ว ทั้งสหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่นปล่อยเม็ดเงินออกมามหาศาล อันนี้เป็นตัวหนุนทองในระยะยาวอยู่ ถ้ายังมีคิวอีอยู่ ความเสี่ยงในเรื่องของเงินเฟ้อยังมีอยู่ เพราะว่าแต่ละประเทศก็ปั๊มเงินออกมาในระบบ ในอนาคตยัง มีคนกังวลเรื่องภาวะเงินเฟ้อในอนาคตอยู่เหมือนกัน อีกปัจจัยหนึ่งที่คิดว่าสำคัญก็คือธนาคาร กลางที่ผ่านๆ มา ก่อนหน้านี้ 20 ปีที่ผ่านมา คือธนาคารกลางขายทองออกมา เพิ่งมี 2-3 ปี หลังที่กลับเข้ามาซื้อแล้วซื้อเป็นจำนวนมากด้วย ตรงนี้น่าจะยังเห็นอยู่ ตรงนี้ก็จะเป็นตัวช่วยพยุงราคาทองเอาไว้ได้เหมือนกัน"

 

นายสานุพงษ์ กล่าวอีกว่า กองทุนเอทีเอฟไม่มีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน บาทแข็งตอนนี้ก็จะโดน 2 เด้ง เหมือนกองทุนที่ไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน ตอนนี้ถ้าเป็นกองทุนทองคำก็มีทางเลือกให้เป็นกองทุนเปิด

 

นายสานุพงษ์ กล่าวอีกว่า เท่าที่ดูธนาคารกลางหลายๆ ประเทศก็ยังไม่มีแนวโน้มที่จะปรับลดการถือทองคำลง ยก เว้นยุโรป ช่วงที่ผ่านมา 2-3 ปีก่อนหน้า ก็มีเรื่องไอเอ็มเอฟที่ขายทองออกมา แต่อินเดียรับไป หมดตรงนั้นเป็นบวกกลับขึ้นมาทำให้ราคาทองจากที่ลงๆ อยู่พลิกกลับขึ้นมาบวก ภาพยังเป็นอย่างนั้นอยู่ในส่วนของธนาคารกลางที่เป็นตลาดเกิดใหม่ต้องการซื้อทองเข้าไปอยู่ ถ้าเป็นช่วงสั้นๆ คิดว่าใช่ เพราะว่าเศรษฐกิจสหรัฐปรับตัวดีขึ้น ความเชื่อมั่นในสกุลดอลลาร์มีมากขึ้น ก็จะกลับไปมองที่ตัวยูเอสดอลลาร์เป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยที่สุดเหมือนกัน เศรษฐกิจที่ยังเปราะบางอยู่ของสหรัฐเป็นตัวที่พลิกผันกลับกลายเป็นว่าทองกลายเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยอีกครั้งหนึ่งก็ได้เหมือนกัน ถ้าเกิดมีทองอยู่ในพอร์ตสักประมาณ 10 % ไว้เป็นตัวป้องกันเป็นหลักประกันเอาไว้หากเกิดเหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้น ทั้งในยุโรป สหรัฐ จะเป็นตัวช่วยอัตราตอบแทนของพอร์ต

 

http://www.bangkokbiznews.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทองคำสัญญาณเตือนภัยของตลาดเงิน (Currency)

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 เมษายน 2556 14:34 น.

 

 

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นกับราคาของทองคำที่มีการปรับตัวลงกว่า 220 ดอลล่าร์ ต่อ ออนซ์ ในเวลา 2 วัน การปรับลงอย่างรุนแรงเช่นนี้ย่อมไม่ใช่เหตุธรรมดาอย่างแน่นนอน ขณะนี้ตามหัวข้อข่าวต่างๆคงหาเหตุผลการปรับตัวลงของราคาเช่น

 

รัฐบาลของประเทศไซปรัสต้องเทขายทองคำออกมาเพื่อใช้หนี้ อิตาลีก็เช่นเดียวกัน และอื่นๆ

 

 

กองทุน Hedge Fund เทขายเพื่อทำกำไร โดยเฉพาะ จอร์จ โซรอส

 

 

สัญญาณทางเทคนิค แสดงสถานะขาย และมีข่าวร้ายๆมากมายเกี่ยวกับทองคำออกมา

 

 

ปัญหาของสหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป มีสัญญาณที่ดี และอื่นๆ

 

 

 

สิ่งเหล่านี้คือการหาเหตุระยะสั้น เฉพาะหน้าเพื่อมาอธิบายกันมาตลอด

การขายทองคำที่เป็นทุนสำรอง หรือการขายในปริมาณมหาศาลจะไม่มีการขายให้ตลาด แต่จะขายด้วยการเจรจาและตกลงราคาซื้อขายกัน โดยมีการอ้างอิงจากราคาตลาดโลก

การขายทำกำไรของกองทุน Hedge Fund หากเป็นของ จอร์จ โซรอส นั้น มีการขายออกมานานพอสมควรแล้ว และมีข่าวออกตามสื่อโดยทั่วไป การเคลื่อนไหวของ จอร์จ โซรอส นั้น นักลงทุนทั่วโลกจะติดตามเสมอ เพราะถือได้ว่าเป็น นกรู้ ( Insider ) คนหนึ่งของโลก ที่เห็นภาพการเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจและการลงทุนก่อนคนอื่นๆในโลก และยังมีอีกบุคคลหนึ่งที่ถือว่าเป็นบุคคลสำคัญในวงการ Hedge Fund คือ จอห์น พอลสัน ที่มีชื่อเสียงมากในช่วงวิกฤต แฮมเบเกอร์ ที่ลงทุนในฝั่งขายของตราสาร CDO ซึ่งมีไม่กี่คนที่ถือสถานะ ขาย ทำให้ จอห์น พอลสัน ทำกำไรได้มหาศาลจากการหายนะทางเศรษฐกิจของ สหรัฐอเมริกา ช่วงปี 2008

ขณะนี้ พอร์ตการลงทุนของ จอห์น พอลสัน ตั้งแต่ปี 2012 ถือครองทองคำผ่านกองทุน ETF ถึง 25% และถือหุ้นเหมืองทองคำ 3 แห่ง อีกเกือบ 18% ( ซึ่ง1ใน 3 จะได้สัมปทานเหมืองทองคำในพม่า) ทำให้สัดส่วนการถือสินทรัพย์ที่เป็นทองคำถือเป็นสัดส่วน 45% ของพอร์ตการลงทุนมูลค่า 16,267 ล้านดอลล่าร์

การถือทองคำในปริมาณมหาศาลและยังคงถือครองอยู่ อาจเป็นสัญญาณบอกเหตุบางอย่างของนัก Insider ผู้นี้

ในการถือครองทองคำในโลกนี้ มีผู้ครอบครองเป็น 2 กลุ่มคือ ธนาคารกลาง ( Central Bank) ของแต่ละประเทศถือครองเพราะป้องกันการเสื่อมค่าของเงิน ดอลล่าร์สหรัฐอเมริกาและเป็นทุนสำรองมีปริมาณมูลค่าประมาณ 1.6 ล้านล้านเหรียญ อีกกลุ่มคือ นักลงทุน และประชาชนทั่วไปถือครองมีปริมาณมูลค่าประมาณ 9 ล้านล้านเหรียญ

แต่ยังคงมีทองคำอีกประเภทหนึ่งที่มีการ ซื้อ-ขาย กันมี มูลค่าประมาณ 1.1 ล้านล้านล้านเหรียญ คือ สัญญาทองคำที่ ซื้อ-ขาย กันในตลาดล่วงหน้าที่ส่งมอบเป็นเงินแทนทองคำ หรือ ที่รู้จักกันว่า สัญญาทองคำ ซื้อ-ขาย ล่วงหน้า (Gold-Future) ที่มีตลาด CME (Chicago Mercantile Exchange)เป็นศูนย์กลางมีการ ซื้อ-ขาย กัน เกือบ 24 ชั่วโมง ซึ่งตลาด CME นี้จะชี้นำราคาทองคำทั่วโลก และตลาดที่ ซื้อ-ขาย Gold-Future ในแต่ละประเทศก็จะอ้างอิงตลาด CME นี้ (ซึ่งมหันตภัยของตลาดท้องถิ่นคือ เวลา เปิด-ปิด ของแต่ละตลาด ในขณะที่ตลาดอ้างอิง ซื้อ-ขาย เกือบ 24 ชั่วโมง) ด้วยเหตุนี้ จึงมีอิทธิพลต่อการกำหนดราคาทองคำ และสิ่งสำคัญที่สุดคือ ปริมาณสัญญาการซื้อ-ขายนั้นมี 4 ธนาคารใหญ่ในอเมริกาคือ JP Morgan Chase, Bank of America, Morgan Stanley และ Goldman Sachs ถือครองสถานะรวมกันประมาณ 40-50% ของปริมาณการซื้อ-ขายทั้งหมด และมี4 ธนาคารใหญ่ในยุโรปคือ Deutsche Bank, UBS, Credit Suisse และ Barclays ถือครองสถานะรวมกันประมาณ 8-15% ของปริมาณการซื้อ-ขายทั้งหมด จากข้อมูลนี้จะเห็นได้ว่า ธนาคาร ทั้ง 8 แห่งมีบทบาทสำคัญกับการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ และสามารถชี้นำราคาได้จากการสัมภาษณ์ และการออกบทวิเคราะห์ ( หลังวิกฤตการเงินในสหรัฐอเมริกา กรรมาธิการ การเงิน ของ วุฒิสมาชิก ได้ทำการสอบสวนผู้บริหารธนาคารเหล่านี้ มีช่วงหนึ่งที่ถูกซักว่า “ทำไมธนาคารออกบทวิเคราะห์ว่าให้ซื้อ ในขณะที่พอร์ตของผู้บริหารและของธนาคารขายออกมา” ไม่มีคำตอบและปัจจุบันเรื่องนี้ก็เงียบไป)

ในช่วงระยะเวลากว่า 8 เดือนที่ผ่านมา 4 ธนาคารใหญ่ในอเมริกา ถือสถานะ ขาย (Short-position) โดย เฉลี่ย 42-48% ของปริมาณสัญญาทั้งหมดในตลาด CME และ 4 ธนาคารใหญ่ในยุโรป ถือสถานะ ขาย (Short-position) โดย เฉลี่ย 5-10% เมื่อผู้ควบคุมตลาดไม่ต้องการให้ขึ้น จึงถือ สถานะขายมาตลอด (หลังจากลงมามากขนาดนี้ตรงรอดูรายงานจากตลาด CME (Chicago Mercantile Exchange)ที่จะรายงานทุกวัน ศุกร์ ถึงการถือครองสถานะ แล้วจะแจ้งให้ทราบอีกในโอกาสต่อไป)

แต่ที่สังเกตได้ว่าตั้งแต่การปรับลงของราคาทองคำรอบนี้ 4 ธนาคารใหญ่ในอเมริกา ลดปริมาณการถือครอง สถานะขาย มาโดยตลอด อาจสันนิฐานว่าเป็นการกดราคาลงเพื่อ ปิดสถานะ ก็เป็นไปได้ ถึงอย่างไรก็ต้องรอดูวัน ศุกร์ หน้าจากรายงาน

ทำไมถึงมีสัญญาณเตือนภัยในตลาดเงิน

ทองคำในอีกสถานะหนึ่งก็คือ ทางเลือกของอัตราแลกเปลี่ยน จากประวัติศาสตร์อันยาวนานของทุกภูมิภาคในโลก “ทองคำคือสินทรัพย์ที่แสดงถึงมูลค่าที่แท้จริงเพียงอย่างเดียวในการอ้างอิง”

จากเหตุการณ์ วิกฤตการณ์ทางการเงินในสหรัฐอเมริกาในปี 2008 และตามด้วย วิกฤติทางการเงินในยูโรโซน ในปี 2011-2012 แต่ละประเทศเลือกแก้ปัญหาหนี้สาธารณะด้วยการเพิ่มเงินเข้าไปในระบบผ่านสถาบันการเงินประกอบด้วย

 

 

สหรัฐอเมริกาได้ใช้มาตรการ QE 1,2 และ3 ออกมาทำให้มีปริมาณเงินดอลล่าร์ ออกในระบบเป็นปริมาณมหาศาล แต่การแก้ปัญหาด้วยการอัดเงินผ่านระบบธนาคาร เพื่อให้ภาคการเงินนำไปลงทุนเก็งกำไรในตราสารทางการเงินทั่วโลกจนเกิดสภาวะฟองสบู่ในหลายๆตลาด จากหลายๆมาตรการในการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจส่งผลให้ สหรัฐอเมริกามีหนี้สาธารณะสูงถึง 107% ของ GDP

 

 

ยูโรโซน ประสบปัญหาการเพิ่มขึ้นของหนี้สาธารณะจากการแก้ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากฝั่งสหรัฐอเมริกา และฟองสบู่ในอสังหาริมทรัพย์ใน ไอร์แลนด์ อังกฤษ และ สเปน จนลามไปถึงกรีซ ทำให้ ทำให้ ECB ต้องเข้ามาซื้อพันธบัตรที่ครบกำหนดของแต่ละประเทศ ตั้งกองทุน EFM เพื่อเข้าอุ้มธนาคารหลายแห่ง ทำให้หยุดวิกฤตได้ในระดับที่ดี การให้กรีซกู้ยืมเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ แต่การทำให้ธนาคารกลางยุโรปต้องพิมพ์เงินในจำนวนมากออกมาเพื่อแก้ปัญหา จึงเป็นผลทำให้ปริมาณเงินยูโรเพิ่มขึ้นในระบบเป็นจำนวนมาก

 

 

ธนาคารกลางอังกฤษก็ทำการเข้าซื้อพันธบัตรอย่างต่อเนื่อง

 

 

สุดท้ายที่ธนาคารกลางประเทศญี่ปุ่นได้เปลี่ยนนโยบายทางการเงินด้วยการทำเป้าหมายเงินเฟ้อ และดำเนินการเข้าซื้อพันธบัตรอย่างต่อเนื่องในแต่ละเดือนที่เข้าซื้อปริมาณใกล้เคียงกับธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกา คือ ประมาณ 85,000 ล้านเหรียญต่อเดือน

 

จากการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจของแต่ละภูมิภาคนั้นทำให้เห็นได้ว่า ปริมาณเงินมหาศาลที่ถูกใส่เข้ามานั้นทำให้ตลาดตราสารทางการเงินประกอบด้วย ตลาดหุ้น พันธบัตร อนุพันธ์ อสังหาริมทรัพย์ ในหลายๆประเทศกำลังเข้าสู่ภาวะฟองสบู่ แต่เศรษฐกิจจริงยังไม่ได้ถูกแก้ปัญหา อัตราว่างงานยังเพิ่มขึ้นในประเทศที่ประสบปัญหา,การเก็บภาษีลดลงทำให้ต้องเพิ่มอัตราภาษี,การเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีอัตราที่ลดลง ทำให้ปัญหาที่แท้จริงยังไม่ถูกแก้ไข

แต่เงินปริมาณมหาศาลเหล่านี้ต้องการที่ไป ตลาดหุ้นหลายๆตลาดอยู่ในสภาวะฟองสบู่ที่ใกล้ระยะสุดท้าย โดยเฉพาะกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ ทำให้เงินที่ผ่านการเก็งกำไรในตราสารต้องทยอยขายสินทรัพย์ออกมา

แต่ปัญหาใหญ่กำลังรออยู่คือ การเสื่อมค่าของสกุลเงินต่างๆที่มีอยู่ล้นโลก หากเกิด 2 สถานการณ์คือ การกลับมาของอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งทำให้หลายประเทศนั้นต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ย จะมีการเทขายครั้งใหญ่ในตลาดพันธบัตร และจะกระทบกลับตลาดหุ้นโดยตรง เงินที่เข้าไปลงทุนในแต่ละประเทศนั้น ในวันที่เข้าไปในระยะ 3-4 ปีที่ผ่านมากำไรกันกว่า 100-300% หากมีการถอนการลงทุนออกมาเงินเหล่านี้ไม่ได้สร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจแต่เป็นการเก็งกำไร จะทำให้ธนาคารกลาง ในแต่ละประเทศจะมีปัญหาเรื่องทุนสำรองทันที เพราะเงินที่เข้ามาจะออกไปพร้อมกับผลกำไรที่เพื่อขึ้นกว่าเท่าตัว ปริมาณทุนสำรองของธนาคารกลางจะเกิดปัญหาทันที

อีกกรณีคือการแตกตัวของฟองสบู่ทางเศรษฐกิจในหลายประเทศในตลาดเกิดใหม่ที่เร่งการเติบโตด้วยการก่อหนี้ในปริมาณมหาศาลเพื่อมาลงทุนที่ไม่เกิดผลที่ดีต่อการเติบโตระยะยาว

ปัจจัยทั้งสองนี้ จะทำให้เกิดการเสื่อมค่าของสกุลเงินต่างๆ ได้มาก โดยเฉพาะอัตราเงินเฟ้อ ด้วยเหตุนี้ ทองคำเป็นทางเลือกที่ดีทีสุดสำหรับการรักษาระดับความมั่งคั่ง แต่มีราคาที่สูงไปในสายตาของนักลงทุนรายใหญ่ จึงฉวยโอกาสจากการเป็นผู้ควบคุมตลาด ทำการเทขายในตลาดตราสารอ้างอิงออกมา ทำให้ราคาปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง หลังจากนี้จะพบข้อมูลว่านักลงทุนขนาดใหญ่ และธนาคารกลาง ของหลายประเทศจะเข้าซื้อทองคำเพื่อรักษาเสถียรภาพทางการคลัง และการลงทุน เพราะเมื่ออัตราเงินเฟ้อกลับมา ทองคำจะเข้ามามีบทบาทอย่างสูงต่อไป เห็นได้จาก การนำกลับทองคำทุนสำรองของ ธนาคารกลางประเทศเยอรมัน และ เวเนซูเอล่า การนำกองกำลังทหารเข้าสู้กับกลุ่มกบฏในซูดานของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นแหล่งผลิตทองคำที่สำคัญ การลดการถือครองดอลลาร์สหรัฐของธนาคารกลาง รัสเซีย ยูเครน จีน เกาหลีใต้ ศรีลังกา อินเดีย บราซิล และอาเจนติน่า ประเทศเหล่านี้เข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการคลัง

หลังจากการกลับมาของอัตราเงินเฟ้อในอีกไม่นาน การเกิดฟองสบู่ลูกใหญ่ในตลาดเงินที่ล้นโลก และปริมาณหนี้มหาศาลของประเทศพัฒนาแล้วยังเป็นตัวเร่งของปัจจัยเสี่ยงที่รุนแรง ดังนั้นเมื่อมีข่าวเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ จึงมีเหตุผลที่จะทำให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง และเป็นโอกาสที่ดีที่จะเข้าซื้อทองคำแทนการถือเงินสดที่จะเสื่อมค่าอย่างรวดเร็วในไม่ช้านี้

 

T.Thammasak

http://www.manager.co.th/iBizchannel/viewNews.aspx?NewsID=9560000046143

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

“โต้ง” เชื่อราคาทองผันผวนแค่ระยะสั้นเท่านั้น

17/04/2013 , 13:48

Filed under breakingnews, เศรษฐกิจ

%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%99%E0%B9%8C.jpg

 

“กิตติรัตน์” เชื่อราคาทองผันผวนระยะสั้น ชี้ระยะยาวยังเป็นสินทรัพย์ที่มั่นคง รับมีผู้เก็งกำไรเป็นเรื่องปกติ

 

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวถึงกรณีที่ราคาทองคำปรับตัวลดลงในขณะนี้ว่าเป็นการผันผวนระยะสั้น เนื่องจากโดยปกติทองคำถือว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูงและไม่ค่อยมีการผันผวนด้านราคามากนัก รวมทั้งเป็นสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงในระยะยาว ซึ่งราคาทองคำที่ตกลงมาในขณะนี้จะต้องเอาไปเปรียบเทียบกับสกุลเงินต่างๆ ที่มีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงด้วย จึงจะรู้ว่าที่จริงแล้วราคาทองคำลดลงไปมากน้อยเพียงใด

 

“ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับการยอมรับว่ามีความมั่นคงสูง บางคนก็มองว่าเป็นมากกว่าสินทรัพย์แต่เป็นเงินสกุลหนึ่ง และได้รับความน่าเชื่อถือมากเพราะมีความเป็นกลาง ทั้งนี้ข่าวต่างๆ ที่ออกมาในระยะนี้อาจส่งผลกระทบต่อราคาทองคำ เช่น ข่าวเทขาย ทองคำสำรองของประเทศในยุโรป แต่เชื่อว่าข่าวเหล่านี้จะส่งผลต่อราคาทองในระยะสั้นเท่านั้น” นายกิตติรัตน์กล่าว

 

สำหรับกรณีที่มีการเก็งกำไรราคาทองคำในช่วงนี้ นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องปกติ เพราะในช่วงที่ผ่านมาก็มีการเก็งกำไรในสินทรัพย์ต่างๆ รวมทั้งทองคำ ซี่งในช่วงที่ราคาขึ้นก็มีคนได้กำไรไปแล้ว ส่วนบางคนก็ขาดทุนเมื่อราคาลดลงซึ่งเป็นเรื่องปกติ —ISN 05

 

http://www.isnhotnews.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ศูนย์วิจัยทองคำ มองทองคำมีโอกาสฟื้นตัวในระยะสั้น แต่ขึ้นได้ไม่มาก เหตุแนวโน้มยังเป็นขาลง

 

 

นาย ภูษิต วงศ์หล่อสายชล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่า การลดลงของราคาทองคำในช่วงวันหยุดสงกรานต์ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายมากนัก เพียงแต่การลดลงค่อนข้างรุนแรงและรวดเร็วอย่างคาดไม่ถึง ส่งผลทางจิตวิทยาระยะสั้นต่อนักลงทุนทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่นว่าทองคำจะ เป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุน

 

อย่างไรก็ตามถ้าพิจารณาให้ดีแล้วการลดลง ของราคาทองคำครั้งนี้ไม่ใช่เกิดจากปัจจัยด้านพื้นฐานเพียงอย่างเดียว แต่ยังเกิดจากปัจจัยด้านเทคนิค ทำให้ตลาดเกิดอาการตื่นเทขาย ซึ่งเมื่อปัจจัยดังกล่าวหมดไป ราคาทองคำจะค่อย ๆ ขยับฟื้นขึ้น แต่อาจจะฟื้นตัวได้ไม่มาก เนื่องจากแนวโน้มใหญ่ยังเป็นขาลง

 

ทั้งนี้ ในวันที่ 12 เม.ย.2556 ราคาปิดลดลงจาก 1,561 เหรียญต่อออนซ์มาปิดที่ราคา 1,477 เหรียญต่อออนซ์ หรือลดลงมา 84 เหรียญคิดเป็น 5.4 % และลดลงแบบดิ่งอย่างต่อเนื่องอีก 125 เหรียญ หรือ 8.5 % มาปิดในวันที่ 15 เม.ย.2556 ที่ราคา 1,352 เหรียญต่อออนซ์ แค่ 2 วันราคาทองคำลดลงถึง 209 เหรียญหรือ 13.4% จากราคาปิดเมื่อวันที่ 11 เม.ย.2556 ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำที่สุดในรอบ 2 ปี และเมื่อเปรียบเทียบกับราคาปิดเมื่อช่วงเดือนต.ค.ปีที่แล้ว พบว่าราคาทองคำลดลงจากราคา 1,781 เหรียญต่อออนซ์ หรือลดลงมาถึง 429 เหรียญคิดเป็น 24.1%

 

นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่า ตลาดทองคำส่งสัญญาณตลาดหมีมาพักใหญ่ เห็นได้จากแรงขายของกองทุนขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง โดยช่วงที่ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นจะมีแรงขายจากกองทุนขนาดใหญ่ออกมา ซึ่งเทียบเคียงจากกองทุน SPDR ถ้านับตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมามีการขายทองคำออกกว่า 200 ตัน

 

ขณะ ที่ปัจจัยพื้นฐานสนับสนุนการอ่อนตัวของทองคำไม่ว่าจะเป็นข่าวการขายทองคำของ ไซปรัส การคาดการณ์การสินสุดของมาตรการสภาพคล่องสหรัฐอเมริกา รวมถึงความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่ชะลอตัวตามการเติบโตของประเทศเศรษฐกิจเกิด ใหม่โดยเฉพาะจีน ที่การเติบโตในไตรมาส 1 ต่ำกว่าที่คาดกัน นอกจากนี้ ยังได้รับแรงสนับสนุนด้านจิตวิทยาจากการปรับประมาณการของโกลด์แมนแซคส์

 

นอก จากนี้ปัจจัยทางเทคนิคหลังจากราคาหลุดระดับ 1,500 เหรียญ ซึ่งเป็นกรอบแคบๆ ในช่วงกว่าปีครึ่งที่ผ่านมา ทำให้ในทางเทคนิคราคาเข้าสู่ช่วงขาลง แต่เชื่อว่าจะมีการฟื้นตัวระยะสั้น เพราะราคาอยู่ในเขต extremely oversold โดยมีฐานเดิมเป็นแนวหนุนสำคัญบริเวณ 1,300 เหรียญ

 

 

 

Posttoday.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาทองยังไม่ถึงจุดต่ำสุด(18/04/2556)

โบรกทอง ยอมรับ ยากที่จะคาดราคาทองจะลงไปต่ำสุดที่ระดับใด ให้แนวรับแรกไว้ที่ระดับ 1,320 เหรียญต่อออนซ์

 

นาย แพทย์กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกลุ่ม บริษัทเอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก ให้สัมภาษณ์ในรายการ Hard Topic ว่า สินทรัพย์ประเภททองคำได้เข้าสู่ภาวะขาลงอย่างเต็มตัวแล้ว โดยราคาเริ่มปรับตัวลดลงทีละน้อยมาตั้งแต่เดือนมกราคม ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ ราคาทองคำในประเทศลดลงแล้ว 20% และมีแนวโน้มจะซึมยาวไปจนถึงสิ้นปี

 

ทั้งนี้ ในช่วงที่ราคาทองคำเป็นขาลง นักลงทุนต้องปรับกลยุทธ์ในการลงทุน เพราะทองเป็นสินทรัพย์ที่มีคุณค่า ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงขาขึ้น หรือ ขาลง ก็สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนได้ โดยการทำกำไรในช่วงทองขาลง สามารถทำได้ด้วยการซื้อขายทองคำในระยะสั้นๆ เพื่อทำกำไร เพราะไม่มีใครทราบได้ว่า ราคาจะลงไปถึงจุดต่ำสุดที่ระดับใด จึงย่อมไม่สามารถรอเข้าช้อนซื้อได้

 

โดยในระยะสั้น ถึง ระยะกลางให้แนวรับไว้ที่ 1,300 - 1,315 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ราคาทองคำ ก็ลงมาทดสอบระดับที่ 1,328 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์แล้ว

 

ขณะที่นายบุญเลิศ สิริภัทรวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออสสิริส มองว่า ราคาทองคำ อยู่ในช่วงเริ่มต้นของทิศทางขาลงเท่านั้น และมีความเป็นไปได้ที่จะหลุดจากระดับ 1,320 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งถ้าหลุดจากแนวรับนี้ ก็หมายความว่า ทองคำ เข้าสู่ช่วงขาลงในระยะกลางแล้ว

 

ส่วนความกังวลว่า ธนาคารกลางของประเทศในกลุ่มยูโรโซน จะนำทองคำที่เป็นทุนสำรองของประเทศออกมาขายแก้ปัญหาหนี้สาธารณะตามธนาคาร กลางของประเทศไซปรัส ที่เป็นข่าวกดดันราคาทองคำให้ร่วงลงนั้น

 

ผู้ บริหารออสสิริสมองว่า การดำเนินการดังกล่าวต้องใช้ระยะเวลานานพอสมควรกว่าจะนำทองออกมาขายได้ และทองคำที่เป็นทุนสำรองของไซปรัสก็มีสัดส่วนเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับ จำนวนทองคำในตลาดทองคำทั่วโลก จึงเป็นความกังวลในเชิงจิตวิทยาเท่านั้น

 

ที่มา: money channel (วันที่ 18 เมษายน 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บาทเปิดตลาดที่28.85/87จับตาประชุมG20 (18/04/2556)

บาทเปิดตลาดที่ 28.85/87 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าเล็กน้อย จับตาประชุม G20-ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ คาดวันนี้อยู่ที่ 28.80-28.90 บาท/ดอลลาร์

 

นักบริหารเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) (CIMBT) กล่าวถึงการเคลื่อนไหวค่าเงินบาทในวันนี้ (18 เม.ย.) ว่า เปิดตลาดที่ระดับ 28.85/87 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 28.80/82 บาท/ดอลลาร์

 

"เงินบาทเช้านี้อ่อนค่าจากเย็นวานนี้เล็กน้อย แต่ถือว่าแกว่งแคบๆตามภูมิภาค หลังมีแนวโน้มว่าหลายประเทศในยูโรโซนยังต้องการความช่วยเหลืออีกรอบนึง เช่น โปรตุเกส ส่วนไซปรัสก็ยังเป็นประเด็นหลัก รวมถึงเศรษฐกิจในเอเชียโดยเฉพาะจีนก็ยังมีผลกดดันอัตราแลกเปลี่ยน"

 

ส่วนกรอบการเคลื่อนไหวค่าเงินบาทในวันนี้คาดอยู่ที่28.80-28.90 บาท/ดอลลาร์

 

ปัจจัยที่นักลงทุนรอคอยคือผลการประชุม G20 ช่วงปลายสัปดาห์นี้ และรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ คืนนี้

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ (วันที่ 18 เมษายน 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทองผันผวนวันนี้ขึ้นลง 8 รอบ(18/04/2556)

ราคาทองร่วงลงไม่หยุด วันนี้ราคาเปลี่ยนไปแล้ว 8 ครั้ง รวมบาทละ 2,400 บาท ผู้บริหาร YLG ฟันธง ทองคำเข้าสู่ช่วงขาลง ประเมินแนวรับที่ 1,230 ดอลลาร์/ ออนซ์

 

สมาคมค้าทองคำแจ้งเปลี่ยนแปลงราคาทองคำวันนี้ล่าสุดเมื่อ เวลา 14.58 น. ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งที่ 8 ของวันนี้ โดยปรับลดลงอีก 50 บาท โดยสรุปทั้งวันจนถึงเวลาล่าสุด(16.15 น.) ราคาทองปรับลดลง 5 ครั้ง รวมลดลง 2,550 บาท และปรับขึ้น3 ครั้งรวม 150 บาท เบ็ดเสร็จทั้งวันราคาทองปรับลดลงไปบาทละ 2,400บาท

 

จากราคาทอง ที่ลดลลงค่อนข้างแรง ส่งผลให้เว็บไซต์สมาคมค้าทองคำนั้นเข้าดูข้อมูลราคาทองได้ยากมาก บางช่วงเซิร์ฟเวอร์ ขึ้นข้อความ too busy

 

ด้านนางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ รองประธานกรรมการ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล ได้กล่าวให้สัมภาษณ์ ว่า จากการปรับตัวลงของราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมา สามารถฟันธงได้ชัดเจน คือ ทิศทางราคาทองคำ ได้เข้าสู่ช่วงขาลงแล้ว หลังจากหลุดแนวรับใหญ่ที่ 1,530 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ลงมาได้ จึงแนะนำให้นักลงทุนเทขายเพื่อหยุดการสูญเสีย หรือ stop loss

 

ที่มา : money channel (วันที่ 18 เมษายน 2556)

 

 

 

 

ธ.กลางเกาหลีใต้ ส่อขาดทุนยับ หลังราคาทองดิ่ง (18/04/2556)

ธนาคารกลางเกาหลีใต้ สุดอ่วม ส่อขาดทุนยับ หลังลงทุนทองคำหนัก แต่ราคาดิ่งฮวบเป็นประวัติการณ์

 

 

ธนาคาร กลางเกาหลีใต้ ตกอยู่ภายใต้สถานการณ์ถูกวิจารณ์โจมตี หลังบริหารลงทุนผิดพลาด ด้วยการลงทุนถือครองทองคำเป็นจำนวนมากในสภาพต้องขาดทุนหนัก โดยประเมินว่า ธนาคารกลางเกาหลีใต้อาจต้องขาดทุนจากการซื้องทองคำเป็นจำนวนกว่า 800 ล้านดอลลาร์ (23,200 ล้านบาท) หลังจากเกิดภาวะราคาทองคำตกฮวบในตลาดโลก

 

รายงาน ระบุว่า ที่ผ่านมา ธนาคารกลางเกาหลีใต้ได้ลงทุนถือครองทองคำเป็นจำนวน 104.4 ตัน และสถานการณ์ราคาทองคำตก ทำให้เกิดความวิตกและเสียงวิจารณ์ว่า ธนาคารกลางฯอาจประเมินสถานการณ์ลงทุนทองคำผิดพลาด ซื่อทองคำไม่ถูกช่วงเวลาและทำให้ต้องขาดทุนเป็นเงินจำนวนสูงมาก โดยนักวิเคราะห์กล่าวว่า หลังจากที่ราคาทองคำปิดที่ 1,361 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือตกลงกว่า 9.3 เปอร์เซนต์ ซึ่งถือว่าตกหนักที่สุดในรอบ 33 ปี ถือเป็นสถานการณ์ที่นักค้าทองคำแตกตื่นอย่างหนัก และเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยเห็นราคาทองดิ่งตกฮวบขนาดนี้มาก่อน

 

ผ่าน มา ราคาทองคำถือว่าปรบตัวสูงขึ้นอย่างมากเป็นเกือบ 10 ปีที่ผานมา โดยเมื่อปี 2011 ราคาทองคำได้พุ่งเกินกว่าระดับ 1,920 ดอลลาร์ จากเหตุปัจจัยที่นักลงทุนใช้ทองคำเป็นแหล่งพักทรัพย์สินลงทุน หลังเกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลก

 

อย่างไรก็ตาม จากราคาทองคำที่ตกฮวบ ทำให้ขณะนี้ธนาคารกลางเกาหลีใต้ ได้ขาดทุนจากการลงทุนถือครองทองคำไปแล้วเป็นมูลค่ากว่า 761 ล้านดอลลาร์ หลังจากซื้อทองคำมาถือครองที่ราคา 1,600 ดอลลาร์ต่อออนซ์ นับตั้งแต่ปี 2011 ซี่งนักวิเคราะห์มองว่า ธนาคารกลางเกาหลีใต้ลงทุนซื้อทองคำผิดช่วงจังหวะ โดยถือในช่วงที่ราคาทองคำถึงจุดสูงสุดไปแล้ว

 

ทว่า ด้านเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางเกาหลีใต้ ได้ออกโรงพยายามลดกระแสวิตกต่อผลกระทบจากการขาดทุนในการซื้อทองคำ ระบุว่า การลงทุนนี้ไม่ได้กระทบต่อแผนการถือครองทุนสำรองต่างประเทศของธนาคารกลาง เกาหลีใต้ในระยะยาวแต่อย่างใด

 

ที่มา : money channel (วันที่ 18 เมษายน 2556)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ปธ.กองทุนความมั่งคั่งจีน คาด ราคาทองฟื้น(18/04/2556)

ประธานกองทุนความมั่งคั่งจีน คาด ราคาทองฟื้นตัว ตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ค่อยๆ ปรับดีขึ้น

 

นาย จิน ลี่ฉวิน ประธานกองทุนความมั่งคั่งจีน คาดราคาทองฟื้น ตามแนวโน้มเศรษฐกิจ โลกที่ค่อยๆ ปรับดีขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวชัดเจนขึ้น และปัญหา หนี้ในกลุ่มยูโรโซนคลี่คลายลง ซึ่งในระยะยาวคาดว่าจะยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นต่อไป

 

โดยราคาทองคำใน ตลาดโลกได้ปรับลดลงร้อยละ 18 นับจากต้นปี จากช่วงก่อนหน้าที่ โน้มสูงขึ้นต่อเนื่องมากว่า 12 ปี แต่นายจิน ยังมองว่า ทองคำยังคงเป็นองค์ประกอบ หลักของเงินสำรองในแต่ละประเทศ ดังนั้น การที่เศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนา กำลังขยายตัวได้ดี จะทำให้อุปทานทองคำมีไม่มากนัก

 

นายจินยังเปิดเผยอีกว่า กองทุนความมั่งคั่งจีนซึ่งมีขนาดใหญ่ 4.82 แสนล้านดอลลาร์ และทำหน้าที่บริหารเงินสำรองระหว่างประเทศของจีนจำนวนหนึ่งนั้น ไม่ได้มีการลงทุน ในทองคำอย่างมีนัยสำคัญแต่อย่างใด จึงทำให้ผลกระทบจากราคาในช่วงนี้มีจำกัด โดยกองทุนตั้งเป้าจะขยายการลงทุนเพิ่มเติมในบริษัทในยุโรป โดยเฉพาะบริษัท ที่มีการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง รวมถึงมองหาโอกาสการลงทุนใหม่ๆ ในภูมิภาคด้วย ซึ่งปัจจุบัน กองทุนยังมีเงินคงเหลือจากการอัดฉีดของรัฐบาลจีนเมื่อปี 2554 อยู่ แต่ในอนาคตก็มีแผนที่จะหาเงินทุนเพิ่มเติมด้วย

 

ที่มา : money channel (วันที่ 18 เมษายน 2556)

 

 

 

 

เงินเฟ้ออินเดียต่ำรอบ 3 ปี (18/04/2556)

นิวเดลี - ข้อมูลเบื้องต้นของกระทรวงพาณิชย์อินเดียเผยว่า อัตราเงินเฟ้อของอินเดียลดลงจากร้อยละ 6.8 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ไปอยู่ที่ร้อยละ 6 ในเดือนมีนาคม เป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 3 ปี แต่ราคาอาหารยังคงเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 8.7 เทียบกับเดือนมีนาคมปีก่อน โดยเฉพาะราคาข้าวสาลีและข้าวเจ้าที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 19.9 และ 17.9 ตามลำดับ ขณะที่ราคาเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.2 อาหารและเชื้อเพลิงเป็นค่าใช้จ่ายรายการใหญ่ที่สุดของคนยากจนในอินเดีย ธนาคารกลางอินเดียได้ลดอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมมาแล้ว 2 ครั้งในปีนี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ยังลังเลที่จะดำเนินมาตรการเชิงรุกมากกว่านี้เพราะเกรงจะทำให้อัตราเงิน เฟ้อสูงขึ้น โดยได้รับปากไว้ว่าจะลดอัตราเงินเฟ้อจากราคาขายส่งให้ต่ำกว่าร้อยละ 4.5 ธนาคารกลางจะประชุมนโยบายครั้งหน้าในวันที่ 3 พฤษภาคมว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยอีกหรือไม่

 

เทสโก้ลาสหรัฐ

 

ลอนดอน - เทสโก้ กลุ่มธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดของอังกฤษ ประกาศเตรียมถอนตัวออกจากสหรัฐหลังจากประสบปัญหาขาดทุน ส่งผลให้ทางกลุ่มต้องตัดเป็นหนี้สูญมูลค่ากว่า 1,530 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 44,660.70 ล้านบาท) ทำให้ทางกลุ่มกำไรลดลงในรอบปีที่ผ่านมาเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ทศวรรษที่ผ่านมา กลุ่มเทสโก้ทำธุรกิจในสหรัฐในนามกลุ่มเฟรชแอนด์อีซี ซึ่งมีสาขากว่า 199 แห่งทั่วสหรัฐ และจ้างงานชาวอเมริกันประมาณ 5,000 คน และได้เพิ่มทุนกว่า 1,000 ล้านปอนด์ (ประมาณ 45,050 ล้านบาท) ตั้งแต่เริ่มทำธุรกิจในสหรัฐในปี 2550 กลุ่มเทสโก้ยังลงบัญชีมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มฯ ในอังกฤษ ลดลง 804 ล้านปอนด์ (ประมาณ 36,220.20 ล้านบาท) และลงบัญชีด้วยมูลค่าทางธุรกิจที่ลดลงในโปแลนด์ สาธารณรัฐเช็ก และตุรกี เป็นมูลค่ารวมกันกว่า 500 ล้านปอนด์ (ประมาณ 22,525 ล้านบาท)

 

ที่มา : แนวหน้า(วันที่ 18 เมษายน 2556)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มามองดูที่กราฟรหัสทั้ง 12,26,9 และ 5,35,9 ซึ่ง ณ. วันนี้ ราคาปิด $1377 อยู่ในขอบเขตการหลอกล่อของขาใหญ่ที่สร้างดราม่าขัดแย้งระหว่างขาขึ้นกับเมฆทะมึนแรงขาย " บ่งบอกอยู่ห่างๆ อย่าไปสนใจ " ต้องยอมรับ ตั้งสติ ในสถานการณ์ที่เกิด สำหรับเด็กขายของ ก็ยังรอซื้อกลับคืนต่อไป หลังจากเมื่อวาน ขายทิ้งของที่ซื้อมาวันศุกร์ที่แล้ว และที่ยังไม่ได้ซื้อคืน เพราะล้างพอร์ตหยุดเล่น เพราะวันหยุดยาวสงกรานต์ ก็ยังพอร์ตว่างต่อไป ไม่แตะต้อง ไม่ซื้อคืน จนกว่า รหัส 7,5,2 จะบ่งบอกว่า " มีโอกาศ " ซึ่งในภาพของรหัสฯ 7,5,2 เริ่มส่ออาการ เส้นจะใกล้กันแล้ว จึงรอดูห่างๆ ต่อไป ในสถานะการถือ " ขายก่อน รอซื้อกลับ "

 

ป๋า ส่งสัญญาณด้วยนะ นะได้ซื้อด้วย

 

ป๋า ใจเย็นโคตร เมื่อวานเห็นดีดขึ้น เป็นเจ้คงมือเท้าเย็น

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บาทแข็งสุดรอบ 17 ปี(18/04/2556)

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพรายงานว่า ภาวะการเคลื่อนไหวของค่าเงินประจำวันพุธที่ 17 เมษายน 2556 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 28.92/94 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (12/4) ที่ 29.03/04 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นไปในทิศทางเดียวกับสกุลเงินอื่น ๆ ในเอเชีย เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของสหรัฐ โดยตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ชะลอตัวลงและราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯ (CPI) ลดลงต่ำกว่าที่คาดการณ์ ส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองดอลลาร์ และเพิ่มมุมมองที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยังมีแนวโน้มที่จะคงมาตรการกระตุ้นทางการเงิน (QE) ต่อไป อย่างไรก็ดี ในช่วงบ่ายค่าเงินบาทไทยแข็งค่าอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง จากปัจจัยหลักที่นักลงทุนต่างชาติเทขายดอลลาร์ออกมาปริมาณมาก โดยตลอดทั้งวันค่าเงินบาทมีกรอบการเคลื่อนไหวอยู่ที่ 28.80-28.97 บาท/ดอลลาร์ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 28.82/83 บาท/ดอลลาร์

 

 

 

สำหรับค่าเงินยูโรวันนี้เปิดตลาดที่ระดับ 1.3176/78 ดอลลาร์/ยูโร ปรับตัวแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (12/4) ที่ 1.3054/55 ดอลลาร์/ยูโร โดยเงินยูโรทะยานแข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ แม้ว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเยอรมนีในเดือน เม.ย.จะอ่อนแอ แต่เรื่องดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเงินยูโรแต่อย่างใด และถูกบดบังจากแนวโน้มการคงมาตรการกระตุ้นทางการเงิน (QE) ของสหรัฐฯ โดยตลอดทั้งวันค่าเงินยูโรปรับตัวแข็งค่าสุดที่ระดับ 1.3201 ดอลลาร์/ยูโร ก่อนจะลดแรงบวกลง จากแรงขายเงินยูโรเพื่อทำกำไรของนักลงทุน โดยตลอดทั้งวันค่าเงินยูโรมีกรอบการเคลื่อนไหวอยู่ที่ 1.3154-1.3201 ดอลลาร์/ยูโร ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 1.3173/75 ดอลลาร์/ยูโร

 

 

 

สำหรับค่าเงินเยนวันนี้เปิดตลาดที่ระดับ 97.96/98.01 เยน/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (12/4) ที่ 99.15/20 เยน/ดอลลาร์ โดยเงินเยนนั้นแข็งค่าขึ้นจากการที่นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับภาวะการขยายตัว ของเศรษฐกิจจีน หลังจากที่เผชิญแรงเทขายต่อเนื่องอันเนื่องมาจากมาตรการกระตุ้นแบบเชิงรุก ของธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) อย่างไรก็ดี เงินเยนยังคงได้รับแรงกดดันให้อ่อนค่าลง เนื่องจากบีโอเจยังคงอัดฉีดเม็ดเงิน 1.4 ล้านล้านดอลลาร์เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจภายใน 2 ปีตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยตลอดทั้งวันค่าเงินเยนมีกรอบการเคลื่อนไหวอยู่ที่ 97.54-98.43 เยน/ดอลลาร์ ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 98.11/16 เยน/ดอลลาร์

 

 

 

อนึ่ง ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมาราคาทองคำได้ดิ่งลงอย่างหนัก และทำสถิติทรุดตัวลงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ภายในวันเดียวในรูปสกุล ดอลลาร์ ภายหลังกองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองที่ใหญ่ที่สุดในโลกระบุว่า กองทุนปรับลดปริมาณการถือครองทองลง 0.73% ประกอบกับการปรับลดการคาดการณ์ของราคาทองคำในปีนี้ลง ทำให้มีการเทขายตัดขาดทุนของนักลงทุนออกมาเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ปัจจัยพื้นฐานของทองคำได้เปลี่ยนจาก “เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงเงินเฟ้อ” มาเป็น “สินทรัพย์เพื่อกระจายความเสี่ยง” ทำให้แรงเก็งกำไรที่ผลักให้ราคาทองไม่สามารถปรับตัวขึ้นแรงเหมือนช่วงปีที่ แล้ว อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงจับตาดูความเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงนี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากมองว่าความผันผวนของราคาทองคำที่เกิดขึ้นเป็นหนี่งในปัจจัยที่ส่ง ผลต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงินสกุลหลักในช่วงนี้

 

 

 

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจในสัปดาห์นี้ ได้แก่ รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีนำเศรษฐกิจสหรัฐเดือน มี.ค., แนวโน้มธุรกิจเดือน เม.ย. (18/4)

 

 

 

อัตราป้องกันความเสี่ยง (swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ +5.8/5.95 สตางค์/ดอลลาร์ และอัตราป้องกันความเสี่ยง (swap point) ภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ +5/6 สตางค์/ดอลลาร์

 

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ(วันที่ 18 เมษายน 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หายนะ “ทอง”

โดย สุนันท์ ศรีจันทรา 17 เมษายน 2556 14:36 น.

 

ประมาณ 3-4 ปีที่ผ่านมา คนไทยตกอยู่ในภาวะตื่นทอง ปริมาณนักเก็งกำไร “ทองคำ” เพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงมาก แต่วันนี้ คนที่แห่เล่นทองทั้งหลายกำลังหมดเนื้อหมดตัว

 

ช่วงที่ประเทศไทยกำลังเฉลิมฉลองงานในเทศกาลสงกรานต์ ร้านค้าทองปิดทำการ 4 วันติด ราคาทองคำในตลาดโลกดิ่งลงเหว ตั้งแต่คืนวันศุกร์และต่อด้วยคืนวันจันทร์ รวมสองวันราคาทองคำในตลาดตกลงไปเกือบ 200 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

จากระดับ 1,560 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลงไปต่ำสุดที่ประมาณ 1,320 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนจะดีดตัวขึ้นมายืนอยู่แถว 1,370 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในคืนวันอังคาร

 

ส่วนราคาทองคำแท่งในประเทศ ปิดเมื่อวันศุกร์ที่บาทละ 21,250 บาท ในราคาที่ร้านทองเสนอซื้อ และเสนอขายบาทละ 21,350 บาท แต่ล่าสุดเช้าวันพุธเสนอซื้อบาทละ 18,900 บาท เสนอขายบาทละ 19,000 บาท

 

เพียงชั่วข้ามไม่กี่คืน ราคาทองคำรูดมหาราชถึงบาทละ 2,350 บาท และไม่มีใครขายหนีตายได้ทัน ใครที่ซื้อทองไว้ขาดทุนกันป่นปี้ ยิ่งกักตุนมาก ยิ่งเจ็บมาก

 

คนที่เก็บทองคำแท่งไว้ ยังพอมีทางออก เพราะถือทองคำไว้ลูบๆ คลำๆ เพื่อปลอบประโลมใจได้ และเมื่อยังไม่ขายก็ยังไม่ขาดทุน

 

แต่คนที่เล่นทองคำกระดาษหรือโกลด์ฟิวเจอร์ส ต้องหมดเนื้อหมดตัวในทันที เพราะจะถูกโบรกเกอร์บังคับขาย หากลูกค้าไม่นำเงินมาวางเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเพิ่ม เนื่องจากหลักทรัพย์ที่วางค้ำประกันไว้ ไม่สามารถครอบคลุมราคาทองคำที่ร่วงลงไป

 

ราคาทองคำที่ถล่มทลายลงครั้งนี้ ทำให้คนไทยจำนวนมากเสียหายหนักต้องสูญเงิน เนื่องจากสินทรัพย์ทองคำด้อยค่าลง

 

การที่คนไทยตื่นไปเล่นทองกัน เพราะแรงกระตุ้นจากหลายด้าน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะราคาทองคำพุ่งขึ้น โดยไม่กี่ปีราคาทองคำแท่งเพิ่มขึ้นจากระดับประมาณบาทละ 8,000 บาท พุ่งขึ้นไปสูงสุดที่บาทละประมาณ 27,000 บาท

 

ราคาทองคำที่พุ่งขึ้นอย่างหวือหวา ทำให้คนอยากรวยและแห่ไปเก็งกำไร

 

นอกจากนั้น การจัดตั้งตลาดอนุพันธ์หรือ “ทีเฟค” โดยมี “ทองคำ” เป็นสินค้านำร่อง เปิดการซื้อขายทองคำกระดาษหรือโกลด์ฟิวเจอร์ส ก็ทำให้เกิดการโหมกระพือการเล่นทอง

 

ทองคำกระดาษซื้อขายกันด้วยรูปแบบสัญญา โดยอายุสัญญาไม่เกิน 6 เดือน เริ่มต้นด้วยสัญญาซื้อขายทองคำน้ำหนัก 50 บาท วางเงินค้ำประกัน 50,000 บาท ซึ่งเงิน 50,000 บาท ปกติจะซื้อทองคำแท่งได้ประมาณ 2 บาท แต่เมื่อซื้อขายทองคำกระดาษ จะซื้อขายทองคำได้ถึง 50 บาท

 

ทองคำกระดาษได้แตกสัญญาการซื้อขาย จากสัญญาซื้อขายทองคำน้ำหนัก 50 บาท เหลือสัญญาละ 10 บาท เพื่อดึงให้นักลงทุนที่มีเงินน้อยสามารถเข้ามาเล่นได้ โดยเป็นแผนขยายฐานผู้เล่น เพื่อที่จะมีค่าต๋งหรือค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น

 

เพราะคนที่มีเงินวางค้ำประกันเพียง 10,000 บาทเศษ สามารถซื้อขายทองคำน้ำหนัก 10 บาทได้

 

โบรกเกอร์ตลาดโกลด์ฟิวเจอร์สเริ่มต้นมีเพียงไม่กี่ราย แต่ล่าสุดมีถึง 41 ราย โดยได้ค่าต๋งจากการซื้อขายทองคำกระดาษสัญญาละ 500 บาท สำหรับการซื้อขายทองคำ 50 บาท และสัญญาละ 100 บาท จากการซื้อขายทองคำ 10 บาท

 

ตลาดอนุพันธ์และโบรกเกอร์ค้าทองคำ ร่วมมือกันโหมกระพือประชาสัมพันธ์ โฆษณาจูงใจปลุกเร้าให้ประชาชนเข้ามาเล่นทองคำกระดาษ โดยอ้างว่าเป็นทางเลือกใหม่ของการลงทุน และบรรยายสรรพคุณของความร่ำรวยจากการเก็งกำไรทองไว้อย่างสวยหรู

 

ทั้งที่รู้ว่า ทองคำกระดาษ คือ การเล่นพนัน เป็นการเดิมพันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย มีฝ่ายหนึ่งได้ จะต้องมีฝ่ายหนึ่งเสีย แต่คนที่ได้แน่ๆ คือ โบรกเกอร์และตลาดอนุพันธ์ ซึ่งเป็นเสือนอนกินรอชักค่าต๋ง

 

ช่วงราคาทองคำขาขึ้น ทองคำกระดาษซื้อขายวันละประมาณ 15,000 สัญญา แต่เมื่อราคาทองคำอ่อนตัว ปริมาณการซื้อขายลดฮวบ ล่าสุดซื้อขายประมาณวันละ 2,000 สัญญา

 

ใครก็ตามที่เป็นต้นคิดการเปิดตลาดซื้อขายทองคำกระดาษ ควรต้องเป็นผู้ที่ถูกรุมประณาม เพราะทองคำกระดาษ ไม่มีประโยชน์ต่อประชาชนและระบบเศรษฐกิจ นอกจากการเปิดบ่อนพนันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ส่งเสริมให้คนมาเล่นได้เสีย โดยหวังรวยบนความเพ้อฝัน

 

ไม่มีตัวเลขแน่ชัดว่า ประเทศไทยมีทองคำอยู่ในจำนวนเท่าใด กี่ร้อยหรือกี่พันตัน แต่ทุกตันมูลค่าลดลงไปแล้วประมาณตันละ 180 ล้านบาท

 

ราคาทองคำที่ดิ่งลงมาในช่วงเวลาไม่กี่วัน ทำให้สินทรัพย์ทองคำของประเทศไทยด้อยค่านับแสนล้านบาท

 

คนที่ครอบครองทองคำไว้ ไม่ว่าจะเป็นทองคำแท่งหรือทองคำกระดาษ ต้องบาดเจ็บล้มตายกันเป็นเบือ

 

แม้แต่โบรกเกอร์ทองคำกระดาษ ก็จะเจ๊งไปด้วย เพราะถูกลูกค้าชักดาบ ไม่ยอมจ่ายส่วนต่างราคาทองคำที่ขาดทุน

 

ร้านค้าทองที่มีทองไว้เต็มตู้ ก็ขาดทุนกันบานเบอะ หรือโรงรับจำนำก็อยู่ในข่ายเจ๊งเป็นลูกโซ่ เพราะลูกค้าที่นำทองมาจำนำไว้ คงไม่มาไถ่คืน

 

ราคาทองคำโลกถล่มทลายครั้งนี้ นำไปสู่โศกนาฏกรรมนักเก็งกำไรครั้งใหญ่ ธุรกิจค้าขายทองคำพังแทบทั้งระบบ

 

อย่าถามใครว่า แนวโน้มราคาทองคำจะเป็นอย่างไร จะขึ้นหรือลงเมื่อไหร่ เพราะประเทศไทยไม่มีใครรู้จริงเรื่องราคาทองคำ มีแต่คนขี้โม้และอวดรู้เท่านั้น เพราะถ้ามีคนรู้จริง คนไทยคงไม่เจ๊งกันทั้งประเทศ

 

วิกฤตทองคำที่ประเทศและประชาชนได้รับ เป็นผลพวงของการส่งเสริมลัทธิเก็งกำไร มอมเมายั่วยุให้คนไทยอยากรวยรัด โดยไม่คำนึงถึงความเสี่ยงและผลกระทบต่อสังคม

 

ถ้ายึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง ไม่โหมกระพือการเก็งกำไร จนเกิดการหมกมุ่นไขว่คว้าความร่ำรวยอย่างเพ้อฝัน คนไทยจำนวนมากคงไม่ตกเป็นเหยื่อของทองคำ

 

แต่ลัทธิเก็งกำไรระบาดไปทุกหัวระแหงแล้ว เล่นทั้งบ่อนและบอล เล่นทั้งหวยและหุ้น เล่นทั้งที่ดินและคอนโดฯ เล่นทั้งทองและน้ำมัน

 

จะปลุกให้คนไทยตื่นจากการแสวงหาช่องทางรวยรัดอย่างเพ้อฝันกันอย่างไรดี เพราะเห็นแล้วว่า การเก็งกำไรอย่างบ้าคลั่ง กำลังนำประเทศและประชาชนไปสู่หายนะ

 

http://manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9560000046146

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...