ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

[Pete 15,187]

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ ​และตลาด​เงินต่างประ​เทศ (19/04/56)

ตลาดหุ้นยุ​โรปปิดทรงตัว​เมื่อคืนนี้ (18 ​เม.ย.) ​โดยตลาด​เคลื่อนตัวผันผวน​เนื่องจากมี​ทั้งปัจจัยบวก​และปัจจัยลบ​เข้ามา​ ในตลาด ​ซึ่งปัจจัยบวก​ได้​แก่ผล​การประมูลพันธบัตรที่ดี​เกินคาดของส​เปน ​และปัจจัยลบคือข้อมูล​เศรษฐกิจที่อ่อน​แอของสหรัฐ

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดทรงตัวที่ 283.73 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่ง​เศสปิดที่ 3,599.36 จุด ​เพิ่มขึ้น 0.13 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้น​เยอรมันปิดที่ 7,473.73 จุด ลดลง 29.30 จุด, -0.39% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,243.67 จุด ลดลง 0.54 จุด

 

-- ดัชนีดาว​โจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลง​เมื่อคืนนี้ (18 ​เม.ย.) หลังจากสหรัฐ​เปิด​เผยข้อมูล​เศรษฐกิจที่อ่อน​แอ รวม​ถึงจำนวนคนว่างงานที่​เพิ่มขึ้น​ในสัปดาห์ที่​แล้ว ​และดัชนีชี้นำ​เศรษฐกิจที่หดตัวลง​เป็นครั้ง​แรก​ในรอบ 7 ​เดือน นอกจากนี้ ​การร่วงลงของหุ้นกลุ่มสุขภาพ​และกลุ่ม​เทค​โน​โลยี ยังสร้าง​แรงกดดัน​ให้กับตลาดด้วย

 

ดัชนี​เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาว​โจนส์ปรับตัวลง 81.45 จุด ​หรือ 0.56% ปิดที่ 14,537.14 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 10.40 จุด ​หรือ 0.67% ปิดที่ 1,541.61 จุด ​และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 38.31 จุด ​หรือ 1.20% ปิดที่ 3,166.36 จุด

 

-- สัญญาน้ำมันดิบ​เวสต์​เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวก​เมื่อคืนนี้ (18 ​เม.ย.) หลังจากสำนักงานสารนิ​เทศด้านพลังงานของรัฐบาลกลางสหรัฐ (EIA) รายงานว่าสต็อกน้ำมันดิบปรับตัวลดลง​ในรอบสัปดาห์ที่​แล้ว นอกจากนี้ ตลาดยัง​ได้รับ​แรงหนุนจากข่าวที่ว่าส​เปนสามารถประมูลขายพันธบัตร​ได้​เกิน ​เป้า ​ซึ่งช่วย​ให้ตลาดคลาย​ความวิตกกังวล​เกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยุ​โรป

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบ​เดือนพ.ค.​เพิ่มขึ้น 1.05 ดอลลาร์ ​หรือ 1.2% ปิดที่ 87.73 ดอลลาร์/บาร์​เรล

 

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบ​เบรนท์ส่งมอบ​เดือนพ.ค.ที่ตลาดลอนดอน ​เพิ่มขึ้น 1.44 ดอลลาร์ ​หรือ 1.5% ปิดที่ 99.13 ดอลลาร์/บาร์​เรล

 

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวก​เมื่อคืนนี้ (18 ​เม.ย.) ​เนื่องจากข้อมูล​เศรษฐกิจที่น่าผิดหวังของสหรัฐ​ได้กระตุ้น​ให้นักลงทุน​ เข้าซื้อทองคำ​ซึ่ง​เป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย นอกจากนี้ ​การที่ราคาทองคำร่วงลงอย่างรุน​แรง​ในช่วงที่ผ่านมา นับ​เป็น​โอกาสที่นักลงทุนจะ​เข้ามาช้อนซื้อ​เ​ก็งกำ​ไรด้วย

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบ​เดือนมิ.ย.​เพิ่มขึ้น 9.8 ดอลลาร์ ​หรือ 0.71% ปิดที่ 1,392.5 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญา​โลหะ​เงินส่งมอบ​เดือนพ.ค.ปิดที่ 23.245 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 6.2 ​เซนต์ ส่วนสัญญา​โลหะทอง​แดงส่งมอบ​เดือนพ.ค.​เพิ่มขึ้น 1.70 ​เซนต์ ปิดที่ 3.2045 ดอลลาร์/ปอนด์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบ​เดือนก.ค.ปิดที่ 1,429.00 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 6.40 ​และสัญญาพัลลา​เดียมส่งมอบ​เดือนมิ.ย.ปิดที่ 669.80 ดอลลาร์/ออนซ์ ​เพิ่มขึ้น 8.40 ดอลลาร์

 

--ราคาทองคำตลาดลอนดอนปิดวัน​ทำ​การล่าสุด (18 ​เม.ย.) ที่ 1,393.75 ดอลล์/ออนซ์

-- สกุล​เงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง​เมื่อ​เทียบกับ​เงินยู​โร​และสกุล​เงินหลักๆ ​ใน​การซื้อขายที่ตลาดปริวรรต​เงินตรานิวยอร์ก​เมื่อคืนนี้ (18 ​เม.ย.) หลังจากสหรัฐ​เปิด​เผยข้อมูล​เศรษฐกิจที่อ่อน​แอ รวม​ถึงว่าจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ที่​เพิ่มขึ้น ​และดัชนีชี้นำ​เศรษฐกิจที่หดตัวลง​เป็นครั้ง​แรก​ในรอบ 7 ​เดือน

 

ค่า​เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง​เมื่อ​เทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9323 ฟรังค์ จากระดับ 0.9338 ฟรังค์ ​แต่ขยับขึ้น​เมื่อ​เทียบกับ​เงิน​เยนที่ระดับ 98.12 ​เยน จากระดับ 97.85 ​เยน

 

ค่า​เงินยู​โร​แข็งค่าขึ้น​เมื่อ​เทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3050 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3013 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่​เงินปอนด์​แข็งค่าขึ้น​แตะระดับ 1.5284 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5237 ดอลลาร์สหรัฐ ​และค่า​เงินดอลลาร์ออส​เตร​เลียร่วงลง​แตะระดับ 1.0283 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0292 ดอลลาร์สหรัฐ

 

-- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลง​เล็กน้อย​เมื่อคืนนี้ (18 ​เม.ย.) หลังสหรัฐ​เปิด​เผยข้อมูล​เศรษฐกิจที่ต่ำกว่า​การคาด​การณ์ของนักวิ​เคราะห์

 

ดัชนี FTSE 100 ปิดลดลง 0.54 จุด ​หรือ 0.01% ​แตะที่ 6,243.67 จุด

 

 

ที่มา : สำนักข่าวอิน​โฟ​เควสท์ (19/04/56)

 

[Pete 15,187]

บาท/ดอลลาร์ช่วงต้นภาคเช้า ยังคงมีทิศทางแข็งค่า หลังเข้าทดสอบ

แนวต้านระดับ 28.70 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดใหม่ในรอบ 16 ปี และมี

โอกาสจะไปถึง 28.50 หากไม่มีการแทรกแซงตลาดจากทางการ

*นับจากต้นปีนี้ เงินบาทแข็งค่าแล้ว 6.7% มากสุดในภูมิภาค

*เงินบาทยังแข็งค่าได้ต่อ แม้ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)

ระบุในเช่านี้ว่า ระดับเงินบาทในขณะนี้ เริ่มเกินปัจจัยพื้นฐานไปบ้างแล้ว

 

*วานนี้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ขอให้

ธปท.ดูแลความเคลื่อนไหวของเงินบาทในระยะสั้น แต่ไม่ได้คาดหวังให้

ธปท.เข้าแทรกแซงตลาดอย่างหนัก เพื่อให้บาทอ่อนค่า

*รมว.คลัง ยังเตือนนักเก็งกำไรที่คาดหวังว่าเงินบาทจะอ่อนค่าหลังจากนี้

จากการเก็งมาตรการสกัดบาทแข็งค่าของทางการนั้น "เป็นไปได้ยาก"

*ยูโรและเยนทรงตัวในการซื้อขายที่ตลาดเอเชียเช้านี้ หลังแกว่งตัว

ผันผวนอย่างมากในรอบสัปดาห์ ซึ่งทำให้สกุลเงินของประเทศผู้ส่งออก

สินค้าโภคภัณฑ์ อาทิ ดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลงอย่างหนัก

*ในสัปดาห์นี้มีความวิตกครั้งใหม่เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลก และการดิ่งลง

อย่างหนักของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งรวมถึงทอง ส่งผลกระทบต่อความ

เชื่อมั่นในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างมาก

*มีข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอมากขึ้นของสหรัฐเมื่อวานนี้ อาทิ กิจกรรมภาค

การผลิตที่ชะลอตัวในเขตมิด-แอตแลนติกในเดือนเม.ย. เป็นหลักฐาน

เพิ่มเติมที่แสดงว่าเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลง หลังรายงานเศรษฐกิจจากจีน

และเยอรมนีออกมาน่าผิดหวัง

*ดอลลาร์อยู่ที่ 98.23 เยน โดยร่วงลงจากระดับสูงสุดในรอบ 4 ปีที่

ใกล้ระดับ 100 เยนที่เข้าทดสอบในสัปดาห์ที่แล้ว และยูโรอยู่ที่ 128.24

เยน ร่วงลงจากระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีที่ 131.10 เยนที่ทำไว้ใน

สัปดาห์ที่แล้ว

*อัตราแลกเปลี่ยน บาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคาร

ของ ธปท.วันนี้ อยู่ที่ 28.787 บาท

*09.28 น.บาท/ดอลลาร์ อยู่ที่ 28.68/72 จาก 28.72/75 เมื่อวานนี้

ขณะที่ใน offshore อยู่ที่ 28.675/725 จาก 28.68/76 เมื่อวานนี้

*เยน/ดอลลาร์ อยู่ที่ 98.57/59 จาก 98.22 ในนิวยอร์คเมื่อคืน

*ยูโร/ดอลลาร์ อยู่ที่ 1.3066/67 จาก 1.3048 ในนิวยอร์คเมื่อคืน

 

 

 

 

 

"เงินบาทเช้านี้ ยังมี momentum ไปต่อ แต่ในช่วงเช้าอาจมี real demand เข้ามา ต้องรอดูช่วงบ่าย น่าจะไปต่อเนื่องได้อีก" ดีลเลอร์ กล่าว

 

 

เขากล่าวอีกว่า "หากไม่มี verbal fear เงินบาทก็จะไปต่อ"

 

ดีลเลอร์กล่าวว่า เงินบาทยังมีแนวโน้มแข็งค่าไปได้อีก หากไม่มีการ แทรกแซงตลาดทางวาจา จากความเห็นของธปท.หรือรัฐบาล

 

เขาคาดว่า บาท/ดอลลาร์ในช่วงสั้นนี้ จะอยู่ในช่วง 28.67-28.72 ซึ่งต้องดูทิศทางตลาดหุ้นด้วย ขณะที่มองแนวต้านถัดไปที่ 28.50 และเทรดเดอร์ บางรายมองถึงความเป็นไปได้ที่เงินบาทที่จะแข็งไปแถวๆ 25.00 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับก่อนไทยลอยตัวค่าเงินบาทเมื่อก.ค.2540

 

ที่มา : ทันหุ้น(วันที่ 19 เมษายน 2556)

 

[Pete 15,187]

โกลเบล็กมองกรอบราคาทองคำในวันนี้ที่ 1,360-1,420 ดอลลาร์/ออนซ์(19/04/2556)

บมจ.โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมเนจเม้นท์ แนะกลยุทธ์การลงทุนในทองคำวันนี้ (19 เมษายน 2556) นักลงทุนระยะสั้น ให้ทยอยขายออกที่แนวต้าน $1,400-1,420/Oz ส่วนนักลงทุนระยะกลาง-ยาว ยังแนะนำให้ขายออกที่แนวต้าน $1,420/Oz

 

 

ภาพรวมตลาดวานนี้

Gold – ราคาทองคำโลกปิดปรับตัวขึ้น $13.85/Oz หรือ 1.01% มาอยู่ที่ $1,390.70/Oz (จุดต่ำสุด-สูงสุดในรอบวันอยู่ที่ $1,337.80-1,401.70) ราคาทองคำปรับตัวขึ้นและทรงตัวได้ในระดับสูงจากสภาล่างของเยอรมนีให้ความ เห็นชอบข้อตกลงเรื่องการให้เงินช่วยเหลือแก่ไซปรัส นอกจากนี้ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการสหรัฐเพิ่มขึ้น 4,000 ราย แตะระดับ 352,000 ราย ในขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าตัวเลขดังกล่าวจะอยู่ที่ ระดับ 350,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 346,000 รายส่งผลให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงซึ่งเป็นผลบวกต่อราคาทองคำ

 

แนวโน้มตลาดวันนี้

Gold – ราคายังไม่ผ่านแนวต้านที่ $1,400/Oz ใน 3 วันที่ผ่านมาซึ่งบ่งชี้ถึงแรงขายที่กดดันอยู่ทำให้ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัว ลงได้อีก นอกจากนี้กองทุน SPDR ยังคงลดสถานะลงอย่างต่อเนื่องกดดันราคาทองคำอยู่ มองกรอบราคาทองคำในวันนี้ที่ $1,360-1,420/Oz

 

ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญประจำวันนี้

• ดัชนีราคาผู้ผลิตเยอรมนี เวลา 13.00 น.

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ(วันที่ 19 เมษายน 2556)

 

[Pete 15,187]

โต้งเบรกตื่นทองยุโรปขายล้างหนี้ปัดคุมบาทแข็ง (19/04/2556)

ไทยโพสต์ * "โต้ง" เบรกกระแสตื่นทอง ชี้ราคาผันผวนจากปัจจัยจิต วิทยา เหตุนักลงทุนกังวลยุโรปเทขายล้างหนี้ เชื่อไม่กระทบ ศก.โดยรวม โรงจำนำอ่วมขาดทุนยับ คลังปัดคลอดมาตรการแก้เงินบาทแข็ง ยัน ธปท.เอาอยู่ เตรียมโรดโชว์ 7 ประเทศกระตุ้นส่งออก พบเก็งกำไรค่าเงิน เผยแข็งสวนขาดดุล

 

เมื่อวันที่ 18 เมษายน นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระ ทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) ถึงสาเหตุที่ราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้น-ลงอย่างรุนแรงในช่วงที่ผ่านมาว่า ส่วนหนึ่งเกิดมาจากปัจจัยด้านจิตวิทยา หลังจากนักลงทุนมีความกังวลต่อกรณีที่สมาชิกในกลุ่มประเทศยุโรปบางประเทศออกมาเทขายทองคำในคลังสำรอง เพื่อแก้ปัญหาภาระหนี้ในประเทศของตนเอง โดยในความเป็นจริงบางประเทศที่ออกมาเทขายทองคำนั้นมีปริมาณที่น้อยมากเมื่อเทียบกับสัดส่วนการถือครองทองคำเป็นทุนสำรองของประเทศต่างๆ ทั่วโลก

 

นอกจากนี้ ปริมาณทองคำที่ประชาชนถือครองรวมกันแล้วยังมีสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับปริมาณเงินออมทั้งหมด และเชื่อว่าผู้ออมทองเป็นกลุ่มบุคคลที่มีความพร้อมในการออมสูง จึงเชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศอย่างแน่นอน ขณะเดียวกันยังเชื่อว่าผู้ลงทุนระยะสั้นจะหันมาลงทุนในตลาดซื้อขายทองคำล่วงหน้ามากขึ้น เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ซึ่งในส่วนนี้มีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ดูแลอยู่แล้ว รวมถึงกระทรวงการคลังได้ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอยู่ตลอดเวลาด้วย

 

"ผมยอมรับว่าจะมีผู้ลงทุนบางส่วนที่ขาดทุนจากการลงทุนในทองคำบ้าง แต่ก็เชื่อว่าการผลิตทองคำใหม่จะช่วยลดความผันผวนของราคาทองได้ และทำให้ราคาทองกลับเข้าสู่ภาวะปกติในที่สุด โดยขณะนี้มองว่าราคาทองคำเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น เนื่องจากมีผู้ออมทองสนใจเข้าซื้อเป็นจำนวนมาก แต่จำเป็นต้องมีการติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องและใกล้ชิด" นายกิตติรัตน์ ระบุ

 

นายกิตติรัตน์ยังกล่าวถึงสถานการณ์ของเงินบาทที่ปรับตัวแข็งค่าสูงสุดในรอบ 17 ปี มาอยู่ที่ระดับ 28.82-28.83 บาทต่อดอลลาร์ว่า เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นได้ส่งผลกระทบกับภาคการส่งออกของไทยในปี 2556 โดยยอมรับว่าเป้าหมายการส่งออกที่ตั้งไว้ในปีนี้ที่ 9% นั้น อาจได้รับแรงกดดันจากเป้าหมายการส่งออกที่ตั้งไว้ในปีนี้ที่ 9% นั้น อาจได้รับแรงกดดันจากปัจจัยเสี่ยงดังกล่าว

 

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว อาทิ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงอุตสาหกรรม จะพยายามหาแนวทางในการกระจายการส่งออกให้มากขึ้น โดยจะมีการโรดโชว์ใน 7 ประเทศ อาทิ อินโดนีเซีย จีน อินเดีย พม่า รัสเซีย บราซิล และประเทศในแถบแอฟริกา เพื่อผลักดันให้ไทยสามารถส่งออกเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

 

รองนายกฯ และ รมว.การคลังระบุว่า ขณะนี้ยั งไม่มีความจำเป็นที่จะต้องออกมาตรการดูแลค่าเงินบาท เพราะธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังดูแลในส่วนนี้ได้เป็นอย่างดี ส่วนกระทรวงการคลังจะทำหน้าที่ดูแลด้านนโยบายและทิศทางเศรษฐกิจในระยะกลางและระยะยาว ทั้งนี้ ฝากเตือนนักลงทุนที่นำเงินตราต่างประเทศเข้ามาเก็งกำไรค่าเงินบาทของไทยนั้น จะต้องระมัดระวังความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนให้มาก เพราะค่าเงินยังคงผันผวน เนื่องจากทิศทางค่าเงินบาทของไทยมีการแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง สวนทางกับดุลการค้าที่ขาดดุล ประกอบกับการส่งออกในเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ติดลบ 5.8%

 

"ส่วนตัวไม่ชอบเห็นเงินบาทแข็งค่าขึ้นในลักษณะอย่างนี้ มันไม่ใช่เรื่องสนุก แต่เมื่อแข็งค่าไปแล้ว ภาคธุรกิจควรฉกฉวยโอกาสในการนำเข้าสินค้าเพื่อดำเนินธุรกิจ เพื่อมาชดเชยภาคการส่งออกที่เป็นลบ ซึ่งการนำเข้าที่เป็นโอกาสในขณะนี้จะเข้าที่เป็นโอกาสในขณะนี้จะมาชดเชยสัดส่วนจีดีพีภาคการส่งออกของประเทศได้เช่นกัน พร้อมทั้งช่วยลดความเสียหายของการแข็งค่าของค่าเงินบาทในที่สุด" นายกิตติรัตน์กล่าว

 

ทางด้านนายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่า ผู้ประกอบการร้านค้าทองคำแทบไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่ราคาทองคำปรับตัวลงมาต่ำ เนื่องจากร้านค้าทองส่วนใหญ่ไม่ได้ซื้อทองคำมาตุนสำรองอยู่แล้ว ผิดกับโรงรับจำนำที่ขาดทุนกันถ้วนหน้า เนื่องจากต้นทุนรับจำนำทองของโรงรับจำนำส่วนใหญ่อยู่ที่บาทละ 23,000 บาท แต่ราคาทองคำ ณ ปัจจุบัน ปรับตัวลงมาต่ำอยู่ที่ระดับ 19,000 บาท จึงเป็นเรื่องยากที่ลูกค้าของโรงรับจำนำที่นำทองคำมาจำนำจะมาไถ่ถอนคืน เพราะสามารถซื้อใหม่ได้ถูกกว่า

 

อย่างก็ตาม ทางศูนย์วิจัยทองคำยังประเมินว่า สถานการณ์ของทองคำเข้าสู่การพักฐานแล้ว และน่าจะพักฐานยาวไม่น้อยกว่า 1-2 ปี โดยทางศูนย์วิจัยยังประเมินว่าราคาทองคำในปีนี้ กรอบล่างสุดน่าจะอยู่ที่ระดับ 17,000-17,500 บาท กรอบบนน่าจะอยู่ที่ 21,000-22,000 บาท

 

ทั้งนี้ ทางศูนย์วิจัยทองคำยังประเมินว่า แม้ในสถานการณ์เลวร้ายที่สุด ราคาทองคำก็ไม่น่าปรับตัวลงมาต่ำกว่า 1,200 ดอลลาร์สหรัฐ และกองทุนทองคำขนาดใหญ่อย่าง SPDR น่าจะขายทองคำออกมาอีก จากปัจจุบันที่ขายออกมาแล้ว 215 ตัน

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาทองคำในตลาดโลกปิดที่ 1,382.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลง 4.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำในประเทศในช่วงเช้าปรับลดลง 350 บาท และระหว่างวันมีการปรับราคาขึ้น 9 ครั้ง โดยล่าสุดราคารับซื้อทองคำแท่งอยู่ที่ 18,900 บาท ขายออกบาทละ 19,000 บาท, ทองรูปพรรณ รับซื้อบาทละ 18,631 บาทและขายออกบาทละ 19,400 บาท รวมแล้วปรับขึ้นจากวันก่อน 50 บาท.

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ (วันที่ 19 เมษายน 2556)

 

[Pete 15,187]

เงินบาทเปิด 28.71/73 บาท/ดอลลาร์ ล่าสุดแข็งค่าขึ้นอีกอยู่ที่ 28.66/68 บาท/ดอลลาร์(19/04/2556)

นักบริหารเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 28.71.73 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากช่วงปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 28.72/74 บาท/ดอลลาร์ และเมื่อเวลา 08.42 น.เงินบาทปรับตัวแข็งค่ามาทำนิวโลว์ในรอบ 16 ปีที่ระดับ 28.66/68 บาท/ดอลลาร์

 

 

"เงินบาทปรับตัวแข็งค่าตาม inflow มากกว่า ขณะที่ยูโรและค่าเงินในภูมิภาคไม่ได้แข็งค่า ต่างชาติขายดอลลาร์" นักบริหารเงิน กล่าว

 

 

นักบริหารเงินประเมินการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้ไว้ในกรอบระหว่าง 28.60-28.70 บาท/ดอลลาร์ โดยมีแนวโน้มปรับตัวแข็งค่าต่อเนื่อง

 

 

 

[arthas2u 407]

ข่าวที่สำคัญ

เมื่อวานนี้ ราคาทองคำปรับตัวลดลงในช่วงเช้าตลาดเอเชีย ภายหลังมีแรงซื้อเข้ามาอย่างมากทำให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ $1,402.30 อย่างไรก็ตาม ราคายังไม่สามารถยืนอยู่เหนือระดับ $1,400 ได้ ถือเป็นครั้งที่สามที่ราคาทดสอบ $1400 แล้วไม่ผ่าน

สัปดาห์นี้นับเป็นสัปดาห์ที่ 4 แล้วที่ราคาทองคำปรับตัวลดลงติดต่อกัน จากแรงเทขายใน ETP ที่ประกอบด้วย ETF รวมไปถึง SPDR ได้ต้านทานความต้องการทองคำแท่งที่เพิ่มขึ้นจากออสเตรเลียไปจนถึงอินเดีย

ETP ขายติดต่อกัน 13 วัน ปัจจุบันคงทองที่ระดับ 2,348.099 ตัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2012

เมื่อวันพุธ ETF ได้เทขาย 15.7 ตัน สู่ระดับ 2,359 ตัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือน พ.ย. 2011 และขายมาแล้วกว่า 275 ตันจากระดับสูงสุดในปลายปีที่แล้ว

เมื่อวานนี้ SPDR ขายออกอีก 1.8 ตัน ถือครองปัจจุบันที่ 1,132.99 ตัน นับเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี

หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาผิดหวังทั้ง Unemployment Claims, Philly Fed Manufacturing Index และ ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ ทำให้ยืนยันความเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยของทองคำ

ยอดขายเหรียญทองคำสหรัฐยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยในเดือน เม.ย. ขายไป 153,000 ออนซ์ มากที่สุดในรอบเกือบ 3 ปี หลังจากราคา Futures ในต้นสัปดาห์ได้ลดลงมากที่สุดตั้งแต่ปี 1980

ราคาทองคำเช้านี้ทรงตัวใกล้บริเวณ $1400 ด้วยการซื้อขายอย่างระมัดระวัง โดยนักลงทุนกำลังรอข้อมูลจาก CFTC ที่จะประกาศ 2:30 น. เพื่อความชัดเจนในการซื้อขายมากขึ้น หลังจาก กองทุนต่างๆ ได้ลดการถือครองใน ETF ทั่วโลกไป

ตาม ข้อมูลของ Thomson Reuters Lipper (ทอมสัน รอยเตอร์ส ริปเปอร์) ซึ่งเป็นผู้ติดตามกองทุน รายงานว่า การเทขายทองคำของ SPDR มีจำนวนน้อยกว่าการเทขายในปี 2009 นอกจากนี้ สัปดาห์ที่ผ่านมากองทุนต่างๆ ในสหรัฐถอนการลงทุนออกจากกองทุนตลาดสินค้าโภคภัณฑ์และกองทุนโลหะมีค่ามูลค่า 2.7 พันล้านดอลลาร์ จากราคาทองคำที่ได้รับผลกระทบจากแรงเทขายอย่างหนัก

ค่า Premium ในฮ่องกงอยู่ที่ 1.9-2.0 เหรียญต่อออนซ์ ซึ่งมากที่สุดตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว และค่า Premium ในสิงคโปร์และโตเกียวก็ได้ทำจุดสูงสุดในรอบหลายเดือนอีกด้วย

สภาทองคำโลกกล่าวว่า ราคาที่ลดลง ได้กระตุ้นให้มีแรงซื้อทองคำแท่งเป็นวงกว้าง

กอง ทุนพอลสันได้ลดพอร์ตทองคำ 2.4% ในเดือน เม.ย. เนื่องจากการเทขายทองคำอย่างมาก แต่พอลสันได้กล่าวว่า การปรับตัวลงของทองคำ ยังไม่ได้เปลี่ยนมุมมองของแนวโน้มขาขึ้นของทองคำ

แหล่งข้อมูลระบุว่า ในสัปดาห์หน้านายพอลสันอาจมีการสรุปอัพเดทข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินการของกองทุนทั้งหมดในทองคำ

CME Group ประกาศเมื่อวานนี้เพื่อออกสัญญาซิลเวอร์ ฟิวเจอร์สใหม่ ขนาด 1,000 ออนซ์ โดยจะมีผลเริ่มซื้อขายในเดือนมิถุนายน 2013

นับว่าสัปดาห์นี้ซิลเวอร์มีราคาที่แย่ที่สุดในรอบเกือบ 19 เดือน

นางลาการ์ด ผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟกล่าวเมื่อวานเรียกร้องให้เศรษฐกิจโลก“ขับเคลื่อนอย่างเต็มที่” และกดดันให้ยุโรปกระตุ้นการเติบโต และกล่าวว่าอีซีบี “ยังมีช่วงเหลือให้ใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอีก” พร้อมย้ำว่า “ไซปรัสไม่ใช่แม่แบบ” ในการช่วยเหลือทางการเงินของประเทศอื่นในยูโรโซน

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของอียูกล่าวเมื่อวานนี้ว่า ยูโรโซนจะแสดงงบประมาณรัดเข็มขัด เพื่อที่ช่วยในการฟื้นฟูการเติบโตของเศรษฐกิจ และเน้นถึงการเปลี่ยนนโยบายที่สหรัฐได้กดดันมานาน

การประชุม G20 จะยืนยันคำมั่นที่จะหลีกเลี่ยงการแข่งกันทำให้ค่าเงินอ่อนค่า และมีการวิจารณ์ญี่ปุ่นที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจจากภาวะเงินฝืด 15 ปี แม้ว่าเยนจะอ่อนค่า อีกทั้ง รองประธานธนาคารกลางจีนกล่าวว่า กรอบการซื้อขายของค่าเงินหยวนจะกว้างขึ้นในอนาคตอันใกล้

เฟดสาขาริชมอนด์และมิเนโพลิสกล่าวเมื่อคืนว่า กล่าวถึงอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงต่ำกว่าระดับเป้าหมาย 2% ซึ่งอาจสื่อถึงความจำเป็นในการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป

สภาล่างของเยอรมนีเห็นชอบให้เงินช่วยเหลือแก่ไซปรัส

รัฐสภาอิตาลีล้มเหลวในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวานนี้

 

ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืน

- Unemployment Claims ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 348K ตัวเลขจริงปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 352K

- Philly Fed Manufacturing Index ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 2.0 ตัวเลขจริงปรับตัวลดลงสู่ระดับ 1.3

 

ข่าวเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม

- IMF Meetings

- G20 Meetings

ถูกแก้ไข เมษายน 19, 2013 โดย arthas

[Pete 15,187]

อียูขยายเวลาชำระหนี้โปรตุเกส-ไอร์แลนด์ (19/04/2556)

บรัสเซลส์ - สหภาพยุโรปเห็นพ้องที่จะขยายเวลาชำระหนี้ให้โปรตุเกสและไอร์แลนด์ออกไปอีก 7 ปี เพื่อผ่อนคลายวิกฤติเศรษฐกิจและเป็นการปูทางไปสู่การฟื้นตัวอย่างยั่งยืนและ รวดเร็วยิ่งขึ้น การยืดเวลาชำระหนี้ออกไปมีจุดมุ่งหมายที่จะช่วยผ่อนคลายความกดดันทางการเงิน แก่ไอร์แลนด์และโปรตุเกส ซึ่งจะช่วยให้ทั้งสองประเทศกลับมาทำการขายพันธบัตรระยะยาวได้อีกครั้ง หลังจากที่เงินช่วยเหลือหมดลง โดยเงินกู้ของไอร์แลนด์กำลังจะหมดลงในปลายปีนี้ ส่วนเงินกู้ของโปรตุเกสจะหมดลงในปีหน้า นอกจากนี้ ที่ประชุมยังอนุมัติเงินกู้จำนวน 10,000 ล้านยูโรให้แก่ไซปรัส เพื่อแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจในขณะนี้ นายยอร์จ แอสมูสเซน กรรมการบริการธนาคารกลางยุโรป กล่าวว่า ภาคการธนาคารของไซปรัสนั้นมีลักษณะพิเศษแตกต่างไปจากประเทศอื่นในยุโรป การหาวิธีแก้ปัญหาจึงเป็นเรื่องยุ่งยากตามไปด้วย ขณะที่ไซปรัสเองก็ต้องดำเนินนโยบายรัดเข็มขัดหลายอย่างเพื่อแลกกับการขอรับ เงินกู้ในครั้งนี้

 

โตโยต้าขายไฮบริดกระจาย

 

โตเกียว - โตโยต้า บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของญี่ปุ่นแถลงว่า ขายรถยนต์ไฮบริด รวมทั้งรถยอดนิยม พริอุส ได้เป็นจำนวนกว่า 1.2 ล้านคันทั่วโลกในปีที่แล้ว ถือเป็นสองเท่าของยอดขายในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ตัวเลขดังกล่าวคิดเป็นร้อยละ 14 ยอดรถยนต์ทั้งหมดที่โตโยต้าขายได้ในปีที่แล้ว และกว่าครึ่งหนึ่งของยอดขายอยู่ในตลาดรถยนต์ในประเทศ บริษัทคาดหวังจะขายรถยนต์ไฮบริดได้ถึง 1.25 ล้านคันในปีนี้ และว่า เป้าหมายของโตโยต้าก็คือ การขายให้ได้เกินปีละ 1 ล้านคัน และสามารถทำได้สำเร็จ โดยคาดหวังจะคงความสำเร็จนี้ไว้ต่อไปในอนาคต โตโยต้ามีแผนออกรถยนต์ไฮบริดรุ่นใหม่ถึง 18 รุ่นภายในเดือนธันวาคม 2558 นับแต่เปิดตัวรถพรีอุสในปี 2540โตโยต้าขายรถยนต์ไฮบริดได้แล้วถึง 5.125 ล้านคันใน 80 ประเทศ

 

ที่มา : แนวหน้า(วันที่ 19 เมษายน 2556)

 

[Pete 15,187]

เงินบาทเช้านี้แข็งค่าแตะ 28.66/68 บาท/ดอลลาร์จากเงินทุนไหลเข้า (19/04/56)

นักบริหารเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 28.71.73 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากช่วงปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 28.72/74 บาท/ดอลลาร์ และเมื่อเวลา 08.42 น.เงินบาทปรับตัวแข็งค่ามาทำนิวโลว์ในรอบ 16 ปีที่ระดับ 28.66/68 บาท/ดอลลาร์

 

"เงินบาทปรับตัวแข็งค่าตาม inflow มากกว่า ขณะที่ยูโรและค่าเงินในภูมิภาคไม่ได้แข็งค่า ต่างชาติขายดอลลาร์" นักบริหารเงิน กล่าว

 

นักบริหารเงินประเมินการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้ไว้ในกรอบระหว่าง 28.60-28.70 บาท/ดอลลาร์ โดยมีแนวโน้มปรับตัวแข็งค่าต่อเนื่อง

 

*ปัจจัยสำคัญ

- อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคาร ธปท.วันนี้อยู่ที่ 28.787 บาท/ดอลลาร์

 

- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 98.15/20 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 98.40/41 เยน/ดอลลาร์

 

- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3054/3057 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.3066/3068 ดอลลาร์/ยูโร

 

- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้(18 เม.ย.) เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าผิดหวังของสหรัฐได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย นอกจากนี้การที่ราคาทองคำร่วงลงอย่างรุนแรงในช่วงที่ผ่านมานับเป็นโอกาสที่นักลงทุนจะเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรด้วย โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX(Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน มิ.ย.เพิ่มขึ้น 9.8 ดอลลาร์ หรือ 0.71% ปิดที่ 1,392.5 ดอลลาร์/ออนซ์

 

- สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เปิดเผยว่า ราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงเพิ่มขึ้น 32 ดอลลาร์ฮ่องกง เปิดที่ระดับ 12,950 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึงในวันนี้ หรือเทียบเท่ากับ 1,400.83 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ เพิ่มขึ้น 3.46 ดอลลาร์สหรัฐ ที่อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ/ 7.761 ดอลลาร์ฮ่องกง

 

- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับเงินยูโรและสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้(18 เม.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ รวมถึงว่าจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ที่เพิ่มขึ้น และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจที่หดตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน โดยค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9323 ฟรังค์ จากระดับ 0.9338 ฟรังค์ แต่ขยับขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 98.12 เยน จากระดับ 97.85 เยน

 

ขณะที่ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3050 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3013 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.5284 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5237 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลงแตะระดับ 1.0283 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0292 ดอลลาร์สหรัฐ

 

- สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ(ONS) เปิดเผยวานนี้ว่า ยอดค้าปลีกในอังกฤษลดลง 0.7% ในเดือน มี.ค.จากผลกระทบของสภาพอากาศที่หนาวเย็น โดยผลสำรวจความคิดเห็นผู้ค้าปลีก 5,000 รายแสดงให้เห็นว่า ยอดขายสินค้าที่ไม่ใช่อาหารในเดือน มี.ค.ร่วงลง 4% ซึ่งนับเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดในรายเดือนในรอบกว่า 3 ปี

 

- นักลงทุนรอดูผลประชุมรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางจากกลุ่มประเทศ G-20 ซึ่งเปิดฉากแล้วเมื่อคืนนี้ในกรุงวอชิงตัน ซึ่งจะจัดขึ้นเป็นเวลา 2 วัน โดยคาดว่าญี่ปุ่นจะหาทางสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายผ่อนคลายทางการเงินเชิงรุก เพื่อรับมือความวิตกกังวลเกี่ยวกับการอ่อนค่าอย่างหนักของเงินเยน และผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดขึ้นในเศรษฐกิจประเทศอื่นๆ และคาดว่าสมาชิกกลุ่ม G-20 โดยรวมจะแสดงจุดยืนว่าจะเลี่ยงการปรับลดค่าเงินเพื่อการแข่งขัน และไม่กำหนดเป้าหมายอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อวัตถุประสงค์ในเชิงแข่งขัน ตามที่เห็นพ้องกันในการประชุมที่กรุงมอสโกเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา

 

- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ได้ติดตามสถานการณ์ภาวะอสังหาริมทรัพย์ที่ขยายตัวรวดเร็วอย่างใกล้ชิด โดยมีการสอบถามผู้ประกอบการอสังหาฯถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น "ยอมรับว่ามีบางโครงการที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีการเก็งกำไร แต่ข้อมูลยังไม่ชัดเจน ธปท.กำลังติดตามดูอยู่

 

- สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) หวั่นบาทแข็งกระตุกส่งออกวูบ ชี้แข็งค่าเฉลี่ย 28 บาท/ดอลลาร์ ทำมูลค่าหาย 5.7 แสนล้าน ฉุดจีดีพีอุตสาหกรรมโตแค่ 1.5-2.5% ทำดัชนีเชื่อมั่นมีนาฯดิ่งต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ชง ครม. 23 เมษาฯ คลอดแพคเกจช่วยเอสเอ็มอี สศช.เผยนายกฯห่วง จี้พาณิชย์ปรับแผนการตลาด

 

- สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผย ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ระดับที่ 99.3 ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำสุดในรอบ 18 เดือนนับจากเดือน ก.ย. 54 ที่อยู่ระดับ 94 เนื่องจากผู้ประกอบการแสดงความกังวลการแข็งค่าของเงินบาทไทย รวมถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองในอนาคต

 

- นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ส่งสัญญาณพบการเก็งกำไรค่าเงินบาทแล้ว สั่งจับตานักลงทุนนำเงินตราต่างประเทศเข้ามาเก็งกำไรอย่างใกล้ชิด พร้อมเตือนผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายระวังความเสี่ยง เหตุค่าเงินผันผวนหนัก ขณะที่ยอมรับ เป็นห่วงสถานการณ์เงินบาทแข็งโป๊ก ทุกภาคการส่งออกไทยโตไม่ถึงเป้า 9%

 

ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19/04/56)

 

[Pete 15,187]

เงินทุนญี่ปุ่นไหลเข้าดันบาทแข็ง(19/04/2556)

นายกรัฐมนตรี เรียกหน่วยงานเศรษฐกิจ หารือหลังพบสัญญาณเงินไหลเข้ามาเก็งกำไร แต่ยืนยัน ยังไม่จำเป็นต้องมีมาตรการพิเศษดูแล

 

 

 

จากแนวโน้มเงินบาทที่ยังเคลื่อนไหวในทิศทางแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดวานนี้ (18เม.ย.) เงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นถึง 0.4% มาอยู่ที่ 28.72 บาท แข็งค่าสูงสุดนับจากปี 2540 และหากนับตั้งแต่ต้นปี 2555 เงินบาทแข็งค่าแล้ว 6.5% มากที่สุดในภูมิภาค

 

 

 

จึงทำให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ประกอบด้วย นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง // นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ แบงก์ชาติ // นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ // และนาย วราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นต้น

 

 

 

โดยนายกิตติรัตน์ บอกว่า ที่ประชุมได้มีการหารือถึงความผันผวนที่เกิดขึ้นทั้งในตลาดทองคำ และอัตราแลกเปลี่ยน โดยเห็นว่า การลดลงของราคาทองคำในขณะนี้ มีสาเหตุมาจากผลกระทบทางจิตวิทยา หลังมีข่าวเรื่องสมาชิกสหภาพยุโรป หรือ อียู บางประเทศจะขายทองคำที่เป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ เพื่อดูแลภาระหนี้

 

 

 

ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวนนั้น รัฐบาลยังมีความกังวลกรณีนักลงทุนบางส่วนนำเงินตราต่างประเทศเข้ามาเก็งกำไร ในไทย แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นต้องออกมาตรการพิเศษออกมาดูแลการ เก็งกำไรค่าเงิน

 

 

 

ด้านนายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้ความเห็นต่อความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนในขณะนี้ว่า การแข็งค่าของเงินบาท จากกระแสเงินทุนที่ไหลเข้า แน่นอนว่ามีผลกระทบต่อการส่งออกของไทยอยู่แล้ว และ SMEs ถือเป็นกลุ่มที่น่าเป็นห่วงมากที่สุด

 

 

 

โดยกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายในรอบนี้ มีความแตกต่างกับวิกฤตการเงินในปี 2540 ที่ในขณะนั้น เป็นปัญหาเงินไหลออก แต่ในรอบนี้เป็นปัญหาเงินไหลเข้า ซึ่งถือว่าอยู่ในสถานการณ์ที่ดีกว่า

 

 

 

ขณะที่นางสาวอุสรา วิไลพิชญ์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) บอกว่า เงินบาทยังมีทิศทางแข็งค่าต่อเนื่อง จากเงินทุนที่ยังไหลเข้ามาในตลาดตราสารหนี้ไทย ซึ่งเงินทุนที่ไหลเข้ามาในช่วงหลังนี้ ส่วนใหญ่เป็นเงินทุนจากญี่ปุ่น ที่ต้องการหาแหล่งลงทุนที่ปลอดภัย และป้องกันการเสื่อมค่าของเงินเยน

 

ที่มา : money channel (วันที่ 19 เมษายน 2556)

 

[Pete 15,187]

Q1กรีซบรรลุเป้าหมาย ขาดดุลงบประมาณ 1.4 พันล้านยูโร ดีกว่าคาดการณ์(19/04/2556)

ทางการกรีซเปิดเผยว่า กรีซบรรลุเป้าหมายด้านงบประมาณที่กำหนดไว้สำหรับช่วงไตรมาสแรก ปี 2556 ซึ่งนับเป็นสัญญาณที่ดีต่อเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ขณะที่การหารือกับคณะผู้แทนของเจ้าหนี้ต่างประเทศในกรุงเอเธนส์ว่าด้วย เงื่อนไขในการเบิกจ่ายเงินช่วยเหลืองวดถัดไป (8.8 พันล้านยูโรในเดือนพฤษภาคม) นั้นยังคงดำเนินต่อไป ทั้งนี้ กระทรวงการคลังของกรีซระบุว่า กรีซขาดดุลงบประมาณที่ 1.4 พันล้านยูโรในไตรมาสแรกของปี 2556 ซึ่งนับเป็นตัวเลขที่ดีกว่าการคาดการณ์ โดยแนวโน้มในเชิงบวกดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการปรับลดรายจ่ายจำนวนมากใน ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา อันเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการรัดเข็มขัดและปฏิรูปซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อจัดการ กับวิกฤตหนี้สินของประเทศ

 

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ(วันที่ 19 เมษายน 2556)

 

[Pete 15,187]

เอเปคเตือนสมาชิกอย่าแข่งลดค่าเงิน (19/04/2556)

หน่วยสนับสนุนด้านนโยบายของเอเปค เตือนสมาชิกเอเปคอย่าแข่งขันกันลดค่าเงิน และให้ระมัดระวังฟองสบู่ที่เกิดจากการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อเก็งกำไร

 

หน่วยงานดังกล่าวออกรายงานเมื่อวานนี้ ก่อนที่รัฐมนตรีพาณิชย์กลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) จะประชุมกันที่เมืองสุราบายา ของอินโดนีเซียในช่วงสุดสัปดาห์นี้ว่า น่าเป็นห่วงว่าความพยายามกอบกู้ความสามารถในการแข่งขันอาจทำให้เจ้าหน้าที่ทางการเงินเข้าแทรกแซงสกุลเงินพร้อมกัน ซึ่งจะทำให้รูปแบบการค้าและการลงทุนโลกเกิดความไม่สมดุลมากยิ่งขึ้น สมาชิกเอเปคทั้ง 21 เขตเศรษฐกิจจึงต้องยึดมั่นต่อการไม่แข่งขันกันลดค่าเงิน

 

รายงานคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจเอเปคจะเติบโตเพิ่มขึ้นจาก 4.1% เมื่อปีก่อน เป็น 4.2 % ในปีนี้ และ 4.7% ในปีหน้า แต่ยังคงเสี่ยงได้รับผลกระทบจากวิกฤติหนี้ยูโรโซน และผลกระทบจากเงินทุนจำนวนมากจากประเทศพัฒนาแล้ว ที่ไหลเข้าตลาดเศรษฐกิจเกิดใหม่เนื่องจากให้ผลตอบแทนสูงกว่า เงินทุนเหล่านี้มีความผันผวน หากไหลออกฉับพลันจะสร้างความเสียหายให้แก่ภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง นอกจากนี้ ยังเตือนให้ระวังการซื้อเก็งกำไรที่ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ และหลักทรัพย์พุ่งสูงขึ้น

 

ขณะที่โจนส์แลงลาซาลล์ ที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของโลก คาดว่า ปีนี้จะมีเงินลงทุนโดยตรงในอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลกมากถึง 500,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 14.5 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากปีที่แล้ว โดยเม็ดเงินส่วนใหญ่จะไหลเข้ามาที่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ (วันที่ 19 เมษายน 2556)

 

[Pete 15,187]

โซรอสเชื่อวิกฤตยูโรโซนยังไม่จบ แต่มีผลกระทบไม่มากนักต่อตลาดหุ้น(19/04/2556)

จอร์จ โซรอส พ่อมดการเงินชาวอเมริกัน เชื่อว่าวิกฤตยูโรโซนจะดำเนินต่อไป พร้อมชี้ว่าวิกฤตด้านหนี้สินและงบประมาณในยุโรปยังอยู่ห่างไกลจากคำว่า “สิ้นสุด” แต่ถึงกระนั้น เชื่อว่าปัญหาของยุโรปไม่น่าจะมีผลกระทบมากนักต่อตลาดหุ้น ทั้งนี้ วิกฤตด้านหนี้สิน การขาดดุลงบประมาณ และปัญหาความไร้เสถียรภาพที่เกิดขึ้นในสถาบันการเงินของหลายประเทศที่เป็น สมาชิกกลุ่มยูโรโซนได้ยืดเยื้อมานานกว่า 3 ปีแล้ว นับตั้งแต่ที่กรีซ กลายเป็นประเทศแรกที่ต้องขอรับความช่วยเหลือทางการเงิน

 

ขณะที่อังกฤษและฝรั่งเศสแม้จะไม่ต้องขอรับความช่วยเหลือทางการเงิน แต่ก็ถูกสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือต่างๆ ปรับลดความน่าเชื่อถือลงจากระดับ “AAA” ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นครั้งแรก

 

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ(วันที่ 19 เมษายน 2556)

 

[kad 137]

ป๋าขา วันนี้จะทำอะไรตะโกนบ่นดังๆนะคะ ขอหนูไปด้วยคน

[ariya 1,481]

สวัสดียามเช้าค่ะ คุณป๋า คุณเกี้ยมอี๋ คุณpasaya คุณarthas และทุกๆท่าน

 

สวัสดีค่ะ คืนนี้เจอกัน

[Alan 1,136]

 

 

สวัสดีค่ะ คืนนี้เจอกัน

ยินดีกะคุณเกี้ยมอี๋ด้วยนะคะ เยี่ยมมากค่ะ อลันยังจับทางเล่นไม่ถูกเลย ได้2 ขาดทุน5คร้ังแหนะ