ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

นายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ ซึ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา เผยยุทธศาสตร์ใหม่ในการใช้นโยบายเงินตราของอังกฤษว่า จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.5% เว้นเสียแต่ว่าเงินเฟ้อจะลุกลามตรไม่สามารถควบคุมได้ หรือมีแนวโน้มว่า จะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงิน

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การฟื้นตัวที่อ่อนแอของเศรษฐกิจอังกฤษยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี โดยยุทธศาสตร์ใหม่ที่มีการนำมาใช้จะช่วยสนับสนุนเรื่องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และช่วยควบคุมความเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพด้านเงินเฟ้อและการเงิน

 

จากรายงานของธนาคารกลางอังกฤษนั้น เศรษฐกิจของประเทศคาดว่า จะขยายตัว 0.6% ในไตรมาส 3 ของปีนี้ ซึ่งเท่ากับสถิติในไตรมาสที่แล้ว

 

สำหรับอัตราว่างงานนั้น คาดว่า จะร่วงลงจากระดับปัจจุบันที่ 7.8% โดยธนาคารกลางอังกฤษคาดว่า อัตราว่างงานจะอยู่ที่ 7.1% ในไตรมาส 3 ปีนี้

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 7 สิงหาคม 2556)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เศรษฐกิจจีนคู่ค้ารายใหญ่เดี้ยงฉุดยอดส่งออก

 

เครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์แย่

 

สถาบันไฟฟ้าฯ หั่นเป้าส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ปี56 ติดลบ 3% เหตุตลาดจีนคู่ค้ารายใหญ่ของไทยแย่? อียูและญี่ปุ่นยังไม่ฟื้นตัว ผู้ประกอบการมึนผจญเสี่ยงจากปัญหาเศรษฐกิจ การเมืองร้อน? ค่าเงินผันผวน ??ต้องทำธุรกิจอย่างระมัดระวัง? บริหารสินค้าในสต็อคให้สอดคล้องกับออร์เดอร์? ป้องกันสภาพคล่องฝืด

 

นายสมบูรณ์? หอตระกูล? ผู้อำนวยการสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เปิดเผยภายหลังการประชุมCEO Forum ครั้งที่ 3/2556ว่าสถาบันฯได้ปรับประมาณการณ์การส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ปี 2556 ใหม่โดยคาดว่าการส่งออกจะมีมูลค่า 52,530 ล้านดอลลาร์หรือ - 3%เมื่อเทียบกับปีก่อน จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 2.5 % ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบก็คือตลาดส่งออกจีนมีแนวโน้มลดลงมาก? เพราะจีนเป็นตลาดส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญของไทย? โดยเศรษฐกิจโลกมีผลต่อการส่งออกสินค้าของจีนและส่งผลต่อเนื่องถึงภาคการผลิตของจีน ที่ผ่านมาจีนเป็นตลาดส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญของไทย เช่น ฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ

 

ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจสหภาพยุโรป (อียู) และญี่ปุ่นยังไม่ฟื้นตัวทำให้การนำเข้าสินค้าไม่ขยายตัวมากขึ้น? ส่วนการส่งออกไปตลาดสหรัฐถึงแม้จะปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงแรกของปี แต่ยังไม่มีแรงส่งมากพอที่จะพยุงการส่งออกในภาพรวมให้ดีขึ้นได้? ?สถาบันฯ จะติดตามการส่งออกในไตรมาส 3-4 ปีนี้ ว่าจะสถานการณ์เป็นอย่างไรเพราะเป็นช่วงที่มีการส่งออกมากเมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปี

 

นายสมบูรณ์ กล่าวว่าหากพิจารณาเฉพาะตลาดจีนพบว่าในช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมาการส่งออกไปจีนลดลงต่อเนื่องโดยไทยส่งออกอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ไปจีนมูลค่า 1,439 ล้านดอลลาร์ ลดลง 43 % ส่งออกมอร์เตอร์ขนาดเล็กมูลค่า 154 ล้านดอลลาร์ ลดลง 29 % ส่งออกเครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้าป้องกันการลัดวงจร แป้นและแผงควบคุมมูลค่า 103 ล้านดอลลาร์ ลดลง 15 %? โดยการส่งออกฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟลดลงมากแสดงให้เห็นว่าความต้องการคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (พีซี) และสินค้าสำเร็จรูปบางประเภทลดลง? แต่ความต้องการสมาร์ทโฟนและแท็ปเล็ตมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาจีนเป็นคู่ค้าสำคัญและเป็นตลาดส่งออกอิเล็กทรอนิสก์อันดับ 2 ของไทย

 

สำหรับการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้มีมูลค่า 11,418 ล้านดอลลาร์ เทียบช่วงเดียวกันกับปีที่แล้วเพิ่มขึ้น 1 % ตลาดส่งออกสำคัญอยู่ที่ อาเซียนและญี่ปุ่น? โดยการส่งออกเครื่องปรับอากาศมีมูลค่าสูงสุด 2,163 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 11 % รองลงมาเป็นกล้องวีดีโอมูลค่า 953 ดอลลาร์ ลดลง 10 % ตู้เย็น 807 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 13 % เครื่องซักผ้า 462 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 30 % และโทรทัศน์ 438 ล้านดอลลาร์ ลดลง 6 %

 

การส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มีมูลค่า 15,107 ล้านดอลลาร์ ลดลง

 

4 % มีตลาดส่งออกสำคัญอยู่ที่สหรัฐ อาเซียนและอียู การส่งออกอุปกรณ์คอมพิวเตอร์มีมูลค่าสูงสุด 8,773 ล้านดอลลาร์ ลดลง 13 % ไอซีมูลค่า 3,506 ล้านดอลลาร์ ลดลง 3 % เครื่องส่งและเครื่องรับวิทยุโทรเลข วิทยุโทรทัศน์ 598 ล้านดอลลาร์ ลดลง 4 % อุปกรณ์โทรศัพท์และโทรเลข 466 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 3 %

 

ส่วนยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศนั้นเชื่อว่ายังเติบโตโดยเฉพาะโทรทัศน์ดิจิตอลที่มีความต้องการมากขึ้นเพราะภาครัฐประกาศออกมาแล้วว่าจะมีช่องดิจิตอลออกอากาศบางส่วนได้ในเดือนธันวาคมนี้รวมทั้งกล่องแปลงสัญญาอนาล็อกเป็นดิจิตอลจะมีความต้องการเพิ่มตามไปด้วย? ?แต่ปัจจัยที่มีผลต่อการบริโภคในประเทศอยู่ที่สถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองซึ่งอาจจะมีผลต่อความรู้สึกในการบริโภคแต่เชื่อว่าไม่มาก

 

นางกนิษฐ์ เมืองกระจ่าง รองประธานบริษัท ไทยโตชิบาอุตสาหกรรมจำกัด กล่าวว่า ครึ่งปีหลังยังมีปัจจัยเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัว? โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนที่ยังไม่มีท่าทีฟื้นตัวส่งผลต่อความต้องการนำเข้าชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ขณะที่การส่งออกไปญี่ปุ่นขยายตัวแต่ไม่สูงมากพอที่จะทำให้การส่งออกในภาพรวมดูดี

 

อีกทั้งยังมีปัจจัยเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ผู้ประกอบการต้องซื้อประกันความเสี่ยงค่าเงินไว้? แม้ว่าช่วงนี้เงินบาทอ่อนค่าลงก็อาจเป็นผลดีต่อผู้ผลิตเพื่อส่งออก? แต่ผู้นำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศมาผลิตเพื่อขายในประเทศจะได้รับผลกระทบ? รวมทั้งมีปัจจัยเสี่ยงจากราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มสูงขึ้นและราคาน้ำมันดิบปัจจุบันอยู่ที่บาร์เรลละ 106-107 ดอลลาร์ ทำให้ต้นทุนการขนส่งและราคาวัตถุดิบสูงขึ้น

 

“สถานการณ์ปัจจุบันเป็นช่วงที่ผู้ประกอบการต้องมีความระมัดระวังในการทำธุรกิจมากขึ้น? โดยผู้ประกอบการต้องระมัดระวังการบริหารสินค้าคงคลังให้สอดคล้องกับคำสั่งซื้อที่เข้ามา? ซึ่งถ้ามีสินค้าคงคลังมากอาจมีผลต่อสภาพคล่อง”

 

อย่างไรก็ตามการจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศช่วงครึ่งหลังปีนี้คาดว่าได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจในประเทศที่มีแนวโน้มชะลอตัว ส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค

 

รวมทั้งความขัดแย้งทางการเมืองอาจมีผลต่อความรู้สึกในการตัดสินใจบริโภคของประชาชนประกอบกับเป็นช่วงฤดูฝนที่มียอดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าน้อย? และสภาพอากาศเช่นนี้มีผลต่อความต้องการสินค้าบางประเภทเช่น เครื่องปรับอากาศบริษัทจึงปรับยอดขายลง 3%ในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายนนี้ ซึ่งจะต้องรอดูว่าเมื่อพ้นฤดูฝนไปแล้วความต้องการใช้เครื่องไฟฟ้าในเดือนตุลาคมจะปรับขึ้นมาดีขึ้นหรือไม่รวมทั้งต้องรอดูกำลังซื้อในประเทศและสถานการณ์การเมืองว่าจะมีผลต่อการตัดสินใจบริโภคเพียงใด

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า (วันที่ 8 สิงหาคม 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Employment Change

Actual:-10.2K

Forecast:5.0K

Previous:9.3K

Importance:Currency:AUDSource Of Report:Australian Bureau of Statistics (Release URL)

OverviewChartHistory

Employment Change measures the change in the number of people employed. Job creation is an important indicator of consumer spending.

 

A higher than expected reading should be taken as positive/bullish for the AUD, while a lower than expected reading should be taken as negative/bearish for the AUD.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดอลล์ยังคงอ่อนค่า ​เหตุตลาด​ไม่มั่น​ใจ​เฟดลด QE

ข่าวต่างประ​เทศ สำนักข่าวอิน​โฟ​เควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคม 2556 07:25:11 น.

 

สกุล​เงินดอลลาร์สหรัฐยังคงอ่อนค่าลง​เมื่อ​เทียบกับสกุล​เงินหลักๆ ​ใน​การซื้อขายที่ตลาดปริวรรต​เงินตรานิวยอร์ก​เมื่อคืนนี้ (7 ส.ค.) จาก​ความ​ไม่​แน่นอนที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (​เฟด) จะ​เดินหน้า​ใช้มาตร​การผ่อนคลาย​เชิงปริมาณ (QE) ​หรือจะชะลอ​โครง​การดังกล่าว

 

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง​เมื่อ​เทียบกับ​เงิน​เยนที่ระดับ 96.38 ​เยน จากระดับของวันอังคารที่ 97.65 ​เยน ​และอ่อนค่าลง​เมื่อ​เทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9217 ฟรังค์ จากระดับ 0.9259 ฟรังค์

 

ยู​โร​แข็งค่าขึ้น​แตะระดับ 1.3332 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3306 ดอลลาร์สหรัฐ ​เงินปอนด์​แข็งค่าขึ้น​แตะระดับ 1.5498 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5357 ดอลลาร์สหรัฐ ​และดอลลาร์สหรัฐ​แข็งค่าขึ้น​แตะระดับ 0.8990 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8985 ดอลลาร์สหรัฐ

 

สกุล​เงินดอลลาร์สหรัฐยังคงอ่อนค่าลง​เนื่องจาก​ความ​ไม่​แน่นอนว่า​เฟดจะ​เดินหน้า​ใช้ QE ต่อ​ไป​หรือ​ไม่ ขณะที่​เจ้าหน้าที่หลายคนของ​เฟด​ได้ออกมาส่งสัญญาณ​เป็นระลอก ​โดยนาย​เดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธาน​เฟดสาขา​แอต​แลนตากล่าวว่า ​เฟดอาจ​เริ่มลดปริมาณ​การซื้อพันธบัตร​ในช่วง​แรก​ใน​การประชุมกำหนดน​โยบาย​การ​เงินครั้ง​ใดครั้งหนึ่งที่​เหลืออยู่​ในช่วงปีนี้ ขณะที่​เฟดยังมีกำหนด​การประชุมอีก 3 ครั้ง​ในปีนี้

 

ขณะที่นายชาร์ลส์ อี​แวนส์ ประธาน​เฟดสาขาชิคา​โก กล่าว่วา ​เขา​ไม่ปฏิ​เสธ​ความ​เป็น​ไป​ได้ที่​เฟดจะชะลอมาตร​การกระตุ้นทาง​การ​เงิน​โดย​การลดขนาด​แผน​การซื้อพันธบัตรวง​เงิน 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อ​เดือน​ใน​การประชุมกำหนดน​โยบาย​การ​เงินของ​เฟด​ใน​เดือนก.ย.นี้

 

​เงิน​เยน​แข็งค่าขึ้น​แตะระดับสูงสุด​ในรอบ 7 สัปดาห์ จากกระ​แสคาด​การณ์ที่ว่า ที่ประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (บี​โอ​เจ) จะยัง​ไม่ผ่อนคลายน​โยบาย​การ​เงิน​เพิ่ม​เติม​ใน​การประชุมวันนี้

 

ส่วน​เงินยู​โรพุ่งขึ้นติดต่อกัน 2 วัน​ทำ​การ หลังจากผลสำรวจระบุว่า ดัชนี​ผู้จัด​การฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริ​การของ​เยอรมนี​ใน​เดือนก.ค.​เพิ่มขึ้น​แตะ 51.3 ​ซึ่งสูงสุด​ในรอบ 5 ​เดือน จาก 50.4 ​ใน​เดือนมิ.ย. ​โดยดัชนีที่สูงกว่า 50 ​แสดง​ให้​เห็นว่ากิจกรรมภาคบริ​การมี​การขยายตัว

 

นักลงทุนจับตาดูกระทรวง​แรงงานสหรัฐจะ​เปิด​เผยจำนวน​ผู้ขอรับสวัสดิ​การว่างงาน​ในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 3 ส.ค.​ในวันนี้​เวลา 19.30 น.ตาม​เวลา​ไทย ​ซึ่งนักวิ​เคราะห์คาดว่าจำนวน​ผู้ขอรับสวัสดิ​การว่างงานจะ​เพิ่มขึ้น​แตะระดับ 336,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 326,000 ราย

อิน​โฟ​เควสท์ ​แปล​และ​เรียบ​เรียง​โดย รัตนา พงศ์ทวิช ​โทร.02-2535000 ต่อ 327 อี​เมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

http://www.ryt9.com/s/iq21/1709003

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาธนาคารกลางญี่ปุ่นเผยผลการประชุมนโยบายการเงิน รวมถึงข้อมูลนำเข้า-ส่งออกเดือนก.ค.ของจีน

 

ดัชนี MSCI Asia Pacific เพิ่มขึ้น 0.2% แตะ 133.70 จุด เมื่อเวลา 10.00 น.ตามเวลาโตเกียว

 

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 13,779.47 จุด ลดลง 45.47 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,697.87 จุด เพิ่มขึ้น 109.03 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 7,910.20 จุด ลดลง 11.09 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,884.58 จุด เพิ่มขึ้น 6.25 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 6,430.06 จุด เพิ่มขึ้น 9.27 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 5,016.90 จุด เพิ่มขึ้น 5.60 จุด

 

ตลาดหุ้นสิงคโปร์และตลาดหุ้นมาเลเซียปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันเฉลิมฉลองเทศกาลฮารีรายอ

 

หุ้นโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป เพิ่มขึ้น 0.5% หุ้นคูโบต้า คอร์ป ทะยาน 6.5% และหุ้นเทลสตรา คอร์ป บวก 1.2%

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 8 สิงหาคม 2556)

 

 

ธนาคารกลางญี่ปุ่น หรือ บีโอเจ ได้เริ่มการประชุมวันแรกแล้ว โดยคาดว่า จะเป็นการหารือเกี่ยวกับการปรับเพิ่ม การประเมินเศรษฐกิจของประเทศ หลังข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมาดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่คาดว่าที่ประชุม จะยังคงนโยบายผ่อนคลายเงินตราเป็นพิเศษไว้ต่อไป

 

ซึ่งในการประชุม เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา บีโอเจได้ปรับเพิ่มการประเมินเศรษฐกิจญี่ปุ่นเป็นเวลา 7 เดือนติดต่อกัน พร้อมกับระบุว่า เศรษฐกิจเริ่มที่จะฟื้นตัวในระดับปานกลาง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่บีโอเจได้ใช้คำว่า ฟื้นตัว ในรอบ 2 ปีครึ่ง

 

ทั้ง นี้เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีแนวโน้มปรับตัวดี โดยยอดขายของห้างสรรพสินค้าในเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 7.2% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน แม้อัตราว่างงานจะปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 3.9% ในเดือนมิถุนายน แต่ก็ต่ำกว่าระดับ 4% เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี 8 เดือน

 

ที่มา: money channel (วันที่ 8 สค.56)

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดอลล์อ่อน,ซื้อ​เ​ก็งกำ​ไร หนุนทองปิดบวก $2.8

ข่าวต่างประ​เทศ สำนักข่าวอิน​โฟ​เควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคม 2556 06:57:13 น.

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวก​เมื่อคืนนี้ (7 ส.ค.) ​เนื่องจากนักลงทุน​เข้ามาช้อนซื้อ​เ​ก็งกำ​ไร หลังจากสัญญาทองคำร่วงลงติดต่อกัน​เป็น​เวลาหลายวัน นอกจากนี้ สัญญาทองคำยัง​ได้รับ​แรงหนุนจาก​การอ่อนค่าของสกุล​เงินดอลลาร์ อัน​เป็นผลมาจาก​ความ​ไม่​แน่นอน​เกี่ยวกับ​การ​เดินหน้า​ใช้มาตร​การผ่อนคลาย​เชิงปริมาณ (QE) ของธนาคารกลางสหรัฐ (​เฟด)

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบ​เดือนธ.ค.ปิดที่ 1,285.3 ดอลลาร์/ออนซ์ ​เพิ่มขึ้น 2.8 ดอลลาร์ ​หรือ +0.22%

สัญญา​โลหะ​เงินส่งมอบ​เดือนก.ย.ปิดที่ 19.508 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 1.5 ​เซนต์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบ​เดือนต.ค.ปิดที่ 1438.30 ดอลลาร์/ออนซ์ ​เพิ่มขึ้น 10.50 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนสัญญาพัลลา​เดียมส่งมอบ​เดือนก.ย.ปิดที่ 723.15 ดอลลาร์/ออนซ์ ​เพิ่มขึ้น 0.35 ดอลลาร์

 

ข้อมูลจากมาร์​เ​ก็ตวอชระบุว่า สัญญาทองคำดีดตัวขึ้น​เพราะ​ได้​แรงหนุนจาก​การอ่อนค่าของสกุล​เงินดอลลาร์ ​โดยดัชนีดอลลาร์ ​ซึ่ง​เป็นมาตรวัด​ความ​เคลื่อน​ไหวของดอลลาร์​เมื่อ​เทียบกับ 6 สกุล​เงินที่​เป็นคู่ค้าหลักของสหรัฐ ร่วงลง​แตะระดับ 81.348 ​เมื่อวานนี้ จากวันอังคารที่ระดับ 81.609 ​ทั้งนี้ ​การอ่อนค่าของดอลลาร์จะ​ทำ​ให้นักลงทุนที่ถือครองสกุล​เงินอื่นๆนั้น สามารถซื้อสัญญาทองคำ​ในรูปสกุล​เงินดอลลาร์​ในราคาที่ถูกลง

 

สกุล​เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง​เนื่องจาก​ความ​ไม่​แน่นอนว่า​เฟดจะ​เดินหน้า​ใช้ QE ต่อ​ไป​หรือ​ไม่ ขณะที่​เจ้าหน้าที่หลายคนของ​เฟด​ได้ออกมาส่งสัญญาณ​เป็นระลอก ​โดยนาย​เดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธาน​เฟดสาขา​แอต​แลนตากล่าวว่า ​เฟดอาจ​เริ่มลดปริมาณ​การซื้อพันธบัตร​ในช่วง​แรก​ใน​การประชุมกำหนดน​โยบาย​การ​เงินครั้ง​ใดครั้งหนึ่งที่​เหลืออยู่​ในช่วงปีนี้ ขณะที่​เฟดยังมีกำหนด​การประชุมอีก 3 ครั้ง​ในปีนี้

 

ขณะที่นายชาร์ลส์ อี​แวนส์ ประธาน​เฟดสาขาชิคา​โก กล่าว่วา ​เขา​ไม่ปฏิ​เสธ​ความ​เป็น​ไป​ได้ที่​เฟดจะชะลอมาตร​การกระตุ้นทาง​การ​เงิน​โดย​การลดขนาด​แผน​การซื้อพันธบัตรวง​เงิน 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อ​เดือน​ใน​การประชุมกำหนดน​โยบาย​การ​เงินของ​เฟด​ใน​เดือนก.ย.นี้

อิน​โฟ​เควสท์ ​แปล​และ​เรียบ​เรียง​โดย รัตนา พงศ์ทวิช ​โทร.02-2535000 ต่อ 327 อี​เมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

http://www.ryt9.com/s/iq31/1708992

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

China Foreign Exchange Trading System (CFETS) รายงานว่า เงินหยวนแข็งค่าขึ้น 0.23% แตะที่ 6.1703 หยวนต่อดอลลาร์

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในตลาดปริวรรตเงินตราต่างประเทศของจีนนั้น เงินหยวนได้รับอนุญาตให้ปรับตัวขึ้นหรือลงไม่เกิน 1% จากอัตราค่ากลางของการซื้อขายแต่ละวัน

 

ทั้งนี้ อัตราค่ากลางสกุลเงินหยวนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ อิงกับราคาเฉลี่ยแบบถ่วงน้ำหนัก ก่อนที่ตลาดจะเปิดทำการซื้อขายในแต่ละวัน

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 8 สิงหาคม 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

น้ำมัน-ทองคำทรงตัวหลังเฟดส่อลดกระตุ้นเศรษฐกิจ หุ้นมะกันปิดลบ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 สิงหาคม 2556 04:31 น.

556000010310701.JPEG

เอพี/เอเอฟพี - ราคาน้ำมันลงและทองคำทรงตัววานนี้(7) จากแนวโน้มความเป็นไปได้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯอาจลดระดับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเร็วๆนี้ ขณะที่วอลล์สตรีท ปิดลบเล็กน้อยท่ามกลางข้อมูลข่าวสารที่เงียบเหงา

 

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 93 เซนต์ ปิดที่ 104.37 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และนับตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์น้ำมันนิวยอร์ก ขยับลงไปแล้ว 2.57 ดอลลาร์ ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 74 เซนต์ ปิดที่ 107.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่าคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศในสัปดาห์ที่ผ่านมา ลดลงมากกว่าที่คาดหมายไว้เล็กน้อย แต่ขณะเดียวกันสต๊อกเบนซินกลับสูงขึ้นและตัวเลขหลังนี้เองที่ฮุดราคาน้ำมันขยับลง

 

ขณะเดียวกันอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันวานนี้(7) คือเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) หลายคน บ่งชี้ว่าที่ประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดคราวต่อไป อาจมีมติเริ่มลดระดับมาตรการเข้าซื้อพันธบัตรรายเดือนอย่างเร็วที่สุดในเดือนกันยายนนี้

 

โครงการเข้าซื้อพันธบัตรของเฟดคือมาตรการสำคัญที่ช่วยคงอัตราดอกเบี้ยระยะยาวให้อยู่ในระดับต่ำ ซึ่งเป็นตัวสนับสนุนการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงอย่างตลาดหุ้นและน้ำมัน

 

แต่ในทางตรงข้ามข่าวว่าธนาคารกลางสหรัฐฯอาจลดระดับกระตุ้นเศรษฐกิจเชิงปริมาณเร็วๆนี้ ก็ผลักให้นักลงทุนบางส่วนเริ่มหันมาเข้าซื้อทองคำที่ถูกมองในฐานะสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ และเป็นผลให้ราคาทองคำววานนี้(7) ปิดบวกเล็กน้อย โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 2.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,285.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(7) ขยับลงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน และเป็นอีกหนึ่งวันที่เงียบเชียบด้านข่าวสารทางเศรษฐกืจ ขณะที่นักลงทุนชะลอดูทิศทางที่ชัดเจนของตลาด

 

ดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 47.99 จุด (0.31 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,470.75 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 6.44 จุด (0.38 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,690.93 จุด แนสแดก ลดลง 11.76 จุด (0.32 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,654.01 จุด

 

นักวิเคราะห์มองว่านักลงทุนยังคงตรึกตรองถึงากรขยับขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะหลัง อันเป็นผลจากรายงานผลประกอบการอันสดใสของบริษัทต่างๆและข้อมูลทางเศรษฐกิจที่เผยแพร่ออกมาช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา "ตลาดหยุดพักหายใจหายคอ เพื่อรอข้อมูลต่างๆที่จะใช้แนวโน้มที่ชัดเจน" เดวิด เลวี จากสถาบันเคนโจล แคปิตอล แมเนจเมนต์กล่าว

 

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000098106

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทองคำเยาวราชเงียบเหงา ประชาชนหยุดชอป ติดตามสถานการณ์การชุมนุมฯ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 สิงหาคม 2556 12:21 น.

556000010271801.JPEG

 

“จิตติ” เผยร้านทอง “เยาวราช” เงียบเหงา ประชาชนส่วนใหญ่ติดตามสถานการณ์การชุมนุมอย่างต่อเนื่อง เตือนร้านทองในพื้นที่ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ปิดได้ทันทีหากเกิดเหตุการณ์รุนแรง

 

นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า สถานการณ์ทางการเมืองที่มีการชุมนุม ทำให้บรรดาร้านซื้อขายทองคำแท่งย่านเยาวราชเงียบเหงา ประชาชนส่วนใหญ่ติดตามสถานการณ์การชุมนุมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางสมาคมฯ แจ้งสมาชิกว่า หากการเมืองเกิดความรุนแรงร้านค้าทองคำในย่านการชุมนุมพร้อมปิดทำการทันที เหมือนกับทุกครั้งที่เกิดความรุนแรงจากการชุมนุมทางการเมือง

 

ส่วนราคาทองคำในวันนี้ปรับลดลง 200 บาท ทองคำแท่ง ขายออกบาทละ 19,100 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 19,500 บาท เป็นการลดลงตามราคาในตลาดโลก เนื่องจากไม่มีปัจจัยใหม่ โดยทองคำราคาลงมาที่ 1,270 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แต่ยังไม่หลุดแนวรับที่ 1,245 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และไม่สามารถผ่านแนวต้านที่ 1,300 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ทำให้ราคาทองยังแกว่งตัว

 

 

http://manager.co.th/iBizchannel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000097724

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วอลสตรีทเจอร์นัลรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ค่าเงินหยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ หรืออัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศสำหรับเงินหยวนของสาธารณรัฐประชาชนจีนนั้น ได้แข็งค่ามากสุดเป็นประวัติการณ์ โดยแตะที่ระดับ 6.1203 หยวนต่อดอลลาร์ (และ 6.1196 หยวนต่อดอลลาร์ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน) สูงกว่าที่เคยแตะที่ระดับ 6.1210 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน และ 27 พฤษภาคมปีนี้ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งก่อน

 

วอลสตรีทเจอร์นัลรายงานด้วยว่า ค่าเงินหยวนต่อดอลลาร์ของจีนได้เพิ่มสูงขึ้นและแข็งค่าอย่างต่อเนื่องนานหลายสัปดาห์ ท่ามกลางปัญหาวิกฤตสภาพคล่องสินเชื่อในตลาดเงินหยวน จนแม้อัตราเงินกู้ระหว่างธนาคารของจีนจะได้ลดลงเหลือเพียง 3.9 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งยังคงสูงกว่าอัตราเงินกู้ระหว่างธนาคารในจีน เฉลี่ย 3.3 เปอร์เซ็นต์ในช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ และก่อนเกิดวิกฤตสภาพคล่อง

 

นายโจว ห่าว นักวิเคราะห์ของธนาคารออสเตรเลียแอนด์นิวซีแลนด์ หรือเอเอ็นซี เชื่อว่า ธนาคารกลางของจีนคงยังดำเนินนโยบายเคร่งครัดทางการเงินต่อไปอีก ทำให้ค่าเงินหยวนต่อดอลลาร์สูงขึ้นและแข็งค่าอย่างมีเสถียรภาพ ไม่ผันผวน

 

นายจาง จื่อ เว่ย นักเศรษฐศาสตร์ประจำบริษัทโนมูระที่ฮ่องกงเผยด้วยว่า อัตราตอบแทนจากพันธบัตรของจีนก็เพิ่มสูงขึ้นด้วย จนเกือบถึงระดับสูงสุดในปีนี้

 

ที่มา : มติชนออนไลน์ (วันที่ 8 สิงหาคม 2556)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสส่งมอบ ก.ย. ลดลง 0.93 เหรียญฯ ปิดที่ 104.37เหรียญฯ ส่วนเบรนท์ส่งมอบ ก.ย. ลดลง 0.74 เหรียญฯ ปิดที่ 107.44เหรียญฯ

 

- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 จากการคาดการณ์ว่าปริมาณผลิตน้ำมันดิบจากแหล่งทะเลเหนือจะเพิ่มขึ้นในเดือน หน้าหลังเสร็จสิ้นการปิดซ่อมบำรุงท่อส่งและแหล่งผลิตประกอบกับความวิตกกังวล ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ซึ่งส่งผลให้เกิดความกังวลต่อความต้องการใช้น้ำมันของโลกที่อาจได้รับผล กระทบ

- นอกจากนี้ สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาปริมาณผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯอยู่ที่ 7.56 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่ธ.ค.ปี1989

+ แต่อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันก็ยังได้รับแรงหนุน จากปัจจัยความไม่สงบของลิเบียที่ส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันดิบของโลก โดยล่าสุดการส่งออกน้ำมันดิบอยู่ที่ 425,000 บาร์เรลต่อวัน จากปกติส่งออกส่งออกมากกว่า1 ล้านบาร์เรลต่อวัน

+ สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 08 ส.ค. 56 ปรับลดลง 1.32 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 363.3 ล้านบาร์เรล ซึ่งปรับลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่1.2 ล้านบาร์เรล ส่วนน้ำมันเบนซินคงคลังปรับเพิ่มขึ้น 0.1 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 223.6 ล้านบาร์เรล สวนทางกับนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง

+ ขณะที่น้ำมันดิบคงคลังที่คุชชิ่ง โอคลาโฮมา (จุดส่งมอบน้ำมันดิบ WTI) ปรับลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 39.9 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค. 55 โดยในช่วง 5 สัปดาห์ที่ผ่านมานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังที่คุชชิ่ง โอคลาโฮมา ปรับลดลงกว่า 9.8 ล้านบาร์เรล

 

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากน้ำมันเบนซินคงคลังของสิงคโปร์ปรับลดลงติดต่อกันเป็น 3 สัปดาห์ ประกอบกับการนำเข้าจากสิงคโปร์ไปยังอินโดนีเซียมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น สองเท่าตัวภายในหนึ่งสัปดาห์ แต่อย่างไรก็ตามก็คาดว่าอุปสงค์จากอินโดนีเซียคาดว่าจะลดลงในเดือนก.ย. นี้

ราคาน้ำมันมันดีเซล ปรับลดลงตามราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากตลาดคาดว่าความต้องการใช้น้ำมันดีเซลจะปรับลดลงในภูมิภาค แต่อย่างไรก็ตามน้ำมันดีเซลคงคลังของสิงคโปร์ปรับลดลงไปในรอบต่ำสุด 3 สัปดาห์

 

ทิศทางราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นและปัจจัยที่น่าจับตามอง

 

ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบเดิม โดยเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 104 - 110 เหรียญฯ ส่วนเวสต์เท็กซัสที่กรอบ 103-109 เหรียญฯ ราคาได้รับแรงหนุนจากความไม่สงบในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือทำให้เคลื่อน ไหวในกรอบที่ไม่ต่ำมากนัก ส่วนคืนนี้ติดตามยอดค้าส่งและยอดผู้ขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานสหรัฐฯ

 

ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่

วันพฤหัส: ยอดค้าส่งและยอดผู้ขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานสหรัฐฯ และตัวเลขดุลการค้าเยอรมนี

วันศุกร์: ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ดุลการค้า และการผลิตภาคอุตสาหกรรมจีน

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

- รายงานสถานการณ์น้ำมันประจำเดือน ส.ค. ที่ประกาศโดย IEA และ OPEC ในวันที่ 9 ส.ค. นี้ ถึงแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันดิบในอนาคต

 

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

- เหตุการณ์ความรุนแรงในอิรักที่ทวีความรุนแรงต่อเนื่อง สร้างความกังวลต่อปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของประเทศ ขณะที่การปิดซ่อมบำรุงท่าส่งน้ำมันในเดือน ก.ย. คาดว่าจะส่งผลให้การส่งออกหายไป 400,000-500,000 บาร์เรลต่อวัน

- ซูดานตัดสินใจเลื่อนเส้นตายการปิดท่อขนส่งน้ำมันที่จะขนส่งน้ำมันของซูดาน ใต้ไปอีก 2 สัปดาห์เป็นวันที่ 22 ส.ค. นี้ เพื่อให้สหภาพแอฟริกาเข้าตรวจสอบข้อกล่าวหาที่ว่า ซูดานใต้ให้การสนับสนุนกลุ่มกบฏในซูดาน

- ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ โดยสัปดาห์ล่าสุดปรับเพิ่มขึ้น 0.4ล้านบาร์เรล หลังจาก 4 สัปดาห์ก่อนหน้าปรับตัวลดลงต่อเนื่อง รวมไปถึงปริมาณน้ำมันดิบคงคลังบริเวณคุชชิ่ง โอคลาโฮมา หลังจากสัปดาห์ล่าสุดปรับลดลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย. 55

- ติดตามการขอเจารจาระหว่างสหรัฐฯและอิหร่าน ในประเด็นโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ซึ่งจะส่งผลให้สหรัฐฯลดมาตรการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่าน

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แบงก์ชาติออกโรงหนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ชี้ช่วยลดอุปสรรคการทำธุรกิจ เร่งการใช้จ่ายภาครัฐ ไม่เน้นการบริโภคเช่นที่ผ่านมา

 

นายเมธี สุภาพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลว่า โดยรวมถือเป็นมาตรการที่ดี ซึ่งน่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้พอสมควร โดยเฉพาะหลายมาตรการเป็นมาตการกระตุ้นการลงทุนด้านธุรกิจ และลดอุปสรรคในการทำธุรกิจ รวมถึงเป็นการเร่งรัดการใช้จ่ายของรัฐบาล แม้ที่ผ่านมาไม่ใช่ว่าเป็นการใช้จ่ายอย่างล่าช้า แต่เนื่องจากโครงการลงทุนมีความล่าช้า

 

ดังนั้นหากมาตรการต่างๆจะช่วยส่งเสริมให้เกิดความรวดเร็วถือเป็นสิ่งที่ดี และเห็นว่าเป็นมาตรการที่ไม่ได้กระตุ้นการบริโภคมากนัก ถือว่าเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน อย่างไรก็ดียังต้องติดตามในเชิงรายละเอียดของแต่ละมาตรการอีกครั้งหนึ่ง

 

"น่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ขอไปดูรายละเอียดก่อน โดยรวมถือเป็นมาตรการที่ดี ไม่ได้เน้นกระตุ้นบริโภคมากนัก แต่เป็นการกระตุ้นการลงทุนด้านธุรกิจ ลดอุปสรรคการทำธุรกิจ เร่งการใช้จ่ายรัฐบาล และเร่งรัดเม็ดเงินในมาตรการที่คั่งค้าง" นายเมธี กล่าว

 

ส่วนกรณีที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด อาจจะทยอยลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมาตรการ QE ลงในเดือนกันยายนนี้ เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินไทยให้เกิดความผันผวนมากนัก เนื่องจากปกติหากเกิดสถานการณ์ที่ตลาดการเงินได้คาดการณ์แล้วก็จะมีการรับ รู้ข่าวไว้ล่วงหน้า ซึ่งแตกต่างกับถ้อยแถลงของเฟดในครั้งที่ผ่านมา ซึ่งเกิดขึ้นอย่างไม่ตั้งตัวส่งผลให้ตลาดการเงินทั่วโลกเกิดความผันผวนขึ้น

 

ด้านนางสาลินี วังตาล ผู้ช่วยผู้ว่าการฝ่ายกำกับสถาบันการเงิน ธปท.กล่าวว่าธปท.ได้ทำความเข้าใจกับธนาคารพาณิชย์ในการรับมือกับสถานการณ์ หากเกิดความรุนแรงทางการเมืองซึ่งธนาคารพาณิชย์สามารถตัดสินใจที่จะใช้แผน ฉุกเฉินได้ทันทีไม่จำเป็นต้องขออนุญาตธปท.ก่อน อย่างไรก็ตาม เท่าที่ประเมินสถานการณ์เบื้องต้นมองว่าการชุมนุมยังไม่รุนแรง

 

ที่มา: แนวหน้า(วันที่ 8 สค.56)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เงินบาทเปิด 31.34/36 แข็งค่าตามภูมิภาค-คลายกังวลการเมืองในประเทศ

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคม 2556 09:27:14 น.

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 31.34/36 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าจากเย็นวานนี้ที่ระดับ 31.43/45 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวตามค่าเงินในภูมิภาค และตลาดคลายความกังวลต่อสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ

 

"เงินบาทขยับแข็งค่าตาม currency ตัวอื่นๆ และตลาดคลายความกังวลเรื่องสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศที่เบาๆ กว่าที่คิดไว้" นักบริหารเงิน กล่าว

 

 

นักบริหารเงิน กล่าวว่า เงินบาทน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆระหว่าง 31.30-31.40 บาท/ดอลลาร์

 

*ปัจจัยสำคัญ

- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 96.61 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 97.04 เยน/ดอลลาร์

- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3331 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.3300 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ 31.4510 บาท/ดอลลาร์

 

- นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร นัดประชุมสภาผู้แทนราษฎรเวลา 10.00 น.เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ในวาระรับหลักการต่อจากเมื่อดึกคืนวานนี้

 

- สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลีย รายงานการจ้างงานปรับตัวลดลง 10,200 ตำแหน่งในเดือน ก.ค.เนื่องจากอุปสงค์ที่ซบเซาลงทำให้บรรดานายจ้างต้องตัดสินใจลดการจ้างงาน ขณะที่อัตราว่างงานเดือน ก.ค.ยืนอยู่ที่ระดับ 5.7%

 

- China Foreign Exchange Trading System(CFETS) รายงานว่า เงินหยวนแข็งค่าขึ้น 0.23% แตะที่ 6.1703 หยวนต่อดอลลาร์

 

- นางซานดรา เพียนัลโต ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) สาขาคลีฟแลนด์ ระบุหากตลาดแรงงานยังคงมีการปรับตัวที่แข็งแกร่งเช่นในปัจจุบัน เฟดก็พร้อมจะปรับลดขนาดโครงการซื้อพันธบัตรวงเงิน 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน คำกล่าวดังกล่าวได้จุดความวิตกกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับระยะเวลาของนโยบายกระตุ้นทางการเงินของเฟด หลังจากก่อนหน้านี้ นายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานเฟดสาขาแอตแลนตา และนายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก ต่างก็แสดงทัศนะถึงความเป็นไปได้ที่เฟดจะเริ่มชะลอมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ QE ภายในปีนี้

 

- ธนาคารกลางเกาหลีใต้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 2.5% ในการประชุมวันนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง อันเป็นผลมาจากการใช้มาตรการกระตุ้นทางการเงินและการคลัง

 

- ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้(7 ส.ค.) ธนาคารกลางอังกฤษเผยคณะกรรมการนโยบายการเงินจะยังคงจุดยืนด้านโยบายไปจนกว่าอัตราว่างงานของอังกฤษจะร่วงลงมาอยู่ที่ 7% ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอังกฤษอาจจะเป็นไปอย่างล่าช้า

 

- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้(7 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไร อันเป็นผลมาจากความวิตกกังวลที่ว่าเฟดจะลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ

 

- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส(WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้(7 ส.ค.) หลังทางการสหรัฐเผยสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้วปรับตัวลดลงน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ลดลง 93 เซนต์ ปิดที่ 104.37 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์(BRENT) ส่งมอบเดือน ก.ย.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 74 เซนต์ ปิดที่ 107.44 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้(7 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไร หลังจากสัญญาทองคำร่วงลงติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน นอกจากนี้สัญญาทองคำยังได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ อันเป็นผลมาจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเดินหน้าใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE) ของเฟด โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ธ.ค.ปิดที่ 1,285.3 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 2.8 ดอลลาร์ หรือ +0.22%

 

- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้(7 ส.ค.) จากความไม่แน่นอนที่ว่าเฟดจะเดินหน้าใช้มาตรการ QE หรือจะชะลอโครงการดังกล่าว โดยดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 96.38 เยน จากระดับของวันอังคารที่ 97.65 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9217 ฟรังค์ จากระดับ 0.9259 ฟรังค์ ขณะที่ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3332 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3306 ดอลลาร์สหรัฐ เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.5498 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5357 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.8990 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8985 ดอลลาร์สหรัฐ

 

- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้(7 ส.ค.) นำโดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ หลังนายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษระบุว่า อัตราว่างงานในอังกฤษจะยังคงเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับสูงกว่า 7% ในอีก 3 ปีข้างหน้า

 

อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดทองคำ by Hua Seng Heng Gold Futures

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- พฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคม 2556 09:31:01 น.

กรุงเทพฯ--8 ส.ค.--ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส

- ทองดีดตัวระยะสั้นหลังร่วงติดต่อกัน 2 วัน

- SPDR ถือทองลดลง 4.51 ตัน

- คาดทองยังลงต่อระวังแรงขายหากหลุดแนวรับ 1,280 เหรียญ

- คำแถลงของเจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางสหรัฐประจำสาขาต่างๆส่งผลให้นักลงทุนต่างประเมินว่าธนาคารกลางสหรัฐกำลังจะเริ่มลดปริมาณการผ่อนคลายทางการเงินในอีกไม่ช้า ส่งผลให้ราคาทองคำอ่อนตัวลงติดต่อกันหลายวัน และแม้ว่าจะเริ่มดีดตัวกลับในการซื้อขายวานนี้ แต่ภาพโดยรวมยังคงมีแนวโน้มอ่อนตัว

 

 

- เงินบาทเคลื่อนไหวทรงตัวเพื่อรอติดตามประเด็นการเมืองในประเทศซึ่งวานนี้มีกลุ่มผู้ชุมนุมที่ไม่เห็นด้วยต่อการเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมเข้าสู่สภา โดยการชุมนุมไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงใดๆเกิดขึ้น จึงทำให้เงินบาทเคลื่อนไหวทรงตัว อย่างไรก็ตามการพิจารณากฎหมายดังกล่าวยังต้องใช้เวลาในการพิจารณาอีกหลายวาระ ในระยะสั้นเงินบาทอาจเริ่มกลับแข็งค่าขึ้น หลังจากอ่อนค่าลงติดต่อกันหลายวัน

 

- วันนี้จะมีรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐ โดยผลสำรวจประเมินว่าจะมีผู้ขอรับสวัสดิการ 336,000 ราย หากออกมาดีกว่าคาดก็จะเป็นปัจจัยกดดันให้ราคาทองคำอ่อนตัวลง ส่วนการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่นในวันนี้ คาดว่าคงยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินนโยบายหรือมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใดๆเพิ่มเติม จึงไม่น่าจะมีผลต่อราคาทองมากนัก

 

- ราคาทองคำอ่อนตัวลงไปเคลื่อนไหวต่ำกว่าแนวรับบริเวณ 1,280 ดอลลาร์ ในช่วงสั้นๆก่อนที่จะเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาจนราคาดีดตัวกลับขึ้นมาปิดในแดนบวก แต่ภาพรวมการเคลื่อนไหวทางเทคนิคยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลงต่อ หากราคาอ่อนตัวลงไปเคลื่อนไหวต่ำกว่า 1,270 ดอลลาร์ คาดว่าจะมีแรงขายกลับออกมามากจนราคาทองปรับตัวลงสู่แนวรับบริเวณ 1,250 ดอลลาร์และ 1,220 ดอลลาร์ตามลำดับ

 

- ราคาโลหะเงินดีดตัวกลับขึ้นมาปิดในแดนบวกได้หลังจากในระหว่างวันปรับตัวลงเข้าใกล้แนวรับบริเวณ 19.0 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตามภาพเทคนิคยังคงมีแนวโน้มที่ราคาจะปรับตัวลงต่อ ดังนั้นควรระวังแรงขายที่คาดว่าจะมีกลับออกมามากหากไม่สามารถยืนเหนือแนวรับบริเวณ 19.0 ดอลลาร์ ได้ โดยคาดว่าราคาจะปรับตัวลงสู่แนวรับบริเวณ 18.50-18.60 ดอลลาร์ ต่อไป

 

โกลด์ฟิวเจอร์สเดือนส.ค.56

Close chg. Support Resistance

19,230 +120.00 19,150/19,000 19,350/19,450

ราคาทองดีดตัวกลับขึ้นมาปิดเหนือแนวรับบริเวณ1,275-1,280 ดอลลาร์ แต่ยังมีแนวโน้มว่าราคาจะปรับตัวลงต่อ หากในระหว่างวันราคาดีดตัวขึ้นเข้าใกล้แนวต้านบริเวณ 1,295-1,300 ดอลลาร์ สามารถเลือกเปิดสถานะขายเก็งกำไร โดยมีจุดปิดสถานะตัดขาดทุนอยู่ที่บริเวณ 1,310 ดอลลาร์

 

ซิลเวอร์ฟิวเจอร์สเดือนส.ค.5

Close chg. Support Resistance

610 - 600/590/550 690/710/725

หากราคาโลหะเงินไม่สามารถยืนเหนือแนวรับบริเวณ 19.00 ดอลลาร์ จะเกิดเป็นสัญญาณขายกดดันให้ราคาปรับตัวลงสู่แนวรับบริเวณ 18.50 ดอลลาร์ ดังนั้นหากราคาอ่อนตัวลงไปต่ำกว่าบริเวณดังกล่าวควรปิดสถานะซื้อออกไปก่อนและอาจเลือกเปิดสถานะขายเก็งกำไรต่อไป

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ธนาคารกลางอังกฤษ หรือบีโออี มีแผนที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ที่ 0.5% จนกว่าอัตราว่างงานจะลดลงเหลือ 7%

 

ธนาคารกลางอังกฤษ หรือบีโออี มีแผนที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ที่ 0.5% จนกว่าอัตราว่างงานจะลดลงเหลือ 7% ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 3 ปี ในความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งสำหรับนโยบายทางการเงินของอังกฤษ

 

ไม่ถึง 1 เดือนหลังจากที่ "นายมาร์ค คาร์นีย์" ขึ้นนั่งเก้าอี้ผู้ว่าการบีโออีต่อจากนายเมอร์วิน คิง ซึ่งดำรงตำแหน่งนี้มาหลายปี บีโออีก็ออกมาแถลงว่า ธนาคารจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.5% เว้นแต่ว่าจะมีความเสี่ยงที่จะคุมเงินเฟ้อไม่อยู่ หรือเสถียรภาพทางการเงินตกอยู่ในอันตราย

 

บีโออีกล่าวว่า เป็นเรื่องเหมาะสมที่ธนาคารจะคงนโยบายทางการเงินที่ใช้อยู่ในปัจจุบันไว้ จนกว่าความซบเซาภายในเศรษฐกิจจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

 

ก่อนหน้านี้ คณะเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของบีโออี กล่าวว่า ในกรณีที่จำเป็นต้องมีการอัดฉีดเพิ่มเติม และจะไม่ยกเลิกมาตรการการเข้าซื้อที่ดำเนินอยู่ในขณะนี้ หากอัตราว่างงานยังคงอยู่ในระดับสูง

 

บีโออี กล่าวด้วยว่า มีแนวโน้มที่จะเศรษฐกิจจะยังอยู่ในภาวะอ่อนแอต่อไป เมื่อเทียบเคียงมาตรการการเติบโตในอดีต แม้ว่าจะเริ่มมีสัญญาณบ่งชี้ถึงการฟื้นตัว และมีการคาดการณ์ว่า ระดับเงินเฟ้อจะทรงตัวอยู่เหนือระดับเป้าหมาย 2% จนถึงช่วงครึ่งหลังของปี 2558

 

ธนาคาร ยังชี้ว่า การดำเนินความพยายาม เพื่อทำให้อัตราเงินเฟ้อกลับมาอยู่ในเป้าที่ตั้งไว้เร็วเกินไปนั้น จะทำให้เกิดความเสี่ยงในระยะยาว ถึงการใช้ประโยชน์ในทรัพยากรประเทศต่ำกว่าที่ควรจะเป็น

 

ความท้าทายสำหรับบีโออี คือการที่กะเวลาให้พอเหมาะ สำหรับการขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งต้องเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่มีสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในบ้านเกิด และการยกเลิกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐ เริ่มแสดงให้เห็นถึงอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น

 

ที่มา : MSN (วันที่ 8 สิงหาคม 2556)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...