ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

บาทเปิดตลาดแข็งโป๊ก 31.19-31.20 บาท/ดอลลาร์ หลังเฟดไม่ลดขนาดคิวอี กรอบเคลื่อนไหวที่ 31.00-31.25 บาท/ดอลลาร์

 

นักบริหารเงินจากธนาคารพาณิชย์ กล่าวว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 31.19-31.20 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 31.67-31.69 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวตามทุกสกุลในภูมิภาคหลังมติเฟดออกมาผิดคาดจากที่ตลาดคาดการณ์ โดยเงินบาทลงไปทดสอบระดับต่ำสุดที่ 31.05 บาท/ดอลลาร์

 

ทั้งนี้ คาดว่า วันนี้เงินบาทน่าจะมีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง เพราะเงินดอลลาร์น่าจะกลับมาสู่เอเซีย แต่คงไม่หลุด 31.00 บาท/ดอลลาร์ อาจจะมีรีบาวน์ขึ้นไปด้านบนได้บ้าง แต่คาดว่าในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ยังน่าจะแข็งค่าต่อจนกว่าจะมีข่าวเฟดถอนมาตรการคิวอี ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวอยู่ที่ 31.00-31.25 บาท/ดอลลาร์

 

ที่มา : MSN (วันที่ 19 กันยายน 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อาทิตย์ที่แล้วเองนะ 11 กันยายน ที่ราคาทองสปอตยู่แถวๆ นี้ิ $1364 แต่ค่าเงินบาทอ่อน ช่วงนั้น จึงทำให้ราคาประกาศ มากกว่าตอนนี้ถึง 500-700 บาท

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณขอรับป๋า บาทแหย่ขาหลุด 31 บาทเสียแล้ว :033

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลาดหุ้นยุโรปคาดเปิดตลาดปรับตัวขึ้น ขานรับเฟดใช้มาตรการ QE ต่อ

 

ตลาดหุ้นยุโรปมีแนวโน้มว่า จะเปิดตลาดปรับตัวขึ้นในวันนี้ หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ต่อไป

 

ดัชนี Euro Stoxx 50 พุ่ง 1.6% แตะ 2,950 เมื่อเวลา 7.06 น.ตามเวลาลอนดอน

 

หุ้นกลุ่มธนาคารของยุโรปอาจจะปรับตัวสูงขึ้นภายหลังจากรับทราบผลการตัดสินใจของเฟด ส่วนหุ้น RWE AG หลังจากที่บริษัทเปิดเผยว่า จะได้รับเงินชดเชยจากแก็สพรอม

 

**นักเศรษฐศาสตร์คาดเศรษฐกิจเยอรมนีจะขยายตัวแข็งแกร่งในปี 2557

 

 

สถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี (DIW) คาดเศรษฐกิจของประเทศจะกลับมาขยายตัวแข็งแกร่งในปี 2557 เพราะได้รับแรงผลักดันจากอุปสงค์ภายในประเทศ

 

DIW คาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของเยอรมนีจะขยายตัว 0.4% ในปี 2556 และจะขยายตัว 1.7% ในปี 2557

 

 

“เศรษฐกิจเยอรมนีได้ผ่านพ้นช่วงเริ่มต้นที่อ่อนแอไปเรียบร้อยแล้ว และกำลังอยู่ในแนวโน้มของการขยายตัวในระดับปานกลาง" DIW ระบุ

 

 

ทั้งนี้ เศรษฐกิจเยอรมนีซึ่งส่วนใหญ่พุ่งเป้าไปที่การส่งออกได้รับผลกระทบจากภาวะถดถอยอย่างต่อเนื่องในยูโรโซนและเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ

 

แต่ถึงกระนั้นก็ดี จีดีพีของเยอรมนีขยายตัว 0.7% ในไตรมาสที่ 2 ปี 2556 หลังจากที่ทรงตัวอยู่ที่ระดับเดิมในไตรมาสแรก สำหรับตลอดทั้งปี 2555 เศรษฐกิจเยอรมนีขยายตัว 0.7% หลังจากที่ในปี 2554 และ 2553 เศรษฐกิจได้ขยายตัวที่ 4.0% และ 3.3% ตามลำดับ

 

 

DIW ระบุว่า ปัจจัยที่ส่งผลให้เศรษฐกิจเยอรมนีขยายตัวในอนาคตจะมาจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งคาดว่าจะขยายตัว 1% ในปีนี้ และ 1.4% ในปีหน้า

 

 

ขณะเดียวกัน DIW เชื่อว่ายูโรโซนกำลังจะก้าวพ้นออกจากวิกฤต เนื่องจากมีสัญญาณบ่งชี้เพิ่มขึ้นว่าหลายประเทศจะกลับมาขยายตัวในไตรมาสที่ 2 ปีนี้

 

 

นายเฟอร์ดินานด์ ฟิชท์เนอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจของ DIW กล่าวว่า “สัญญาณดังกล่าวไม่ได้มีความสำคัญเฉพาะในเรื่องปัญหาวิกฤตหนี้สินเท่านั้น แต่ยังมีส่วนช่วยผลักดันเศรษฐกิจเยอรมนีได้เป็นอย่างมาก เนื่องจากการเป็นประเทศผู้ส่งออก ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจเยอรมนีจึงขึ้นอยู่กับสถานะของประเทศในภูมิภาค"

 

 

ในทำนองเดียวกัน สถาบันเศรษฐกิจ Rheinisch-Westfalisches Institut fur Wirtschaftsforschung (RWI) คาดว่า เศรษฐกิจเยอรมนีจะขยายตัว 0.4% ในปี 2556

 

 

แต่สำหรับปี 2557 RWI มีมุมมองที่เป็นบวกมากกว่า DIW โดยคาดว่าจีดีพีของเยอรมนีจะขยายตัวในอัตรา 1.9% ต่อปี โดยส่วนใหญ่มาจากแรงผลักดันจากอุปสงค์ภายในประเทศ

 

 

RWI คาดว่า ตลาดแรงงานเยอรมนีจะยังคงมีเสถียรภาพอย่างต่อเนื่อง โดยอัตราว่างงานจะอยู่ที่ 6.7% ในปี 2556 แล 6.7% ในปี 2557 และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ที่ 1.6% ในปีนี้ และ 1.8% ในปีหน้า สำนักข่าวซินหัวรายงาน

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ฝรั่งวิเคราะห์วิเดาราคาทองยามบ่าย กล่าวว่า " จบสิ้นเหตุการณ์ใจจดใจจ่อกับการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ กลับกลายเป็นว่า การไม่มีอะไรเลยถือเป็นข่าวดีสำหรับราคาทอง พุ่งพรวด $70 จากที่ลดลงมา 133 เหรียญ ถือว่าเกินครึ่ง และมีจังหวะเดินหน้าต่อไป เพื่อให้เส้นสัญญานซื้อปรากฎกายขึ้นในเร็ววัน / ค่าเงินยูโร 1.35 และพร้อมที่ไต่ขึ้นมาอย่างแข็งแรงสู่ 1.37 ได้ไม่ยาก อันเกิดจากค่าเงินดอลล์สหรัฐฯ อาจมาถึง 79.0 / ราคาทองมีแนวรับ ณ. ปัจจุบันคือ ราวๆ $1354 ซื้อเมื่อย่ออาจสียจังหวะ เพราะอะไร เพราะค่าเงินบาทไม่เป็นใจ เดี๋ยวอ่อนเดี๋ยวแข็ง มองๆ ด้วยนะครับ ไม่ใช่ว่า มองแต่ตัวเลขสปอตเห็นกำไร คิดกลับเป็นค่าบาท ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้ หรือ ในอนาคต อาจขาดทุนหัวโต แล้วจะเขกหัวตัวเองว่า ทำไปได้ยังไง พร้อมมองจุดเสี่ยงดังนี้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กสิกรห่วงอัตราแลกเปลี่ยนผันผวนหลังเฟดคงQE

ข่าวเศรษฐกิจ วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ.2556 16:19น.

 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ห่วงอัตราแลกเปลี่ยนผันผวน หลังผิดคาด เฟดคง QE เชื่อ ส่งออกปีหน้าขยายตัวได้ใกล้เคียงร้อยละ 10

นายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คงมาตการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ไว้นั้น ถือว่าผิดจากที่ตลาดคาดการณ์ ส่งผลให้อัตราแลกเปลี่ยนผันผวน แต่เชื่อว่าจะเป็นสถานการณ์ระยะสั้นเท่านั้น ดังนั้นจึงเชื่อว่า จะไม่กระทบต่อความสามารถทางการแข่งขันและการค้า เพราะทั้งภูมิภาคได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน

 

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า เมื่อสหรัฐสามารถประคองเศรษฐกิจได้ เศรษฐกิจสหรัฐ ในปี 2557 จะดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการขยายตัวของการส่งออกไทย ให้กลับมาขยายตัวได้ตามปกติ โดยคาดว่า ปี 2557 การส่งออกจะขยายตัวใกล้เคียงร้อยละ 10 จากปีนี้ที่ขยายตัวเพียงร้อยละ 1.5 และจะทำให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (จีดีพี) เติบโตได้ร้อยละ 4.5 ในปีหน้า จากปีนี้ที่คาดว่าโตร้อยละ 3.7

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เงินบาทปิด 30.96/98 แข็งค่าต่อจากช่วงเช้า ตลาดขานรับมาตรการเฟด

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 19 กันยายน 2556 17:35:11 น.

นักบริหารเงิน กล่าวว่า เงินบาทปิดตลาดวันนี้ที่ระดับ 30.96/98 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าต่อเนื่องจากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 31.19/20 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเงินบาทลงไปทดสอบระดับต่ำสุดที่ 30.93 บาท/ดอลลาร์

 

"เงินบาททดสอบระดับต่ำสุด 30.93 บาท/ดอลลาร์ ช่วงเวลาประมาณบ่าย 2" นักบริหารเงิน กล่าว

 

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทน่าจะมีทิศทางแข็งค่าต่อขึ้นอยู่กับยูโรว่าคืนนี้จะหลุด 1.36 ดอลลาร์/ยูโรหรือไม่ ถ้าหลุดพรุ่งนี้เช้าอาจจะได้เห็นค่าเงินบาทแข็งค่าการเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 30.80-31.10 บาท/ดอลลาร์ช่วงนี้เงินบาทเคลื่อนไหวค่อนข้างกว้าง

 

* ปัจจัยสำคัญ

- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 98.12 บาท/ดอลลาร์

- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3525 ดอลลาร์/ยูโร

- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,489.06 จุด เพิ่มขึ้น 49.93 จุด, +3.47% มูลค่าการซื้อขาย 82,712.68 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯ เผยตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นตามตลาดทั่วโลก หลังเฟดประกาศคงมาตรการ QE และเรื่องพ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทนำเข้าสู่การพิจารณาในสภาวันนี้ พรุ่งนี้ตลาดฯคงแกว่งผันผวน โดยยังต้องติดตามการพิจารณาพ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทต่อไป พร้อมให้แนวรับ 1,475 และแนวต้าน 1,500 จุด

 

- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 5,497.07 ลบ.(SET+MAI)

- นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ระบุว่า จากการที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(FOMC) คงขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE)ไว้อย่างไม่มีกำหนด ส่งผลดีต่อตลาดในภูมิภาคเอเชีย มองว่า เงินลงทุนจากต่างประเทศจะไหลกลับเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตาม ขอให้นักลงทุนระวัง เพราะหากมีการยกเลิกมาตรการ QE ในอนาคต เงินดังกล่าวก็จะไหลกลับออกไปได้

 

- นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวถึงกรณีธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คงมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ว่า คงไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทยมาก เนื่องจากขณะนี้รัฐบาลมีเครื่องมือและมาตรการในการรองรับภาวะเงินทุนไหลเข้าออกเป็นจำนวนมาก ซึ่งแตกต่างจากการใช้มาตรการ QE ครั้งแรกที่ไทยยังไม่มีความพร้อมในการรองรับแต่ไม่มีผลกระทบที่รุนแรง จึงเชื่อว่าครั้งนี้ก็เช่นกัน เพราะในอนาคตทางสหรัฐฯ จะต้องปรับลดมาตรการดังกล่าวอยู่แล้ว

 

- นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นหลุดจากระดับ 31 บาท/ดอลลาร์ ในขณะนี้เป็นไปในทิศทางเดียวกับค่าเงินในภูมิภาคที่แข็งค่าขึ้นในระยะสั้น หลังจากการคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) คงขนาดมาตรการ QE ไว้ที่เดิม อย่างไรก็ตาม ธปท.มีการติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด และพร้อมเข้าดูแลหากมีความผันผวนจนกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างแรง

 

ทั้งนี้ ธปท.คาดว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/56 จะขยายตัวดีกว่าทุกไตรมาส แต่อาจไม่สูงเท่าไตรมาส 4/55

 

- นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด(YLG) เปิดเผยว่า ผลการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(FOMC)ยังคงตัดสินใจเดินหน้ามาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) โดยจะยังคงดำเนินโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และหลักทรัพย์ที่ได้รับการค้ำประกันจากสัญญาจำนอง (MBS) ในวงเงินรวมกัน 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ทุกเดือนต่อไป เพื่อพยุงเศรษฐกิจสหรัฐ ส่งผลให้ราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดกว่า 67 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ค่าเงินบาทแข็งค่ากว่า 50 สตางค์ต่อดอลลาร์

 

เบื้องต้น YLG ประเมินว่าราคาทองคำยังคงสามารถปรับตัวขึ้นได้อีกจากแรงซื้อที่ค่อนข้างมาก โดยประเมินแนวต้านสำคัญ 1,430-1,450 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 21,000-21,300 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่แนวรับอยู่ที่ 1,330-1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 19,600-19,100 บาทต่อบาททองคำ

 

- นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) กล่าวว่า ผลในเชิงบวกของนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของบีโอเจเริ่มขยายวงผ่านทางตลาดเงิน เศรษฐกิจที่แท้จริง และราคาแล้ว

 

อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สรุปภาวะ Gold Future By GT Wealth Management 19 ก.ย. 56 (ภาคบ่าย)

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- พฤหัสบดีที่ 19 กันยายน 2556 17:12:23 น.

กรุงเทพฯ--19 ก.ย.--GT Wealth Management

ราคาทองคำในตลาดยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นล่าสุดอยู่บริเวณ 1,365-1,370 US$ต่อออนซ์(Gold spot) โดยราคาทองคำได้รับแรงบวกจากผลการประชุม FOMC เมื่อคืนที่ผ่านมาที่มีการคงมาตรการ QE ต่อไปเพื่อรอดูการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ชัดเจนกว่านี้รวมถึงลดผลกระทบจากนโยบายการคลังที่ตึงตัวโดยผลการประชุมดังกล่าวสวนทางกับการคาดการณ์ของหลายฝ่ายที่คาดว่าจะมีการปรับลดขนาดลงส่งผลให้มีแรงซื้อกลับเข้ามาในทุกสินทรัพย์ เช่นเดียวกับทองคำ ทางด้านยุโรปการคงนโยบายของ FED สัญญาพันธบัตรล่วงหน้าของเยอรมนีและอิตาลีปรับตัวเพิ่มขึ้นขณะที่ยอดค้าปลีกของอังกฤษมีการชะลอตัวลงเกินคาด ค่าเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐฯยังคงแข็งค่าอยู่ใกล้ระดับ 30.9 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯซึ่งยังคงเป็นผลมาจากการเงินทุนจากต่างชาติที่ไหลเข้ามาในภูมิภาคเอเชียและกดดันราคาทองคำในประเทศSPDR รายงานการถือครองทองคำคงที่ระดับ 911.12 ตัน

 

 

 

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำสิ้นสุดอายุเดือนตุลาคม 2556 (GFV13) ปิดที่ระดับ 20,110 บาท ปริมาณการซื้อขาย 1,378 สัญญา

 

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำสิ้นสุดอายุเดือนตุลาคม 2556 ขนาด 10 บาท (GF10V13) ปิดที่ระดับ 20,100 บาท ปริมาณการซื้อขาย 4,903 สัญญา

 

แนวโน้มทองคำ นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัดและผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่า ผลการประชุมวานนี้สร้าง Surprise ให้กับตลาดอย่างมากเนื่องจากที่ผ่านมาตลาดค่อนข้างคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่า FED น่าจะเริ่มชะลอ QE ภายในการประชุมครั้งนี้ แต่พอไม่มีการปรับชะลอตามที่ตลาดได้คาดการณ์ก็เลยทำให้ทองคำและสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆกลับมาน่าสนใจอีกครั้ง นอกเหนือจากนี้ปัญหาเพดานหนี้สหรัฐฯซึ่งจะเริ่มกลับมากดดันตลาดหากสภาคองเกรสไม่สามารถผ่านร่างกฏหมายขยายเพดานหนี้ภายในกลางเดือนตุลาคม อาจจะทำให้สหรัฐฯถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ ซึ่งจะเป็นอีกแรงหนุนต่อราคาทองคำ ทางเทคนิค ระยะสั้นกลับมาเป็นเชิงบวกหลังสามารถยืนเหนือ US$1,300 ได้อย่างมั่นคง ทั้งนี้มีแนวต้านสำคัญระดับ US$1,377 หากผ่านได้ลุ้นทดสอบ US$1,400 อีกครั้ง อย่างไรก็ตามอาจมีการย่อทดสอบแนวรับระหว่างวันที่ US$1,350-35

 

GT Wealth Management

www.gtwm.co.th

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- พฤหัสบดีที่ 19 กันยายน 2556 17:11:15 น.

กรุงเทพฯ--19 ก.ย.--PRdd

สภาวะตลาดวันที่ 19 กันยายน 2556 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,359.33-1,372.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFV13 อยู่ที่ 20,140 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 520 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,620 บาท ขณะที่ซิวเวอร์ฟิวเจอร์ SVV13 อยู่ที่ 717 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 767 บาท

 

 

 

(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.04 น.ของวันที่ 19/09/13)ออกมา คือ ออกมา คือ

 

แนวโน้มวันที่ 20 กันยายน 2556

ราคาทองคำทะยานขึ้นหลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สร้างความประหลาดใจ หลังจากตัดสินใจไม่ปรับลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งได้ช่วยหนุนแรงซื้อเข้ามายังตลาดทองคำ ขณะที่นักลงทุนขานรับในเชิงบวกกับการตัดสินใจของเฟด ทั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศคงเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) อยู่ในกรอบ 0-0.25% โดยย้ำว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อยจนกว่าอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 6.5% และอัตราเงินเฟ้อไม่อยู่สูงกว่าระดับ 2.5% นอกจากนี้ นายเบนเบอร์นันเก้ ประธานเฟด กล่าวในการแถลงข่าวว่าเฟดจะยังคง ดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อไป และจะพิจารณาแนวโน้มพื้นฐานทางเศรษฐกิจว่าแข็งแกร่งหรือไม่จึงจะยกเลิกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เฟดยังได้ปรับลดการคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจลงเหลือ 2-2.3% ในปีนี้ และ 2.9-3.1% ในปีหน้า ซึ่งเฟดแสดงความวิตกเกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจในอนาคต และรัฐบาลสหรัฐมีปัญหาเรื่องงบประมาณและเพดานหนี้ ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์บางรายกล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่เฟดอาจจะไม่ปรับลดขนาด QE จนกว่าวาระการดำรงตำแหน่งประธานเฟดของนาย เบอร์นันเก้จะสิ้นสุดลงในเดือนมกราคม 2014 และสิ่งนี้จะส่งผลให้ภารกิจอันยากลำบากนี้ตกเป็นของประธานเฟดคนใหม่ เบื้องต้นวายแอลจีประเมินว่าหากราคาทองคำมีการปรับตัวลงสู่แนวรับและมีการดีดตัวขึ้นซึ่งสอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานที่เข้ามาหนุนราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้วายแอลจีประเมินว่าราคาทองคำจะค่อยๆปรับตัวขึ้นไป โดยประเมินแนวต้านในบริเวณ 1,373 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคาทองคำสามารถผ่านแนวต้านดังกล่าวไปได้ วายแอลจีประเมินว่าราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะขึ้นทดสอบแนวต้านโซน 1,383 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า หากราคาสามารถยืนเหนือบริเวณ 1,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างแข็งแกร่ง คาดว่าราคาจะขยับขึ้นทดสอบแนวต้าน อย่างไรก็ตามเมื่อราคาขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,373 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 1,383 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ยังไม่สามารถผ่านไปได้แนะนำขายทำกำไรบางส่วน แนะนำนักลงทุนเข้าซื้อเมื่อราคามีการย่อตัวเข้าใกล้บริเวณแนวรับ 1,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยหากราคาไม่หลุดแนวรับราคาทองคำยังมีโอกาสค่อยๆขยับขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไป แต่หากราคาหลุดโซนดังกล่าวจะปรับตัวลงไปต่อ โดยมีแนวรับถัดไปที่บริเวณ 1,340-1,332 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

ทองคำแท่ง (96.50%)

แนวรับ 1,350 (19,750บาท) 1,340 (19,600บาท) 1,332 (19,480บาท)

แนวต้าน 1,373 (20,090บาท) 1,383 (20,230บาท) 1,395 (20,410บาท)

GOLD FUTURES (GFV13)

แนวรับ 1,350 (19,910บาท) 1,340 (19,760บาท) 1,332 (19,640บาท)

แนวต้าน 1,373 (20,240บาท) 1,383 (20,390บาท) 1,395 (20,570บาท)

SILVER FUTURES (SVV13)

แนวรับ 22.55 (704 บาท) 22.10 (690 บาท) 21.70 (678 บาท)

แนวต้าน 23.50 (734 บาท) 23.95 (748 บาท) 24.45 (763 บาท)

หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999 และการลงทุนด้านทองคำแท่ง โทร.02-687-9888

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

YLG คาดราคาทองคำแตะ 1,430 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังเฟดไม่ปรับลด QE

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 19 กันยายน 2556 15:54:50 น.

นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด(YLG) เปิดเผยว่า ผลการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(FOMC)ยังคงตัดสินใจเดินหน้ามาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) โดยจะยังคงดำเนินโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และหลักทรัพย์ที่ได้รับการค้ำประกันจากสัญญาจำนอง (MBS) ในวงเงินรวมกัน 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ทุกเดือนต่อไป เพื่อพยุงเศรษฐกิจสหรัฐ ส่งผลให้ราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดกว่า 67 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ค่าเงินบาทแข็งค่ากว่า 50 สตางค์ต่อดอลลาร์

 

 

 

เบื้องต้น YLG ประเมินว่าราคาทองคำยังคงสามารถปรับตัวขึ้นได้อีกจากแรงซื้อที่ค่อนข้างมาก โดยประเมินแนวต้านสำคัญ 1,430-1,450 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 21,000-21,300 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่แนวรับอยู่ที่ 1,330-1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 19,600-19,100 บาทต่อบาททองคำทั้งนี้นักลงทุนสามารถขายทำกำไรตามบริเวณดังกล่าว และรอเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงมาเข้าสู่โซนแนวรับ

 

สำหรับสถานการณ์ทิศทางของราคาทองคำต่อไปจะขึ้นอยู่กับสภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยเฉพาะตลาดแรงงาน เนื่องจากประธานธนาคารธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ได้ให้เหตุผลว่าการยุติมาตรการ QE ลงนั้น จะพิจารณาจากแนวโน้มพื้นฐานทางเศรษฐกิจเป็นหลัก ซึ่งตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญได้แก่ ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน การจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงาน ขณะที่การประชุมของ FOMC รอบต่อไปจะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้

 

นางพวรรณ์ กล่าวว่า YLG มองแนวโน้มราคาทองคำ 1 เดือนข้างหน้า มีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบ 1,430-1,450 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 21,000-21,300 บาทต่อบาททองคำ แต่หากมีเหตุสำคัญเข้ามาแทรกอาจส่งผลให้เกิดแนวโน้มเชิงลบ จำเป็นต้องประเมินแนวรับสำคัญไว้ที่ 1,330-1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 19,600-19,100 บาทต่อบาททองคำ ซึ่งนักลงทุนสามารถรอซื้อสะสมไป โดยหากราคาหลุด 1,285 ดอลลาร์ต่อออนซ์หรือ 18,800 บาทต่อบาททองคำ จำเป็นต้องชะลอการซื้อออกไปก่อน

 

อินโฟเควสท์ โดย ศศิธร ซิมาภรณ์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อีก 25 นาที กับตัวเลขรายงานคนว่างงานสหรัฐฯ Initial Jobless Claims คาดการณ์ตามโพลว่า เพิ่มขึ้นที่ 330,000 คน Forecast:330K จากเดิมตัวเลขอยู่ที่

Previous: 292,000 คน แต่คงสรุปง่ายๆ ดีกว่าว่า ถ้าตัวเลขมาที่ 300,000 คน ซึ่งมีความเป็นไปได้สูง ในช่วงเทศกาล Summer ล่ะก็ > ราคาทองพุ่งฉลุยอีกรอบ แต่ก็น่าจะติดอีกคราที่แนวต้าน 1389 หรือเปล่า ต้องคอยดูอีก 25 นาที /

 

http://www.investing.com/economic-calendar/

Importance:Currency:USDSource Of Report:Department of Labor (Release URL)

OverviewChartHistory

Initial Jobless Claims measures the number of individuals who filed for unemployment insurance for the first time during the past week. This is the earliest U.S. economic data, but the market impact varies from week to week.

 

A higher than expected reading should be taken as negative/bearish for the USD, while a lower than expected reading should be taken as positive/bullish for the USD.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Initial Jobless Claims

Actual:309K

Forecast:330K

Previous:294K

Importance:Currency:USDSource Of Report:Department of Labor (Release URL)

OverviewChartHistory

Initial Jobless Claims measures the number of individuals who filed for unemployment insurance for the first time during the past week. This is the earliest U.S. economic data, but the market impact varies from week to week.

 

A higher than expected reading should be taken as negative/bearish for the USD, while a lower than expected reading should be taken as positive/bullish for the USD.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Current Account

Actual:-98.9B

Forecast:-97.0B

Previous:-104.9B

Importance:Currency:USDSource Of Report:Bureau of Economic Analysis (Release URL)

OverviewChartHistory

The Current Account index measures the difference in value between exported and imported goods, services and interest payments during the reported month. The goods portion is the same as the monthly Trade Balance figure. Because foreigners must buy the domestic currency to pay for the nation's exports the data can have a sizable affect on the USD.

 

A higher than expected reading should be taken as positive/bullish for the USD, while a lower than expected reading should be taken as negative/bearish for the USD.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...