ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

บริษัท IHS อิงค์ ประเมินว่า การปิดหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ บางส่วน ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ เป็นมูลค่าอย่างน้อย 300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อวัน และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากการปิดหน่วยงานส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายของภาค ธุรกิจ และ ผู้บริโภคทั่วไป

 

ทั้งนี้ IHS ยังคาดการณ์ต่อว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาส 4 จะขยายตัว 2.2% ลดลง 0.2% เนื่องจากนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า การปิดหน่วยงานรัฐบาล 21 วัน ทำให้เศรษฐกิจขยายตัวลดลง 0.9 - 1.4%

 

ที่มา: money channel (วันที่ 2 ตค.56)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วันก่อนมีโอกาสพบกับท่านผู้อ่านท่านหนึ่งโดยบังเอิญ

 

ได้รับทราบว่ามี Comment ในบทความเดือนที่แล้วว่าด้วยเรื่องวิกฤติเศรษฐกิจ ท่านบอกว่าอ่านจบแล้ว ยังไม่จุใจ มีความรู้สึกว่า “ยังไม่สุดซอย” อย่างนั้นผมก็เลยเรียนไปว่าเดี๋ยวรออ่านเดือนต.ค.นี้ ผมจะว่าให้ "สุดซอย” ไปเลยว่างั้น เราเริ่มกันตอนนี้เลยนะครับ

 

คราวก่อนผมมีข้อแนะนำสังเกตอยู่หลายประการ ซึ่งล้วนเป็นประโยชน์มากเหมาะสมที่จะนำเอามา "รับใช้ปัจจุบัน” เป็นอย่างยิ่ง แต่ดูเหมือนว่า Comment ที่ได้ยังอยากจะให้ผมเล่าเรื่องที่เป็นสัญญาณเตือนให้มากขึ้น ดังนั้นขอเรียนเป็นประเด็นๆ ตรง ๆ เนื้อ ๆ เน้น ๆ เลยนะครับ

 

1.)วิกฤติคราวก่อนปี 2540 เป็นเรื่องของการ “mismanage” นโยบายเรื่องดอกเบี้ยและอัตราแลกเปลี่ยนเป็นหลัก คงจะไม่กล่าวในที่นี้อีก ในความเห็นของผมโอกาสที่เราจะมี “systemic risk” ในเรื่องดังกล่าวอีกคงจะเป็นไปได้ยาก เหตุผลสั้นๆ แต่มีน้ำหนักมากก็คือ ประการแรกอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงแบบไม่มีความเสี่ยง (Risk Free Rate) ดำรงอยู่อย่างเป็นเรื่องเป็นราว (meaningful existence)

 

ประการที่สองการหันมาใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวก็ทำให้การโจมตีเงินทำได้ยากและไม่คุ้ม "ที่จะทำ” ถึงแม้ว่าการบริหารจัดการนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนสามารถทำได้ดีกว่านี้ก็ตาม

 

2.)ผมมีความเชื่อว่าวิกฤติคราวหน้า (บอกไปแล้วในเดือนที่แล้วว่าไม่น่าจะเกินปี 2017) น่าจะมีต้นตอมาจากเรื่องอื่นมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริหารจัดการที่ผิดพลาดทางด้านการคลัง ยิ่งมีการยืนยันอย่างมั่นเหมาะว่า จะดำรงวินัยทางการคลังอย่างมั่นคง ยิ่งทำให้ผมไม่มั่นใจมากขึ้น ที่พูดอย่างนี้ไม่ได้ตั้งใจจะต่อว่าใครเพียงทุกอย่างคงต้องดู”เรื่องจริง” ที่เกิดขึ้น และดูเหมือนว่าหน่วยงานอิสระอื่น ๆ ก็ได้จับตาดูเหมือนกัน อาทิเช่นบริษัทจัดอันดับในต่างประเทศ เป็นต้น

 

3.) โดยทั่วไปการดำเนินนโยบายการคลังจะมีสององค์ประกอบเป็นสำคัญ ได้แก่ การใช้จ่ายภาครัฐ (Government Expenditure; G) และการจัดเก็บภาษี (Tax;T) เมื่อใดก็ตามเมื่อ G=T ก็หมายถึงการดำเนินนโยบายแบบสมดุล(Balanced Budget)

 

หากต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐบาลก็อาจจะใช้นโยบายการคลังแบบขยายตัว (Expansionary Fiscal Policy) การดำเนินนโยบายแบบนี้ตัว G ก็จะมากกว่า T และต้องหาเงินมาเพิ่มด้วยการกู้อย่างที่ผมได้เคยเรียนไว้การกู้ไม่ใช่เรื่องเสียหาย หากเราสามารถหาเงินมาคืนเจ้าหนี้เขาได้ และเจ้าหนี้ยังคงมีความ "สบายใจ” ที่จะให้กู้อยู่ได้

 

4.) การใช้ Expansionary Fiscal Policy รัฐก็มีความคาดหวังว่าเศรษฐกิจที่ขยายตัวจะทำให้ประชาชนกินดีอยู่ดี แล้วมีกำลังในการจับจ่ายใช้สอย และเสียภาษีได้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระบบของไทยที่ยังพึ่งพาภาษีขาย (Sales Tax) อยู่มาก ดังนั้นนโยบายที่ผ่านมายังคงมีจุดมุ่งหมายที่กระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อให้สามารถเก็บภาษีได้ในภายหลัง

 

อย่างไรก็ตามสิ่งที่เป็นที่น่าห่วงใยก็คือ หากการจัดเก็บภาษีทำได้ไม่ตามนัด ฐานะการคลังก็จะอ่อนแอลง และเมื่อถึงจุดๆ หนึ่งปฏิกิริยาลูกโซ่ก็จะเกิดขึ้นตามมา หากนึกไม่ออกไปทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นที่ กรีซ และไซปรัส แล้วมาเทียบเคียงดูมันไม่น่าจะต่างกันเท่าไหร่หรอก

 

5.) ปฏิกิริยาลูกโซ่ที่บอกข้างต้นนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจากความเชื่อมั่นล้วน ๆ เมื่อความเชื่อมั่นเสื่อมถอย อะไร ๆ ก็ดูไม่ดีไปหมด เจ้าของเงินก็อยากได้เงินคืน เขาก็จะเร่งรัดการชำระหนี้ การปล่อยสินเชื่อก็จะเข้มงวดมากขึ้น

 

เจ้าหนี้ในทุกระดับไม่ว่าระดับลูกทุ่ง ลูกกรุง หรืออินเตอร์ ก็จะทำอย่างเดียวกัน ที่ได้บอกข้างต้น ใครพอจะ "ชักดาบ” ได้ก็จะไม่รีรอ ผู้คนก็จะตื่นตระหนก แห่ไปถอนเงินมาเก็บไว้ที่บ้าน (จำไซปรัสได้ไหมครับ) พวกอินเตอร์ก็จะขนเงินออกทั้งอินเตอร์จริงๆ (เจ้าหนี้ต่างประเทศ) และอินเตอร์จำเป็น (พวกที่มีเงินบาทเยอะ ๆ และเป็นเงินสดเป็นตู้คอนเทนเนอร์) ค่าเงินบาทก็จะอ่อนลงอย่างรวดเร็ว ทั้งในตลาดสว่างและตลาดมืด เงินก็จะหายไปจากระบบไปกองอยู่ที่แบงก์ชาติ ดอกเบี้ยก็จะพุ่งสูงขึ้น ที่เหลือก็ไปคิดเอาเองก็แล้วกัน

 

6.) คราวก่อนได้กล่าวไว้ว่าต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ก็ขอทบทวนเอาไว้ตรงนี้อีกหน่อยหนึ่งว่า ในยามวิกฤตสภาพคล่องเป็นเรื่องที่สำคัญถึงสำคัญที่สุด และคงจะไม่มีประโยชน์อันใดที่จะเพิ่งมารู้ว่ามีวิกฤตแล้วถึงจะมาเตรียมสภาพคล่อง เพราะมันไม่มีทางทันหรอก

 

โดยปกติมันจะมีดัชนีบ่งชี้ให้เรารู้สึกตัวอยู่ล่วงหน้าพอควร ขอยกตัวอย่างเช่นเมื่อใดที่เจ้าหนี้เขาจะเริ่มหวั่นไหว (เมื่อ Credit rating แย่ลง) เมื่อใดที่สภาพคล่องเริ่มหดหาย (เมื่อแบงก์เริ่มไม่ปล่อยกู้ ดอกเบี้ยสูงขึ้น) เมื่อใดที่เงินทุนไหลออก(เมื่อเงินบาทอ่อนตัวอย่างรวดเร็ว แซงเงินทุกสกุล)

 

หวังว่าคราวนี้ผมได้ว่าจน "สุดซอย” แล้วนะครับ และทั้งหมดเป็นความเห็นส่วนตัว โปรดใช้วิจารณญาณ ในการรับรู้ด้วย สวัสดี

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ (วันที่ 2 ตุลาคม 2556)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาทองตอนนี้ ขายออก 19,200 ท่านว่า เป็นยังไง เมื่อเปรียบเทียบ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นักบริหารเงิน กล่าวว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 31.22/24 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดอยู่ที่ระดับ 31.13/15 บาท/ดอลลาร์

 

"เช้านี้บาทอ่อนจากประเด็นหลักคือราคาทองคำลงมาต่ำกว่า 1,300 ดอลลาร์/ออนซ์เมื่อคืนที่ผ่านมา ทำให้มีแรงซื้อดอลลาร์บาท จากเมื่อคืน Carry Over มาจนถึงเช้านี้ ประกอบกับดอลลาร์ร่วงลงเมื่อเทียบกับหลายๆสกุล"

 

สำหรับทิศทางค่าเงินบาทวันนี้ คาดว่ากรอบการเคลื่อนไหวจะอยู่ระหว่าง 31.15-31.35 บาท/ดอลลาร์

 

* ปัจจัยสำคัญ

- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 97.93 เยน/ดอลลาร์

- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3512 ดอลลาร์/ยูโร

- อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ 30.9525 บาท/ดอลลาร์

 

- ธปท.เผย "หนี้ครัวเรือน" ไตรมาส 2 พุ่ง 1.3 ล้านล้านบาท เติบโต 15.7% "เช่าซื้อ-บัตรเครดิต" นำโด่ง นายแบงก์รับต้องระวังมากขึ้น กรุงไทยระบุเข้าตรวจสอบเครดิตบูโรถี่ยิบ เน้นลูกค้าที่เงินเดือนผ่านแบงก์ ชี้รากหญ้า กลุ่มเสี่ยง ส่วนกสิกรไทยเชื่อทั้งปีหนี้ครัวเรือนโต 9-10% ไม่น่าห่วง ขณะที่ไทยพาณิชย์รับชะลอสินเชื่อบุคคลตั้งแต่ไตรมาส 2

 

- ก.ล.ต. "ไทย-มาเลเซีย-สิงคโปร์" บรรลุข้อตกลง พร้อมลุยขายกองทุนรวมข้ามประเทศในอาเซียน โดยใช้มาตรฐานกลางกำกับดูแลธุรกรรม และคุณสมบัติของกองทุนรวมที่จะอนุญาตให้เสนอขายข้ามกัน

 

- ธนาคารกสิกรไทย มองการปิดหน่วยงานราชการของสหรัฐอาจก่อให้เกิดความผันผวนของค่าเงินสกุล เอเชีย รวมทั้งค่าเงินบาทในระยะสั้น เนื่องจากตลาดยังจับตาดูว่าการชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐจะยืดเยื้อหรือไม่ รวมถึงผลการเจรจาขยายเพดานหนี้ในวันที่ 17 ต.ค.นี้ ธนาคารจึงประเมินว่าค่าเงินบาทมีโอกาสเคลื่อนไหวระหว่าง 30.75-31.50 บาทต่อเหรียญสหรัฐ จึงอยากแนะนำให้ภาคธุรกิจให้ความสำคัญกับการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลก เปลี่ยน

 

- ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ เนื่องจากการปิดทำการหน่วยงานราชการสหรัฐบางส่วนในวันนี้ได้ทำให้เกิดกระแส คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงเดินหน้าการซื้อสินทรัพย์ต่อไป ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง

 

- ตลาดหุ้นเอเชียปรับเพิ่มขึ้นเช้านี้ เนื่องจากนักลงทุนมองว่าการที่สหรัฐปิดหน่วยงานราชการบางส่วนจะส่งผลกระทบในวงจำกัด

 

- วุฒิสภาสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างกฎหมายจัดสรรงบประมาณชั่วคราวฉบับที่มีการ แปรญัตติจากสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้งเมื่อคืนนี้ ตามเวลาไทย ด้วยคะแนนเสียง 54 ต่อ 46 ขณะที่รัฐบาลได้เริ่มปิดหน่วยงานราชการบางส่วนตั้งแต่ช่วงเที่ยงคืนของวัน ที่ 30 ก.ย.ตามเวลาสหรัฐแล้ว (หรือตรงกับเวลา 11.00 น.ตามเวลาไทยเมื่อวานนี้)

 

- สถาบันจัดการอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 56.2 ในเดือนก.ย. จากระดับ 55.7 ในเดือนส.ค. นับเป็นการขยายตัวในอัตราที่เร็วที่สุดในรอบเกือบสองปีครึ่ง โดยดัชนีที่อยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมภาคการผลิตของสหรัฐยังคงขยายตัวต่อเนื่อง และหนุนกระแสคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐโดยรวมอาจขยายตัวเร็วขึ้นในช่วงครึ่ง หลังของปี

 

- ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) เปิดเผยในวันนี้ว่า ฐานเงิน (monetary base) หรือปริมาณธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ที่หมุนเวียนอยู่ในมือประชาชนและธนาคาร พาณิชย์ รวมทั้งเงินฝากที่สถาบันการเงินสำรองไว้กับธนาคารกลางประจำเดือนก.ย. พุ่งขึ้น 46.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะระดับ 181.70 ล้านล้านเยน ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน หลังจากบีโอเจเดินหน้าอัดฉีดเงินเข้าสู่ตลาดภายใต้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน แบบเชิงรุก

 

- ราคาทองฟิวเจอร์ร่วงลง เนื่องจากนักลงทุนเชื่อว่าสหรัฐจะสามารถหาทางออกเกี่ยวกับปัญหาร่างงบประมาณ ชั่วคราวได้โดยเร็ว โดย ณ เวลาประมาณ 20.10 น. ตามเวลาประเทศไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ปรับตัวลง 32.00 ดอลลาร์ หรือ 2.41% สู่ระดับ 1,295.00 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์(วันที่ 2 ตค.56)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลาดหุ้นยุโรปคาดเปิดตลาดปรับตัวลดลง หลังสหรัฐปิดหน่วยงานบางส่วน

 

 

ตลาดหุ้นยุโรปมีแนวโน้มว่าจะเปิดตลาดปรับตัวลดลงในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนยังคงประเมินผลกระทบจากการปิดหน่วยงานราชการบางส่วนของสหรัฐ

ดัชนี Euro Stoxx 50 ขยับลง 0.2% แตะ 2,912 เมื่อเวลา 7.18 น.ตามเวลาลอนดอน

ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐ ได้กล่าวตำหนิสมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาคองเกรส ซึ่งทำให้ต้องปิดทำการหน่วยงานรัฐบาล พร้อมกับออกมาปกป้องกฎหมายประกันสุขภาพที่เขาผลักดันหรือที่รู้จักกันว่า โอบามาแคร์

นายเดวิด สต็อคตัน ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันเศรษฐกิจระหว่างประเทศปีเตอร์สันกล่าวว่า การปิดหน่วยงานของรัฐบาลและความไม่แน่นอนในเรื่องงบประมาณกำลังฉุดรั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอเมริกา และการผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐ จะมีผลกระทบในเชิงลบอย่างมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศในทันที และเป็นเรื่องยากที่เหตุการณ์ดังกล่าวจะพลิกผันอย่างรวดเร็ว

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

02 ตุลาคม 2556

 

รมว.คลัง เผยจะติดตามความผันผวนอัตราแลกเปลี่ยน-การเงินหลังงบฯสหรัฐสะดุด

 

 

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากสหรัฐฯ มีความจำเป็นต้องปิดหน่วยงานราชการบางแห่งลง หลังจากที่สภาคองเกรสไม่สามารถผ่านกฎหมายงบประมาณฉุกเฉินว่า ในส่วนของประเทศไทยคงต้องเฝ้าระวังเรื่องความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและความผันผวนทางการเงิน

 

 

อย่างไรก็ดี เชื่อว่าปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้นจะไม่ส่งผลกระทบร้ายแรง เพราะสถานการณ์ไม่ได้ลุกลามออกนอกสหรัฐฯ รวมทั้งเท่าที่สังเกตจากตลาดทุนในสหรัฐฯ ตลาดทุนทั่วโลก รวมทั้งตลาดในเอเชียก็ไม่ได้ตระหนกกับเหตุการณ์ดังกล่าว เนื่องจากในอดีตสหรัฐฯ ก็เคยประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้มาแล้ว เพียงแต่คงต้องจับตาที่สหรัฐฯ จะหาทางออกเรื่องนี้ในอีก 1-2 สัปดาห์ เพราะหากมีข้อสรุปได้เร็วก็จะไม่ส่งผลกระทบใดๆ เลย พร้อมเชื่อว่าสภาคองเกรสและประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะมีความเข้าใจต่อผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น

 

 

นายกิตติรัตน์ ยังกล่าวถึงภาพรวมเศรษฐกิจไทยโดยมองว่า ไตรมาสสุดท้ายของปีถือเป็นไตรมาสที่สำคัญ ซึ่งจะเป็นช่วงที่ภาคบริการ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวสามารถขยายตัวได้ดี รวมทั้งภาคการส่งออกซึ่งมีสัญญาณที่ดีขึ้น แต่การดูแลสถานการณ์เศรษฐกิจต้องมองในภาพรวม เพราะกลไกการทำงานด้านเศรษฐกิจมีการเชื่อมโยงกัน

 

 

อย่างไรก็ดี แม้ขณะนี้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2557 ยังอยู่ในขั้นกระบวนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ แต่การใช้จ่ายของภาครัฐรวมทั้งการลงทุนภาคเอกชนยังถือว่ามีทิศทางที่ดี ขณะที่ปัญหาการขาดดุลการค้า และขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ดังนั้นภาวะเศรษฐกิจของไทยไม่ได้ร้ายแรงจนน่าเป็นห่วง เพียงแต่ยังต้องเฝ้าระวังสถานการณ์

 

 

"ช่วงนี้เราเอาใจช่วยสถานการณ์นอกประเทศ และเหตุการณ์จากอุทกภัยในประเทศ ซึ่งต้องติดตามกันอยู่ แต่เชื่อว่าไม่มีอะไร" นายกิตติรัตน์ กล่าว

 

 

ด้านนายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเป็นห่วงธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) อาจจะปรับตัวไม่ทันกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จึงเสนอให้คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ ร่วมกับกระทรวงการคลังตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อวิเคราะห์สถานะและความต้องการของเอสเอ็มอีล่าสุดว่าเป็นอย่างไร เพื่อให้ปรับตัวได้ทันกับสถานการณ์ การลดต้นทุน รวมถึงแนะนำเครื่องมือที่เหมาะสมให้กับเอสเอ็มอี

 

 

ขณะที่นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน่าจะกระทบเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาสล่าสุดเพียง 0.1% เท่านั้นและคาดว่าในไม่ช้าคงจะหาทางออกได้

 

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการ สภาพัฒน์ ได้รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจโดยรวมว่า เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก กำลังซื้อของต่างประเทศจะเริ่มกลับมาในไตรมาสที่ 4 ต่อเนื่องถึงปีหน้า ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อการฟื้นตัวของการส่งออกอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ยังต้องติดตาม 3 ประเด็นอย่างใกล้ชิดคือ 1.การลดการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณของสหรัฐ 2.การหยุดดำเนินงานของรัฐบาลกลางสหรัฐ และ 3.สถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศกลุ่มยุโรป

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นักวิเคราะห์คาดธนาคารกลางยุโรปคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.5% ในการประชุมวันนี้

 

 

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 0.5% ในการประชุมวันนี้

โดยในการประชุมเมื่อวันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมา ธนาคารกลางยุโรป มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งสอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้

 

อีซีบีมีกำหนดประชุมนโยบายการเงินในวันนี้ และจะแถลงมติอัตราดอกเบี้ยในเวลา 18.45 น. ตามเวลาประเทศไทย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แนวรับแนวต้าน

Support levels are at 1273 (S1), 1263, followed by 1242 (S2) and 1208 (S3).

Resistance is identified at the 1291 (R1) level, 1304, followed by 1316 (R2), 1326 and 1343 (R3).

 

ปล. ระวัง เงื้อดาบค้าง แล้วไม่ไดัฉับ เพราะ ราคานิ่ง มาก ขึ้นลง 5 เหรียญ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ฝรั่งวิเคราะห์วิเดายามบ่ายกล่าวว่า " เหตุอุบัติเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ต่อ ทองคำ เหนือการคาดฝัน อันสืบสาเหตุจากอินเดียขึ้นกำแพงภาษีต่อทองคำ ถึงแม้ว่าจะมีเรื่อง Shutdown ของสหรัฐ ก็ยังไม่พลิกฟื้นราคาตีกลับมาได้ เพราะ นักลงทุนฝรั่งสหรัฐยังรีรอดูโอบามา ดูสภาฯ ว่า จะมารูปกี่วัน อาจจะลงสนามพรุ่งนี้ ขอดูวันนี้อีกสักวัน วันที่ นายเบอร์นันเก้ ออกมาพูด มุมมองมองเป็น ขึ้นระยะสั้น แล้วจะร่วงเยอะขึ้นน้อย จนถึงปลายปี จุดวันนี้. 1270 หลับไม่ฟื้น ตื่นอีกนาน ระวังไว้ด้วย หนทางสู่ 1100 และ 1000 ไม่นานเกิน ลดวงเงิน QE ปลายเดือนนี้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ถ้าลด QE จริง

 

ชาวดอย หนาวกว่าเดิมแน่นอน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หลายคนลุ้นรายงาน 1 ทุ่ม สิบห้า ตัวเลข Non Farm ถึงกับบอกกล่าว คอยเฝ้าหน้าจอดีๆ นะ เออ ! ว่าแต่ Government Shutdown ที่ปิดไปตอนนี้ มีหน่วยงานฯ เรื่องนี้ติดร่างแหปิดสำนักงานฯ หรือเปล่า 5555555 ผมว่า " ปิด " นะจ๊ะ

 

ถ้าจะขึ้นรถไฟเหาะตีลังกาคืนนี้ โดยคิดจะนั่งเฝ้าหน้าจอ เวลาผ่านไปถึงเที่ยงคืนก็ไม่ขยับ อาจต้องร้อง " ปวดขรี้ " เพราะอั้นไว้นาน รอลุ้น เงื้อค้าง

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หลายคนลุ้นรายงาน 1 ทุ่ม สิบห้า ตัวเลข Non Farm ถึงกับบอกกล่าว คอยเฝ้าหน้าจอดีๆ นะ เออ ! ว่าแต่ Government Shutdown ที่ปิดไปตอนนี้ มีหน่วยงานฯ เรื่องนี้ติดร่างแหปิดสำนักงานฯ หรือเปล่า 5555555 ผมว่า " ปิด " นะจ๊ะ

 

ถ้าจะขึ้นรถไฟเหาะตีลังกาคืนนี้ โดยคิดจะนั่งเฝ้าหน้าจอ เวลาผ่านไปถึงเที่ยงคืนก็ไม่ขยับ อาจต้องร้อง " ปวดขรี้ " เพราะอั้นไว้นาน รอลุ้น เงื้อค้าง

 

1320 จะกินเจ 1 อาทิต ครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...