ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

S 70สัญญา ไม่ธรรมดาจริงๆ :gd

เห็นไม่ผ่าน 1335 สักที กะว่าย่อนิดหน่อยจะปล่อยค่ะ สัก 5 เหรียญก็กะปล่อย แ่ต่ตลาด GF ปิดค่ะ ใจคอไม่ดีเหมือนกันค่ะ แต่พอกลับเข้ามาดูตอนทุ่มครึ่งตกใจเหมือนกันค่ะ แบบว่าทำไรไม่ถูกเลยค่ะ หัวใจจาวายยยยค่ะ อิอิ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จากข่าวสารชิ้นนี้ อ้างถึงการร่วงลงของราคาทอง เกิดจากการปรับขึ้นเพดานภาษีค่าธรรมเนียมของทองคำ โดย รัฐบาลอินเดีย เพื่อหวังลดการขาดดุลการค้าจากปริมาณการนำเข้าทองคำที่สูง เพื่อให้ลดน้อยลง ในขณะที่ ความหวาดกลัวในเหตุของสหรัฐฯ ไม่เลยสักนิดที่จะพยุงราคาทอง ไม่ให้ร่วงลงได้เลย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

http://asianpacificnews.com/news4/?p=13655

 

รัฐบาลอเมริกันอาจปิดให้บริการบางหน่วยงานหากงบประมาณไม่ผ่าน

September 26, 2013 | Filed under: ถนนสายอเมริกา,สังคม-ธุรกิจ-เศรษฐกิจ | Posted by: admin

 

 

การประชุมสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อวันที่ 20 กันยายนได้ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณประจำปี 2014 แต่มีเงื่อนไขกล่าวคือเป็นงบประมาณที่ไม่ยอมให้นำเงินไปใช้ (defund) ในกฎหมายประกันสุขภาพ Obamacare ที่มีผลมาตั้งแต่ปี 2010 ซึ่งจะเริ่มให้ประชาชน”ช้อป”ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2013 เป็นต้นไปโดยจะมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2014

 

ร่างกฎหมายงบประมาณรายจ่ายประจำปียังไม่สิ้นสุดเพราะจะต้องผ่านการประชุมของวุฒิสภาเสียก่อน คาดว่าสัปดาห์นี้จะมีการพิจารณากัน

 

สภาผู้แทนได้ตั้งระงับงบประมาณรายจ่ายไว้ที่ $986.3 พันล้านดอลลาร์ไปถึงวันที่ 15 ธันวาคม 2013 รู้จักกันในนาม continuing resolutions (CR) หากวุฒิสภาผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้ได้ปัญหาก็จะไม่เกิด แต่หากไม่สำเร็จประธานาธิบดีก็จะใช้อำนาจยับยั้ง (Veto) จากนั้นสภาฯจะต้องใช้เสียงให้ครบเพื่อยืนยันการลงคะแนนของตน (override) จึงจะมีผลบังคับคือไม่ให้ประธานาธิบดีนำเงินไปใช้ตามกฎหมาย Affordable Care Act 2010

 

หากไม่สำเร็จผลที่ตามมาก็คือหน่วยงานของรัฐบาลหลายองค์กรจะต้องปิดตัวลง (government shutdown) ไม่อาจให้บริการได้เพราะไม่มีงบประมาณนำมาจ่าย เรื่องนี้เคยเกิดขึ้นครั้งล่าสุดปี 1995 สมัยที่บิล คลินตัน เป็นประธานาธิบดีและนิวท์ กริงกริช เป็นประธานสภา หน่วยงานของรัฐบาลบางหน่วยต้องปิดตัวลง 28 วัน

 

ตามกฎหมายแล้วรัฐบาลกลางสหรัฐจะมีตารางงบประมาณรายจ่ายประจำปีระหว่างวันที่ 1 ตุลาคมถึงวันที่ 30 กันยายน แต่ละปีสภาคองเกรสจะเป็นผู้อนุมัติให้กระทรวง,สำนักงานและโครงการต่างๆใช้เงินในจำนวนงบประมาณที่แน่นอน โดยประธานาธิบดีจะเป็นผู้ลงนามให้กฎหมายงบประมาณรายจ่ายมีผลบังคับ

 

 

เมื่อไม่มีคนเก็บขยะสภาพบ้านเมืองจะเป็นเช่นนี้ ในภาพเหตุเกิดที่เมืองเมเปิ้ลประเทศอิตาลี

ภายใต้ระบบปัจจุบัน สภาคองเกรสจะต้องผ่านร่างกฎหมายงบประมาณทุกปีและประธานาธิบดีต้องลงนามเป็นกฎหมาย หากสภาฯผ่านร่างกฎหมายไม่ได้หรือผ่านมาแล้วประธานาธิบดีไม่ลงนาม ปัญหาก็จะต้องเกิดขึ้น สำนักงานบางสำนักงานที่ไม่จำเป็นนักก็จะถูกระงับดำเนินการไม่ให้งบประมาณ

 

ทั้งนี้เพื่อให้กระทรวงและสำนักงานต้องเดินหน้าต่อไปได้ สภาคองเกรสจะออกร่างที่เรียกว่า continuing resolution โดยให้กระทรวงและสำนักงานดำเนินการไปในงบประมาณระดับปัจจุบันที่เคยดำเนินการอยู่จนกว่า resolution จะหมดอายุหรือกฎหมายที่ถูกต้องได้ผ่านมาใช้บังคับ

 

A continuing resolution จะต้องผ่านทั้ง 2 สภาและประธานาธิบดีต้องลงนาม

 

ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในสมัย 1995 เมื่อย้อนกลับไปแล้ว บารัค โอบามา อายุ 34 ปีเป็นอาจารย์สอนกฎหมายอยู่ University ofChicagoLawSchool ขณะที่วุฒิสมาชิก Ted Cruz แกนนำในการ defund Obamacare อายุ 25 ปีเพิ่งเรียนจบHarvardLawSchool ซึ่งหลายคนยังไม่มีประสบการณ์ตรง

 

คราวนี้หากเหตุการณ์ปี 1995 กลับมาอีกครั้ง พวกเราจะได้รับผลกระทบอะไรบ้าง

 

1.จะมีการระงับบริการเงินกู้เพื่อธุรกิจขนาดเล็ก(Suspension of Approval of Applications for Small Business Loans) เจ้าหน้าที่ในส่วนนี้อาจจะต้องพักผ่อนอยู่กับบ้านและขึ้นอยู่กับว่าจะเปิดได้เมื่อใด และเมื่อเปิดกลับมาทำงานอีก กว่าจะอนุมัติเงินกู้ได้ก็จะต้องใช้เวลาเนิ่นนานออกไปอีก

 

2.พิพิธภัณฑ์,อนุสาวรีย์และสวนสาธารณะ(Museums, Monuments and Parks)อาจจะปิดตัวลงเพราะเห็นว่าหน่วยงานเหล่านี้ยังไม่จำเป็นในระหว่างที่มีปัญหางบประมาณ เจ้าหน้าที่ก็จะกลับไปนอนรออยู่บ้านจนกว่าทุกอย่างจะกลับมา ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือวอชิงตันดี.ซี.เพราะมี 3 สิ่งที่กล่าวมาตั้งอยู่มากที่สุด

 

3.The National Institutes of Health (NIH) ไม่อาจรับคนไข้ใหม่ได้ หรือไม่อาจทดลองค้นคว้าวิจัยที่จะต้องทำในระหว่างนี้ อย่างไรก็ตามการรักษาพยาบาล(Medicare)จะต้องมีงบประมาณดำเนินการต่อไป(ไม่งั้นคนไข้ตายแน่)

 

4.การบริการต่ออายุพาสปอร์ตหรือทำพาสปอร์ตหาย หน่วยงานนี้ก็จะปิดตัวลง ดังนั้นใครจะ”อัพเดท”พาสปอร์ตของตนจะต้องไปทำก่อนวันที่ 30 กันยายน ศกนี้ซึ่งยังไม่สายเกินไปจะเอาแบบวันเดียวหรือจะเดินทางไปทำด้วยตัวเองก็ได้ อย่าลืมว่าหากพาสปอร์ตอายุไม่ถึง 6 เดือนสายการบินจะไม่ให้ขึ้นเครื่องนี่เป็นกฎทั่วไป

 

พาสปอร์ตสามารถไปต่อายุได้ที่ทำการไปรษณีย์สหรัฐ หรือหากอยากได้วันเดียวก็ต้องวิ่งไปยังสถานที่ของกระทรวงการต่างประเทศที่รับจัดทำให้(On site) เข้าไปดูว่าจะทำได้ที่ไหนบ้าง http://travel.state.gov/passport/passport_1738.html

 

ในกรณีของแอล.เอ.ต้องการทำพาสปอร์ตด่วนจะต้องโทรไปนัดได้ที่ 1-877-487-2778 เมื่อได้รับการนัดแล้วจะต้องไปทำด้วยตัวเองระหว่างเวลา 7.30-14.30 น.วันจันทร์ถึงวันศุกร์ที่ Federal Building เลขที่11000 Wilshire Blvd., Suite 1000,Los Angeles,CA90024-3602

 

5.เรื่องนี้กระทบเฉพาะวอชิงวอตันดีซีคือการจัดเก็บขยะอาจถูกระงับเพราะไม่มีงบประมาณ และมีเรื่องตลกเกิดขึ้นใน Facebook ของบางคนบอกว่า”หากจอห์น เบห์เนอร์ ทำให้หน่วยงานรัฐบาลต้องถูกปิดตัวลง ผมจะนำขยะไปทิ้งที่หน้าบ้านของเบห์เนอร์” เรื่องนี้มีคนเข้าไปแชร์ประมาณ 7,000 ราย

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดียามเช้าวันพุธ เมื่อวานเย็น ร่วงลงมาเยอะเกือบ 50 เหรียญ มาวันนี้ ท่าทางจะอ่วมหรือเปล่า เมื่อเข้าสู่เวลาอินเดียตอน 11 โมง ที่มีการปรับเพิ่มกำแพงภาษีต่อทอง กีดกั้นการนำเข้าทองของผู้นำเข้าที่ติดอันดับโลก

 

รหัส 12,26,9 แบบดั้งเดิม ยังบ่งบอกด้านลบต่อไป

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีครับป๋า

 

เกาะกระแสทองหน้าจอ

 

ลุ้นเมื่อคืน ตอนหลุด 1300

 

คารวะท่าน คุณแม่ ที่ S ไว้แถว 1335 จริง ๆ ครับ

 

รับทรัพย์ก้อนโตไปลยยยยยย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รหัส 5,35,9 แบบส่งสัญญานนำทาง ฉีกออกอีกแล้วไม่ยอมที่จะตัดกันเพื่อนำไปสู่ภาพบวก ฉีกถ่างแบบนี้ ก็ออกแนวลบ คงต้องมีข่าวเด่นๆ อะไรที่โดนๆ มากระตุ้นราคาทอง เพื่อให้เกิดภาวะดีต่อราคาทอง สิ่งนั้นคือ การลดความน่าเชื่อถือต่อสหรัฐฯ จากเหล่าสถาบันต่างๆ มูดีส์ เอสแอนด์พี ฟิทส์ ก็ต้องดูว่าเขาทั้งสามมีจริยธรรมต่อวิชาชีพขนาดไหน ซึ่งยุคนี้ สมัยนี้ บ่องตง หายาก ไม่รู้เกิดจากความเกรงใจ หรือ เกรงกลัว คงต้องดูคืนนี้ น่าจะมีออกมาให้ข่าว

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รหัส 7,5,2 แบบไวไว ออกมาสัญญานลบ เส้นแดงอยู่ใต้เส้นดำ แต่ดูดีนิดตรงเส้นดำยาวกว่า ท่าทางจะออกอาการหักศอกลง หรือเปล่า การเกิดอาการแบบนี้ได้ต้องมีอย่างน้อย 30 เหรียญ จากราคาที่ย่อต่ำ 1275 ก็ต้นๆ 130x

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หน่วยงานภาครัฐของสหรัฐ อเมริกาหลายแห่งปิดทำการครั้งแรกในรอบ 17 ปี ผลจากการงัดข้อของรีพับลิกันและเดโมแครตในสภาคองเกรส ลูกจ้างมากกว่า 8 แสนรายถูกพักงานโดยไม่ได้รับค่าจ้างทันที "บารัค โอบามา" แถลงตำหนิรีพับลิกันจำนนให้กลุ่มอนุรักษนิยมที่ต้องการกดดันให้ล้มระบบประกันสุขภาพ "โอบามาแคร์"

 

การปิดทำการของหน่วยงานภาครัฐที่ไม่จำเป็นของรัฐบาลกลางสหรัฐเริ่มมีผลทันทีที่ปีงบประมาณสิ้นสุดลงก่อนเที่ยงคืนวันจันทร์ที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา ภายหลังวุฒิสภาที่พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากลงมติด้วยคะแนน 54 ต่อ 46 เสียง ไม่รับร่างกฎหมายงบประมาณการใช้จ่ายฉุกเฉินที่สภาผู้แทนราษฎรที่ฝ่ายรีพับลิกันกุมเสียงข้างมาก เสนอมา โดยร่างดังกล่าวกำหนดเงื่อนไขให้รัฐบาลต้องชะลอการบังคับใช้กฎหมายประกันสุขภาพมูลฐาน หรือที่เรียกกันว่า "โอบามาแคร์" ออกไป 1 ปี จากเดิมที่จะเริ่มมีผลในวันอังคาร รวมถึงให้ยกเลิกการจัดเก็บภาษีเครื่องมือแพทย์ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนโครงการประกันสุขภาพตามกฎหมายฉบับปี 2553 ด้วย

 

แฮร์รี รีด ผู้นำ ส.ว.เสียงข้างมาก กล่าวว่า พรรคเดโมแครตจะไม่เจรจาต่อรองอย่างเป็นทางการโดยมีปืนจ่อศีรษะ เขากล่าวโทษกลุ่มทีปาร์ตีในรีพับลิกันด้วยว่ามุ่งมั่นจะล้มกฎหมายปฏิรูประบบประกันสุขภาพเพื่อคนอเมริกันที่ยังขาดแคลนอีกหลายล้านคนให้ได้

 

ภาวะติดตายทางการเมืองครั้งนี้อาจสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจสหรัฐอย่างมากหากคองเกรสไม่สามารถแก้ปัญหากันโดยเร็ว ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ในฐานะที่เป็นผู้นำรัฐบาลที่ต้องปิดหน่วยงานเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี แถลงโจมตีพรรครีพับลิกันว่าจับอเมริกาเรียกค่าไถ่ด้วยความต้องการทางการเมืองแบบ "สุดโต่ง" ของพวก ส.ส.อนุรักษนิยมที่เป็นหนี้บุญคุณกลุ่มทีปาร์ตี และว่า การปิดทำการของหน่วยงานรัฐจะส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อผู้คนทั่วไปอย่างแท้จริงและในทันที การปิดทำการในอดีตเคยทำให้เศรษฐกิจเสียหายอย่างมาก

 

คำกล่าวของโอบามาได้รับการสนับ สนุนจากการประเมินของบริษัทที่ปรึกษาเศรษฐกิจมหภาค ที่ระบุว่า เศรษฐกิจของสหรัฐจะขยายตัวช้าลง จากที่เคยอยู่ที่ระดับ 2.5% เมื่อไตรมาสที่ 2 การปิดทำการนาน 2 สัปดาห์จะทำให้จีดีพีของสหรัฐหดลง 0.3% ขณะที่ในส่วนของแรงงานเป็นรายบุคคล จะเกิดผลต่อการออมหรือการชำระหนี้ เช่น ค่าบ้าน ค่ารถและค่าใช้จ่ายอื่นๆ

 

ด้านรีพับลิกัน โดยจอห์น โบห์เนอร์ ผู้นำรีพับลิกันเสียงข้างมากในสภาผู้แทนฯ กล่าวตำหนิโอบามากลางสภาว่า ไม่ยอมเจรจาต่อรองอย่างสุจริตใจ

 

ผลจากวิกฤตินี้ทำให้หน่วยงานรัฐบาลกลางที่ไม่จำเป็นต้องปิดทำการทันที และลูกจ้างภาครัฐมากกว่า 800,000 คนได้รับคำสั่งให้หยุดงานโดยไม่ได้รับเงินเดือนหรือค่าตอบแทนย้อนหลัง เช่น อุทยานแห่งชาติและพิพิธภัณฑ์สมิธโซเนียนในกรุงวอชิงตัน, ข้าราชการพลเรือนในกระทรวงกลาโหม, เจ้าหน้าที่ที่ไม่มีหน้าที่สำคัญในทำเนียบขาว, หน่วยงานดูแลด้านการจ่ายค่าตอบแทนสวัสดิ การบำเหน็จบำนาญข้าราชการและทหาร ผ่านศึก รวมถึงการยื่นขอวีซ่ากับหนังสือเดิน ทาง ส่วนโครงการที่ยังมีความจำเป็น เช่นการควบคุมการจราจรทางอากาศและการตรวจสอบคุณภาพอาหารจะดำเนินงานต่อไป

 

โอบามาได้ลงนามกฎหมายฉบับหนึ่งเมื่อค่ำวันจันทร์ เพื่อรับประกันว่าทหารอเมริ กันจะได้รับเงินเดือนระหว่างปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ในคำแถลงถึงทหาร โอบามากล่าวปลอบโยนด้วยว่า ทหารอเมริกันควรได้รับการปฏิบัติที่ดีกว่านี้จากสมาชิกคองเกรส พร้อมรับปากว่าเขาจะทำให้รัฐบาลกลับมาปฏิบัติงานให้ได้โดยเร็ว

 

สหรัฐเคยประสบปัญหาทำให้หน่วยงานรัฐต้องปิดทำการครั้งล่าสุดเมื่อปี 2538-2539 ที่กินเวลานานถึง 21 วัน ครั้งนั้นเป็นสมัยของประธานาธิบดีบิล คลินตัน ที่ถูกพรรครีพับลิกันกดดันให้ยอมรับกฎหมายงบประมาณสมดุลของฝ่ายตน หลังเจรจากันหลายสัปดาห์สุดท้ายทั้งสองฝ่ายยอมรอมชอมและได้บทสรุปคล้ายคลึงกับที่เคยโต้แย้งกันก่อนแตกหัก

 

นอกเหนือจากวิกฤติปิดหน่วยงานรัฐนี้แล้ว รัฐบาลโอบามายังงานหนักในการเจรจาให้คองเกรสขยายเพดานหนี้ 16.7 ล้านล้านดอลลาร์ ที่จะสิ้นสุดลงกลางเดือนตุลาคมนี้รออยู่อีก โดยรีพับลิกันยังยืนกรานให้โอบามา ยอมอ่อนข้อเรื่องโอบามาแคร์อยู่เช่นเดิม หากเจรจาแก้ปัญหากันไม่ได้ รัฐบาลสหรัฐชุดนี้จะกลายเป็นรัฐบาลที่ผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

 

การปิดทำการของหน่วยงานรัฐยังเป็นประเด็นร้อนแรงในเครือข่ายสังคมออนไลน์ทวิตเตอร์ โดยเฉพาะข้อความเย้ยหยันรัฐบาลและรัฐสภา เช่นข้อความที่เขียนว่า "ผมอายเหลือเกินกับรัฐบาลชุดนี้ และเบื่อหน่ายสะอิด สะเอียนกับการได้ยินการกล่าวโทษกันว่าใครผิด รีบแก้ปัญหาทีเถอะ" ขณะที่แอคเคาต์ของรัฐสภาสหรัฐส่งข้อความว่า "เนื่องจากการขาดแคลนงบใช้จ่ายของรัฐบาล แอคเคาต์นี้จะไม่มีการใช้งานจนกว่าจะแจ้งให้ทราบ" ข้อความนี้ถูกทวีตซ้ำมากกว่า 13,000 ครั้ง

 

มหาวิทยาลัยควินนิพิแอ็กจัดทำแบบสำรวจเผยแพร่เมื่อวันอังคาร พบว่า คนอเมริกันคัดค้านการปิดทำการหน่วยงานภาครัฐเพราะเพื่อขัดขวางโครงการโอบามาแคร์ถึง 72% ขณะที่ฝ่ายที่เห็นด้วยมี 22%

 

ปฏิกิริยาของตลาดหุ้นต่อสถานการณ์วุ่นวายในสหรัฐกลับไม่รุนแรงมากนัก ตลาดหุ้นในเอเชียวันอังคารปะปนกันทั้งบวกและลบ เช่น ตลาดโตเกียวปิดทำการเพิ่มขึ้น 0.20% แต่ซิดนีย์ร่วงลง 0.23% ส่วนการซื้อขายหลักทรัพย์ในยุโรป เริ่มเปิดตลาดวันอังคารคนละทิศละทางเช่นกัน ตลาดลอนดอนเปิดตัวดัชนีตกลงเล็กน้อย 0.06% ส่วนหุ้น DAX30 ของแฟรงก์เฟิร์ตพุ่ง 0.28%

 

ด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลดอลลาร์สหรัฐกับเงินตรา 6 สกุลหลักได้รับผลกระทบหนัก โดยเฉพาะอัตราแลกเปลี่ยนเทียบกับสกุลยูโรที่อ่อนค่าลงต่ำสุดในรอบ 8 เดือน ที่ 1.3589 ดอลลาร์/ยูโร ส่วนเงินดอลลาร์เทียบกับสวิสฟรังก์อ่อนสุดในรอบ 1 ปีครึ่ง ขณะที่ราคาทองคำ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อแนวโน้มการปิดทำการเริ่มชัดขึ้น ราคาอยู่ที่ 1,331.66 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนต์กลับตกลงเลือก 108 ดอลลาร์/บาร์เรล เกือบต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์ เนื่องจากความวิตกว่าการปิดทำการจะทำให้ความต้องการน้ำมันลดลง

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ (วันที่ 2 ตุลาคม 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (1 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองในด้านบวกว่า การที่สหรัฐจำเป็นต้องปิดหน่วยงานของรัฐบาลหลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับร่างกฎหมายงบประมาณฉุกเฉินนั้น อาจจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจเลื่อนแผนการปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เพื่อพยุงเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปได้

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 15,191.70 จุด เพิ่มขึ้น 62.03 จุด หรือ +0.41% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 3,817.98 จุด เพิ่มขึ้น 46.50 จุด หรือ +1.23% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,695.00 จุด เพิ่มขึ้น 13.45 จุด หรือ +0.80%

 

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (1 ต.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่าการที่สหรัฐจำเป็นต้องปิดหน่วยงานบางส่วนของรัฐบาลหลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับร่างกฎหมายงบประมาณฉุกเฉินนั้น อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและอุปสงค์พลังงานภายในประเทศ

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 29 เซนต์ ปิดที่ 102.04 ดอลลาร์/บาร์เรล

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 43 เซนต์ ปิดที่ 107.94 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 40 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (1 ต.ค.) ซึ่งเป็นการร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่วันที่ 26 มิ.ย.ปีนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวสหรัฐประกาศปิดหน่วยงานบางส่วนของรัฐบาล หลังจากสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับร่างกฎหมายงบประมาณฉุกเฉิน

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 40.9 ดอลลาร์ หรือ 3.08% ปิดที่ 1,286.1 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 53.3 เซนต์ ปิดที่ 21.175 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ร่วงลง 26.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1381.70 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ดิ่งลง 8.25 ดอลลาร์ ปิดที่ 718.90 ดอลลาร์/ออนซ์

 

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (1 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับข่าวที่ว่าภาคการผลิตของยูโรโซนยังคงมีการขยายตัวในเดือนก.ย. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสามารถต้านทานปัจจัยลบจากข่าวที่ว่าสหรัฐได้ปิดทำการหน่วยงานบางส่วนของรัฐบาล หลังจากสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับร่างกฎหมายงบประมาณฉุกเฉิน

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.8% แตะที่ 312.86 จุด ทำสถิติปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบ 3 สัปดาห์

 

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,196.60 จุด เพิ่มขึ้น 53.16 จุด หรือ +1.28% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 8,689.14 จุด เพิ่มขึ้น 94.74 จุด หรือ +1.10% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,460.01 จุด ลดลง 2.21 จุด หรือ -0.03%

 

-- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (30 ก.ย.) หลังจากบริษัทยูนิลีเวอร์เปิดเผยยอดขายที่ชะลอตัวลงในไตรมาสที่ 3 ขณะที่นักลงทุนประเมินว่าสหรัฐจะปิดหน่วยงานรัฐบาลเพียงแค่บางส่วน

 

ดัชนี FTSE 100 ร่วงลง 6,460.01 จุด ลดลง 2.21 จุด หรือ -0.03%

-- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (1 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวสหรัฐประกาศปิดหน่วยงานบางส่วนของรัฐบาล หลังจากสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับร่างกฎหมายงบประมาณฉุกเฉิน

 

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 97.85 เยน จากระดับของวันจันทร์ที่ 98.21 เยน แต่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9058 ฟรังค์ จากระดับ 0.9039 ฟรังค์

 

ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3530 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3525 ดอลลาร์สหรัฐ เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.6197 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6186 ดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.9388 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9322 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 2 ตุลาคม 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (1 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวสหรัฐประกาศปิดหน่วยงานบางส่วนของรัฐบาล หลังจากสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับร่างกฎหมายงบประมาณฉุกเฉิน

 

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 97.85 เยน จากระดับของวันจันทร์ที่ 98.21 เยน แต่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9058 ฟรังค์ จากระดับ 0.9039 ฟรังค์

 

ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3530 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3525 ดอลลาร์สหรัฐ เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.6197 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6186 ดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.9388 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9322 ดอลลาร์สหรัฐ

 

สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงหลังจากเนื่องจากสภาคองเกรสไม่สามารถประนีประนอมกันได้เกี่ยวกับร่างงบประมาณชั่วคราวภายในเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 30 ก.ย.ตามเวลาสหรัฐ ก่อนที่จะเริ่มปีงบประมาณใหม่

 

การปิดหน่วยงานรัฐบาลดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกนับแต่ปี 2539 หรือในรอบ 17 ปี ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการงบประมาณของประธานาธิบดีบารัค โอบามา และอาจบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดการเงินทั่วโลก

 

อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนในระดับหนึ่งหลังจากสถาบันจัดการอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 56.2 ในเดือนก.ย. จากระดับ 55.7 ในเดือนส.ค. นับเป็นการขยายตัวในอัตราที่เร็วที่สุดในรอบเกือบสองปีครึ่ง โดยดัชนีที่อยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมภาคการผลิตของสหรัฐยังคงขยายตัวต่อเนื่อง และหนุนกระแสคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐโดยรวมอาจขยายตัวเร็วขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี

 

นักลงทุนยังจับตาดู ADP Employer Services จะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนทั่วประเทศเดือนก.ย.ในวันนี้เวลา 19.15 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขการจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 180,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 176,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค.

 

ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.ในวันศุกร์นี้เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น 180,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวอยู่ที่ 7.3% ในเดือนก.ย.

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 2 ตุลาคม 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

น้ำมันลงหลังมะกันปิดหนวยงานรัฐ ผิดคาดหุ้นสหรัฐฯขึ้น-ทองคำร่วง$40

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 ตุลาคม 2556 05:32 น.

556000012966201.JPEG

เอเอฟพี/มาร์เก็ตวอตช์ - ราคาน้ำมันวานนี้(1ต.ค.) ขยับลงอีกครั้ง หลังภาวะปิดหน่วยงานรัฐบางส่วนของสหรัฐฯ ก่อความสงสัยต่ออุปสงค์ทางพลังงาน อย่างไรก็ตามวอลล์สตรีทกลับปิดบวกและทองคำลดลงอย่างแรง ด้วยนักลงทุนยังมองแง่ดีว่าวิกฤตนี้จะยุติลงในเวลาอันสั้น

 

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 29 เซนต์ ปิดที่ 102.04 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 43 เซนต์ ปิดที่ 107.94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

ตลาดน้ำมันวันอังคาร ปรับลดลงต่อเนื่องจากวันจันทร์(30ก.ย.) ตามหลังสหรัฐฯต้องปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางบางแห่ง สืบเนื่องจากการต่อสู้ทางการเมืองเกี่ยวกับงบประมาณ ก่อความกังวลว่ามันจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากมีลูกจ้างรัฐถึง 800,000 คนต้องพักงานโดยไม่ได้รับเงินเดือน ขณะเดียวกันก็อาจส่งผลกระทบให้ผู้ขับขี่ใช้เชื้อเพลิงน้อยลงด้่วย

 

ปัจจัยแห่งความกังวลข้างต้นได้ฉุดให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบอย่างแรงในวันจันทร์(30ก.ย.) และคาดหมายว่าจะร่วงลงต่อเนื่องในวันถัดๆไป อย่างไรก็ตามในวันอังคาร(1ก.ย.) วอลล์สตรีท กลับขยับขึ้นได้อย่างน่าประหลาดใจ เหตุนักลงทุนคาดหวังว่าการปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจรุนแรงมากนัก

 

ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 61.33 จุด (0.41 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,191.00 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 13.46 จุด (0.80 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,695.01 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 46.50 จุด (1.23 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,817.98 จุด

 

นักวิเคราะห์มองว่านักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ล่วงหน้าแล้วว่าสหรัฐฯคงไม่พ้นต้องปิดหน่วยงานรัฐบาลกลาง ดังนั้นพอเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นจริงๆในช่วงเที่ยงคืนของวันจันทร์(30ก.ย.) มันจึงส่งผลกระทบไม่มากนัก ขณะเดียวกันหลายคนก็กะเก็งว่าวิกฤตนี้จะคลี่คลายในเร็ววัน "นักลงทุนส่วนใหญ่มองในแง่บวกว่า จนถึงจุดหนึ่งทั้งสองฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงและมันไม่น่าจะยืดเยื้อยาวนานนัก" วิลเลียม ลินซ์ ผู้อำนวยการด้านการลงทุนของสถาบันฮินส์เดล แอสโซซิเอตส์ระบุ

 

ด้านราคาทองคำวานนี้(1ต.ค.) ลดลงกว่า 40 ดอลลาร์ แตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 เดือน ผิดคาดจากที่กะเก็งกันว่าน่าจะพุ่งขึ้นในฐานะสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำตามหลังภาวะการณ์ที่สหรัฐฯต้องปิดหน่วยงานราชการ เหตุนักลงทุนบางส่วนเชื่อว่าปัญหานี้จะยุติลงในระยะเวลาอันสั้น โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 40.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,286.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

 

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000123683

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

น้ำมันลงหลังมะกันปิดหนวยงานรัฐ ผิดคาดหุ้นสหรัฐฯขึ้น-ทองคำร่วง$40

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 ตุลาคม 2556 05:32 น.

 

 

 

 

เอเอฟพี/มาร์เก็ตวอตช์ - ราคาน้ำมันวานนี้(1ต.ค.) ขยับลงอีกครั้ง หลังภาวะปิดหน่วยงานรัฐบางส่วนของสหรัฐฯ ก่อความสงสัยต่ออุปสงค์ทางพลังงาน อย่างไรก็ตามวอลล์สตรีทกลับปิดบวกและทองคำลดลงอย่างแรง ด้วยนักลงทุนยังมองแง่ดีว่าวิกฤตนี้จะยุติลงในเวลาอันสั้น

 

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 29 เซนต์ ปิดที่ 102.04 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 43 เซนต์ ปิดที่ 107.94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

ตลาดน้ำมันวันอังคาร ปรับลดลงต่อเนื่องจากวันจันทร์(30ก.ย.) ตามหลังสหรัฐฯต้องปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางบางแห่ง สืบเนื่องจากการต่อสู้ทางการเมืองเกี่ยวกับงบประมาณ ก่อความกังวลว่ามันจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากมีลูกจ้างรัฐถึง 800,000 คนต้องพักงานโดยไม่ได้รับเงินเดือน ขณะเดียวกันก็อาจส่งผลกระทบให้ผู้ขับขี่ใช้เชื้อเพลิงน้อยลงด้่วย

 

ปัจจัยแห่งความกังวลข้างต้นได้ฉุดให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบอย่างแรงในวันจันทร์(30ก.ย.) และคาดหมายว่าจะร่วงลงต่อเนื่องในวันถัดๆไป อย่างไรก็ตามในวันอังคาร(1ก.ย.) วอลล์สตรีท กลับขยับขึ้นได้อย่างน่าประหลาดใจ เหตุนักลงทุนคาดหวังว่าการปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจรุนแรงมากนัก

 

ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 61.33 จุด (0.41 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,191.00 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 13.46 จุด (0.80 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,695.01 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 46.50 จุด (1.23 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,817.98 จุด

 

นักวิเคราะห์มองว่านักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ล่วงหน้าแล้วว่าสหรัฐฯคงไม่พ้นต้องปิดหน่วยงานรัฐบาลกลาง ดังนั้นพอเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นจริงๆในช่วงเที่ยงคืนของวันจันทร์(30ก.ย.) มันจึงส่งผลกระทบไม่มากนัก ขณะเดียวกันหลายคนก็กะเก็งว่าวิกฤตนี้จะคลี่คลายในเร็ววัน "นักลงทุนส่วนใหญ่มองในแง่บวกว่า จนถึงจุดหนึ่งทั้งสองฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงและมันไม่น่าจะยืดเยื้อยาวนานนัก" วิลเลียม ลินซ์ ผู้อำนวยการด้านการลงทุนของสถาบันฮินส์เดล แอสโซซิเอตส์ระบุ

 

ด้านราคาทองคำวานนี้(1ต.ค.) ลดลงกว่า 40 ดอลลาร์ แตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 เดือน ผิดคาดจากที่กะเก็งกันว่าน่าจะพุ่งขึ้นในฐานะสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำตามหลังภาวะการณ์ที่สหรัฐฯต้องปิดหน่วยงานราชการ เหตุนักลงทุนบางส่วนเชื่อว่าปัญหานี้จะยุติลงในระยะเวลาอันสั้น โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 40.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,286.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

โอบามากล่าวโทษรีพับลิกันต้นตอปิดหน่วยงานรัฐบางส่วน

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 ตุลาคม 2556 03:10 น.

 

 

ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯเมื่อวันอังคาร(1ต.ค.) กล่าวโทษรีพับลิกัน ต่อภาวะต้องปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางบางส่วน ระบุเป็นส่วนหนึ่งของลัทธิครูเสดที่ออกแบบมาเพื่อสยบกฎหมายประกันสุขภาพของเขา ถ้อยแถลงที่มีออกมาท่ามกลางศึกงบประมาณที่ยังไม่มีแววประนีประนอมกันได้ ด้วยวุฒิสภาโหวตปฏิเสธตั้งตัวแทนเจรจาคลี่คลายปัญหาตามข้อเสนอของสภาผู้แทนราษฎร

 

"ผมเรียกร้องรีพับลิกัน เปิดทำการหน่วยงานรัฐบาลอีกครั้ง" โอบามา แถลงที่ทำเนียบขาวขณะที่เขาเน้นถึงความสำคัญของกฎหมายปฏิรูประบบประกันสุขภาพที่มีผลบังคับใช้ในวันอังคาร(1ต.ค.)

 

การปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯบางส่วนเป็นครั้งแรกในรอบระยะเวลา 17 ปี เป็นเพราะสภาผู้แทนราษฎรที่มีรีพับลิกันครองเสียงส่วนใหญ่ ยืนกรานเห็นชอบอัดฉีดงบรายจ่ายแก่หน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลกลางตามยอดเดิมที่เคยได้ไปพลางก่อนจนกระทั่งถึงวันที่ 15 ธันวาคม แต่มีเงื่อนไขว่าจะต้องมีการชะลอการบังคับใช้กฎหมายปฏิรูประบบประกันสุขภาพ ซึ่งเรียกขานกันว่า “โอบามาแคร์” อย่างไรก็ตามความพยายามซ้ำแล้วซ้ำเล่าของส.ส.รีพับลิกัน ก็ถูกขัดขวางจากวุฒิสภาที่เดโมแครตถือครองเสียงข้างมาก

 

"การปิดหน่วยงานรัฐของรีพับลิกันไม่ควรเกิดขึ้น ผมอยากให้ประชาชนชาวสหรัฐฯเข้าใจว่าทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ พวกเขาปิดหน่วยงานรัฐจากลัทธิครูเสด เพื่อปฏิเสธระบบประกันสุขภาพราคาถูกสำหรับอเมริกันชนหลายล้านคน"

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...