ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

รับแซ่บ ครับ หวังว่า เมกา จะตก ลงกันได้ เพดาน หนี้ได้ ในเร็ววัน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เงินบาทปิด 31.26/28 กลับมาแข็งค่า หลังมีแรงขายดอลล์ รอความชัดเจนสหรัฐฯปรับเพดานหนี้

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 30 กันยายน 2556 17:38:50 น.

นักบริหารเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบีไทย เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 31.26/28 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 31.41/43 บาท/ดอลลาร์

 

วันนี้เงินบาทแข็งค่าเป็นไปตามทิศทางของสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค ประกอบกับมีแรงขายดอลลาร์ในตลาดเป็นหลัก ซึ่งวันนี้ยังไม่มีปัจจัยอื่นที่เข้ามาทำให้บาทแข็งค่า ขณะที่ตลาดยังรอความชัดเจนจากสหรัฐฯ เรื่องการปรับเพิ่มเพดานหนี้ รวมทั้งรอความชัดเจนว่าจะต้องมีการปิดหน่วยงานราชการบางส่วนลงหรือไม่

 

 

 

"คืนนี้ตลาดยังรอผลประชุมจากฝั่งสหรัฐฯ มองว่าถ้าหาข้อสรุปไม่ได้ หรือไม่สามารถเพิ่มเพดานหนี้ได้ แนวโน้มก็จะมีการผิดนัดชำระหนี้มากขึ้น บาทคงจะอ่อนค่าลงไปอีก เพราะคนจะกลับไปถือดอลลาร์ ทองคำ แต่ดูแนวโน้มแล้วสหรัฐฯ คงน่าจะหาเงินมาอุดช่องโหว่ตรงนี้ได้ นาทีสุดท้ายคงมีทางออก เขาคงไม่ปล่อยให้เศรษฐกิจเสียหาย" นักบริหารเงิน กล่าว

 

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทมีโอกาสจะแข็งค่าได้ แต่เชื่อว่าจะไม่หลุดไปจากระดับ 31.00 บาท/ดอลลาร์

 

* ปัจจัยสำคัญ

- ปิดตลาดเย็นนี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 97.84/86 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าอยู่ที่ระดับ 97.74/76 เยน/ดอลลาร์

 

- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3494/3496 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าอยู่ที่ระดับ 1.3494/3495 ดอลลาร์

 

- ธปท.เตรียมปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(GDP)ในปีนี้ลง จากเดิมที่คาดไว้ว่าจะอยู่ที่ระดับ 4.2% หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวในเดือนก.ค.และ ส.ค.ออกมาต่ำกว่าที่คาดไว้ โดยธปท.จะมีการทบทวนตัวเลขจีดีพีในการประชุมเดือนต.ค.นี้ ขณะที่มองว่าภาวะเศรษฐกิจไทยโดยรวมในเดือนส.ค.ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า และมีแนวโน้มว่าจะไม่ทรุดตัวลงไปมากกว่านี้แล้ว

 

- ธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนส.ค.ลดลงจากเดือนก่อนมาอยู่ที่ระดับ 47.5 ซึ่งต่ำสุดในรอบ 20 เดือน ตามความเชื่อมั่นที่ลดลงของผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมและภาคที่มิใช่อุตสาหกรรมจากความเชื่อมั่นต่อคำสั่งซื้อและผลประกอบการที่ลดลงเป็นส่าคัญ โดยดัชนีความเชื่อมั่นด้านคำสั่งซื้อที่ลดลงในเดือนนี้เป็นการลดลงต่อเนื่องจากเดือนก่อนของทั้งคำสั่งซื้อในประเทศและต่างประเทศในเกือบทุกภาคธุรกิจ

 

- นายสุพจน์ โตวิจักษ์ชัยกุล เลขาธิการสำนักงานนโยบายและบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ(สบอช.) คาดว่าจะเซ็นสัญญากับบริษัทเอกชนทั้ง 4 ราย เพื่อดำเนินโครงการบริหารจัดการน้ำทั้ง 9 โมดูลได้ในช่วงปลายเดือน ม.ค.57 หรืออย่างช้าต้นเดือน ก.พ. 57 โดยระหว่างนี้อยู่การเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนทั่วประเทศซึ่งคาดจะประมวลได้ในช่วงต้นเดือนธ.ค.56 ก่อนที่จะประกาศให้สาธารณชนรับทราบภายในเดือนธ.ค.56 เช่นกัน

 

- น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มีกำหนดเดินทางเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคครั้งที่ 21 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ณ บาหลี อินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 6-8 ตุลาคม 56

 

- สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย(สรท.) คาดว่า ปีนี้การส่งออกจะเติบโตได้ 2.5% จากก่อนหน้าที่คาดว่าจะมีการเติบโตประมาณ 3% โดยการเติบโตที่ 2.5% นั้นจะต้องมีมูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 2.05 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือนจนถึงปลายปี แต่หากมูลค่าการส่งออกไม่ถึงเป้าหมาย ก็อาจทำให้การเติบโตไม่ถึงที่คาดไว้

 

- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,383.16 จุด ลดลง 34.33 จุด, -2.42%

- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1,664.05 ลบ.(SET+MAI)

- สหรัฐฯ มีแนวโน้มว่าจะต้องปิดหน่วยงานของรัฐบาลเป็นบางส่วนเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี ตั้งแต่เที่ยงคืนวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น หลังจากที่ไม่มีสัญญาณของการเจรจาต่อรองหรือการประนีประนอมระหว่างสภาผู้แทนราษฎรหรือวุฒิสภาในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

- ตลาดหุ้นยุโรปเปิดตลาดวันนี้ร่วงลง โดยดัชนี Stoxx Europe 600 อ่อนตัว 0.7% แตะ 310.02 เมื่อเวลา 08.05 น.ตามเวลาลอนดอน เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในสหรัฐฯ ที่อาจจะต้องมีการปิดหน่วยงานของรัฐบางส่วนเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี ขณะที่อิตาลีก็มีปัญหาการเมืองในประเทศ

 

- กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น เปิดเผยยอดการนำเข้าน้ำมันดิบของญี่ปุ่นในเดือนส.ค.56 ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 4.5% แตะที่ระดับ 106.68 ล้านบาร์เรล ซึ่งถือเป็นการปรับตัวลดลงครั้งแรกในรอบ 3 เดือน

 

อินโฟเควสท์ โดย กษมาพร กิตติสัมพันธ์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- จันทร์ที่ 30 กันยายน 2556 17:04:26 น.

กรุงเทพฯ--30 ก.ย.--PRdd

สภาวะตลาดวันที่ 30 กันยายน 2556 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,336.34-1,343.61 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFV13 อยู่ที่ 19,910 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 200 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,710 บาท ขณะที่ซิวเวอร์ฟิวเจอร์ SVV13 อยู่ที่ 717 บาท โดยราคาไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 717 บาท

 

 

 

(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.22 น.ของวันที่ 30/09/13)ออกมา คือ ออกมา คือ

 

แนวโน้มวันที่ 1 ตุลาคม 2556

ความขัดแย้งในการจัดสรรงบประมาณเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความขัดแย้งทางการเมืองของรัฐบาลสหรัฐที่จะมีความรุนแรงมากกว่าโดยได้เป็นปัจจัยหนุนตลาดทองคำ ขณะที่นักลงทุนกังวลกับความเป็นไปได้ที่รัฐบาลสหรัฐอาจจะต้องปิดหน่วยงานราชการบางส่วนตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ทั้งนี้สภาคองเกรสยังคงประสบความยากลำบากในการผ่านร่างกฎหมายจัดสรรเงินทุนฉุกเฉิน เนื่องจากพรรครีพับลิกันต้องการใช้ร่างกฎหมายนี้เป็นเครื่องมือ ในการตัดงบประมาณสำหรับกฎหมายปฏิรูประบบประกันสุขภาพของประธานาธิบดีบารัค โอบามา หรือ โอบามาแคร์ ประกอบกับภายในวันที่ 17 ตุลาคม ถ้าหากสภาคองเกรสไม่เพิ่มเพดานหนี้สหรัฐจากระดับ 16.7 ล้านล้านดอลลาร์ รัฐบาลสหรัฐก็จะผิดนัดชำระหนี้ในบางรายการและเหตุการณ์ดังกล่าวจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งส่งผลบวกต่อราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย อย่างต่อเนื่องด้วย โดยนายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก กล่าวในปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่ามีโอกาสสูงที่เฟดอาจจะเริ่มต้นปรับลดขนาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือ มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE) ในเดือนตุลาคมหรือเดือนธันวาคม แต่ก็อาจจะมีการเลื่อนสิ่งนี้ไปจนถึงปี 2014 ได้ เช่นกัน การไม่ปรับลดขนาด QE ลงจะส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง และราคาทองคำปรับขึ้น สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงเวลานี้ต้องเน้นไปที่การเก็งกำไรระยะสั้น ในขณะที่หากต้องการเข้าซื้อทองคำให้รอจังหวะการอ่อนตัวลงมาบริเวณ 1,324 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่สำหรับนักลงทุนอาจรอดูการตั้งฐานของราคา โดยหากสามารถรับความเสี่ยงได้มากอาจซื้อบางส่วนเมื่อราคาย่อตัวลงมาบริเวณ 1,314-1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์พร้อมทั้งมีจุดตัดขาดทุนให้ชัดเจน

 

กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจี แนะนำรอจังหวะเข้าซื้อโดยสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้มากอาจเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงมาบริเวณ 1,324 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้น้อยแนะนำให้รอดูบริเวณโซนแนวรับสำคัญ 1,314 หรือ 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และรอขายทำกำไรบางส่วนบริเวณแนวต้านแรกที่ 1,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนที่เหลือให้รอไปปิดสถานะทำกำไรบริเวณแนวต้านถัดไปที่ 1,359 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และควรตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ เพื่อลดความเสี่ยงพอร์ตการลงทุน ซึ่งหากนักลงทุนไม่มีวินัยในการลงทุนที่จะตัดขาดทุน จะทำให้เกิดความเสียหายที่ไม่อาจควบคุมได้อีกต่อไป

 

ทองคำแท่ง (96.50%)

แนวรับ 1,324 (19,570บาท) 1,314 (19,420บาท) 1,300 (19,210บาท)

แนวต้าน 1,350 (19,950บาท) 1,359 (20,090บาท) 1,369 (20,240บาท)

GOLD FUTURES (GFV13)

แนวรับ 1,324 (19,700บาท) 1,314 (19,550บาท) 1,300 (19,340บาท)

แนวต้าน 1,350 (20,090บาท) 1,359 (20,220บาท) 1,369 (20,370บาท)

SILVER FUTURES (SVV13)

แนวรับ 21.10 (697 บาท) 20.80 (688 บาท) 20.55 (680 บาท)

แนวต้าน 22.20 (731 บาท) 22.50 (741 บาท) 22.75 (749 บาท)

หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999 และการลงทุนด้านทองคำแท่ง โทร.02-687-9888

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- จันทร์ที่ 30 กันยายน 2556 17:03:04 น.

กรุงเทพฯ--30 ก.ย.--GT Wealth Management

ราคาทองคำในตลาดโลกยังคงเคลื่อนไหวอยู่บริเวณ US$1,335-1,345 ต่อออนซ์(Gold spot) โดยปัจจัยบวกสำคัญอยู่ที่ความเสี่ยงที่สหรัฐฯมีโอกาสประสบกับภาวะ Government Shutdown หลังจากที่การเจรจาระหว่างรีพับลิกันและเดโมแครตเพื่อผ่านร่างกฎหมายงบประมาณฉุกเฉินยังคงหาข้อสรุปไม่ได้ เช่นเดียวประเด็นการขยายเพดานหนี้ แต่ราคาทองคำอาจได้รับปัจจัยลบหลังจากที่ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนที่สำรวจโดย HSBC ออกมาต่ำกว่าที่คาด โดยคืนนี้เวลา 01.00 น.ติดตามการประชุมสภาคองเกรสในประเด็นการผ่านร่างกฎหมายงบประมาณฉุกเฉิน ราคาทองคำในประเทศยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของค่าเงินบาทที่อยู่บริเวณ 31.27 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ SPDR รายงานการถือครองทองคำลดลง 3.6 ตันสู่ระดับ 905.99 ตัน

 

 

 

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำสิ้นสุดอายุเดือนตุลาคม 2556 (GFV13) ปิดที่ระดับ 19,870 บาท ปริมาณการซื้อขาย 713 สัญญา

 

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำสิ้นสุดอายุเดือนตุลาคม 2556 ขนาด 10 บาท (GF10V13) ปิดที่ระดับ 19,880 บาท ปริมาณการซื้อขาย 3,836 สัญญา

 

แนวโน้มทองคำ นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัดและผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่า สหรัฐฯยังคงเผชิญความเสี่ยงต่อการผ่านร่างกฏหมายจัดสรรเงินทุนฉุกเฉินในการเลี่ยงหน่วยงานบางหน่วยงานของรัฐต้องถูกปิดทำการ แม้ว่าสมาชิกสภาผู้แทนสหรัฐฯจะผ่านร่างกฏหมายใหม่ซึ่งจะทำให้สหรัฐฯ ไม่ต้องปิดหน่อยงานรัฐแต่จะต้องชะลอกฏหมายประกันสุขภาพ OBAMACARE ออกไปหนึ่งปี ซึ่งเป็นสิ่งที่ประธานาธิบดีบารัก โอบามาไม่เห็นด้วย โดยในคืนนี้เวลาประมาณ 01.00 น.ตามเวลาประเทศไทยซึ่งจะมีการพิจารณาร่างกฏหมายนี้จากสมาชิกวุฒิสภา ทางเทคนิค ราคาขึ้นใกล้กรอบเป้าหมาย US$1,345-50 ใกล้แนวเส้น Trend และ แนวเส้นค่าเฉลี่ย EMA50 วันจึงแนะนำแบ่งขายทำกำไร แนวรับ US$1,310

 

GT Wealth Management

www.gtwm.co.th

TEL : 02-673-9911

ADVERTISEMENT

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- จันทร์ที่ 30 กันยายน 2556 16:23:09 น.

 

ดูรูปทั้งหมด

กรุงเทพฯ--30 ก.ย.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์

บมจ. โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ มองกรอบราคาทองคำที่ $1,227-1,375/Oz หรือ 18,900-20,350 บาท/บาททองคำ (อ้างอิงค่าเงินบาท ที่ 31.21 บาท/$) แนะนักลงทุน จับตา มาตรการ QE และการอภิปรายเรื่องเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ชี้ หากไม่สามารถขยายเพดานหนี้ได้สำเร็จ ส่งผลให้นักลงทุนหันมาถือทองคำเพิ่มเติม ด้าน “ ทรงวุฒิ อภิรักษ์ขิต ” กรรมการผู้จัดการ GBX แนะเก็งกำไร ในกรอบ เหตุ ราคาทองคำยังคงผันผวน พร้อมแนะนำหุ้น BIGC — SUPER และ BTC เหตุสัญญาณทางเทคนิคฟื้นตัว

 

 

 

ทรงวุฒิ อภิรักษ์ขิต กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GBX แนะนำกรอบการลงทุนราคาทองคำในสัปดาห์นี้ (30 กันยายน — 4 ตุลาคม 2556) ว่า ภายในสัปดาห์นี้ จะมีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐประจำเดือนกันยายน ในวันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม ได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร และตัวเลขอัตราการว่างงาน ซึ่งจะบ่งบอกถึงความเป็นไปได้ในการลดขนาด QE ในการประชุม FOMC ครั้งต่อไปในช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้

 

ทั้งนี้ หากพิจารณาระยะยาวในภาพใหญ่ของราคาทองคำยังเป็นขาลง หากดูจากอุปสงค์จากภาคการลงทุนที่ยังอยู่ในภาวะซบเซา ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐตลาดจ้างงานยังอยู่ในช่วงที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง จากในช่วงปีก่อนหน้า ซึ่งตัวเลขการว่างงานยิ่งต่ำลงใกล้ 6.5 เปอร์เซ็นต์เท่าไร ก็ยิ่งจะทำให้ราคาทองคำโลกหมดความน่าสนใจมากขึ้นเท่านั้น ตัวเลขว่างงานล่าสุดอยู่ที่ 7.3 เปอร์เซ็นต์ ประกอบกับแม้ธนาคารเฟดจะคงนโยบายไว้เหมือนเดิม แต่ปัญหาต่อมาที่ตลาดควรระมัดระวังคือเรื่องเพดานหนี้ของสหรัฐที่และแนวโน้มตัวเลขตลาดแรงงานที่เริ่มดีขึ้นยังคงจะส่งผลต่อการตัดสินใจเรื่อง QE ของเฟด

 

“ หากพิจารณาจากราคาทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าทองคำมีการปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ $2.00/Oz หรือคิดเป็น 0.15% ปิดที่ระดับ $1,324.10/Oz (ณ เวลา 11.30 น. วันที่ 27/09/56) โดยมีจุดต่ำสุดที่ $1,306.18/Oz และมีจุดสูงสุดที่ $1,339.15/Oz โดยราคาทองคำเคลื่อนไหวออกด้านข้าง เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากคำกล่าวของนายบุลลาร์ด ที่ว่า ในการประชุมเฟดเดือนตุลาคมนี้ อาจมีการปรับลดขนาด QE ลงเล็กน้อย เมื่อพิจารณาจากข้อมูลการจ้างงานที่ดีขึ้น ” นายทรงวุฒิ กล่าว

 

นอกจากนี้ ยังแนะนำนักลงทุนจับตาแนวโน้ม ดัชนีภาคการผลิตจีน ,ประกาศอัตราดอกเบี้ยออสเตรเลีย ,ดัชนีภาคการผลิตสหรัฐฯ ,ประกาศอัตราดอกเบี้ยยูโรโซน ,ยอดจ้างงานทั่วไปของสหรัฐฯ ,ประชุมธนาคารกลางยูโรโซน,สุรทรพจน์ ของเบน เบอร์นันกี้ , ยอดผู้ขอรับสวัสดิการสหรัฐฯ ,ดัชนีภาคบริการสหรัฐฯ ,ยอดจ้างงานนอกการเกษตรสหรัฐฯ และอัตราการว่างงานสหรัฐ ซึ่งงปัจจัยดังกล่าวจะเข้ามาบทบาทต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ

 

อย่างไรก็ตาม จากปัจจัยดังกล่าวในข้างต้น ทางโกลเบล็ก แนะนำให้เล่นเก็งกำไรในกรอบที่ $1,227-1,375/Oz หรือ 18,900-20,350 บาท/บาททองคำ (อ้างอิงค่าเงินบาทที่ 31.21 บาท/$)และมีการกำหนดจุดตัดขาดทุนหากผิดทาง เนื่องจากราคาทองคำอาจปรับตัวขึ้นหรือลงได้แรงหลังพักตัวในสัปดาห์ที่แล้ว

 

ด้าน นักวิเคราะห์บล.โกลเบล็ก กล่าวเสริมว่า ในช่วงระยะสั้นดัชนี มีการแกว่งตัวในระหว่างวันแถวๆ เส้นค่าเฉลี่ย 5 วัน โดยในท้ายที่สุดของวันไม่สามารถปิดเหนือเส้นดังกล่าวได้ ดังนั้น ดัชนีจึงมีโอกาสปรับตัวลดลงต่อ โดยมีแนวรับ บริเวณ 1413 จุด หากดัชนีหลุดลงมาปิดต่ำกว่าระดับดังกล่าว แนวโมที่ดัชนีจะส่งต่อ มาแตะที่ระดับ บริเวณ 1397 จุดต่อไป ขณะที่แนวต้านให้ที่ 1430-1440 จุด ในทางกลับกันในระยะกลาง หากดัชนีหลุดลงมาปิดต่ำกว่าแนวรับแถวๆ 1400 จุด ดัชนีน่าจะซึมลงต่อโดยมีแนวรับถัดไปบริเวณ เส้นค่าเฉลี่ย 75 สัปดาห์แถว ๆ 1372 จุด สำหรับแนวต้านกรณีดีดกลับอยู่แถวๆ 1442 จุด

 

สำหรับหุ้นที่ทางบล.โกลเบล็ก แนะนำลงทุน ได้แก่ BIGC โดยให้ แนวรับ 210-206 บาท ขณะที่แนวต้านให้ไว้ที่ 218, 225 บาท เนื่องจากระดับราคาดีดกลับขึ้นมาทำ New high ในรอบ 3 วัน และมีวอลุ่มเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย จึงมองว่าหุ้นดังกล่าวมีลุ้นดีดกลับขึ้นทดสอบเส้น BollingerTop บริเวณ 218 บาท ก่อนผ่านขึ้นทดสอบ 225 บาทต่อไป

 

พร้อมทั้งแนะนำ หุ้น SUPER โดยให้แนวรับ 1.33 บาท และแนวต้าน 1.40-1.42, 1.55 บาท โดยมองว่า ระดับราคาดีดกลับขึ้นมาทำ New high ต่อเนื่องในรอบ 1 สัปดาห์ และมีวอลุ่มเพิ่มขึ้น จึงมองว่ามีลุ้นที่ราคาจะดีดกลับขึ้นทดสอบแนวต้านเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน บริเวณ 1.40-1.42 บาท ก่อนผ่านขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปบริเวณ 1.55 บาทต่อไป และหุ้นBTC ที่ให้แนวรับ 0.96 บาท แนวต้าน 1.06-1.07, 1.12 บาท โดยราคาดีดกลับขึ้นมาทำ New high ในรอบ 1 สัปดาห์ โดยมีวอลุ่มเพิ่มขึ้นสูงมาก โดยมีลุ้นดีดกลับขึ้นทดสอบเส้น BollingerTop แถวๆ 1.06-1.07 บาท ก่อนผ่านขึ้นทดสอบเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันแถวๆ 1.12 บาท

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จับตาดีๆ ที่ ดัชนีดอลล์สหรัฐ ตอนนี้ 80.30 ถ้าเริ่มขยับมาต่ำกว่า 80 ราคาทองก็เห็น $1400 ชัดเจน ตามแนวรับแนวต้าน วันนี้

 

Support: - 1326.40 and 1315.20(main)

Resistance: - 1339.75, 1346.24, 1355.63 and 1370.53(main)

จุดระหว่าง $1326.40 +-2 เหรียญ ต้องระวัง ถ้ามาต่ำกว่า $1325 จะเข้าทางขา Short ที่ฝรั่งบอกมา หยุดจ้องดู จนผ่านไป ต่ำกว่า 1324 หรือ สูงกว่า 1330 ค่อยว่ากัน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

http://www.fxstreet.com/analysis/todays-gold-forecast/2013/09/30/

 

ถึงจุดอันตรายต่อการที่จะขึ้นต่อไป

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ในภาวะเมฆ จุดแถวนี้ 1332 ต้องดีดแล้ว ถ้าไม่ดีดก็ หนาวแน่ๆๆ มันต้องดีดสินะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
:01 ขอบคุง ครับ แต่ดู ท่าไม่เด่ง ละ ไหล ยาว ตาม ลาย 4 ชม เบย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ในภาวะเมฆ จุดแถวนี้ 1332 ต้องดีดแล้ว ถ้าไม่ดีดก็ หนาวแน่ๆๆ มันต้องดีดสินะ

มิน่า วันนี้เปิดแอร์ 28 แต่หนาวจุงเบย

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

:01 ขอบคุง ครับ แต่ดู ท่าไม่เด่ง ละ ไหล ยาว ตาม ลาย 4 ชม เบย

เกิดจากกระแสข่าวลือของอิตาลีช่วงต้น และพร้อมที่จะพลิกเปลี่ยน เมื่อความจริงอิตาลีออกมา พร้อม สหรัฐฯ เจอปัญหาเพดานหนี้. .....a mixed bag for the euro. It can down on Italian worries or up on US problems. We've bolted up to 1.3544 1.3551 from 1.3500, closing the gap down from 1.3520

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ปัญหาการเมืองอิตาลี ไม่น่ายืดเยื้อ เดี๋ยวก็จบ

 

รัฐบาลอิตาลีเผชิญมรสุมทางการเมืองอย่างหนักหน่วงจากกรณีที่พรรคร่วมรัฐบาลขู่ถอนตัว หากแบร์ลุสโคนี ถูกขับพ้นตำแหน่งส.ว. ทำให้นายกรัฐมนตรีเลตตา ขู่ลาออกจากตำแหน่ง หากคณะรัฐมนตรีของเขาไม่ได้รับการไว้วางใจจากรัฐสภาในสัปดาห์หน้า

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงโรม ประเทศอิตาลี เมื่อวันที่ 28 ก.ย.ว่า นายกรัฐมนตรีเอ็นริเก เลตตา ของอิตาลี แถลงว่า เขาจะลาออกจากตำแหน่งจนกว่าคณะรัฐมนตรีของเขาจะได้รับการสนับสนุนในมติไว้วางใจในรัฐสภา ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้านี้ โดยคำเตือนของเขามีขึ้นหลังรัฐบาลไม่ได้รับเสียงสนับสนุนมาตรการด้านงบประมาณที่สำคัญ

 

รัฐบาลของนายเลตตา เป็นรัฐบาลผสมที่ไร้ความมั่นคงระหว่างพรรคของเขาและพรรคของนายซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายแบร์ลุสโคนี มีแนวโน้มว่าจะต้องสูญเสียที่นั่งในวุฒิสภา หลังจากเขาถูกดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกง กลุ่มผู้สนับสนุนของเขากล่าวว่า พวกเขาจะออกจากคณะรัฐมนตรีเพื่อเป็นการประท้วง หากนายแบร์ลุสโคนี มีอันเป็นไปทางการเมือง

 

นายเลตตา ระบุในแถลงการณ์ฉบับหนึ่ง หลังจากประชุมรัฐบาลเมื่อบ่ายวานนี้ว่า เขาไม่มีเจตนาที่จะทำให้รัฐบาลเป๋ หรือเป็นเป้าหมายของการข่มขู่คุกคามไม่หยุดหย่อน ขณะที่ รัฐมนตรีในรัฐบาล 2 คน กล่าวว่า ขณะนี้ นายเลตตากำลังมีแผนการที่จะเรียกร้องให้มีการลงมติไว้วางใจในรัฐสภาในสัปดาห์หน้า

 

ขณะนี้ ความขัดแย้งระหว่างพรรคเดโมเครติก กลางซ้ายของนายเลตตา และพรรคพีเพิลฟรีดอม หรือพีดีแอล ของนายแบร์ลุสโคนี กำลังทำให้รัฐบาลเป็นอัมพาต และหากพรรคพีดีแอล ถอนตัวออกจากรัฐบาล ก็จะนำไปสู่การจัดการเลือกตั้งใหม่

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผ่านสภาล่างไปสู่สภาสูง ตี 1 เพดานหนี้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Chicago PMI ออกมาดีเกินคาด แต่ราคาทองลดลงไปแล้วจากข่าวอิตาลี

Actual:55.7

Forecast:54.0

Previous:53.0

Importance:Currency:USDSource Of Report:Kingsbury International, Ltd (Release URL)

OverviewChartHistory

The Chicago Purchasing Managers' Index (PMI) determines the economic health of the manufacturing sector in Chicago region. A reading above 50 indicates expansion of the manufacturing sector; a reading below indicates contraction. The Chicago PMI can be of some help in forecasting the ISM manufacturing PMI.

 

A higher than expected reading should be taken as positive/bullish for the USD, while a lower than expected reading should be taken as negative/bearish for the USD.

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...