ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

[Pete 15,187]

แค่ชั่วคราว ขยายเป็น 15 มกราคม ปีหน้า / ตลาดทองคำ ไม่ยอมรับนะเนี่ยแค่ขั่วคราว

[Pete 15,187]

The government is funded through January 15 and the debt limit raised until February 7 / 3 เดือนแค่นั้นเองนะ แล้วปัญหาจะกลับมาใหม่ และก็น่าห่วงไปถึง 28-29 ตุลาคม ประชุมเฟด มันจะลดวงเงินหรือเปล่า มีแต่เรื่อง กดหัวพี่ทอง ตลอด

[luck 512]

คุณป๋าคะ ข่าวว่าตกลงกันได้ แล้วจะมีผลยังไงกับตลาดหุ้นและทองคะ

 

[Pete 15,187]

คุณป๋าคะ ข่าวว่าตกลงกันได้ แล้วจะมีผลยังไงกับตลาดหุ้นและทองคะ

::รูปนี้ โพสต์ตอน ทุ่มครึ่ง

[Pete 15,187]

คุณป๋าคะ ข่าวว่าตกลงกันได้ แล้วจะมีผลยังไงกับตลาดหุ้นและทองคะ

ในขณะนี้ ถือว่า เป็นบวกกับตลาดหุ้น แต่ตลาดหุ้นไทย อีก 11 ชั่วโมงถึงเปิด ความไม่แน่นอน จะเกิดขึ้นในตอนเช้า กังวลว่า ทำไมแค่ 3 เดือน พรุ่งนี้ ตลาดหุ้นฯ ไทย เดาว่า อาจแดง

[luck 512]

ขอบคุณมากค่ะ

[Pete 15,187]

หุ้นสหรัฐฯ-น้ำมัน-ทองขึ้นถ้วนหน้า หลังส.ว.มะกันบรรลุข้อตกลงเพิ่มเพดานหนี้

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 ตุลาคม 2556 04:36 น.

 

 

 

 

รอยเตอร์/เอเอฟพี - หุ้นสหรัฐฯทะยานแรงเมื่อวันพุธ(16) หลังแกนนำวุฒิสภาแถลงเผยข้อตกลงหลีกเลี่ยงผิดนัดชำระหนี้และยุติภาวะปิดหน่วยงานรัฐ ปัจจัยนี้เองก็ดันให้ราคาน้ำมันและทองคำปิดบวกพอสมควร

 

ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 205.82 จุด (1.36 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,373.83 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 23.48 จุด (1.38 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,721.54 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 45.42 จุด (1.20 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,839.43 จุด

 

แฮร์รี รีด แกนนำเสียงข้างมากในวุฒิสภาของเดโมแครตและ มิตช์ แมคคอนเนลล์ แกนนำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภาของรีพับลิกัน เผยในวันพุธ(16)ว่าได้บรรรลุตกลงในการกลับมาเปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางอีกครั้งหลังต้องปิดมานับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมและเพิ่มเพดานหนี้แล้ว และคาดหมายว่าสภาผู้แทนราษฎรจะเปิดประชุมลงมติในมาตรการดังกล่าวในช่วงค่ำวันเดียวกัน

 

ทั้งนี้แม้่ข้อตกลงนี้ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ด้วยที่ยังต้องผ่านความเห็นชอบจากทั้งสองสภา แต่มันก็ได้รับการคาดหมายว่าวิกฤตที่เขย่าขวัญนักลงทุนในตลาดโลกจะสิ้นสุดในวันพฤหัสบดี(17) ทันเส้นตายก่อนที่สหรัฐฯจะเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้พอดี

 

ปัจจัยดังกล่าวก็ช่วยผลักให้ราคาน้ำมันวานนี้(16) ขยับขึ้นเช่นกัน หลังจากความกังวลต่อปัญหาผิดนัดชำระหนี้และการปิดหน่วยงานรัฐที่ยืดเยื้อเข้าสู่วันที่ 16 แล้ว ได้ก่อข้อวิตกต่ออุปสงค์ทางพลังงานภายในชาติผู้บริโภครายใหญ่แห่งนี้

 

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 1.08 ปิดที่ 102.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 90 เซนต์ ปิดที่ 110.86 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

ด้านราคาทองคำวานนี้(16) ก็ปิดบวก เกือบถึงระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ หลังจากส.ว.สหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงยุติภาวะชัตดาวน์และขยายเพดานหนี้ โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 9.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,282.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์

[Pete 15,187]

กราฟรหัส 12,26,9 แบบดั้งเดิม และ รหัส 5,35,9 แบบส่ง สัญญานนำทาง ยังไม่มีตัดกันระหว่างเส้น ๒ เส้น ก็ยังไม่บอกว่าจะให้เข้าซื้อในการดูตามสัญญานนี้

[Pete 15,187]

รหัส 7,5,2 เส้นแดงอยู่บนเส้นดำ ในขณะนี้ เพราะฉะนั้น มุมมองราคาจะปรับราคาเพิ่มขึ้นจาก $1281.80 ในวันปิดราคาเช้าพรุ่งนี้ เรามองเป็นรายๆวัน

[Pete 15,187]

อ้าย 2 ค่ายนี้ เมื่อวานนี้ ขายออกคนละ 3 ตัน

[Pete 15,187]

โอบามาเร่งคองเกรสลงมติเห็นชอบ หลังวุฒิสภาบรรลุข้อตกลงขยายเพดานหนี้

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 ตุลาคม 2556 03:03 น.

 

 

 

แกนนำวุฒิสภาสหรัฐฯพบกับก้าวย่างแห่งความคืบหน้าครั้งใหญ่ในการมุ่งหน้าหลบหลีกก่อคลื่นความช็อคแก่ตลาดเงินทั่วโลกในวันพุธ(16) หลังบรรลุข้อตกลงขยายเพดานหนี้และยุติภาวะปิดหน่วยงานรัฐบาลส่วน ขณะที่ โอบามา ก็ขานรับด้วยความยินดีและเร่งเร้าให้ทั้งสองสภาลงมติเห็นชอบเป็นการด่วน

 

ส.ว.แฮร์รี รีด ของเดโมแครต ที่เป็นผู้นำเสียงข้างมากของสภาสูง แถลงข้อตกลงนี้ที่กำหนดให้หน่วยงานรัฐบาลกลางกลับมาปิดปฏิบัติการภายใต้งบประมาณชั่วคราวไปจนถึงวันที่ 15 มกราคม และกำหนดให้ขยายขอบเขตการกู้ยืมของรัฐบาลได้ชั่วคราวจนถึงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ขณะที่ข้อตกลงนี้มีขึ้นหนึ่งวันก่อนกำหนดเส้นตายเพิ่มเพดานหนี้จำนวน 16.7 ล้านล้านดอลลาร์ "เราบรรลุข้อตกลงประนีประนอมที่จะให้เสถียรภาพแก่เศรษฐกิจตามที่พยายามตะเกียกตะกายแสวงหา" นายรีด กล่าวหลังเจรจาลับกับนายมิตช์ แมคคอนเนลล์

 

ส่วนนาย แมคคอนเนล ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภาจากพรรครีพับลิกัน หุ้นส่วนการเจรจาของนายรีด กล่าวเสริมแสดงความมั่นใจว่ารัฐบาลจะเปิดหน่วยงานได้อีกครั้ง และหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ ภายใต้ร่างกฎหมายของวุฒิสภาฉบับนี้

 

ทันทีที่ทราบข่าว ประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐฯในวันพุธ(16) ก็ออกมาเรียกร้องให้สภาคองเกรส ดำเนินการอย่างเร่งด่วนในการอนุมัติข้อตกลงนี้เพื่อกลับมาปิดหน่วยรัฐบาลกลางและถอดภัยคุกคามเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการผิดนัดชำระหนี้ทิ้งไป

 

อย่างไรก็ตามด้วยที่มาตรการนี้จำเป็นต้องผ่านความเห็นชอบจากทั้งวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฏรที่รีพับลิกันครองเสียงส่วนใหญ่ ทำให้ยังไม่อาจการันตีว่าข้อตกลงนี้จะผ่านฉลุย เนื่องจากจนถึงตอนนี้กลุ่มที ปาร์ตี ในรีพับลิกัน ก็ยังปฏิเสธประนีประนอมและล่าสุดก็ออกมาเรียกร้องให้ทั้งสองสภาโหวต "โน" ต่อข้อตกลงดังกล่าว

http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9560000130141

[Pete 15,187]

ศึกในคองเกรสเกิดขึ้นก็เพราะ สภาสูง หรือวุฒิสภาซึ่งมีพรรคเดโมแครต เป็นเสียงส่วนใหญ่เป็นผู้กลั่นกรองกฎหมาย ไม่เห็นด้วยกับที่สภาล่าง หรือสภาผู้แทนราษฎรที่มีพรรครีพับลิกันเป็นเสียงส่วนใหญ่ เสนอ CR โดยแนบให้เลื่อนการดำเนินการนโยบายประกันสุขภาพแบบใหม่ของโอบามา (ที่เรียกกันว่า Obamacare) ออกไป 1 ปี จากเดิมให้คนเลือกตามกำลังซื้อของตน แต่โอบามาเสนอให้ทุกคนต้องมีประกันสุขภาพ โดยรัฐจะนำภาษีบางส่วนไปอุดหนุน จะเรียกนโยบายนี้ว่านโยบายประกันสุขภาพถ้วนหน้าแบบอเมริกันก็ได้ แน่นอนว่า วุฒิสภาไม่ยอมเพราะนี่เป็นนโยบายหาเสียงของพรรคและประธานาธิบดี และกำหนดการเริ่ม Obamacare ก็คือวันที่ 1 ตุลาคม ซึ่งเป็นระยะเวลาไม่กี่วันในช่วงกำลังต่อรองกัน จึงไม่เห็นความจำเป็นจะต้องถอย ฝ่ายรีพับลิกันพยายามยื่นข้อต่อรองให้เลื่อนการบังคับให้ทุกคนต้องมีประกันสุขภาพ ไม่เช่นนั้นจะต้องเสียค่าปรับ (individual mandate) ออกไปอีก 1 ปี ฟังดูเหมือนยอมผ่อนปรนให้ แต่นักวิเคราะห์มองว่านโยบายนี้ถ้าไม่สามารถบังคับประชาชนอเมริกันทุกคนเข้าโครงการได้ เมื่อมีประชาชนคนใดเจ็บป่วยหรือรู้สึกว่าอาจจะเจ็บป่วย แล้วจะไปซื้อกรมธรรม์ประกันสุขภาพ ก็จะถูกคิดค่าใช้จ่ายในราคาสูง ซึ่งจะมีผลทำให้ระบบการประกันสุขภาพแบบโอบามาล่มลงได้ทั้งระบบ

 

ดูเหมือนความแตกแยกภายในของอเมริกาครั้งนี้จะร้าวลึก และแทนที่จะเป็นความแตกแยกระหว่างเดโมแครตและรีพับลิกัน ดังที่เราเห็นภายนอก แต่ความเป็นจริงเป็นความแตกแยกภายในพรรครีพับลิกันเอง ระหว่างพวกสายเหยี่ยวที่มีฐานเสียงโดยกลุ่มขวาจัดอย่างพวก Tea Party และพวกรีพับลิกันสายกลาง เป้าหมายของพวกรีพับลิกันสายกลาง เพียงแค่บีบให้รัฐบาลตัดรายจ่ายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยิ่งทำได้ใกล้เคียงกับการที่ไม่ต่อมาตรการตัดภาษี (ซึ่งทำให้รายได้รัฐบาลลดลงไป) จากกฎหมายหลายฉบับ หรือเรียกว่าให้ใกล้กับการตัดค่าใช้จ่ายงบประมาณอัตโนมัติเมื่อไม่ผ่านกฎหมายที่เกี่ยวข้อง Budget sequestration) ก็ยิ่งประสบความสำเร็จ

 

 

 

แต่ปัญหาคือพวก Tea Party ครั้งนี้เอาจริง หมายถึงพวกนี้ต้องการให้ยกเลิก Obamacare ออกไป เพราะมองว่าโอบามาเป็นพวกปีกซ้ายที่ต้องการขยายขนาดรัฐให้ใหญ่ แทรกแซงตลาด ซึ่งเรื่องนี้ขัดกับจิตวิญญาณที่สนับสนุนผู้ประกอบการและบรรษัทของคนอเมริกัน นี่ยังไม่นับที่มีสมาชิกอีกหลายคนใน Tea party มีความเชื่อแบบทฤษฎีสมคบคิดว่าโอบามาเป็นคนที่มีชาติกำเนิดคลุมเครือ อาจเป็นไปได้ที่เขาเป็นคนมุสลิม มีความเกี่ยวข้องกับขบวนการคอมมิวนิสต์ และกำลังจะทำลายอเมริกา พวก Tea Party นับวันก็ยิ่งกลายเป็นเสียงสำคัญของรีพับลิกันและมีความเข้มแข็งมากขึ้นทุกที นักการเมืองบางคนอย่าง ซาราห์ เพ-ลิน และเท็ด ครูซ ใช้ประโยชน์โดยการดำเนินการทางการเมืองเพื่ออิงเสียงขบวนการนี้ การแก้ปัญหาจึงยิ่งยุ่งยากกว่าที่ควรเป็น

 

มีการมองกันว่าถึงที่สุด โอบามา อาจจะใช้บทบัญญัติเพิ่มเติมที่ 14 ที่ระบุว่าหนี้ของสหรัฐฯ ที่ถูกต้องตามกฎหมายไม่สามารถถูกตั้งคำถามได้ ในการบังคับการเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐฯ แต่ดูเหมือนว่าที่ปรึกษาของโอบามาจะออกมาปฏิเสธว่าบทบัญญัติดังกล่าวเป็นอำนาจของคองเกรส ไม่ใช่อำนาจของประธานาธิบดี ซึ่งเท่ากับว่าโยนลูกกลับไปให้คองเกรส อย่างไรก็ตามการเจรจาต่อรองก็คงดำเนินต่อไปตามขอบเหวของวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหม่ที่อาจกำลังเกิดขึ้น

 

อ่านเนื้อหาทั้งหมด http://tcijthai.com/tcijthainews/view.php?ids=317

อย่างไรก็ตามด้วยที่มาตรการนี้จำเป็นต้องผ่านความเห็นชอบจากทั้งวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฏรที่รีพับลิกันครองเสียงส่วนใหญ่ ทำให้ยังไม่อาจการันตีว่าข้อตกลงนี้จะผ่านฉลุย เนื่องจากจนถึงตอนนี้กลุ่มที ปาร์ตี ในรีพับลิกัน ก็ยังปฏิเสธประนีประนอมและล่าสุดก็ออกมาเรียกร้องให้ทั้งสองสภาโหวต "โน" ต่อข้อตกลงดังกล่าว

 

ทุกอย่าง จึงยังไม่แน่นอนว่าจะตกลงกันได้ จนกว่า จะลงคะแนนเสียงจริงๆ แล้วเสร็จ

[Pete 15,187]

--ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 ต.ค.) จากกระแสคาดการณ์ที่เพิ่มขึ้นว่าสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะอนุมัติข้อตกลงของวุฒิสภาเพื่อยุติการชัตดาวน์ของรัฐบาลและเพื่อเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ที่อาจจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่ง 205.82 จุด หรือ 1.36% ปิดที่ 15,373.83 จุด ดัชนี S&P 500 ดีดขึ้น 23.48 จุด หรือ 1.38% ปิดที่ 1,721.54 จุด และดัชนี Nasdaq ทะยาน 45.42 จุด หรือ 1.20% ปิดที่ 3,839.43 จุด

 

--สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดดีดขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 ต.ค.) ขณะที่วุฒิสภาสหรัฐบรรลุข้อตกลงในการเพิ่มเพดานหนี้และยุติการชัตดาวน์ของรัฐบาลกลาง

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ปิดพุ่ง 1.08 ดอลลาร์ แตะที่ 102.29 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย.ที่ตลาดลอนดอน ปิดบวก 90 เซนต์ ที่ 110.86 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

--สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 ต.ค.) หลังจากวุฒิสภาสหรัฐบรรลุข้อตกลงเพื่อยุติการชัตดาวน์ของรัฐบาลกลางและในการเพิ่มเพดานหนี้ของประเทศ

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดดีดขึ้น 9.1 ดอลลาร์ หรือ 0.71% ที่ 1,282.3 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดปรับขึ้น 17.4 เซนต์ ที่ 21.365 ดอลลาร์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ปิดพุ่ง 14.8 ดอลลาร์ ที่ 1,398.2 ดอลลาร์/ออนซ์

--ค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ เมื่อคืนนี้ (16 ต.ค.) หลังจากที่ผู้นำในวุฒิสภาของสหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงเพื่อให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางกลับมาเปิดทำการได้อีกครั้ง และเพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ที่อาจสร้างความเสียหายร้ายแรง

 

เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 98.74 เยน จากระดับ 98.31 เยน ในการซื้อขายวันก่อน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9134 ฟรังค์ จากระดับ 0.9131 ฟรังค์

 

เงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3533 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3519 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.5949 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5995 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.9555 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9507 ดอลลาร์สหรัฐ

 

--ตลาดหุ้นยุโรปปิดเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 ต.ค.) จากความหวังว่าสมาชิกสภานิติบัญญัติของสหรัฐจะสามารถผ่านร่างกฎหมายเพื่อให้สหรัฐหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ได้ก่อนกำหนดเส้นตายซึ่งเหลืออีกไม่กี่ชั่วโมง

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.2% ปิดที่ 315.55 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2551

 

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 8,846.00 จุด เพิ่มขึ้น 41.56 จุด หรือ +0.47% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,243.72 จุด ลดลง 12.30 จุด หรือ -0.29% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,571.59 จุด เพิ่มขึ้น 22.48 จุด หรือ +0.34%

 

--ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีความหวังว่าสหรัฐจะบรรลุข้อตกลงเพิ่มเพดานหนี้ได้ก่อนกำหนดเส้นตาย ซึ่งตลาดปิดทำการก่อนทราบผลการลงมติ

 

ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,571.59 จุด เพิ่มขึ้น 22.48 จุด หรือ +0.34%

ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 17 ตุลาคม 2556)

 

[Pete 15,187]

 

ข่าววิ่ง - ข่าววิ่ง

ค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ เมื่อคืนนี้ (16 ต.ค.) หลังจากที่ผู้นำในวุฒิสภาของสหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงเพื่อให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางกลับมาเปิดทำการได้อีกครั้ง และเพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ที่อาจสร้างความเสียหายร้ายแรง

 

เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 98.74 เยน จากระดับ 98.31 เยน ในการซื้อขายวันก่อน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9134 ฟรังค์ จากระดับ 0.9131 ฟรังค์

 

เงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3533 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3519 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.5949 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5995 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.9555 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9507 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเกือบทุกสกุลเงินหลัก โดยซื้อขายใกล้ระดับสูงสุดในรอบสองเดือนเมื่อเทียบกับเงินเยน และแข็งค่าสุดในรอบหนึ่งเดือนเมื่อเทียบกับเงินปอนด์ หลังจากที่นายแฮร์รี รีด ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาจากพรรคเดโมแครต และนายนายมิทช์ แมคคอนแนล ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภาจากพรรครีพับลิกัน ได้บรรลุข้อตกลงเพื่อขยายเพดานการกู้ยืมของประเทศออกไปจนถึงปีหน้า และนำไปสู่การยุติภาวะชัตดาวน์ที่ดำเนินมาเป็นวันที่ 16

 

สำหรับขั้นตอนต่อไปคือต้องให้ทั้งสองสภาของสภาคองเกรสลงมติรับร่างดังกล่าวของนายรีดและนายแมคคอนแนล ซึ่งนักลงทุนและนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่าจะผ่านไปอย่างราบรื่น

 

อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับบางสกุลเงิน เนื่องจากมีการขายทำกำไรเข้ามา

 

ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 17 ตุลาคม 2556)

 

[chaiklang 161]

สวัสดีเช้าวัน ฝนไม่ตกครับ

 

ทองเช้านี้ เด้งมาได้

 

แต่ บาทแข็ง ขึ้นมาอีกเลี้ยวววว

 

ขอบคุณ ป๋า นะครับ