ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

น้ำมันสหรัฐฯ-ทองคำขึ้นแรง หุ้นอเมริกาปิดแคบรอดูข้อมูลค้าปลีก

 

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 ธันวาคม 2556 05:30 น.

 

 

 

 

เอเอฟพี/มาร์เก็ตวอชต์ - ราคาน้ำมันวานนี้(10) ปิดผสมผสาน ด้วยตลาดสหรัฐฯปิดบวกหลังนักลงทุนคาดหมายว่าสต๊อกเชื้อเพลิงจะลดลงอีก ส่วนวอลล์สตรีททรงตัว จับตาข้อมูลค้าปลีก ขณะที่ทองคำ ขยับขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์

 

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูด ของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 1.17 ดอลลาร์ ปิดที่ 98.51 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1 เซนต์ ปิดที่ 109.38 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

จอห์น คิลดัฟฟ์ นักวิเคราะห์จากอะเกน แคปิตอล บอกว่าความเคลื่อนไหวของตลาดน้ำมันสหรัฐฯวานี้(10) เป็นผลจากแรงคาดหมายต่อรายงานคลังน้ำมันดิบสำรองของกระทรวงพลังงานอเมริกาในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 6 ธันวาคม ที่น่าจะลดลงต่อเนื่อง แสดงถึงการบริโภคที่เพิ่มขึ้น

 

ทั้งนี้คลังน้ำมันดิบสำรองของสหรัฐฯเพิ่มขึ้นเกือบ 35 ล้านบาร์เรลระหว่างช่วงกลางเดือนกันยายนถึงปลายเดือนพฤศจิกายน อย่างไรก็ตามในสัปดาห์ที่แล้ว รายงานของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯเผยให้เห็นสต๊อกที่ลดลงถึง 5.6 ล้านบาร์เรล ทำให้นักลงทุนกะเก็งว่ามันน่าจะลดลงต่อเนื่องอีกในสัปดาห์นี้

 

อย่างไรก็ตามในส่วนของราคาน้ำมันเบรน์ทะเลเหนือลอนดอนนั้น ยังคงตกอยู่ใต้แรงกดดันของผลผลิตอุตสาหกรรมและการส่งออกอันอ่อนแอของเยอรมนี หนึ่งในผู้ขับเคลื่อนหลักของการฟื้นตัวของ 17 ชาติยูโรโซน จนปิดลบต่อเนื่องจากวันจันทร์(9)ที่ผ่านมา

 

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(10) ปิดลบในกรอบแคบๆ หลังนักลงทุนจับตารายงานยอดค้าปลีกของอเมริกา ซึ่งจะครอบคลุมถึงช่วงเริ่มต้นของฤดูกาลชอปปิ้งอันสำคัญ

 

ดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 51.50 จุด (0.32 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,974.03 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 5.75 จุด (0.32 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,802.62 จุด แนสแดค ลดลง 8.26 จุด (0.20 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,060.49 จุด

 

ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นเมื่อวันอังคาร(10) เป็นไปตามข้อมูลทางเศรษฐกิอันเงียบเหงา ขณะที่นักลงทุนรอดูรายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจอันสำคัญ ในนั้นรวมถึงยอดค้าปลีกประจำเดือนพฤศจิกายนที่จะเผยแพร่ออกมาในวันพฤหีสบดี(12)

 

อย่างไรก็ตามในส่วนของราคาทองคำวานนี้(10) กลับปิดบวกถึงร้อยละ 2.2 แตะระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ หลังความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) จะลดระดับกระตุ้นเศรษฐกิจเร็วๆนี้ กระตุ้นให้นักลงทุนหันมาถือครองสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 26.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,261.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ข่าวความเคลื่อนไหว ทั่วๆ ไป

 

 

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 10 ธันวาคม 2556

 

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดวันทำการล่าสุดที่ 15,973.13 จุด ลดลง 52.40 จุด -0.33%

 

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดวันทำการล่าสุดที่ 4,060.49 จุด ลดลง 8.26 จุด -0.20%

 

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดวันทำการล่าสุดที่ 1,802.62 จุด ลดลง 5.75 จุด -0.32%

 

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,091.14 จุด ลดลง 42.96 จุด -1.04%

 

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,114.44 จุด ลดลง 80.73 จุด -0.88%

 

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,523.31 จุด ลดลง 36.17 จุด -0.55%

 

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,443.39 จุด ลดลง 1.23 จุด -0.01%

 

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,143.60 จุด ลดลง 0.80 จุด -0.02%

 

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 2,237.49 จุด ลดลง 0.71 จุด -0.03%

 

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 5,886.40 จุด ลดลง 122.54 จุด -2.04%

 

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 23,744.19 จุด ลดลง 66.98 จุด -0.28%

 

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,275.68 จุด เพิ่มขึ้น 61.34 จุด +1.46%

 

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,843.85 จุด เพิ่มขึ้น 1.98 จุด +0.11%

 

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,081.72 จุด ลดลง 31.92 จุด -1.03%

 

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 21,255.26 จุด ลดลง 71.16 จุด -0.33%

 

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (10 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะเริ่มพิจารณาปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะลดขนาด QE ในการประชุมสัปดาห์หน้า

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 15,973.13 จุด ลดลง 52.40 จุด หรือ -0.33% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 4,060.49 จุด ลดลง 8.26 จุด หรือ -0.20% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,802.62 จุด ลดลง 5.75 จุด หรือ -0.32%

 

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 ธ.ค.) จากการคาดการณ์ที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะปรับตัวลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 1.17 ดอลลาร์ ปิดที่ 98.51 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 1 เซนต์ ปิดที่ 109.38 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (10 ธ.ค.) เพราะได้รับแรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 26.9 ดอลลาร์ หรือ 2.18% ปิดที่ 1,261.1 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 61.4 เซนต์ หรือ 3.12% ปิดที่ 20.315 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 20.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1388.70 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 3.45 ดอลลาร์ ปิดที่ 738.45 ดอลลาร์/ออนซ์

 

-- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (10 ธ.ค.) โดยดอลลาร์สหรัฐดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์เมื่อเทียบกับเงินเยน เนื่องจากการคาดการณ์เกี่ยวกับการจัดตั้งสหภาพการธนาคารในยูโรโซน

 

ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3763 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3739 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะ 1.6446 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6427 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะ 0.9156 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9107 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 102.77 เยน จากระดับ 103.22 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8872 ฟรังค์ จากระดับ 0.8905 ฟรังค์

 

-- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (10 ธ.ค) เนื่องจากการชะลอตัวลงของผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนซึ่งบดบังข่าวดีที่บ่งชี้ว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของอังกฤษขยายตัวเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันในเดือนต.ค.

 

ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,523.31 จุด ลดลง 36.17 จุด หรือ -0.55%

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (10 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะเริ่มพิจารณาปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะลดขนาด QE ในการประชุมสัปดาห์หน้า

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 0.7% ปิดที่ 314.91 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,091.14 จุด ลดลง 42.96 จุด หรือ -1.04% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,114.44 จุด ลดลง 80.73 จุด หรือ -0.88% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,523.31 จุด ลดลง 36.17 จุด หรือ -0.55%

 

ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 11 ธันวาคม 2556)

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะเริ่มพิจารณาปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะลดขนาด QE ในการประชุมสัปดาห์หน้า

ดัชนี MSCI Asia Pacific ขยับลง 0.1% เมื่อเวลา 9.59 น.ตามเวลาโตเกียว

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 15,509.93 จุด ลดลง 101.38 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,228.63 จุด ลดลง 8.86 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,686.80 จุด ลดลง 57.39 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,450.96 จุด เพิ่มขึ้น 7.57 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,987.22 จุด ลดลง 6.23 จุด

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,077.16 จุด ลดลง 4.56 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 5,883.94 จุด ลดลง 2.46 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,842.91 จุด ลดลง 0.94 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 5,137.90 จุด ลดลง 5.70 จุด

 

ที่มา: ทันหุ้น(วันที่ 11 ธค.56)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นายอลัน กรีนสแปน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า การขยายขนาดของนโยบายการเงินไปสู่อีกระดับของเฟดได้กระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ แต่เศรษฐกิจและนักธุรกิจของสหรัฐก็กำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนอย่างยิ่งอันเนื่องมาจากความเสี่ยงทางการเมือง

 

นายกรีนสแปนให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นว่า “นโยบายคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำในระยะยาวมีข้อดีหลายอย่างต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ แต่ระดับความไม่แน่นอนในระยะยาวเป็นเรื่องที่สำคัญมากกว่าในทุกครั้งเท่าที่ผมจำได้"

 

“ถึงแม้ว่างบดุลของเราจะขยายตัวในระดับที่สำคัญ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมีผลกระทบต่อภาคธนาคารในรูปแบบปกติซึ่งเราจะได้เห็นเมื่อปริมาณเงินสำรองเพิ่มขึ้น" เขากล่าว

 

ทั้งนี้ เฟดได้คงอัตราดอกเบี้ยในระยะสั้นไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เริ่มเกิดวิกฤตการเงินเป็นต้นมา และได้ใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ไปทั้งหมด 2 ครั้ง

 

ปัจจุบัน เฟดได้ใช้โครงการซื้อพันธบัตรและหลักทรัพย์ที่มีสินเชื่อจำนองค้ำประกันซึ่งมีระยะเวลาที่ยาวนานกว่าที่ระดับ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน หรือ QE3 ส่งผลให้งบดุลมีมูลค่าสูงกว่า 3.9 ล้านล้านดอลลาร์

 

“มีความขัดแย้งทางการเมืองในมิติที่สำคัญระหว่างฝ่ายที่เชื่อว่าการขยายระยะเวลาในการเข้าแทรกแซงของรัฐบาลเป็นเรื่องที่เลวร้ายแต่ธุรกิจไม่สามารถตัดสินใจในขั้นพื้นฐานได้ว่าจะทำอะไรในอนาคต" นายกรีนสแปนกล่าว

 

นายกรีนสแปนตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา เปอร์เซนต์ของเงินสดหมุนเวียนที่ลงทุนในรูปแบบต่างๆ ในสินทรัพย์ด้านทุนอยู่ที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2481 พร้อมกับเสริมว่า เงินสดหมุนเวียนได้ปรับตัวดีขึ้นในระดับหนึ่งแต่ยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำมาก

 

“และสิ่งที่เรากำลังจับตาดูก็คือปริมาณเงินที่ไหลบ่าเข้ามาใหม่และผลประโยชน์ทั้งหมด ซึ่งยังไม่มีการลงทุนที่เพียงพอในการใช้เม็ดเงินดังกล่าว" เขาระบุ สำนักข่าวซินหัวรายงาน

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 9 ธันวาคม 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรา นิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (10 ธ.ค.) โดยดอลลาร์สหรัฐดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์เมื่อเทียบกับเงินเยน เนื่องจากการคาดการณ์เกี่ยวกับการจัดตั้งสหภาพการธนาคารในยูโรโซน

 

ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3763 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3739 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะ 1.6446 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6427 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะ 0.9156 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9107 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 102.77 เยน จากระดับ 103.22 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8872 ฟรังค์ จากระดับ 0.8905 ฟรังค์

 

สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นหลังจากการคาดการณ์ที่ว่า รมว.คลังกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) จะจัดตั้งสหภาพการธนาคารเพื่อดำเนินการปิดธนาคารที่ล้มละลาย โดยมีเป้าหมายที่จะป้องกันวิกฤตการณ์ในภาคธนาคาร

 

นอกจากนี้ ยูโรยังได้รับแรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในการประชุมเมื่อวันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา

 

นักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 17-18 ธ.ค.นี้ ซึ่งมีกระแสคาดการณ์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆว่า เฟดอาจจะเริ่มพิจารณาปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)

 

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูการเจรจาด้านการคลังของเจ้าหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัตของ สหรัฐที่แคปิตอล ฮิลล์ ก่อนที่จะถึงช่วงเทศกาลวันหยุดในสหรัฐ

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 11 ธันวาคม 2556)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผู้นำการเจรจางบประมาณในสภาคองเกรสสหรัฐได้บรรลุข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐในวันที่ 15 ม.ค.แล้ว

 

โดยนายแพทตี้ เมอร์เรย์ ประธานคณะกรรมาธิการงบประมาณแห่งวุฒิสภาสหรัฐ และนายพอล ไรอัน ประธานคณะกรรมาธิการงบประมาณแห่งสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ได้ประกาศข้อตกลงในระหว่างการแถลงข่าวกับสื่อมวลชนที่แคปิตอล ฮิลล์

 

ทั้งนี้ ข้อตกลงดังกล่าวจะกำหนดระดับการใช้จ่ายสำหรับรัฐบาลกลางในอีก 2 ปีข้างหน้า และจะยุติมาตรการลดรายจ่ายโดยอัตโนมัติ หรือที่เรียกว่า sequester บางส่วน ในอีก 2 ปีข้างหน้าเช่นกัน

 

ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 11 ธันวาคม 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นางสาวณัฐฑี จุฑาวรากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้ คาดว่าบรรยากาศการซื้อทองคำจะไม่คึกคักมากนัก เนื่องจากที่ผ่านมาเป็นช่วงขาลงของราคาทองคำจึงส่งผลให้ประชาชนทยอยซื้อเก็บไว้ก่อนหน้านี้แล้วส่วนจะมีการเพิ่มกำลังการผลิตช่วงนี้หรือไม่นั้น เชื่อว่าร้านทองแต่ละแห่งน่าจะมีการเตรียมผลิตเพื่อรับมือกับความต้องการซื้ออยู่แล้วไม่น่าจะมีปัญหาทองคำขาดตลาด

 

อย่างไรก็ตามในปีหน้ามองว่ายังเป็นช่วงขาลงของราคาทองคำปัจจัยที่เป็นตัวกดดันมาจากมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณของสหรัฐ(คิวอี) ที่ยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ ยุโรป และจีน ก็ยังคงต้องรอดูอีกครั้ง ส่วนสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในประเทศขณะนี้นั้น ถึงแม้จะยืดเยื้อหรือไม่ยืดเยื้อไปจนถึงปีหน้าก็ตาม คาดว่าจะไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อราคาทองคำทั้งสิ้น

 

แนวโน้มราคาทองคำในปีหน้าจะแกว่งตัวอยู่ในช่วง 17,600 – 23,000 บาทต่อบาท ขณะที่ช่วงนี้คาดว่าแนวรับจะอยู่ที่17,600 บาทต่อบาท ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 19,000 บาทต่อบาท แนะนำนักลงทุน ให้จัดสรรพอร์ตให้ดี มีการขายทำกำไรระยะสั้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้วย

 

“ช่วงเทศกาลปีใหม่คิดว่าบรรยากาศการซื้อทองคำเพื่อเป็นของขวัญไม่น่าจะคึกคัก เพราะที่ผ่านมาเป็นช่วงขาลงมาตลอดน่าจะซื้อเก็บก่อนหน้านี้แล้ว และมั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาของขาดตลาดเพราะเชื่อว่าแต่ละร้านได้ผลิตเตรียมไว้แล้ว ส่วนปีหน้าเชื่อว่ายังเป็นขาลง แต่ทั้งนี้คงต้องประเมินสถานการณ์ทั้งการเมืองภายในประเทศและปัจจัยต่างประเทศเกี่ยวกับตัวเลขเศรษฐกิจและคิวอีว่าจะเป็นอย่างไร” นางสาวณัฐฑี กล่าว

 

ที่มา หนังสือพิมพ์แนวหน้า (วันที่ 11 ธันวาคม 2556)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กฟผ.ส่งสัญญาณขยับค่าเอฟทีงวดใหม่กว่า 10 สตางค์ต่อหน่วย แต่ต้องรอให้ “เรคกูเลเตอร์” ชี้ขาด ขณะเรคกูเลเตอร์ขอเช็กต้นทุนผลิตไฟฟ้าก่อนเคาะค่าเอฟทีงวดใหม่ เดือน ม.ค.-เม.ย.57 ยอมรับค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลง 1 บาทต่อเหรียญฯ มีผลดันค่าเอฟทีพุ่ง 6 สตางค์ต่อหน่วย

 

นายดิเรก ลาวัลย์ศิริ ประธานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (เรคกูเลเตอร์) เปิดเผยว่า ในเดือน ธ.ค.นี้ เรคกูเลเตอร์จะมีการประชุมเพื่อพิจารณาถึงต้นทุนการผลิตไฟฟ้า เพื่อสรุปตัวเลขก่อนที่จะนำมาคำนวณอัตราค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ หรือเอฟที ที่จะเรียกเก็บในบิลค่าไฟประชาชนรอบใหม่ ระหว่างเดือน ม.ค.-เม.ย.57 โดยเฉพาะ 2 ปัจจัยหลักที่มีผลให้ค่าเอฟทีเปลี่ยนแปลง คือราคาก๊าซธรรมชาติ และค่าเงินบาท ซึ่งยอมรับว่าค่าเงินบาทที่อ่อนค่าทุก 1 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ มีผลกระทบต่อต้นทุนค่าเอฟที ต้องปรับเพิ่มขึ้น 6 สตางค์ต่อหน่วย

 

“ยอม รับว่า ยังไม่สามารถตอบได้ว่าตัวเลขค่าเอฟทีงวดใหม่ จะอยู่ในอัตราเท่าใด เพราะต้องดูหลายปัจจัยประกอบทั้งราคาก๊าซธรรมชาติ ค่าเงินบาท ภาระอื่นๆ ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แบกรับค่าเอฟทีงวดก่อนหน้านี้ไว้แทนผู้ใช้ไฟฟ้า หรือทั้ง 3 การไฟฟ้าคือ กฟผ., การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ยังมีเงินชดเชยอื่นๆมาช่วยรับภาระค่าเอฟทีได้อีกหรือไม่ในงวดดังกล่าว และภาวะเศรษฐกิจในไตรมาสแรกของปีหน้าว่าเพิ่มสูงขึ้นจนส่งผลกระทบต่อค่าครอง ชีพของประชาชนเพียงใด”

 

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก กฟผ. ว่า ค่าเอฟทีในงวด เดือน ม.ค.-เม.ย.57 มีแนวโน้มที่ต้องปรับขึ้น 10 สตางค์ต่อหน่วย โดยมีปัจจัยมาจากราคาก๊าซธรรมชาติที่เพิ่มสูงขึ้นตามราคาน้ำมันเล็กน้อย ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าจากเดิมงวดที่แล้วใช้ฐานการคำนวณที่ 31.24 บาทต่อเหรียญฯ แต่ล่าสุดค่าเงินบาทเคลื่อนไหวเฉลี่ยที่ 32 บาทกว่าๆต่อเหรียญฯ ประกอบกับค่าเอฟที งวดปัจจุบัน หรือในเดือน ก.ย.-ธ.ค.นี้ เรคกูเลเตอร์ ให้ กฟผ.แบกรับภาระไว้อีก 2.91 สตางค์ต่อหน่วย

 

ทั้ง นี้ ค่าเอฟทีในงวดเดือน ก.ย.-ธ.ค.นี้ ควรต้องปรับขึ้น 14.18 สตางค์ต่อหน่วย แต่เรคกูเลเตอร์ ได้นำเงินชดเชยจากการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าขนอม ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี และเงินค่าปรับของโรงไฟฟ้าเอกชนที่จ่ายคืนมาให้เรคกูเลเตอร์ รวมทั้งสิ้น 2,247 ล้านบาท หรือคิดเป็นค่าเอฟทีเฉลี่ย 4.91 สตางค์ต่อหน่วย มาจ่ายชดเชยให้ กฟผ. และให้ กฟผ.รับภาระค่าเอฟทีแทนประชาชนอีก 1,566 ล้านบาท หรือคิดเป็น 2.91 สตางค์ต่อหน่วย จึงทำให้ค่าเอฟทีในงวดดังกล่าวปรับขึ้นเพียง 7.08 สตางค์ต่อหน่วย ดังนั้นจึงต้องรอการพิจารณาของเรคกูเลเตอร์ว่า ในการเรียกเก็บค่าเอฟทีงวดเดือน ม.ค.-เม.ย.57 เรคกูเลเตอร์จะให้ กฟผ.ช่วยแบกรับค่าเอฟทีอีกงวดหรือไม่

 

สำหรับแนวโน้มค่าเอฟทีในปีหน้า กฟผ.ประเมินว่า หากพิจารณาจากปัจจัยเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าแล้วต้องยอมรับว่าประเทศไทยจะ ต้องเริ่มทยอยใช้ก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ที่นำเข้ามาเพื่อผลิตไฟฟ้า เพราะมีการนำเข้ามาแล้วจำนวนมาก ซึ่งสัดส่วนที่ใช้หากใช้แอลเอ็นจีมากเท่าใด ก็จะมีผลต่อค่าเอฟทีให้ปรับสูงขึ้น เนื่องจากแอลเอ็นจีขณะนี้ราคาสูงถึงกว่า 15 เหรียญฯต่อล้านลูกบาศก์ฟุต ซึ่งตามแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า (พีดีพี) ฉบับใหม่ที่กระทรวงพลังงาน กำลังปรับปรุงแผนการใช้เชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้า จึงพยายามที่จะทำให้ประเทศไทยหันกลับมาใช้ถ่านหินผลิตไฟฟ้าให้เพิ่มขึ้น เพื่อกระจายความเสี่ยงเรื่องต้นทุนการผลิตไฟฟ้า และเรื่องของความมั่นคงทางเชื้อเพลิง เพื่อรักษาระดับค่าเอฟทีไม่ให้เพิ่มสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด.

 

 

 

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ (11/12/2556)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาทองคำเคลื่อนไหวทรงตัวในการซื้อขายวันจันทร์ ก่อนที่จะเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามามากขึ้นในการซื้อขายวันอังคารซึ่งตลาดการ เงินของไทยปิดทำการ โดยราคาทองปิดตลาดเมื่อคืนนี้ที่ 1,261.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 21.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทำจุดต่ำสุดและจุดสูงสุดที่ 1,237 และ 1,267 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ ส่วนราคาซื้อขายทองคำแท่งในประเทศชนิด 96.5% เมื่อวานนี้ ขายออกที่บาทละ 18,900 บาท และรับซื้อคืนที่บาทละ 18,800 บาท กองทุน SPDR ไม่มีการเปลี่ยนแปลงปริมาณการถือครองทองคำ ปัจจุบันกองทุนถือครองทองคำรวม 835.71 ตัน

 

ราคาทองคำแกว่งตัวขึ้นลงในกรอบค่อนข้างแคบตลอดการซื้อขาย วันจันทร์ ก่อนที่ในการซื้อขายช่วงค่ำของวันอังคารซึ่งตลาดอนุพันธ์ของไทยปิดทำการนั้น ได้มีแรงซื้อกลับเข้ามามาก จนราคาทองดีดตัวกลับขึ้นมาเคลื่อนไหวที่แนวต้านทางเทคนิคบริเวณ 1,260 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นได้ต่อไป โดยราคาทองเริ่มฟื้นตัวขึ้นหลังจากปรับตัวลงตอบรับการคาดการณ์เกี่ยวกับ โอกาสที่จะมีการลดปริมาณการผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่อาจเร็วขึ้นกว่าที่เคยประเมินไว้ ในช่วงนี้คาดว่าราคาทองมีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวตามปัจจัยทางเทคนิค เพื่อรอติดตามการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯในสัปดาห์หน้าซึ่งอาจมีความ ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการเงินในอนาคต

 

ส่วนประเด็นการ เมืองยังส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของเงินบาท โดยหลังรัฐบาลประกาศยุบสภาในช่วงเช้าวันจันทร์ ปรากฏว่าเงินบาทกลับแข็งค่าขึ้นพร้อมกับการดีดตัวของตลาดหุ้น คาดว่าเป็นเพราะนักลงทุนคลายกังวลจากสถานการณ์การเมืองที่ตึงเครียดมาหลาย สัปดาห์ แต่ยังคงต้องติดตามท่าทีของกลุ่มผู้ชุมนุมและการเลือกตั้งในช่วงต้นปีว่าจะ ดำเนินการได้ตามกำหนดหรือไม่

 

ในส่วนการเคลื่อนไหวของราคาทองคำใน วันนี้ ด้วยราคาทองที่ปรับตัวลงมามากจนเครื่องมือทางเทคนิคหลายชนิดต่างเคลื่อนไหว ในระดับที่สะท้อนว่าราคาในปัจจุบันเป็นระดับราคาที่ค่อนข้างต่ำในทางสถิติ แม้จะยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆ แต่ด้วยราคาที่ปรับตัวลงมามากจึงเริ่มมีการดีดตัวทางเทคนิคเกิดขึ้น โดยคาดว่าราคาทองยังมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นต่อ หากอ่อนตัวลงในระหว่างวันที่แนวรับบริเวณ 1,240 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป็นระดับแนวรับที่คาดว่าจะเป็นจุดดีดตัวกลับ และมีแนวต้านของรอบการฟื้นตัวอยู่ที่บริเวณ 1,275-1,280 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

 

 

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ (11/12/2556)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาณด้านพลังงาน เปิดเผยว่า แนวโน้มราคาน้ำมันตลาดโลก ในสัปดาห์หน้าจะยังคงทรงตัว จากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มดีขึ้น รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มจะปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ลง ส่งผลให้การเก็งกำไรในตลาดน้ำมันลดน้อยลงประกอบกับกลุ่มโอเปก (OPEC) ได้คงอัตราการผลิตน้ำมันไว้เท่าเดิม ทำให้สามารถกดดันราคาน้ำมันให้ลดลง ขณะที่ราคาน้ำมันในประเทศไทยในสัปดาห์หน้าจะยังคงทรงตัว เพราะค่าการตลาดได้ปรับตัวดีขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามว่า ในสุดสัปดาห์นี้จะมีการปรับราคาขายปลีกน้ำมันหรือไม่ เนื่องจากค่าการตลาดอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งหากสุดสัปดาห์นี้มีการปรับขึ้นราคาน้ำมัน สัปดาห์หน้าจะมีการปรับลดราคา แต่หากไม่มีปรับขึ้นในสัปดาห์หน้า ราคาน้ำมันในประเทศก็จะยังคงทรงตัว

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์บ้านเมือง (วันที่ 9 ธันวาคม 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รายงานวันนี้ กระตุ้นทองแบบไม่หวือหวา ไปได้เรื่อยๆๆ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เงินบาทเปิดตลาดแข็งค่าแตะ 31 บาท หลังการเมืองภายในประเทศคลี่คลาย-ข้อมูลตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดีขึ้น...

 

นัก ค้าเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ 32.06-32.08 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นแตะ 31 บาท เมื่อเวลาประมาณ 09.20น. และล่าสุด 10.30น. แข็งค่าลงมาอยู่ที่ 32.01-02 แล้ว ซึ่งวันนี้สามารถรีบาวด์ขึ้นมาได้ โดยอาจจะยืนเหนือ 32.3 บาทต่อดอลลาร์ อย่างไรก็ตามคาดว่า ในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้าจะสามารถปรับตัวลงมาได้อีก

 

ทั้งนี้ ได้รับปัจจัยภายในประเทศเข้ามากระทบ คือ ประเด็นทางการเมืิอง ที่นายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภา และยังไม่มีความรุนแรงใดๆ เกิดขึ้น โดยมีแนวโน้มที่จะเป็นการตั้งโต๊ะเจรจา เพื่อหาทางออกให้กับปัญหานี้ ซึ่งการหันหน้ามาเจรจากัน เป็นปัจจัยบวกให้กับตลาดอยู่แล้ว

 

ขณะที่ ปัจจัยภายนอกมาจากข้อมูลทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และยุโรปที่ออกมาดี จึงส่งผลให้นักลงทุนลดความกังวลเกี่ยวมาตรการ QE และตัดสินใจกลับมาถือสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง.

 

 

 

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ (11/12/2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไม่ไปดูให้เห็นกับตา หรือ สัมผัสในสิ่งแวดล้อมระหว่างเดิน ก็คงไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นหรอกครับ . ถ้าไม่มีวันที่ดันร่าง ลงมติ พรบ. นิรโทษกรรม ฉบับสุดซอย ก็คงไม่มีวันนี้ ขอบคุณจริงๆๆ

เป็นประสบการณ์ที่บางคนไม่อาจมีเลยในชีวิต ไม่เสียใจเลยที่มีโอกาสไปกินไปนั่งข้างถนนพร้อมคนไทยใจถึงๆๆๆๆนับแสน มันภูมิใจบอกไม่ถูก ถึงแม้ผลจะออกมาอย่างไรก็ตาม

ถูกแก้ไข โดย ทิพย์เอง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...