ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

โดยกรอบ รายงานดี หรือ รายงานแย่

 

Published in: Morning Report Videos

Gold: Support at 1180.70/1170, resistance at 1200/1221.70

 

http://www.fxstreet.com/analysis/morning-report-videos/2014/11/18/03/

 

ผสมกับ ตัวเลขขาเสี่ยง LONG GOLD above 1193 SL 1190 TP 1202-1208-1215-1222

SHORT GOLD below 1178 SL 1181 TP 1265-1154-1146 and below

 

จึงมีแนวต้านที่ 1202 ป้วนเปี้ยนเพื่อรอรายงานออก และ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เปิดดำเนินการ 21:30 น.

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตัวเลขรายงานเยอรมัน ที่ออกมาช่วงเย็น สวยหรูมาก สมกับเป็นพี่ใหญ่ยุโรป

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตัวเลขรายงานเยอรมัน ที่ออกมาช่วงเย็น สวยหรูมาก สมกับเป็นพี่ใหญ่ยุโรป

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณ ป๋า นะครับ

 

เพิ่งมาตามอ่าน ตอนค่ำ ๆ ง่ะ ^^

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รหัส 5,35,9 ของค่าเงินดอลล์สหรัฐ ยังคงอยู่ใน " สัญญานจะอ่อนค่าต่อไป " เส้นดำเส้นแดง ยังห่างจากกัน วันนี้นักลงทุน จับตามอง รายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่จะถูกเปิดเผยออกมา

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ค่าเงินบาท ก็ต้องเฝ้าระวังการแข็งค่า ซึ่งตอนนี้ 32.81 อาจแข็งค่ามาระดับ 32.7x แต่ก็เพียงนิดหน่อยที่จะกระทบต่อราคาทองไทย ในวันนี้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รหัส 5,35,9 ของราคาทองคำ ยังอยู่ในสัญญานด้านซื้อ เส้นดำเส้นแดง ยังถ่างห่างออกจากกัน ส่วนตัวผม ทองแท่งตัวเป็นๆ ยังถือทนต่อไป

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รายงานยุโรป ไม่มี แต่คงมีฤทธิ์เดชจากตัวเลขเมื่อวานของเยอรมัน ที่ยังจะประคองราคาทองยืนอยู่ได้ ราว ๆ1193 หรือ ปรับขึ้นไปทดสอบ 1202 อีกครั้ง ส่วนในของสหรัฐฯ คงมองเก็งรายงานธนาคารกลางสหรัฐฯ ว่า เขามองเศรษฐกิจยังไง แรงงานยังไง จะขึ้นดอกเบี้ยฯ กลางปีไหม

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 13 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (18 พ.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับปัจจัยบวกจากดัชนีราคาผู้ผลิตของสหรัฐที่ปรับตัวสูงขึ้น

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 13.6 ดอลลาร์ หรือ 1.15% ปิดที่ 1,197.1 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 11.7 เซนต์ ปิดที่ 16.174 ดอลลาร์/ออนซ์

ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 3.3 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,204.6 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาทองคำทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร หลังจากศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป หรือ ZEW เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนและนักวิเคราะห์ในเยอรมนีที่มีต่อสภาพเศรษฐกิจของประเทศในเดือนพ.ย. พุ่งขึ้นแตะ 11.5 จาก -3.6 ในเดือนต.ค. โดยเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2556 และเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นแตะที่ 0.5

 

นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับแรงหนุนหลังจากสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในเดือนต.ค. ปรับตัวขึ้น 0.2% จากเดือนก่อนหน้า ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 0.1% เนื่องจากราคาบริการและอาหารที่ปรับตัวสูงขึ้นได้ถ่วงราคาพลังงานที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 19 พฤศจิกายน 2557)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 32.78/80 บาท/ดอลลาร์ ใกล้เคียงกับช่วงเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 32.78/79 บาท/ดอลลาร์ และล่าสุดเงินบาทอ่อนค่าไปอยู่ที่ระดับ 32.82 บาท/ดอลลาร์

 

เงินบาทช่วงเช้าปรับตัวอ่อนค่าลงไปเล็กน้อย ซึ่งเป็นผลหลักๆ มาจากที่เงินเยนอ่อนค่าลงไป หลังจากวานนี้นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น ประกาศว่าจะยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อจัดการเลือกตั้งก่อนกำหนด พร้อมทั้งเลื่อนเวลาในการขึ้นภาษีการขายออกไป

 

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทอาจจะมีแนวโน้มอ่อนค่าได้อีกแต่คงไม่ขยับมากนัก โดยคาดว่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.75-32.92 บาท/ดอลลาร์

 

* ปัจจัยสำคัญ

 

- เปิดตลาดเช้านี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 117.10 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 116.93 เยน/ดอลลาร์

 

- ส่วนเงินยูโรล่าสุดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 1.2522 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.2519 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 32.7870 บาท/ดอลลาร์

 

- ตลาดหลักทรัพย์ออกเกณฑ์คุมหุ้นร้อนวันนี้ ด้านผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ ระบุมาตรการคุมหุ้นอาจกระทบบรรยากาศ การลงทุนในตลาดหุ้นไทย แต่ไม่รุนแรง ขณะที่ประเมิน P/E Ratio ตลาด mai ยังยืนสูง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คอลัมน์ จับช่องลงทุน โดย บล.โกลเบล็ก

 

ตามท้องถนนเยาวราชในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาเต็มไปด้วยผู้คนที่แห่เข้าไปต่อคิวซื้อทั้งทองแท่งและทองรูปพรรณ หลังราคาทองคำโลกปรับลดลงทำสถิติต่ำสุดในรอบ 4 ปี หลุดต่ำกว่า 1,180 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ โดยไปแตะจุดต่ำสุดที่ 1,132 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ส่วนราคาทองคำแท่งในบ้านเราปรับลงมาแตะระดับต่ำสุดในรอบ 15 เดือนที่ราคาบาทละ 17,750 บาท เนื่องจากค่าเงินบาทปัจจุบันอ่อนค่ากว่าเมื่อ 15 เดือนก่อน

 

แล้วคำถามคือ ทองคำน่าสนใจหรือยัง ?

 

หากเรายังมั่นใจว่า ระบบ Fiat Currency หรือเงินกระดาษ ที่เราใช้อยู่ปัจจุบันมีเสถียรภาพที่มั่นคง เชื่อถือได้ไปอีกยาว ประกอบกับหากเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงเติบโตได้ดี ทองคำถือว่าเป็นสินทรัพย์ที่ดูจะไม่น่าสนใจ เพราะนักลงทุนจะนำเงินไปไว้กับสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า เช่น ตลาดหุ้น ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ

 

แต่ถ้าเรามองว่า ระบบเงินกระดาษมีโอกาสที่จะเกิดปัญหาในอนาคต เศรษฐกิจโลกมีโอกาสทรุดตัวลงในอนาคต ทองคำจะกลับมาเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนทันที

 

ทองคำถูกพูดถึงมากขึ้น หลังธนาคารกลางสหรัฐเริ่มออกมาตรการอัดฉีด (QE) เมื่อปี พ.ศ. 2551 การพิมพ์เงินดอลลาร์เข้ามาในระบบ ทำให้หลายคนกังวลว่าดอลลาร์สหรัฐจะด้อยค่าในระยะยาว แต่ 6 ปีที่ผ่านมา ดอลลาร์กลับไม่ได้อ่อนค่าเมื่อเทียบกับตะกร้าเงินอีก 6 สกุลเงินหลักอื่น ๆ อย่างที่หลายคนคิด

 

แล้วปัจจุบันดูเหมือนว่าเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มที่จะมีสัญญาณที่ดีต่อเนื่อง จนสามารถทำให้เฟดยุติการปั๊มเงินเข้าระบบไปเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และมีแนวโน้มที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า แต่ประเทศอื่นๆ อย่างยุโรป และญี่ปุ่น ดูเหมือนว่าจะยังต้องเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป ทำให้ดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มแข็งค่าในระยะสั้นอยู่ ยิ่งหากเฟดมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ดอลลาร์สหรัฐก็ควรจะแข็งค่าขึ้นต่อ กดดันราคาทองคำต่อไป

 

ถ้าหากเราดูอุปสงค์ หรือ ความต้องการทองคำไตรมาส 3/2557 พบว่า ความต้องการทองคำจากภาคการลงทุนลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า 2% ที่หดหายไปอย่างมีนัยตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ส่วนภาคเครื่องประดับแม้จะเติบโตขึ้นมากกว่าไตรมาส 2 แต่ก็ไม่สามารถชดเชยส่วนที่หายไปของภาคการลงทุน และความต้องการจากฟากฝั่งธนาคารกลางที่ซื้อทองคำก็เริ่มชะลอลงบ้าง

 

หากราคาทองคำจะกลับมาพุ่งได้แรง คงจะพึ่งภาคเครื่องประดับอย่างเดียวไม่ได้ ต้องรอแรงซื้อจากฟากการลงทุนเป็นหลัก หรือ ETFs นั่นเอง ปัจจัยที่พอจะทำให้ความต้องการภาคการลงทุนกลับมาต้องรอให้เกิดการโยกย้ายเงินทุนจากสินทรัพย์เสี่ยงเช่น ตลาดหุ้น รวมถึงตลาดต้องมีความต้องการถือสกุลเงินดอลลาร์น้อยลง หรือเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มกลับมาแย่ลงอีกครั้ง

 

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยธนาคารกลางให้ติดตามเพิ่ม โดยเฉพาะการโหวตมติของทางสวิสว่า จะมีมติให้ธนาคารกลางสวิสต้องเพิ่มสัดส่วนทองคำในทุนสำรองเป็น 20% หรือไม่ เนื่องจากปัจจุบันธนาคารกลางสวิสมีทองคำเป็นสัดส่วนราว 7.5% ของทุนสำรองทั้งหมด คิดเป็นทองคำ 1,040 ตัน ซึ่งหากโหวตผ่านจริงในวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ ธนาคารกลางสวิสต้องทยอยสะสมทองคำให้ครบ 20% ภายใน 5 ปี หรือภายในปี พ.ศ. 2562

 

อีกทั้งคงต้องติดตามความพยายามที่จะดันสกุลเงินหยวนให้มีความสำคัญในตลาดโลกมากขึ้นของจีน โดยที่ผ่านมาถือว่าจีนเดินหน้าจับมือหลายประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่ม BRICs ได้มีการผลักดันให้ใช้หยวนเป็นสกุลเงินในการแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้าในหลาย ๆ ประเทศ ตัวนี้ก็จะทำให้บทบาทของดอลลาร์สหรัฐลดลงเช่นกัน

 

แม้ระยะสั้นทองคำยังมีแนวโน้มที่จะปรับลงจนใกล้ระดับราคาต้นทุนหน้าเหมือง 1,050-1,150 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ แต่ในอนาคต 2-3 ปีข้างหน้า คาดว่าเศรษฐกิจโลกยังมีความเปราะบางจากกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว

 

อีกทั้ง ยังมีเหตุการณ์อีกมากมายที่น่าติดตามว่าจะช่วยผลักดันให้ราคาทองคำโลกกลับไปสู่ระดับ 1,400-1,500 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ได้หรือไม่ เช่น สงครามอัดฉีดเงินคงจะไม่หยุดเพียงเท่านี้แน่นอน ธนาคารกลางเกาหลีก็น่าจะเริ่มออกมาตรการบางอย่างเพื่อป้องกันการสูญเสียศักยภาพการส่งออกให้ญี่ปุ่น ทางฝั่งเยอรมนีจะยอมให้อีซีบีอัดฉีดได้มากขนาดไหนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจกลุ่มยูโรโซน ผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐหลังเฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ย

 

เหล่านี้ล้วนแต่น่าติดตามสำหรับคนที่สนใจทองคำ

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 19 พฤศจิกายน 2557)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป หรือ ZEW ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศเยอรมนี เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนและนักวิเคราะห์ในเยอรมนีที่มีต่อสภาพเศรษฐกิจของประเทศในเดือนพ.ย. พุ่งขึ้นแตะ 11.5 จาก -3.6 ในเดือนต.ค. โดยเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2556 และเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้มาก

 

สำหรับดัชนีภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.3 ในเดือนพ.ย. จาก 3.2 ในเดือนต.ค.

 

ข้อมูลที่ได้รับการเปิดเผยล่าสุดนี้เป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจของเยอรมนีอาจเริ่มพลิกฟื้นขึ้น หลังจากที่ถูกปกคลุมด้วยความวิตกกังวลมานานหลายเดือน อย่างไรก็ตาม ZEW เตือนว่า สภาวะเศรษฐกิจยังเปราะบางและไม่แน่นอน ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองในภูมิภาคต่างๆ

 

การเปิดเผยข้อมูลความเชื่อมั่นในวันนี้มีขึ้นหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีเพิ่งรายงานเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของเยอรมนีสามารถพลิกกลับมาขยายตัวได้อีกครั้งในไตรมาส 3 โดยปรับตัวขึ้น 0.1% เพราะได้แรงหนุนจากการอุปโภคบริโภคในภาคเอกชน

 

การขยายตัวในไตรมาส 3 ช่วยให้เยอรมนีรอดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยมาได้ หลังจากที่เศรษฐกิจหดตัว 0.2% ในไตรมาส 2

 

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลเยอรมนีได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 2557 ลงสู่ระดับ 1.2% จากระดับ 1.9% โดยอ้างถึงสถานการณ์ความตึงเครียดทางการเมืองและสภาพเศรษฐกิจต่างประเทศที่ไม่เอื้ออำนวย พร้อมกับเตือนรัฐบาลเยอรมนีให้ทบทวนนโยบายเศรษฐกิจใหม่อีกครั้ง

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 18 พฤศจิกายน 2557)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...