ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

รออ่านข่าวเด็กขายของอยู่ครับ

(ผู้ยิ่งใหญ่เริ่มต้นใหม่ได้เสมอ)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อรุณสวัสค่ะ ทำไมเช้ามาราคาทองเมาอะไรมาถึงหัวทิ่มคะมำ รอข่าวสารจากเทพบุตรเด็กขายของค่ะ คุณดวนจันคะส่งเสียงด้วยค่ะคุณนุชชะบาด้วย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ ถกต่อวันนี้ ราคาทองลง 1%

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 สิงหาคม 2554 05:57 น.

 

 

เจรจาขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ ยังไม่ได้ข้อสรุป ราคาทองคำลดลง 1% หลังมีแนวโน้มที่ดีในการขยายเพดานหนี้ อีก 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

 

ราคาทองคำลดลงมากกว่า 1% ในการซื้อขายเช้าวันจันทร์ หลังจากที่สหรัฐฯ ใกล้จะได้ข้อยุติเรื่องการขยายเพดานหนี้สาธารณะ ราคาสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าลดลงมาอยู่ที่ระดับ 1,614 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ขณะที่ราคาสป็อตลดลง 0.9% มาอยู่ที่ 1,611.89 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีระดับต่ำสุดที่ 1,606.79 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ จากเมื่อวันศุกร์อยู่ที่ 1,626 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ โดยการเจรจาเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาใกล้จะได้ข้อยุติ ในการขยายเพดานหนี้ของสหรัฐฯอีก 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงการตื่นตระหนกของตลาดการเงินหากสหรัฐฯไม่สามารถชำระหนี้ได้ และจะมีการเจรจากันต่อในวันจันทร์นี้

 

ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ทำเนียบขาว และผู้นำรัฐสภาจากพรรครีพับลิกัน มีความคืบหน้าที่จะผลักดันข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ครั้งแรกของรัฐบาล ที่กำหนดจะมาถึงในวันที่ 2 ส.ค. อย่างไรก็ตามล่าสุดยังไม่มีข้อสรปว่าแผนการขยายเพดานหนี้จะเป็นอย่างไร

 

ทั้งนี้ เพดานหนี้สาธารณะ (Public Debt Ceiling) หมายถึง ปริมาณหนี้สูงสุด ที่รัฐบาลของประเทศนั้นๆ จะสามารถกู้ยืม หรือก่อหนี้ ได้ ไม่ว่าจะเป็นในรูปของการออกพันธบัตรรัฐบาล การกู้ยืมเงินจากธนาคาร ทั้งในหรือนอกประเทศ โดยเงินที่กู้มานั้น รัฐบาลจะ นำมาใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นการลงทุน หรือใช้จ่ายค่าใช้จ่ายประจำทั่วไปของรัฐบาล เช่น เงินเดือนข้าราชการ เป็นต้น

 

สหรัฐฯได้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะไว้ที่ระดับ 14.3 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบัน รัฐบาลสหรัฐฯได้กู้ยืมเต็มวงเงินดัง กล่าวแล้ว ทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่สามารถกู้ยืมเงินได้เพิ่มเติมอีก หากไม่มีการขยายเพดานหนี้ออกไป ทางธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ประเมินว่า สหรัฐฯ มีเงินคงเหลือเพียงพอที่จะจ่ายหนี้ และค่าใช้จ่ายต่างๆ จนถึงแค่วันที่ 2 สิงหาคม 2554 เท่านั้น ดังนั้น จึงจำ เป็นที่จะต้องมีการปรับเพิ่มเพดานหนี้ เพื่อให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมเงินเพื่อนำมาใช้จ่าย และชำระหนี้เพิ่มเติมได้

 

สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน สหรัฐฯยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเรื่องการปรับเพิ่มหนี้สาธารณะได้ โดยเป็นผลมาจากจากความขัด แย้ง ระหว่างประธานาธิบดีโอบามา (จากพรรคเดโมแครต) กับสมาชิกสภาคองเกรสเสียงข้างมาก จากพรรครีพับลิกัน ที่ยังไม่เห็น ชอบตรงกันในเงื่อนไขหลังปรับเพิ่มเพดานหนี้

 

ปัจจุบันรัฐบาลสหรัฐฯเป็นหนี้อยู่ 14.3 ล้านล้านดอลลาร์ โดยเจ้าหนี้ 1 ใน 3 เป็นรัฐบาลและนักลงทุนต่างชาติ อีก 1 ใน 3 เป็นกอง ทุนบำนาญสหรัฐฯ รวมถึงนักลงทุนอเมริกัน

 

สหรัฐฯติดหนี้ตัวเองก้อนใหญ่ที่สุดประมาณ 5.7 ล้านล้านดอลลาร์ อยู่ในรูปของสินทรัพย์ที่กู้ยืมจากโครงการบำนาญประกันสังคม และระบบประกันสุขภาพสำหรับคนชรา

 

หนี้ที่ติดค้างต่างประเทศคิดเป็นมูลค่าประมาณ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ นับถึงปี 2553 โดยรัฐบาลจีนและนักลงทุนจีนถือครองหนี้ สหรัฐฯมากที่สุด 1.16 ล้านล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 8% ของหนี้สิ้นทั้งหมด

 

เจ้าหนี้อันดับสอง ได้แก่ ญี่ปุ่น 9.12 แสนล้านดอลลาร์ ตามด้วยอังกฤษ 3.46 แสนล้านดอลลาร์ และประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน 2.3 แสนล้านดอลลาร์ บราซิลถือครองหนี้สหรัฐฯ 2.11 แสนล้านดอลลาร์ ไต้หวัน รัสเซีย และฮ่องกง ถือครองรายละกว่า 1 แสนล้าน ดอลลาร์

 

ส่วนหนี้ที่สหรัฐติดค้างตัวเอง แบ่งเป็น 3.9 ล้านล้านดอลลาร์สำหรับกองทุนบำนาญสหรัฐฯ 1.6 ล้านล้านดอลลาร์สำหรับกองทุน เงินออมอื่นๆ 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สำหรับนักลงทุนรายบุคคล 5 แสนล้านดอลลาร์สำหรับรัฐบาลท้องถิ่น และ 6 แสนล้าน ดอลลาร์สำหรับธนาคารพาณิชย์และบริษัทประกัน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ ออกแถลงการณ์ในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทยว่า รัฐบาลสหรัฐได้บรรลุข้อตกลงการปรับเพิ่มเพดานหนี้และการลดยอดขาดดุลงบประมาณ ร่วมกับผู้นำพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตแล้ว ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลสามารถหลีกเลี่ยงวิกฤตการผิดนัดชำระหนี้ได้

 

"ผู้นำพรรครีพับลิกันและเดโมแครตได้บรรลุข้อตกลงที่ว่าด้วยการปรับลดการขาดดุลงบประมาณ และการหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้" โอบามาออกแถลงการณ์ที่ทำเนียบขาว

 

โอบามาเปิดเผยว่า ข้อตกลงดังกล่าวกำหนดว่า รัฐบาลสหรัฐจะต้องปรับลดการใช้จ่ายมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ในระยะเวลา 10 ปี นอกจากนี้ โอบามากล่าวว่า ข้อตกลงดังกล่าวจะช่วยขจัดความไม่แน่นอนในระบบเศรษฐกิจและตลาดการเงินของสหรัฐ

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สหรัฐมียอดเงินกู้ชนเพดานหนี้ที่ระดับ 14.29 ล้านล้านดอลลาร์ไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีค่ะเฮียนายห้าง คุณเด็กขายของ คุณDonJuanและทุกคนในห้อง มารอข่าวสารและคำแนะนำอยู่นะคะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จริงๆ เห็นบรรยากาศสงบไปแล้ว ไม่อยากสร้างประเด็นอะไรอีก

 

พอดีได้รับข้อความจากคุณเด็กขายของ บอกว่าผมเข้าใจผิดเรื่อง Kung's Father Indicator ว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับผม

ผมได้ขออภัยคุณเด็กขายของทาง ข้อความส่วนตัวไปแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากผมได้แสดงความเห็นความเข้าใจผิดคุณเด็กขายของในทีสาธารณะ

จึงขอใช้พื้นที่นี้ขออภัยคุณเด็กขายของที่เข้าใจผิดอีกครั้งหนึ่งครับ

 

!_087 !_087

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เอเอฟพี/เอเจนซี - ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ประกาศข้อตกลงเพิ่มเพดานหนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้อันจะสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อประเทศในนาทีสุดท้าย พร้อมกับกระตุ้นให้สมาชิกสภาคองเกรสทำในสิ่งที่ถูกต้อง โดยการลงมติเห็นชอบข้อตกลงนี้

 

“ผมต้องการประกาศว่า คณะผู้นำของทั้งสองพรรคในทั้งสองสภาบรรลุข้อตกลงซึ่งจะลดการขาดดุล และหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ การปิดนัดที่จะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อเศรษฐกิจของเรา” โอบามาประกาศอย่างเร่งรีบในทำเนียบขาว

 

ในสภาคองเกรส ผู้นำจากวุฒิสภาซึ่งพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมาก และสภาผู้แทนราษฎรซึ่งพรรครีพับลิกันควบคุมอยู่นั้น เผยว่า พวกเขาจะเสนอกรอบการทำงานกับบรรดาสมาชิกในวันจันทร์ (1) ก่อนหน้าที่จะมีการลงมติเห็นชอบข้อตกลงนี้

 

“เรายังทำงานไม่สำเร็จ ผมต้องการกระตุ้นให้สมาชิกทั้งสองพรรคทำในสิ่งที่ถูกต้อง และสนับสนุนข้อตกลงนี้ด้วยเสียงโฆวตของพวกคุณในอีกไม่กี่วันข้างหน้า” ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวก่อนที่กำหนดเส้นตายใกล้เข้ามาในเวลาเที่ยงคืนของวันอังคาร (2) นี้ ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 11.00 น.ของวันพุธ (3) ตามเวลาของไทย

 

สำหรับข้อตกลงดังกล่าวนี้ เจ้าหน้าที่อาวุโสของรัฐบาลรายหนึ่งเผยว่า จะมีการเพิ่มเพดานหนี้อย่างน้อย 2.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะเพียงพอยืดเวลาไปจนถึงปี 2013 แต่ก็ส่งผลให้มีการตัดลดงบประมาณลง 2.5 ล้านล้านดอลลาร์เป็น 2 รอบ

 

เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวระบุว่า การตัดลดงบประมาณดังกล่าวจะแบ่งเป็นทางด้านการทหาร และโครงการอื่นๆ รวมถึงการลดงบประมาณกลาโหมลงอย่างน้อย 350,000 ล้านดอลลาร์ภายใน 10 ปีข้างหน้าด้วย

 

ในการเปิดเผยร่างของข้อตกลงนี้ เจ้าหน้าที่ชี้ว่า โอบามา และผู้นำในสภาคองเกรสเห็นพ้องกันที่จะลดงบประมาณลงเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์ โดยออกเป็นกฎหมายสำหรับอีก 10 ปีนี้ในทันที

 

สหรัฐฯ มีหนี้สินท่วมจนสุดเพดาน 14.3 ล้านล้านดอลลาร์ เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมา และมีการปรับเปลี่ยนการใช้จ่าย และบัญชี รวมถึงตัวเลขภาษีสูงกว่าที่คาด เพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศดำเนินไปได้ตามปกติต่อไป แต่ก็สามารถทำเช่นนั้นได้จนถึงวันอังคาร (2) นี้เท่านั้น

 

ขณะที่ผู้นำด้านธุรกิจ และการเงินต่างเตือนว่า การผิดนัดชำระหนี้จะส่งให้กระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่เปราะบางอยู่แล้ว โดยเฉพาะในขณะที่ประเทศยังมีอัตราการว่างงานสูงถึง 9.2% มาตั้งแต่วิกฤตการเงินทั่วโลกปี 2008

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

naewna.png

รัฐบาลสหรัฐฯ บรรลุข้อตกขยายเพดานหนี้ และลดยอดขาดดุลข่าวทั่วไป หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- จันทร์ที่ 1 สิงหาคม 2554 10:01:16 น. ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศแถลงการณ์ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตามเวลาประเทศไทย (คืนวันอาทิตย์ ตามเวลาท้องถิ่น) ว่า ผู้นำจากพรรคเดโมแครต และริพับลิกัน ได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันในการขยายเพดานหนี้ และลดยอดขาดดุลงบประมาณ โดยข้อตกลงดังกล่าว รวมถึงการปรับลดงบประมาณค่าใช้จ่ายภาครัฐลง 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในระยะเวลา 10 ปี แต่ทั้งนี้ ก็ต้องมีการประชุมผ่านความเห็นชอบแผนการจัดการดังกล่าว จากสภาคองเกรส และคาดว่าจะสามารถเสร็จสิ้นได้ภายในวันจันทร์ ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งข้อตกลงนี้ จะช่วยให้รัฐบาลสหรัฐฯ สามารถหลีกเลี่ยงวิกฤตการณ์ผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งจะครบกำหนดในวันพรุ่งนี้ (2 ส.ค.

)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 1 สิงหาคม 2554 10:04:35 น.ตลาดหลักทรัพย์ไทยเช้าวันนี้พุ่งทะลุ 10 จุดไปแล้ว ทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ ตอบรับข่าวดีประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐออกแถลงการณ์ในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทยว่า รัฐบาลสหรัฐได้บรรลุข้อตกลงการปรับเพิ่มเพดานหนี้และการลดยอดขาดดุลงบประมาณร่วมกับผู้นำพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตแล้ว ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลสามารถหลีกเลี่ยงวิกฤตการผิดนัดชำระหนี้ได้

 

เมื่อเวลา 9.58 น.ดัชนี SET มาอยู่ที่ 1,143.79 จุด เพิ่มขึ้น 10.26 จุด (+0.91%)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สรุปว่า ผู้นำทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้แล้ว ที่เหลือก็แค่โหวตตามขั้นตอนเท่านั้นเอง ซึ่งก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีครับคุณเด็กขายของ คุณGB คุณDONJUAN และขอฝากตัวกับเฮียนายห้างด้วยคนนะครับ เริ่มต้นวันใหม่กับเช้าที่สดใสครับ

ผมมือใหม่มาก ไม่กล้าแสดงความเห็นอะไร แต่โดยส่วนตัวชอบทุกคนในกระทู้นี้ครับ

โดยเฉพาะคุณเด็กขายของปลื้มมากครับมีน้ำใจกับผมและทุกคนที่มีปัญหาสวดยอดมากครับ ขอบคุณข่าวคุณGBด้วยครับ

สู้ๆนะครับ เป็นกำลังใจให้ครับ ขอ+100ให้ทุกท่านเลยครับ :lol: :lol: :lol:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีครับ อยากอ่านข่าวใช่ไหมครับ ตามให้ทันนะครับ

 

- ราคาทองคำในตลาด COMEX เมื่อวันศุกร์มีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,613.00 — 1,637.50 นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพิ่มขึ้นเมื่อมีการประกาศตัวเลข GDP ในไตรมาสที่ 2 ลดลงเหลือเพียง 1.3% และGDP ในช่วงครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้นเพียง 1.9% สำหรับปัจจัยที่จะมีผลต่อราคาทองคำในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ผลของการเจรจาขยายเพดานหนี้ของสหรัฐ และปัญหาหนี้ของกรีซและยุโรป โดยตลาดค่อนข้างให้น้ำหนักว่า สหรัฐจะประสบความสำเร็จในการเจรจาและขยายเพดานหนี้ได้สำเร็จ ส่วนผลกระทบต่อราคาทองคำในสัปดาห์นี้คาดว่าอาจปรับฐาน หลังจากการขยายเพดานหนี้สำเร็จ แต่อาจไม่รุนแรง เนื่องจากนักลงทุนยังมีความต้องการทองคำหนาแน่น เมื่อราคาอ่อนตัวลงมา และยังมีปัญหาหนี้ของยุโรป และการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐมีผลสนับสนุนราคาทองคำอยู่ คาดกรอบความเคลื่อนไหวในสัปดาห์นี้อยู่ระหว่าง 1,580 — 1,640

 

- ประธานาธิบดีบารัค โอบามาประกาศในเช้าวันนี้ว่า ผู้นำพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันได้บรรลุข้อตกลงที่จะลดการขาดดุลงบประมาณและหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้แล้ว( - )

 

- ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายสหัรฐ GDP ขยายตัว 1.3% ในไตรมาส 2 ( - )

 

- ค่าเงิน USD อ่อนตัวที่ระดับ 1.438 USDต่อยูโร ปรับตัวอ่อนค่าลง ( - )

 

- ราคาน้ำมัน Nymex ปิดที่ 95.7 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปรับลด 1.74 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากตัวเลขGDP ที่อ่อน?แอ ?และ?ความวิตกกังวล?เกี่ยวกับปัญหาหนี้ (-)

 

- ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปิดลดลง 96.87 จุดปิดที่ 12,143.24 จุด เนื่องจาก นักลงทุนกังวลในเรื่องการชะลอตัวทางเศรษฐกิจและการขยายเพดานหนี้ของสหรัฐ (+)

 

- ราคา Silver ปิดเพิ่มขึ้น 0.31 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 40.11 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 39.73 — 40.41 USDต่อออนซ์ ราคา Silver ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาทองคำ คาดว่าราคา Silver ในสัปดาห์นี้แกว่งตัวในกรอบ 38.0 — 41.2 USDต่อออนซ์ สำหรับวันนี้คาดว่า Silver มีแนวรับบริเวณ 38.2 แนวต้านบริเวณ 40.1 คำแนะนำ Trading ในกรอบ 38.2 — 40.1

 

- SPDR ซื้อทองคำเพิ่ม 0.61 ตันอยู่ที่ระดับ 1263.58 ตัน (+)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นักบริหารเงินของธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า เช้านี้เงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 29.74/76 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากเมื่อเย็นวันศุกร์ที่ปิดตลาดที่ระดับ 29.80/82 บาท/ดอลลาร์ และล่าสุดเงินบาทเคลื่อนไหวที่ระดับ 29.71/73 บาท/ดอลลาร์

 

"เรื่องของสหรัฐฯที่ตกลงกันได้เรื่องเพิ่มเพดานหนี้ สหรัฐฯไม่น่าจะผิดนัดชำระหนี้ ส่วนบาทเราตลาดเพิ่งเปิดแต่ก็ยังแข็งค่าอยู่ แต่แนวโน้มน่าจะอ่อนลงตามสถานการณ์ดอลลาร์ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะมีการซื้อขายของล๊อตใหญ่อยู่ทำให้กระทบค่าเงินบาทอยู่" นักบริหารเงิน กล่าว

 

สำหรับความเคลื่อนไหวของค่าเงินสกุลหลักต่างประเทศช่วงเช้าวันนี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 77.81/83 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ปิดตลาดที่ระดับ 77.63/66 เยน/ดอลลาร์ ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.4277/4284 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.4287/4289 ดอลลาร์/ยูโร

 

นักบริหารเงินคาดว่าวันนี้เงินบาทน่าจะมีแนวโน้มอ่อนค่าลง มองกรอบระหว่าง 29.70-29.80 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งแม้ปัจจัยเรื่องสหรัฐฯจะกลายความกังวลไปแล้ว แต่ก็ยังมีสถานการณ์ของยูโรที่ต้องติดตาม เพราะช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา 2 ปัจจัยนี้มาควบคู่กัน ต้องดูกันต่อไปว่าจะแก้ไขปัญหาระยะยาวได้หรือไม่ แต่ตอนนั้นเรื่องปัญหาสหรัฐฯดูจะใหญ่กว่าตลาดก็เลยให้น้ำหนักไปที่สหรัฐฯมากกว่า นอกจากนั้นแรงซื้อแรงขายในประเทศก็ยังสำคัญ

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์  (วันที่ 1 สิงหาคม 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แม้ว่าผู้นำยุโรปจะมีมติอนุมัติเงินช่วยเหลือก้อนใหม่กับกรีซเมื่อสัปดาห์ก่อน แต่หลายฝ่ายออกมากล่าวเตือนว่าวิกฤติหนี้ยุโรปยังไม่สิ้นสุด ก่อให้เกิดความกังวลระลอกใหม่จากนักลงทุนในตลาด

 

 เดอะ วอลล์ สตรีต เจอร์นัล รายงานว่า นายโวล์ฟกัง ชอยเบลอ รัฐมนตรีคลังของเยอรมนี กล่าวในจดหมายเปิดผนึกถึงสมาชิกพรรคคริสเตียนประชาธิปไตยของเขาว่า วิกฤติหนี้ยูโรโซนยังไม่จบ และจำเป็นต้องมีการจัดระเบียบเพิ่มเติม พร้อมกล่าวย้ำว่าเยอรมนีจะไม่มอบเงินให้กองทุนช่วยเหลือรัฐบาลยูโรโซนที่ประสบปัญหาทางการเงินนำไปใช้ตามอำเภอใจ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณถึงท่าทีของเยอรมนีในการคัดค้านเสียงเรียกร้องให้เพิ่มมูลค่าการปล่อยกู้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตลาดว่าโอกาสในการผิดนัดชำระหนี้จะมีต่ำที่สุด

 

 นายชอยเบลอยังเตือนด้วยว่า ไม่ควรมองว่าสเปนและอิตาลีตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับกรีซที่เป็นจุดเริ่มต้นของปัญหา "สถานการณ์ทางการเงินในบางประเทศที่กำลังตกอยู่ในความสนใจของตลาดในขณะนี้ ด้วยตัวมันเองแล้วไม่ใช่ต้นเหตุที่สร้างความกังวลใจอย่างหนัก"

 

 อย่างไรก็ตาม แนวโน้มว่าจะมีการทดสอบเพิ่มเติม รวมถึงโอกาสในการจำกัดวงเงินสนับสนุนจากเยอรมนี สร้างความปั่นป่วนให้กับนักลงทุนที่เมื่อสัปดาห์ก่อนอยู่ในภาวะที่ค่อนข้างสงบ หลังสหภาพยุโรป (อียู) ตัดสินใจมอบเงินช่วยเหลือก้อนที่ 2 มูลค่า 1.09 แสนล้านยูโรให้กับกรีซ

 

 นอกจากนี้ ตลาดยังกังวลใจกับรายงานข่าวที่ว่ากองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) อาจจะให้เงินช่วยเหลือแก่กรีซรอบใหม่ในสัดส่วนที่ลดลงกว่าโครงการเงินกู้ที่ให้กับโปรตุเกสและไอร์แลนด์ ไอเอ็มเอฟได้ให้คำมั่นว่าจะมอบเงินกู้ให้กับกรีซ ไอร์แลนด์ และโปรตุเกส เป็นมูลค่า 7.85 หมื่นล้านยูโรไปจนถึงปี 2557 ซึ่งเป็นมูลค่าสูงกว่าหุ้นที่ไอเอ็มเอฟถืออยู่ในประเทศเหล่านี้หลายเท่าตัว สร้างความกังวลใจให้กับเจ้าหน้าที่ของกองทุน

 

 นายเปาโล โนกูเอรา บาทิสต้า ตัวแทนจากบราซิลในคณะกรรมการบริหารของไอเอ็มเอฟ กล่าวว่า เงินกู้ก้อนใหม่ของกรีซยังไม่ใช่ข้อตกลงที่แน่นอน ยังมีข้อกังขาว่าเงินก้อนดังกล่าวจะมากเพียงพอสำหรับลดหนี้ของกรีซให้อยู่ในระดับที่มีความยั่งยืนหรือไม่ พร้อมกับวิจารณ์อียูที่คิดเอาเองว่าไอเอ็มเอฟจะมอบเงินให้ อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาจากความเสี่ยงที่วิกฤตการณ์จะลุกลาม เป็นที่คาดหมายว่าไอเอ็มเอฟจะอนุมัติเงินงวดใหม่ให้กับกรีซ

 

 ด้านสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส (เอสแอนด์พี) ประกาศลดอันดับเครดิตของกรีซลงไปอีกเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (27 ก.ค.) หลังจากสรุปว่าข้อเสนอในการปรับโครงสร้างของกรีซมีค่าเท่ากับการผิดนัดชำระหนี้บางส่วน เช่นเดียวกับมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ที่ลดอันดับของกรีซลงในวันจันทร์ (25 ก.ค.) ด้วยเหตุผลว่าแผนการแลกเปลี่ยนพันธบัตร ส่วนหนึ่งถือเป็นการผิดนัดชำระหนี้

 

 เอสแอนด์พีกล่าวว่า วัตถุประสงค์ของแผนการจัดการหนี้ของกรีซคือลดความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ระยะสั้น และให้เวลาเพิ่มเติมกับรัฐบาลกรีซในการปรับโครงสร้างงบประมาณและปฏิรูปนโยบาย แต่เอสแอนด์พีกล่าวว่า เงื่อนไขของการสับเปลี่ยนพันธบัตรไม่เป็นผลดีต่อนักลงทุน

 

 ขณะที่นายอีวานเจลอส เวนิเซลอส รัฐมนตรีคลังของกรีซ กล่าวว่าต้องการดำเนินกระบวนการสับเปลี่ยนพันธบัตรให้เสร็จเรียบร้อยโดยเร็วที่สุด "เราได้เริ่มต้นแล้ว และจะดำเนินการให้เสร็จโดยเร็ว เพราะเรามีพันธบัตรที่จะหมดอายุในเดือนสิงหาคมและกันยายน และเราต้องการให้เสร็จเรียบร้อยก่อนหน้านั้น หรือจัดทำขอบข่ายแผนชั่วคราวจนกว่าเราจะดำเนินโครงการเสร็จ" นายเวนิเซลอสกล่าวด้วยว่า ไอเอ็มเอฟจะให้การสนับสนุนกรีซต่อไป ตราบใดที่กรีซสามารถปฏิรูปเศรษฐกิจได้ตามเป้าหมาย

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ (วันที่ 1 สิงหาคม 2554)

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...