ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

โทษทีนะค่ะเรียกชื่อผิด :D

โตแล้วสีจะเข้มกว่าเดิมค่ะ ของเราเป็นผู้ชายอ่ะ

ดูเพศไม่เป็นนะ แต่พอโตขึ้นเขาจะแสดงเองว่าเป็นผู้ชาย

เราเลี้ยงแบบปล่อยไว้ในบ้านเลย เคยบินออกไป

หายไป2วัน ไปตามหาจนเจอเค้าจำเสียงคนเลี้ยงได้ค่ะ

 

โชคดีจังครับที่ตามเจอ เคยอ่านในเนต มีของบ้างคนบินหนีออกไป ตะเลิดเข้าป่าไปเลยหาไปหาไม่เจออีกเลย

แต่คือไม่รู้ว่า เจ้าตัวนี้เชื่องรึเปล่า แต่คงต้องระวัง

อีกอย่าง ระวังพัดลมติดเพดานด้วยนะครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หุ้นไทยปิดบวก 2.08 จุด ที่ระดับ 833.01 จุด แรงซื้อกลุ่มแบงก์-พลังงานหนุน

 

บรรยากาศ การลงทุนตลาดหุ้นไทยวันนี้ (22 ก.ค.) ดัชนีแกว่งตัวในช่วงแคบในแดนบวกสลับแดนลบ ท่ามกลางแรงขายทำกำไรระยะสั้น โดยระหว่างชั่วโมงการซื้อขายดัชนีปรับตัวสูงสุดที่ 836.66 จุด และต่ำสุดที่ 824.98 จุด ก่อนมีแรงซื้อหุ้นในกลุ่มแบงก์ และสื่อสารในช่วงท้ายตลาด ดันดัชนีปิดที่ 833.01 จุด บวก 2.08 จุด หรือ 0.25%

 

หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรกประกอบด้วย TRUE ปิดที่ 4.14 บาท บวก 0.38 บาท ADVANC อยู่ที่ 92.25 บาท บวก 4.50 บาท TMB อยู่ที่ 1.91 บาท ลบ 0.17 บาท BBL อยู่ที่ 140.00 บาท บวก 4.00 บาท และ BAY อยู่ที่ 20.50 บาท บวก 0.70 บาท

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

22 ก.ค.--บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส

 

Distributor - Bisnews AFE

 

KCE คำแนะนำ ซื้อ

 

ราคาปิด 8.70 บาท ราคาพื้นฐาน 10.03 บาท

 

ประกาศซื้อหุ้นคืนเป็นข่าวดี

o วานนี้ KCE แจ้งตลาดฯ มีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนของบริษัทฯ เพื่อบริหารทางการเงิน

ภายในวงเงิน 90 ล้านบาท และไม่เกินกำไรสะสมของบริษัทฯ โดยจะซื้อหุ้นคืนจำนวนไม่เกิน 10 ล้านหุ้น

คิดเป็น 2.14% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ตั้งแต่วันที่ 9 ส.ค.นี้จนถึงวันที่ 8 ก.พ.2554 ทั้งนี้การซื้อ

หุ้นคืนจะต้องไม่เกิน 115 %ของราคาปิดของหุ้นเฉลี่ย 5 วันทำการซื้อขาย ก่อนหน้าวันที่ทำรายการซื้อหุ้นคืน

ขณะที่ ราคาหุ้นเฉลี่ยย้อนหลัง 30 วันทำการ ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.-19 ก.ค. 2553 เท่ากับ 7.46 บาทต่อ

หุ้น (Setsmarts)

o ผลกระทบเป็นบวก การซื้อหุ้นคืน ถือเป็นการบริหารการเงินอย่างหนึ่ง ที่บริษัทเห็นว่าราคาหุ้น

ของบริษัทตนเองยังต่ำเกินไป ข้อดีตามปัจจัยพื้นฐานคือ กำไรสุทธิต่อหุ้น และมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น จะเพิ่มขึ้น

จากจำนวนหุ้นที่น้อยลงนั่นเอง ส่วนทางด้าน sentiment คือ จะมีแรงซื้อหุ้นช่วยสนับสนุนไม่ให้ราคาหุ้นปรับ

ลดลงมาก ในช่วงที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลง ก่อนหน้านี้บริษัท KCE ได้เคยเปิดโครงการซื้อหุ้นคืนมาแล้วช่วงปี

51-52 และสิ้นสุดโครงการวันที่ 7 มิ.ย. 52 ปัจจุบันได้ขายคืนครบหมดแล้ว

o ยังคงคำแนะนำ ซื้อ เรื่องข้างต้นช่วยเสริมปัจจัยพื้นฐานเดิมที่ดีอยู่แล้ว คาดการณ์กำไรสุทธิ

2Q53 เป็น 160 ล้านบาท ยังคงเติบโตก้าวกระโดดเทียบกับ y-o-y ที่มีกำไรสุทธิเพียง 5 ล้านบาท สืบ

เนื่องจากยอดขายแผ่นพิมพ์วงจร (PCB) ที่สูงขึ้นมากเป็น 59 ล้านเหรียญสหรัฐ และอัตรากำไรขั้นต้นก็ดีขึ้น

เป็น 21.0% ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานใน 3Q53 จะกลับมาทำสถิติสูงสุดใหม่ได้อีกครั้ง เนื่องจากเข้า

สู่ฤดูกาลที่ยอดขายจะดีที่สุดในรอบปี เราชอบ KCE ในประเด็น 1) อัตราการเติบโตของกำไรสูง 2)

พยายามหาลูกค้าใหม่ๆที่มีศักยภาพและประสบผลสำเร็จ 3) ลูกค้าหลักเป็นยานยนต์ที่การเติบโตยังไปได้ดี 3)

คู่แข่งจีนมีต้นทุนที่สูงขึ้นทั้งเรื่องค่าแรงและหยวนที่แข็งค่า และ 4) การถือหุ้นเพิ่มในบริษัทย่อย คือ ไทยลามิ

เนตฯ (TLM) ซึ่งผลิตวัตถุดิบให้บริษัท ทำให้ในอนาคต KCE จะสามารถควบคุมเรื่องวัตถุดิบได้เป็นอย่างดี

กำหนดราคาพื้นฐานไว้ที่ 10.03 บาท ซึ่งประเมินด้วย P/E ปี 53 ที่ระดับ 7.0 เท่า ราคาปิดยังมีส่วน

เพิ่มได้อีก 15% เทียบกับราคาพื้นฐาน ส่วนคาดการณ์อัตราผลตอบแทนเงินปันผลงวดปี 53 อยู่ในเกณฑ์น่าพอ

ใจเป็น 4.9%

 

------------------------------------------------------------------------------

เอกสารฉบับนี้จัดทำโดยฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย)

จำกัด โดยอยู่บนพื้นฐานวิชาชีพการวิเคราะห์หลักทรัพย์ และอาศัยข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อว่าน่าเชื่อถือ

อย่างไรก็ตาม ผู้จัดทำไม่รับประกันความครบถ้วน และความถูกต้องของข้อมูลดังกล่าว ความคิดเห็นที่ผู้จัดทำ

แสดงในเอกสารฉบับนี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบ เอกสารฉบับนี้จัดทำเพื่อเป็นการ

เผยแพร่ข้อมูลโดยทั่วไปเท่านั้น คำแนะนำที่ปรากฎในเอกสารนี้ไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อชี้เฉพาะเจาะจงสำหรับ

การลงทุน และมิได้ทำขึ้นเพื่อแทนการตัดสินใจการซื้อขายหลักทรัพย์ของท่าน หรือเพื่อสถานการณ์ทางการ

เงิน ตลอดจนการลงทุนที่ต้องการการแนะนำโดยเฉพาะเจาะจง ซึ่งท่านควรขอรับคำแนะนำจากที่ปรึกษา

ด้านกฎหมายหรือจากที่ปรึกษาด้านการเงินต่างหาก ผู้จัดทำไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น หรือ

ที่เกิดขึ้นโดยตรง หรือเป็นผลต่อเนื่องที่อาจเกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นจากการใช้เอกสารนี้ หรือจากการติดต่อสื่อ

สารภายหลังเกี่ยวกับเอกสารนี้ เอกสารฉบับนี้มิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อการเสนอขาย และ/หรือชักจูงให้ซื้อ

หรือขายหลักทรัพย์ใดๆ บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กรรมการ เจ้าหน้าที่

และพนักงานของบริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด อาจดำรงตำแหน่ง หรือมีส่วน

ได้เสีย และอาจเข้าทำรายการเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ระบุในเอกสารฉบับนี้ รวมถึงอาจดำเนินการ

ในลักษณะเป็นตัวแทนนายหน้า ที่ปรึกษาทางการเงิน ที่ปรึกษาการลงทุน ผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ และ/หรือ

บริการทางการเงินหรือการลงทุนอื่นๆที่เกี่ยวกับบริษัทดังกล่าว ทั้งนี้การนำข้อมูลที่ปรากฏอยู่ในเอกสารฉบับนี้

ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนไปทำซ้ำ ดัดแปลง แก้ไข หรือนำออกเผยแพร่แก่สาธารณชน จะต้องได้รับความ

ยินยอมอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจากทางบริษัทก่อน--จบ--

 

TAPAC :แจ้งมติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล

 

--SET

ที่ TAPAC 11/2553

 

วันที่ 22 กรกฎาคม 2553

 

เรื่อง แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 5/2553

 

เรียน กรรมการและผู้จัดการ

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

 

ตามที่บริษัท ทาพาโก้ จำกัด (มหาชน) ได้มีการประชุมคณะกรรมการบริษัท

ครั้งที่ 5/2553 เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2553 บริษัทจึงขอแจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการ

บริษัทดังนี้

 

1. มีมติรับรองรายงานการประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 4/2553 ซึ่งได้

ประชุมเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2553

 

2. มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงานเดือน

พฤศจิกายน 2552 ถึงเดือนเมษายน 2553 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.05 บาท รวม

เป็นเงินจำนวน 4,600,000 บาท

โดยกําหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 9 สิงหาคม 2553 และ

รวบรวมรายชื่อตามมาตรา 225 ของ พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนในวันที่

10 สิงหาคม 2553 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 20 สิงหาคม 2553

 

 

จึงเรียนมาเพื่อทราบ

 

 

นายโสฬส ตั้งในธรรม

ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน

บริษัท ทาพาโก้ จำกัด (มหาชน)

--จบ--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

BOT:ธปท.มองศก.H2 มีแรงส่งต่อเนื่อง, ทยอยขึ้นดบ.อย่าง"ระมัดระวัง"

 

โดย กิติพงศ์ ไทยเจริญ , บุญทิวา วิชกูล

 

กรุงเทพฯ--22 ก.ค.--รอยเตอร์

 

ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) มองเศรษฐกิจไทยในครึ่งหลังปีนี้ ยังมีแรงส่ง

 

ต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก โดยเฉพาะการขยายตัวของการส่งออก ขณะที่การบริโภคไม่ได้รับ

 

ผลกระทบมากนักจากปัจจัยการเมือง และการลงทุนยังขยายตัวต่อไป

 

รวมทั้งภาครัฐยังอัดฉีดเงินเพื่อฟื้นเศรษฐกิจ ทำให้ ธปท.ยังสามารถทยอยปรับ

 

ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายได้อีก แต่ยังต้องทำอย่าง"ระมัดระวัง" เพื่อไม่ให้ตลาดตื่นตระหนก

 

"ถามว่า แล้วขึ้น(ดอกเบี้ย)ได้อีกไหม มันก็ได้ ถ้าเศรษฐกิจมันดีวันดีคืน

 

คนไข้แข็งแกร่งขึ้น ก็ยิ่ง need ยา dose น้อยลง" นางอัจนา ไวความดี รองผู้ว่าการ

 

ด้านบริหาร ธปท.กล่าวกับ"รอยเตอร์"

 

คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25%

 

มาที่ 1.50% เมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่ เม.ย.ปีก่อน

 

เพื่อลดแรงกดดันเงินเฟ้อ ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ

 

ขณะที่ กนง.เหลือการประชุมในปีนี้อีก 3 ครั้ง ในเดือนส.ค., ต.ค. และ ธ.ค.

 

โดยนักวิเคราะห์ 8 ใน 16 ราย ที่สำรวจโดยรอยเตอร์ก่อนหน้านี้ คาดว่า กนง.จะปรับ

 

อัตราดอกเบี้ยขึ้นอีก 0.25% ในการประชุมเดือนหน้า

 

แต่นางอัจนา ระบุว่า ธปท.จะระมัดระวังในการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อไม่ให้

 

ตลาดตื่นตระหนก และกระทบต่อเศรษฐกิจ โดยจะพิจารณาจากผลต่อเงินเฟ้อในระยะต่อไป

 

และการขยายตัวของเศรษฐกิจเป็นหลัก โดยไม่จำเป็นต้องขึ้นไปถึงระดับ 2% หรือกลับไป

 

อยู่ในระดับเดิม ที่ 3.75% ก่อนที่จะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ

 

"เราก็ระมัดระวังมากขึ้น...เราก็ควรจะค่อยๆทำ อย่าไปทำให้ตลาดตกอกตกใจ

 

หรือช็อค ถ้าเห็นว่าคนไข้อาการดีแล้ว ก็ค่อยๆลด(มาตรการทางการเงิน) ไปเรื่อยๆ แล้ว

 

ดูว่ามันมีผลยังไง การกระชาก การช็อค ไม่จำเป็นไม่ควรทำ" นางอัจนา กล่าว

 

เขา กล่าวว่า ไม่มีใครสามารถตอบได้ว่า อัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมจะอยู่ที่

 

ระดับใด เพราะระดับของอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม มีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ดังนั้น

 

จึงไม่สามารถตอบได้ว่า ดอกเบี้ยนโยบายจนถึงสิ้นปีนี้จะปรับขึ้นไปที่ 2% อย่างที่คาดการณ์

 

ไว้หรือไม่

 

"(ดอกเบี้ยนโยบาย) 2% สิ้นปี ต้องเป็นอย่างนั้นหรือไม่ ใครจะบอกได้ อาจ

 

เป็น 1.5 หรือ 2.5% ก็ได้ แล้วแต่ว่าเศรษฐกิจจากนี้ไป จะเป็นอย่างไร"นางอัจนา กล่าว

 

เขา มองด้วยว่า แรงกดดันของเงินเฟ้อจะเริ่มเพิ่มขึ้นในปี 54 ซึ่งเป็นผลจาก

 

การที่เศรษฐกิจเติบโตขึ้น รวมทั้งมาตรการบรรเทาค่าครองชีพประชาชนของรัฐบาลที่จะ

 

หมดอายุลง

 

**หวังภาคส่งออกหนุน

 

เขากล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในครึ่งหลังของปี ยังมีแรงส่งจากครึ่งปีแรก

 

เนื่องจากการส่งออกที่ยังขยายตัวได้ดี แม้เกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองเมื่อ

 

เดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเศรษฐกิจไทยพึ่งพาภาคส่งออกเป็นหลัก

 

นอกจากนั้น การบริโภคในประเทศ ยังไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากเหตุการณ์

 

ทางการเมือง โดยยังมีการจับจ่ายใช้สอยเป็นปกติในพื้นที่อื่นๆ ของประเทศ รวมถึงอัตรา

 

ดอกเบี้ยนโยบายที่แม้ปรับขึ้นมาที่ 1.50% ในขณะนี้ ยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำมาก

 

ส่วนการลงทุนภาคเอกชนนั้น การใช้กำลังการผลิตยังอยู่ในระดับสูงอย่าง

 

ต่อเนื่อง และโครงการขอรับการส่งเสริมการลงทุนผ่านบีโอไอ ยังมีจำนวนมาก ขณะที่

 

สภาพคล่องในระบบการเงินซึ่งอยู่ในระดับสูง และเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อของธนาคาร

 

พาณิชย์ ผ่อนปรนมากขึ้น จะเอื้อให้มีการลงทุนมากขึ้นในระยะต่อไป

 

นอกจากนี้ ฐานะทางการคลังของไทยที่ยังดีอยู่ และไม่มีปัญหาหนี้สาธารณะใน

 

ระดับสูง ก็ทำให้ยังมีช่องว่างในการใช้เงินงบประมาณ และนโยบายการคลัง กระตุ้น

 

เศรษฐกิจได้อีก หากการส่งออกชะลอตัวลง

 

"เศรษฐกิจปีนี้ เป็นการเปรียบเทียบจากก้นกะทะ มันก็ดูดี ปัญหาไม่ได้อยู่ที่

 

growth ปีนี้ อยู่ที่ growth ปีหน้ามากกว่า และช่วงที่เหลือของปีนี้ ก็ยังพอมี

 

momentum อยู่" นางอัจนา กล่าว

 

เขา กล่าวถึงกรณีที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) คาดการณ์

 

เศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัว 7-8% นั้นว่า มีความเป็นได้ เนื่องจาก หากเศรษฐกิจใน

 

ไตรมาส 2 3 และ 4 ในปีนี้ ไม่มีการขยายตัวเลย เมื่อเปรียบไตรมาสต่อไตรมาส

 

หลังไตรมาส 1/53 ขยายตัว 12% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เศรษฐกิจไทยในปี 53

 

ก็ยังจะขยายตัวในระดับกว่า 7% จนถึง 8%

 

เขายังมองว่า ปัญหาหนี้สาธารณะในกลุ่มประเทศยุโรป จะส่งผลกระทบต่อ

 

เศรษฐกิจไทยในวงจำกัด เนื่องจากสถาบันการเงินไทยไปลงทุนในพันธบัตรหรือสินทรัพย์

 

ในประเทศแถบนั้น ค่อนข้างน้อย

 

ขณะที่สัดส่วนการส่งออกสินค้าไทย ไปยังยูโรโซน ก็มีสัดส่วนไม่มาก อีกทั้ง

 

เห็นว่าโอกาสที่ปัญหาจากเศรษฐกิจจากยุโรป จะลุกลามจนทำให้เกิดการชะลอตัวอีกครั้ง

 

ของเศรษฐกิจโลก ยังมีความเป็นไปได้น้อย

 

อย่างไรก็ตาม นางอัจนา กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังยังมีความเสี่ยง

 

จากการส่งออกที่อาจปรับลดลงในครึ่งปีหลังเช่นกัน เนื่องจากการส่งออกที่ดีในครึ่งปีแรก

 

เกิดจากการสะสมสต็อกสินค้าเพิ่มขึ้น และการใช้นโยบายการเงินการคลังที่ผ่อนคลาย

 

เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของหลายประเทศในช่วงที่ผ่านมา

 

ดังนั้น หากแต่ละประเทศลดการสนับสนุนทางนโยบายการคลังลง ก็อาจจะส่ง

 

ผลกระทบต่อความต้องการบริโภคสินค้าและการส่งออกของไทยได้

 

ตามข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า มูลค่าการส่งออกของไทยในครึ่งแรกปีนี้

 

อยู่ที่ 9.31 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 36.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อน--จบ--

 

(โดย กิติพงศ์ ไทยเจริญ เรียบเรียง--บร--)

 

((kitiphong.taichareon@thomsonreuters.com;โทร.0-2648-9637;

 

ReutersMessaging:kitiphong.taichareon.reuters.com@reuters.net))

 

PTTEP ร่วงกว่า 3% หลังอินโดฯเตรียมเรียกค่าชดเชยเหตุทำน้ำมันรั่วไหล

 

กรุงเทพฯ--22 ก.ค.--รอยเตอร์

 

หุ้นบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP) ร่วงกว่า 3% ในการซื้อขาย

 

ภาคบ่าย หลังอินโดนีเซียจะเรียกร้องค่าชดเชยจาก PTTEP กรณีที่บริษัทในเครือได้ทำ

 

น้ำมันรั่วไหลลงสู่น่านน้ำของออสเตรเลีย และอินโดนีเซีย

 

ช่วงบ่ายหุ้น PTTEP ลดลง 4.50 บาท มาที่ 139.50 บาท ระหว่างวันราคา

 

หุ้นปรับลงต่ำสุดที่ 139 บาท ขณะที่ช่วงบ่ายดัชนีหุ้นไทยร่วงลง 0.38%

 

วันนี้ ประธานาธิบดีสุสิโล บัมบัง ยุดโฮโยโนของอินโดนีเซีย ระบุว่าอินโดนีเซีย

 

จะเรียกร้องค่าชดเชยดังกล่าวจาก PTTEP กรณีที่บริษัทย่อยได้ทำน้ำมันรั่วไหลลงสู่ทะเล

 

ติมอร์เป็นเวลากว่า 2 เดือน หลังจากที่มีการรั่วซึมในเดือนส.ค.52 และเกิดเหตุเพลิงไหม้

 

แท่นขุดเจาะน้ำมันเวสต์ แอตลาส ซึ่งตั้งอยู่นอกชายฝั่งออสเตรเลียตะวันตก

 

ขณะที่ นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการ

 

ผู้จัดการใหญ่ PTTEP กล่าวกับ"รอยเตอร์"ว่า บริษัทยังไม่ทราบเกี่ยวกับ ประเด็นการ

 

เรียกร้องค่าชดเชยดังกล่าว และไม่มีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ --จบ--

 

(โดย วิลาวัลย์ พงษ์พิทักษ์ เรียบเรียง--วพ--)

 

((wilawan.pongpitak@thomsonreuters.com;โทร.0-2648-9730;

 

Reuters Messaging:wilawan.pongpitak.reuters.com@reuters.net))

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ส.อ.ท.เผยดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมมิ.ย.ที่ 103.3 เพิ่มจาก 94.7 ในพ.ค.

 

กรุงเทพฯ--22 ก.ค.--รอยเตอร์

 

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม

 

ในเดือนมิ.ย.อยู่ที่ 103.3 จาก 94.7 ในเดือนพ.ค. นับเป็นการปรับเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ

 

4 เดือน หลังสถานการณ์ความรุนแรงทางการเมืองคลี่คลายลง

 

ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับมายืนเหนือ 100 จุดอีกครั้ง หลังจากที่

 

อยู่ในระดับต่ำกว่า 100 จุด ในช่วงเดือนเม.ย.และพ.ค.ที่มีเหตุไม่สงบทางการเมือง

 

ส.อ.ท.ได้สำรวจกลุ่มตัวอย่าง 1,075 ตัวอย่าง ครอบคลุม 39 กลุ่มอุตสาหกรรม

 

นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานส.อ.ท. กล่าวว่า การที่ดัชนีความเชื่อมั่น

 

ปรับตัวเพิ่มขึ้น เป็นการปรับเพิ่มขึ้นในองค์ประกอบดัชนีด้านยอดคำสั่งซื้อ ยอดขาย ปริมาณ

 

การผลิต และผลประกอบการ สืบเนื่องจากสถานการณ์ความรุนแรงทางการเมืองได้คลี่คลายลง

 

ประกอบกับ ความพยายามของรัฐบาลที่เดินหน้า ตามแผนปรองดองแห่งชาติให้เป็น

 

รูปธรรมมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน การค้าระหว่างประเทศของไทยช่วงที่ผ่านมา มีการขยายตัว

 

อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนให้ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการปรับตัวดีขึ้น

 

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นฯคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากระดับ

 

105.0 ในเดือนพ.ค.มาอยู่ที่ 105.7 ในเดือนมิ.ย.เนื่องจากผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรม

 

คาดการณ์ว่า ยอดคำสั่งซื้อ ยอดขาย ปริมาณการผลิตและผลประกอบการจะปรับตัวเพิ่มขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการณ์ยังมีความกังวลต่อยอดคำสั่งซื้อ และยอดขายใน

 

ต่างประเทศ จากความเปราะบางของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลก --จบ--

 

(โดย วิลาวัลย์ พงษ์พิทักษ์ เรียบเรียง--วพ--)

 

((wilawan.pongpitak@thomsonreuters.com;โทร.0-2648-9730;

 

Reuters Messaging:wilawan.pongpitak.reuters.com@reuters.net))

 

ส่งออกไปจีนเดือนมิ.ย.เติบโตชะลอเหลือร้อยละ 26.3...: ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

 

22 ก.ค.--ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

 

Distributor - Bisnews AFE

 

ปีที่ 16 ฉบับที่ 2883 วันที่ 22 กรกฎาคม 2553

 

ส่งออกไปจีนเดือนมิถุยายนเติบโตชะลอเหลือร้อยละ 26.3...ตามภาวะเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแรงลง

ฉบับส่งสื่อมวลชน

 

การส่งออกของไทยไปจีนในเดือนมิถุนายนเติบโตชะลอเหลือร้อยละ 26.3 จากช่วงเดียวกันของปี

2552 (YoY) หลังจากที่ขยายตัวเร่งขึ้นเป็นร้อยละ 39 ในเดือนพฤษภาคมก่อนหน้า (YoY) ส่งผลให้การ

ส่งออกไปจีนในช่วงครึ่งแรกของปีนี้เติบโตร้อยละ 47.8 (YoY) ลดลงจากไตรมาสแรกที่ขยายตัวถึงร้อยละ

70 การชะลอตัวของการส่งออกไปจีนในเดือนมิถุนายน สอดคล้องไปกับทิศทางการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน

ในไตรมาสที่ 2 ที่อ่อนแรงลง โดยอัตราขยายตัวลดลงเหลือร้อยละ 10.3 (YoY) จากไตรมาสแรกที่

เติบโตถึงร้อยละ 11.9 หากเทียบกับเดือนพฤษภาคมก่อนหน้า การส่งออกไปจีนในเดือนมิถุยายนยังคงขยาย

ตัวเป็นบวกที่ร้อยละ 1.41 (MoM)

ในเดือนมิถุนายนนี้ มูลค่าส่งออกไปจีนตกลงมาอยู่ในอันดับที่ 3 รองจากญี่ปุ่น และสหรัฐฯ ถือเป็น

เดือนแรกนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2552 ที่จีนครองอันดับที่ 1 มาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม หากไม่นับรวม

ตลาดส่งออกกลุ่มอาเซียนและสหภาพยุโรป จีนยังถือเป็นประเทศที่ไทยส่งออกไปมีมูลค่าสูงที่สุดในช่วงครึ่ง

แรกของปีนี้ ต่อเนื่องจากปี 2552 ที่ผ่านมา และการเติบโตของการส่งออกไปจีนยังมีอัตราสูงกว่าการส่ง

ออกรวมของไทยที่ขยายตัวร้อยละ 36.6 ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ (YoY) การส่งออกสินค้าสำคัญๆ ของไทย

ไปจีนในเดือนมิถุนายนล้วนเติบโตชะลอลงเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันกับปี 2552 ไม่ว่าจะเป็นเครื่อง

คอมพิวเตอร์/ส่วนประกอบ ยางพารา เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และผลิตภัณฑ์ยาง

ขณะที่การนำเข้าของไทยจากจีนในเดือนมิถุนายนยังคงเติบโตระดับสูงที่ร้อยละ 62.1 (YoY)

ต่อเนื่องจากเดือนพฤษภาคมก่อนหน้าที่เติบโตเป็นร้อยละ 66 (YoY) ส่งผลให้การนำเข้าจากจีนในช่วงครึ่ง

ปีแรกขยายตัวร้อยละ 58.2 โดยไทยมีมูลค่าขาดดุลการค้ากับจีนในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 1,320 ล้านดอลลาร์

สหรัฐฯ สูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2552 ที่มีมูลค่าขาดดุลการค้ากับจีน 382 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเห็นว่าการส่งออกของไทยไปจีนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้มีแนวโน้มเติบโต

ชะลอลง ส่วนหนึ่งเนื่องจากฐานเปรียบเทียบในปี 2552 ที่ทยอยปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง

เทียบกับครึ่งปีแรกที่มูลค่าส่งออกค่อนข้างต่ำตามเศรษฐกิจจีนที่ซบเซาจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก อีกส่วนหนึ่ง

เนื่องจากการเติบโตของเศรษฐกิจต่างประเทศที่ยังไม่มั่นคงนักโดยเฉพาะตลาดส่งออกในกลุ่มประเทศพัฒนา

แล้วอย่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปที่ต้องใช้นโยบายการคลังที่เข้มงวดขึ้นเพื่อพยุงฐานะการคลังที่อ่อนแอ

ขณะที่เศรษฐกิจตลาดส่งออกประเทศกำลังพัฒนามีแนวโน้มชะลอลงตามการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวด

ขึ้นเพื่อควบคุมภาวะเงินเฟ้อ ส่งผลให้แรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากภาคส่งออกของจีนอ่อนแรงลงไป และจะ

ทำให้จีนมีความต้องการนำเข้าชะลอลงตามไปด้วย ขณะที่เศรษฐกิจภายในจีนคาดว่าจะเติบโตชะลอลงตาม

มาตรการต่อเนื่องของทางการจีนที่ยังคงควบคุมภาวะฟองสบู่และความร้อนแรงทางเศรษฐกิจ แม้คาดว่าทาง

การจีนอาจไม่ใด้ใช้มาตรการเข้มงวดเพิ่มเติมมากนักเนื่องจากการเติบโตทงเศรษฐกิจที่ชะลอลงบ้างแล้ว

อย่างไรก็ตามคาดว่าผลของนโยบายที่ควบคุมการเติบโตของเศรษฐกิจจีนจะทำให้ความต้องการนำเข้าของ

จีนรวมทั้งการนำเข้าจากไทยเพื่อสนองความต้องการผลิตส่งออกและรองรับความต้องการของเศรษฐกิจภาย

ในจีนมีแนวโน้มอยู่ในภาวะชะลอตัวต่อเนื่อง โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้

 

ภาคส่งออกจีนมีแนวโน้มชะลอลง ทำให้ความต้องการนำเข้าเพื่อผลิตส่งออกอ่อนแรงลง

* แม้ภาคส่งออกของจีนในเดือนมิถุนายนยังเติบโตระดับสูงที่ร้อยละ 44 นับว่าสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน

กรกฎาคม 2551 ส่วนหนึ่งคาดว่าน่าจะเป็นผลจากผู้ส่งออกเร่งส่งออกก่อนที่มาตรการยกเลิกภาษีคืนสินค้าส่ง

ออกสินค้าโภคภัณฑ์หลายรายการมีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงเหล็กกล้า ผลิตภัณฑ์

ทองแดงสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์ยาง แป้งข้าวโพด และเอทานอล แต่คาดว่าในระยะต่อไปหลังจากมาตรการยก

เลิกภาษีคืนสินค้าส่งออกเหล่านี้มีผลบังคับใช้ จะส่งผลให้การส่งออกของจีนมีแนวโน้มชะลอลงในช่วงครึ่งปีหลัง

สัญญาณการอ่อนแรงของภาคส่งออกจีนสะท้อนจากดัชนีการจัดซื้อในภาคการผลิต (PMI) ของจีนในเดือน

มิถุนายน ซึ่งรวมถึงองค์ประกอบด้านยอดสั่งซื้อจากต่างประเทศ (export order) ที่ชะลอตัวติดต่อกัน 2

เดือน อาจแสดงให้เห็นถึงการส่งออกในเดือนถัดๆ ไปมีแนวโน้มชะลอลง ทำให้ความต้องการนำเข้าของจีน

เพื่อผลิตส่งออกอาจอ่อนแรงลงด้วย

* ภาคส่งออกของจีนยังมีปัจจัยเสี่ยงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าหลักอย่างสหรัฐฯ

สภาพยุโรป และญี่ปุ่นที่จำกัดการใช้จ่ายเพื่อควบคุมฐานะการคลังที่ย่ำแย่ รวมถึงอัตราการว่างงานที่อยู่ใน

ระดับสง ทำให้การฟื้นตัวของความต้องการบริโภคของหสหรัฐฯ สหภาพยุโรปและญี่ปุ่นมีข้อจำกัด ทำให้

แรงกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาคการบริโภคในประเทศเหล่านี้ลดลงไป ขณะที่ประเทศกำลังพัฒนาที่เป็นตลาดส่ง

ออกสำคัญของจีนอย่างกลุ่ม BRICs ได้แก่ อินเดีย รัสเซีย และบราซิล ที่ถือเป็นตลาดส่งออกที่จีนส่งออกไป

มีอัตราขยายตัวอยู่ในระดับสูงในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ แต่คาดว่าเศรษฐกิจตลาดประเทศกำลังพัฒนากลุ่ม

BRICs มีแนวโน้มอ่อนแรงลงเช่นกันตามนโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นของประเทศเหล่านี้เพื่อควบคุม

ภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้น โดยบราซิลปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นร้อยละ 10.25 จากระดับต่ำสุดที่อยู่ที่

ร้อยละ 8.75 ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ส่วนอินเดียปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งที่ 3 ในช่วงต้น

เดือนกรกฎาคมเพื่อต้านทานเงินเฟ้อที่เร่งขึ้น ทำให้คาดว่าการบริโภคในประเทศเหล่านี้มีแนวโน้มชะลอลง

ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

 

ภาคเศรษฐกิจภายในของจีนยังอ่อนแรงตามมาตรการเข้มงวดของทางการจีนเพื่อชะลอความร้อนแรงทาง

เศรษฐกิจ ... ส่งผลให้ความต้องการนำเข้าอ่อนแรงลง

* มาตรการควบคุมความร้อนแรงทางเศรษฐกิจของทางการจีนที่ควบคุมการปล่อยสินเชื่อ การลงทุน

ในภาคอสังหาริมทรัพย์ และอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานอย่างเข้มข้น ส่งผลให้ความต้องการนำเข้าสินค้าที่

เกี่ยวข้องชะลอลง โดยดัชนีสำคัญทางเศรษฐกิจภายในของจีนมีทิศทางชะลอลงไปในทางเดียวกันไม่ว่าจะ

เป็นการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร การผลิตภาคอุตสาหกรรม และยอดค้าปลีก รวมทั้งยอดสินเชื่อ ปริมาณเงิน

ในระบบ (M2) และราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ล้วนเติบโตชะลอลงในเดือนมิถุนายน เนื่องจากการใช้โยบายที่

เข้มงวดมากขึ้นของทางการจีนเพื่อควบคุมความร้อนแรงทางเศรษฐกิจและภาวะฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์

* การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเขตเมืองในช่วงครึ่งปีแรกที่เติบโตร้อยละ 25.5 (YoY) จากที่ขยาย

ตัวร้อยละ 25.9 ในช่วง 5 เดือนแรก (YoY) ส่วนผลผลิตในภาคอุตสาหกรรมในเดือนมิถุนายนขยายตัว

ร้อยละ 13.7 (YoY) ชะลอลงจากที่เติบโตร้อยละ 16.5 ในเดือนก่อนหน้า (YoY) ถือเป็นระดับต่ำที่สุด

นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2551 ยอดค้าปลีกในเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.3 (YoY) จากที่ขยายตัว

ร้อยละ 18.7 ในเดือนก่อนหน้า (YoY) โดยยอดขายรถยนต์นั่งในจีนซึ่งรวมถึงรถ SUV (Sport-Utility

Vehicles) และรถยนต์อเนกประสงค์ เติบโตต่ำที่สุดในรอบ 15 เดือน โดยขยายตัวร้อยละ 19 มีจำนวน

1.04 ล้านคัน ยอดขายรถยนต์รวมทั้งหมดเติบโตชะลอเหลือร้อยละ 23 มีจำนวน 1.41 ล้านคัน สาเหตุ

สำคัญเนื่องจากทางการจีนปรับขึ้นภาษีการซื้อรถยนต์ขนาดเล็ก

* ภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนชะลอลงต่อเนื่องทั้งราคาและยอดขายที่อ่อนแรงลง ราคาอสังหาริม

ทรัพย์ในเดือนมิถุนายนชะลอเหลือร้อยละ 11.4 (YoY) จากที่ขยายตัวร้อยละ 12.4 และร้อยละ 12.8

ในเดือนพฤษภาคม และเมษายน ตามลำดับ (YoY) และลดลงร้อยละ 0.1 เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม

ก่อนหน้า (MoM) ถือเป็นการชะลอตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 หลังจากที่ทางการจีนออกมาตรการเพิ่มเติม

เพื่อควบคุมฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ในเดือนเมษายน เช่น การเพิ่มอัตราขั้นต่ำของ Mortgage Rate

และการวางเงินดาวน์สำหรับการซื้อบ้านหลายหลัง ส่วนยอดขายอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งแรกของปีมีมูลค่า

1.98 ล้านล้านหยวน เติบโตร้อยละ 25.4 (YoY) ชะลอลงจากที่ขยายตัวร้อยละ 38.4 ในช่วง 5 เดือน

แรก และราคาที่ดินในเมือง 103 แห่งในจีนลดลงร้อยละ 9 ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ภาวะชะลอตัวของ

ภาคอสังหาริมทรัพย์ส่งผลให้ภาคเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องอย่างภาคก่อสร้างอ่อนแรงลงด้วย สะท้อนได้จาก

ปริมาณการนำเข้าวัตถุดิบสินแร่แหล็กและทองแดงในเดือนมิถุนายนที่ลดลงเป็นเดือนที่ 3

* ปริมาณเงินในระบบ (M2) ขยายตัวชะลอเหลือร้อยละ 18.5 (YoY) จากร้อยละ 21 ในเดือน

ก่อนหน้า (YoY) ถือเป็นอัตราต่ำที่สุดตั้งแต่เดือนธันวาคม 2551 ยอดสินเชื่อสกุลเงินหยวนในเดือนมิถุนายน

อยู่ที่ 603.4 พันล้านหยวน ลดลงจาก 639.4 พันล้านหยวนในเดือนพฤษภาคม ถือเป็นการปรับลดลงเป็น

เดือนที่ 3 สาเหตุสำคัญเนื่องจากมาตรการควบคุมการให้สินเชื่อของทางการจีนกับบางอุตสาหกรรมที่มีการ

ผลิตส่วนเกินและใช้พลังงานอย่างมาก ยอดปล่อยสินเชื่อรวมของจีนในช่วงครึ่งแรกของปีนี้อยู่ที่ 4.6 ล้าน

ล้านหยวน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 62 ของเป้าหมายสินเชื่อรวมทั้งปีที่ทางการจีนตั้งไว้ที่ 7.5 ล้านล้านหยวน

 

ถือว่าค่อนข้างเป็นไปตามเป้าหมายที่ทางการจีนต้องการให้ยอดปล่อยกู้ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้มีสัดส่วนร้อยละ

60 ของสินเชื่อทั้งปี ส่วนอีกร้อยละ 40 อยู่ในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งหากสินเชื่อของจีนเติบโตชะลอลงตามเป้า

หมายที่ทางการจีนตั้งไว้ดังกล่าว ประกอบกับภาคส่งออกของจีนมีแนวโน้มเติบโตชะลอลง เช่นกัน ก็จะส่งผล

ให้เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มเติบโตอ่อนแรงลงจากทั้งปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายใน

 

มาตรการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของจีนช่วยกระตุ้นความต้องการบริโภค-ลงทุนภายใน

* แม้ทางการจีนดำเนินนโยบายเข้มงวดมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมาเพื่อควบคุมการเติบโตทางเศรษฐกิจ

อย่างร้อนแรง แต่ทางการจีนได้ออกมาตรการหลายด้านตามนโยบายปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจของจีน

ซึ่งน่าจะช่วยกระตุ้นความต้องการบริโภคในจีนได้บ้างในช่วงที่เหลือของปีนี้ เช่น การให้เงินช่วยเหลือใหม่

มูลค่า 3,000 หยวน เพื่อช่วยกระตุ้นยอดขายรถยนต์ประหยัดพลังงาน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายอนุรักษ์สิ่งแวด

ล้อมและส่งเสริมพลังงานทดแทน โดยทางการจีนได้อนุมัติให้สำหรับรถ 71 รูปแบบ ที่จัดทำโดยผู้ผลิตรถยนต์

16 ราย ซึ่งคาดว่าน่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายรถได้ระดับหนึ่ง

* นอกจากนี้ ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมนี้ ทางการจีนได้ประกาศโครงการลงทุนใหม่ตามนโยบายการ

พัฒนาพื้นที่ภาคตะวันตกของจีนซึ่งปกติจะมีเงินลงทุนเพื่อพัฒนาตามนโยบายนี้เป็นประจำทุกปี และในปีนี้ถือเป็น

การครบรอบ 10 ปีของการดำเนินนโยบายพัฒนาภาคตะวันตก โดยทางการจีนได้ให้สนับสนุนเงินลงทุน

สำหรับโครงการลงทุนใหม่ในปีนี้รวม 682.2 พันล้านหยวน จำนวน 23 โครงการ ซึ่งสูงกว่าปีก่อนๆ ทั้ง

จำนวนและมูลค่าโครงการลงทุน นอกจากนี้ ทางการจีนยังวางแผนให้เงินสนับสนุนการซื้อรถยนต์และเครื่อง

ใช้ไฟฟ้าเพื่อกระตุ้นการบริโภคภายใน รวมทั้งให้สิทธิพิเศษด้านภาษิเงินได้นิติบุคคลสำหรับธุรกิจในพื้นที่ตะวัน

ตกที่ดำเนินธุรกิจในสาขาที่ทางการจีนมีนโยบายสนับสนุน โดยลดภาษีเงินได้นิติบุคคลเหลือร้อยละ 15 จาก

อัตราปกติที่อยู่ที่ร้อยละ 25 โครงการพัฒนาพื้นที่ภาคตะวันตกที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องนี้ตามแผนระยะยาว

นอกจากจะช่วยยกระดับความเจริญในจีนให้ทั่วถึงมากขึ้นแล้ว ยังคาดว่าจะช่วยกระตุ้นความต้องการที่เกี่ยว

ข้องกับโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่ได้รับเงินสนับสนุนตามแผนพัฒนาพื้นที่ตะวันตก ที่สำคัญ

ได้แก่ การก่อสร้างถนน รถไฟ สนามบิน โรงไฟฟ้า และแหล่งพลังงานใหม่ๆ ซึ่งจะทำให้จีนมีความต้องการ

บริโภคสินค้าที่เกี่ยวข้อง เช่น วัสดุก่อสร้างต่างๆ และมีแนวโน้มที่จะช่วยกระตุ้นความต้องการนำเข้าจากจีน

ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งไทยน่าจะเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับอานิสงส์จากการบริโภคที่สูงขึ้นของจีน

 

นโยบายของทางการจีนในช่วงที่เหลือของปีนี้ แรงกดดันการใช้นโยบายเข้มงวดเพิ่มเติมอาจบรรเทาลงไป

* เสถียรภาพด้านราคาของจีนปรับดีขึ้น โดยอัตราเงินเฟ้อในเดือนมิถุนายนที่วัดโดยดัชนีราคาผู้บริโภค

(CPI) ที่ชะลอเหลือร้อยละ 1.9 (YoY) จากร้อยละ 3.1 ในเดือนก่อนหน้า (YoY) ส่งผลให้อัตราเงิน

เฟ้อครึ่งปีแรกอยู่ที่ร้อยละ 2.6 (YoY) ซึ่งยังต่ำกว่าเป้าหมายทั้งปีที่ทางการจีนตั้งไว้ที่ร้อยละ 3.0 ส่วน

ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่มีทิศทางอ่อนแรงลงเช่นกัน โดยอยู่ที่ร้อยละ 6.4 ในเดือนมิถุนายน (YoY)

จากร้อยละ 7.1 ในเดือนก่อนหน้า (YoY) นอกจากนี้ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจที่อ่อนแรงลงทุกด้าน

สะท้อนถึงประสิทธิภาพของการดำเนินนโยบายที่เข้มงวดมากขึ้นของทางการจีนได้ระดับหนึ่ง คาดว่าจะทำให้

แรงกดดันต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของทางการจีนเพื่อควบคุมเงินเฟ้อและภาวะร้อนแรงทาง

เศรษฐกิจอาจบรรเทาลงไป ขณะเดียวกันภาคส่งออกของจีนมีแนวโน้มชะลอลงจากปัจจัยเสี่ยงหลายด้านใน

ช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ทำให้คาดว่าทางการจีนอาจปล่อยให้เงินหยวนแข็งค่าได้ไม่มากนักเพื่อช่วยภาค ส่งออก

แม้จีนจะต้องเผชิญแรงกดดันจากสหรัฐฯ ให้จีนปรับค่าเงินหยวนให้แข็งค่ามากขึ้นก็ตาม อย่างไรก็ตามจีนอาจ

ต้องเผชิญกับการถูกตอบโต้ทางการค้าจากประเทศคู่ค้าหลักอย่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป มากขึ้นเช่นกัน

ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญอีกประการของภาคส่งออกของจีนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

 

สรุป การส่งออกของไทยไปตลาดจีนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้มีแนวโน้มเติบโตชะลอลงจากครึ่งปีแรกที่

ขยายตัวร้อยละ 47.8 ส่วนหนึ่งเนื่องจากฐานเปรียบเทียบในช่วงครึ่งหลังปี 2552 ที่ปรับสูงขึ้น รวมทั้ง

ปัจจัยกดดันจากความอ่อนแรงของเศรษฐกิจภายในจีนตามนโยบายควบคุมความร้อนแรงทางเศรษฐกิจและ

ภาวะฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ทำให้ความต้องการนำเข้าของจีนอ่อนแรงลงตามการบริโภคและการลง

ทุนที่มีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่อง ภาคเศรษฐกิจภายในจีนทั้งภาคอสังหาริมทรัพย์ ภาคก่อสร้างและภาค

อุตสาหกรรมอย่างอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ชะลอลง ส่งผลให้สินค้าส่งออกของไทยไปจีนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

มีแนวโน้มอ่อนแรงลง ซึ่งเริ่มเห็นจากสินค้าส่งออกสำคัญๆ ไปจีนในเดือนมิถุนายนที่เริ่มชะลอตัว ได้แก่

ผลิตภัณฑ์ยาง ยางพารา เครื่องใช้ไฟฟ้า/ส่วนประกอบ ขณะที่ภาคส่งออกของจีนที่มีแนวโน้มชะลอลงในช่วงที่

เหลือของปีนี้จะส่งผลให้ควมต้องการนำเข้าของจีนจากไทยเพื่อใช้ผลิตส่งออกอ่อนแรงลงตามไปด้วย เช่น

คอมพิวเตอร์/ส่วนประกอบ พลาสติก เคมีภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจจีนยังมี

แรงกระตุ้นจากนโยบายภาครัฐที่มุ่งพัฒนาภาคตะวันตก และการสนับสนุนการใช้รถยนต์ประหยัดพลังงาน

ทำให้คาดว่าการบริโภคและการลงทุนภายในจีนยังมีแรงขับเคลื่อนให้เติบโตต่อไปได้

นอกจากนี้ปัจจัยเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของภาคส่งออกและเงินเฟ้อที่ชะลอลง ทำให้คาดว่าทางการ

จีนอาจจะชะลอการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นรวมถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย รวมทั้ง

การดำเนินนโยบายไม่ให้ค่าเงินหยวนแข็งค่าขึ้นมากนักเพื่อลดผลกระทบต่อภาคส่งออก คาดว่ามาตรการ

เหล่านี้ที่มุ่งเน้นการรักษาการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะช่วยให้เศรษฐกิจจีนยังมีความต้องการภายใน ซึ่งน่า

จะช่วยให้การส่งออกของไทยไปจีนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ยังเติบโตต่อไปได้ โดยคาดว่าอาจขยายตัวราว

ร้อยละ 12-16 (YoY) ชะลอลงจากที่เติบโตร้อยละ 47.8 ในช่วงครึ่งปีแรก (YoY) ส่งผลให้การส่งออก

ไปจีนทั้งปีอาจขยายตัวราวร้อยละ 25-30 โดยจีนยังถือเป็นตลาดส่งออกสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนการส่งออก

โดยรวมของไทย ตามอานิสงส์ของการเติบโตของเศรษฐกิจจีนที่คาดว่าน่าจะยังเติบโตได้ราวร้อยละ

9.5-10.0 เนื่องจากนโยบายที่นายกรัฐมนตรีของจีนได้ย้ำถึงการใช้นโยบายการคลังเชิงรุกและการใช้

นโยบายการเงินผ่อนคลายอย่างเหมาะสมในช่วงที่เหลือของปีนี้เพื่อรักษาเสถียรภาพการเติบโตทาง

เศรษฐกิจอย่างสมดุลและยั่งยืน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

BJC :ชี้แจงข่าวกรณีบริษัทสนใจจะยื่นประมูลซื้อกิจการห้างคาร์ฟูร์

 

--SET

วันที่ 22 กรกฎาคม 2553

 

เรื่อง ชี้แจงข่าวกรณีบริษัทสนใจจะยื่นประมูลซื้อกิจการห้างคาร์ฟูร์

 

เรียน กรรมการและผู้จัดการ

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

 

บริษัทขอเรียนชี้แจงว่า บริษัทสนใจที่จะเข้าร่วมประมูลซื้อกิจการ

ห้างคาร์ฟูร์ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรายละเอียด และเงื่อนไข ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับ

 

จึงเรียนมาเพื่อทราบ

 

ขอแสดงความนับถือ

บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน)

 

 

ธีรศักดิ์ นาทีกาญจนลาภ นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล

กรรมการ กรรมการ

--จบ--

 

Recovery vs. Crisis Watch : สถาบันวิจัยนครหลวงไทย

 

22 ก.ค.--สถาบันวิจัยนครหลวงไทย

 

Distributor - Bisnews AFE

 

Economic Update มูลค่าการส่งออกไทยเดือน มิ.ย. 2553 ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ตัวเลขการส่งออกของไทยประจำเดือน มิ.ย. 2553 มีมูลค่า 18,039 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัว

46.3% yoy ซึ่งถือได้ว่าเป็นการมูลค่าการส่งออกที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ของการส่งออกไทย ขณะที่ภาค

การนำเข้ายังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องโดยมีมูลค่า 15,716 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 37.9% yoy

ส่งผลให้ไทยเกินดุลการค้าเดือน มิ.ย. 2553 ที่ระดับ 2,322 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มากที่สุดในรอบ 13

เดือนหลังสุด ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีแรก ระหว่างเดือน ม.ค.-มิ.ย. 2553 มูลค่าส่งออกของไทยคิดเป็น

93,066 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 36.6% ภาคการนำเข้ามีมูลค่า 86,689

ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 51.7% ส่งผลให้ในช่วงครึ่งปีแรก ไทยเกินดุลการค้ารวม 6,378 ล้านดอลลาร์

สหรัฐฯ

การส่งออกของไทยในเดือน มิ.ย. ยังคงขยายตัวอย่างโดดเด่น ตามการฟื้นตัวของอุปสงค์ใน

ประเทศคู่ค้าหลัก ภาพรวมของภาคการค้าระหว่างประเทศของไทยในช่วง H1/53 ที่ผ่านมา ต้องถือได้ว่า

แนวโน้มโดยรวมมีการฟื้นตัวขึ้นได้อย่างโดดเด่น แม้ว่าในช่วงไตรมาสที่ผ่านมาจะโดนผลกระทบจากปัญหา

ทางการเมืองในประเทศบ้างก็ตาม โดยปัจจัยบวกหลักๆ SCRI มองว่ามาจากความแข็งแกร่งของระดับการ

ฟื้นตัวของภาคอุปสงค์ในประเทศคู่ค้าหลักที่มีการปรับตัวเร่งขึ้นอย่างชัดเจน หลังจากที่ในช่วงก่อนหน้ามีการ

ชะลอตัวลงค่อนข้างมากในช่วงของวิกฤติเศรษฐกิจ โดยที่ในเดือน มิ.ย. การส่งออกไปยังตลาดส่งออกหลัก

ของไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 โดยขยายตัวที่ระดับ 44.7% yoy ได้แก่ อาเซียน (5 ประเทศ)

51.2% สหรัฐฯ 37.9% ญี่ปุ่น 49.3% สหภาพยุโรป (15 ประเทศ) 36.9% ส่วนตลาดใหม่ส่งออกเพิ่มขึ้น

ต่อเนื่องเดือนที่ 10 ขยายตัว 47.8% เช่น ตะวันออกกลาง 24.3% แอฟริกา 8.3% ละตินอเมริกา 91.8%

ยุโรปตะวันออก 81.4% เอเชียใต้ 50.2% อินเดีย 44.4% จีน 26.3% และที่สำคัญการขยายตัวการขยาย

ตัวของภาคการส่งออกของไทยในช่วงที่ผ่านมา ยังคงเป็นการส่งออกกระจายไปในทุกกลุ่มการผลิต ทั้งใน

ด้านของภาค อุตสาหกรรม และเกษตรกรรม ซึ่งในภาพรวม SCRI มองว่าบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่ง และแนว

โน้มของภาคการส่งออกของไทยในช่วงที่เหลือของปีที่มีโอกาสจะปรับขยายตัวเป็นบวกได้อย่างต่อเนื่อง

โดยแนวโน้มในช่วงที่เหลือของปี SCRI มองว่าระดับการฟื้นตัวของภาคการส่งออกของไทยยังคงจะ

เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยได้ปัจจัยบวกทั้งจากในด้านของระดับราคาสินค้าในตลาดโลก โดยเฉพาะในส่วน

ของสินค้าเกษตรส่งออกของไทย อย่าง ข้าว ยางพารา ฯลฯ ที่คาดว่าจะมีการปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่นต่อ

เนื่อง ตามอุปทานที่มีการชะลอตัวลงค่อนข้างมากจากในปีก่อนหน้า เนื่องจากโดนผลกระทบจากภาวะอากาศ

ที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูกในหลายๆพื้นที่ทั่วโลก ประกอบกับมองว่าการฟื้นตัวของภาคอุปสงค์ใน

ประเทศคู่ค้าหลักของไทย จะยังคงส่งผลบวกให้มีการเร่งการนำข้าสินค้าจากต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง

โดยเฉพาะในหมวดการผลิตหลักๆของไทย อย่าง ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ ที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์โดย

ตรงจากการฟื้นตัวของการฟื้นตัวของภาคุปสงค์ในตลาดส่งออกหลักของไทย อย่างไรก็ตามคาดว่าถ้ามองถึง

การขยายตัวเมื่อเทียบกับในปีก่อนหน้า คาดว่าตัวเลขการขยายตัวของภาคการส่งออกจะเริ่มมีการชะลอตัว

ลงให้เห็นชัดเจนมากขึ้นตั้งแต่ในช่วง Q3/53 เนื่องจากฐานของการส่งออกสินค้าในหลายๆชนิดที่เริ่มมีการ

ฟื้นตัวในปีก่อนหน้า

โดยสรุป SCRI มีมุมมองต่อภาคการส่งออกของไทยเป็นบวกมากขึ้นจากในช่วงก่อนหน้า หลังจากตัว

เลขการส่งออกในช่วง H1/53 แสดงออกถึงการขยายตัวอย่างโดดเด่น โดยจากการประเมินในเบื้องต้นมี

โอกาสที่มูลค่าการส่งออกของไทยโดยรวมในปี 2553 จะปรับเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับในปีก่อนหน้าได้มากกว่า

25-30% เทียบกับประมาณการณ์ในช่วงก่อนหน้าที่ระดับ 22-25% ขณะที่ในด้านของภาคการนำเข้ามองว่าจะ

ขยายตัวอยู่ที่ระดับ 36-40% ส่งผลให้ไทยจะเกินดุลการค้าในปี 2553 ในระดับประมาณ 14-16 พันล้าน

ดอลลาร์สหรัฐฯ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ประจำวันที่ 22 ก.ค. 2553

 

ทั้งหมด 18 รายการ

 

ชื่อบริษัท ชื่อผู้บริหาร ความ

สัมพันธ์ * ประเภท

หลักทรัพย์ วันที่รับเอกสาร วันที่ได้มา/จำหน่าย จำนวน ราคา วิธีการได้มา/จำหน่าย หมายเหตุ

กรุงเทพประกันชีวิต บมจ.(BLA) ชาญ วรรธนะกุล ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 22/07/2553 20/07/2553 199,500 31.11 ขาย

กรุงเทพประกันชีวิต บมจ.(BLA) ชาญ วรรธนะกุล ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 22/07/2553 21/07/2553 200,000 30.31 ขาย

ดีเอสจี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) บมจ.(DSGT) ประพันธ์ อนุวงศ์นุเคราะห์ ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 22/07/2553 19/07/2553 50,000 9.85 ขาย

ดีเอสจี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) บมจ.(DSGT) ประพันธ์ อนุวงศ์นุเคราะห์ คู่สมรส หุ้นสามัญ 22/07/2553 19/07/2553 439,900 9.82 ขาย

ดีเอสจี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) บมจ.(DSGT) ประพันธ์ อนุวงศ์นุเคราะห์ คู่สมรส หุ้นสามัญ 22/07/2553 20/07/2553 165,300 9.92 ขาย

ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น บมจ.(TICON) พรเทพ พิศาลางกูร ผู้จัดทำ ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น3 22/07/2553 20/07/2553 50,000 0.65 ซื้อ

ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น บมจ.(TICON) พรเทพ พิศาลางกูร ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 22/07/2553 20/07/2553 30,000 10.60 ซื้อ

ปิโก (ไทยแลนด์) บมจ.(PICO) โชคชัย วัชรนิรันดร์กุล ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 22/07/2553 21/07/2553 50,000 3.30 ขาย

ปิโก (ไทยแลนด์) บมจ.(PICO) ศีลชัย เกียรติภาพันธ์ ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 22/07/2553 19/07/2553 60,000 3.19 ขาย

พฤกษา เรียลเอสเตท บมจ.(PS) วีระชัย งามดีวิไลศักดิ์ ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 22/07/2553 19/07/2553 87,500 23.00 ขาย

แพนเอเซียฟุตแวร์ บมจ.(PAF) ณรงค์ โชควัฒนา ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 22/07/2553 21/07/2553 50,000 1.03 ซื้อ

สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) บมจ.(SMT) พิทักษ์ ศิริวันสาณฑ์ ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 22/07/2553 19/07/2553 260,000 10.06 ซื้อ

สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) บมจ.(SMT) พิทักษ์ ศิริวันสาณฑ์ ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 22/07/2553 20/07/2553 50,000 10.10 ซื้อ

ห้องเย็นเอเชี่ยน ซีฟู้ด บมจ.(ASIAN) สมศักดิ์ อมรรัตนชัยกุล ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 21/07/2553 20/07/2553 28,100 3.96 ซื้อ

อาร์เอส บมจ.(RS) สุวัฒน์ เชษฐโชติศักดิ์ ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 22/07/2553 19/07/2553 1,600,000 2.54 ขาย

อาร์เอส บมจ.(RS) สุวัฒน์ เชษฐโชติศักดิ์ ผู้จัดทำ ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น 22/07/2553 19/07/2553 1,000,000 0.72 ซื้อ

อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท บมจ.(ESTAR) รัตนชัย ผาตินาวิน ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 22/07/2553 21/07/2553 150,000 0.61 ซื้อ

เอกรัฐวิศวกรรม บมจ.(AKR) วิวัฒน์ แสงเทียน ผู้จัดทำ หุ้นสามัญ 22/07/2553 22/07/2553 1,202,780 0.00 โอนออก

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บริษัท โพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) PTL

 

ไตรมาสที่ 1

ปี 2553 2552

 

กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 412,433 231,078

กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) 0.52 0.29

 

บริษัท ไทยบริติช ซีเคียวริตี้ พริ้นติ้ง จำกัด (มหาชน) TBSP

 

ไตรมาสที่ 2 งวด 6 เดือน

ปี 2553 2552 2553 2552

 

กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 10,943 19,489 25,727 39,459

กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) 0.99 1.77 2.34 3.59

 

ICBCT : ธนาคารไอซีบีซี (ไทย) จำกัด

Quarter 2 For 6 Months

Year 2010 2009 2010 2009

 

Net profit 139,261 108,306 249,149 205,087

EPS (baht) 0.09 0.10 0.16 0.19

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีครับ มะเช้าตั้งซื้อ KCE ไว้ แต่ซื้อไม่ได้ แอบเซ็ง คุณ TOUNE ครับ รบกวนถาม SAT นิดนึงครับ ผมมีนิดหน่อยประกาศปั่นผลมาแล้วยังนิ่งๆอยู่เลย กลุ่มนี้ก็นิ่งมาซักพักแล้วด้วย ทั้งๆที่ กลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ก็โต คุณ TOUNE คิดยังไงมั้งครับ มีอีกตัวครับ หุ้น PAP เหล็ก เห็นปั่นผลต้นปี นี่สุดยอดมากๆเลย ราคาใกล้ 2 บาทแล้วด้วย ขอบคุณครับ

ถูกแก้ไข โดย wanrapee

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สรุปข่าวหน้า 1 หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

 

 

ขึ้นออมทรัพย์ "กรณ์" นัดถกแบงก์พาณิชย์รับดอกเบี้ยเงินฝากอีกระลอก

"กรณ์" จี้ธนาคารขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ เตรียมนัดถกสมาคมธนาคารไทย

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า หลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)

ได้ขยับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้น 0.25% เป็น 1.5% ทำให้ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ทยอยขึ้นดอกเบี้ย

เงินฝากและเงินกู้ตาม แต่เงินฝากนั้นมีการปรับขึ้นเฉพาะเงินฝากประจำ ส่วนเงินฝากออมทรัพย์ยังคง

ดอกเบี้ยไว้ที่ 0.5%

 

เจริญรุกหนัก ควัก 9 พันล้านผุดรง.น้ำตาล

"เจ้าสัวเจริญ" ทุ่มงบ 9,000 ล้าน สร้างโรงงานน้ำตาลและโรงไฟฟ้าชีวมวลที่สุโขทัย

นายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ผวจ.สุโขทัย เปิดเผยว่า ขณะนี้นายเจริญ สิริวัฒนภักดี ประธานทีซีซี กรุ๊ป

เจ้าของธุรกิจเบียร์ช้าง ได้เตรียมลงทุนก่อสร้างโรงงานน้ำตาลทราย (สุโขทัย) และโรงไฟฟ้าชีวมวล

กว่า 9,000 ล้านบาท ที่หมู่ 1 ต.บ้างดงคู่ และหมู่9 ต.บ้านตึก อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย

 

3 มือถือปัดข้อเสนอคลัง

3 ค่ายมือถือไม่มั่นใจนโยบายเลิกสัญญาสัมปทานมือถือ 2จี เป็นไลเซนส์ หันลุยประมูล 3จี

ผู้บริหารบริษัทเอกชนผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้ง 3 รายต่างยืนยันว่าจะเข้าร่วมการประมูล

3จี ที่คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กทช.จะเปิดประมูลในเดือน ก.ย.นี้ มากกว่า

เดินตามแนวทางของกระทรวงการคลัง--

 

สรุปข่าวการเงิน หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

 

 

แบงก์รวยอู้ฟู่ ทั้งปี 3 แสนล. ไตรมาส 2 รับไปจุใจถึง 7.4 หมื่นล้าน

ธนาคารเก็บเกี่ยวรายได้ดอกเบี้ยเงินปันผลสุทธิไตรมาส 2 จุใจ 7.4 หมื่นล้าน คาดทั้งปีโกย

รายได้ดอกเบี้ยเบาะๆ 3 แสนล้าน

รายงานข่าวจากธนาคารพาณิชย์ แจ้งว่า ธนาคารพาณิชย์ 13 แห่งที่จดทะเบียนในตลาดหลัก

ทรัพย์ได้เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ที่ผ่านมามีรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิรวมกัน 7.48

หมื่นล้านบาท หรือเฉลี่ยแล้วเติบโต 14.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีรายได้ดอกเบี้ยและเงิน

ปันผลรวม 6.54 หมื่นล้านบาท จะเห็นว่าเพิ่มขึ้นถึง 9,400 ล้านบาท

 

เอเชียประกันเน้นพอเพียง ปีหน้าขย่มแน่

เอเชียประกันยืดได้หดได้ ปีนี้ดูแลเงินกองทุน ทำธุรกิจแบบพอเพียง ลั่นปีหน้ากลับมาบุกต่อ

คลอดกรมธรรม์ 999 บาท

นายนิค จันทรวิทุร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชียประกันภัย 1950 เปิดเผยว่า ผลดำเนิน

งานในช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมา บริษัทสามารถทำเบี้ยประกันได้ 550 ล้านบาท และคาดว่าในช่วง

สิ้นปีจะได้เบี้ยเพียง 1,300 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของบริษัทที่ไม่ต้องการจะบุกตลาดมาก

จนเกินไป เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเรื่องเงินกองทุนที่มีอยู่ในปัจจุบันติดลบ

 

อย่าเคลิ้มครึ่งปีหลังศก.ไทยยังเสี่ยง จุฬาฯ-ธปท.เห็นพ้องเติบโตได้ "จีน-สหรัฐ" ส่อเจอมรสุมใหญ่

แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังฟื้นแบบมีความเสี่ยง แนะจับตา สหรัฐ-จีน

นายสมภพ มานะรังสรรค์ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผย

ถึงภาวะเศรษฐกิจของประเทศในช่วงครึ่งปีหลังว่า ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงที่ควรต้องใช้ความระมัดระวัง

เนื่องจากประเทศไทยพึ่งพาการส่งออกที่ตลาดโลกยังคงมีความไม่แน่นอน ว่า จะสามารถฟื้นตัวได้อย่าง

เต็มที่หรือไม่ โดยเฉพาะเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาและประเทศจีน

 

ธอส.ใจถึงพึ่งได้ ชู 0% นาน 6 เดือน

ธอส.กระตุ้นสินเชื่อบ้าน ออกโครงการดอกเบี้ยพิเศษ 0% นาน 3-6 เดือน

นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า

ธนาคารได้จัดโครงการสินเชื่อบ้านดอกเบี้ยพิเศษ โดยให้กู้เพื่อซื้อบ้าน ปลูกสร้าง ต่อเติม ซ่อมแซม

ไถ่ถอน และกู้เงินเพิ่ม สำหรับลูกค้ารายย่อยทั่วไปและลูกค้าสวัสดิการ โดยจะคิดดอกเบี้ยต่ำ 0% เป็น

เวลา 3 เดือน--

 

สรุปข่าวหุ้น-ตลาดทุน หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

 

slc ฟลอร์ตื่นสอบ ตลาดฯ ยันตรวจทุกตัวที่ผิด tmb ร่วงมอบตัวตามคาด

ตลาดหลักทรัพย์ ก.ล.ต. ร่วมกันตรวจสอบหุ้นร้อนสกัดราคาหุ้นร่วงระนาว slc ตื่นทิ้งฟลอร์สนิท

ตลาดยันไม่เลือกปฏิบัติ

หุ้นร้อน-หุ้นแสบวงแตก นักลงทุนวิ่งหนีกันกระเจิง ชิงขายทำกำไรเก็บเงินสดไว้ก่อน หลังตลาดหลัก

ทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ออกมาเตือนให้นักลงทุนระมัดระวังการลงทุนหุ้นธนาคารทหารไทย (tmb)

ซึ่งก็ได้ผลทันตา เห็นราคาร่วงรับข่าวนี้ทันที และลงไปปิดต่ำสุดของวันที่ 1.90 บาท ลบ 0.18 บาท หรือ

8.65% แต่มูลค่าการซื้อขายยังมากถึง 1,946 ล้านบาท และยังมีผลให้หุ้นที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องถูกขายทำ

กำไร เช่น cpf (เจริญโภคภัณฑ์อาหาร) ปิด 23.70 บาท ลดลง 0.40 บาท

 

sat ทุ่มลงทุนรถยนต์โต 3ปี ใช้ 3.5 พันล้านโตทุกปี 10% ah ปีนี้หมดขาดทุนปันผลได้

sat อัดงบลงทุนหนุนโตกระโดด คาด 3 ปีใช้เงิน 3,500 ล้านบาท เพิ่มกำลังผลิต ด้าน ah ยิ้มรับ

อานิสงส์รถขายดีเต็มๆ ลุ้นขาดทุนหมด

หุ้นหมวดยานยนต์คึกคัก นำโดย บริษัท อาปิโก ไฮเทค (ah) บวก 0.40 บาท ปิดที่ 11.40 บาท

นอกจากใกล้จะเป็นไท พ้นเกณฑ์วางเงินสดทั้ง 100% ก่อนสั่งซื้อหุ้น (แคชบาลานซ์) ในวันที่ 23 ก.ค.นี้

เป็นวันสุดท้ายแล้ว ยังรับข่าวดีจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ออกมาระบุว่า อุตสาหกรรมยานยนต์

ในเดือน มิ.ย.2553 มีอัตราการเติบโตที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งในด้านการส่งออก-การผลิตและล่าสุด

ได้ปรับเป้าหมายการผลิตรถยนต์ในปีนี้

 

'age' ไปนอกขายถ่านหินจีน ปีหน้ารับพันล.

age เตรียมโกอินเตอร์ ศึกษาส่งออกถ่านหินไปขายจีน คาดสร้างรายได้ปีหน้า 1,000 ล้าน ส่วน

ราคาครึ่งปีหลังยังขึ้นได้อีก 10-20%

นายพนม ควรสถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี (age) เปิดเผยว่า

บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ที่จะส่งออกถ่านหินจากอินโดนีเซียไปขายยังประเทศจีน เพราะ

เห็นความต้องการใช้ถ่านหินมีจำนวนมากจนเกิดการขาดแคลน ซึ่งถ้ามีโอกาสทางธุรกิจก็จะรับรู้รายได้ถึง

1,000 ล้านบาท ในปีหน้า หรือคิดเป็นปริมาณขายถ่านหิน 3-4 หมื่นตันต่อเดือน

 

ซื้อหุ้นเครือปตท.มองข้ามช็อตไปปีหน้า

หุ้นกลุ่ม ปตท. ดำดิ่งเกือบทั้งหมด pttep โดนอินโดนีเซียจ้องฟ้องเรียกค่าเสียหาย เหตุมอนทารา

bcp เก่ง ภัทรเชียร์ให้เป้า 21.6 บาท top ถูกลดประมาณการกำไรปีนี้ pttar ฟื้น

หุ้นกลุ่ม ปตท.ยังไม่พ้นวิบากกรรม ล่าสุด บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (pttep) มีข่าว

ว่าจะถูกรัฐบาลอินโดนีเซียฟ้องเรียกค่าเสียหาย กรณีการรั่วไหลของน้ำมันจากแหล่งมอนทาราใน

ออสเตรเลียไปสู่น่านน้ำอินโดนีเซีย ทำให้ราคาหุ้นในช่วงบ่ายร่วงลงแรงถึง 139 บาท ก่อนดีดขึ้นมาปิดที่

141 บาท ลดลง 3 บาท และบริษัท ปตท. (ptt) ก็ถูกขายต่อมาปิดที่ราคา 242 บาท ติดลบ 3 บาท

 

กลต.เตือนกองอสังหาฯ ประเมินมูลค่าทรัพย์สินตามจริง แฉพบบลจ.ลักไก่ใช้ราคาสูงสุด

ก.ล.ต.เฮี้ยบ ร่อนหนังสือเตือน บลจ.ประเมินทรัพย์สินกองทุนอสังหาริมทรัพย์ตามจริง อย่าลักไก่ใช้

ราคาประเมินค่าทรัพย์สินสูงสุด

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ออกหนังสือเวียนไปถึงบริษัท

หลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) และนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน เรื่องการประเมินค่าและการสอบ

ทานการประเมินค่าทรัพย์สินของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์

 

บัวหลวงคลอด ทริกเกอร์ 11% ตั้งเป้า 18 เดือน

บลจ.บัวหลวง ติดใจ "ทริกเกอร์ 15%" ยอดขายทะลุเป้า เข็นกองใหม่ "ทริกเกอร์ 11%" ออก

ขายตั้งเป้ากำไร 11% ภายใน 18 เดือน

นายวศิน วัฒนวรกิจกุล กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม

(บลจ.) บัวหลวง เปิดเผยว่า เตรียมเปิดขายกองทุนเปิดบัวหลวงทริกเกอร์ 11% ซึ่งเป็นกองทุนผสมที่ไม่

กำหนดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นโดยกำหนดอัตราผลตอบแทนเป้าหมายและระยะเวลาการลงทุนชัดเจน ซึ่งจะ

พยายามสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนให้ถึงเป้าหมาย 11% ภายใน 18 เดือน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สรุปข่าวการตลาด หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

 

ปรับเป้าผลิตรถ 1.56 ล.คัน สูงสุดในประวัติศาสตร์การผลิต หลังยอดขายในปท.-ส่งออกพุ่ง

กลุ่มยานยนต์ปรับเป้าการผลิตรถยนต์ทั้งปีเพิ่มอีก 1.6 แสนคัน เป็น 1.56 ล้านคัน สูงสุดนับตั้งแต่

ประเทศไทยเริ่มผลิตรถในปี 2504

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า กลุ่มอุตสาหกรรมได้ปรับเป้าหมายการผลิตรถยนต์ปี 2553 เพิ่มอีก 1.6 แสนคัน

เป็น 1.56 ล้านคัน หรือ 56.16% ซึ่งเป็นยอดผลิตที่สูงที่สุดตั้งแต่ไทยเริ่มผลิตรถยนต์ในปี 2504

 

ไอ.พี.ฯ ทุ่มงบรับกำลังซื้อฟื้น ลุยตลาด "แดนซ์โคโลญ" ใหม่ ดันยอดขายรวมสิ้นปีโตได้ 8%

ไอ.พี.เทรดดิ้ง รุกหนักกลุ่มนัน-ฟู้ด รับกำลังซื้อฟื้น ประเดิมเท 60 ล้านทำตลาด "แดนซ์ โคโลญ"

โฉมใหม่หวังสิ้นปีโต 8%

นายพิชิต นาคะยืนยงสกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด (นัน-ฟู้ด) บริษัท ไอ.พี.เทรดดิ้ง ผู้ทำตลาดสินค้า

อุปโภคของใช้ส่วนบุคคล (เพอร์ซันนัลแคร์) อาทิ แดนซ์ โฟกัส น้ำยาปรับผ้านุ่มไฮยีน น้ำยาทำความสะอาด

ห้องน้ำ วิกซอล เปิดเผยว่า ในครึ่งปีหลังนี้บริษัทจะรุกจัดกิจกรรมการตลาดสินค้ากลุ่มนัน-ฟู้ด มากขึ้นกว่าใน

ช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมา

 

ฟ้าใสแกลลอรี่ เล็งเพิ่ม 4 สาขา ห้าง-สนามบิน

สพภ.เล็งดันร้านฟ้าใส แกลลอรี่ เข้าห้าง-สนามบิน เพิ่มรายได้ให้ชุมชน

นายอภิวัฒน์ เศรษฐรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน)

หรือสพภ. เปิดเผยว่า สพภ.มีนโยบายที่จะขยายการจัดตั้งศูนย์แสดงผลิตภัณฑ์ชุมชน "ฟ้าใส แกลลอรี่" เพิ่ม

อีก 4 แห่งในปี 2554 โดยจะเน้นทำเลที่มีผู้คนผ่านจำนวนมาก อาทิ ศูนย์การค้า และสนามบินนานาชาติ

เนื่องจากขณะนี้มีผลิตภัณฑ์ชุมชนที่นำแสดงในร้านฟ้าใส แกลลอรี่ ที่ศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ จำนวนมาก

จนพื้นที่ไม่เพียงพอ

 

ไอบิสอัดแคมเปญสู้ 5 ดาวดัมพ์ราคา

โรงแรมไอบิสอัดแคมเปญถี่ ดึงสื่ออนไลน์เจาะกลุ่มลูกค้าคนไทยเพิ่ม สู้ศึกโรงแรมหรู ดัมพ์ราคาชน

นายเอราวัณ มาเอะ ผู้บริหารผู้จัดการทั่วไป กลุ่มโรงแรมไอบิส ประเทศไทย เปิดเผยว่า โรงแรม

ได้ปรับกลยุทธ์การตลาดในครึ่งปีหลัง โดยมุ่งให้ความสำคัญกับตลาดนักท่องเที่ยวคนไทยเพิ่มขึ้น เพื่อสร้าง

แบรนด์และภาพลักษณ์ให้มีความแข็งแกร่งในตลาดคนไทย รวมถึงขยายฐานตลาดในประเทศ จากปัจจุบันที่มี

สัดส่วนราว 20% ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 40% ในปีหน้า--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สรุปข่าวหน้า 1 หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

 

บ.มือถือเดินหน้าร่วมประมูล'3จี'ไม่รอแนวทางแปรสัมปทาน เอกชนหวั่นหนีเสือปะจระเข้ขอความ

ชัดเจนเงื่อนไข"นที"ติงคลังสร้างความสับสน ยันเดินหน้าประมูล

เอกชนลังเล ข้อเสนอคลังอัพเกรด 2จี แลกใบอนุญาต "ทรู" หวั่นหนีเสือปะจระเข้ ต้องจ่าย

หนักกว่าเดิม ขอรายละเอียด-ข้อมูล ค่าใช้จ่าย-การจัดการทรัพย์สิน เอไอเอส-ดีเทค เห็นด้วยอัพ

เกรดเทคโนโลยี แต่ห่วงเรื่องการจัดสรรคลื่น ติงข้อมูลยังไม่ชัด ทุกรายประกาศมุ่งคว้าใบอนุญาต 3จี

จาก กทช. "ไอซีที" แจง 28 ก.ค. ได้ความชัดเจน เปลี่ยนสัมปทาน 2จี เป็นใบอนุญาต พร้อมยันไม่

กระทบกำหนดประมูล 3จีใหม่ ติง สคร.อย่าแตกประเด็นสร้างความสับสน ขณะที่ "ฟิทช์" ห่วงแปลง

สัญญาทำหนี้ค่ายมือถือเพิ่ม

 

เฟดเตือนศก.สหรัฐไม่แน่นอนธปท.ห่วงส่งออกครึ่งหลังชะลอ

"เบอร์นันเก้" เตือนแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐไม่แน่นอนอย่างผิดปกติ ระบุเฟดพร้อมใช้มาตรการ

เพิ่มหากการฟื้นตัวไม่ต่อเนื่อง"แบงก์ชาติ" หวั่นครึ่งปีหลังภาคการส่งออกชะลอ แนะจับตาเศรษฐกิจโลก

ชี้ยังมีความเสี่ยงอยู่ จับตาจีนเตรียมออกมาตรการชะลอความร้อนแรงของเศรษฐกิจ

 

เวทีสื่อหนุน'ปฏิรูปสื่อรัฐ'แปลง'ช่อง11'เปิดยุคเสรี

องค์กรวิชาชีพสื่อ หนุนรัฐบาลเริ่มต้นกระบวนการปฏิรูปสื่อรัฐเดินหน้าแปลงสภาพ"องค์การมหาชน

ช่อง 11" ตัดขาดอำนาจการเมืองคุมนโยบายสื่อของประชาชน ชี้เทคโนโลยีใหม่ กระตุ้นองค์กรสื่อ

ปฏิรูปตัวเอง ระบุกระแส "โซเชียล มีเดีย" เกิดสื่อบุคคลจ้องตรวจสอบสื่อกระแสหลัก แนะปฏิรูป

การศึกษาควบคู่ เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันในการบริโภคสื่อ เป็นการเตรียมพร้อมเพื่อปฏิรูปสังคม--

 

สรุปข่าวเศรษฐกิจ การเงิน หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

 

'ดั๊บเบิ้ลเอ'โชว์กำไร 583 ล้านรับยอดขายพุ่ง

ดั๊บเบิ้ล เอ ฉลองครบ 10 ปี ของการสร้างแบรนด์ ด้วยผลประกอบกำไรสุทธิพุ่งขึ้นกว่า 40

เท่าในไตรมาสแรก โดยมีกำไรสุทธิ 583 ล้านบาท เหตุยอดจำหน่ายกระดาษเพิ่มสูงขึ้นทั้งในและ

ต่างประเทศโดยเฉพาะการเพิ่มยอดจำหน่ายในตลาดยุโรป ออสเตรเลีย และตลาดตะวันออกกลาง

และมีแผนออกหุ้นกู้ล็อตสองในเร็วๆ นี้

 

ตลาดสอบลึกปั่นหุ้น'โซลูชั่น'พบเป็นกลุ่มที่ตลาดเกาะติดพฤติกรรม คาดใช้เวลารวบรวมหลักฐานไม่เกิน

2เดือน ชี้หากพบผิดกฎหมายส่ง ก.ล.ต.เชือดทันที

ตลาดตรวจสอบปั่นหุ้นโซลูชั่นคอนเนอร์หลังวอลุ่ม-ราคาผิดปกติกดราคาหุ้นทรุดติดฟลอร์เผย

นักลงทุนที่เข้าซื้อขายเป็นกลุ่มที่ตลาดติดตามพฤติกรรมอยู่ขอเวลาไม่เกิน 2 เดือนรวบรวมหลักฐาน ชี้

หากพบผิดกฎหมายส่งก.ล.ต.เชือดต่อ ส่วนกรณีทหารไทย-ซีพีเอฟ เป็นแค่การเก็งกำไรธรรมดา ด้าน

ผู้บริหาร คาดดีลซื้อนสพ.ฐานเศรษฐกิจลากยาวเป็นปีหน้า หลังจากศาลล้มละลายกลางรับคำร้องขอฟื้นฟู

กิจการ

 

แบงก์เปิดไตรมาส2/53'ค่าธรรมเนียม'โต16%

ผ่ารายได้ค่าธรรมเนียมแบงก์ ทั้งระบบไตรมาส 2/2553 ยังเพิ่มขึ้น 16% ประธานสมาคมแบงก์

เร่งผลักดันโครงสร้างค่าธรรมเนียมใหม่ คาดแล้วเสร็จในไตรมาส 3 อาจลดได้จากค่าธรรมเนียมโอน

ข้ามเขตพร้อมเผยแนวโน้มรายได้ดอกเบี้ยอาจปรับลดลงได้ในช่วงที่เหลือของปี

 

ไทยประกันชีวิตเล็งครึ่งปีหลังลงทุนหุ้นกู้-บอนด์เพิ่ม 4พันล.

ไทยประกันชีวิต กำเงินสดเล็งซื้อหุ้นกู้กับพันธบัตรครึ่งปีหลังอีก กว่า 4 พันล้านบาท เผย 6

เดือนผลตอบแทนจากการลงทุนเฉลี่ยทำได้ 4.8% จากเม็ดเงินลงทุน 1.3 แสนล้านบาท คาดว่าทั้งปีขยับ

4.9% พอร์ตลงทุนเพิ่มเป็น 1.4 แสนล้านบาท ในขณะที่เอเชียประกันภัยออกกรมธรรม์ใหม่ เร่งยอดสิ้นปี

ส่วนผลงานครึ่งปีโตลด 21%--

 

สรุปข่าวหุ้น การเงิน หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

 

เอเชียกรีนเปิดแผนปีนี้บุกตลาดจีน เหตุความต้องการใช้ถ่านหินพุ่ง คาดส่งขายจีนสร้างรายได้ 1,000

ล้านบาทต่อปี

เอเชีย กรีน เอนเนอจี เดินหน้าบุกจีนปีนี้หลังเห็นความต้องการใช้ถ่านหินพุ่ง คาดขายถ่านหินไป

จีน 3-4 หมื่นตันต่อเดือน สร้างรายได้ 1 พันล้านบาทต่อปี พร้อมคงเป้ารายได้ทั้งปี 2.6 พันล้านบาท

แม้ครึ่งปีหลังราคาถ่านหินส่งสัญญาณพุ่งขึ้นอีก 10-20%

 

เอ็กซิมแบงก์โชว์ครึ่งปีแรกกำไร146ล้าน

เอ็กซิมแบงก์ โชว์มีกำไรสุทธิครึ่งแรกปีนี้ 146 ล้านบาทจากเป้าหมายกำไรสุทธิทั้งปีกำหนดไว้ที่

230 ล้านบาท พร้อมเผยสินทรัพย์ ณ สิ้นเดือนมิ.ย. 2553 มีมูลค่า 63,199 ล้านบาท

 

'เคทีบีลีสซิ่ง'คงดอกเบี้ยอีก 3 เดือน

นายธีระยุทธ ตันตราพล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจส่วนบุคคล บริษัท เคทีบี ลิสซิ่ง

เปิดเผยว่า บริษัทยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยซึ่งจะคงไปอีก 2-3 เดือน แม้จะส่งผลให้ส่วนต่างดอกเบี้ยลดลงก็ตาม

เพราะจัดสัดส่วนต้นทุนกับการปล่อยสินเชื่อไว้ในระดับที่ดี หากต้องขึ้นดอกเบี้ย ก็จะขยับเล็กน้อย เพื่อไม่

ให้กระทบลูกค้าโดยดอกเบี้ยเช่าซื้อรถเฉลี่ยอยู่ที่ 2.1% ต่อปี และดอกเบี้ยสินค้าอุปโภคเริ่มต้นที่ 0.99%

ต่อเดือน

 

สรุปข่าวธุรกิจการตลาด หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

 

'องอาจ'สั่งสคบ.ดูกม.ฟันอสังหาฯเอาเปรียบลูกค้า

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานคณะ

กรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยว่า ตนได้ให้นโยบายเชิงรุกแก่สคบ.ในการให้ข้อมูล

ความรู้แก่ผู้บริโภคที่ซื้อบ้านในโครงการจัดสรร เนื่องจากที่ผ่านมาสถิติการร้องเรียนมาที่สคบ.ค่อนข้างสูง

และคาดว่าการมอบรางวัลโครงการ "บ้านติดดาวสคบ." น่าจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นให้

ผู้ประกอบการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม

 

สสปน.จี้ธุรกิจไมซ์ใช้มอก.สู้วิกฤติคงเป้าหมายรายได้ปีนี้4.5หมื่นล.

สสปน. เร่งเอกชนธุรกิจไมซ์ใช้ มอก. 22300-2551 สร้างภูมิคุ้มกันรับมือกับวิกฤติในอนาคต

ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง ภัยธรรมชาติ พร้อมจัดงบช่วยค่าใช้จ่าย 75% เชื่อว่าอนาคตช่วยให้ไทยเป็น

ศูนย์กลางเอเชียเผยสถานการณ์ล่าสุดอีเวนท์เริ่มกลับมา ประกาศคงเป้ารายได้ปีนี้ 4.5 หมื่นล้านบาท

นักเดินทางกว่า 6.3 แสนคน

 

6 เดือนผลิตรถโตเฉียด100% กลุ่มอุตฯยานยนต์ปรับเป้าเพิ่ม11% ส่งออกพุ่งทุกตลาดดันยอดทะลุ 2.9

แสนล้านบาท

ยอดผลิตรถยนต์ครึ่งปีแรกขยายตัว 97% หลังตลาดทั้งในและต่างประเทศเติบโตต่อเนื่องด้านส่ง

ออกรวมจักรยานยนต์ทำรายได้เกือบ 3 แสนล้านบาท กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ฯปรับตัวเลขประมาณ

การผลิตเพิ่ม 1%

 

ฟิวเจอร์ฯรังสิตโหมบิ๊กอีเวนท์ปลุกซื้อครึ่งหลัง

ฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต ระดม 7 อีเว้นท์ใหญ่ 70 กิจกรรมย่อยกระทุ้งกำลังซื้อครึ่งปีหลัง หวังดึง

ลูกค้าหมุนเวียนเพิ่ม 10% ประเดิมงาน"ดิจิตอล เอ็กซ์โป"

 

เชียงใหม่อัดแคมเปญแกรนด์เซลดึงนักเที่ยงหวังเงินสะพัด 500 ล้าน

เชียงใหม่ กระหน่ำแคมเปญ นาน 2 เดือนจัดแกรนด์เซล โรงแรม สปา ซิตี้ทัวร์ สนามกอล์ฟ

ราคาเดียวทุกสนาม หวังฟื้นบรรยากาศท่องเที่ยว สร้างกระแสเงินสะพัด 500 ล้าน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...