ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ราคาพันธบัตรปิดลดลงขณะหุ้นพุ่ง -- ราคาพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปิดลดลงในวันจันทร์

ขณะที่การดีดตัวขึ้นของตลาดหุ้นลดความต้องการพันธบัตร และหักล้างข่าวเชิงลบเกี่ยวกับ

ตลาดบ้าน ทั้งนี้ ราคาพันธบัตรอายุ 10 ปีปิดลดลง 11/32 มาที่ 104-17/32 โดยมี

ผลตอบแทน 2.966% ส่วนราคาพันธบัตรอายุ 30 ปีปิดลดลง 30/32 มาที่ 106-22/32

โดยมีผลตอบแทน 3.990%

 

ดอลล์ร่วงหลังดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐลดเกินคาด -- ดอลลาร์ร่วงลงเมื่อเทียบ

กับยูโรในวันจันทร์ ขณะที่ความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านสหรัฐร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 15 เดือน

ซึ่งเพิ่มความวิตกว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐกำลังชะลอลง ทั้งนี้ ณ เวลา 1613 gmt

ดอลลาร์อยู่ที่ 86.710 เยน เทียบกับระดับปิดวันศุกร์ที่ 86.590 เยน ส่วนยูโรอยู่ที่

1.2952 ดอลลาร์และ 112.32 เยน เทียบกับระดับปิดวันศุกร์ที่ 1.2930 ดอลลาร์และ

111.92 เยน

 

ตลาดหุ้นแข็งแกร่งหนุนน้ำมันดิบปิดบวก 53 เซนต์ -- ราคาน้ำมันดิบในตลาด

ล่วงหน้า nymex ปิดตลาดบวกขึ้นในวันจันทร์ หลังจากปิดตลาดในแดนลบนานติดต่อกัน

3 วัน ขณะที่บริษัทบางแห่งเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่แข็งแกร่ง ซึ่งช่วยหนุน

ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทและทำให้นักลงทุนคาดหวังในทางบวกต่ออุปสงค์น้ำมันในอนาคต

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนส.ค.บวกขึ้น 53 เซนต์ หรือ 0.7 % มาปิดตลาดที่

76.54 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

ทองแตะจุดต่ำสุดรอบเกือบ 2 เดือนจากแรงขายทางเทคนิค -- ราคาทองที่

ตลาดสหรัฐปิดปรับลงในวันจันทร์ หลังจากที่แตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 เดือน โดย

ถูกกดดันจากแรงขายทางเทคนิค และในขณะที่ความเชื่อมั่นที่อ่อนแอในภาคที่อยู่อาศัย

ของสหรัฐ ลดความน่าดึงดูดใจของทองในฐานะเครื่องมือประกันความเสี่ยงเงินเฟ้อ

ทั้งนี้ ราคาทองส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาด comex ปิดลดลง 6.30 ดอลลาร์ ที่

1,181.90 ดอลลาร์/ออนซ์ และราคาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ปิดร่วงลง

24.50 เซนต์ ที่ 17.543 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนที่ตลาด nymex ราคาพลาตินั่มส่งมอบ

เดือนต.ค.ปิดบวก 1.00 ดอลลาร์ ที่ 1,513.10 ดอลลาร์/ออนซ์ และ

ราคาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ปิดลดลง 4.70 ดอลลาร์ ที่ 443.90 ดอลลาร์/ออนซ์

__________________

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีครับพี่ TOUNE ผมเองก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เล่นหุ้นตั้งแต่อายุยังน้อย(ยังเรียนไม่จบครับ) ความรู้ก็ยังน้อยครับ กะจะค่อยๆสั่งสมไปเรื่อยๆ ซึ่งพอมาได้อ่านแนวทางการเล่นหุ้นแบบVI แล้วสนใจมากครับ(ติดตามมาตั้งแต่กระทู้ หุ้น+ข่าว+ทอง+บทความ+กองทุน ตอนอยู่เวปเก่าแล้วครับ แต่ไม่ได้สมัครสมาชิกตอนนั้นกะอ่านอย่างเดียว) แต่ยังสงสัยว่าถ้าเราลงทุนแบบ VI แล้ว เราจะทำอย่างไรในเวลาที่ตลาดลงมากๆ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าแค่เกิดการ panic หรือว่าเศรษฐกิจเริ่มจะเกิดวิกฤตอีกแล้ว เพราะตลาดหุ้นนั้นมักจะขึ้นลงก่อนสภาพเศรษฐกิจจริงจะสะท้อนออกมา (แต่ถ้าเรารอให้แน่ใจเราก็อาจจะออกไม่ทันใช่มั้ยครับ) ขอความรู้/ความเห็นหน่อยนะครับ ขอบคุณครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

SET ปิดตลาดที่ระดับ 833.01 จุด บวก 2.61 จุด

 

 

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ประจำวันที่ 20 กรกฏาคม 2553

ปิดตลาดที่ระดับ 833.01 จุด บวก 2.61 จุด (+0.31%)

มูลค่าการซื้อขายรวม 18,231.02 ล้านบาท

 

 

ดัชนี SET 100 ปิดช่วงเช้าที่ระดับ 1,242.89 จุด บวก 3.91 จุด (+0.32%)

ดัชนี SET 50 ปิดช่วงเช้าที่ระดับ 565.24 จุด บวก 2.02 จุด (+0.36%)

ดัชนี MAI ปิดช่วงเช้าที่ระดับ 239.33 จุด บวก 2.30 จุด (+0.97%)

 

 

 

หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ดังนี้

หลักทรัพย์ มูลค่า(“000 บาท) ล่าสุด เปลี่ยนแปลง(%)

TMB 1,664,493 2.08 +0.04 (+1.96%)

PTT 812,186 249.00 +2.00 (+0.81%)

BBL 788,413 132.00 +2.50 (+1.93%)

CPF 744,518 23.50 -0.30 (-1.26%)

PTTAR 709,670 23.80 -0.70 (-2.86%)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีครับพี่ TOUNE ผมเองก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เล่นหุ้นตั้งแต่อายุยังน้อย(ยังเรียนไม่จบครับ) ความรู้ก็ยังน้อยครับ กะจะค่อยๆสั่งสมไปเรื่อยๆ ซึ่งพอมาได้อ่านแนวทางการเล่นหุ้นแบบVI แล้วสนใจมากครับ(ติดตามมาตั้งแต่กระทู้ หุ้น+ข่าว+ทอง+บทความ+กองทุน ตอนอยู่เวปเก่าแล้วครับ แต่ไม่ได้สมัครสมาชิกตอนนั้นกะอ่านอย่างเดียว) แต่ยังสงสัยว่าถ้าเราลงทุนแบบ VI แล้ว เราจะทำอย่างไรในเวลาที่ตลาดลงมากๆ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าแค่เกิดการ panic หรือว่าเศรษฐกิจเริ่มจะเกิดวิกฤตอีกแล้ว เพราะตลาดหุ้นนั้นมักจะขึ้นลงก่อนสภาพเศรษฐกิจจริงจะสะท้อนออกมา (แต่ถ้าเรารอให้แน่ใจเราก็อาจจะออกไม่ทันใช่มั้ยครับ) ขอความรู้/ความเห็นหน่อยนะครับ ขอบคุณครับ

ตอบคำถามนะครับ

ที่จริงทั้ง vi และ สาย technique จะให้ความสำคัญเศรษฐกิจเชิงมหภาคน้อยทั้งคู่ vi ให้ความสำคัญบ้างแต่ไม่มากเท่าตัวหุ้น ส่วน technique ไม่ได้ให้ความสำคัญกับทั้ง 2 เรื่องเลย เพียงแต่ดูกราฟ กราฟให้ซื้อก็ซื้อ ให้ขายก็ขาย มีเพียงนักลงทุนสายข่าวที่ให้ความสำคัญเศรษฐกิจเชิงมหภาคมากๆ ที่จริงให้ความสำคัญกับข่าวสารทุกเรื่อง คือซื้อขายตามข่าวนั้นเอง

 

โดยในทางทฤษฏี vi จะเชื่อว่า ถ้าบริษัทที่เราถือแข่งแกร่งอย่างแท้จริง เมื่อมีการปรับฐาน หุ้นของเราก็จะไม่ลงหรือลงน้อยมาก หรือถ้าหุ้นที่เราถือลงจริงๆ เค้าก็ไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไร เพราะันั้นหมายถึงโอกาสซื้อที่รอมานานมาถึงแล้ว ถ้าอ่านแนวทางการลงทุนของนักลงทุนเอกของโลกหลายคนที่ผมเคยลงไว้ จะเห็นว่า หลายคนจะซื้อก็ต่อเมื่อตลาดมี panic เท่านั้น สำหรับพวกเค้าแล้ว ขึ้นก็โอกาส ลงก็โอกาส ไม่จำเป็นต้องกังวล หลายคนมีช่วงการถือครองหุ้นยาวนานมาก อย่าง Buffet ถืออย่างน้อย 5 ปี 10ปี ในช่วงเวลาที่เค้าถือแน่นอนต้องเผชิญกับการปรับฐานของตลาดหลายครั้งการปรับฐานที่ใช้เวลาเดือนหรือ 2 เดือนถือว่าแทบไม่ได้มีผลอะไรกับภาพใหญ่ กับการถือหุ้นมีระยะเป็น 10ปี

 

เศรษฐกิจเริ่มจะเกิดวิกฤต?

จะรู้ได้อย่างไร? ผมต้องบอกก่อนว่า ไม่เคยถือหุ้นผ่านทั้งวิกฤตต้มยำกุ้งและวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ (เริ่มลงทุนหลังจากน้ำมันปรับตัวลงแรงมากในเดือนตค 51ได้2-3 เดือนซึ่งวิกฤตกำลังจะจบแล้ว) ไม่เคยสัมผัสกับอารมณ์ตอนนั้นเลยไม่รู้ซึ้งว่ามันโหดร้ายแค่ไหน อย่างไรก็ดี ถ้าจะลองเปรียบเทียบวิกฤตทั้ง 2 ให้เห็นถึงความต่าง ตอนวิกฤตต้มยำกุ้งเหตุเกิดจากบ้านเราแล้วลามไปทั่วโลก จะเห็นว่าตลาดหุ้นบ้านเราหลังวิกฤตซึมอยู่นานหลายปี แต่วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ตลาดเราขึ้นแรงทันทีหลังจากวิกฤต เพราะอะไร?

เพราะมันไม่ได้มีเหตุมาจากเรานั้นเอง เราไม่ได้มีปัญหาเศรษฐกิจ

คิดว่าคงกลัว วิกฤตยูโรโซนใช่ไหมครับ? กำลังจะบอกว่า ถ้าปัญหาไม่ได้มีสาเหตุมาจากเรา เมื่อเกิดวิกฤตเราอาจจะลง แต่เราน่าจะฟื้นตัวได้เร็วเช่นกัน

 

ที่จริงจะบอกว่ามีแผนสำรองไว้จับสัญญาณเศรษฐกิจอยู่เหมือนกัน คือตอนนี้พยายามกระจายหุ้นที่ถือออกไปทั่วๆหลายกลุ่มธุรกิจ สมมุติฐานนี้ตั้งอยู่บนแนวคิดที่ว่า มหภาค คือผลรวมของจุลภาคหลายๆกลุ่มรวมกัน ถ้าหากมีการผิดปรกติของจุลภาคหลายๆกลุ่ม นั้นอาจส่งสัญญาณว่ามหภาคมีปัญหา อย่างไรก็ยังไม่เคยทดลองว่าวิธีนี้จะได้ผลจริงๆ มันจะรู้ก็ต่อเมื่อเกิดวิกฤตรอบหน้าครับ

ถูกแก้ไข โดย TOUNE

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

TCAP บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน)

 

สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน

งบการเงินรวม

ไตรมาสที่ 2 งวด 6 เดือน

ปี 2553 2552 2553 2552

 

กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 1,368,529 743,797 2,711,912 2,934,236

กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) 1.07 0.58 2.12 2.29

 

ICBCT ธนาคารไอซีบีซี (ไทย) จำกัด (มหาชน)

 

สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน

งบการเงินรวม

ไตรมาสที่ 2 งวด 6 เดือน

ปี 2553 2552 2553 2552

 

กำไรสุทธิ 129,982 108,306 249,149 205,087

กำไรสุทธิต่อหุ้น (บาท) 0.09 0.10 0.16 0.19

 

TMB ทหารไทย

งบการเงินรวม

ไตรมาสที่ 2 งวด 6 เดือน

ปี 2553 2552 2553 2552

 

กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 886,089 393,060 1,592,934 829,238

กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) 0.02 0.01 0.04 0.02

 

 

บริษัทเงินทุน กรุงเทพธนาทร จำกัด (มหาชน) BFIT

(หน่วย : พันบาท)

สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน

งบการเงินรวม

ไตรมาสที่ 2 งวด 6 เดือน

ปี 2553 2552 2553 2552

 

กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 23,549 (16,492) 41,128 (24,657)

กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) 0.12 (0.08) 0.21 (0.12)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผมจะทะยอยถอนกองทุน SET50 ออกจนเหลือต่ำกว่า 50% ครับ

ดูอาการมันแปลกๆ ถือเยอะเกินไปก็เสี่ยงมาก บริหารความเสี่ยงครับ

 

กองทุนไม่ใช้หุ้น ยังไงก็ต้องดูเส้นแนวโน้มเหมือนกัน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณคุณต่วน คุณฝน และคุณไนซ์ คุณ ok ค่ะ !thk !thk !thk

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตอบคำถามนะครับ

ที่จริงทั้ง vi และ สาย technique จะให้ความสำคัญเศรษฐกิจเชิงมหภาคน้อยทั้งคู่ vi ให้ความสำคัญบ้างแต่ไม่มากเท่าตัวหุ้น ส่วน technique ไม่ได้ให้ความสำคัญกับทั้ง 2 เรื่องเลย เพียงแต่ดูกราฟ กราฟให้ซื้อก็ซื้อ ให้ขายก็ขาย มีเพียงนักลงทุนสายข่าวที่ให้ความสำคัญเศรษฐกิจเชิงมหภาคมากๆ ที่จริงให้ความสำคัญกับข่าวสารทุกเรื่อง คือซื้อขายตามข่าวนั้นเอง

 

โดยในทางทฤษฏี vi จะเชื่อว่า ถ้าบริษัทที่เราถือแข่งแกร่งอย่างแท้จริง เมื่อมีการปรับฐาน หุ้นของเราก็จะไม่ลงหรือลงน้อยมาก หรือถ้าหุ้นที่เราถือลงจริงๆ เค้าก็ไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไร เพราะันั้นหมายถึงโอกาสซื้อที่รอมานานมาถึงแล้ว ถ้าอ่านแนวทางการลงทุนของนักลงทุนเอกของโลกหลายคนที่ผมเคยลงไว้ จะเห็นว่า หลายคนจะซื้อก็ต่อเมื่อตลาดมี panic เท่านั้น สำหรับพวกเค้าแล้ว ขึ้นก็โอกาส ลงก็โอกาส ไม่จำเป็นต้องกังวล หลายคนมีช่วงการถือครองหุ้นยาวนานมาก อย่าง Buffet ถืออย่างน้อย 5 ปี 10ปี ในช่วงเวลาที่เค้าถือแน่นอนต้องเผชิญกับการปรับฐานของตลาดหลายครั้งการปรับฐานที่ใช้เวลาเดือนหรือ 2 เดือนถือว่าแทบไม่ได้มีผลอะไรกับภาพใหญ่ กับการถือหุ้นมีระยะเป็น 10ปี

 

เศรษฐกิจเริ่มจะเกิดวิกฤต?

จะรู้ได้อย่างไร? ผมต้องบอกก่อนว่า ไม่เคยถือหุ้นผ่านทั้งวิกฤตต้มยำกุ้งและวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ (เริ่มลงทุนหลังจากน้ำมันปรับตัวลงแรงมากในเดือนตค 51ได้2-3 เดือนซึ่งวิกฤตกำลังจะจบแล้ว) ไม่เคยสัมผัสกับอารมณ์ตอนนั้นเลยไม่รู้ซึ้งว่ามันโหดร้ายแค่ไหน อย่างไรก็ดี ถ้าจะลองเปรียบเทียบวิกฤตทั้ง 2 ให้เห็นถึงความต่าง ตอนวิกฤตต้มยำกุ้งเหตุเกิดจากบ้านเราแล้วลามไปทั่วโลก จะเห็นว่าตลาดหุ้นบ้านเราหลังวิกฤตซึมอยู่นานหลายปี แต่วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ตลาดเราขึ้นแรงทันทีหลังจากวิกฤต เพราะอะไร?

เพราะมันไม่ได้มีเหตุมาจากเรานั้นเอง เราไม่ได้มีปัญหาเศรษฐกิจ

คิดว่าคงกลัว วิกฤตยูโรโซนใช่ไหมครับ? กำลังจะบอกว่า ถ้าปัญหาไม่ได้มีสาเหตุมาจากเรา เมื่อเกิดวิกฤตเราอาจจะลง แต่เราน่าจะฟื้นตัวได้เร็วเช่นกัน

 

ที่จริงจะบอกว่ามีแผนสำรองไว้จับสัญญาณเศรษฐกิจอยู่เหมือนกัน คือตอนนี้พยายามกระจายหุ้นที่ถือออกไปทั่วๆหลายกลุ่มธุรกิจ สมมุติฐานนี้ตั้งอยู่บนแนวคิดที่ว่า มหภาค คือผลรวมของจุลภาคหลายๆกลุ่มรวมกัน ถ้าหากมีการผิดปรกติของจุลภาคหลายๆกลุ่ม นั้นอาจส่งสัญญาณว่ามหภาคมีปัญหา อย่างไรก็ยังไม่เคยทดลองว่าวิธีนี้จะได้ผลจริงๆ มันจะรู้ก็ต่อเมื่อเกิดวิกฤตรอบหน้าครับ

ขอบคุณครับ ^_^

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ใครหนอชั่งใจร้ายทุบเซ็ทเรา ตอนเช้าเห็นกำไร 4000 ตอนเย็นเหลือ 1400 !_18

เริ่มสงสัยตัวเองว่าจะเป็นแนว VI ไหวไหม เห็นกำไรวิ่งขึ้นวิ่งลงทุกวัน !87

เย็นไว้หนอเรา !21 !21 !21

ถูกแก้ไข โดย Nicegold

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดัชนีปิดร่วง 5.99 จุด PDF Print E-mail

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดที่ 824.41 จุด ลดลง 5.99 จุด หรือ 0.72% ณ เวลา 16.42 น. มีมูลค่าการซื้อขาย 35,113.51 ล้านบาท

 

หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่

1.TMB ปิดที่ 2.04 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย 2,599.14 ลบ.

2.CPF ปิดที่ 23.30 บาท ลดลง 0.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,233.32 ลบ.

3.PTTAR ปิดที่ 23.00 บาท ลดลง 1.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,509.36 ลบ.

4.BBL ปิดที่ 132.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,507.96 ลบ.

5.PTT ปิดที่ 246.00 บาท ลดลง 1.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,347.34 ลบ.

 

ส่วน วันนี้ดัชนีตลาด mai ปิดที่ 239.54 จุด เพิ่มขึ้น 2.51 จุด หรือ 1.06%

และ SET50 Index ปิดที่ 559.09 จุด ลดลง 4.13 จุด หรือ 0.73%

ด้าน SET100 Index ปิดที่ 1228.89 จุด ลดลง 10.09 จุด หรือ 0.81%

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ใครหนอชั่งใจร้ายทุบเซ็ทเรา ตอนเช้าเห็นกำไร 4000 ตอนเย็นเหลือ 1400 !_18

 

_013.gif

on_063.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หนีได้ก็รีบหนีสักก่อนนะครับ ขอเตือนสัญญาณ SET เข้าเขต overbought

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หนีได้ก็รีบหนีสักก่อนนะครับ ขอเตือนสัญญาณ SET เข้าเขต overbought

กองทุนเผ่นแล้วครับ แตตอนขาย่ไม่คิดว่าจะลงเยอะแบบนี้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แต่แปลกดีครับ ฝรั่งเค้าก็ รับหุ้น เหมือนรายย่อยบ้านเราด้วยแฮะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...