หุ้น การวิเคราะห์เชิงพื้นฐาน

[TOUNE 169]

ความเห็นส่วนตัว

MACO เป็นหุ้นตกสำรวจ ซึ่งผมพึ่งศึกษาได้ไม่กี่ชม ก่อนเขียนบทความอันนี้ ซึ่งอยู่ในกลุ่มธุรกิจที่ผมเคยบอกว่าจะไม่วิเคราะห์ (เพราะไม่ชอบ) มันมาสะดุดตาผมเมื่อวานนี้หลังจากพึ่งได้ไล่ดู งบ Q1 ของหุ้นที่ตกสำรวจ MACO มีงบที่ดูแล้วสะดุดตา เลยต้องจับมาวิเคราะห์ซะหน่อย ปัจจุบันหุ้นดีๆราคายังไม่สูงหาค่อนข้างยาก MACO ก็เป็น 1 ในตัวที่เหลืออยู่

 

ซึ่งในปี 52 ที่ผ่่านอุตสาหกรรมโฆษณารวมๆ มีอัตราที่ลดลง -5.11% และ +.11% ในครึ่งปีแรกและครึ่งปีหลัง MACO โดยรวมๆ ผลประกอบการของในปี 52 เค้าไม่ได้ลดลงจากปี 51 เลย แสดงถึงความแข่งแกร่งในระดับหนึ่ง ผมคิดว่ามีสาเหตุมาจาก พื้นที่ครอบครอง ตำแหน่งป้ายโฆษณาของเค้า ซึ่งเน้น กทม และ ปริมลฑล ที่สำคัญตาม รถไฟฟ้า BTS และ รถไฟใต้ดิน ซึ่งผมเห็นประจำ (ต่อม้อรถไฟฟ้า BTS)ตามห้าง ก็ยังคงเห็นการโฆษณาต่อเนื่อง ซึ่งในปีนี้ ผมเชื่อเศรษฐกิจที่พึ้นตัวของประเทศไทย จะส่งผลให้ธุรกิจนี้ดีไปด้วย

 

นอกจากตำแหน่งแล้ว การใช้สื่อโฆษณาที่ทันสมัย โดยการร่วมทุนกับบริษัทผลิตสื่อป้ายโฆษณาชั้นนำของอังกฤษ ก็ส่งผลดีน่าจะช่วยเพิ่มมูลค่าเพิ่มให้สื่อของ MACO

 

ไม่รู้ว่าการชุมนุมที่ แถว Central world ทำให้สื่อ ของบริษัทเสียหายไปบ้างรึเปล่า เพื่อนๆที่ผ่านไปแถวๆนั้น ฝากไปสำรวจด้วย ถ้าเสียหายคงต้องมีการจ่ายค่าซ่อม และขาดรายได้จากจุดนี้ไปซักระยะนึง ไอ้จอ LED หน้า central world นี้มันอันไหนกันนะ คิดไม่ออก?

 

ความเห็นส่วนตัว

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

ถูกแก้ไข กรกฎาคม 16, 2010 โดย TOUNE

[TOUNE 169]

ปอดรวมโตขึ้นอีก 10% อย่างง่ายดายภายใน 2 วัน

รวมตั้งแต่ต้นปี ทะลุ 60% เป้าปีปรับเพิ่มเป็น 80%

STPI ขึ้น 17.45% SPALI ขึ้น 6.09% TCCC ขึ้น 3.61% CPF +7.01% CFRESH 2.59% MLINK 5.19% AP +5% MCS 4.97% SNC 2.68%

 

SPALI หุ้นดีไม่ลง จริงแบบที่บอกไหมครับ เมื่อวานเหมือนจะลงแต่กลัับขึ้นมาเป็น เสมอตัว วันนี้วิ่งต่ออีกแล้วอย่างรวดเร็ว

 

STPI กำไรรวมทะลุ +200% SPALI อีก 2ช่อง ก็ทะลุ 100% เช่นกัน TCCC จ่อ 100% แล้วเหมือนกัน

[โอเค 31]

SET ปิดตลาดที่ระดับ 828.64 จุด บวก 7.62 จุด

 

 

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ประจำวันที่ 16 กรกฏาคม 2553

ปิดตลาดที่ระดับ 828.64 จุด บวก 7.62 จุด (+0.93%)

 

 

ดัชนี SET 100 ปิดช่วงเช้าที่ระดับ 1,236.19 จุด บวก 11.68 จุด (+0.95%)

ดัชนี SET 50 ปิดช่วงเช้าที่ระดับ 562.18 จุด บวก 5.01 จุด (+0.90%)

ดัชนี MAI ปิดช่วงเช้าที่ระดับ 236.77 จุด บวก 1.16 จุด (+0.49%)

 

 

 

หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ดังนี้

หลักทรัพย์ มูลค่า(“000 บาท) ล่าสุด เปลี่ยนแปลง(%)

TMB 3,050,314 2.08 +0.14 (+7.22%)

CPF 1,939,538 23.00 +1.60 (+7.48%)

STPI 1,007,350 44.00 +6.75 (+18.12%)

BTS 885,892 0.92 +0.03 (+3.37%)

BJC 845,499 17.30 +1.70 (+10.90%)

[TOUNE 169]

แถม PATO อีก +6.12% เอากันเข้าไป

ไปโลดเลย

[GG4 20]

สอบถามว่า การเพิ่มขึ้นเป็น % คิดจากไหนหรือค่ะ

 

ใช่การเอา เงินปัจจุบัน- เงินต้น /เงินปัจจุบันหรือเปล่า

 

ถ้าใช่ แล้วการหารเป็นว่าของปี นั้น ๆ คุณ toune ใช้อะไรคำนวณค่ะ

[TOUNE 169]

สอบถามว่า การเพิ่มขึ้นเป็น % คิดจากไหนหรือค่ะ

 

ใช่การเอา เงินปัจจุบัน- เงินต้น /เงินปัจจุบันหรือเปล่า

 

ถ้าใช่ แล้วการหารเป็นว่าของปี นั้น ๆ คุณ toune ใช้อะไรคำนวณค่ะ

 

 

(ราคาปัจจุบัน/(ราคาซื้อ+ค่าธรรมเนียมครับ))-1 x100

เช่นถ้าราคาปัจจุบันเป็น 2 เท่าของราคาซื้อ คือ 100%

3 เท่าก็ 200%

ถ้าใช้โปรแกรม Streamming คือ %P/L นะละครับ

 

 

เงินปัจจุบัน- เงินต้น /เงินปัจจุบัน x 100 ก็ใช้ได้เหมือนกัน

 

เป็นปี ก็จดไว้สิครับ วันที่ 31 ธค 52 เรามีเท่าไร วันนี้มันเป็นเท่าไร

(สินทรัพย์รวมปัจจุบัน/สินทรัพย์รวม 31 ธค 52)-1 x100

ถูกแก้ไข กรกฎาคม 16, 2010 โดย TOUNE

[TOUNE 169]

MACO

 

Malls Media

CenterPoint ชั้น 7 – 8 ของศูนย์การค้า Central World

ในส่วนนี้น่าจะใช้ไม่ได้ครับ เพราะ centralworld ปิด

 

แต่ส่วน LED Billboard บริเวณลานด้านหน้า เซ็นทรัล เวิลด์ พลาซ่า

น่าจะไม่เสียหาย เห็นเค้าว่าป้ายอยู่ค่อนไปทาง ISETAN (ส่วนที่ถูกเผาอยู่มาทาง ZEN)

 

ใครไปมาแถวนั้นบ่อย เฉลยด่วน!

[GG4 20]

(ราคาปัจจุบัน/(ราคาซื้อ+ค่าธรรมเนียมครับ))-1 x100

เช่นถ้าราคาปัจจุบันเป็น 2 เท่าของราคาซื้อ คือ 100%

3 เท่าก็ 200%

ถ้าใช้โปรแกรม Streamming คือ %P/L นะละครับ

 

 

เงินปัจจุบัน- เงินต้น /เงินปัจจุบัน x 100 ก็ใช้ได้เหมือนกัน

 

เป็นปี ก็จดไว้สิครับ วันที่ 31 ธค 52 เรามีเท่าไร วันนี้มันเป็นเท่าไร

(สินทรัพย์รวมปัจจุบัน/สินทรัพย์รวม 31 ธค 52)-1 x100

 

ขอบคุณค่ะ

 

ปัญหาคือไม่ได้จดไว้ตอนต้นปีอะค่ะ รู้แต่ว่า พึ่งลงทุนมา 13 เดือน กำไรมา 55 %

[TOUNE 169]

ขอบคุณค่ะ

 

ปัญหาคือไม่ได้จดไว้ตอนต้นปีอะค่ะ รู้แต่ว่า พึ่งลงทุนมา 13 เดือน กำไรมา 55 %

 

!gd ได้เยอะนิครับ ปีนึงเกิน 20% ถือว่าเก่งแล้ว !57

[GG4 20]

!gd ได้เยอะนิครับ ปีนึงเกิน 20% ถือว่าเก่งแล้ว !57

 

 

คงฟลุ๊คอ่ะค่ะ

 

แต่พยายามต่อไปเนอะ เล่นแบบ ซื้อ แล้ว แอบ Vi กับรอบ แบ่งกันครึ่ง ๆ จะได้มีเงินมาซื้อต่อ

 

แบบว่าทุนน้อยก็งี้

 

ยังไงก็ ตามมาอ่าน ของผู้รู้ทุกท่าน สะสมพลังไปเรื่อย ๆ

 

[JeawvY 1]

ครึ่งเช้า วันที่ 16 กรกฎาคม 2553 ฝรั่ง Net buy 100 M. ครับ

[TOUNE 169]

ครับคุณ GG

คิดเหมือนผมเลยครับ บางครับคิดเล่นว่า ตลาดหุ้นเป็นสนามรบ เงินมีค่าเท่ากับทหาร หุ้นมีค่าเท่ากับอาณาเขตในปกครองของเรา

เราใช้ทหารยึดครองอาณาเขต ปลูกข้าว (ผลผลิตข้าวเทียบได้กับเงินปันผล)หรือ หักล้างถางพงขยายอาณาเขต (ราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้น)

ในเวลาหุ้นขึ้นอาณาเขตที่ยึดมา(ดินแดน)อุดมสมบูรณ์ ให้ผลผลิตข้าวมาก มีดินแดนมาก สามารถเลี้ยงทหารได้มาก เราก็เกณฑ์ทหารเพิ่ม พอมีทหารเพิ่มก็ไปรุกดินแดนมาเพิ่ม วนเวียนต่อเนื่องกันไป

เวลาหุ้นลงก็เหมือนถูกข้าศึกเข้าตีประชิดดินแดน เรามีสิทธิเลือกที่จะถอนทหารเพื่อรักษากำลังทหารไว้ (แต่เสียดินแดน) หรือจะสู้ ไม่ยอมเสียดินแดนแต่ยอมแลกด้วยทหารจำนวนนึง

 

สู้กันไปไม่รู้จบซ้ำแล้วซ้ำอีกวนเวียนกันไป เพียงแต่ สิ่งที่เราสู้ ไม่ต้องไปมองใคร ดูเทียบตัวเองว่า เรามีทหารมากขึ้นเท่าไร+มีดินแดนมากขึ้นเท่าไร ถ้ามากขึ้นก็ถือว่าวันนี้เราชนะศึก แต่การสงครามก็ยังดำเนินต่อไปไม่อาจประมาท ชนะวันนี้ถ้าประมาทก็อาจแพ้ในวันหน้าครับ สู้กับตัวเองไม่ต้องไปมองใคร

[GG4 20]

ครับคุณ GG

คิดเหมือนผมเลยครับ บางครับคิดเล่นว่า ตลาดหุ้นเป็นสนามรบ เงินมีค่าเท่ากับทหาร หุ้นมีค่าเท่ากับอาณาเขตในปกครองของเรา

เราใช้ทหารยึดครองอาณาเขต ปลูกข้าว (ผลผลิตข้าวเทียบได้กับเงินปันผล)หรือ หักล้างถางพงขยายอาณาเขต (ราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้น)

ในเวลาหุ้นขึ้นอาณาเขตที่ยึดมา(ดินแดน)อุดมสมบูรณ์ ให้ผลผลิตข้าวมาก มีดินแดนมาก สามารถเลี้ยงทหารได้มาก เราก็เกณฑ์ทหารเพิ่ม พอมีทหารเพิ่มก็ไปรุกดินแดนมาเพิ่ม วนเวียนต่อเนื่องกันไป

เวลาหุ้นลงก็เหมือนถูกข้าศึกเข้าตีประชิดดินแดน เรามีสิทธิเลือกที่จะถอนทหารเพื่อรักษากำลังทหารไว้ (แต่เสียดินแดน) หรือจะสู้ ไม่ยอมเสียดินแดนแต่ยอมแลกด้วยทหารจำนวนนึง

 

สู้กันไปไม่รู้จบซ้ำแล้วซ้ำอีกวนเวียนกันไป เพียงแต่ สิ่งที่เราสู้ ไม่ต้องไปมองใคร ดูเทียบตัวเองว่า เรามีทหารมากขึ้นเท่าไร+มีดินแดนมากขึ้นเท่าไร ถ้ามากขึ้นก็ถือว่าวันนี้เราชนะศึก แต่การสงครามก็ยังดำเนินต่อไปไม่อาจประมาท ชนะวันนี้ถ้าประมาทก็อาจแพ้ในวันหน้าครับ สู้กับตัวเองไม่ต้องไปมองใคร

 

ลึกซึ้งค่ะ แอบให้ไป 1 คะแนน

 

 

ว่าแต่ เรามาดูหุ้นพวก ดินแดนใหม่ ๆ ที่ยังไม่มีรู้จัก หรือรู้จักน้อยอยู่ (ipo) กันมั่งไหมค่ะ ข้อมูลงบการเงิน เก่า ๆ พอจะหาให้ได้นะค่ะ ส่วนพวก ข้อมูลการตลาดเราก็เอาจาก ใน web เขากัน

 

แต่คงใช้พลังมากหน่อย แต่ได้ราคา

[TOUNE 169]

บีโอไออนุมัติดีเวลอปเปอร์ผุดบ้านบีโอไอ 24 โครงการ เฉียด 6,000 ยูนิต ใช้เงินลงทุนกว่า 1,570 ล้าน "พฤกษา" ยังครองแชมป์เจ้าตลาดบ้านบีโอไอ ได้รับอนุมัติกว่า 1,300 ยูนิต ด้านนายกธุรกิจบ้านจัดสรร ชี้ตลาดบ้านราคาต่ำกว่า 1 ล้าน คาดสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 20% ของทั้งระบบ ขณะที่ "ศุภาลัย" เดินหน้าพัฒนาโครงการบีโอไอโปรเจ็กต์ที่ 2 มูลค่าขายกว่า 2,000 ล้าน หวังลองกินแชร์ตลาดล่าง ปูทางตลาดทุกเซ็กเมนต์

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ปีนี้บริษัทได้รับการอนุมัติโครงการบีโอไอ 2 โครงการมูลค่าการขายกว่า 2,000 ล้านบาท เป็นโครงการทาวน์เฮาส์ 1 โครงการ และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ ซึ่งโครงการคอนโดมิเนียมจะเปิดขายในช่วงไตรมาส 3 นี้ ในราคาเริ่มต้นกว่า 8 แสนบาทต่อยูนิต ส่วนโครงการทาวน์เฮาส์ได้เปิดขายไปก่อนหน้านี้แล้ว

"บริษัทยังคงโฟกัสตลาดหลักคือกลุ่มบ้านในระดับราคา 1-3 ล้านบาท แต่การที่พัฒนาโครงการบ้านบีโอไอ เพราะต้องการทดลองตลาดดูความต้องการของผู้บริโภคว่ามีมากน้อยแค่ไหน รวมถึงเมื่อพัฒนาออกมาแล้วจะประสบความสำเร็จหรือไม่ เพราะเชื่อว่าผู้ประกอบการจะพัฒนาบ้านในระดับราคาต่ำกว่าล้านบาทออกมาเยอะ ซึ่งปีนี้คงมีแค่ 2 โครงการเท่านั้นที่บริษัทจะพัฒนา ส่วนโครงการใหม่ยังไม่มีและยังไม่ได้วางแผนที่จะยื่นขอรับการส่งเสริมการ ลงทุนด้วย"

นายอิสระ บุญยัง นายกสมาคมบ้านจัดสรร กล่าวว่า กลุ่มบ้านบีโอไอในเขตกรุงเทพฯ ช่วงครึ่งปีหลังไม่น่าจะมีปริมาณออกมามาก เพราะช่วงก่อนหน้าได้เปิดตัวไปจำนวนมากแล้ว การจะพัฒนาโครงการบ้านบีโอไอจะต้องขอรับการส่งเสริมล่วงหน้า และแม้ว่าโครงการบ้านบีโอไอจะมีออกมาจำนวนไม่มาก แต่แนวโน้มผู้ประกอบการที่จะพัฒนาที่อยู่อาศัยออกมารองรับกับกลุ่มลูกค้า ที่อยู่ในเกณฑ์เฉลี่ย 1 ล้านบาทก็จะมีออกมามากขึ้น

นายอิสระ กล่าวว่า กรณีตัวอย่างของบริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวล

ลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ที่พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมออกมาขายในราคา 6.78 แสนบาทต่อยูนิต ในขนาด 22 ตารางเมตร แม้ว่าจะไม่ได้ขอส่งเสริมจากบีโอไอ แต่ก็ขายได้หมดในระยะเวลารวดเร็ว แสดงให้เห็นว่าตลาดที่อยู่อาศัยในระดับราคาเฉลี่ยไม่เกิน 1 ล้านบาทนั้น มีความต้องการสูงแต่มีปริมาณซัพพลายที่ออกมารองรับตลาดไม่มาก

"ผู้ประกอบการทุกคนอยากจะขอรับการส่งเสริมจากบีโอไอ เพราะได้ประโยชน์ทั้งตัวผู้ประกอบการและลูกค้า แต่บางครั้งก็ไม่สามารถหาที่ดินที่จะนำมาพัฒนาได้ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ คงไม่สามารถหาที่มาทำทาวน์เฮาส์ได้ ซึ่งข้อมูลจำนวนที่อยู่อาศัยที่ราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาทลงมา เฉพาะ 5 เดือนแรกก็มีสัดส่วนมากถึง 28% ทั้งที่เป็นบ้านบีโอไอและไม่ใช่บ้านบีโอไอ ซึ่งเชื่อว่าตลอดทั้งปีนี้น่าจะมีสัดส่วนไม่น้อยกว่า 20% อย่างแน่นอน จากที่ทุกปีจะมีสัดส่วนแค่ 10% เท่านั้น เพราะตลาดส่วนใหญ่จะมีราคา 1-3 ล้านบาทเป็นหลัก"

จากข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) รายงานว่าตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาถึงเดือนมิถุนายน 2553 มีการอนุมัติโครงการที่อยู่อาศัยภายใต้หลักเกณฑ์ของคณะกรรมการส่งเสริมการ ลงทุนไปแล้ว 22 โครงการ คิดเป็นเม็ดเงินลงทุน 1,572.10 ล้านบาท ในการพัฒนาที่อยู่อาศัยรวม 5,966 ยูนิต แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมจำนวน 11 โครงการ จำนวน 3,253 ยูนิต มีมูลค่าเงินลงทุน 962.50 ล้านบาท โครงการทาวน์เฮาส์ จำนวน 13 โครงการ จำนวน 2,713 ยูนิต มีมูลค่าเงินลงทุน 609.60 ล้านบาท

ในจำนวนโครงการที่ได้รับการอนุมัติดังกล่าว เป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ 3 แห่ง ประกอบด้วย บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) จำนวน 3 โครงการ จำนวน 1,329 ยูนิต มีเม็ดเงินลงทุน 310.1 ล้านบาท บริษัท เสนา ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 2 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 68 ล้านบาท จำนวน 153 ยูนิต และบริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) จำนวน 1 โครงการ มีเม็ดเงินลงทุน 337.50 ล้านบาท

ส่วนที่เหลือจะเป็นบริษัทที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งหลายบริษัทมีการยื่นขอรับการส่งเสริมมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่ ผ่านมา อาทิ บริษัท พุทธชาด จำกัด ได้รับอนุมัติ 2 โครงการ จำนวน 477 ยูนิต มีเม็ดเงินลงทุน 102.2 ล้านบาท บริษัท รีเจ้นท์ กรีน เพาเวอร์ จำกัด ได้รับอนุมัติ 1 โครงการ มีเงินลงทุนมูลค่า 149 ล้านบาท จำนวน 490 ยูนิต

ขณะที่ข้อมูลในปีที่ผ่านมาพบว่ามีจำนวนโครงการที่ได้รับการอนุมัติส่งเสริม การลงทุนรวม 38 โครงการ จำนวน 12,028 ยูนิต มีเม็ดเงินลงทุน 3,002.7 ล้านบาท ซึ่งมีบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯรายใหญ่ จำนวน 5 แห่ง ประกอบด้วย บริษัท พฤกษาฯ บริษัท ศุภาลัยฯ บริษัท เสนาฯ บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) และบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวล

ลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ส่วนบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ฯมี 8 บริษัทที่ได้รับการอนุมัติ ซึ่งบริษัทสำคัญๆ ที่มีการพัฒนาโครงการจำนวนมาก ได้แก่ บริษัท รีเจ้นท์ กรีนฯ บริษัท พนาลี เอสเตท จำกัด บริษัท พุทธชาติ เอสเตท จำกัด เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลตั้งแต่ปี 2552 ถึงปัจจุบัน ยังพบว่าดีเวลอปเปอร์ที่ได้รับอนุมัติให้พัฒนาโครงการบ้านบีโอไอมากที่สุด ในตลาดยังคงเป็นบริษัท พฤกษาฯ ด้วยจำนวน 17 โครงการ จำนวน 5,771 ยูนิต เม็ดเงินลงทุน 1,415.6 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 3 โครงการ ทาวน์เฮาส์ 13 โครงการ และบ้านเดี่ยว 1 โครงการ รองลงมาเป็นบริษัท รีเจ้นท์ กรีนฯ ที่ได้รับการอนุมัติ 8 โครงการ เป็นโครงการคอนโดมิเนียมทั้งหมด จำนวน 4,006 ยูนิต เม็ดเงินลงทุน 1,092.3 ล้านบาท

 

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,548 15-17 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

[TOUNE 169]

SPALI ลงมาเล่นตลาดระดับล่าง ซึ่งผมมองว่าดีครับ (งานนี้ LPN จะไ้ด้มีคู่แข่งบ้าง) เพราะคนส่วนใหญ่ในกทม หรือ เมืองใหญ่ก็ยังเป็นคนรายได้น้อย ซึ่งตลาดใหญ่สุดครับ

 

มี ipo ตัวไหนน่าสนใจเหรอครับคุณ GG?