ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

Seam Arsenalการลงทุนด้วยระบบ

6 ชั่วโมงที่แล้ว

 

เอาระยะกลางของทองคำมาให้ดูกัน เป็นขาลงสมบูรณ์มากว่า 2 ปีเเล้ว มาดูว่าจะมี new low ไหม

1385872_613951015318149_1397620326_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

เอาระยะกลางของทองคำมาให้ดูกัน เป็นขาลงสมบูรณ์มากว่า 2 ปีเเล้ว มาดูว่าจะมี new low ไหม

 

ไทยโกลด์ ไม่มีปุ่มกด "สยอง" เหมือนพันทิป ... ใช้รูปนี้ก็แล้วกัน

:_cd

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Thanong Fanclub

 

วันนี้ เวลา 19:00

 

 

 

ดูค่าเงินกระดาษโดนเงินเฟ้อกินเทียบกับทอง

 

$1,000 ปี1910 ซื้อทองได้ 40ออนซ์ ราคา $25/ออนซ์

$1,000 ปี1971 ซื้อทองได้ 28ออนซ์ ราคา $35/ออนซ์

$1,000 ปี1999 ซื้อทองได้ 4 ออนซ์ ราคา $250/ออนซ์

$1,000 ปี2002 ซื้อทองได้ 3ออนซ์ ราคา$300/ออนซ์

$1,000 ปี2010 ซื้อทองได้ 0.88ออนซ์ ราคา $1,130/ออนซ์

 

สรุปลงทุนระยะยาวในทองเป็นการเฮดจ์ หรือประกันความเสี่ยงจากค่าเงินกระดาษตก เพราะโดนเงินเฟ้อกิน

 

 

thanong

2/10/2013

 

 

 

1383125_163730323823350_561352093_n.png

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Thanong Fanclub

 

วันนี้ เวลา 19:00

 

 

 

ไอ้โม่งทุบทองก็คือธนาคารกลางเจ้าเก่า

 

William Kaye ผู้เชียวชาญเรื่องทอง และบริหารกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ฮ่องกงบอกว่าFederal Reserve, Bank for International Settlements และธนาคารกลางของโลกตะวันตก พากันใช้ทองกระดาษเพื่อทุบราคาทองลงมาในช่วงที่ผ่านมา อาศัยจังหวะที่ตลาดทองจีนหยุดในยามวันชาติ

 

กลุ่มธนาคารกลางตะวันตกต้องการรักษาเสถียรภาพของค่าเงินดอลล่าร์ ซึ่งเป็นเสาหลักของระบบการเงินโลกปัจจุบัน จึงทำการทุบราคาทองในตลาดทองกระดาษเป็นระยะๆ ทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจในการถือทอง

 

แต่ Kaye บอกว่าการทุบทองในไม่ช้าจะทำได้ลำบากมากยิ่งขึ้น เพราะกลุ่มพวกนี้มีทองphysicalในมือน้อยลง ทำให้มีอุปสรรคในการคุมราคาทองให้ไปในทิศทางขาลงตามที่ต้องการ

 

Kaye บอกว่าในวันอังคาร หรือวันที่รัฐบาลสหรัฐฯปิดตัวเองเพราะงบประมาณไม่ผ่าน พอค่าเงินดอลล่าร์ตกต่ำกว่าระดับจิตวิทยา80 ในดัชนีค่าเงินดอลล่าร์ (US Dollar Index )ก็มีการทุบราคาทองลงมาทันที

 

เป็นที่ทราบกันดีว่าราคาทองเป็นปฏิปักษ์กับค่าเงินดอลล่าร์ ถ้าทองตก ดอลล่าร์ขึ้น ถ้าทองขึ้น ดอลล่าร์ตก ถ้าปล่อยให้ทองขึ้นมากๆ จนเอาไม่อยู่ ความเชื่อมั่นในดอลล่าร์และเงินกระดาษอื่นๆจะลดน้อยลงไป อันจะทำให้ระบบการเงินโลกที่อิงดอลล่าร์เสื่อมและไม่สามารถดำรงอยู่ได้

 

ดอลล่าร์อินเด็กซ์ เป็นค่าเงินดอลล่าร์ที่เปรียบเทียบกับค่าเงินอื่นๆที่ถ่วงอยู่ในตระกร้าเงิน ที่สร้างขึ้นมา คือ euro 57%, yen 13.6%, pound 11.9%, Canadian dollar 9.1%, Swedish kroner 4.2%, Swiss franc 3.6%

ดอลล่าร์อินเด็กซ์สร้างขึ้นมาเมื่อปี1973 หลังที่ดอลล่าร์เลิกผูกกับทองคำ โดยเริ่มต้นที่100 ถ้าเกิน 100 แสดงว่าดอลล่าร์แข็ง ถ้าตำกว่า 100 แสดงว่าดอลล่าร์อ่อน ดอลล่าร์เคยทำสถิติแข็ง164.72เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี1985 และตกต่ำสุดระดับ70.698 เดือนมีนาคม2008 ปีเดียวที่เลห์แมนบราเธอรส์ล่มสลาย

 

Kaye คาดการกันว่าปีนี้จะมีซับไพลทอง2,200ตัน เข้ามาในตลาด จะต่ำกว่าปีที่แล้ว ครึ่งหนึ่งของซับพลายจะมาจากจีนประเทศเดียว ปัญหาก็คือว่าอินเดียมีความต้องการทองสูงเหมือนกัน รัสเซียก็ซื้อทองมาก รวมทั้งตลาดเกิดใหม่อื่นๆ

 

Kaye บอกว่า Central Planners จะมีปัญหาในการปั่นราคาทองเมื่อถึงจุดๆหนึ่ง เขาไม่แน่ใจว่าทองคำจำนวน1,300ตันที่หายออกจากตู้นิรภัยของBank of England ได้ถูกเอาไปใช้ในการทุบราคาทองมากน้อยแค่ใหน แต่พวกCentral Planners มีทองคำน้อยลงในมือ เฟดก็แทบจะไม่มีทองเหลืออยู่แล้วเพื่อกดราคาทอง แบงค์ที่ค้าโลหะมีค่าของยุโรปสองแห่งผิดนัดในการส่งมอบทอง แสดงว่าEuropean Central Bankก็ไม่มีทองมากพอในปริมาณในการส่งมอบได้

 

Kayeเชื่อว่าตลาดทองใกล้เข้าสู่จุดฉากสุดท้ายแล้ว end game คือพวกไอ้โม่งทุบทองจะไม่สามารถปั่นราคาทองได้ตามอำเภอใจต่อไป

 

 

thanong

2/10/2013

 

http://kingworldnews.com/kingworldnews/KWN_DailyWeb/Entries/2013/10/2_Man_Who_Predicted_Gold_Takedown_Tells_Investors_Whats_Next.html

 

 

 

1382229_163725137157202_1755890512_n.png

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Thanong Fanclub

 

วันนี้ เวลา 11:00 · แก้ไขแล้ว

 

 

 

ราคาทองโดนทุบโดยรัฐบาลสหรัฐฯ

 

Robin Griffiths แห่งCazenove Capital ซึ่งเป็นบริษัทโบรกเก้อร์ให้ควีนเอลีซาเบทของอังกฤษ ยอมรับว่ารัฐบาลสหรัฐฯแทรกแซงในตลาดทองเพื่อทุบราคาทองลง เพราะมีผลประโยชน์ในการดูแลระบบการเงินสหรัฐฯ

 

แม้ว่าจะมีข่าวร้ายเรื่องการ ปิดรัฐบาลสหรัฐ แต่หุ้นกลับขึ้น ราคาทองกลับลงฝืนธรรมชาติ ราคาทองโดนทุบ$12.20 เหลือ$1,327ต่่อออนซ์วันที่1ตุลาคม และมาวันนี้โดนทุบอีก$40.90เหลือ$1,286.10ต่อออนซ์

 

เขาบอกว่าไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากในการทุบราคาทองผ่านตลาดทองคำกระดาษ โดยทุบราคารายวัน ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนเห็นกันอยู่ทุกวัน ตลาดทองคำเป็นตลาดที่มีการปั่นมาก (highly manipulated market) เพราะถึงแม้ว่าจะมีการทุบราคาทองลงมา การส่งมอบทองคำแท่งphysical ไม่ได้เป็นไปอย่างสะดวกโยธิน มีความลำบากมากในการส่งมอบทองคำphysicalเป็นจำนวนมากๆเพราะของในมือไม่มี ปริมาณการเทรดทองกระดาษมากกว่าปริมาณทองคำphysicalที่มีอยู่ไม่รู้กี่เท่า ต่อกี่เท่า

 

Griffithsบอกว่ารัฐบาลสหรัฐฯใช้แบงค์เช่นพวกJP Morganในการกดราคาทองให้ต่ำผ่านการขายในตลาดทองคำกระดาษ ในระยะสั้นสามารถที่จะคุมราคาทองไม่ให้ขยับขึ้นสูงได้

 

ที่จริงทองคำphysicalขาดตลาดด้วยซ้ำ เพราะความต้องการอย่างล้นเหลือจากอินเดีย จีนและล่าสุดรัสเซียก็เริ่มลุยเก็บทองphysicalมาก ในระยะต่อไปรัฐบาลของประเทศในแถบเอเซียอยากจะถือทอง มากกว่าถือสินทรัพย์ดอลล่าร์กระดาษ ถึงแม้ว่าจะคุมราคาทองได้ในระยะสั้น แต่พวกนี้ไม่สามารถคุมซับพลายของทองได้ที่ผลิตออกมาจากเหมืองทองคำ ราคาทองตอนนี้ไม่คุ้มให้มีการผลิตเพื่อเพิ่มซับพลาย ราคาทองต้องเพิ่มถึง$1,920ต่อออนซ์ ก่อนที่ซับพลายทองจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยะสำคัญ

 

Griffithsบอกว่า ระยะสั้นราคาทองอาจลงไป$1,180 แต่ปีหน้าจะไป$1,920ได้

 

 

http://kingworldnews.com/kingworldnews/KWN_DailyWeb/Entries/2013/10/1_Chaotic_Trading_In_Gold_%26_Silver_As_Takedown_Intensifies.html

 

 

 

1150802_163624293833953_1087323688_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ให้ตายเถอะ Robin อยากบอก Robin ว่าผมไม่อยากรอถึงปีหน้าจริงๆเลย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ถ้าย้อนไปอ่าน ที่คุณเน็กซ์ เขียนบทความเอาไว้…เหตุการณ์ต่างๆ เริ่มปรากฎชัดเจน ทีละบท…ทีละบทความ

อยากให้คุณเน็กซ์…มาต่อบทความ สุดท้าย ในระยะประชิด…

ที่สหรัฐ ชัดดาวร์ ทองลงแรง หุ้นขึ้น ดอลล่าดี…คล้ายๆมีอยู่บทนึง เรื่องนักดนตรี หรืออะไรนี่แหละ ที่โดนจับหมด สุดท้าย ถึงจะมาแยกออก ความจริงคืออะไร…ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ …ทองคำควรขึ้นถึงจะถูก. และหุ้นปั่น ควรลงถึงจะถูก…และดอลล่าควรเป็นเศษ กระดาษต่างหาก…

ขอบคุณทุกท่าน ที่ช่วยหาข้อมูล มาลงให้อ่านนะครับ. ทำให้ยังหลงเหลือเสน่ให้ติดตามอ่านครับ…

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

การเงิน & การเมืองสหรัฐฯ ใกล้เกมโอเวอร์! (2 ต.ค.56)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Thanong Fanclub

 

1 ตุลาคม · แก้ไขแล้ว

 

 

 

เข้ารายการสดตอนนี้วิเคราะห์government shutdown

 

เรื่องgovernment shutdownมันลึกซึ้งกว่าเรื่องObamacareที่ตกลงกันไม่ได้ระหว่างรีพับรีกัน และเดโมแครท ผมเขียนก่อนหน้านี้ปูพื้นมาตลอดว่า พวกCPกำลังตีกันข้างหลังเวทีลิเกการเมืองสหรัฐฯอยู่ ไม่ว่าจะเป็น ความขัดแย้งเรื่องจะจัดการซีเรีย อิหร่านดูแลเปโตรดอลล่าร์ ไปจนถึงคดีJP Morganและอำนาตจที่ล้นเหลือของเฟดและกลุ่มWall Street สาเหตุต่างๆที่สลับซับซ้อนเหล่านี้ น่าจะเห็นเหตุให้ทางรีพับรีกันพยายามดิสเครดิตโอบามา หรือทำให้ฝ่ายบริหารดูแย่ ประกันสุขภาพถ้วนหน้าของโอลบามาน่าจะเป็นข้ออ้างบังหน้า

 

จะปิดรัฐบาลไปถึงใหนไม่มีใครรู้ แต่ประเด็นงบประมาณมันผูกกันกับเรื่องขยายเพดานหนี้ สวHarry Reid ประธานวุฒฺิฯพูดชัดว่าพวกรีพับรีกันไม่เพียงแต่ต้องการปิดรัฐบาลเท่านั้น แต่ต้องการไม่ให้กฎหมายเพดานหนี้ผ่านด้วย ซึ่งจะทำให้สหรัฐฯอเมริกาผิดชำระหนี้ทั่วโลกทันที บอนด์สหรัฐฯจะกลายเป๋็นjunkทันที ถ้าสหรัฐฯผิดชำระหนี้

 

ดูเหมือนว่าโอบามาต้องถึงกับต้องคุกเข่ายอม พวกรีพับรีกันถึงจะให้ผ่าน เพราะฝ่ายนี้คุมสภาผู้แทนราษฎรอยู่ โดยมีพวกก่อหวอดTea Partyคอยสร้างเรื่องให้ป่วน

 

แล้วโอบามาจะแก้เกมอย่างไร กับวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้น ผมว่าโอบามาเตรียมงัดExecutive Orderมาใช้แล้ว เพราะสหรัฐฯปิดรัฐบาลตอนนี้เป็นเรื่องใหญ่ เศรษฐกิจเปราะบาง ประชาชนเซ็งการเมืองมาก อาจเกิดเหตุร้ายได้ เพราะเงินรัฐไม่ไหลเข้าสู่เศรษฐกิจวันละ$300ล้าน ดูแล้วโอบามาจะไม่ลังเลใจที่จะใช้Executive Orderหรืออำนาจในการออกกฎหมายพิเศษของประธานาธิบดีมาดูแลวิกฤตที่กำลังเกิด ขึ้น

 

thanong

1/10/2013

 

 

 

1385571_163310220532027_1292446561_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Thanong Fanclub · 19,424 คนถูกใจสิ่งนี้22 ชั่วโมงที่แล้ว บริเวณ Bangkok ·

 

 

เพดานหนี้ท่าทางจะถล่มลงมา

 

CNBC รายงานแล้วว่าปิดรัฐบาลแค่น้ำจิ้ม เป็นการวอร์ม ของจริงคือเรื่องเพดานหนี้ ที่ผลออกมาอาจจะเละ เพราะว่าทั้งฝ่ายบริหารและฝ่ายคอนเกรซจะไม่ยอมกัน Tony Fratto ที่ปรึกษาที่วอชิงตัน และอดีตเจ้าหน้าที่คลังบอกว่า อาจจะขัดแย้งกันจนทำให้กระทรวงคลังผิดชำระหนี้ วันหนึ่งหรือสองวัน ซึ่งบางคนเรียกว่าการผิดนัดชำระหนี้ทางเทคนิค

 

ถ้าเป็นอย่างนั้น เตรียมตัวเจอวิกฤตสหรัฐฯและโลกรอบใหม่ได้ หลังวันที่17ตุลาคม ถ้าเล่นผลักระบบการเงินประเทศไปลงขอบเหว เพราะจะไม่มีใครเชื่อถือในบอนด์รัฐบาลสหรัฐฯอีก หากมีมีการผิดชำระหนี้แม้แต่เป็นจำนวนเงินจำนวนน้อยในวันที่ 18 หรือหลังวันที่เส้นตายเพดานหนี้ผ่านไป ตอนนี้คนเริ่มมองไปข้างหน้า ปิดรัฐบาลกลายเป็นเรื่องเล็กไปแล้ว

 

นักการเมืองสหรัฐฯ กำลังจุดไฟเผาบ้านตัวเอง

 

http://www.cnbc.com/id/101078103

-PAXP-deijE.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

thanong

2/10/2013

 

หมายเหตุเป็นการอ่านเกม หรือสร้างScenariosทีอาจจะเกิด หรือไม่เกิดก็ได้ เป็นการฝึกหัดการใช้ความคิด แก้ปัญหา โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน

 

 

Thanong Fanclub

 

7 ชั่วโมงที่แล้ว

 

 

 

1. กระโดดลงไปด้วยพลังศรัทธา (Leap of Faith)

 

คงจะจำได้ว่าในเดชคำภีร์พญามาร ผมเขียนในบทที่20ว่า "เทวดาไม่เคยทอดทิ้งผู้ทำภาระกิจที่ยิ่งใหญ่ด้วยความเพียร ทุกครั้งที่พญามารมาถึงทางตันที่ดูแล้วสิ้นหวัง จะมีสะพานเล็กๆอุบัติขึ้นมาทอดให้เดินข้ามต่อไป ได้เสมอ" มีอยู่หลายช่วงในชีวิตที่เราต้องตัดสินใจทำอะไรลงไปด้วยความเสี่ยงโดยที่ไม่ รู้ว่าจะตายร้ายดีอย่างไร แต่เรามีอยู่อย่างเดียวคือ ความเชื่อมั่นในตัวเองหรือพลังศรัทธา ว่าเรากำลังทำในสิ่งที่ถูกต้องอยู่ แล้วเราก็ตัดสินใจกระโดดออกไป ตายเป็นตายโดยไม่มีอะไรรองรับ แต่เป็นที่อัศจรรย์ใจมากที่ยังไม่ถึงคราวเคราะห์ อยู่ดีๆมีอะไรรองรับไม่ให้กระแทกพื้นตาย แล้วเราก็สามารถเดินหน้าต่อไปสู่จุดมุ่งหมายที่สำเร็จได้ ภาษาอังกฤษเขาเรียกสถานการณ์แบบนี้ว่า leap of faith คือกระโดดออกไปด้วยพลังศรัทธาเพื่อเปลี่ยนแปลงชะตากรรมชีวิตและจิตใจ

 

ประธานาธิบดีบารัค โอบามาน่าจะมาถึงปากเหวของการดำรงตำแหน่งผู้นำหมายเลข 1 ของสหรัฐอเมริกา จะถอยหลังก็ไม่ได้ จะเดินหน้าก็จะตกหน้าผา ไม่มีทางเลือก มีแต่ต้องสูดหายใจลึกๆ แล้วก็กระโดดลงไปอย่างเดียว เป็นLeap of Faith โดยหวังว่าจะมีอะไรมารองรับ ไม่ให้ตกลงไปคอหักตาย ขณะนี้สถานการณฺ์ของสหรัฐฯอยู่ในภาวะล่อแหลมมาก โอบามากำลังถูกพวกนิยมจัดปาร์ตี้น้ำชา (Tea Party) ซึ่งเป็นมุ้งที่มีอิทธิพลในพรรครีพับรีกันต้อนเข้ามุมอับ เพราะพวกนี้เป็นหัวหอกในการบล๊อคงบประมาณปี2013-2014ทำให้รัฐบาลต้องปิดตัว เองลงเมื่อวันที่1ตุลาคมที่ผ่านมา และมีโอกาสสูงที่กลุ่มพวกนี้จะก่อหวอดให้เพดานหนี้สหรัฐฯไม่ผ่านคอนเกรซทัน เส้นตายวันที่17ตุลาคม ทำให้สหรัฐฯมีโอกาสผิดชำระหนี้เป็นครั้งแรกตั้งแต่มีการก่อตั้งสาธารณะรัฐ เป็นต้นมา ถ้าต้องผิดชำระหนี้ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯจะเป็นจั๊งค์junkทันที คือไม่สามารถใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันในระบบการเงินได้ ตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯมีขนาด$12ล้านล้าน ถ้าเป็นจั๊งค์ระบบการเงินสหรัฐฯและของโลกจะพังทันที

 

ยังไม่แน่ว่าเมื่อไหร่ถึงจะสามารถเปิดรัฐบาลใหม่ได้อีก เพราะว่าคอนเกรซต้องโหวตให้งบประมาณผ่าน แต่ตอนนี้ไม่มีวี่แววเลยว่าฝ่ายรีพับรีกันมีความรีบเร่งที่จะให้งบประมาณ ผ่าน ถ้าโอบามาไม่ยอมเลื่อนโอบามาแคร์ออกไป1ปี โอบามาแคร์เป็นกล่องดวงใจของนโยบายโอบามาที่ต้องการให้คนอเมริกัน โดยเฉพาะชนชั้นกลางหรือล่างมีโอกาสเข้าถึงการประกันสุขภาพได้ และก็ยังไม่ชัดเช่นกันว่าฝ่ายรีพับรีกันต้องการอะไรเป็นการต่างตอบแทนเพื่อ ที่จะโหวตให้การเพิ่มเพดานหนี้ผ่าน ขณะนี้เพดานหนี้สหรัฐฯอยู่ที่$16.7ล้านล้าน ชนเพดานเรียบร้อยแล้ว เลยวันที่17ตุลาคม กระทรวงคลังจะถังแตก เพราะว่าไม่สามารถก่อหนี้เพิ่มเพื่อเอาเงินไปจ่ายหนี้ได้ ทั้งเรื่องงบประมาณและปัญหาเพดานหนี้ต่างเป็นเรื่องที่บีบหัวใจโอบามามาก

 

พวกนิยมจัดปาร์ตี้น้ำชานี้มีอุดมการณ์อนุรักษ์นิยมที่ชัดเจนว่าต้องการให้ รัฐบาลมีขนาดเล็กลง ลดหนี้ ลดการการดุล ลดภาษี ช่วยธุรกิจ โดยอ้างว่าแผนประกันสุขภาพถ้วนหน้าของโอบามาจะเป็นการเพิ่มภาระให้ธุรกิจ เป็นการสร้างรัฐสังคมนิยม เลยถือโอกาสแช่แข็งงบประมาณรายจ่ายของประเทศทั้งหมดประมาณ$3.8ล้านล้าน หน่วยงานหรือบริการของรัฐบาลกลางกลายเป็นง่อยทันที อาจบอกได้ว่าพวกนิยมจัดปาร์ตี้น้ำชาเป็นส่วนหนึ่งของพวกcentral plannersที่กุมบังเหียนครอบงำการเมืองและการเงินสหรัฐฯอเมริกา มีรายงานว่าHeritage Foundationมีบทบาทสูงในการสนับสนุนพวกนิยมปาร์ตี้น้ำชา โอบามาก้าวมาเป็นประธานาธิบดีได้โดยการสนับสนุนของcentral plannersอีกซีกหนึ่ง ที่กำลังมีความขัดแย้งกับซีกที่คุมเฟด หรือธนาคารกลางที่ไม่มีความเป็นกลางเลยเพราะว่าเอื้อประโยชน์ให้ธนาคารพวก พ้องเดียวกัน

 

ถ้าโอบามายอมฝ่ายรีพับรีกันเรื่องประกันสุขภาพ สถานภาพความเป็นผู้นำจะหม่นหมองลงไปในทันที โอบามาถึงได้แสดงความกร้าวว่าเขาจะไม่ยอมก้มหัวกับแรงกดดันของฝ่ายรีพับรี กัน การปิดรัฐบาลแบบนี้จะสร้างวิกฤตให้เศรษฐกิจแย่ลงไปอีก แต่ถ้ามองให้ลึกลงไป มันจะเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีเงิน มีอำนาจเข้าไปครอบครองธุรกิจคู่ต่อสู้ที่หมายปองอยู่ และที่กำลังจะย่ำแย่จากวิกฤต และถ้าเศรษฐกิจแย่ ทางเฟดก็จะมีข้ออ้างในการพิมพ์เงินเพิ่มให้แบงค์ในเครือเอาเงินไปปั่นตลาด การเงินต่อ

 

โอบามาโดนบีบจากทุกด้าน แล้วจะออกจากมุมอับอย่างไร?

 

thanong

2/10/2013

 

 

 

1383275_163772420485807_36690613_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Thanong Fanclub

 

เมื่อวานนี้ เวลา 22:00 น.

 

 

 

2. กระโดดลงไปด้วยพลังศรัทธา (Leap of Faith)

 

ที่บอกว่าประธานาธิบดีโอบามาถอยหลังไม่ได้เพราะว่าหนี้ประเทศค้ำคออยู่ ฐานะการเงินสหรัฐฯตอนนี้เข้าขั้นล้มละลายเรียบร้อยแล้ว โดยที่หนี้ภาครัฐฯชนเพดานที่$16.7ล้านล้าน เทียบเท่า100%ต่อจีดีพี และภาระหนี้ที่ต้องจ่ายในอนาคตเช่นพวก ประกันสุขภาพหรือประกันสังคมอีก$200ล้านล้านกว่า มากกว่าจีดีดีของโลกที่$70ล้านล้านอีก นี้ยังไม่นับรวมหนี้ของภาคเอกชนและหนี้ครัวเรือน งบประมาณสหรัฐฯอยู่ที่$3.8ล้านล้าน แต่เก็บภาษีได้ประมาณ$2.9ล้านล้าน ขาดดุล$1ล้านล้าน และต้องขาดดุลขนาดนี้ไปอีกนานแสนนาน เพราะว่าถ้าลงดการขาดดุล เศรษฐกิจที่พังไปแล้วในปี2008และไม่ได้รับการเยียวยาอย่างถูกต้องจะติดลบ Eric Sprottพบว่าปีที่แล้วสหรัฐฯขาดดุลจริงๆ$6.9ล้านล้าน สูงกว่างบประมาณหรือภาษีที่เก็บได้หลายเท่า ปีนี้คลังสหรัฐฯต้องออกบอนด์เกือบ$4ล้านล้าน แต่ก็มีการซ่อนตัวเลขตกแต่งบัญชี รวมๆกันแล้วสหรัฐฯใช้เงินล่วงหน้าไปก่อน200ปีเพื่อความเจริญและกินอยู่อย่าง ฟุ่มเฟือย ทั้งๆที่ตั้งประเทศมาได้200กว่าปี ระบบเศรษฐกิจพัฒนาด้วยระบบหนี้ debt-based system และระบบการเงินกระดาษและfractional reserve banking systemคือแบงค์แทบจะไม่มีทุนแต่ปล่อยกู้สร้างเงินกระดาษได้ไม่อั้น แบบนี้สร้างขึ้นมาโดยนักการเงินที่คุมระบบการเมืองโดยอ้างประชาธิปไตย บังหน้าเพื่อกอบโกย พอได้ทีก็ปล่อยให้ล้ม แล้วพวกที่คุมระบบจะกระโดดออกก่อนปล่อยให้คู่แข่งหรือประชาชนจมน้ำตายไป พร้อมกับเงินเฟ้อและภาระหนี้ที่สูงเสียดฟ้า นักวิเคราห์อย่าง Marc Faber, Peter Schiff, Evon Greyerz, Jim Rickards ต่างลงความเห็นว่าสหรัฐฯรอวันล้มละลายทางการเงิน ไม่มีทางแก้ ไม่ช้าก็เร็ว

 

แต่ที่สหรัฐฯยังยืนอยู่ได้เพราะว่าเฟดกดดอกเบี้ย0% พิมพ์เงินอุ้มธนาคาร อุ้มการคลังรัฐบาล การที่central plannersคุมระบบแบงค์ ทำให้ช่วยประคองสหรัฐฯไปได้ ตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆก็มีการปั่นมั่วไปหมด รวมทั้งตลาดเงินตลาดทุนทุกอย่าง สหรัฐฯย้ายฐานการผลิตไปจนส่วนมากทำให้แทบไม่เหลือภาคการผลิตที่จะจ้างงาน อยู่ได้เพราะการบริโภค อสังหาฯหรือค้าปลีกและภาคบริการ อยู่ไปก็มีแต่จะสร้างหนี้เพิ่มในการบริโภคไม่มีทางที่จะคืนหนี้ได้ ที่ยุโรปและญี่ปุ่นสถานการณ์ก็คล้ายๆกัน คือหนี้และภาระหนี้สูงกว่าศักยภาพของพื้นฐานของเศรษฐกิจในการทำกำไรหรือหา เงินมาใช้หนี้ได้

 

ลองคิดดู โอบามาได้ชัยชนะการเลือกตั้งสมัยที่2 จะเป็นประธานาธิบดีไปอีก3ปีครึ่ง มีโอกาสสูงที่วิกฤตการเงินจะเกิดก่อนที่เขาลงจากตำแหน่ง ถ้าโอบามาไม่ทำอะไร ปล่อยให้สถานการณ์ลากไป วิกฤตการเงินจะระเบิดออกมารุนแรงกว่าปี2008หลายสิบเท่า ถึงตอนนั้นจะเอาไม่อยู่ ทั้งMarc Faber และJim Rickardsมีการมองกันว่า วิกฤตการเงินสหรัฐฯจะเกิดรอบใหม่ใน3-5ปีข้างหน้า คือแบงค์เจ้ง ค่าเงินดอลล่าร์พัง เศรษฐกิจตกต่ำ เงินเฟ้อสูง ตกงานไปทั่ว แต่เอาเข้าจริงแล้วมันจะเกิดเร็วกว่ามาก เพราะว่าขณะนี้มีตัวเร่งอื่นที่จะให้สหรัฐฯพังเร็วกว่าช่วงเวลาที่ควรจะเป็น ทางการเงิน คือจีนและกลุ่มบริกส์ได้กำลังขึ้นมาผงาดเพื่อท้าทายระบบดอลล่าร์ แม้ว่าบางประเทศตอนนี้จะมีปัญหาบ้างเช่นบราซิลและอินเดีย จีนได้สร้างระบบการเงินและการค้าที่ไม่เอาดอลล่าร์ จีนเป็นประเทศผู้ค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว เมื่อไม่ใช้ดอลล่าร์ ดอลล่าร์ก็จะถูกเทขายทำให้ค่าเงินอ่อน ขายมากๆหรือไม่เป็นที่ต้องการมากๆ ความเป็นสกุลหลักของโลกจะเสื่อม ท้ายที่สุดจะก่อให้เกิดวิกฤตการเงินและเงินเฟ้อในสหรัฐฯ

 

แล้วโอบามาจะยอมงอมืองอเท้ารับวิกฤตหรือ?

 

thanong

2/10/2013

 

 

 

1186342_163782263818156_1539805712_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Thanong Fanclub

 

เมื่อวานนี้ เวลา 23:00 น.

 

 

 

3. กระโดดลงไปด้วยพลังศรัทธา (Leap of Faith)

 

คงจะเห็นภาพแล้วว่า โอบามาถอยไม่ได้ เพราะว่าเวลาของวิกฤติไม่ให้ เข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อปี2009ก็เจอวิกฤติการเงินที่หนักที่สุด หลังการล่มสลายของWall Street ตอนนี้ปัญหาหนี้กำลังรุมเร้า เฟดก็ได้ เสียการควบคุมดอกเบี้ยเรียบร้อยแล้ว ถ้าเลิกQE ดอกเบี้ยจะขึ้นทำให้เกิดวิกฤติการเงินใหม่อีกรอบ ถ้ารอช้า เมื่อจีนลอยค่าหยวน เงินดอลล่าร์จะวิกฤต จะเอาไม่อยู่ ความน่าเชื่อถือในบอนด์สหรัฐฯอาจจะอยู่ได้ไม่นาน ตอนนี้ตลาดหุ้น ตลาดบอนด์เป็นฟองสบู่รอวันแตก

 

ครั้นโอบามาจะเดินหน้าก็โดนฝ่ายรีพับรีกันเล่นงานทั้งงบประมาณและเรื่อง เพดานหนี้ รัฐบาลปิดทำการ และเพดานหนี้อาจถูกบล๊อค เพื่อที่จะต่อรองเรื่องงบประมาณจากโอบามาให้ได้มากที่สุด ตอนนี้โอบามาเหมือนอยู่ในกำมือของรีพับรีกัน ซึ่งเชื่อว่าโอบามาต้องยอมตามที่รีพับรีกันต้องการ ไม่งั้นงบประมาณโดนแช่แข็งต่อและเพดานหนี้โดนบล๊อค จะทำให้กระทรวงคลังผิดชำระหนี้ได้ เป็นเกมรัสเซี่ยนรูเล็ตจริงๆ

 

สมมุติว่าโอบามายอมทำตามสิ่งที่รีพับรีกันเรียกร้อง ปัญหาหนี้ก็ไม่หมดไป ปัญหาโครงสร้างที่เพี้ยนของระบบเศรษฐกิจอเมริกันที่เฟดเป็นต้นตอของปัญหาก็ ไม่ได้รับการแก้ ปีหน้าโอบามาจะโดนรีพับรีกันบี้อีก ทั้งเรื่องงบและเรื่องเพดานหนี้ หนังจะวนฉายใหม่ ปัญหาไม่หนีไปใหน แทนที่จะรอปีหน้าหรือปีต่อๆไปเพื่อที่จะแก้ปัญหา โอบามาน่าจะเลือกหนทางเด็ดขาดในการแก้ปัญหาปีนี้ หรือในช่วงนี้เลย โดยฉวยวิกฤตเป็นโอกาส รีพับรีกันอาจจะนิ่งนอนใจเชื่อว่าโอบามายังไงเสียอาจจะไม่กล้าล้มระบบ ต้องทำตามแรงกดดันของพวกตัวเอง แต่เราเริ่มเห็นเด่นชัดว่าโอบามาไม่เอาฝ่ายเฟด มิเช่นนั้นโอบามาก็คงทำทุกอย่างตามน้ำ เสวยสุขเป็นประธานาธิบดีแล้วก็ปล่อยเวลาให้หมดสมัย4ปีไป ไม่ต้องไปเปลืองตัวแก้ปัญหา แต่โอบามากำลังจะสู้กลับ คราวนี้มันจะเป็นการกระโดดออกไปด้วยพลังศรัทธา

 

 

thanong

2/10/2013

 

 

 

1044402_163795210483528_107133077_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Thanong Fanclub

 

5 ชั่วโมงที่แล้ว

 

 

 

4. กระโดดลงไปด้วยพลังศรัทธา (Leap of Faith)

 

ในฐานะประธานาธิบดี โอบามาคุมDepartment of Homeland Security และFederal Emergency Management Agencyในกรณีที่เกิดเหตุร้าย หรือความไม่มั่นคงในประเทศ สามารถส่งเจ้าหน้าที่จากสองหน่วยงานนี้ดูแลได้ เหมือนกับว่าโอบามามีกองกำลังทหารของตัว เอง อีกประการหนึ่งโอบามามีอำนาจในการออกกฎหมายพิเศษของฝ่ายบริหาร Executive Order ทำได้เกือบทุกอย่างโดยอ้างความมั่นคง เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

 

สมมุติว่ารีพับรีแกนดึงเกมไม่ผ่านงบประมาณปิดรัฐบาลต่อไปจนกว่าโอบามาจะคุก เข่าวิงวอน หรือไม่ก็แสดงท่าทีว่าจะไม่ผ่านกฎหมายยกเพดานหนี้ ทำให้กระทรวงคลังหมิ่นเหม่ในการผิดชำระหนี้ ต่อรองกันจนถึงก่อนเที่ยงคืนของเส้นตายของวันที่17ตุลาคม มันตลกมากที่เฟดพิมพ์เงินเท่าไหร่ก็ได้ โดยที่คอนเกรซไม่สามารถจะคุมได้ ช่วงระหว่าง2008-2010เฟดพิมพ์เงิน$16ล้านล้านเพื่ออุ้มแบงค์ในแบงค์นอกมั่ว ไปหมด แจกเงินให้พวกพ้องเพื่อไม่ให้พวกตัวเองล้ม ระบบการเงินของเครือข่ายเฟดครอบคลุมทั่วโลก ในขณะเดียวกันคลังหรือโอบามาที่ผ่านการเลือกตั้งไม่สามารถจะพิมพ์เงินได้เห มือนอย่างเฟด ก่อหนี้ก็ต้องติดเพดาน ในขณะที่เฟดเป็นอาณาจักรที่เป็นอิสระไร้การตรวจสอบ การคลังfiscalถูกล่ามโซ่ แต่การเงินmonetaryถูกปล่อยผี นี้คือจุดที่ผิดปกติที่ไม่ค่อยจะมีคนใส่ใจ

 

โอบามาอาจเลือกทำได้หลายอย่างเพื่อแก้ปัญหาแบบถอนรกถอนโคลน ถ้าหากคลังหมิ่นเหม่ที่จะผิดชำระหนี้ หรือจะทำหลังเพดานหนี้ยกขึ้นไปแล้วก็ได้ คือ

 

1. ให้คลังพิมพ์เงินออกมาเป็น New Dollar เพื่อจ่ายหนี้ ทุกคนรู้ว่าสหรัฐฯตอนนี้ไม่มีทางจ่ายหนี้ที่ตัวเองก่อได้ มีแต่พิมพ์เงินต่อเงินมาจ่ายหนี้แบบPonzi Scheme ถึงจุดๆหนึ่งจะไม่มีใครยอมรับได้ เมื่อเป็นเช่นนั้น ทำไมไม่เจรจาลดหนี้ไปเลย 10ดอลล่าร์เก่าแลกได้7ดอลล่าร์ใหม่ คนจนได้รับผลกระทบบ้างแต่คนรวยจะโดนมากที่สุด รัฐบาลจะcut loss ได้ไปก่อน30% เพื่อลดภาระ พยุงตัวเอง

 

2. New Dollar อาจจะอิงสำรองน้ำมันของสหรัฐฯก็ได้ เพราะว่าถ้าหยวนเลิกผูกกับดอลล่าร์ จะอิงทอง ระบบการเงินโลกอาจเข้าสู่การผูกกับcommodities และทรัพย์สินอื่นๆที่จับต้องได้ จะมาพิมพ์ลอยๆเป็นกระดาษแบบที่เฟดทำอย่างนี้ไม่ได้เหมือนเดิม

 

3. ล้มFederal Reserve Note หรือดอลล่าร์ของเฟดโดยปริยาย เมื่อNew Dollar เกิด เนื่องจากเฟดเป็นเอกชน กำไรมามากแล้วจากการพิมพ์เงินให้รัฐบาลเป็นเสือนอนกิน โอบามาอาจจะให้ประชาชนไปเรียกร้องส่วน30%ที่ถูกหักจากรัฐตอนแลก New Dollar กับFederal Reserve Note ได้ที่เฟด เดิมทีดอลล่าร์ของเฟดมีทองหนุน แต่ตอนนี้เป็นแค่กระดาษเปล่าๆ ไม่มีอะไรหนุน เฟดต้องขายทรัพย์สินหรือหาเงินมาคืนเงินให้ประช่าชน

 

4. เมื่อคลังคุมการพิมพ์เงินเอง ระบบการเงินจะกลับมาอยู่ที่รัฐบาลไม่ใช่เฟด แบงค์เฟดจะเจ้ง จะป่วน ก็ปล่อยให้ล้มไป ไม่มีtoo big too failอีกต่อไป แล้วหลังจากนั้นเงิน New Dollar สามารถเข้าไปไล่ซื้อแบงค์หรือธุรกิจในเครือเฟดกลับมาเป็นของรัฐ

 

5. เจรจากับเจ้าหนี้ต่างชาติในเรื่องลดหนี้ ที่จริงการที่สหรัฐฯไม่คืนทองที่เยอรมันฝาก300ตัน โดยบอกว่าให้มาเอาคืนปี2020ก็แสดงว่าสหรัฐผิดชำระหนี้เรียบร้อยแล้ว

 

6. ถ้าเกิดเหตุร้ายหรือเหตุจลาจล หน่วนDepartment of Homeland Security และFederal Emergency Management Agency ก็สามารถเข้าไปดูแลสถานการณ์ได้

 

ึ7. ไม่แน่ว่าโอบามาจะเอาเงินSDRของไอเอ็มเอฟมาใช้หรือเปล่า ในกรณีที่ค่าเงินดอลล่าร์มีปัญหา นี้ก็เป็นอีกทางออก ถ้าเป็นทางเลือกนี้ ต้องกลัยมาดูใหม่ว่าโอบามาเป็นใหนกันแน่

 

8. แน่นอนระบบการเงินโลกที่เรารู้จักดีจะไม่เหลืออะไรเลย ไทยจะโดนหางเลขเจอวิกฤตไปด้วย

นี้คือสถานการณฺ์จำลองที่อาจจะเป็นทางเลือก ถ้าโอบามาอยากจะปลดแอกสหรัฐฯจากเฟด และแก้ปัญหาการเงินของสหรัฐฯแบบม้วนเดียวจบ มิฉะนั้นปัญหาจะกลับมาหลอกหลอนอีกปีหน้า หรือไม่ก็อาจจะเกิดวิกฤตการเงินอีกในไม่ช้าไม่นาน ถ้าทำตอนนี้ยังอาจจะคุมเกมได้ ถ้าปล่อยช้า อาจจะคุมไม่อยู่ แต่มันจะเป็นการLeap of Faith จริงๆ

 

thanong

2/10/2013

 

หมายเหตุเป็นการอ่านเกม หรือสร้างScenariosทีอาจจะเกิด หรือไม่เกิดก็ได้ เป็นการฝึกหัดการใช้ความคิด แก้ปัญหา โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน

 

 

 

1233385_163805310482518_1664567660_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วรวรรณ ธาราภูมิ6 ชั่วโมงที่แล้ว บริเวณ Bangkok ·

 

 

Good Morning News จาก กองทุนบัวหลวง

 

3 ตุลาคม 2556

 

General News

----------------

 

• ธ.กลางยุโรป (ECB) คงอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงไว้ที่ระดับ 0.5% ซึ่งต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ แม้ว่ายอดสินเชื่อในภาคเอกชนจะปรับตัวลงและอัตราเงินเฟ้อมีสัญญาณบ่งชี้ว่า จะยังอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมายอย่างมาก

 

• ผู้ว่างงานในสเปนเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น 25,572 รายมาอยู่ที่ 4.7 ล้านราย เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน จากเดิมที่ชะลอลงเพราะใกล้หมดฤดูการท่องเที่ยว

 

• รมว.คลังสหรัฐเรียกร้องให้สภาคองเกรสขยายเพดานหนี้สาธารณะหลังจาก ก.คลัง เริ่มใช้มาตรการพิเศษเพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ โดย โอบามา ย้ำว่าจะไม่เจรจาต่อรองกับคองเกรสอีก เพราะผู้นำในสภาคองเกรสนำภาระหน้าที่ของชาติไปผูกโยงเป็นเงื่อนไขในการขยาย เพดานหนี้สาธารณะ เช่น ยืดระยะเวลาการบังคับใช้กฎหมายหลักประกันสุขภาพออกไปอีก 1 ปี

 

• New York Times รายงานว่า ถ้าคลังผิดนัดชำระหนี้เมื่อใด ระบบการเงินจะเป็นอัมพาตทันที เพราะระบบเคลียริ่งของ FED จะไม่ให้พันธบัตรสหรัฐผ่านระบบการจ่ายเงินกรณีที่ผิดนักชำระหนี้ ซึ่งจะทำให้ระบบธนาคารหยุดชะงัก เพราะเอาพันธบัตรรัฐบาลมาจำนำกับ FED ชั่วคราวเพื่อเอาเงินสดออกไปไม่ได้ เนื่องจากกฎหมายระบุห้ามไม่ให้ FED รับพันธบัตรรัฐบาลที่ผิดนัดชำระหนี้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน และจะทำให้ตลาดเงินโลกตื่นตระหนกเพราะจะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติ อเมริกาที่รัฐบาลอเมริกันผิดนัดชำระหนี้

 

• PIMCO (บริษัทจัดการกองทุนรวมตราสารหนี้ภาครัฐรายใหญ่อันดับ 1 ของโลก) คาดว่า สหรัฐจะไม่ตกเป็นประเทศผิดนัดชำระหนี้เนื่องจากพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐคือศูนย์ กลางของตราสารหนี้โลก การผิดนัดจึงเกิดขึ้นไม่ได้ เพราะต้นทุนทางการเงิน (อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐ) ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ และสหรัฐยังมีเครื่องมือหลายประการที่จะทำให้ประเทศรอดพ้นภาวะเช่นนั้นได้

 

• ธ.เพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) ลดคาดการณ์ GDP ตลาดเกิดใหม่ในภูมิภาคเอเชีย ปี 2013-2014 จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 6.6% และ 6.7% เหลือเป็นขยายตัว 6.0% และ 6.2% หลังเศรษฐกิจจีนและอินเดียมีทิศทางชะลอลง อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤตการเงินเอเชียเช่นในปี 1997 มีไม่มาก เนื่องจากหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียสะสมทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น มีระบบการจัดการความเสี่ยงที่เข้มแข็งมากขึ้น และมีระบบการกำกับดูแลที่เคร่งครัดมากขึ้น

 

• ยอดขายรถยนต์ในญี่ปุ่นเดือน ก.ย.เพิ่มขึ้น 17% ไปอยู่ที่ 522,760 คัน สูงสุดในรอบ 14 เดือน จากความเชื่อมั่นในประเทศที่ฟื้นตัวดีขึ้นทำให้ความต้องการรถยนต์ในญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น ประกอบกับเศรษฐกิจมีทิศทางการฟื้นตัวดีขึ้น และมีรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ออกมาทำตลาดมากขึ้น

 

• ร้านค้าปลีกญี่ปุ่นเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับอุปสงค์ที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากรัฐบาลจะขึ้นภาษีการขายในเดือน เม.ย.2557 โดยทั้งซูเปอร์มาร์เก็ตและห้างสรรพสินค้าต่างพากันนำสินค้าประจำฤดูกาลออกมา ขายกันจำนวนมาก

 

• ดัชนีจัดซื้อภาคอุตสาหกรรม (PMI) เวียดนามเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์มาอยู่ที่ 51.5 จุด จาก 49.4 จุดในเดือนก่อน เนื่องจากยอดสั่งซื้อสินค้า ยอดส่งออก และการจ้างงานเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยูโรโซน สหรัฐ และญี่ปุ่น แม้ความต้องการในประเทศจะยังไม่ฟื้นตัวมากนัก

 

• ประธานาธิบดี สื่อ จิ้นผิง ของจีน ไปเยือนอินโดนีเซีย เพื่อเตรียมลงนามความร่วมมือโครง การลงทุนรถไฟรางเดี่ยวมูลค่า 20 พันล้านดอลลาร์ ในเส้นทางจาการ์ต้าไปบันดง (เมืองเอกของจังหวัดชะวาตะวันตก) ทั้งนี้ จะลงนามความร่วมมือในหลายๆ ด้าน รวมถึงการทำสว็อบค่าเงิน การลงทุนในกิจการเหมืองแร่ การขนส่ง และการให้เงินกู้

 

• เวิลด์แบงก์ มีแผนเพิ่มเงินช่วยเหลือให้กับประเทศที่ยากจนและได้รับผลกระทบจากความขัด แย้งอีก 50% ภายใน 3 ปีข้างหน้า เพื่อลดความยากจน และสร้างความเจริญร่วมกัน

 

• สศค. เปิดเผยว่า ที่ประชุม Tax Asia Pacific Forum ได้หารือเพื่อปรับโครงสร้างการเก็บภาษีในกลุ่มประเทศภูมิภาคอาเซียนให้มี อัตราที่ใกล้เคียงกัน โดยเบื้องต้นได้มีการเจรจาเรื่องภาษีสรรพสามิต เช่น การเก็บภาษีสุรา ซึ่งหากมีอัตราภาษีใกล้เคียงกันหรือเท่ากัน ก็จะสามารถสกัดกั้นการลักลอบนำสินค้าที่หลีกเลี่ยงภาษีเข้าประเทศได้

 

• ประเทศไทยทำความร่วมมือทางการค้ากับมาเลเซียในอุตสาหกรรมฮาลาลและยางพารา ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมเด่นของทั้ง 2 ประเทศ โดยเสนอให้มีการจัดตั้ง “รับเบอร์ ซิตี้” บริเวณชายแดนเพื่อช่วยยกระดับตลาดยางให้มีความเข้มแข็ง เนื่องจากไทยเป็นแหล่งวัตถุดิบยางพาราของมาเลเซีย

 

• ADB ลดคาดการณ์ GDP ไทยปีนี้เหลือขยายตัว 3.8% จากเดิม 4.9% ส่วนปีหน้าคาดว่าจะ ขยายตัว 4.9% ลดลงจากเดิมที่เป็น 5.0% เนื่องจากเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีแรกได้รับผลกระทบจากการส่งออกที่ชะลอตัวลง โดยคาดว่าจะขยายตัวได้เพียง 2% จากต้นปีที่คิดว่าน่าจะขยายตัวได้ 7% สำหรับความเสี่ยงที่จะกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีหน้าได้แก่ การลงทุนภาครัฐที่ล่าช้า การขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศอุตสาหกรรมหลักและจีนที่อาจต่ำกว่าคาดการณ์ และสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศที่ตึงเครียด

 

• ครม.เศรษฐกิจ เตรียมติดตามสถานการณ์ของเงินบาทที่อาจแข็งค่าขึ้น เนื่องจากเงินไหลเข้า หลังจากสหรัฐปิดหน่วยงานรัฐบาลบางส่วนเป็นการชั่วคราว (US Government Shutdown) ซึ่งเงินบาทที่แข็งค่าอาจกระทบต่อการส่งออกของไทยในไตรมาสสุดท้ายของปี

 

• รัฐบาลไทยพร้อมให้เอกชนมีส่วนร่วมตรวจสอบความโปร่งใสในโครงการลงทุน 2 ล้านล้านบาท โดยคาดว่าระเบียบดังกล่าวจะเข้าที่ประชุม ครม.ในเร็วๆนี้

 

• BOI ออกประกาศส่งเสริมการลงทุนโครงการอีโคคาร์ระยะที่ 2 โดยให้ผู้ประกอบการยื่นคำขอส่งเสริมเพื่อเข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่บัดนี้ไป จนถึงวันที่ 31 มี.ค.ปีหน้า และวางเป้าหมายให้เริ่มผลิตอย่างช้าในปี 2562 เพื่อช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ของไทยภายใต้เงื่อนไขและหลักเกณฑ์ ต่างๆ ที่กำหนดไว้ ได้แก่

 

- มูลค่าเงินลงทุนไม่น้อยกว่า 6,500 ล้านบาท

 

- ปริมาณการผลิตในปีที่ 4 ไม่น้อยกว่า 100,000 คันต่อปี

 

- ใช้เครื่องยนต์มาตรฐานยูโร 5 (ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ไม่เกิน 100 กรัมต่อกิโลเมตร และอัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงไม่เกิน 4.3 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร)

 

- ขนาดเครื่องยนต์เบนซินไม่เกิน 1300 ซีซี และเครื่องยนต์ดีเซลไม่เกิน 1500 ซีซี

 

 

Equity Market

---------------

 

• SET Index ปิดที่ 1,408.99 จุด เพิ่มขึ้น 0.80 จุด หรือ 0.06% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 28,354 ล้านบาท โดยมีแรงเทขายทำกำไรสลับกับแรงเก็งกำไรในระหว่างวันเนื่องจากนักลงทุนบาง ส่วนมั่นใจว่าจะมีการปรับเพดานหนี้ รวมถึงการจัดการงบประมาณของสหรัฐทันวันที่ 17 ต.ค.นี้ ขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่ที่ไม่อยากเสี่ยงในการลงทุนจะรีบขายทำกำไรระหว่างทาง เมื่อดัชนีปรับตัวขึ้น

 

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยยังมีแนวโน้มที่ดีขึ้นได้ หากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐออกมาดีและการปรับเพดานหนี้และร่างกฎหมายงบประมาณ สามารถผ่านที่ประชุมได้

 

สรุปยอดสุทธิการซื้อขายของแต่ละกลุ่ม (ล้านบาท)

----------------------------------------------------

 

นักลงทุนสถาบัน 1,203.95

บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ -603.61

นักลงทุนต่างชาติ -202.44

นักลงทุนทั่วไป -397.90

 

• ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ปิดที่ 14,170.49 จุด ลดลง 314.23 จุด หรือ -2.17% โดยนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มส่งออกหลังเงินเยนแข็งค่าขึ้น เนื่องจากต้องการถือครองสินทรัพย์สกุลเงินเยนเพื่อประกันความเสี่ยงมากขึ้น หลังสหรัฐปิดหน่วยงานรัฐบางส่วนเนื่องจากขาดงบประมาณ

 

Fixed Income Market

------------------------

 

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลส่วนใหญ่ปรับลดลงในช่วง -0.09% ถึง +0.00% สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตร ธปท. อายุ 2 ปี วงเงิน 30,000 ล้านบาท

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...