ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

สวัสดีครับคุณ.. Ginger TraderJunior Alan Gejen Wann ตู้เย็น Pasaya OKorNO เด็กสยาม MegaGold meng166 deb99 เต้าหู้ และทุกท่านครับ

กราฟรายวันตอนนี้เป็นแดงแท่งสามครับ

ล่าสุดราคาต่ำสุด 1305 ราคาสูงสุด1338 :_cd

ราคาขณะนี้อยู่ที่ 1326.x ครับ

 

สัญญานหลักแบลคคิง ทิศทาง sideway down ครับ

RSI Price Line เส้นเขียว 56.10 วิ่งมา 55.92 ครับ

Trade Signal Line เส้นแดง 57.76 วิ่งมา 56.72 ครับอยู่สูงกว่า 50 ครับ

market base Line เส้นเหลือง 42.20 วิ่งมา 42.48 ครับ

เส้นแดงลดครับ

 

 

สัญญานรองQQE ทิศทาง sideway

เส้นฟ้า 55.66 วิ่งมา 55.41 อยู่สูงกว่าเส้นประเหลืองครับ

เส้นประเหลือง 49.59 วิ่งมา 49.59 ครับอยู่ต่ำกว่าเส้นฟ้าครับ

(เส้นเหลืองถ้าคงที่นานๆ จะแสดง side way หรือกลับตัวและ

ถ้าทิศทางลงจะเด้งไปอยู่สูงกว่าเส้นฟ้าทันทีถ้าขึ้นจะลงมาต่ำกว่าเส้นฟ้าทันที)

แนวต้าน 1338 1347 1355 1371

แนวรับ 1308 1300 1294 1281

ภาพรวมๆจากสัญญานราคา sideway down ครับ

 

 

 

 

 

ขอให้โชคดีครับ

:bye

post-1891-0-98977700-1375313288_thumb.png

Bye

ถูกแก้ไข โดย news

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: นิกเกอิเปิดบวก 6.18 จุด รับเฟดเดินหน้าโครงการ QE

 

 

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม 2556 07:55:58 น.

ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดวันนี้ที่ 13,674.50 จุด เพิ่มขึ้น 6.18 จุด หรือ +0.05% เพราะได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเดินหน้ามาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมล่าสุด

ทั้งนี้ เฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0-0.25% ในการประชุมครั้งล่าสุด พร้อมประกาศว่าจะยังคงเดินหน้าโครงการซื้อสินทรัพย์ในวงเงินปัจจุบันที่ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและการจ้างงาน

 

 

emnb_1_370236.gif

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

 

ภาวะตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT: ข้าวสาลีปิดบวกขานรับอุปสงค์แกร่ง

 

 

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม 2556 08:35:51 น.

ภาวะตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อคืนนี้ (31 ก.ค.) สัญญาสินค้าโภคภัณฑ์เกษตรปรับตัวสูงขึ้นทั่วทั้งกระดาน

สัญญาข้าวโพดส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 1.5 เซนต์ หรือ 0.31% ปิดที่ 4.79 ดอลลาร์/บุชเชล ขณะที่สัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนก.ย.ปรับตัวขึ้น 9 เซนต์หรือ 1.37% ปิดที่ 6.6425 ดอลลาร์/บุชเชล และสัญญาถั่วเหลืองส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 3.25 เซนต์ หรือ 0.27% ปิดที่ 12.0625 ดอลลาร์/บุชเชล

emnb_1_370236.gif

สัญญาข้าวโพดปรับตัวขึ้น ขานรับการซื้อขายที่แข็งแกร่งในเขตคอร์นเบลท์ตะวันตกของสหรัฐ โดยรายงานระบุว่าปริมาณการผลิตน้ำมันเอธานอลประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 26 ก.ค.เฉลี่ยอยู่ที่ 832,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งแม้ว่าลดลง 2.5% เมื่อเทียบรายสัปดาห์ แต่ก็เพิ่มขึ้น 2.8% เมื่อเทียบรายปี ข้าวโพดที่ใช้ในการผลิตเมื่อสัปดาห์ที่แล้วประมาณการอยู่ที่ 87.4 ล้านบุชเชล ทำให้ปีนี้ใช้ข้าวโพดในการผลิตไปแล้วรวมทั้งสิ้น 4.08 พันล้านบุชเชล สำหรับสต็อกเอธานอล ณ วันที่ 26 ก.ค. ประมาณการที่ 16.45 ล้านบุชเชล ลดลง 4.67% จากสัปดาห์ก่อนหน้า และ 15.2% จากปีก่อน ขณะเดียวกันสัญญาข้าวโพดยังได้รับแรงหนุนจากข่าวว่า สหรัฐนำเข้าเอธานอลติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 4

ส่วนสัญญาข้าวสาลีพุ่งขึ้นอย่างมาก เนื่องจากข้าวสาลีผลิตในยุโรปซึ่งมีปริมาณโปรตีนต่ำกว่า 11% อาจไม่สามารถตอบสนองความต้องด้านการส่งออกได้ ขณะที่สถาบันผลผลิตเอกชนประมาณการผลผลิตข้าวสาลีโลกอยู่ที่ 694 ล้านตัน ต่ำกว่าที่กระทรวงเกษตรสหรัฐ (USDA) คาดการณ์ไว้ที่ 697.80 ล้านตัน สัญญาข้าวสาลียังได้แรงหนุนจากความต้องการข้าวสาลีพันธุ์ soft wheat ที่แข็งแกร่งของจีน ตลอดจนความต้องการข้าวสาลีพันธุ์ hard wheat ของบราซิล

สัญญาถั่วเหลืองปรับตัวขึ้นเล็กน้อย จากความต้องการของตลาดในประเทศอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรสหรัฐ (USDA) รายงานว่า กลุ่มบริษัทส่งออกได้ทำการจำหน่ายถั่วเหลือง 120,000 ตันสำหรับปีการตลาด 2556/2557 ไปยังประเทศที่ไม่ทราบจุดหมายปลายทางวานนี้ ส่วนสถาบันผลผลิตเอกชนรายหนึ่งลดประมาณการปริมาณการผลิตถั่วเหลืองสหรัฐในปี 2556/2557 เหลือ 3.310 พันล้านบุชเชล ลดลงจากคาดการณ์ก่อนหน้านี้ซึ่งอยู่ที่ 3.315 พันล้านบุชเชล และต่ำกว่าตัวเลขประมาณการ USDA ที่ 3.420 พันล้านบุชเชล สำนักข่าวซินหัวรายงาน

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย จงดี อำมฤคขจร/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

 

จีนเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนก.ค.ปรับขึ้นสู่ระดับ 50.3

 

 

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม 2556 08:27:45 น.

สหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน (CFLP) เผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือนก.ค. ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 50.3 จาก 50.1 ในเดือนมิ.ย.

emnb_1_370236.gif

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/พันธุ์ทิพย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th--

 

 

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

 

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม 2556 07:10:40 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (31 ก.ค.) ท่ามกลางการซื้อขายที่เป็นไปอย่างผันผวน หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และประกาศเดินหน้ามาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ซึ่งสอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 21.05 จุด หรือ 0.14% แตะที่ 15,499.54 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 0.23 จุด หรือ 0.01% แตะที่ 1,685.73 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 9.90 จุด หรือ 0.27% แตะที่ 3,626.37 จุด

emnb_1_370236.gif

 

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (31 ก.ค.) ขานรับรายงานที่ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 ของสหรัฐขยายตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ และตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนทั่วประเทศสหรัฐก็ปรับตัวขึ้นด้วยเช่นกัน

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 1.95 ดอลลาร์ ปิดที่ 105.03 ดอลลาร์/บาร์เรล

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 79 เซนต์ ปิดที่ 107.70 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (31 ก.ค.) เนื่องจากการขยายตัวที่ดีเกินคาดของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 2 ของสหรัฐ ทำให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ปิดที่ 1312.40 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 11.60 ดอลลาร์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ปิดที่ 19.628 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 5.2 เซนต์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ปิดที่ 1429.30 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 8.20 และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ปิดที่ 726.35 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 2.30 ดอลลาร์

 

-- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (31 ก.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศเดินหน้าใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะลดขนาดQE ในการประชุมล่าสุดซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อวานนี้

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 97.73 เยน จากระดับของวันอังคารที่ 97.97 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9233 ฟรังค์ จากระดับ 0.9292 ฟรังค์

เงินยูโรแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.3333 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3264 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.5252 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5244 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลงแตะระดับ 0.9009 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9062 ดอลลาร์สหรัฐ

 

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (31 ก.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 ของสหรัฐขยายตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ และตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนทั่วประเทศสหรัฐก็ปรับตัวขึ้นเกินคาดเช่นกัน

ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.1% ปิดที่ 299.58 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3,992.69 จุด เพิ่มขึ้น 6.08 จุด หรือ +0.15% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 8,275.97 จุด เพิ่มขึ้น 4.95 จุด หรือ +0.06% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,621.06 จุด เพิ่มขึ้น 50.11 จุด หรือ +0.76%

 

-- FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (31 ก.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากรายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทหลายแห่ง รวมถึงบริษัท Diageo ผู้ผลิตวิสกี้ Johnnie Walker นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังดีดตัวขึ้นขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ

ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,621.06 จุด เพิ่มขึ้น 50.11 จุด หรือ +0.76%

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

 

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ผลประกอบการเอกชนสดใส หนุนฟุตซี่ปิดบวก 50.11 จุด

 

 

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม 2556 07:03:37 น.

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (31 ก.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากรายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทหลายแห่ง รวมถึงบริษัท Diageo ผู้ผลิตวิสกี้ Johnnie Walker นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังดีดตัวขึ้นขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ

ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,621.06 จุด เพิ่มขึ้น 50.11 จุด หรือ +0.76%

emnb_1_370236.gif

ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวขึ้นขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขประมาณการครั้งแรกของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงประจำไตรมาส 2/2556 ขยายตัว 1.7% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 1.1%

ขณะที่ ADP ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดแรงงานในสหรัฐ เปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. เมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย. ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์

หุ้น Diageo พุ่งขึ้น 3.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่า ผลกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 2 อยู่ที่ 3.53 พันล้านปอนด์ มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 3.48 พันล้านปอนด์

หุ้นเซนทริกา ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานของอังกฤษ พุ่งขึ้น 1.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 767 ล้านปอนด์ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่ระดับ 753 ล้านปอนด์

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

 

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์อ่อนค่า หลังเฟดเมินส่งสัญญาณลดขนาด QE

 

 

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม 2556 06:51:12 น.

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (31 ก.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศเดินหน้าใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะลดขนาดQE ในการประชุมล่าสุดซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อวานนี้

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 97.73 เยน จากระดับของวันอังคารที่ 97.97 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9233 ฟรังค์ จากระดับ 0.9292 ฟรังค์

emnb_1_370236.gif

เงินยูโรแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.3333 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3264 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.5252 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5244 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลงแตะระดับ 0.9009 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9062 ดอลลาร์สหรัฐ

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงหลังจากเฟดไม่ได้ส่งสัญญาณใดๆว่าจะลดขนาดโครงการ QE ในการประชุมครั้งล่าสุด โดยในการประชุมครั้งนี้เฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0-0.25% ในการประชุมครั้งล่าสุด พร้อมประกาศว่าจะยังคงเดินหน้าโครงการซื้อสินทรัพย์ในวงเงินปัจจุบันที่ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและการจ้างงาน

อย่างไรก็ตาม การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอยู่แค่ในกรอบที่จำกัดเท่านั้น เพราะได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขประมาณการครั้งแรกของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงประจำไตรมาส 2/2556 ขยายตัว 1.7% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 1.1%

ขณะที่ ADP ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดแรงงานในสหรัฐ เปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. เมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย. ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลด้านแรงงานของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 27 ก.ค.ในวันนี้เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 345,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 343,000 ราย

ส่วนในวันศุกร์ กระทรวงแรงงานจะรายงานข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค. ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าการจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 175,000 รายในเดือนนี้ ขณะที่ประเมินว่าอัตราว่างงานในเดือนก.ค.จะลดลงเล็กน้อยสู่ระดับ 7.5% จาก 7.6% ในเดือนมิ.ย.

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

 

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดร่วง $11.60 หลัง GDP สหรัฐขยายตัวเกินคาด

 

 

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม 2556 06:29:49 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (31 ก.ค.) เนื่องจากการขยายตัวที่ดีเกินคาดของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 2 ของสหรัฐ ทำให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ปิดที่ 1312.40 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 11.60 ดอลลาร์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ปิดที่ 19.628 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 5.2 เซนต์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ปิดที่ 1429.30 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 8.20 และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ปิดที่ 726.35 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 2.30 ดอลลาร์

นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาด โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขประมาณการครั้งแรกของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงประจำไตรมาส 2/2556 ขยายตัว 1.7% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 1.1%

ขณะที่ ADP ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดแรงงานในสหรัฐ เปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. เมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย. ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์

นักลงทุนจับตาดูกระทรวงแรงงานจะรายงานข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค.ในวันศุกร์นี้ ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าการจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 175,000 รายในเดือนนี้ ขณะที่ประเมินว่าอัตราว่างงานในเดือนก.ค.จะลดลงเล็กน้อยสู่ระดับ 7.5% จาก 7.6% ในเดือนมิ.ย.

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-

 

 

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดบวก $1.95 ขานรับ GDP สหรัฐโตเกินคาด

 

 

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม 2556 06:17:07 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (31 ก.ค.) ขานรับรายงานที่ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 ของสหรัฐขยายตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ และตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนทั่วประเทศสหรัฐก็ปรับตัวขึ้นด้วยเช่นกัน

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 1.95 ดอลลาร์ ปิดที่ 105.03 ดอลลาร์/บาร์เรลemnb_1_370236.gif

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 79 เซนต์ ปิดที่ 107.70 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขประมาณการครั้งแรกของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงประจำไตรมาส 2/2556 ขยายตัว 1.7% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 1.1%

ขณะที่ ADP ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดแรงงานในสหรัฐ เปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. เมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย. ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์

อย่างไรก็ตาม แรงบวกได้ถูกสกัดลงในระหว่างวัน หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 26 ก.ค.เพิ่มขึ้น 431,000 บาร์เรล แตะที่ 364.6 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะร่วงลง 2.3 ล้านบาร์เรล

ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึง heating oil และน้ำมันดีเซล ลดลง 466,000 บาร์เรล สู่ระดับ 126.0 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 800,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 770,000 บาร์เรล แตะ 223.5 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 300,000 บาร์เรล

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลด้านแรงงานของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 27 ก.ค.ในวันนี้เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 345,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 343,000 ราย

ส่วนในวันศุกร์ กระทรวงแรงงานจะรายงานข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค. ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าการจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 175,000 รายในเดือนนี้ ขณะที่ประเมินว่าอัตราว่างงานในเดือนก.ค.จะลดลงเล็กน้อยสู่ระดับ 7.5% จาก 7.6% ในเดือนมิ.ย.

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

 

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดร่วง $11.60 หลัง GDP สหรัฐขยายตัวเกินคาด

 

 

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม 2556 06:29:49 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (31 ก.ค.) เนื่องจากการขยายตัวที่ดีเกินคาดของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 2 ของสหรัฐ ทำให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ปิดที่ 1312.40 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 11.60 ดอลลาร์emnb_1_370236.gif

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ปิดที่ 19.628 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 5.2 เซนต์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ปิดที่ 1429.30 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 8.20 และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ปิดที่ 726.35 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 2.30 ดอลลาร์

นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาด โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขประมาณการครั้งแรกของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงประจำไตรมาส 2/2556 ขยายตัว 1.7% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 1.1%

ขณะที่ ADP ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดแรงงานในสหรัฐ เปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. เมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย. ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์

นักลงทุนจับตาดูกระทรวงแรงงานจะรายงานข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค.ในวันศุกร์นี้ ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าการจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 175,000 รายในเดือนนี้ ขณะที่ประเมินว่าอัตราว่างงานในเดือนก.ค.จะลดลงเล็กน้อยสู่ระดับ 7.5% จาก 7.6% ในเดือนมิ.ย.

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

993960_576525992404405_764356700_n.jpg

 

สวัสดียามเช้า ใจใสไร้กังวลนะคะ

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 21.05 จุดหลังเฟดเดินหน้า QE ตามคาด

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม 2556 05:58:04 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (31 ก.ค.) ท่ามกลางการซื้อขายที่เป็นไปอย่างผันผวน หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และประกาศเดินหน้ามาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ซึ่งสอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 21.05 จุด หรือ 0.14% แตะที่ 15,499.54 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 0.23 จุด หรือ 0.01% แตะที่ 1,685.73 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 9.90 จุด หรือ 0.27% แตะที่ 3,626.37 จุดemnb_1_370236.gif

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวน โดยในช่วงแรกนั้น ตลาดปรับตัวขึ้นขานรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขประมาณการครั้งแรกของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงประจำไตรมาส 2/2556 ขยายตัว 1.7% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 1.1%

ขณะที่ ADP ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดแรงงานในสหรัฐ เปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. เมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย. ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์

แต่ตลาดอ่อนแรงลงในเวลาต่อมาหลังจากเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0-0.25% ในการประชุมครั้งล่าสุด พร้อมประกาศว่าจะยังคงเดินหน้าโครงการซื้อสินทรัพย์ในวงเงินปัจจุบันที่ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและการจ้างงาน

คริสโตเฟอร์ โลว์ นักวิเคราะห์จากเอฟทีเอ็ม ไฟแนนเชียล กล่าวว่า การที่เฟดระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวปานกลางนั้น แทบจะไม่ต่างจากการแสดงความคิดเห็นในการประชุมครั้งก่อน นอกจากนี้ ตลาดยังคาดการณ์ไว้ก่อนแล้วว่าเฟดจะยังคงเดินหน้าใช้มาตรการ QE

หุ้นเฟซบุ๊กร่วงลง 2.20% ปิดที่ระดับ 36.80 ดอลลาร์ ขณะที่หุ้นคอมคาสท์ พุ่งขึ้น 5.55% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้สุทธิพุ่งขึ้น 29% ในไตรมาส 2 แตะที่ 1.7 พันล้านดอลลาร์

หุ้นวีซาร่วงลง 7.5% ขณะที่หุ้นมาสเตอร์การ์ด ดีดตัวขึ้น 1.5% ส่วนหุ้นเจซี เพนนีย์ ดิ่งลง 10%

นักลงทุนจับตาดูกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 27 ก.ค.ในวันนี้เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 345,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 343,000 ราย

นอกจากนี้ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) จะเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ค.ในวันนี้เวลา 21.00 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี ISM ภาคการผลิตเดือนก.ค.จะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 52.0 จากเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 50.9

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: จีดีพีสหรัฐโตเกินคาด หนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม 2556 06:42:30 น.

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (31 ก.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 ของสหรัฐขยายตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ และตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนทั่วประเทศสหรัฐก็ปรับตัวขึ้นเกินคาดเช่นกัน

ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.1% ปิดที่ 299.58 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3,992.69 จุด เพิ่มขึ้น 6.08 จุด หรือ +0.15% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 8,275.97 จุด เพิ่มขึ้น 4.95 จุด หรือ +0.06% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,621.06 จุด เพิ่มขึ้น 50.11 จุด หรือ +0.76%emnb_1_370236.gif

ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขประมาณการครั้งแรกของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงประจำไตรมาส 2/2556 ขยายตัว 1.7% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 1.1%

ขณะที่ ADP ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดแรงงานในสหรัฐ เปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. เมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย. ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากรายงานของสำนักงานสถิติของสหภาพยุโรป หรือยูโรสแตท ที่ระบุว่า จำนวนผู้ว่างงานในยูโรโซนที่มีสมาชิก 17 ประเทศลดลงมาอยู่ที่ 19.27 ล้านคนในเดือนมิ.ย. จาก 19.29 ล้านคนในเดือนพ.ค. โดยนับเป็นครั้งแรกนับแต่เดือนมิ.ย.2554 ที่จำนวนผู้ว่างงานในยูโรโซนปรับตัวลง ส่วนอัตราว่างงานยังทรงตัวที่ 12.1%

สำหรับในสหภาพยุโรป (อียู) ที่มีสมาชิก 27 ประเทศนั้น มีจำนวนผู้ว่างงาน 26.42 ล้านคนในเดือนมิ.ย. ซึ่งลดลงจาก 26.46 ล้านคนในเดือนพ.ค. ขณะที่อัตราว่างงานลดลงเล็กน้อยแตะ 10.9% จาก 11.0% ในเดือนพ.ค.

หุ้นกลุ่มเครื่องดื่มปรับฐานขึ้น โดย AB InBev พุ่งขึ้น 6.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด ขณะที่หุ้น Diageo ซึ่งเป็นผู้ผลิตวิสกี้ Johnnie Walker ปรับตัวขึ้น 3.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง และหุ้น SABMiller พุ่งขึ้น 2.6%

ส่วนหุ้นเปอร์โยต์ ซีตรอง พุ่งขึ้น 6.7% ขานรับผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัท

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

ตลาดหุ้นเอเชียบวกขึ้นเช้านี้ ขานรับเฟดเดินหน้า QE

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม 2556 08:43:37 น.

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นเช้านี้ เพราะได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเดินหน้ามาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมล่าสุด

ดัชนี MSCI Asia Pacific ทะยาน 0.7% แตะ 133.20 จุด เมื่อเวลา 9.36 น.ตามเวลาโตเกียว

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 13,674.50 จุด เพิ่มขึ้น 6.18 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,000.82 จุด เพิ่มขึ้น 7.02 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,025.75 จุด เพิ่มขึ้น 142.09 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,110.73 จุด เพิ่มขึ้น 2.79 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,916.56 จุด เพิ่มขึ้น 2.53 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,244.23 จุด เพิ่มขึ้น 22.30 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 6,644.56 จุด เพิ่มขึ้น 5.44 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,775.71 จุด เพิ่มขึ้น 3.09 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 5,062.00 จุด เพิ่มขึ้น 10.00 จุดemnb_1_370236.gif

หุ้นพานาโซนิค คอร์ป ทะยาน 5.2% หุ้นมิซูโฮ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป อิงค์ บวก 1.5% และหุ้นเอสทีเอ็กซ์ ออฟชอร์ แอนด์ ชิปบิลดิ้ง พุ่ง 11%

ทั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ที่ระดับ 0 - 0.25% ในการประชุมระยะเวลา 2 วันซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อวานนี้ (31 ก.ค.) พร้อมกับย้ำว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเป็นพิเศษต่อไป นอกจากนี้ เฟดยังประกาศว่าจะยังคงเดินหน้าโครงการซื้อสินทรัพย์ในวงเงินปัจจุบันที่ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและการจ้างงาน

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

เงินหยวนแข็งค่าแตะ 6.1778 หยวนต่อดอลลาร์เช้านี้

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม 2556 08:47:44 น.

China Foreign Exchange Trading System (CFETS) รายงานว่า เงินหยวนแข็งค่าขึ้น 0.10% แตะที่ 6.1778 หยวนต่อดอลลาร์

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในตลาดปริวรรตเงินตราต่างประเทศของจีนนั้น เงินหยวนได้รับอนุญาตให้ปรับตัวขึ้นหรือลงไม่เกิน 1% จากอัตราค่ากลางของการซื้อขายแต่ละวัน

ทั้งนี้ อัตราค่ากลางสกุลเงินหยวนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ อิงกับราคาเฉลี่ยแบบถ่วงน้ำหนัก ก่อนที่ตลาดจะเปิดทำการซื้อขายในแต่ละวัน

 

emnb_1_370236.gif

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กนิษฐนุช สิริสุทธิ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ควบคุมมลพิษรับฟื้นฟูน้ำมันรั่วใช้เวลานาน อธิบดีกรมควบคุมมลพิษรับฟื้นฟูน้ำมันรั่วใช้เวลานาน เผยกำลังรวมค่าเสียหายทุกด้านเรียกเคลม ปตท. กองทัพประชาชน เล็งพื้นที่ชุมนุม3-4แห่ง กองทัพประชาชน เล็งพื้นที่ชุมนุมไว้แล้ว 3-4 แห่ง เน้นความปลอดภัยเป็นหลัก พร้อมเปิดรับสมัครการ์ด-พยาบาลอาสา เตือนพายุเชบี2-5ส.ค.เหนือ,อีสานฝนตกหนัก อุตุฯออกประกาศเตือนพายุเชบีระหว่างวันที่ 2-5 ส.ค.ภาคเหนือ-อีสานฝนตกหนัก 'พงษ์ศักดิ์'ชี้ขึ้นแอลพีจีต้นทุนอาหารเพิ่ม5สต. 'ยรรยง'ถกผู้ค้า-ตลาดสด ตรึงราคาหมู130บ. ทองปิดร่วง$11.60 จีดีพีสหรัฐดีเกินคาด น้ำมันปิดบวก$1.95 ศก.สหรัฐโตเกินคาด

ดูข่าว ทั้งหมด icon-arrow-gray.gif

 

 

ข่าวยอดนิยม

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Business Talk : ทอง...ฟื้นจริงหรือฟื้นหลอก ออกอากาศ 30 ก.ค.5

http://www.bangkokbiznews.com/kttv/vdo/520368/

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

การเงิน - การลงทุน

วันที่ 31 กรกฎาคม 2556 10:09

 

'ประสาร'แนะ4โจทย์ท้าทายรัฐฝ่าศก.โลก

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

news_img_520392_1.jpg

ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

ผู้ว่าแบงก์ชาติแนะ 4 โจทย์นโยบายศก.มหภาค พาไทยฝ่าวิกฤติ ยอมรับระยะสั้นยังมีความผันผวน ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานควรดูที่ความคุ้มค่า

นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวปาฐกถา เรื่อง "เศรษฐกิจไทย เศรษฐกิจโลกอนาคตประเทศไทย" ในงานครบรอบ 75 ปี แห่งการก่อตั้งคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมแกรนด์ไฮแอท กรุงเทพฯ วานนี้ (30 ก.ค.) ว่า ผมขอแสดงความยินดีกับคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในวาระครบรอบ 75 ปี ในการผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพให้แก่วงการธุรกิจ ซึ่งถือเป็นกาลังสาคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศมาโดยตลอด

ในโอกาสนี้ผมรู้สึกยินดีที่ได้รับเกียรติมาเสวนาพิเศษในหัวข้อ "เศรษฐกิจไทย เศรษฐกิจโลกอนาคตประเทศไทย" ผมคิดว่าการเสวนาในหัวข้อดังกล่าวในช่วงนี้ถือเป็นจังหวะที่ดี เพราะขณะนี้ สถานการณ์โลก มีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างรวดเร็วและมีความไม่แน่นอนสูง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การเตรียมการรับมืออย่างรอบด้านจะเป็นหนทางที่ช่วยให้เราสามารถลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจได้ทางหนึ่ง

ในระยะสั้น การติดตามภาวะและแนวโน้มของเศรษฐกิจโลกอย่างใกล้ชิด การคาดการณ์ถึงผลกระทบที่จะมีต่อเศรษฐกิจไทย และหาวิธีลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นถือเป็นเรื่องที่สาคัญ แต่ในขณะเดียวกัน เราจาเป็นต้องคานึงถึงการวาดภาพไปในระยะยาวว่า หากต้องการที่จะเห็นเศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างมั่นคง มีภูมิคุ้มกันตัวเองจากความผันผวนต่างๆ เราจะต้องทาอย่างไรหรือวางแนวนโยบายอย่างไรเพื่อให้ไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้

ในวันนี้ผมขอแบ่งหัวข้อการเสวนาออกเป็น 4 ส่วนคือ 1) การประเมินภาวะและแนวโน้มของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย 2) การสำรวจพัฒนาการทางเศรษฐกิจของไทยตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน 3) หนทางที่จะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจประเทศให้เติบโตได้อย่างมั่นคงในระยะยาว และ 4) แนวทางการดาเนินนโยบายเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้

1. เศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจไทย: สภาวะในปัจจุบันและแนวโน้ม

ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา การเปลี่ยนแปลงของภาวะเศรษฐกิจและการเงินโลกเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หลายท่านคงจำได้ว่าเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เราพูดถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจกลุ่ม G3 ที่ยังมีความไม่แน่นอน ขณะที่เศรษฐกิจภูมิภาคเอเชียเติบโตได้ค่อนข้างดี การเติบโตของเศรษฐกิจที่แตกต่างกันนี้ มีส่วนทาให้กระแสเงินทุน ไหลเข้ามาลงทุนในภูมิภาคเอเชียรวมถึงไทยอย่างต่อเนื่องและทำให้ค่าเงินแข็งขึ้นอย่างรวดเร็ว

แต่ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา แม้ความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจกลุ่ม G3 ยังมีอยู่ แต่เราเริ่มเห็นตัวเลขภาคที่อยู่อาศัยและการจ้างงานของสหรัฐฯ มีแนวโน้มดีขึ้นเป็นลำดับ ส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณว่าจะทยอยถอนมาตรการ QE ขณะที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นขยายตัวดีขึ้นจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ในขณะเดียวกัน เศรษฐกิจกลุ่มเอเชีย เริ่มเห็นสัญญาณการชะลอลงโดยเฉพาะจีน การเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจข้างต้น ส่งผลให้บรรยากาศและความเชื่อมั่นในตลาดการเงินโลกมีความผันผวนค่อนข้างสูง กระแสเงินทุนกลับทิศทางและไหลออกจากภูมิภาคเอเชีย ซึ่งทาให้ค่าเงินอ่อนลงอย่างรวดเร็ว จนเรียกได้ว่าเป็นคนละภาพกับที่เห็นในช่วงต้นปีนี้

การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่เป็นไปอย่างช้าๆ ทาให้การส่งออกสินค้าของไทยฟื้นตัวช้ากว่าที่หลายฝ่ายรวมถึงที่แบงก์ชาติเคยคาดไว้ และเมื่อประกอบกับการใช้จ่ายภายในประเทศที่ชะลอลงตามการบริโภคและ การลงทุนที่พักฐานหลังจากเร่งไปมากในช่วงก่อนหน้า แบงก์ชาติจึงปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยลง โดยคาดว่าปีนี้จะขยายตัวจากปีก่อนประมาณ 4.2% นอกจากนี้ เมื่อมองไปข้างหน้า แม้เศรษฐกิจไทยจะมีแนวโน้มขยายตัวได้ตามปกติจากปัจจัยพื้นฐานที่ดี แต่ก็มีแนวโน้มค่อนข้างชัดเจนว่าในระยะข้างหน้า เศรษฐกิจไทยยังต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนอยู่ทั้งจากปัจจัยภายนอกและภายในประเทศ จากการที่ ทั้งเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยกาลังอยู่ในช่วงปรับตัว

จากที่ผมได้กล่าวไว้ในช่วงแรกว่าในระยะสั้น หากเราติดตามประเมินสถานการณ์และมีมาตรการเตรียมรับมือที่เหมาะสมและรอบด้านเพียงพอ ก็อาจจะช่วยให้เราสามารถลดผลกระทบจากความไม่แน่นอนต่างๆ ได้ แต่สาหรับในระยะยาว ผมเชื่อว่าเราทุกคนคงมุ่งหวังที่จะเห็นเศรษฐกิจไทยมีภูมิคุ้มกันตัวเองจากความไม่แน่นอนต่างๆ และยืนหยัดเติบโตได้อย่างมั่นคง

ดังนั้น ในช่วงต่อไป ผมขออนุญาตนำท่านย้อนอดีตไปสารวจเศรษฐกิจของเราด้วยกันก่อน เพื่อดูว่าที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยเติบโตได้จากปัจจัยใดและ ณ วันนี้รวมถึงในอนาคต เราจะยังสามารถอาศัยจุดแข็งที่มีนั้นทาให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปได้หรือไม่และอย่างไร

2. สำรวจประเทศไทยจากอดีตสู่ปัจจุบัน: ปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจในปัจจุบันอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้ไทยเติบโตได้อย่างมั่นคงในระยะยาว “What Got You Here Won’t Get You There”

ท่านผู้มีเกียรติครับ

เพื่อให้ทุกท่านได้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น ผมจึงขอแบ่งช่วงการพัฒนาทางเศรษฐกิจตามการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของ The Global Competitiveness Report ซึ่งพบว่า ในช่วงเริ่มแรกนั้น ไทยก็คล้ายกับประเทศอื่นๆ ที่การเติบโตของเศรษฐกิจมีจุดเริ่มต้นจากการผลิตที่เน้นการใช้แรงงานและทรัพยากรในประเทศค่อนข้างมาก แต่ต่อมา ด้วยความที่ไทยมีจุดเด่นทางด้านค่าจ้างแรงงานที่ถูก และเป็นแรงงานที่มีฝีมือดี ประกอบกับมีการเริ่มนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ในการผลิตบางส่วน จึงทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จนในปัจจุบัน ไทยสามารถพัฒนาจากการผลิตที่เน้นการใช้แรงงานและทรัพยากรในประเทศมาก มาเป็นเศรษฐกิจที่เติบโตด้วยการผลิตที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่าง การใช้แรงงานกับเทคโนโลยีบางส่วน

อย่างไรก็ดี เมื่อมองไปข้างหน้า ปัจจัยที่เคยช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจมาโดยตลอด อาจไม่เพียงพอที่จะผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโตได้อย่างมั่นคงได้ในระยะยาว เนื่องจากเราไม่ได้มีทรัพยากรธรรมชาติที่มากพอ จนใช้ได้ไม่มีวันหมด ขณะที่ค่าจ้างแรงงานเองก็เริ่มสูงขึ้น ดังนั้น ทางออกของไทยคือ จะต้องเร่งพัฒนาเศรษฐกิจขึ้นอีกระดับหนึ่งเพื่อให้เป็นเศรษฐกิจที่เติบโตด้วยนวัตกรรม ซึ่งหมายถึงการผลิตสินค้าหรือบริการใหม่ๆ ที่โดดเด่น มีเอกลักษณ์ มีมูลค่าเพิ่มสูง และเป็นที่ต้องการในตลาด ซึ่งจะช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้และสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยเติบโตต่อไปได้อย่างมั่นคง

3. หนทางพัฒนาประเทศ: ผลักดันให้มีนโยบายเพื่อให้เป็นเศรษฐกิจที่เติบโตด้วยนวัตกรรม ซึ่งจะช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

อาจมีคำถามว่า การพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้เป็นเศรษฐกิจที่เติบโตด้วยนวัตกรรม ซึ่งจะช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศต้องทาอย่างไร? สาหรับประเทศไทย ผมมองว่าทางการจะต้องเร่งผลักดันให้มีนโยบายที่สาคัญใน 4 ด้าน เพื่อสร้างความพร้อมของประเทศในด้านต่างๆ ซึ่งได้แก่ ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านคน ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม และด้านตลาดแรงงาน

ด้านแรกคือ การสร้างความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน ไทยจาเป็นต้องปรับรูปแบบโครงสร้าง การขนส่งของประเทศเพื่อให้สามารถลดต้นทุน logistics ได้อย่างมีนัยสาคัญ เพราะปัจจุบันต้นทุน logistics ของไทยยังค่อนข้างสูงที่ประมาณ 15% ของ GDP (ข้อมูลปี 2554) หากทางการสามารถเร่งผลักดันให้ระบบ การขนส่งมวลชนของประเทศมีโครงข่ายเชื่อมโยงที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการลงทุนพัฒนาระบบราง ท่าเรือ ถนน และท่าอากาศยาน จะช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับประเทศในหลายด้าน ทั้งช่วยประหยัดเวลาในการเดินทางและการขนส่งสินค้า เพิ่มปริมาณการค้าชายแดน ลดการพึ่งพาการขนส่งทางถนนซึ่งจะช่วยลดการใช้น้ามันเชื้อเพลิงลงได้ โดยหากสามารถทาให้โครงสร้างพื้นฐานแล้วเสร็จตามแผนที่วางไว้ ไทยจะสามารถลดต้นทุน logistics ได้อย่างน้อย 2% ของ GDP

ด้านที่สองคือ การทำให้คนในประเทศมีพัฒนาการด้านสุขภาพและการศึกษาที่ดี จะต้องมี การลงทุนเพื่อพัฒนาระบบสาธารณสุขและระบบการศึกษาทั้งทางด้านคุณภาพ และโอกาสในการเข้าถึงของประชาชน โดยในกรณีของการศึกษานั้นยังต้องเน้นการพัฒนาทั้งระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน การศึกษาขั้นสูง การฝึกอบรมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการวางระบบการศึกษาให้ตรงกับความต้องการของตลาดและเป้าหมาย ในการพัฒนาประเทศตั้งแต่เนิ่นๆ

ผมขอยกตัวอย่างประเทศที่เรียกได้ว่าประสบความสาเร็จในการพัฒนาประเทศในด้านนี้ค่อนข้างชัดเจน นั่นก็คือประเทศสิงคโปร์ จากที่เราท่านทราบกันดีว่าประเทศนี้เป็นเกาะเล็กๆ มีพื้นที่จากัด มีทรัพยากรธรรมชาติน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ แต่เพราะสิงคโปร์ให้ความสาคัญกับคุณภาพของคน ในประเทศและทาโดยต่อเนื่อง โดยการปลูกฝังแนวคิดในการพัฒนาประเทศไว้ตั้งแต่แบบเรียนขั้นต้นและคานึงถึงคุณภาพชีวิตของคนที่ต้องมีความพร้อมทั้งคุณธรรม สติปัญญา ร่างกาย และสังคม สร้างความเข้าใจ ในข้อจากัดของประเทศและมองเห็นโอกาสในการพัฒนาประเทศร่วมกันของคนในประเทศ จนทาให้สิงคโปร์กลายเป็นประเทศที่จัดได้ว่ามีพัฒนาการทางเศรษฐกิจและสังคมอันดับต้นๆ ของโลก

ด้านที่สามคือ การสร้างความพร้อมด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยการลงทุนหรือสร้างระบบที่ช่วยจูงใจให้มีการลงทุนและศึกษาด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) การเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีจากชาวต่างชาติที่มาลงทุนในไทย รวมทั้งสนับสนุนให้เกิดการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งการสร้างความพร้อมในด้านนี้ นอกจากจะช่วยให้ธุรกิจผลิตสินค้าได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นแล้ว ยังจะช่วยให้สินค้าหรือบริการใหม่ๆ มีความหลากหลาย มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ และมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น ถือเป็นการยกระดับสินค้าไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ เช่น ที่ผ่านมาเราได้เห็นธุรกิจไทยหลายราย รวมทั้ง SMEs บางราย ที่สามารถขยายกิจการไปยังต่างประเทศได้เทียบเท่าธุรกิจรายใหญ่ของโลก ก็เพราะเริ่มจากการมีนวัตกรรมที่ทาให้สินค้าแตกต่าง แต่ตรงใจผู้บริโภค จึงทาให้สามารถตั้งราคาได้สูง ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องน่ายินดีว่าถ้าคนไทยตั้งใจ ก็มีศักยภาพที่จะทาได้ ไม่แพ้ชาติใดในโลก

นอกจากนี้ การพัฒนาความพร้อมในด้านสุขภาพและการศึกษาของคนในประเทศ และความพร้อมด้านเทคโนโลยีที่ผมได้กล่าวไปแล้วนั้น ยังสามารถนาไปสู่การพัฒนาในด้านสุดท้ายได้คือ การทาให้ตลาดแรงงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งในส่วนนี้ ผมขออนุญาตใช้เวลามากหน่อยสาหรับเรื่อง การเตรียมความพร้อมในด้านตลาดแรงงานของไทย จากที่เราท่านทราบกันมาระยะหนึ่งแล้วว่า ตลาดแรงงานของบ้านเราค่อนข้างตึงตัว ล่าสุดอัตราการว่างงานในเดือนเมษายนอยู่ที่ร้อยละ 0.9 ต่าที่สุด ในกลุ่มประเทศเอเชีย

ความตึงตัวของตลาดแรงงานนี้ ถือเป็นข้อจำกัดเชิงโครงสร้างที่สาคัญต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย แต่ประเด็นที่มักจะถูกหยิบยกมาพูดถึงจะมีเฉพาะปัญหาด้านจานวนแรงงานที่ไม่เพียงพอ แต่นอกเหนือจากนี้ยังมีปัญหาความไม่ตรงกันระหว่างความต้องการของนายจ้างกับทักษะของลูกจ้างหรือที่เรียกว่า skill mismatch ซึ่งการพัฒนาคุณภาพของคนในด้านการศึกษาให้ตรงกับความต้องการของนายจ้าง จะช่วยให้แรงงานมีทักษะที่ตอบโจทย์นายจ้างมากขึ้น เช่น เร่งพัฒนาคุณภาพและส่งเสริมการศึกษาสายอาชีพให้มากขึ้นเพื่อป้อนแรงงานเข้าสู่ภาคการผลิตที่มีความต้องการแรงงานสายช่างเทคนิคเพื่อไปดูแลควบคุมอุปกรณ์เทคโนโลยี มากกว่าต้องการแรงงานที่จบปริญญาบัตรในสาขาที่มีความต้องการน้อยกว่า

นอกจากปัญหาด้านจานวนแรงงานไม่เพียงพอและ skill mismatch แล้ว ปัญหาที่สาคัญมาก อีกประการหนึ่งแต่ไม่ค่อยมีการพูดถึงคือ ผลิตภาพของแรงงานไทย หรือ labor productivity ของไทย ที่มีการขยายตัวช้า ซึ่งเกิดจากปัญหาสองประการได้แก่ 1) แรงงานไทยมีการเคลื่อนย้ายกาลังแรงงานจากสาขาการผลิตที่มี productivity สูงไปยังสาขาที่มี productivity ต่ำ และ 2) ไทยมีการสะสมทุนในอัตราที่ต่าลง

ปัญหาแรงงานไทยมีการเคลื่อนย้ายกาลังแรงงานจากสาขาการผลิตที่มี productivity สูงไปยังสาขาที่มี productivity ต่ำ สอดคล้องกับที่เราเห็นแรงงานย้ายออกจากภาคอุตสาหกรรมและบริการไปสู่ ภาคเกษตรมากขึ้นในช่วงปี 2554-2555 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะราคาสินค้าเกษตรทั้งในและต่างประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่วนปัญหาไทยมีการสะสมทุนในอัตราที่ต่าลงนั้น ดูได้จากอัตราการขยายตัวของทุนทั้งหมดต่อแรงงานของไทยที่ลดลงค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับช่วงก่อนวิกฤตต้มยากุ้ง ส่วนหนึ่งเนื่องจากอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้นของไทยจานวนมากยังสามารถดาเนินธุรกิจโดยพึ่งพาแรงงานต่างด้าวไร้ทักษะ จึงขาดแรงจูงใจที่จะปรับเปลี่ยนไปใช้เครื่องจักรอย่างรวดเร็ว หรือปรับเปลี่ยนไปสู่อุตสาหกรรมที่มีความซับซ้อนและมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น ผลคือการลงทุนในเชิงปริมาณและคุณภาพเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตจึงค่อนข้างต่า

ดังนั้น การเตรียมความพร้อมทั้งด้านการพัฒนาคุณภาพของคนไปพร้อมๆ กับการส่งเสริมการลงทุนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อช่วยพัฒนาด้านตลาดแรงงาน จึงเป็นเรื่องที่สาคัญ ซึ่งจะช่วยบรรเทาข้อจากัดด้านตลาดแรงงานที่ไทยกาลังเผชิญอยู่ได้ทั้งในด้านจานวนแรงงาน และ productivity ที่ขยายตัวช้า และเมื่อประกอบกับการเตรียมความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน ที่ผมได้กล่าวไปแล้วข้างต้น ทั้งหมดนี้ จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพการเติบโตให้กับเศรษฐกิจไทยและเป็นตัวกาหนดความสามารถในการแข่งขัน ในเวทีโลกของไทยในระยะยาว

4. แนวทางการดำเนินนโยบายเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย: รัฐและเอกชนต้องเดินไปด้วยกันภายใต้การกาหนดนโยบายที่มุ่งเน้นประสิทธิภาพ และมุ่งหวังจะสร้างการเติบโตให้กับประเทศอย่างยั่งยืน

ท่านผู้มีเกียรติครับ

การเดินไปสู่เป้าหมายเพื่อที่จะทาให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างมั่นคงในระยะยาวนั้น จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือกันของพวกเราทุกคน ไม่ว่าท่านหรือผม จะอยู่ในภาครัฐหรือภาคเอกชน เราทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการผลักดันให้เกิดนโยบายต่างๆ

ภาคเอกชนถือเป็นฟันเฟืองที่สาคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ผมเชื่อว่าภายใต้ การแข่งขันที่รุนแรงจากทั้งในและต่างประเทศ ภาคเอกชนมีการพัฒนาอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็น การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตทั้งการพัฒนาคุณภาพของแรงงานผ่านการฝึกอบรมเพิ่มทักษะ และการลงทุน ในเทคโนโลยี แต่ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ผมเห็นว่าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการกำหนดนโยบายของภาครัฐคือ การประสานความร่วมมือและสื่อสารกับภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นข้อเสนอแนะต่างๆ ต่อนโยบายของภาครัฐหรือเรื่องที่เป็นอุปสรรคของธุรกิจ เนื่องจากเรื่องเหล่านี้จะช่วยให้ภาครัฐเข้าใจสิ่งที่ภาคธุรกิจเผชิญอยู่ได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการกำหนดนโยบายที่เอื้อต่อการเพิ่มศักยภาพของภาคเอกชน หรือช่วยลดอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจได้แบบตรงจุด

ในส่วนของภาครัฐ ซึ่งรวมถึงแบงก์ชาติ ถือเป็นฟันเฟืองสำคัญอีกตัวหนึ่งที่จะช่วยผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโตไปถึงเป้าหมาย แต่การจะไปถึงเป้าหมายนั้น ผมเชื่อว่าประเทศต้องมี "นโยบายเศรษฐกิจมหภาคที่ดี" ที่สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งควรมีลักษณะสาคัญ 4 ประการคือ

ประการแรก เป็นนโยบายที่มองไกลไปในอนาคต และมุ่งหวังสร้างการเติบโตให้กับประเทศอย่างยั่งยืนในระยะยาว (Sustainability) กล่าวคือ ควรเป็นนโยบายที่ช่วยเพิ่มศักยภาพในการผลิตทั้ง ด้านการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาคุณภาพ และยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน รวมทั้งสร้างแรงจูงใจในการลงทุนในด้านเทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา

ประการที่สอง เป็นนโยบายที่มีความต่อเนื่อง (Continuity) เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในระยะยาว เนื่องจากการปรับโครงสร้างของเศรษฐกิจเพื่อให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา

ประการที่สาม เป็นนโยบายที่มีความสอดคล้องกัน (Consistency) ทั้งในระดับของผู้ดำเนินนโยบายมหภาคต่างๆ กล่าวคือ ผู้ดาเนินนโยบายมองเห็นและดำเนินนโยบายโดยเห็นเป้าหมายเดียวกัน และในระดับของนโยบำยใหญ่และนโยบำยย่อยที่เกี่ยวข้องกัน เพื่อไม่ให้ผลหักล้างกันเองหรือไปกัน คนละแนวทาง

ประการที่สี่ เป็นนโยบายที่มุ่งเน้นประสิทธิภาพและประสิทธิผล (Efficiency and Effectiveness) ทาแล้วคุ้มค่า ไม่ก่อให้เกิด Opportunity Loss เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่า เรามีทรัพยากรจำกัดไม่ว่าจะเป็นเงินทุน คน รวมทั้งเวลา จึงควรบริหารทรัพยากรเหล่านี้ให้เกิดประโยชน์กับประเทศสูงสุด

ดังนั้น ไม่ว่าจะดำเนินการใดๆ ก็ตาม จะต้องมีการจัดลำดับความสาคัญว่าสิ่งใดควรจะทาก่อนหลังเช่น การลงทุนทางด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ จะต้องเลือกโดยดูความคุ้มค่าของโครงการเป็นที่ตั้ง เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและเพิ่มศักยภาพให้แก่ประเทศ

สาหรับแบงก์ชาติเอง เรามีเป้าหมายหลักคือ มุ่งเสริมสร้างสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจการเงินที่มีเสถียรภาพและมีพัฒนาการอย่างยั่งยืนและทั่วถึง ผ่านการใช้นโยบายและเครื่องมือต่างๆ

นโยบายการเงิน มีเป้าหมายในการดูแลเสถียรภาพของเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการสร้างสมดุล ในการเติบโตและคานึงถึงความสามารถในการประคับประคองเศรษฐกิจในอนาคตเมื่อมีความจำเป็น โดยมีเครื่องมือสำคัญคืออัตราดอกเบี้ยและอัตราแลกเปลี่ยน

ทางด้านนโยบายสถาบันการเงิน มุ่งเน้นให้มีการบริการทางการเงินอย่างทั่วถึงและสามารถแข่งขันได้ภายใต้โครงสร้างของการมีระบบการเงินที่มั่นคง รวมทั้งเพิ่มศักยภาพการสอดส่องดูแลเสถียรภาพระบบการเงินมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันสถาบันการเงินทั้งในและนอกการกากับของแบงก์ชาติมีความเกี่ยวโยงกัน สูงมาก หากเกิดปัญหากับส่วนใดส่วนหนึ่งก็สามารถส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของสถาบันการเงินได้

ส่วนนโยบายระบบการชำระเงิน สนับสนุนให้สถาบันการเงินทาหน้าที่เป็นตัวกลางด้านการชำระเงินอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อช่วยสนับสนุนการค้าการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ

อย่างไรก็ดี นโยบายของแบงก์ชาติแม้จะช่วยสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตและเสถียรภาพของเศรษฐกิจและไม่เป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ แต่ไม่สามารถแก้ไขข้อจากัดทางด้านการผลิตได้ จาเป็นต้องมีการสอดประสานนโยบายเศรษฐกิจมหภาคจากภาครัฐ ซึ่งมีบทบาทโดยตรงในการเพิ่มศักยภาพของประเทศ ภาครัฐจึงควรให้ความสาคัญกับการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นและการเพิ่มศักยภาพของประเทศในระยะยาวควบคู่กันไป เพื่อช่วยให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว

ท่านผู้มีเกียรติครับ

ผมคิดว่าผมใช้เวลามาพอสมควรตั้งแต่เรื่องของการประเมินภาวะเศรษฐกิจและเศรษฐกิจไทยจนถึงปัญหาข้อจำกัดต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาวและนโยบายเศรษฐกิจมหภาคที่ดี ผมขอใช้เวลาที่เหลือสรุปในช่วงท้ายนี้ว่า ในระยะสั้น ภาวะและแนวโน้มของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยกาลังอยู่ในช่วงปรับตัวและยังต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนอยู่ ส่วนในระยะยาว หนทางที่จะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจประเทศให้เติบโต ได้อย่างมั่นคงคือ การเตรียมความพร้อมของประเทศทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านคน ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมทั้งด้านตลาดแรงงานโดยเฉพาะในมิติของ skill mismatch และ productivity ที่เติบโตช้า ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพื่อไม่ให้มีผลลดทอนศักยภาพการเติบโตของประเทศ และจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจของทุกภาคส่วนทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ โดยเฉพาะภาครัฐ ในส่วนของผู้ดำเนินนโยบายและนโยบายเศรษฐกิจมหภาคที่จะต้องสอดรับกัน มีการสอดประสานกัน และมองเห็นเป้าหมายคือประโยชน์สูงสุดต่อประเทศร่วมกันระหว่างผู้ดาเนินนโยบาย ซึ่งจะเป็นหนทางที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ ช่วยให้ไทยพัฒนาไปสู่เศรษฐกิจที่เติบโตด้วยนวัตกรรม ซึ่งท้ายที่สุด จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต และความกินดีอยู่ดีของคนไทยได้อย่างมั่นคงไปในคราวเดียวกัน

Tags : เศรษฐกิจไทยธปท.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล เศรษฐกิจโลก

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีคับเพื่อนๆทุกท่านวันนี้มาแบบด่วนนะครับ :Announce ดูกราฟเลย1-8-56-01.gifเมื่อวานหลอกเบรคบนเบรคล่างกินcutทั้ง2ฝั่ง แต่ดูแล้วหลุดแนวรับแนวต้านสามเหลี่ยมแต่มีเทรนสีขาวรองรับอยู่ วิ่งไซย์เวย์กรอบนี้แถมแนวรับสีฟ้าก็อยู่แถวๆ1305 แล้วด้วย หลุดล่างอาจได้เห็น1270 หลุดบนก็แถวๆ1269-1274

 

มุมมองวันนี้สำหรับคนซื้อ

1 รอซื้อbuy limit 1318 cut1305 เป้า 1336-1369

2 หากถูกกินcutข้อ1 รอดูสสถานการณ์ต่อไป

3 หากลงมาไม่ถึง ซือตาม buy stop 1338 cut 1333 เป้า1369

 

สำหรับคนขาย

1 รอขายsell limit 1374 cut 1379 เป้า 1305-1260

2 หากถูกกินcutข้อ1 รอดูสสถานการณ์ต่อไป

3 หากขึ้นมาไม่ถึง 1374 หรือหลุด 1305 แนะนำรอขาย sell stop 1304 cut 1310 เป้า1260

ปล.เมื่อวานโดนcutไป 5$กว่าๆ กลางคืนไม่มีเวลาดูเท่าไหร่ แต่มาเล่นหลังตี2 เหมือนตกหลุมอากาศ สรุปยอดเดือนกคได้ทั้งหมด1194$ ถอนให้เอ๋ไป 1070$ เก็บสะสมเข้าพอร์ท 124$ ยอดสะสมมาร์จิ้นในพอร์ท เป็น6772$ ครับ ส่วนซื้อขายวันนี้ตามที่แนะนำเลย1-8-56-02.gif

 

มาก็เอาไม่มาก็ไม่เอา ช่างมัน

ปล2.ต้องไปส่งเอกสารติดต่องานที่ศาลากลางและกลับมาเตรียมงานรับเสด็จในหลวงวันนี้คงไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่เดี๋ยวว่างจะเข้ามาใหม่นะครับขอให้เพือนๆโชคดีในการลงุทุน :bye

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

"กูรูการเงิน" เตือนครึ่งปีหลังเงินไหลออก-บาทอ่อน

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดที่ 31.25-31.30 บาท/ดอลลาร์ รับผลประชุมเฟดคงดอกเบี้ย-เดินหน้าQE กรอบ 31.15-31.35 บาท/ดอลลาร์

นักค้าเงินจากธนาคารกรุงเทพจำกัด (มหาชน) หรือ BBL เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 31.25-31.30 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากวานนี้ หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0-0.25% ในการประชุมครั้งล่าสุด พร้อมประกาศว่าจะยังคงเดินหน้าโครงการซื้อสินทรัพย์ต่อไปส่งผลให้ค่าเงินสกุลอื่นๆ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์ และราคาทองคำก็ขยับขึ้นเล็กน้อยเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ คาดว่าค่าเงินบาทวันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.15-31.35 บาท/ดอลลาร์ โดยมีปัจจัยที่ต้องติดตามคือ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ธนาคารกลางอังกฤษประกาศการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ย

Tags : ธนาคารกรุงเทพเฟดคิวอีค่าเงินบาท บาทเปิดตลาดที่31.25/30รับเฟดเดินหน้าQE ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดที่ 31.25-31.30 บาท/ดอลลาร์ รับผลประชุมเฟดคงดอกเบี้ย-เดินหน้าQE กรอบ 31.15-31.35 บาท/ดอลลาร์ แนวโน้มหุ้นภาคเช้าปรับขึ้นรับข่าวเฟดคงQE โบรกฯคาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังเฟดประกาศคงอัตราดอกเบี้ย-เดินหน้าQE ประเมินกรอบวันนี้ที่ 1,410-1,440 จุด เกาะติดตลาดหุ้นโลก 1 ส.ค.56 vdo.gif เกาะติดตลาดหุ้นโลกไปกับ Morning News ออกอากาศ 1 ส.ค.56 สรุปหุ้นรอบวัน 31 ก.ค.56 vdo.gif บาทปิดตลาดที่31.30/32จับตาเฟด พอร์ตลงทุนหุ้นวันนี้ต่างชาติซื้อ184ล้าน หุ้นไทยปิดร่วง12จุดกังวลการเมือง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
:01 ขอบคุณค่ะ คุณ news, คุณ ginger, คุณบาส

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

การเมือง : คุณภาพชีวิต

วันที่ 1 สิงหาคม 2556 08:04

 

เตือนพายุเชบี2-5ส.ค.เหนือ,อีสานฝนตกหนัก

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

news_img_520623_1.jpg

อุตุฯออกประกาศเตือนพายุเชบีระหว่างวันที่ 2-5 ส.ค.ภาคเหนือ-อีสานฝนตกหนัก

กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเรื่อง"พายุ เชบี(JEBI)"ฉบับที่ 4 วันที่ 1 สิงหาคม 2556 เวลา 05.00 น.ว่า เมื่อเวลา 04.00 น. วันนี้ (1 ส.ค. 56) พายุโซนร้อน "เชบี" (JEBI) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 580 กิโลเมตร ทางตะวันออกเฉียงใต้ ของเกาะไหหลำ ประเทศจีน หรือที่ละติจูด 15.3 องศาเหนือ ลองจิจูด 114.4 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลาง ประมาณ 65 กม./ชม. กำลังเคลื่อนที่ทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อย ด้วยความเร็วประมาณ 10 กม./ชม. พายุนี้มีแนวโน้มเคลื่อนเข้าสู่อ่าวตังเกี๋ยและขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ในช่วงวันที่ 2-3 สิงหาคม 2556 หลังจากนั้นจะอ่อนกำลังลง ก่อนเคลื่อนเข้าปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และประเทศไทยตอนบนต่อไป

ลักษณะเช่นนี้ทำให้ในช่วงวันที่ 2-5 สิงหาคม 2556 จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณจังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี หนองบัวลำภู สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร ส่วนภาคเหนือ บริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ และเพชรบูรณ์ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากสภาวะอากาศดังกล่าวไว้ด้วย

มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังค่อนข้างแรง ทำให้บริเวณด้านตะวันตกของภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ยังคงมีฝนตกหนักได้บางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณจังหวัดกาญจนบุรี จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนคลื่นลมในทะเลอันดามันสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือในระยะนี้ไว้ด้วย

Tags : กรมอุตุฯพยากรณ์อากาศพายุเซบี

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

:01 ขอบคุณค่ะ คุณ news, คุณ ginger, คุณบาส

d ตู็เย็น

YLG

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...