ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

จับตาผลประชุมอีซีบีพรุ่งนี้ คาดหั่นดอกเบี้ยต่ำเป็นประวัติการณ์

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 4 กรกฎาคม 2555 13:57:00 น.

ท่ามกลางวิกฤตหนี้ยูโรโซนที่ยืดเยื้อ นักวิเคราะห์และนักลงทุนทั่วโลกต่างก็รอดูผลการประชุมกำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ ตามเวลายุโรป โดยคาดกันในวงกว้างว่าอีซีบีจะสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่

ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่ผ่อนคลายลง ขณะที่เศรษฐกิจยูโรโซนเผชิญภาวะถดถอย ต่างก็เป็นปัจจัยหนุนและผลักดันให้มีความเป็นไปได้ที่อีซีบีจะผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อไปemnb_1_370236.gif

เมื่อวานนี้ สำนักงานสถิติของสหภาพยุโรป หรือยูโรสแตท เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในกลุ่มประเทศยูโรโซน ปรับตัวลง 0.5% ในเดือนพ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนเม.ย. และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI ของยูโรโซนชะลอลงมาอยู่ที่ 2.3% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี จากระดับเดือนเม.ย.ที่ 2.6%

นักวิเคราะห์คาดว่าอีซีบีจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25-0.5% จากระดับปัจจุบันที่ 1%

หลังการประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) เพิ่งผ่านพ้นไปไม่กี่วัน อีซีบีก็เผชิญแรงกดดันมากขึ้นให้อีซีบีดำเนินการเพิ่มเติม ซึ่งไม่เพียงแต่การปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่ยังรวมถึงมาตรการพิเศษอื่นๆ แต่อีซีบีอาจจะไม่ประกาศมาตรการใดๆนอกเหนือไปจากมาตรการด้านนโยบายตามปกติ ซึ่งจะแสดงให้เห็นว่าอีซีบีต้องการทำหน้าที่พื้นฐานในฐานะธนาคารกลางแห่งหนึ่งโดยการใช้นโยบายทั่วๆไป และจะยังคงสร้างความกดดันต่อกลุ่มผู้นำยุโรปให้มีบทบาทและความรับผิดชอบมากขึ้นในการสะสางวิกฤตหนี้ของภูมิภาค

นักวิเคราะห์มองว่าอีซีบีอาจจะยังไม่พร้อมที่จะใช้มาตรการพิเศษเพื่อสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ แม้ว่าที่ประชุมสุดยอดอียูมีความคืบหน้าในการเสริมความแข็งแกร่งด้านการกำกับดูแลภาคธนาคารในยูโรโซน โดยให้อีซีบีมีบทบาทที่สำคัญ และยังเห็นพ้องกันว่ากลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) จะสามารถอัดฉีดเม็ดเงินโดยตรงแก่ธนาคารที่ประสบปัญหา เมื่อยูโรโซนจัดตั้งหน่วยงานกำกับดูแลที่ชัดเจน

สำหรับแผนการซื้อพันธบัตรหรือการจัดสรรสภาพคล่องเพิ่มเติมสำหรับธนาคารในภูมิภาค เช่น การปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำระยะ 3 ปีที่เคยดำเนินการในเดือนธ.ค.2554 และเดือนก.พ.ปีนี้เพื่ออัดฉีดเม็ดเงิน 1 ล้านล้านยูโรสู่ระบบธนาคารของยุโรปนั้น ไม่จำเป็นว่าจะต้องช่วยหนุนการขยายตัว และอาจจะต้องใช้เวลามากขึ้นกว่าที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง โดยข้อมูลเมื่อสัปดาห์ที่แล้วของอีซีบีระบุว่าการปล่อยกู้ของภาคเอกชนยังคงอ่อนแรง จากอุปสงค์ที่ซบเซา แม้ว่าภาคธนาคารมีเม็ดเงินส่วนเกินจำนวนมาก

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังคาดว่าอีซีบีจะปรับลดดอกเบี้ยเงินฝากข้ามคืนลงจากระดับปัจจุบันที่ 0.25% เพื่อเป็นแนวทางหนึ่งในการกระตุ้นการปล่อยกู้ระหว่างธนาคารและสกัดกั้นไม่ให้ธนาคารต่างๆนำเม็ดเงินส่วนเกินมาฝากไว้กับอีซีบี โดยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากข้ามคืนคืออัตราดอกเบี้ยที่อีซีบีจ่ายให้กับธนาคารพาณิชย์สำหรับเงินฝากที่มีอยู่กับอีซีบี

ทั้งนี้ สภาพคล่องที่เพิ่มขึ้นไม่ใช่แนวทางที่จะขจัดปัญหาในภูมิภาค แต่อยู่ที่การฟื้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อยูโรโซน ดังนั้นจึงไม่มีแนวโน้มที่อีซีบีจะประกาศมาตรการพิเศษในการประชุมที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ โดยอีซีบีมีกำหนดจะแถลงมติอัตราดอกเบี้ยในเวลาประมาณ 18.45 น.ตามเวลาไทย

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พันธุ์ทิพย์ คำเพิ่มพูล/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th

 

สมาคมนำเข้ารถเกาหลีใต้เผยยอดขายรถนำเข้าพุ่งสูงขึ้น 20.5% ในครึ่งปีแรก

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 4 กรกฎาคม 2555 12:21:12 น.

สมาคมผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์แห่งเกาหลีใต้ (KAIDA) เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์นำเข้าในเกาหลีใต้พุ่งสูงขึ้น 20.5% ในครึ่งแรกของปี เนื่องจากมีอุปสงค์สำหรับรถยนต์หรูอย่างต่อเนื่อง

สมาคม KAIDA เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ยอดขายรถยนต์นำเข้าอยู่ที่ 62,239 คันในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2555 เพิ่มขึ้น 20.5% จากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนemnb_1_370236.gif

ในเดือนมิ.ย.นี้ ยอดขายรถยนต์นำเข้าขยายตัวอยู่ที่ 18% ต่อปี สู่ 10,578 คัน อย่างไรก็ตาม หากเทียบเป็นรายเดือน ยอดขายรถยนต์นำเข้าปรับลดลง 9.7% ในเดือนที่แล้ว

นายยุน แด-ซุง กรรมการผู้บริหารของสมาคม KAIDA กล่าวว่า “ยอดขายในเดือนมิ.ย. ลดลงหากเปรียบเทียบเป็นรายเดือน เนื่องจากจำนวนรถยนต์ในบางรุ่นขาดแคลน แต่ยอดขายรถยนต์นำเข้าสะท้อนอัตราขยายตัวที่ 20% ในครึ่งแรกของปี"

ทั้งนี้ บีเอ็มดับบลิว ผู้ผลิตรถยนต์จากเยอรมนี เป็นค่ายรถยนต์ที่ทำยอดขายได้สูงสุดในเดือนมิ.ย. ด้วยยอดขายจำนวน 1,136 คัน ตามด้วยเมอร์เซเดส-เบนซ์ ด้วยยอดขาย 1,878 คัน, ออดี้ ด้วยยอดขาย 1,385 คัน, โฟล์คสวาเก้น มียอดขายอยู่ในอันดับ 4 ด้วยจำนวน 1,276 คัน และตามด้วยโตโยต้า ด้วยยอดขาย 753 คัน

รุ่นรถยนต์บีเอ็มดับบลิวซึ่งได้รับความนิยมมากที่สุดคือรุ่น 520d ซึ่งมียอดขาย 558 คันเมื่อเดือนที่แล้ว โดยสามารถเอาชนะยอดขายรุ่น E300 โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ ซึ่งมียอดขาย 503 คัน ตามด้วยรถบีเอ็มดับบลิวรุ่น 320d ซึ่งมียอดขายอยู่ที่ 342 คัน

เมื่อเทียบจำนวนรถยนต์นำเข้าจากแหล่งผู้ผลิต พบว่ารถยนต์นำเข้าจากทวีปยุโรปทำยอดขายรวม 7,966 คันในเดือนที่แล้ว โดยมีส่วนแบ่งในตลาด 75.3% ตามด้วยรถยนต์นำเข้าจากญี่ปุ่นซึ่งมีส่วนแบ่งในตลาด 15.7% และสหรัฐซึ่งมีส่วนแบ่งในตลาด 9% สำนักข่าวซินหัวรายงาน

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย จิตรา หงส์จินดาวุธ/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

In Focus: ศึกชิงชื่อ “iPad แดนมังกรปิดฉาก แอปเปิลยอมจ่าย $60 ล้านจบคดี

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 4 กรกฎาคม 2555 13:55:51 น.

“แอปเปิล" น่าจะเป็นบริษัทระดับโลกแห่งหนึ่งที่มีเรื่องราวฟ้องร้องกันมากที่สุด ทั้งที่ไปฟ้องคนอื่นและถูกคนอื่นฟ้อง คู่กรณีของแอปเปิลมีตั้งแต่บริษัทยักษ์ใหญ่ในซิลิคอนวัลเลย์ด้วยกันเองอย่างไมโครซอฟท์ กูเกิล เอชพี เอชทีซี เป็นต้น ไปจนถึงดาวรุ่งพุ่งแรงจากเกาหลีใต้อย่าง “ซัมซุง" ที่ปัจจุบันมีคดีฟ้องร้องกันนัวเนียในหลายประเทศทั่วโลก นอกจากนั้นยังมีบริษัทน้อยใหญ่อีกหลายแห่งที่ร่วมวงด้วย ซึ่งบางคดีก็สิ้นสุดแล้ว ขณะที่อีกหลายคดียังคงมีการต่อสู้กันตามกฎหมายต่อไปemnb_1_370236.gif

 

ล่าสุดมีคดีหนึ่งที่สิ้นสุดลงเสียที ภายหลังจากที่ต่อสู้กันมาอย่างดุเดือด นั่นคือคดีกรรมสิทธิ์เครื่องหมายการค้า “iPad" ในประเทศจีน ที่เริ่มเปิดฉากมาตั้งแต่ปี 2553 โดยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ศาลสูงแห่งมณฑลกวางตุ้งของจีน ประกาศว่า แอปเปิลตัดสินใจยอมจ่ายเงิน 60 ล้านดอลลาร์ให้แก่บริษัท โปรวิว เทคโนโลยี (เซินเจิ้น) ซึ่งเป็นคู่กรณี เพื่อยุติศึกดังกล่าวแล้ว

 

ลำดับเหตุการณ์พิพาทระหว่างแอปเปิล-โปรวิว

 

ปี 2543 — บริษัท โปรวิว อิเล็กทรอนิกส์ (ไต้หวัน) บริษัทลูกของ โปรวิว อินเตอร์เนชั่นแนล ในฮ่องกง ดำเนินการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า iPad เพื่อใช้ในทวีปยุโรปและเขตอื่นๆทั่วโลก

 

ปี 2544 — บริษัท โปรวิว เทคโนโลยี (เซินเจิ้น) ในประเทศจีน ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ โปรวิว อินเตอร์เนชั่นแนล จดทะเบียนเครื่องหมายการค้า iPad เพื่อใช้ในประเทศจีน

 

ปี 2551 — แอปเปิลจัดตั้งบริษัทนอมินีขึ้นในประเทศอังกฤษ โดยตั้งชื่อว่า IP Application Development หรือชื่อย่อ IPAD บริษัทนี้ได้ติดต่อขอซื้อเครื่องหมายการค้า iPad จากโปรวิว (ไต้หวัน) โดยอ้างว่าชื่อย่อของบริษัทคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโปรวิว พร้อมกับรับรองว่าจะไม่ทำธุรกิจเป็นคู่แข่งกับโปรวิว ซึ่งทำธุรกิจผลิตจอคอมพิวเตอร์

 

ปี 2552 — โปรวิว (ไต้หวัน) ขายลิขสิทธิ์เครื่องหมายการค้า iPad ให้บริษัท IP Application Development ด้วยมูลค่า 55,000 ดอลลาร์ และ IP ได้ถ่ายโอนเครื่องหมายการค้าให้แก่แอปเปิลอีกทอดหนึ่ง ซึ่งทางแอปเปิลเข้าใจว่าการซื้อครั้งนี้ครอบคลุมการใช้เครื่องหมายการค้า iPad ทั่วโลก รวมถึงในประเทศจีน

 

ปี 2553 — แอปเปิลเริ่มวางตลาดผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้า iPad และในเดือนเมษายน แอปเปิลฟ้องร้องโปรวิว (เซินเจิ้น) ต่อศาลเมืองเซินเจิ้น เรื่องกรรมสิทธิ์การใช้เครื่องหมายการค้า iPad ในประเทศจีน ขณะที่ทางโปรวิว (เซินเจิ้น) โต้แย้งว่า สิทธิ์ในเครื่องหมายการค้า iPad ที่ขายไปนั้นเป็นของบริษัท โปรวิว (ไต้หวัน) ซึ่งเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าเฉพาะในต่างประเทศ ไม่ได้รวมถึงเครื่องหมายการค้า iPad ในประเทศจีน ซึ่งถือสิทธิ์โดยโปรวิว (เซินเจิ้น)

 

ปี 2554 — เดือนธันวาคม ศาลเมืองเซินเจิ้นตัดสินให้แอปเปิลแพ้คดี

 

ปี 2555 — เดือนมกราคม แอปเปิลยื่นอุทธรณ์ต่อศาลมณฑลกวางตุ้ง ขณะที่โปรวิว (เซินเจิ้น) ยื่นฟ้องต่อศาลจีนในหลายเมืองว่าแอปเปิลละเมิดลิขสิทธิ์เครื่องหมายการค้า และขอให้ศาลระงับการขาย iPad ขณะที่ศาลบางแห่งในจีนตัดสินว่าแอปเปิลละเมิดลิขสิทธิ์จริง เจ้าหน้าที่ในบางเมืองจึงเข้ายึด iPad และร้านค้าหลายแห่งต้องระงับการขาย iPad ไปโดยปริยาย แม้แต่เว็บไซต์ขายของออนไลน์ชื่อดังอย่าง Amazon China และ suning.com ก็เลิกขาย iPad บนเว็บของตนเอง

กระทั่งในวันที่ 2 กรกฎาคม ศาลสูงแห่งมณฑลกวางตุ้งได้ประกาศว่า ข้อพิพาทระหว่างแอปเปิลและโปรวิว (เซินเจิ้น) กรณีสิทธิการใช้เครื่องหมายการค้า iPad ในประเทศจีน เป็นอันสิ้นสุดลงแล้ว เนื่องจากแอปเปิลยอมทำตามข้อเสนอประนีประนอมของศาล ด้วยการจ่ายค่าชดเชย 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้แก่โปรวิว (เซินเจิ้น)

 

60 ล้าน...คุ้มมั้ย?

 

การบรรลุข้อตกลงครั้งนี้ทำให้คดีที่แอปเปิลและตัวแทนจำหน่ายสินค้าแอปเปิลถูกฟ้องร้อง รวมถึงการระงับขาย iPad ในจีน และข้อพิพาทอื่นๆกับโปรวิว เป็นอันยุติทั้งหมด แอปเปิลสามารถขาย iPad ในจีนต่อไปได้ และเปิดทางให้ new iPad สามารถเข้าสู่ตลาดจีนได้อย่างสะดวกโยธินเสียที หลังจากที่ดีเลย์มานาน

 

สินค้าแบรนด์แอปเปิลได้รับความนิยมแบบสุดๆในประเทศจีน อาตี๋อาหมวยจำนวนมากยอมต่อคิวรอหลายวันเพื่อซื้ออุปกรณ์ใหม่ๆที่จะวางตลาด จีน (รวมฮ่องกงและไต้หวัน) เป็นตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดสำหรับแอปเปิล และสร้างรายได้สูงสุดเป็นอันดับสองรองจากสหรัฐอเมริกาเท่านั้น โดยในช่วงไตรมาส 2 ยอดขายของแอปเปิลในจีน ฮ่องกง และไต้หวัน พุ่งสูงถึง 7.9 พันล้านดอลลาร์

 

สำหรับตลาดแท็บเล็ตในจีนนั้น iPad ก็ครองส่วนแบ่งในตลาดมากกว่า 70% และนับตั้งแต่เปิดตัว iPad ในไตรมาส 3 ปี 2553 จนกระทั่งถึงเดือนมีนาคม 2555 แอปเปิลได้ส่งมอบ iPad กว่า 6 ล้านเครื่องไปยังตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ เพราะฉะนั้นหากมองกันยาวๆแล้ว การที่แอปเปิลยอมจ่ายเงิน 60 ล้านดอลลาร์เพื่อให้สามารถเดินหน้าเจาะตลาดแดนมังกรต่อไปได้ ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าแล้ว

 

ส่วนทางด้านโปรวิวที่กำลังจะเจ๊งแหล่มิเจ๊งแหล่เพราะมีหนี้สินสูงถึง 400 ล้านดอลลาร์นั้น แม้จะไม่ได้เงินตามเป้าที่ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากแอปเปิลไป 400 ล้านดอลลาร์เท่าจำนวนหนี้ แต่ก็ถือว่าน่าพอใจ เพราะถ้าแอปเปิลไม่ได้สร้างมูลค่าให้กับชื่อ iPad โปรวิวก็คงไม่ได้เงินสักแดงเดียว การได้ค่าตอบแทนสูงหลายสิบล้านดอลลาร์โดยแทบไม่ได้ลงแรงอะไรก็ถือว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้มแล้ว แม้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่ได้เข้ากระเป๋าโปรวิว แต่จะถูกนำไปใช้หนี้ให้แก่บรรดาเจ้าหนี้ของโปรวิวก็ตามที

 

งานนี้ แม้แอปเปิลจะเสียเงินไปถึง 60 ล้านดอลลาร์ แต่แอปเปิลก็ได้เจาะตลาดจีนที่สร้างมูลค่ามหาศาลโดยไม่มีอุปสรรคอีกต่อไป สาวกของแอปเปิลในจีนก็จะได้สัมผัสกับ new iPad เสียที ส่วนทางด้านโปรวิวก็ได้เงินมาใช้หนี้บางส่วน และบรรดาเจ้าหน้าหนี้ของโปรวิวก็ได้เงินคืนบางส่วน ก็คงพอกล้อมแกล้มได้ว่าวิน-วินกันทุกฝ่ายล่ะน่า!

--อินโฟเควสท์ โดย ปรียพรรณ มีสุข/สุนิตา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

(เพิ่มเติม) ดอลลาร์ยังเคลื่อนไหวเหนือ 79 เยน ขณะตลาดจับตาประชุมธนาคารกลางยุโรป

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 4 กรกฎาคม 2555 11:50:07 น.

ดอลลาร์ยังคงเคลื่อนไหวเหนือระดับ 79 เยนในช่วงเช้าวันนี้ที่ตลาดโตเกียว เนื่องจากตลาดขาดปัจจัยชี้นำใหม่ๆเข้ามากระตุ้น ขณะเดียวกันนักลงทุนอยู่ในระหว่างจับตามองการประชุมนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี)

ในช่วงเที่ยงวันนี้ตามเวลากรุงโตเกียว ดอลลาร์เคลื่อนไหวอยู่ที่ 79.77-79.78 เยน เมื่อเทียบกับ 79.74-79.84 เยนในตลาดนิวยอร์ก และ 79.79-79.80 เยนในตลาดโตเกียวเวลา 17.00 น. วานนี้emnb_1_370236.gif

ยูโรเคลื่อนไหวอยู่ที่ 1.2591-1.2594 ดอลลาร์ และ 100.45-100.48 เยน เมื่อเทียบกับ 1.2603-1.2613 ดอลลาร์และ 100.56-100.66 เยนในตลาดนิวยอร์ก และ 1.2579-12580 ดอลลาร์ และ 100.37-100.41 เยนในตลาดโตเกียวเย็นวานนี้

ดีลเลอร์กล่าวว่า ดอลลาร์อ่อนแรงในช่วงสั้นๆ เมื่อช่วงเช้า จากการปรับโพสิชั่นและแรงเทขายดอลลาร์จากผู้ส่งออกญี่ปุ่น แต่ดอลลาร์ยังเคลื่อนไหวในช่วงแคบเป็นส่วนใหญ่

ดีลเลอร์กล่าวว่า ดอลลาร์และเยนอาจพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับเงินยูโร หากเกิดความผิดหวังในกรณีที่อีซีบีไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของยุโรป อย่างไรก็ตามในกรณีอีซีบีดำเนินมาตรการณ์ตามคาด ก็จะเพิ่มความต้องการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงในตลาดมากขึ้น และทำให้ดอลลาร์สหรัฐและเยนอ่อนค่าลง

ขณะเดียวกัน ตลาดอยู่ในระหว่างการจับตามองตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐ ซึ่งเป็นปัจจัยที่สนับสนุนว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะออกมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบใหม่หรือไม่ สำนักข่าวเกียวโดรายงาน

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย จงดี อำมฤคขจร/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีตอนบ่ายและขอบคุณมากๆค่ะ คุณginger คุณบาส คุณเอ๋ คุณ news คุณกระต่ายทอง และทุกๆคน

 

เป็นกำลังใจให้คุณบาสและคุณเอ๋ค่ะ สู้ๆๆ^_______^

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มาร์กิตเผยดัชนี PMI ภาคบริการเยอรมนีหดตัวลงในเดือนมิ.ย.

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 4 กรกฎาคม 2555 15:10:57 น.

มาร์กิตเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของเยอรมนีร่วงลงแตะ 49.9 ในเดือนมิ.ย. จาก 51.8 ในเดือนพ.ค. ซึ่งแสดงให้เห็นว่ากิจกรรมภาคบริหารประสบกับภาวะชะงักงัน หลังจากที่มีการขยายตัวขึ้นในเดือนก่อนหน้า โดยตัวเลขที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ถึงภาวะหดตัว

ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนมิ.ย.ของเยอรมนี นับเป็นจุดพลิกผันหลังจากที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนก่อนหน้านั้น และตอกย้ำว่าเศรษฐกิจที่มีความแข็งแกร่งของเยอรมนีไม่สามารถรอดพ้นจากผลกระทบของวิกฤตหนี้ภูมิภาคemnb_1_370236.gif

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พันธุ์ทิพย์ คำเพิ่มพูล/สุนิตา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาทองคำฮ่องกงปิดตลาดวันนี้ เพิ่มขึ้นแตะ 14,990 HKD/tael

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 4 กรกฎาคม 2555 16:17:30 น.

สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เปิดเผยว่า ราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกง ปรับตัวเพิ่มขึ้น 80 ดอลลาร์ฮ่องกง ปิดที่ระดับ 14,990 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึงในวันนี้

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ราคาดังกล่าวเทียบเท่ากับ 1,622.76 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ ดีดขึ้น 8.66 ดอลลาร์สหรัฐ ที่อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ/ 7.754 ดอลลาร์ฮ่องกงในวันนี้emnb_1_370236.gif

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข/พันธุ์ทิพย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.t

 

 

ยูโรสแตทเผยยอดค้าปลีกยูโรโซนเพิ่มขึ้นในพ.ค.เมื่อเทียบรายเดือน

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 4 กรกฎาคม 2555 16:16:02 น.

สำนักงานสถิติของสหภาพยุโรป หรือยูโรสแตท เปิดเผยว่ายอดค้าปลีกยูโรโซนในเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 0.6% หลังจากที่ติดลบ 1.4% ในเดือนเม.ย. แต่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ยอดค้าปลีกร่วงลง 1.7%

ส่วนยอดค้าปลีกของสหภาพยุโรป (อียู) ที่มีสมาชิก 27 ประเทศ ปรับขึ้น 0.6% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบกับที่ปรับตัวลง 1.4% ในเดือนเม.ย. และหากเทียบกับเดือนพ.ค.ปี 2554 ยอดค้าปลีกของอียูขยับลง 0.3%emnb_1_370236.gif

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พันธุ์ทิพย์ คำเพิ่มพูล/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th

 

Asia Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียประจำวันที่ 4 กรกฎาคม 2555

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 4 กรกฎาคม 2555 16:16:43 น.

ดัชนีเวทเต็ดตลาดหุ้นไต้หวันปิดขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยในวันนี้ โดยช่วงบวกในหุ้นกลุ่มแก้วและเซรามิคถูกหักลบด้วยแรงขายในหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิป

ดัชนีเวทเต็ดขยับขึ้น 4.23 จุด ปิดที่ 7,422.59 จุด

 

-- ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดตลาดวันนี้ดีดตัวขึ้น ตามตลาดหุ้นสหรัฐที่ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากยอดสั่งซื้อภาคโรงงานที่สูงกว่าคาดการณ์ รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐและธนาคารกลางยุโรปจะใช้มาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจemnb_1_370235.gif

ดัชนี S&P/ASX 200 บวก 45.00 จุด หรือ 1.1% ปิดที่ 4,172.20 จุด

 

-- ดัชนีคอมโพสิตตลาดหลักทรัพย์ลาวปิดขยับขึ้นวันนี้

ดัชนี LSX Composite Index ปิดบวก 3.39 จุด หรือ 0.34% ที่ระดับ 1003.33 จุด มีปริมาณการซื้อขาย 61,984 หุ้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ 300 ล้านกีบ (ราว 38,000 ดอลลาร์สหรัฐ)

 

-- ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดบวกในวันนี้ เพราได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของตลาดห้นอื่นๆในเอเชีย อย่างไรก็ตาม ช่วงบวกในตลาดถูกจำกัดลงเนื่องจากตลาดขาดแรงจูงใจใหม่ๆเข้ามากระตุ้น

ดัชนีนิกเกอิดีดตัวขึ้น 37.58 จุด หรือ 0.41% ปิดที่ 9,104.17 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 พ.ค.เป็นต้นมา

 

-- ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดตลาดวันนี้ขยับลงเล็กน้อย เนื่องจากความกังวลที่กิจการการก่อสร้างร่วงลงจะทำให้กำไรของบริษัทในภาคอุตสาหกรรมอ่อนตัวลงตามไปด้วย ขณะที่หุ้นกลุ่มผู้ผลิตพลังงานดีดตัวขึ้น

ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตขยับลง 1.88 จุด หรือ 0.08% ปิดที่ 2,227.32 จุด ส่วนดัชนีหุ้นเสิ่นเจิ้นอ่อนตัว 38.17 จุด หรือ 0.4% ปิดที่ 9,569.16 จุด

 

-- ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดตลาดปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้ จากกระแสคาดการณ์เกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งได้หนุนบรรยากาศการซื้อขายในตลาด ขณะที่เงินวอนแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ (KOSPI) ดีดขึ้น 6.63 จุด หรือ 0.35% ปิดที่ 1,874.45 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวสูงขึ้นติดต่อกันในวันที่สอง โดยมีปริมาณการซื้อขายปานกลาง 332.6 ล้านหุ้น ซึ่งคิดเป็นมูลค่า 4.5 ล้านล้านวอน (4 พันล้าน) โดยมีหุ้นบวกมากกว่าลบในสัดส่วน 451 ต่อ 344

 

-- ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดลดลงในวันนี้ เนื่องจากหุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวลดลง ขณะที่นักลงทุนรอดูผลการประชุมกำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ตามเวลายุโรป

ดัชนีฮั่งเส็งอ่อนตัว 25.78 จุด หรือ 0.13% ปิดที่ 19,709.75 จุด หลังจากเคลื่อนไหวระหว่าง 19,677.45-19,833.84 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 4.578 หมื่นล้านดอลลาร์ฮ่องกง (ราว 5.90 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)

 

-- ดัชนี VN ตลาดหุ้นเวียดนามปิดปรับตัวลดลงในวันนี้ สวนกระแสตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้น ขานรับคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางหลายประเทศจะใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจ

ดัชนี VN ลดลง 2.36 จุด หรือ 0.57% ปิดที่ 410.73 จุด

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคญี่ปุ่นเดือนมิ.ย.ดีดแตะระดับสูงสุดในเกือบ 5 ปี

 

 

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 4 กรกฎาคม 2555 17:04:03 น.

ธนาคารกลางญี่ปุ่นเปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นที่มีต่อเศรษฐกิจของประเทศในเดือนมิ.ย. ซึ่งปรับตัวขึ้นจากช่วงไตรมาสก่อนหน้าสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2550 อันเนื่องมาจากรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้น

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ผลการสำรวจรายไตรมาสระบุว่า ดัชนีเดือนมิ.ย.อยู่ที่ระดับติดลบ 39.5 ซึ่งเพิ่มขึ้น 16.1 จุด และนับเป็นการปรับตัวสูงขึ้นติดต่อกัน 3 ไตรมาส

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางญี่ปุ่นกล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้ดัชนีปรับสูงขึ้นอย่างมากนั้นยังไม่ชัดเจน แต่ขณะเดียวกันก็ชี้ว่าผู้ตอบแบบสอบถาม 7.5% ระบุว่ารายได้เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับระดับ 6.7% ในการสำรวจเดือนมี.ค.

สำหรับความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีต่อเศรษฐกิจในอีก 1 ปีข้างหน้า ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 2 โดยดัชนีขยายตัวขึ้น 4.4% สู่ระดับติดลบ 26.0

ในส่วนของมุมมองที่มีต่อระดับของราคาเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ผู้ตอบแบบสำรวจ 45.8% ตอบว่าราคาปรับตัวขึ้น ซึ่งเป็นตัวเลขที่ลดลงจากระดับ 48.0%

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th-

 

 

breaking_corner.gif b.gif bullet_arrow.gif

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่ง และโกลด์ฟิวเจอร์ส วันที่ 4 กรกฏาคม 2555 โดย YLG

 

 

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- พุธที่ 4 กรกฎาคม 2555 17:29:59 น.

กรุงเทพฯ--4 ก.ค.--PRdd

 

สภาวะตลาดวันที่ 4 กรกฏาคม 2555 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,612.00 — 1,620.09 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFQ12 อยู่ที่ 24,240 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 70 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 24,170 บาท ขณะที่ซิวเวอร์ฟิวเจอร์ SVQ12 อยู่ที่ 895 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่ม 1 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 894 บาท

 

(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.27 น.ของวันที่ 04/07/12)ออกมา คือ ออกมา คือ

 

แนวโน้มวันที่ 5 กรกฏาคม 2555

การประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) เพิ่งผ่านไปในวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยที่ประชุมได้เพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้กองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) อย่างไรก็ตามธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ยังถูกกดดันในการประชุมในวันพฤหัสบดีนี้ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย Minimum Bid Rate ลง 0.25 % สู่ระดับ 0.75 % ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ และให้คงอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ระดับ 0.75 % ต่อไป อย่างน้อยจนถึงปี 2014 นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังคาดว่าอีซีบีจะปรับลดดอกเบี้ยเงินฝากข้ามคืนลงจากระดับปัจจุบัน 0.25% เพื่อเป็นแนวทางหนึ่งในการกระตุ้นการปล่อยกู้ระหว่างธนาคารและสกัดกั้นไม่ให้ธนาคารต่างๆนำเม็ดเงินส่วนเกินมาฝากไว้กับอีซีบี ได้เป็นปัจจัยสนับสนุนในการปรับขึ้นของราคาทองคำ ขณะที่ราคาน้ำมันทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่องขานรับการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางที่สำคัญๆทั่วโลกอาจผ่อนคลายนโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อีกทั้งราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนจากความหวาดระแวงเกี่ยวกับอิหร่านที่จะตอบโต้การคว่ำบาตรชาติตะวันตกและสหภาพยุโรปโดยการจะปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางสำคัญในการลำเลียงน้ำมันไปยังประเทศอื่นด้วย เบื้องต้นวายแอลจีประเมินว่าราคาทองคำยังมีโอกาสดีดตัวในระยะสั้นเพื่อทดสอบแนวต้าน 1,625 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่อย่างไรก็ตามหากราคาทองคำมีการปรับตัวลงมาสร้างฐานในบริเวณ 1,606 หรือ 1,595 ดอลลาร์ต่อออนซ์และทรงตัวรักษาระดับไว้ได้นักลงทุนสามารถหาจังหวะซื้อเพื่อรอทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้นไป

กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า ราคาทองคำยังมีการเคลื่อนไหวในกรอบ คาดการณ์ว่าราคาทองคำพยายามพยุงราคาและพยายามตั้งฐานของราคา โดยถ้าราคามีการปรับตัวลดลงและไม่หลุดแนวรับนักลงทุนยังสามารถเข้าซื้อทองคำเพื่อลงทุนระยะสั้นจากการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ ซึ่งคาดการณ์แนวรับที่ระดับราคา 1,606 หรือ 1,595 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยหากราคาทองคำสามารถยืนเหนือแนวรับได้ราคามีโอกาสขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ระดับราคา 1,625 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยหากราคาทองคำสามารถยืนเหนือแนวต้านได้ราคามีโอกาสขึ้นไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ระดับ 1,633 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

ทองคำแท่ง (96.50%)

แนวรับ 1,606 (23,910บาท) 1,595 (23,740บาท) 1,585 (23,590บาท)

แนวต้าน 1,625 (24,190บาท) 1,633 (24,310บาท) 1,640 (24,420บาท)

 

GOLD FUTURES (GFQ12)

แนวรับ 1,606 (24,100บาท) 1,595 (23,940บาท) 1,585 (23,790บาท)

แนวต้าน 1,625 (24,390บาท) 1,633 (24,510บาท) 1,640 (24,610บาท)

 

SILVER FUTURES (SVQ12)

แนวรับ 27.40 (870บาท) 27.00 (857บาท) 26.60 (845บาท)

แนวต้าน 28.50 (904บาท) 29.10 (923บาท) 29.90 (948บาท)

 

 

 

สรุปภาวะ Precious Metals Futures By GT Wealth Management 4 ก.ค. 55 (ภาคบ่าย)

 

 

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- พุธที่ 4 กรกฎาคม 2555 17:33:09 น.

กรุงเทพฯ--4 ก.ค.--GT Wealth Management

 

ราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบแคบใกล้ระดับ US$ 1,615 ต่อออนซ์ หลังตัวเลขภาคการผลิตและภาคการบริการจากกลุ่มประเทศผู้นำต่างๆออกมาย่ำแย่ ส่งผลให้มีการคาดการณ์ว่า ECB และ BOE อาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมวันพรุ่งนี้ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจยุโรปที่อยู่ในภาวะถดถอย ในขณะที่ดัชนีภาคการบริการเยอรมนีออกมาแย่ โดยลดลงสู่ระดับ 49.9 ในเดือน มิ.ย. จาก 51.8 ในเดือน พ.ค. สะท้อนให้เห็นว่าเยอรมนีซึ่งถูกมองว่าเป็นประเทศที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มยูโรโซน อาจไม่สามารถช่วยยุโรปจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ ส่วนค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นที่ระดับ US$ 31.45 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐฯ ราคาทองคำแท่งในประเทศราคาเสนอซื้อ 23,950 บาท ราคาเสนอขาย 24,050บาท

 

 

 

โกลด์ฟิวเจอร์วันนี้

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนสิงหาคม 2555 (GFQ12) ปิดที่ระดับ 24,260 บาท ปริมาณการซื้อขาย 3,421 สัญญา

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนตุลาคม 2555 (GFV12) ปิดที่ระดับ 24,360 บาท ปริมาณการซื้อขาย 433 สัญญา

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนธันวาคม 2555 (GFZ12) ปิดที่ระดับ 24,450 บาท ปริมาณการซื้อขาย 26 สัญญา

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนสิงหาคม 2555 ขนาด 10 บาท (GF10Q12) ปิดที่ระดับ 24,260 ปริมาณการซื้อขาย 6,600 สัญญา

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนตุลาคม 2555 ขนาด 10 บาท (GF10V12) ปิดที่ระดับ 24,350 บาท ปริมาณการซื้อขาย 1,758 สัญญา

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนธันวาคม 2555 ขนาด 10 บาท (GF10Z12) ปิดที่ระดับ 24,460 ปริมาณการซื้อขาย 277 สัญญา

 

ซิลเวอร์ฟิวเจอร์วันนี้

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนสิงหาคม 2555 (SVQ12) ปิดที่ระดับ 895 ปริมาณการซื้อขาย 3 สัญญา

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนตุลาคม 2555 (SVV12) ปิดที่ระดับ 911 ปริมาณการซื้อขาย 1 สัญญา

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนธันวาคม 2555 (SVZ12) ไม่มีการซื้อขาย

 

ปริมาณการซื้อขายรวมทั้งตลาด 12,519 สัญญา

 

แนวโน้มทองคำ นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัด กล่าวว่าทองคำเคลื่อนไหวผันผวนมากขึ้นตามทัศนคติ (sentiment) ของนักลงทุนในตลาดแต่น้ำหนักจะหันมาเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้นหลังจากความเสี่ยงยูโรโซนเพิ่มสูงขึ้น ความอ่อนไหวของตลาดจะทำให้ทองคำรวมถึงพันธบัตรสหรัฐฯอาจจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน ขณะที่ความเป็นไปได้ในการออกมาตรการทางการเงินเพิ่มเติม มุมมองยังไม่ต่างจากเดิมคือคาดว่าจะมีการดำเนินนโยบายต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในขาลง

 

GT Wealth Management

www.gtwm.co.th

TEL : 02-673-9911

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

http://www.gtgoldonline.com/

image-9A15_4FF437B5.jpg

image-6F7F_4FF437B5.jpg

image-772B_4FF437B5.jpg

image-0BCA_4FF437B5.jpg

image-4AEE_4FF43BE5.jpg

ถูกแก้ไข โดย กระต่ายทอง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...